Home Blog Page 364

ซีพี ชวนเที่ยวนิทรรศการ “ต้นแบบแห่งเมล็ดพันธุ์ความสุขที่ยั่งยืน” น้อมรำลึกในหลวง รัชกาลที่ 9 แจกเมล็ดพันธุ์ผักฟรีทุกวัน 9,999 ซอง

0

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด เปิดเผยว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์และบริษัทในเครือฯ ร่วมกิจกรรมวันพ่อแห่งชาติ ปี 2563 ที่รัฐบาลจัดขึ้นเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  โดยร่วมจัดแสดงนิทรรศการภายใต้ชื่อ “ต้นแบบแห่งเมล็ดพันธุ์ความสุขที่ยั่งยืน” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในฐานะที่เป็นต้นแบบของกษัตริย์นักพัฒนาที่ยั่งยืน  โดยน้อมนำแนวพระราชดำริมาเป็นต้นแบบในการสร้างความยั่งยืนให้แก่ประเทศชาติและสังคมเพื่อความสุขที่ยั่งยืนของคนไทย

ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์

ทั้งนี้ ได้น้อมนำแนวพระราชดำริใน 3 ด้านสำคัญ คือ ด้านการพัฒนามนุษย์ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่เครือฯและบริษัทในเครือฯได้ใช้เป็นต้นแบบในการประกอบธุรกิจสร้างประโยชน์เพื่อประเทศชาติและสังคม สอดคล้องกับปรัชญา “3 ประโยชน์” ที่เป็นค่านิยมองค์กรซึ่งมุ่งสร้างสรรค์ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประโยชน์ต่อประชาชน และประโยชน์ต่อองค์กรเป็นลำดับสุดท้าย ภายในนิทรรศการต้นแบบแห่งเมล็ดพันธุ์ความสุขที่ยั่งยืนนี้ จึงแบ่งออกเป็น 3 โซน ประกอบด้วย

โซนที่ 1 เมล็ดพันธุ์แห่งอนาคต  : การพัฒนามนุษย์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้มีส่วนร่วมในการช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษา สร้างอนาคตให้กับเยาวชนของประเทศ ผ่านโครงการสำคัญ ๆ ได้แก่  1.โครงการทรูปลูกปัญญา มอบโอกาสการเรียนรู้อย่างเท่าเทียมด้วยสื่อและเทคโนโลยีอย่างครบวงจร 2.โครงการสามเณรปลูกปัญญาธรรม สร้างต้นแบบเยาวชน สนับสนุนการศึกษาและปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม 3.โครงการพัฒนาศักยภาพคน โดย บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน)  ก่อตั้งสถาบันการศึกษาเพื่อสังคม 2 แห่ง คือ “วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์” และ “สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์” รวมถึงศูนย์การเรียนรู้ปัญญาภิวัฒน์อีกกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาศักยภาพผ่านการมอบโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนอีกหลากหลายโครงการ

โซนที่ 2 เมล็ดพันธุ์แห่งโอกาส : การพัฒนาสังคม  นำเสนอถึงโครงการต่าง ๆ ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทในเครือ ร่วมพัฒนาและสร้างสรรค์เพื่อสังคม ได้แก่  โครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า ที่จ.ฉะเชิงเทรา , โครงการ“ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน ปากน้ำประแส” , “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน”, “โครงการส่งเสริมเกษตรกรและ SME” จำหน่ายสินค้าผ่านร้าน 7-11 และ 24 shopping , “โครงการรอยยิ้มชาวเล” ,  “โครงการ True Coffee deaf Barista”

โซนที่ 3 เมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืน : การพัฒนาสิ่งแวดล้อม เครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งมั่นในการปกป้องระบบนิเวศและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งต่อโลกที่ยั่งยืนไปยังคนรุ่นใหม่  ในโซนนี้นำเสนอโครงการสบขุ่นโมเดล จ.น่าน ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกกาแฟเพื่อพลิกฟื้นผืนป่า และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ ภายในนิทรรศการ จะมีการแจกเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัวคุณภาพดีหลากหลายชนิดทุกวันรวมทั้งสิ้น 9,999 ซอง เมล็ดพันธุ์ที่แจก อาทิ คะน้ายอด ผักบุ้งเรียวไผ่ กระเพรา โหระพา แมงลักและพริกขี้หนู  และยังมีกิจกรรมร่วมสนุกถ่ายภาพกับแบบจำลองผืนป่า สบขุ่นโมเดล จ.น่าน พลิกฟื้นผืนป่าสู่ความยั่งยืน พร้อมแชร์ โพสต์ภาพ รวมทั้งยังสามารถลองชิม Reforested Coffee จากเมล็ดกาแฟจาก อ.สบขุ่น จ.น่าน  และมีการจัดแสดงต้นราชพฤกษ์

แบงก์กรุงเทพ จับมือเคาน์เตอร์เซอร์วิส ฝากเงินออมทรัพย์และกระแสรายวันได้ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วประเทศ

0

นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพเดินหน้าขยายบริการตัวแทน หรือ Banking Agent ต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการอำนวยความสะดวก และลดข้อจำกัดในการเข้าถึงการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยล่าสุด ได้จับมือกับเคาน์เตอร์เซอร์วิส บริษัทในกลุ่มธุรกิจซีพีออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เพื่อขยายบริการรับฝากเงินสดแก่ลูกค้าธนาคารกรุงเทพ สามารถนำฝากเงินสดเข้าบัญชีสะสมทรัพย์ และกระแสรายวัน ได้อย่างสะดวกเพราะสามารถเข้าไปใช้บริการได้ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศมากกว่า 12,500 สาขา

นอกจากนี้ ลูกค้าธนาคารกรุงเทพที่มาใช้บริการฝากเงินสดที่จุดให้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น จะได้รับคูปองแทนเงินสดท้ายใบเสร็จ มูลค่า 10 บาท ฟรีสำหรับเป็นส่วนลดชำระค่าสินค้าในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น โดยมีระยะเวลาในการมอบคูปองแทนเงินสด ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 63 – 23 ม.ค.64 และสามารถนำคูปองแทนเงินสดมาใช้ได้จนถึงวันที่ 31 ม.ค. 64

ด้าน นายวีรเดช อัครผลพานิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า เคาน์เตอร์เซอร์วิสยินดีที่ได้เป็นตัวแทน Banking Agent ให้กับธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่มีจำนวนผู้ใช้บริการมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยบริการดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลให้เข้าถึงธุรกรรมทางด้านการเงินอีกด้วย

สำหรับผู้สนใจต้องการใช้บริการฝากเงินสดเข้าบัญชีสะสมทรัพย์ หรือบัญชีกระแสรายวัน ธนาคารกรุงเทพ ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นนั้น ผู้ฝากใช้เพียงบัตรประชาชน พร้อมป้อนเลขที่บัญชีสะสมทรัพย์ หรือบัญชีกระแสรายวันธนาคารกรุงเทพ กำหนดวงเงินในการรับฝากเงินสด ตั้งแต่ 100 – 30,000 บาทต่อรายการ และไม่เกิน 100,000 บาทต่อวัน ต่อหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ใช้บริการ

เครือเจริญโภคภัณฑ์ ผนึกกำลังขับเคลื่อนจากนโยบายสู่การเปลี่ยนแปลง บ้านกองกาย อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่

0

เครือเจริญโภคภัณฑ์ ผนึกกำลัง 4 ประสาน รัฐบาล เอกชน ประชาสังคม และเกษตรกร สร้างเครือข่ายเข้มแข็งแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบผลักดันโครงการแม่แจ่มโมเดล ครอบคลุมเต็มพื้นที่เพื่อดำเนินการวางแผนก้าวสู่ความสำเร็จ ขับเคลื่อนโครงการมุ่งสู่นโยบายการเปลี่ยนแปลง

หลังจากที่หลายภาคส่วนในพื้นที่ช่วยกันรณรงค์ป้องกัน และหยุดการเผาป่าพื้นที่ อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “แม่แจ่มโมเดลพลัส” ด้วยเป้าหมายสำคัญ คือ ลดพื้นที่การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพิ่มพื้นที่ป่าที่จะนำไปสู่การหยุด “หมอกควัน” จากไฟไหม้ป่าได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนถึงการส่งเสริมอาชีพ เพื่อจะลดพื้นที่การปลูกข้าวโพดและพืชเชิงเดี่ยว โดยหันไปปลูกพืชไม้ชนิดอื่นทดแทน อาทิ การปลูกไผ่ และกาแฟ พืชที่สร้างอาชีพ สร้างรายได้ รวมทั้งสนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของชุมชน เพื่อยกระดับและปรับเปลี่ยน เศรษฐกิจท้องถิ่นที่ไม่ทำร้ายธรรมชาติ  ตลอดจนยกระดับชุมชนไปสู่การทำ Social Enterprise (SE)

จากความร่วมมือของภาคส่วนชุมชนและประชาสังคม 6 องค์กร ได้แก่ มูลนิธิฮักเมืองแจ๋ม มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนภาคเหนือ มูลนิธิไทยรักษ์ป่า สถาบันอ้อผะหญา (องค์กรสาธารณประโยชน์) ศูนย์สารสนเทศเพื่อการจัดการทรัพยากรโดยการมีส่วนร่วมอำเภอแม่แจ่ม องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านทับ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการดำเนินการร่วมกันฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ การป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า และการพัฒนาอาชีพเกษตรกรอย่างยั่งยืน ในพื้นที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่

นายเฉลิมเกียรติ พิทาคำ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านทับ กล่าวว่า “หากพื้นที่เกิดปัญหาเราต้องเข้าไปช่วยแก้ปัญหาเพื่อให้ราษฎรในพื้นที่ทำกิน อยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เรื่องของป่าคือสิ่งที่เราทุกคนต้องช่วยกัน ทั้งนี้ภาครัฐได้ผสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน วางกฎและแนวทางการแก้ไขปัญหาขับเคลื่อนเพื่อต้องการแสดงออกให้เชิงนโยบายเกิดความประจักษ์ ถึงปัญหาในพื้นที่ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่า สิ่งเหล่านี้คงเป็นเรื่องยากสำหรับภาครัฐหากต้องทำเพียงผู้เดียว ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางจากหลายภาคส่วน ภาคเอกชน อย่างเช่นเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่เข้ามาร่วมให้การสนับสนุน และบริหารจัดการทุกกระบวนการ ตั้งแต่  ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ รวมถึงการตลาด  เป็นการสร้างความมั่นใจให้ชุมชนบ้านกองกายมีความเข้มแข็ง มั่นใจว่าหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ จะสามารถเป็นต้นแบบให้ประชาชนทุกคนเดินตามทางได้อย่างแน่นอน

ด้าน นายสมเกียรติ มีธรรม เลขานุการมูลนิธิฮักเมืองแจ่ม กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาดำเนินงานที่ผ่านมา ได้เข้ามามีบทบาทดูแลสภาพแวดล้อม สังคมมาอย่างยาวนาน จนถึงปัจจุบันยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่ ซึ่งเป็นที่มาสู่แนวคิดขับเคลื่อนชุมชน จุดเริ่มต้นการทำงานที่เปลี่ยนชีวิต แนวคิดทัศนคติ เห็นคุณค่าให้ความสำคัญ บริบททางสังคมเลือกทำเพื่อส่วนรวมมากกว่าส่วนตนซึ่งกว่าจะมีวันนี้ได้ต้องเผชิญกับอุปสรรคนับประการนำไปเป็นแรงผลักดันในการปฏิบัติหน้าที่ให้ประสบความสำเร็จ ช่วยเกษตรกรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพิ่มมิติขององค์ความรู้ สนับสนุนการสร้างอาชีพเพื่อเกิดความยั่งยืนที่ฟื้นฟูธรรมชาติ

นายเคอะ รัตนพงไพรรักษา คณะกรรมการกลุ่มวิสากิจชุมชนเกษตรกรบ้านกองกาย  ผู้เข้าร่วมโครงการ กล่าวว่า เหตุที่ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ เพราะอยากให้ชุมชนบ้านทับ เกิดการเปลี่ยนแปลง สร้างแรงบันดาลใจให้คนรอบข้าง ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและพื้นที่ทำกินคือการดำเนินการเกษตรรูปแบบใหม่ในวิถีเดิมที่จะสามารถช่วยลดการบุกรุกพื้นที่ป่าและเพิ่มการฟื้นคืนของธรรมชาติให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ได้ดียิ่งขึ้นนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อคนรุ่นหลัง

ขณะที่ นายพัฒฐพงศ์ วุฒิสาร ผู้จัดการแผนก หน่วยงานพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาลและสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร สนับสนุนการขับเคลื่อนชุมชน เกิดการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพไปอีกขั้นในเขตพื้นที่ บ้านกองกาย ต.บ้านทับ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ โดยในช่วงแรกเจออุปสรรคมากมาย ทำให้ท้อบ้างแต่ไม่ถอย เพราะทุกสิ่งล้วนเป็นสิ่งใหม่ที่เข้ามา สร้างความท้าทายในการทำงานอย่างเต็มรูปแบบให้อยู่เสมอ นั่นคือโจทย์ที่ต้องทำให้สำเร็จ สร้างความเชื่อมั่นสู่เป้าหมายความสำเร็จร่วมกัน

ทั้งนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ มุ่งมั่นการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน สร้างคุณค่าประโยชน์ร่วมกันทุกด้าน เศรษฐกิจ สังคมสิ่งแวดล้อมเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์เครือฯได้มีการขับเคลื่อนควบคู่ตลอดการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพตลอดโซ่อุปทานเพื่อให้ตอบโจทย์อาชีพรายได้ของเกษตรกรที่หาทางเลือกใหม่ออกไปจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวสามารถบ่ม เพาะผู้นำ นำความรู้มาปฏิบัติ ถ่ายทอดองค์ความรู้ เเละสร้างความตระหนักเเก้ไขปัญหาเรื่องหมอกควันไฟป่า ผ่านโครงการต่างๆ อาทิ โครงการจัดการป่าอเนกประโยชน์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยศาสตร์พระราชา ปรับเปลี่ยนพื้นที่ด้วยการปลูก พืชแบบผสมผสานและมีจำนวนต้นไม้ที่ดูแลตลอดทั้งโครงการมากถึง 40,102 ต้น ในพื้นที่ จำนวน 93 ไร่ เพื่อมุ่งสู่การพัฒนา ปรับเปลี่ยนที่ดินทำกินยั่งยืนสืบไป

ซีพีเอฟ ส่งมอบกองทุนให้ชุมชนรอบเขาพระยาเดินธง พึ่งพาตนเองได้ยั่งยืน เดินหน้าสร้างความมั่นคงทางอาหาร

0

นายสุธี สมุทระประภูต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หน่วยงานรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน ต่อยอดการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าเพื่อรักษาสมดุลระบบนิเวศ ในโครงการ “ซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง” ล่าสุด ได้มอบกองทุนใช้หมุนเวียนดำเนินโครงการปลูกผักวิถีธรรมชาติและปล่อยปลาลงเขื่อน ให้ชุมชนรอบพื้นที่เขาพระยาเดินธง จ.ลพบุรี หนุนสร้างอาชีพและรายได้ พึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน

การส่งมอบกองทุนโครงการปลูกผักวิถีธรรมชาติและโครงการปล่อยปลาลงเขื่อน เพื่อให้ชุมชนมีเงินทุนหมุนเวียนในการผลิตอาหารปลอดภัย สร้างแหล่งอาหารที่มั่นคง และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์สู่ความยั่งยืน 3 เสาหลักของซีพีเอฟ คือ อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดินน้ำป่าคงอยู่ และสอดรับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ 17 ประการ (SDGs : Sustainable Development Goals)

โดยซีพีเอฟ ร่วมกับกรมป่าไม้ ดำเนินโครงการ “ซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง” เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ที่เขาพระยาเดินธง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี และสนับสนุนกิจกรรมการมีส่วนร่วมของชุมชน ภายใต้โครงการยุทธศาสตร์สร้างสุข ชุมชนพื้นที่เขาพระยาเดินธง อาทิ โครงการปลูกผักวิถีธรรมชาติและโครงการปล่อยปลาลงเขื่อน สร้างความมั่นคงทางอาหารและส่งเสริมชุมชนพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน โดยเมื่อเร็วๆนี้ คณะทำงานปลูกป่าของซีพีเอฟ ได้มอบกองทุนฯ ให้แก่ชุมชนที่ดำเนินโครงการดังกล่าว โดยมี ว่าที่ ร้อยตรีทรงพล แป้นแก้ว นายอำเภอพัฒนานิคม เป็นประธาน ณ พิพิธภัณฑ์ไทยเบิ้ง พร้อมกันนี้ ร่วมกันปล่อยพันธุ์ปลา 120,000 ตัว ที่อ่างเก็บน้ำห้วยงิ้วและหนองใหญ่ ต.โคกสลุง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี

ร้อยตรีทรงพล กล่าวว่า ขอขอบคุณที่ภาคเอกชนเห็นความสำคัญและเข้ามาสนับสนุนโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน ทั้งโครงการปลูกผักวิถีธรรมชาติและโครงการปล่อยปลาลงเขื่อน ทำให้ชุมชนได้เรียนรู้จากการปฎิบัติจริง เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ร่วมกัน ที่สำคัญ คือ มีความตื่นตัวในการผลิตอาหารปลอดภัย สร้างความมั่นคงทางอาหารเติมเต็มให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง และยังเป็นการสร้างความร่วมมืออันดีระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและชุมชน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความยั่งยืนของโครงการ

ทั้งนี้ ซีพีเอฟร่วมกับชุมชนรอบพื้นที่เขาพระยาเดินธง ทำโครงการยุทธศาสตร์สร้างสุขฯ มาตั้งแต่ปี 2562 ประกอบด้วย โครงการปลูกผักวิถีธรรมชาติ ส่งเสริมชุมชนปลูกผักปลอดสารเคมี 100 % โดยบริษัทสนับสนุนอุปกรณ์การปลูกผัก อาทิ ถังกักเก็บน้ำ อุปกรณ์น้ำหยด ฯลฯ คนในชุมชนได้บริโภคผักที่สด สะอาด ปลอดภัย มีสุขภาพที่ดี ลดรายจ่าย และยังมีรายได้เสริมจากการนำผลผลิตผักไปขายที่ตลาดของชุมชน ปัจจุบัน มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการจาก 8 หมู่บ้าน และสามารถต่อยอดสู่การจัดตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์ตามวิถีภูมิปัญญาชุมชน เก็บเมล็ดพันธุ์พืชไว้ขยายพันธุ์ในอนาคต เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการสร้างความมั่นคงทางอาหารของชุมชน

สำหรับโครงการปล่อยปลาลงเขื่อน ซีพีเอฟส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ให้ความรู้ในการเลี้ยงและให้คำแนะนำแก่ชุมชน อาทิ วิธีการอนุบาลปลาเพื่อให้ปลาแข็งแรงและเติบโตได้ขนาดก่อนปล่อยลงกระชัง ช่วยเพิ่มอัตรารอดของปลาที่ปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เพิ่มปริมาณปลาในแหล่งน้ำเพื่อเป็นแหล่งอาหารของชุมชน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนที่มีอาชีพประมง และยังเป็นการฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ ปัจจุบัน มีสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการ 17 ครัวเรือน ขณะที่ปริมาณปลาที่ปล่อยลงเขื่อน สามารถเป็นแหล่งอาหารครอบคลุมชุมชน 11 หมู่บ้าน หรือประมาณ 300 ครัวเรือน

“โครงการยุทธศาสตร์สร้างสุข ชุมชนพื้นที่เขาพระยาเดินธง” เป็นโครงการที่ซีพีเอฟมุ่งมั่นสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลรักษาป่าและอยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืน โดยสนับสนุนชาวบ้านและกลุ่มไทยเบิ้งซึ่งเป็นกลุ่มชนท้องถิ่นที่ตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณลุ่มน้ำป่าสัก อ.พัฒนานิคม ได้เรียนรู้นวัตกรรมปลูกป่า และส่งเสริมชุมชนทำโครงการปลูกผักวิถีธรรมชาติ และปล่อยปลาลงเขื่อน ต่อยอดจากการดำเนินโครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง ที่ซีพีเอฟ ร่วมมือกับกรมป่าไม้ อนุรักษ์ ฟื้นฟู และปลูกป่าใหม่ บนพื้นที่เขาพระยาเดินธง ระยะที่หนึ่ง (ปี 2559-2563) จำนวน 5,971 ไร่ และมีเป้าหมายดำเนินการระยะที่สอง (ปี 2564- 2568 ) เพิ่มพื้นที่อนุรักษ์และฟื้นฟูอีก 1,029 ไร่ รวมแล้วเป็น 7,000 ไร่

เอไอเอส ผนึกสวนอุตสาหกรรมโรจนะ วางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเต็มสูบ ยกระดับภาคการผลิต

0

นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า บริษัท ร่วมกับสวนอุตสาหกรรมโรจนะ วางระบบโครงข่าย Fiber Optic ให้ผู้ประกอบการภายในสวนอุตสาหกรรมบนพื้นที่ EEC ประกอบด้วยสวนอุตสาหกรรมโรจนะ ปลวกแดง จ.ระยอง, สวนอุตสาหกรรมโรจนะ บ่อวิน จ.ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมโรจนะแหลมฉบัง จ.ชลบุรี สามารถใช้บริการอินเทอร์เน็ต บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่คุณภาพ ด้วยขีดความสามารถจากเทคโนโลยี 5G และบริการ Smart Solution ต่างๆ ที่จะเข้ามายกระดับการบริหารจัดการและเพิ่มขีดความสามารถภาคการผลิต ยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมสู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาคเอเชีย สร้างโอกาสด้านการลงทุนในระยะยาวต่อไป

ช่วงกลางปีที่ผ่านมา เอไอเอส ได้ขยายเครือข่าย 5G ครอบคลุมเต็มพื้นที่ 100% นิคมอุตสาหกรรมใน EEC ซึ่งพร้อมสนับสนุนโปรเจคที่เราได้ร่วมกับสวนอุตสาหกรรมโรจนะ สำหรับการจัดการโครงข่าย Fiber Optic และดิจิทัลโซลูชั่น ภายในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 3 แห่ง ตลอดจนเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการประยุกต์ใช้และพัฒนานวัตกรรมต่างๆ เพื่อการใช้งานที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี IoT, Cloud / Edge Computing รวมถึง เทคโนโลยี 5G ในอนาคตอีกด้วย

นางสาวพิมณัฐฐา คงเกรียงไกร ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บริหาร บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจับมือร่วมกันระหว่างโรจนะ และ เอไอเอส ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการพัฒนาโครงการอุตสาหกรรม ในยุคไทยแลนด์ 4.0 ที่มุ่งเน้นการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมโดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาประยุกต์ใช้ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า โรจนะมีการพัฒนาโครงการในหลายพื้นที่ อันได้แก่ เขตประกอบการอุตสาหกรรมอยุธยา โครงการสวนอุตสาหกรรมโรจนะปราจีนบุรี และครอบคลุมไปถึง พื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC (Eastern Economic Corridor) ได้แก่ เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะระยอง (บ้านค่าย) โครงการสวนอุตสาหกรรมโรจนะปลวกแดง, สวนอุตสาหกรรมโรจนะชลบุรี (บ่อวิน) และนิคมอุตสาหกรรมโรจนะแหลมฉบัง  นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาโครงการที่จะขยายไปในพื้นที่อื่นๆ อีก อย่างต่อเนื่อง

โรจนะให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของนักลงทุนเป็นอันดับแรก และพร้อมพัฒนาเพื่ออำนวยความสะดวก เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการที่ดีมากยิ่งขึ้น จึงมีนโยบายยกระดับการบริหารงานเพื่อพัฒนาพื้นที่ภายในสวนอุตสาหกรรม และนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯ ให้เป็นโครงการอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ที่มุ่งเน้นในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ด้วยระบบเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนได้อย่างเต็มที่ โรจนะจึงมีความสนใจในแผนกลยุทธ์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลติดอาวุธภาคอุตสาหกรรม ของเอไอเอสเป็นอย่างมาก จึงได้ร่วมดำเนินการกับ เอไอเอส ในการเข้ามาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยการวางโครงข่าย Fiber optic ภายในพื้นที่อุตสาหกรรมทั้ง 3 แห่ง และทางโรจนะได้เตรียมความพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย

ซี.พี.แลนด์ เปิดตัวโรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง ช่วยผลักดันเศรษฐกิจ

0

พร้อมอวดโฉมนิคมอุตสาหกรรม ซีพีจีซี 3 เฟส กว่า 3,000 ไร่ เร่งเดินหน้าพร้อมต้อนรับนักลงทุนหลังโควิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ เครือฟอร์จูนกรุ๊ป ได้จัดงานเปิดโรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง อย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกรียติจาก นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานในพิธีเปิดโรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง คุณสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร โรงแรมในเครือฟอร์จูน บริษัท ซี.พี.แลนด์ จากัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยแขกร่วมงานเป็นจำนวนมาก

โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ประชานผู้มาใช้บริการ ผู้ที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัด เพื่อผลักดันเศรษฐกิจของจ.ระยอง ทั้งนี้ ระยองเป็นจังหวัดสำคัญจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีรายได้ประชากรต่อหัวสูงที่สุดในประเทศ และ ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดอยู่ในอันดับ 2 ของประเทศไทย เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย และเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ทั้งทางด้านอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และการเกษตรกรรม

โรงแรมฟอร์จูนแสงจันทร์ บีช ระยอง เปิดกิจการมาแล้วตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัด ระยอง เป็นโรงแรม ระดับ 4 ดาว เลียบหาดแสงจันทร์เป็นโรงแรมน้องใหม่ที่ทันสมัยบรรยากาศริมทะเล ติดแม่น้ำ ที่สวยงาม มีการออกแบบโครงสร้างให้ทันสมัยรายล้อมด้วยทะเลอ่าวไทยที่อุดมสมบูรณ์และป่าชายเลนที่เขียวชอุ่ม มีที่ห้องพักทั้งหมด 7 ชั้น ห้องพักจำนวน 107 ห้อง มีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง รวมถึงร้านอาหารไทยร่วมสมัย อาหารท้องถิ่นรองรับได้ถึง 92 ที่นั่ง มีห้องฟิตเนส และห้องประชุมอาทิ ห้องประชุมแสงจันทร์ธารา พื้นที่ 217 ตร.ม.จ รองรับได้ถึง 200 ท่านขึ้นไป

ทั้งนี้ โรงแรมฟอร์จูนแสงจันทร์ บีช ระยอง ได้การยอมรับด้วยมาตรฐานทางด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยสูงสุดในการให้บริการ SHA” จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และประกาศนียบัตรจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นเครื่องยืนยันความปลอดภัย อีกทั้ง โรงแรม ยังตอบสนองของนโยบาลรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยว อาทิ โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งโรงแรมในเครือฟอร์จูน เป็นโรงแรมอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ มีความสะดวก ตั้งแต่การจัดการการ. ด้านการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่

นาย สุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร โรงแรมในเครือฟอร์จูน บริษัท ซี.พี.แลนด์ จากัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเน้นการกระจายลงทุนในระดับภูมิภาคไปยังหัวเมืองหลักเมืองรอง เน้นกระจายงาน สร้างรายได้สู่จังหวัดต่างๆ เชื่อมโยงกับชุมชนท้องถิ่นสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ปัจจุบันธุรกิจโรงแรมภายในภายใต้แบรนด์“ฟอร์จูน” มีทั้งซื้อกิจการมาและมีการปรับปรุงใหม่ และปีนี้เปิดพร้อมให้บริการครบแล้ว 12 โรงแรม ใน 9 จังหวัด แบ่งการให้บริการออกเป็น 3 ประเภทได้แก่ 1. City Hotel ระดับ 4-5 ดาว ได้แก่ โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน กรุงเทพ, โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน นครศรีธรรมราช, โรงแรมฟอร์จูน ราชพฤกษ์ นครราชสีมา 2. Resort Hotel ระดับ 3-4 ดาว ได้แก่ โรงแรมฟอร์จูน เชียงของ, โรงแรมฟอร์จูนริเวอร์วิวนครพนม, โรงแรมฟอร์จูน วิวโขง นครพนม, โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง, โรงแรมฟอร์จูน คอร์ทยาร์ด เขาใหญ่ 3 Lifestyle and convenience Hotel ระดับ 2-3 ดาวได้แก่ โรงแรมฟอร์จูน ดี เขาใหญ่, โรงแรมฟอร์จูน ดี แม่สอด โรงแรมฟอร์จูน ดี เลย และ โรงแรมฟอร์จูน บุรีรัมย์, โรงแรม ฟอร์จูน พิษณุโลก

สำหรับแนวคิดการขยายธุรกิจโรงแรม จะเน้นจังหวัดเมืองท่องเที่ยวด่านการค้าชายแดนแหล่งอุตสาหกรรมและมองภาพร่วมที่เกิดจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวปัจจุบันที่เปลี่ยนไปมีรูปแบบท่องเที่ยวที่เป็น Lifestyle มากขึ้น บริษัทจึงหันมาเน้นลงทุนในเรื่องโรงแรมที่เจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้นทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหรือกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่นิยมการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อหาประสบการณ์แต่ก็ยังชอบเรื่องความง่ายความสะดวกสบายและสะอาดเป็นสำคัญอีกทั้งโรงแรมในเครือฟอร์จูนยังตอบสนอง ของนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอาทิโครงการเราเที่ยวด้วยกันซึ่งโรงแรมในเครือฟอร์จูนเป็นโรงแรมอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมีความสะดวกตั้งแต่การจัดการด้านการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ

นอกจากนี้ ทางบริษัท ยังได้พาคณะผู้ร่วมงานเดินทางไปเยี่ยมชม โครงการนิคมอุตสาหกรรม ซีพีจีซี  ที่พัฒนาโดย บริษัท ซีจี คอร์เปอเรชั่น จำกัด และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับการประกาศเป็นเขตส่งเสริมจาก EEC อีกด้วย นิคมอุตสาหกรรม ซีพีจีซี เป็นโครงการที่จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการลงทุนของประเทศให้เป็นไปในทิศทางใหม่ เน้นการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง บนพื้นที่ทั้งหมด 3 เฟส กว่า 3,000 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่สำคัญและเป็นจุดยุทธศาสตร์ของ EEC ในจังหวัดระยอง ไม่ไกลจากท่าเรือมาบตาพุด สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา และสถานีรถไฟความเร็วสูง ที่กำลังจะขยายการรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรม รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวของประเทศไทย ปัจจุบันโครงการได้ดำเนินการพัฒนาพื้นที่ในเฟสที่ 1 คืบหน้าไปแล้วกว่า 75%

นาย สุนทร อรุณานนท์ชัย ประธานกรรมการ บริษัท ซีจี คอร์เปอเรชั่น จำกัด มั่นใจในศักยภาพการพัฒนาของโครงการนิคมฯ นี้ รวมถึงการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐ อย่าง EEC, BOI หรือ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่จะช่วยดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ให้มีแนวโน้มที่สูงขึ้นในปี 2564 อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักลงทุนจากประเทศจีน, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน หรืออเมริกา ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่นิคมฯ เราส่งเสริม ไม่ว่าจะเป็นด้านการแพทย์ แปรรูปอาหาร หรืออุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีความต้องการย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรงงานช่างฝีมือ ทำเลที่ตั้ง และที่สำคัญคือการจัดการในเรื่องโรคระบาดโควิด-19

โดยนิคมอุตสาหกรรม ซีพีจีซี จะเปิดให้บริการระบบสาธารณูปโภคอย่างเต็มรูปแบบในช่วงปลายไตรมาสที่ 1 ของปี 2564
 

นักท่องเที่ยวคึกคัก รับลมหนาวที่เทศกาล “Farm Festival On The Hill” ที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งในพื้นที่ภาคเหนือและทุกภูมิภาค ให้ความสนใจเดินทางมาเที่ยวงานเทศกาล “Farm Festival On The Hill ครั้งที่ 8” เป็นจำนวนมาก โดยเทศกาลนี้เป็นหนึ่งใน “4 Wonders Fest. : Concert / Countdown / Lights / Love” อีเว้นท์ต้อนรับฤดูการท่องเที่ยว ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตลอด 4 เดือน ของจังหวัดเชียงราย ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยสิงห์ปาร์ค เชียงรายร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและจังหวัดเชียงรายจัดงานเฟสติวัลสุดอลังการ

เทศกาลฟาร์มเฟสติวัล ออน เดอะ ฮิลล์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 29 พฤศจิกายน 2563 ที่ สิงห์ปาร์ค เชียงราย ขนทัพบรรดาศิลปินชื่อดังกว่า 100 ชีวิต! มาโชว์พลังเสียงและสร้างความสนุกกับแบบจัดเต็ม ในรูปแบบเอ้าท์ดอร์ รับลมหนาวแรกของปี โดยมีคุณโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, คุณรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และ คุณพงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย ร่วมเปิดงาน “ฟาร์ม เฟสติวัล ออน เดอะ ฮิลล์” ที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย

โดยได้รับการตอบรับจากแฟนๆ ดนตรีว่าเป็นเทศกาลดนตรีประจำปีที่ติดอันดับต้นๆ ที่ห้ามพลาดงานหนึ่งของประเทศไทย และมีจำนวนผู้เข้าร่วมเทศกาลเพิ่มมากขึ้นทุกปี ผู้เข้าร่วมงานยังได้ชมวิวธรรมชาติทิวเขา 360 องศา ของสิงห์ปาร์ค เชียงราย ที่มีความสวยงามของทัศนียภาพ ทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงาม และแม้ว่า ความสนุกของเทศกาลดนตรี ฟาร์มเฟสติวัล ออน เดอะ ฮิลล์ จะผ่านครึ่งทางมาแล้ว แต่อีกครึ่งทางไม่มีทีท่าว่าจะหยุดความมันส์ของบรรดาแฟนเพลงได้แม้แต่น้อย เพราะเทศกาลดนตรีความสนุกนี้ ยังรอให้ทุกท่านจูงมือเพื่อน และครอบครัว หรือคนรู้ใจ ตบเท้าเดินทางเข้ามาสนุกกันแบบไม่มีหยุด สุขใจทั้งคนเล่น สุขกายทั้งผู้ฟัง สำหรับกองทัพศิลปินในงานปีนี้ ถูกใจวัยรุ่นที่สุด! อย่าง Three man down, Tilly bird, Bowkylion, Meyou, รวมถึงสองสาว Earth Patravee x Zommarie ที่เป็นโชว์พิเศษที่ให้งานนี้โดยเฉพาะ ส่วนศิลปินเเนวฮิปฮอปที่มีเพลงฮิตที่สุดในพ.ศ.นี้ ได้สนุกร่วมกันอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น Lazyloxy, Milli, P- Hot, Sirpoppa และปิดท้ายศิลปินที่ได้รับการยกย่องว่าเล่นสดได้มันส์ที่สุดอย่าง Indigo, Taitosmith, Big Ass, Tattoo Colour, Klear เเละ The Toys

นอกจากนี้ยังมีมหกรรมอาหาร จากร้านอาหารชื่อดังของจังหวัดเชียงราย ที่มีเมนูหลากหลาย กว่า 70 ร้านค้ารวมถึงร้าน Cargo BBQ ร้านอาหารปิ้งย่าง สไตล์บาร์บีคิวท่ามกลางขุนเขา พร้อมโซนปิกนิกริมทะเลสาป ที่สามารถเตรียมเสื่อ หรือเก้าอี้ปิกนิกมานั่งได้กว่า 300 จุด พร้อมมาเติมเต็มจินตนาการความสุขไปกับโซนตลาดนัดศิลปะ ถนนศิลปินขัวศิลปะที่ให้คุณเพลิดเพลินไปกับ โซนของสะสมศิลปิน, นิทรรศการภาพวาด, งาน Work shop (วาด/ปั้น/ระบายสี) ร้านขายของที่ระลึก และมุมวาดภาพเหมือนจากศิลปินเชียงราย

เซเว่น อีเลฟเว่น รุกอีคอมเมิร์ซ ยอดขายออนไลน์พุ่ง 100% เตรียมจัดโปรเด็ดต่อเนื่อง

0

นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล กรรมการผู้จัดการ (ร่วม) บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอร์รี่ เปิดเผยว่า จากการที่ เซเว่น อีเลฟเว่น ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ โดยต้นเดือนที่ผ่านมาได้จัดโปรโมชั่นเพื่อลดค่าครองชีพภายใต้แคมเปญ “7-11 DAY รวมโปรเด็ดที่ ALL Online” ี ระหว่าง 7-11 พฤศจิกายน 2563 ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั่วประเทศ ทั้งการสั่งซื้อสินค้าผ่านร้านสาขาที่มีกว่า 12,000 สาขาทั่วประเทศ และการสั่งสินค้าผ่านระบบออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์ม ได้แก่ ALL Online ผ่าน7-Eleven.TH Application, เซเว่น เดลิเวอร์รี่ และ ShopAt24 มียอดขายรวมเพิ่มขึ้น 145%

โดยแพลตฟอร์ม ALL Online มีการสั่งซื้อสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภคในครัวเรือนในวันที่ 7 พ.ย. 63 สูงขึ้นกว่าปกติ 3.4 เท่า และในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 เพิ่มขึ้น 2.8 เท่า ส่งผลให้ตลอดทั้ง 5 วันที่มีการจัดแคมเปญฯ มียอดการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น 2 เท่า คิดเป็นการเติบโต 700%

ส่วนแพลตฟอร์ม เซเว่น เดลิเวอร์รี่ มียอดการสั่งซื้อ เพิ่มขึ้นกว่า 116% และ แพลตฟอร์ม ShopAt24 ยอดขายสินค้าเติบโตขึ้น 105% มีจำนวนคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นถึง 300% โดยมีสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหมวดสินค้าที่มีผู้นิยมสูงสุด

“จากยอดขายที่พุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด สะท้อนให้เห็นว่าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอร์รี่ สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบันได้ ซึ่งทางบริษัทก็จะไม่หยุดนิ่งในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆตลอดจนสรรหาสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าตลอดเวลา ตามสโลแกน สะดวกครบ…จบที่เดียว เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใหม่และสะดวกทุกการซื้อสินค้า, สะดวกทุกบริการ, สะดวกทุกที่ และ สะดวกทุกเวลา ในทุกพื้นที่ทุกชุมชน” นายยุทธศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

รวมพลังจิตอาสา CP – CPF ทั่วไทย พร้อมใจทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์

0

รายงานข่าวจากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ โดยโรงงาน และฟาร์ม ในจังหวัดต่างๆ ทั่วไทย ได้ร่วมแสดงพลังกับจิตอาสาของเครือเจริญโภคภัณฑ์ทุกกลุ่มธุรกิจ บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในชุมชนรอบสถานประกอบการอย่างพร้อมเพรียงกัน ตามโครงการจิตอาสา “เราทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 5 ธันวาคม

กิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในครั้งนี้ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากนโยบายของเครือซีพี ที่ต้องการให้พนักงานซีพีจิตอาสาทุกกลุ่มธุรกิจทั่วประเทศ รวมพลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทำประโยชน์เพื่อสังคม ตามพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 สร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อสังคมส่วนรวมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

นายประเสริฐ พุ่งกุมาร รองประธานอาวุโส เครือซีพี พร้อมกับ นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ และนายสุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข รองประธานคณะกรรมบริหาร ซีพีเอฟ นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ นำคณะผู้บริหาร และซีพีเอฟ จิตอาสา สำนักงาน อาคาร ซีพี ทาวเวอร์ สีลม ร่วมกับจิตอาสาบริษัทในเครือซีพี สำนักงานเขตบางรัก สถานีตำรวจนครบาล ทุ่งมหาเมฆ ช่วยกันปลูกต้นไม้ ทำความสะอาด และปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณทางเท้า ตั้งแต่บริเวณหน้าอาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ ถนนสีลม จนถึง ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่

นอกจากนี้ โรงงานธุรกิจสัตว์บกและธุรกิจสัตว์น้ำของซีพีเอฟในจังหวัดต่างๆ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย บำเพ็ญสาธารณประโยชน์พร้อมกัน ให้แก่ชุมชนรอบสถานประกอบการ วัด โรงเรียน ศาสนสถาน ได้แก่ โรงงานอาหารสำเร็จรูปหนองจอก นำพนักงานจิตอาสาช่วยกันทำความสะอาดวัดอู่ตะเภาเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี โรงงานแปรรูปเนื้อไก่และอาหารแปรรูป มีนบุรี รวมพลังกับชุมชนลำหินใต้ และจิตอาสา อปพร.เขตหนองจอก บริจาคหลอดไฟและพัดลมให้มัสยิดโรงเรียนสอนศาสนา พร้อมกับช่วยกันทำความสะอาด ซ่อมแซมระบบไฟฟ้าของมัสยิดเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับชาวบ้านที่มีปฏิบัติศาสนกิจ

ส่วนของธุรกิจอาหารสัตว์บกได้แสดงพลังจัดกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์พร้อมกัน ได้แก่ โรงงานอาหารสัตว์บกโคกกรวด ร่วมกับ จ.นครราชสีมา มอบวัสดุก่อสร้างให้กับวัดพระธาตุโป่งดินสอ ขณะที่พนักงานซีพีเอฟจิตอาสาและประชาชนชาวโคราชจิตอาสา ช่วยกันซ่อมแซมระบบไฟฟ้า และทำความสะอาดบริเวณวัดพระธาตุโป่งดินสอ ด้านซีพีเอฟจิตอาสาของโรงงานผลิตอาหารสัตว์บกลำพูน ต่างช่วยกันทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะของกรมทางหลวง จ.ลำพูน

พนักงานจิตอาสาของโรงงานผลิตอาหารสัตว์บกหนองแค จ.สระบุรี มอบโรงเรือนปลูกผัก และร่วมแรงร่วมใจกันทำแปลงปลูกผัก ให้น้องๆ นักเรียนโรงเรียนวัดโพนทอง ได้มีวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ปรุงอาหารกลางวันนักเรียน เป็นการส่งเสริมด้านโภชนาการเยาวชนในพื้นที่รอบโรงงาน

ในส่วนของธุรกิจสัตว์น้ำ โรงเพาะฟักท่าบอน ฟาร์มท่าบอน ร่วมกับอ.ระโนด จ.สงขลา ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ช่วยกันปรับปรุงภูมิทัศน์วัดศาลาหลวง ส่วน โรงงานผลิตอาหารสัตว์น้ำหนองแค จ.สระบุรี นำผู้บริหารและพนักงานจิตอาสา ร่วมกับเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลข้ามงาม กำนันผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ได้ช่วยกันทำความสะอาดศาลาปฏิบัติธรรม และบริเวณภายในวัดธรรมจริยา ในจ.พระนครศรีอยุธยา ขณะที่ ผู้บริหารและพนักงานจิตอาสาจากโรงงานผลิตอาหารสัตว์น้ำบ้านบึง จ.ชลบุรี ผนึกพลังกับชุมชนรอบโรงงาน จัดกิจกรรม “ล้างทุกข์ สร้างสุข” ทำความสะอาดพระอุโบสถ ทำความสะอาด เก็บขยะ และปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ในวัดท่อใหญ่ (พรหมประทาน)

รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน : ปลูกไม้ให้ได้ป่า

0

“คุณนายพารวย” สัปดาห์นี้พาผู้อ่านพักจากการออมเงินออมความมั่งคั่งให้กับตัวเองชั่วคราวมาช่วยกัน “ปลูกเพาะออมต้นไม้” สร้างความสมบูรณ์ให้กับผืนป่า ซึ่งเป็นโครงการของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ได้ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนทำโครงการ Care the Wild “ปลูกป้อง Plant & Protect”

ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือ “ปลูกไม้ให้ได้ป่า” ด้วยกลไกธรรมาภิบาลการเปิดเผยข้อมูล ติดตาม-เรียนรู้-ดูแล โดยจะเป็นการระดมทุนจากทั้งบุคคลทั่วไป และภาคธุรกิจที่มีนโยบายส่งเสริมสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคณะกรรมการป่าชุมชนและชาวบ้านในพื้นที่จะเป็นผู้ “ปลูก” ต้นไม้ และร่วมกันดูแลต้นไม้ที่ปลูกให้เติบโต ภายใต้แนวคิด “ป้อง” คือ ผู้ระดมทุนปลูก จะได้ร่วมติดตามการเติบโตของต้นไม้ เรียนรู้ และร่วมดูแลเอาใจใส่ต้นไม้ที่ปลูกให้เติบโต ร่วมกับชาวบ้านผู้รักษาป่าได้ ผ่านแอปพลิเคชัน “Care the Wild”

โดยกรมป่าไม้เป็นผู้นำเสนอพื้นที่ป่าชุมชน เพื่อเข้าร่วมโครงการเบื้องต้น 717 ไร่ อยู่ในพื้นที่ 7 จังหวัดประกอบด้วยป่าชุมชนบ้านเขาหัวคน จ.ราชบุรี, ป่าชุมชนบ้านพุตูม จ.เพชรบุรี, ป่าชุมชนบ้านใหม่ จ.เชียงราย, ป่าชุมชนบ้านนาหวาย จ.น่าน, ป่าชุมชนบ้านหนองปิง จ.กาญจนบุรี, ป่าชุมชนบ้านโคกพลวง จ.นครราชสีมา และป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน จ.มหาสารคาม

ซึ่งแต่ละป่าชุมชนจะมีเอกลักษณ์จุดเด่นด้านระบบนิเวศและการพัฒนาชุมชนที่แตกต่างกัน บริษัท หรือองค์กรธุรกิจสามารถเลือกพื้นที่ในการปลูกต้นไม้ได้ แต่ชุมชนจะเป็นผู้เลือกประเภทหรือชนิดของต้นไม้ที่เหมาะสมกับระบบนิเวศในแต่ละผืนป่าด้วยตัวเอง

ขณะที่คณะกรรมการป่าชุมชนและชาวบ้านในพื้นที่ที่รับผิดชอบในการปลูกและดูแลต้นไม้ จะได้รับเงินสนับสนุนจากโครงการ เพื่อปลูกและดูแลฟูมฟักต้นไม้แต่ละต้นให้เติบโตสมบูรณ์ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 6 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าต้นไม้เหล่านี้จะเติบโตแข็งแรงจนกลายเป็นผืนป่าอย่างแท้จริง โดยชุมชนเองจะได้ประโยชน์จากป่าด้วย ทั้งเป็นแหล่งอาหาร ตลอดจนพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศได้ในอนาคต ขณะที่ผู้ระดมทุนจะสามารถติดตามการเติบโตของไม้ที่ปลูกได้ตลอดโครงการ

โดยโครงการ Care the Wild นี้มีเป้าหมายที่จะปลูกป่าจำนวน 500 ไร่ หรือ 100,000 ต้นภายในเวลา 1 ปีแรกหลังเปิดโครงการ ซึ่งจะสร้างผลลัพธ์ในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 900,000 กิโลคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยลดโลกร้อนแล้ว ยังถือว่าเป็นการร่วมทำงานพัฒนาชุมชนได้อย่างยั่งยืนด้วย

โครงการนี้มีสัญลักษณ์เป็นช้างรักษ์ป่าชื่อ “พี่ปลูกป้อง” และขณะนี้มีองค์กรพันธมิตรเข้าร่วมแล้ว เช่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา บมจ.โปรเจกต์ แพลนนิ่ง เซอร์วิส สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (TSD) และบริษัท สำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) จำกัด (TCH) และเปิดให้ประชาชนทั่วไปร่วมปลูกป่าผ่านแอปพลิเคชัน “Care the Wild” โดยเข้าไปดาวน์โหลดได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android เพื่อติดตามข้อมูลและกิจกรรมได้แล้ว

วันนี้เรามาร่วมกันปลูกป่าเพาะต้นกล้าให้เติบโตไปพร้อมๆกับเงินออมเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเราและสร้างความสมบูรณ์ของป่าชุมชนกันดีมั้ย!!


ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง โดยคุณนายพารวย หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ