Home Blog Page 453

แจ้งข้อหาตำรวจ-ขาใหญ่ ข้อหาพยายามฆ่าทั้ง 2 ฝ่าย

0

รองผู้การชลบุรี​ ตรวจสำนวนกำชับให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย​

จากกรณีเกิดเหตุตำรวจดวลปืนกับขาใหญ่พัทยา​ ไช้ วัดโพธิ์​ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 ราย กลางสถานบันเทิง ออนิว เม้าท์บุรี สายสามพัทยาใต้ ต่อหน้าต่อตานักเที่ยวกว่า 200 คน​

 

โดย ส.ต.ต.นเรศรักษ์ เครือวาระ อายุ 30 ปี สังกัด สภ.วังขอนแดง จ.ปราจีนบุรี เข้ามอบตัวพร้อมอาวุธปืนที่ใช่ก่อเหตุ เป็นปืนของ จ.ส.ต.ปวเรศ บรรจง ผบ.หมู่งาน ป. สภ.เมืองพัทยาที่โดนยิงเจ็บ หลังก่อเหตุทันที  ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้( 16ก.ย.)พ.ต.อ.ศักดิ์รพี เพียวพนิช รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี เดินทางมายัง สภ.เมืองพัทยาเพื่อดูสำนวนการสอบสวนเกี่ยวกับคดี

 

 

นอกจากนั้นยังให้พนักงานสอบสวนเรียกการ์ด พนักงานที่ร้านมาให้ปากคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ ร่วมทั้งพยานแวดล่อมต่างๆในที่เกิดเหตุ รวมทั้งสอบปากคำเกี่ยวกับพฤติกรรมของทั้ง2ฝ่ายมีการยั้วยุกันหรือไม่  ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าหลักฐานที่ภาพวงจรปิดภายในร้านสามารถบอกถึงพฤติกรรมและเหตุการณ์​

 

พนักงานสอบสวนเก็บไว้เป็นหลักฐาน ไม่สามารถเปิดเผยได้  อาการของคนเจ็บนั้นได้ออกจากห้องผ่าตัด รพ.กรุงเทพพัทยา อาการปลอดภัยแต่ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด  เบื้องต้นนายสมชาย หรือไช้ วัดโพธิ์ ถูกต้องข้อกล่าวหา พยายามฆ่าผู้อื่น พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ ส่วนอาวุธปืนมีทะเบียนถูกต้อง  ส่วน ส.ต.ต.นเรศรักษ์ เครือวาระ ถูกแจ้งข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่นเช่นกัน ที่จะอ้างว่าทำไปเพื่อป้องกันตัว​ ต้องสอบพยานล้อมต่างๆซึ่งอยู่ในระหว่างขั้นตอนของการสอบสวน

 

 

ส่วนทางร้านนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำหนังสือสั่งปิดร้านดังกล่าวไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะปล่อยปละละเลยให้พกพาอาวุธปืนเข้าไปในร้าน

กรมสุขภาพจิตเตือนภัย เสพติดแอปเซลฟี่ เรียกยอดไลค์ ทำลายความมั่นใจตัวเอง หนักถึงขั้นโรคซึมเศร้า

0

กรมสุขภาพจิตเตือนภัยนักเซลฟี่ ใช้แอพเพิ่มสวย ใส ก่อนโพสต์ เรียกยอดไลค์ เสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า เครียด หวาดระแวง ชี้น่าห่วง โดยเฉพาะวัยรุ่น ทำให้การพัฒนาตัวเองยาก ขาดภาวะการเป็นผู้นำ ไร้ความคิดสร้างสรรค์ กระทบอนาคตประเทศชาติ

นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า เป็นห่วงพฤติกรรมการเซลฟี่ของผู้คนในสังคมออนไลน์ ที่กำลังกลายเป็นพฤติกรรมเคยชิน ซึ่งเป็นการสื่อสารแสดงออกถึงตัวตนบุคคลโดยถ่ายรูปตนเองทางทางต่างๆแล้วแชร์ภาพ เผยแพร่ในโซเชี่ยล  การเซลฟี่นั้นมีความสำคัญกับความคิดในเรื่องของตัวตนอย่างมาก มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

หากเซลฟี่โดยไม่ได้หวังผลอะไร ย่อมไม่มีผลเสีย เก็บไว้เป็นความประทับใจ แต่หากเซลฟี่มีความถี่มาก เพื่อเรียกยอดไลค์หรือเขียนข้อความแสดงความเห็นต่างๆ จนเกิดการหมกมุ่น อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในตัวเอง หากโพสต์รูปตัวเองแล้ว คนกดไลค์น้อย ไม่เป็นไปตามคาดหวัง และโพลต์ใหม่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับ จะทำให้บุคคลนั้นขาดความมั่นใจ ไม่ชอบ ไม่พอใจรูปลักษณ์ตัวเอง เกิดความกังวล ชีวิตไม่มีความสุข เมื่อสะสมไปเรื่อยๆก็อาจทำให้เกิดความผิดปกติทางจิตใจและอารมณ์ได้ง่าย เช่นหวาดระแวง เครียด ซึมเศร้า เป็นภัยเงียบที่น่าเป็นห่วง

กรณีเป็นเยาวชน วัยรุ่น จะมีผลกระทบต่ออนาคตได้ เด็กที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง จะมีผลให้พัฒนาตัวเองยาก ขาดภาวะการเป็นผู้นำ ซึ่งมีความสำคัญมากในการใช้ชีวิตทั้งการทำงาน ครอบครัว โอกาสที่จะคิดพัฒนานวตกรรมสร้างสรรค์ ต่างๆ จึงเป็นไปได้ยากขึ้น มีผลต่อการพัฒนาประเทศในอนาคตอย่างคาดไม่ถึง

แพทย์หญิงกุสุมาวดี คำเกลี้ยง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า การถ่ายภาพเซลฟี่ เหมือนการส่องกระจก พฤติกรรมที่น่าเป็นห่วงมี 2 เรื่อง คือ1. ถ่ายเซลฟี่ร่วมกับการใช้แอปแต่งเติมหน้าตัวเองให้ดูดี มีสีสันสดใสขึ้นตามความต้องการ เช่นตาดำโต หน้าเรียว แก้มชมพู ปากแดง ถือว่าเป็นภาพตัวตนในอุดมคติ ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง เป็นการหลอกทั้งตัวเองและหลอกคนอื่น หากใช้บ่อย จะมีผลทำให้ขาดความมั่นใจในการเผชิญหน้าจริงกับผู้คนทั้งในโลกโซเชี่ยล และโลกความเป็นจริง

และ 2. การใช้แอพถ่ายเซลฟี่บ่อยถี่จนเกินไป เป็นสัญญานของคนที่หมกมุ่น ไม่พอใจในรูปร่างหน้าตัวอย่างอย่างผิดปกติ เรียกว่ากลุ่มอาการบีดีดี (Body Dysmorphic Disorder :BDD) คนกลุ่มนี้จะนิยมการใช้แอปถ่ายเซลฟี่ เพราะรูปที่ได้จะตอบโจทย์ ใช้ตรวจสอบรูปร่างหน้าตาของตัวเองได้บ่อยตามต้องการ จะมีพฤติกรรมหมกมุ่น ไม่พอใจในรูปร่างหน้าตาตัวเองและใช้แอปเซลฟี่ตลอดเวลา จนเสียการเสียงาน บางรายถึงขั้นหลุดจากโลกความเป็นจริง
จนไม่สามารถใช้ชีวิตแบบคนปกติ

สังคมออนไลน์มีส่วนทำให้คนมีโอกาสได้เห็นหน้าตาตัวเองบ่อยขึ้นกว่าแต่ก่อน จนระแวงในหน้าตาของตัวเองว่าจะสวยหรือหล่อมั้ย

การเซลฟี่ที่ถี่มากเกินไป อาจสะท้อนถึงความกังวลและความไม่มั่นใจในตัวเอง กระตุ้นให้เรารู้สึกว่าต้องทำให้ตัวเองสวยสร้างความมั่นใจตัวเอง หลายคนตัดสินใจทำศัลยกรรมใบหน้า ให้หน้าตาสวยเข้ารูป หรือทำให้สวยเหมือนในรูปที่ตัวเองเซลฟี่

ผู่้ปกครองควรสอนลูกหลานให้อย่าติดเซลฟี่ โดย 1. สอนเด็กให้มองและยอมรับในความแตกต่างของคนที่ไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน ไม่นำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น 2. ควรเลี้ยงดูบุตรหลาน โดยให้ความรัก ความอบอุ่น เด็กจะให้ความสำคัญ กับคนรอบข้างที่เป็นสิ่งแวดล้อมจริงในชีวิตประจำวัน 3. ฝึกเด็กให้รู้จักระเบียบวินัย รู้จักควบคุมตัวเองในการใช้เวลาในโลกออนไลน์ ประการสำคัญผู้ปกครองต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการควบคุมพฤติกรรมการถ่ายเซลฟี่ของตนเอง 4.สอนให้เด็ก
รู้จักคบเพื่อนในโลกแห่งความเป็นจริง ฝึกทักษะทางสังคมเช่นการยิ้ม การชื่นชมคนอื่น สอนการแบ่งปัน และ 5.ฝึกให้เด็กมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองในโลกแห่งความเป็นจริง โดยชวนทำกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัว เช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง ทำงานศิลปะ ทำอาหาร ทำงานบ้าน หรือจิตอาสาอื่นๆ เพื่อให้เด็กมองเห็นคุณค่าและเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง

 

ตม.จมูกไว​ หนุ่มเขมรพกยาบ้าข้ามแดน​ เรียกตรวจค้นซุกในตัว

0

ตม.จว.สระแก้ว จับชาวกัมพูชา ข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ( ยาบ้า,ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
*****************************


วันนี้ ( 16 ก.ย. 61 ) เวลาประมาณ 10.30 น. ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว,พ.ต.ท.เรืองเดช ธรรมนันท์,พ.ต.ท.หญิง อัญชรี แฉล้มรักษ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว,พ.ต.ต.จิรเดช พุฒินาทพัฒน์ สว.ตม.จว.สระแก้ว
สั่งการให้ จนท.ประจำจุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน ตรวจสอบการกระทำผิดกฎหมาย คุมเข้มสกัดกั้นยาเสพติดและสิ่งของผิดกฎหมายตามแนวชายแดน


จับกุม นาย ชิว อายุ 18 ปี สัญชาติกัมพูชา
พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ดังนี้
1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 10 เม็ด
2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์ ) ห่อหุ้มในถุงพลาสติกเล็ก จำนวน 5 ห่อ น้ำหนักรวมประมาณ 1.5 กรัม
ข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท๑(ยาบ้า,ยาไอซ์ไ) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นบุคคลต่างด้าว เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
พฤติการณ์ ตามวัน เวลาเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ประจำจุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน ได้รับแจ้งจากสายลับ (สงวนนาม) ว่าจะมีชายกัมพูชาไม่ทราบชื่อ นำยาเสพติดลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทย บริเวณตลาดบ้านเขาดิน ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ประจำจุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน จึงได้ร่วมกันไปตรวจสอบบริเวณดังกล่าว ต่อมาพบนายชิว สัญชาติกัมพูชา อายุ 18 ปี ผู้ต้องหา (ทราบชื่อภายหลัง) ท่าทางมีพิรุธ และมีตำหนิรูปพรรณ ตรงตามที่สายลับแจ้งมา จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอตรวจค้น ก่อนตรวจค้นได้แจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบแล้ว จึงทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบของกลางดังกล่าวข้างต้น ซุกซ่อนอยู่ที่กระเป๋ากางเกงข้างซ้ายของผู้ต้องหา สอบถามผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าของกลางดังกล่าวเป็นของผู้ต้องหาจริง จึงแจ้งสิทธิและข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบ
สถานที่จับกุม บริเวณตลาดบ้านเขาดิน ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว
นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.คลองหาด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายหมายต่อไป

 

ปล่อยหมีเข้าป่า ลำเส้นกินไก่ชาวบ้าน ​จับคืนสู่ธรรมชาติ

0

จนท.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กำลังลำเลียงหมีป่าเพศเมีย​ ตัวมหึมา​ อายุประมาณ8 ปี ไปปล่อยในป่าลึกเขตการจัดการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใกล้น้ำตกเหวนรก หลังชาวบ้านร้องเรียนว่ามีสัตว์ขนาดใหญ่เข้าไปกัดกินไก่และทำลายกรง​ เหตุเกิดบ้านเหวปลากั้ง หมู่ 10 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ต่อมา จนท.ได้ใช้อุปกรณ์ดักสัตว์ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.นาน 3 วันจึงจนมุม​ จับได้เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา

 

#​บิ๊กเกรียน

คนไทยแขวนพระ 70% ‘หลวงปู่ทวด’ อันดับ 1

0

“พระเครื่อง” กับคนไทยที่นับถือพุทธศาสนาเป็นของคู่กันมานาน ซึ่งเป็นทั้งการเคารพบูชา กราบไหว้ เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจ ปัจจุบันเป็นยุคไทยแลนด์ 4.0 พระเครื่องก็ได้มีการพัฒนาออกมาในลักษณะพุทธพาณิชย์ และกลายเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยข้อมูลเกี่ยวกับพระเครื่องเป็นประเด็นที่ควรศึกษา เพราะมีประโยชน์ต่อการวิเคราะห์ทั้งด้านความศรัทธาและด้านธุรกิจ

“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จึงได้สำรวจความคิดเห็นของชาวพุทธที่มีต่อพระเครื่องทั่วประเทศ จำนวน 1,126 คน ระหว่างวันที่ 11-15 กันยายน 2561 ดังนี้

คนไทยคิดอย่างไร กับการห้อย/แขวนพระเครื่อง ของคนไทย
1. เคารพบูชา เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ช่วยปกป้องคุ้มครอง 56.86%  ชาย  51.62%  หญิง 62.09%
2. เป็นความเชื่อความศรัทธาของแต่ละบุคคล เป็นสิทธิส่วนบุคคล 25.01%  ชาย 27.27%  หญิง 22.75%
3 เป็นไปตามแนวทางวิถีของชาวพุทธ เป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น 14.13%  ชาย 16.88%  หญิง 11.37%
อื่นๆ สวมใส่เป็นเครื่องประดับ เพื่อความสวยงาม ควรห้อย/แขวนอย่างเหมาะสม ไม่รุ่มร่าม 4.00%  ชาย 4.23%  หญิง 3.79%

คนไทยห้อยและแขวนพระมากน้อยเพียงใด?
ห้อย/แขวน  70.30%  ชาย 79.53%  หญิง 61.06%  เพราะ มีความศรัทธา เลื่อมใส มีแล้วรู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัย ได้มาจากพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ เป็นสิริมงคลกับตัวเอง ฯลฯ
ไม่ห้อย/ไม่แขวน 29.70%  ชาย 20.47%  หญิง 38.94% เพราะ กลัวลืม ทำหล่นหาย ถูกขโมย ไม่มีสร้อยที่เหมาะสม เก็บไว้บูชาที่บ้าน เป็นพระที่มีราคา แพ้สร้อย ฯลฯ

5 อันดับพระเครื่องที่คนไทยห้อย/แขวน
1. หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ 47.79%  ชาย 43.97%  หญิง 51.61%
2. พระสมเด็จโต 21.90%   ชาย 27.66%  หญิง 16.13%
3. พระพุทธโสธร/หลวงพ่อโสธร 12.87%  ชาย 6.38% หญิง 19.35%
4. พระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ 9.44%  ชาย 9.22%  หญิง 9.68%
5. หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน 8.00%  ชาย 12.77% หญิง 3.23%

พระเครื่องที่คนไทยห้อย/แขวน ได้มาจากที่ใด
1. เช่ามา 41.13%  ชาย 48.93%  หญิง 33.33%
2. พ่อแม่มอบให้ 32.15%  ชาย 26.30% หญิง 38.00%
3. ผู้ใหญ่/เจ้านายให้มา 7.73% ชาย 6.12% หญิง 9.33%
4. ญาติพี่น้องให้ 6.96%  ชาย 4.59% หญิง 9.33%
5. ปู่ย่า/ตายายมอบให้ 6.51%  ชาย 11.01%  หญิง 2.00%
อื่นๆ เพื่อนให้ แฟนให้ พระ/ที่วัดแจก เป็นต้น 5.52%  ชาย 3.05%  หญิง 8.01%

คนไทยมีความคิดเห็นต่อตลาดพระของไทยขณะนี้อย่างไรบ้าง

1. ตลาดใหญ่ เติบโตอย่างรวดเร็ว ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ 42.84% ชาย 44.13% หญิง 41.55%
2. เป็นการทำธุรกิจมากขึ้น มีการปั่นราคา สร้างรายได้ 20.02%  ชาย 15.38%  หญิง 24.65%
3. เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ตลาดพระซบเซา 13.63%  ชาย 14.57% หญิง 12.68%
4. ยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานราคาเช่าบูชา มีการปลอมพระ มีมิจฉาชีพแฝงเข้ามา 12.26% ชาย 15.38% หญิง 9.15%
5. เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม เฉพาะผู้ที่สนใจ เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน 11.25%  ชาย 10.54%  หญิง 11.97%

#บิ๊กเกรียน

ชาวบ้านจังหวัดเลยเดือดร้อน “น้ำประปาทั้งเหลืองและขุ่น”

0

น้ำประปา แถวทางไป อ.ท่าลี่ ป้ายบ้าน 3 แยก ต.เมือง อ.เมือง จ.เลย ลำบากมากครับ น้ำประปาเหลืองขุ่น ซักผ้า ล้างหน้าก็ไม่ได้ ไปติดต่อการประปาจังหวัดเลย ก็บอกกำลังตั้งงบ และโยกโย้ โยนไป โยนมา ไม่รู้เมื่อไหร่

 

 

 

ชาวบ้านแถวนั้นเดือดร้อนต้องเอาน้ำขวด มาล้างหน้าและอาบแทนครับ

พายุ มังคุด ฝนตกหนัง เตือนเหนือ-อีสาน 17-19 ก.ย. 61

0

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
“พายุ “มังคุด” (MANGKHUT)”
ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 16 กันยายน 2561

 

 

เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (16 ก.ย. 61) พายุไต้ฝุ่น “มังคุด” (MANGKHUT) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 20.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 117.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง ประมาณ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีแนวโน้มจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน เข้าสู่ประเทศเวียดนามตอนบนและประเทศจีนตอนใต้ ในช่วงวันที่ 16-18 กันยายน 2561 และอ่อนกำลังลงตามลำดับ ซึ่งจะส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้บริเวณพื้นที่รับลมมรสุมด้านตะวันตกของภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้ในช่วงวันที่ 17-19 กันยายน 2561 ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงดินโคลนถล่ม
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ในช่วงวันที่ 16-20 กันยายน 2561 จะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงกว่า 4 เมตร และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง และขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งระมัดระวังคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือ สายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ประกาศ ณ วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 05.00 น.

กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปใน วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.00 น.

(ลงชื่อ) วันชัย ศักดิ์อุดมไชย

(นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย)

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา

#บิ๊กเกรียน

พาเที่ยวชมธรรมชาติ ​ดูทะเลหมอกดอยฟ้างาม เมืองรถม้า

0

เริ่มแล้วความงดงามของธรรมชาติทะเลหมอกบนดอยฟ้างาม หลังจากฝนตกช่วงเย็น เช้าตรู จะปรากฏทะเลหมอกที่งดงาม ชาวบ้านในหมู่บ้านบ้านสาแพะพร้อมให้การต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่อยากเดินทางมาชื่นชมธรรมชาติและความงดงามของทะเลหมอกดอยฟ้างาม

เพจบิ๊กเกรียนพาเที่ยวจังหวัดลำปาง ในช่วงนี้สภาพอากาศในพื้นที่ ที่เกิดความร้อนชื้น เป็นช่วงปลายฝน จึงทำให้ บนดอยฟ้างาม อยู่บนระดับความสูงประมาณ 700 เมตร เหนือน้ำทะเลปานกลาง มีวิวทิวทัศน์ ที่สวยงามอย่างมาก ยิ่งช่วงหลังฝนตกลงมาในช่วงค่ำ และสภาพอากาศมีความชื้นในช่วงกลางคืน และในช่วงเช้ามืด ทำให้เกิดทะเลหมอกที่สวยงามในตอนเช้าตรู่ เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น เป็นแสงแรกของวัน ทำให้เกิดหมอกปกคลุมหนาทึบ กลายเป็นทะแลหมอกบนดอยฟ้างาม มีความสวยงามอย่างยิ่ง

 

สำหรับดอยฟ้างามแห่งนี้อยู่ในเขตบ้านสาแพะ ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ถือว่า เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ อ.แจ้ห่ม และของ จ.ลำปาง ที่รอให้นักท่องเที่ยว เดินทางมาสัมผัส และชื่นชมความงดงามของทะเลหมอก และป่าเขา รวมถึงนกนานาชนิด ตลอดจนความสวยงาม ของพันธ์ไม้ต่างๆ ของดอยฟ้างาม ที่ถูกจัดว่า เป็นทะเลหมอกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของ จ.ลำปาง และที่น่าแปลกคือ ทะแลหมอกเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี หลังจากมีฝนตก


สำหรับการเดินทางมาดอยฟ้างาม เป็นดอยสูงในเขต อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง เป็นพื้นที่อยู่ห่างตัวเมืองลำปาง ประมาณ 50 กิโลเมตร สามารถเดินทางมาอย่างสะดวก โดยรถยนต์ส่วนตัว และมายังจุดนัดพบ ที่บริเวณหน้าวัดบ้านสาแพะ ในช่วงเวลา 05.00 น. เพื่อให้ทุกท่านเดินทางต่อไปกับรถกระบะของชาวบ้าน เนื่องจากจะต้องนั่งรถผ่านเส้นทางดินเข้าไป โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนที่จะขึ้นไปยังลานจอด (ตีนเขาดอยฟ้างาม) จากนั้นต้องเดินขึ้นไปประมาณ 1 กิโลเมตรซึ่งสามารถเดินชมความงามของธรรมชาติตลอดจนนก นานา ชนิด ที่โผบินตามกิ่งไม้ตลอดสองข้างทาง ส่วนท่านที่ ต้องการจะกางเต้นท์นอน บนดอยฟ้างามเพื่อสัมผัสบรรยากาศและดูดวงดาวยามค่ำคืน ทางหมู่บ้าน มีเครื่องอำนวยความสะดวก ต่างๆ ไว้บริการนักท่องเที่ยว เช่น ผ้าห่ม เพื่อค้างแรม รวมถึงคนนำทาง ลูกหาบสิ่งของ เพื่อนำขึ้นไปบนดอยฟ้างาม มีให้บริการ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่เพจดอยฟ้างาม หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นายคงบุญโชติ กลิ่นฟุ้ง ผู้ใหญ่บ้านสาแพะ หมายเลขโทรศัพท์ 083 – 0509144

#บิ๊กเกรียน

ดูแลพยานต่างชาติ

0
  1. #​ดูแลพยาน

#​คดีค้ามนุษย์

 

วันที่ 15 ก.ย.61  พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.หญิง อัญชรี แฉล้มรักษ์ รอง ผกก.ฯ และ ร.ต.อ.ประทีป ทองยอดดี รอง สว.ฯ ดูแลรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกกับพยานซึ่งมี MR.NOEM SOKHA – KOMPONG SPEU PROVINCE พร้อมพวกรวม 9 คน สัญชาติกัมพูชาที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อเป็นพยานศาล

ในการติดตามผ้เสียหายจากการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์กลับมาเบิกความเป็นพยานศาล จว.สระแก้ว ซึ่งพยานดังกล่าวได้เดินทางเข้ามาเมื่อวันที่ 10 ก.ย.61 และได้เดินทางกลับกัมพูชาในวันนี้ โดยประสานการปฏิบัติในการคุ้มครองพยานฯ กับ พ.ต.อ.จตุรภัทร ภิรมย์แก้ว ผกก.ขาเข้า ตม.สุวรรณภูมิ , พ.ต.ท.มนต์ชัย มาลัย รอง ผกก.ตำรวจสากล ภาค 1 , ตำรวจภูธร จว.สระแก้ว จว.สระแก้ว และ พ.ต.ต.บรรลือ หะสูง สว.ปพ.ฝอ. (ผู้แทนประสานงานฝ่ายกัมพูชา) ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต./อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว