Home Blog Page 468

โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยของซีพี ได้ฤกษ์เปิดเดินเครื่องผลิต พร้อมส่งถึงมือบุคลากรทางแพทย์ 1 แสนชิ้น

0

นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วย ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ศ.นพ.วิชัย เบญจชลมาศ ผู้อำนวยการศูนย์โรคหัวใจ รพ.จุฬาฯ นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือฯ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือฯ พร้อมคณะแพทย์ รพ.จุฬาฯ และผู้บริหารเครือซีพี เข้าเยี่ยมชม “โรงงานซีพีหน้ากากอนามัยฟรีเพื่อคนไทย” ที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เปิดสายการผลิตหน้ากากอนามัยเป็นวันแรก รวมทั้งเครือซีพีได้ทำการส่งมอบหน้ากากอนามัยจำนวน 100,000 ชิ้น ให้กับ รพ.จุฬาลงกรณ์ฯ

ประธานอาวุโส เครือซีพี เปิดเผยว่า  ยินดีและมีความสุขมากที่เครือซีพีสามารถสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยเพื่อแจกฟรีให้แก่แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ตลอดจนประชาชนได้ภายในเวลา 5 สัปดาห์  ซีพีเห็นความสำคัญว่าสถานการณ์ขณะนี้ต้องเร่งปกป้องแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศไม่ให้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้มีพลังที่จะปกป้องประชาชน ดังนั้นจึงสำคัญมากที่ต้องผลิตหน้ากากอนามัยแจกจ่ายให้กับทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯ สภากาชาดไทย จะเป็นองค์กรดูแลแจกจ่ายหน้ากากอนามัยส่งต่อไปยังทุกโรงพยาบาลในประเทศ และส่วนที่เหลือจึงแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วไปฟรี โดยกำลังการผลิตปัจจุบันตั้งเป้าคือวันละ 1 แสนชิ้น หรือ 3 ล้านชิ้นต่อเดือน โดยเป็นโรงงานอัตโนมัติใช้ผู้ควบคุมในโรงงานเพียง 3 คน เพื่อให้เป็นโรงงานที่ปลอดเชื้อโรคสูงสุด สามารถผลิตได้ 24 ชั่วโมง

ซีพี สร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยบนพื้นฐานค่านิยม 3 ประโยชน์ ที่ต้องทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนส่วนรวมเป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งในภาวะที่ประเทศเผชิญวิกฤต หากมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นจะส่งผลให้แพทย์และโรงพยาบาลต่าง ๆ ต้องรับภาระสูงสุด ดังนั้นซีพีเห็นว่าหน้ากากอนามัยถือเป็นอุปกรณ์ป้องกันสำคัญในวิกฤตนี้ไม่ให้เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดลุกลามจนโรงพยาบาลต้องรับภาระหนัก ซีพีทำธุรกิจในแผ่นดินไทย ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่เครือฯ จะได้รับใช้แผ่นดินไทยในยามวิกฤต ช่วยผลิตหน้ากากอนามัยให้กับแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์

ศ.นพ.สุทธิพงศ์   เปิดเผยว่า รพ.จุฬาฯ ขอขอบคุณเครือซีพีที่สร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยเพื่อแจกจ่ายฟรีให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ  ทั้งนี้ รพ.จุฬาฯ จะประสานความร่วมมือกับสภากาชาดไทยเพื่อเป็นเครือข่ายในการกระจายหน้ากากอนามัยไปยังบุคลากรทางการแพทย์ตามโรงพยาบาลในจังหวัดต่าง ๆ อย่างครอบคลุม  โรงงานหน้ากากอนามัยนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยประเทศไทยรอดพ้นภาวะวิกฤต เป็นการสร้างอาวุธ เกราะในการป้องกันให้กับแพทย์และบุคลากร  โดยหน้ากากอนามัยที่ผลิตได้ก็มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับและผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.เรียบร้อยแล้ว  และจากการที่ได้เยี่ยมชมก็เห็นถึงประสิทธิภาพว่าเป็นโรงงานที่สามารถผลิตหน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพได้จริง

นอกจากนี้ นายธนินท์ ยังกล่าวถึงการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ว่า ซีพีในทุกประเทศทั่วโลกจะไม่มีการเลิกจ้างพนักงานออกแม้แต่คนเดียว และจะดูแลพนักงานของซีพีให้ดีที่สุดไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ โดยมีมาตรการต่าง ๆ ออกมาเพื่อช่วยปกป้องพนักงานไม่ให้เข้าไปเผชิญความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ มีการใช้มาตรการทำงานที่บ้านโดยยังจ่ายเงินเดือนและรายได้เช่นเดิม

และ ประเมินว่าวิกฤตเศรษฐกิจที่เป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก เป็นวิกฤตระดับโลกเกิดขึ้นกะทันหันทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงักลง สำหรับประเทศไทยส่งผลให้ธุรกิจสำคัญอย่างภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีผลกระทบทั้งระบบ จึงเสนอให้เตรียมแผนเชิงรุกด้านการท่องเที่ยวและส่งออกไว้เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสะสมพลังไว้ และขอให้ภาคเอกชนและธุรกิจต่าง ๆ เตรียมพร้อมด้านกำลังคน และภาคแรงงานไว้ หากสามารถที่จะช่วยเหลือไม่เลิกจ้างแรงงาน ทำให้ผู้คนยังมีกำลังจับจ่ายภายในประเทศได้จะเป็นเรื่องที่ดี เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้วจะเป็นโอกาสของประเทศไทยอย่างมาก เพราะหลังวิกฤตแล้วมีโอกาสแน่นอน
 

กระทรวงคลังหนุนองค์การสุราผลิตเจลล้างมือ แจกฟรีประชาชนทั่วประเทศ 1 ล้านขวด

0

กระทรวงการคลัง มอบหมายองค์การสุรา เร่งจัดหาแอลกอฮอล์ผลิตเจลล้างมือ ร่วมกับธนาคารออมสิน จำนวน 1 ล้านขวด เตรียมแจกฟรีประชาชนทั่วประเทศป้องกันเสี่ยงติดโควิด 19

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมแผนการในการช่วยเหลือภาคประชาชนทั่วประเทศ โดยได้มีการจัดหาอุปกรณ์ในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยเฉพาะแอลกอฮอล์เจล ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อโรคได้อย่างสม่ำเสมอ จึงได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาวัตถุดิบในการผลิต ไม่ว่าจะเป็น องค์การสุรา กรมสรรพสามิต และธนาคารออมสิน ร่วมกันผลิตแอลกอฮอล์เจล ขนาดพกพา จำนวน 1ล้านขวด เพื่อนำไปแจกจ่ายประชาชน และหน่วยงานราชการต่างๆ เช่นโรงพยาบาล และ ธนาคารออมสิน

สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

ทั้งนี้ องค์การสุราถือเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลการผลิตสุรา ที่ใช้แอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมหลัก ดังนั้นด้วยความพร้อมทางด้านการผลิตและการจัดหาแอลกอฮอล์ สามารถรวบรวมวัตถุดิบเพื่อนำไปผลิตเป็นสารแอลกอฮอล์เจลได้อย่างรวดเร็ว จึงเป็นอีกหน่วยที่จะสามารถเข้าไปสนับสนุนช่วยเหลือภาคประชาชนเพื่อสุขอนามัยและลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

เซ็นสัญญาจ้างผู้ว่าฯรถไฟ คนใหม่แล้ว

0

การรถไฟฯ ลงนามสัญญาว่าจ้าง นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย คนใหม่

วันนี้ 16 เมษายน 2563 เวลา 08.30 น. ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย จัดพิธีลงนามสัญญาว่าจ้าง ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย คนใหม่ โดยมีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานกรรมการรถไฟฯ เป็นผู้ลงนามในสัญญาว่าจ้าง นายนิรุฒ มณีพันธ์ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย คนที่ 29 อย่างเป็นทางการ ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้นำเสนอ และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 โดยกระทรวงการคลังได้เจรจาอัตราค่าตอบแทน และสิทธิประโยชน์อื่นๆ เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2550 ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานบอร์ดรถไฟฯ กล่าวต้อนรับ และมอบนโยบายเกี่ยวกับคดีความของการรถไฟฯ ที่มีกับบริษัท โฮปเวลล์ ที่สำนักงานอาณาบาลของการรถไฟฯ ร่วมกับกระทรวงคมนาคม ดำเนินการอยู่ ซึ่งขอให้เร่งดำเนินการเพื่อลดผลกระทบต่อภาครัฐอันเนื่องมาจากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 9/2562 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2562 โดยมีการกำหนดแนวทางการชำระหนี้ตามคำพิพากษาไว้เป็น 2 แนวทาง รวมทั้งการเร่งรัดดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการของ รฟท. ให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ซึ่งมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบรางที่สำคัญ 6 ด้าน คือ
1. โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
2. โครงการที่กำลังจะก่อสร้าง
3. ด้านการจัดหารถจักรและล้อเลื่อน
4. ด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินของการรถไฟฯ
5. ด้านการบริหารจัดการองค์กร
6. ด้านการพัฒนาระบบ IT ให้มีความสมบูรณ์

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจกับปัญหาภาวะการขาดทุน เนื่องจากเป้าหมายในการทำงานก็ต้องการเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว โดยขอเวลาศึกษารายละเอียดของแผนฟื้นฟู และจะเข้ามาเริ่มงานในวันศุกร์ที่ 24 เมษายน 2563 ทันที เพราะมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการมากมาย โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอยู่ในตอนนี้

ประวัติของผู้ว่าฯรถไฟคนใหม่ จบนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหงเกียรตินิยมอันดับสอง, จบเนติบัณฑิตไทย, ปริญญาโท 2 ใบทางด้านกฎหมายจาก Howard University, Washington D.C. USA และ Temple University, Philadelphia USA อีกทั้งเป็นอาจารย์สอนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และก่อนจะมาเป็นผู้ว่าการรถไฟฯ เคยดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ผู้บริหารสายงานกำกับกฎเกณฑ์และกฎหมาย และเลขานุการธนาคารกรุงไทย และเคยเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายทรัพยากรบุคคลและกำกับกิจกรรมองค์กร บริษัท การบินไทย

การรถไฟฯ ยกเลิกเส้นทางกรุงเทพ-เด่นชัย ชั่วคราว ยกระดับม.คัดกรองคนเข้าอุตรดิตถ์

0

นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การรถไฟฯ ได้รับหนังสือจากจังหวัดอุตรดิตถ์ ด่วนที่สุด ที่ อต.0017.2/4808 ลงวันที่ 15 เมษายน 2563 แจ้งยกระดับมาตรการการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย พิจารณางดเดินขบวนรถโดยสารเข้าพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ที่สถานีศิลาอาสน์ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด–19)

ดังนั้น การรถไฟฯ จึงมีความจำเป็นต้องประกาศงดเดินขบวนรถที่เดินทางผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 2 ขบวนรถ คือ เร็วที่ 111/112 (กรุงเทพ – เด่นชัย – กรุงเทพ) โดยให้ขบวนรถดังกล่าวงดเดินตามวัน เวลา ดังนี้

วันที่ 16 เมษายน 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ให้ขบวนรถเร็วที่ 111 (กรุงเทพ – เด่นชัย) ประกาศยกเลิกการเดินขบวนรถจาก กรุงเทพ – เด่นชัย

วันที่ 17 เมษายน 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ให้ขบวนรถเร็วที่ 112
(เด่นชัย – กรุงเทพ) ประกาศยกเลิกการเดินขบวนรถจาก เด่นชัย – กรุงเทพ

สำหรับผู้โดยสารที่ไม่ประสงค์จะเดินทางกับขบวนรถดังกล่าว สามารถติดต่อขอคืนเงินได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วสถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2563 เป็นต้นไป หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง

เลื่อนวันออกรางวัลสลากงวด 1 เม.ย. เป็นวันที่ 16 พ.ค. 2563

0

นายพชร อนันตศิลป์ ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงการออกรางวัลของสลากงวด 1 เมษายน 2563 ว่า ตามที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงวันออกรางวัลของสลาดงวดดังกล่าว เป็นวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 นั้น โดยที่ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่กำหนดความเข้มข้น ในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงมาตรการของแต่ละจังหวัดที่การคัดกรองความเคลื่อนไหวของประชากร อย่างเข้มงวด และจากการสำรวจตรวจสอบ ปริมาณสลากยังเหลืออยู่ในระบบค่อนข้างมาก ดังนั้น หากมีการออกรางวัลในวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 จะทำให้เกิดกระบวนการเร่งในการซื้อขายสลาก เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของการติดเชื้อ คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้พิจารณาภายใต้ความห่วงใยในเรื่องของการแพร่กระจายของเชื้อโรค และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนผู้ซื้อสลากและผู้ขาย จึงมีมติให้เปลี่ยนแปลงการออกรางวัลของสลากงวดวันที่ 1 เมษายน 2563 จากวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 เป็นวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 14.30 – 16.00 น. ณ ห้องออกรางวัลสลาก สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และจะไม่มีการจำหน่ายสลากงวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 อีกหนึ่งงวด

พชร อนันตศิลป์ ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล

ประธานกรรมการสลากฯ กล่าวต่อไปอีกว่า ในส่วนของการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์นั้น คณะกรรมการฯ ได้มอบหมายให้สำนักงานฯ ไปศึกษาเพิ่มเติมให้รอบคอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านกฎหมาย และผลกระทบต่อประชาชน ผู้ซื้อ ผู้ค้าเดิม ในทุกมิติ ก่อนจะนำเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณาต่อไป

ข้อน่ารู้ อยู่บนโลกออนไลน์ให้ปลอดภัย

0

สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทำให้โลกเปลี่ยนแปลง และการใช้ชีวิตต้องปรับเปลี่ยนตาม

เราต้องรักษาระยะห่างทางสังคม ขณะที่มนุษย์ยังต้องติดต่อสื่อสารกัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจึงเป็นเครื่องมือช่วยมนุษย์ ทำให้มนุษย์ต้องใช้เวลากับอุปกรณ์ เครื่องมือ ต่างๆ ในโลกออนไลน์มากขึ้น

แน่นอน เราต้องปรับตัว ทั้งด้านทักษะ ความสามารถในการใช้งานจะคอมพิวเตอร์ มือถือ แอพพริเคชั่น โปรแกรมการใช้งานต่างๆ

แต่ที่สำคัญ ควบคู่กัน คือ ทักษะการใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ อยู่อย่างไร ให้อยู่เป็น และปลอดภัย

8 ข้อน่ารู้เพื่อให้เราอยู่บนโลกออนไลน์ให้ปลอดภัย

  • จัดเวลาอยู่หน้าจอ สร้างข้อตกลงในครอบครัว ไม่หมดเวลาไปกับจอมือถือ จอคอมฯ จัดตารางชั่วโมงเรียน ชั่วโมงเล่น ให้เหมาะสมและลงตัว
  • คิดก่อนโพสต์ คิดจะโพส คิดถึงอนาคต เพราะทุกอย่างที่โพส จะอยู่ในโลกออนไลน์ไปตลอด
  • รับมือกับไซเบอร์บูลลี่ อย่าเปลืองตัวและเวลาไปตอบโต้กับเกรียนหรือนักเลงคีย์บอร์ด แค่บล็อค ทุกอย่างจบ
  • เช็คก่อนเชื่อ อย่าแชร์ทุกอย่าง เพราะเท่ากับเราเองจะเป็นส่วนหนึ่งของการกระจายข่าวลือ ข่าวมั่วสารพัด
  • สร้างกุญแจป้องกันการเข้าถึงข้อมูล แม้จะไม่มีความลับในโลก แต่เราก็ต้องพยายามรักษาพาสเวิดให้เป็นความลับส่วนตัว และความลับไม่ใช่ความรัก เปลี่ยนบ่อยๆ ได้ ไม่อันตราย
  • ปกป้องข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลส่วนตัวมีค่ามากกว่ายอดไลก์ ยิ่งเปิดเผยมาก เท่ากับเราเปิดบ้านให้คนแปลกหน้าเข้าถึงตัวเราง่ายขึ้น
  • ใจเขาใจเรา ไม่ส่งเสริมการกลั่นแกล้งหรือความรุนแรง การบูลลี่คน ทำลายชีวิตคนได้มากกว่าที่คิด
  • จริงใจ ไม่ปลอมตัวตน ใส่หน้ากากอนามัยเข้าหากัน ดีกว่าสวมหน้ากาก หลอกลวงกัน ไม่สร้างภาพ ไม่มีหลายแอคเคาท์ เพื่อหลอกลวงคนอื่น

แค่นี้ ก็จะทำให้เราเป็น USER ที่มีคุณภาพ ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เป็นมลพิษต่อสังคมเสียเอง

ที่มา เอไอเอส

พีทีที สเตชั่น ปรับแผนขายแอลกอฮอล์ล้างมือราคาทุน มีแบบขวด และถุง กระจายสินค้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น

0

พีทีที สเตชั่น ปรับแผนการจำหน่ายแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือราคาต้นทุน ในส่วนภูมิภาค

มีแบบขวด และถุง ให้เลือกซื้อ เพื่อกระจายสินค้าให้ผู้บริโภคเข้าถึง ได้หลากหลายพื้นที่มากขึ้น

หลีงจากที่พีทีที สเตชั่น ได้ซื้อแอลกอฮอล์สำหรับใช้ทำความสะอาดมือนี้มาจากบริษัทผู้ผลิตที่มีสูตรผลิตและได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และนำมาจำหน่ายให้กับผู้บริโภคในราคาต้นทุน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคในทุกภาคของประเทศไทยสามารถหาซื้อแอลกอฮอล์ได้สะดวกมากขึ้น แต่เนื่องจาก พีทีที สเตชั่น สามารถซื้อแอลกอฮอล์ดังกล่าวได้ในจำนวนจำกัด จึงอาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างเพียงพอ

พีทีทีสเตชั่น

ล่าสุด ทางพีทีที สเตชั่น ได้ปรับแผนจำหน่ายแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดมือ โดยเพิ่มการจำหน่ายแบบถุง จากเดิมที่มีเป็นแบบขวดอย่างเดียว เพื่อกระจายสินค้าให้ถึงมือผู้ที่ต้องการได้จำนวนมาก และหลายหลายพื้นที่ขึ้น

แอลกอฮอล์ 70% สำหรับทำความสะอาดมือชนิดน้ำ แบบขวด (1000 มล.) ราคาพิเศษขวดละ 110 บาท โดยสถานีบริการน้ำมันฯ ที่ร่วมรายการในปริมณฑล มีแห่งละ 80 ขวด ส่วนสถานีบริการน้ำมันฯ ที่ร่วมรายการในส่วนภูมิภาค มีแห่งละ 144 ขวด

แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือชนิดเจล แบบถุง (ถุงละ 500 มล.) ขายถุงละ 40 บาท โดยสถานีบริการน้ำมันฯ ที่ร่วมรายการในปริมณฑล มีแห่งละ 312 ถุง ส่วนสถานีบริการน้ำมันฯ ที่ร่วมรายการในภูมิภาค มีแห่งละ 168 ถุง

และกำหนดเงื่อนไขให้สามารถเลือกซื้อได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง

รวมทั้ง จำกัดการซื้อ 1 คน ต่อ 1 ขวด หรือ 1 คน ต่อ 1 ถุง เท่านั้น

ผู้ซื้อต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน / ใบขับขี่ / บัตรข้าราชการ หรือบัตรที่มีเลขประจำตัวประชาชน พร้อมกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มก่อนซื้อ รวมทั้งต้องใส่หน้ากากและเว้นระยะห่างในการต่อแถวรอซื้ออย่างน้อย 1 เมตร

เริ่มจำหน่ายตั้ง 08:00 น. เป็นต้นไป จนกว่าสินค้าจะหมด

กำหนดวัน และพื้นที่ในการจำหน่ายแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดมือ ดังนี้
15 เมษายน 2563 สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่ร่วมรายการ ในจังหวัดนนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี
22 เมษายน 2563 สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่ร่วมรายการ ในภาคใต้
24 เมษายน 2563 สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่ร่วมรายการ ในภาคตะวันออก
1 พฤษภาคม 2563 สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่ร่วมรายการ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
2 พฤษภาคม 2563 สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่ร่วมรายการ ในภาคกลาง
4 พฤษภาคม 2563 สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่ร่วมรายการ ในภาคเหนือ
6 พฤษภาคม 2563 สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่ร่วมรายการ ในภาคตะวันตก

สอบถามรายชื่อสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่ร่วมรายการในแต่ละภาครวมถึงรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 1365 Contact Center หรือ www.pttor.com

ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ ศบค. เตรียมชง เปิดห้างสรรพสินค้า ร้านตัดผม หวั่นยืดเยื้ออีกสองเดือน คนตกงานทะลุสิบล้าน

0

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ว่า ภาคเอกชนมีข้อเสนอมาตรการรับมือกับสถานการณ์ช่วงเวลานี้, ประเมินมาตรการระยะที่1-3 ที่รัฐบาลประกาศใช้ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์คลี่คลายแล้ว

จึงได้แบ่งการทำงานออกเป็น 5 กลุ่มเพื่อรวบรวมข้อเสนอมากลั่นกรอง และประชุมอีกครั้งวันที่ 20 เม.ย. 2563 ก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

ประกอบด้วย

  1. กลุ่มมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ มีนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นผู้ดูแล
  2. กลุ่มมาตรการเพื่อการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่ มีนายกลินทร์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นผู้ดูแล
  3. กลุ่มมาตรการเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) มีนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เป็นผู้ดูแล
  4. กลุ่มมาตรการเพื่อการแก้ไขปัญหาด้วยดิจิทัล มีนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นผู้ดูแล
  5. กลุ่มมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ที่มีนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เป็นผู้ดูแล

นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ จะรวบรวมธุรกิจที่จะขอให้เปิดดำเนินการได้ โดยเน้นธุรกิจที่มีความจำเป็นกับชีวิตประจำวัน เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านตัดผม แต่ถ้าหากเปิดจะต้องมีวิธีการให้ปลอดภัย ส่วนจำนวนคนตกงานตอนนี้มีจำนวน 7 ล้านคน หากยืดเยื้อไปอีก 2-3 เดือน จะมีคนตกงานถึง 10ล้านคน

และเสนอขอให้เอกชนนำค่าใช้จ่ายสำหรับป้องกันโควิด-19 มาหักค่าใช้จ่ายได้ 3 เท่า, ขอให้ออกเกณฑ์การประชุมกรรมการบริษัทผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-มีทติ้ง) โดยกรรมการไม่จำเป็นต้องอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด เพราะปัจจุบันแม้จะประชุมทางไกลกันได้แต่ทุกคนยังต้องอยู่ในประเทศไทย แต่กรรมการต่างชาติไม่สามารถเข้าประเทศได้ รวมถึง ขอขยายการลดหย่อนภาษีจากเงินบริจาคการกุศลสำหรับปีนี้ เป็นไม่มีเพดาน

ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ทางกลุ่ม เสนอขอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) ค้ำประกันในสัดส่วน 80% เพื่อให้ธนาคารเชื่อมั่นและกล้าปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอี, ปรับลดค่าไฟฟ้า 5% ทั่วประเทศและลดค่าไฟผันแปร (ค่าเอฟที) , ลดเงินนำส่งกองทุนประกันสังคมในส่วนของนายจ้างให้เหลือ 1% เพื่อให้เหมือนกับที่ลดให้ในส่วนลูกจ้างไปแล้ว

และเสนอให้ช่วยเหลือแรงงานที่เงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท โดยขอให้รัฐจ่ายให้ 50% และบริษัทจ่าย 25% ของค่าจ้าง และนำค่าจ้างมาหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณได้ 3 เท่า ขอให้งดเก็บภาษีเงินได้กรณีเอสเอ็มอีเป็นเวลา 2 ปี เพราะปีนี้ ผลประกอบการคงจะขาดทุนกัน, ขอเลื่อนการส่งงานออกไป 4 เดือนในโครงการที่ทำสัญญากับรัฐแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากผลกระทบของโรคระบาด, ลดอัตราภาษีจดจำนองเหลือ 0.01% และอนุญาตให้จ้างงานเป็นรายชั่วโมงได้ จ้างงานวันละ 4-8 ชม/วัน

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า จะจัดทำโครงร่างปัญหาที่เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อผ่อนปรน(ซอฟท์โลน) ไม่ได้ไปพลางก่อน เพื่อรอให้พระราชกำหนดให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย ปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ วงเงิน 500,000 ล้านบาทให้แก่ ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ประกาศออกมาใช้ก่อน จึงจะทราบได้ว่า ธนาคารจะผ่อนปรนเงื่อนไขในเรื่องหลักประกันได้แค่ไหน รวมถึงประเด็นที่บอกว่ารัฐจะชดเชยความเสียหายบางส่วนกรณีหนี้เสีย 60-70% ก็ต้องรอ พ.ร.ก.ออกมาก่อนเพราะในสภาพความจริงจะต้องมีสูตรในการคำนวณด้วย

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เสนอให้เน้นการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเข้ามาเป็นตัวช่วยในการพัฒนาฝีมือแรงงานทั้งลักษณะการยกระดับและการฝึกฝน วางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้ครอบคลุมเพื่อเป็นพื้นฐานการเข้าถึงการเรียนรู้ การหาเครื่องมือที่จะเป็นสื่อการเรียน การเข้าถึงบิ๊กดาต้า ระบบกฎหมายที่จะเข้ามาดูแลให้เกิดความปลอดภัยของข้อมูล

สภาเภสัชกรรม เตือนรัฐปรับระบบจัดการบริหารยา รับมือปัญหาขาดแคลนยาในภาวะฉุกเฉิน

0

ปรากฏสัญญาณการขาดแคลนยาจำเป็นบางรายการ และอุตสาหกรรมยาในประเทศเริ่มประสบปัญหาในการจัดหาวัตถุดิบยา

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 การดูแลรักษาผู้ติดเชื้อนับเป็นภารกิจเร่งด่วนอันดับหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ร่วมกันจัดระบบการบริหารจัดการยา ทั้งการจัดหาและการกระจายยา เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาเหล่านี้ได้

ขณะเดียวกัน ไม่เพียงแต่ยาที่ใช้รักษาผู้ติดเชื้อ COVID-19 เท่านั้นที่มีความสำคัญเร่งด่วน ยาประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นยาช่วยชีวิต และยาที่ใช้ในกลุ่มโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ก็มีความจำเป็นที่ผู้ป่วยต้องเข้าถึงยาและต้องได้รับยาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

ภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เริ่มปรากฏสัญญาณการขาดแคลนยาจำเป็นบางรายการ และอุตสาหกรรมยาในประเทศเริ่มประสบปัญหาในการจัดหาวัตถุดิบยา สืบเนื่องจากประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ได้ใช้มาตรการปิดประเทศ ทำให้เกิดปัญหาการจัดส่งวัตถุดิบยา ผลิตภัณฑ์ยา และบรรจุภัณฑ์ ประกอบกับประเทศไทยเริ่มมีนโยบายให้สถานพยาบาลจ่ายยาโรคเรื้อรังให้แก่ผู้ป่วยล่วงหน้า 6 เดือน ทำให้มีการสำรองยาในสถานพยาบาลบางแห่งมากผิดปกติ

กระทรวงสาธารณสุขจำเป็นต้องเร่งจัดระบบการบริหารจัดการยาที่ต่างไปจากภาวะปกติ

สภาเภสัชกรรม และแผนงานพัฒนาวิชาการและสร้างความเข้มแข็งกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) มีข้อกังวลว่า หากไม่มีการวางระบบจัดการยาและกระจายยาอย่างเหมาะสม ไทยอาจต้องเผชิญภาวะขาดแคลนยา โดยได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาคราชการและเอกชน เพื่อจัดทำข้อเสนอต่อรัฐบาลในการจัดการ สรุปได้ดังนี้

  • รัฐบาลต้องจัดให้มีกลไกกลางในการจัดหาและกระจายยาในรายการที่จำเป็น โดยเชื่อมโยงการบริหารระดับนโยบาย ระดับบริหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น องค์การเภสัชกรรม สมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบัน สภาเภสัชกรรม และนักวิชาการด้านยา
  • กระทรวงสาธารณสุขต้องมีนโยบายให้สถานบริการสั่งซื้อยาล่วงหน้า 6 เดือน แต่ทยอยการจัดส่งทุก 1-2 เดือน เพื่อให้โรงงานเตรียมจัดหาวัตถุดิบในการผลิตล่วงหน้า
  • ให้สถานบริการเร่งรัดการจ่ายเงินให้รวดเร็วภายในไม่เกิน 1 เดือน หลังจากได้รับใบแจ้งหนี้ เพื่อให้อุตสาหกรรมยาสามารถสำรองวัตถุดิบยาได้ 6 เดือน จากเดิมที่สำรองวัตถุดิบยาไว้ที่ 3 เดือน
  • ในกรณีจำเป็นตามคำเรียกร้องของสมาคมผู้ผลิตยาแผนปัจจุบัน ให้รัฐบาลประสานกับประเทศจีน อินเดีย และประเทศผู้ผลิตวัตถุดิบ เพื่อซื้อวัตถุดิบยาในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือจัดเครื่องบินไปรับวัตถุดิบยา ผลิตภัณฑ์ยา รวมถึงบรรจุภัณฑ์
  • ให้อุตสาหกรรมยา รวมทั้งองค์การเภสัชกรรม สำรองวัตถุดิบในการผลิตยา 6 เดือน

ทั้งนี้ ปัญหาการเข้าถึงยาโรคเรื้อรังเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขโดยด่วนเช่นเดียวกับการบริหารจัดการรายการยาสำหรับโรค COVID-19 ไม่เช่นนั้นอีกไม่ถึง 1 เดือน จะเกิดปัญหาโกลาหลของห้องยาและผู้ป่วยอย่างแน่นอน จึงนำเสนอให้รัฐบาลพิจารณาจัดการโดยด่วน

ซีพีเอฟ เดินหน้าส่งเสบียงอาหารให้ครอบครัวหมอ พยาบาล

0

ซีพีเอฟ เดินหน้าเพิ่มพลังใจนักรบเสื้อกาวน์ เอาชนะไวรัสโควิด-19
อาสาช่วยส่งเสบียงอาหารให้ครอบครัวของแพทย์-พยาบาล

ซีพีเอฟเดินหน้าส่งมอบอาหารปลอดภัยให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐ 88 แห่งทั่วประเทศทุกวันอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมเป็นมา โดยครอบคลุมโรงพยาบาลในกรุงเทพ และต่างจังหวัด เพื่ออำนวยความสะดวกและเป็นกำลังใจให้แก่ ทีมแพทย์ พยาบาล และ บุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องทำงานอย่างหนักตลอด 24 ชั่วโมง

ล่าสุด ซีพีเอฟได้ขยายการสนับสนุนอาหารให้ครอบคลุมไปยังครอบครัวของแพทย์และพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ภายใต้โครงการ ‘CPF ส่งอาหารจากใจให้โรงพยาบาลและครอบครัวหมอ-พยาบาล’ เพื่อให้คนในครอบครัวได้รับอาหารที่ดี มีคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มที่

เป้าหมายในการดำเนินโครงการฯ นี้ บริษัทขอเข้ามามีส่วนหนึ่งของสังคมในการช่วยเหลือทีมแพทย์พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์รวมทั้งพี่น้องประชาชนคนไทยในการต่อสู้เพื่อเอาชนะไวรัสร้ายโควิด-19 ได้โดยเร็ว ซึ่งคาดว่าใช้งบประมาณรวม 200 ล้านบาท เข้า

สำหรับ แพทย์และพยาบาลที่ต้องการรับการสนับสนุนอาหารให้แก่สมาชิกในครอบครัว สามารถลงทะเบียนและติดตามเงื่อนไขได้ที่ ไลน์ซีพี เฟรชมาร์ท http://bit.ly/2PFFcyB หรือ โทร.สายด่วนฮอตไลน์ โทร.1788

นอกจากนี้ บริษัทยังพร้อม เป็นตัวกลางให้กับผู้ที่ประสงค์จะบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ไปยังโรงพยาบาลต่างๆ โดยใช้เครือข่ายการกระจายสินค้า (Logistic Network) ของซีพีเอฟ โดยผู้ประสงค์จะบริจาคสามารถแจ้งความจำนงได้ที่ โทร. 083-989-0010