Home Blog Page 380

โครงการชลประทานพื้นที่ตอนบน พร้อมรับมือและเฝ้าระวังพายุฤดูร้อน 21 – 22 มี.ค.

0
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาเตือน ฉบับที่ 2 (46/2564) ลงวันที่ 19 มีนาคม 2564 เรื่อง “พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 21 – 22 มีนาคม 2564)” เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ส่งผลให้ประเทศไทยมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ นั้น

กรมชลประทานได้สั่งการให้โครงการชลประทานทุกแห่ง เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำ โดยให้บุคลากรประจำอยู่ในพื้นที่ เพื่อสามารถเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือประชาชนได้ทันที พร้อมกับให้บริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำและน้ำท่าตามสถานการณ์ที่เป็นจริง ในแต่ละช่วงเวลา

ทั้งนี้ หากเกิดฝนตกลงมาในพื้นที่ด้านเหนืออ่างเก็บน้ำ จะส่งผลดีในการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างฯต่างๆให้มากขึ้น รวมทั้งปริมาณน้ำท่าในสายหลักต่างๆเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งได้เน้นย้ำให้บริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมอย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับการปรับการระบายน้ำให้เหมาะสมด้วย นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้ทุกโครงการชลประทานในพื้นที่ตอนบน ให้ติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้ตรวจสอบอาคารชลประทานทุกแห่งให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งการแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม-น้ำล้นตลิ่งทราบอย่างทั่วถึง รวมไปถึงการจัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือไว้ในพื้นที่ต่างๆ ที่พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้ตลอดเวลา หากประชาชนหรือหน่วยงานใดต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร. 1460 สายด่วนกรมชลประทานได้ตลอดเวลา

ซีพีเอฟ ร่วมรณรงค์ “วันป่าไม้โลก” ใส่ใจสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่การผลิต ขับเคลื่อน“ครัวโลกที่ยั่งยืน”

0

นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า วันที่ 21 มีนาคมของทุกปี เป็น”วันป่าไม้โลก” ซีพีเอฟ มุ่งมั่นมีส่วนร่วมและปลูกฝังพนักงานในองค์กรร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของความอุดมสมบูรณ์ของอาหารทั้งของมนุษย์และสัตว์ และเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญ โดยส่งเสริมการดำเนินโครงการปลูกป่าทั้งในประเทศไทยและกิจการในต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินเดีย ตุรกี สำหรับในไทย ซีพีเอฟร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและชุมชนในพื้นที่อนุรักษ์และฟื้นฟูป่าบกและป่าชายเลน ซี่งในระยะที่หนึ่ง(ปี 2559-2563) ของการดำเนินโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่า ภายใต้โครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง จ.ลพบุรี สามารถอนุรักษ์และฟื้นฟูป่า 5,971 ไร่ และโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน “ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน” ระยะที่หนึ่ง (ปี 2557-2561) อนุรักษ์และฟื้นฟูป่า 2,388 ไร่ รวมทั้งดำเนินโครงการซีพีเอฟรักษ์นิเวศ ปลูกฝังพนักงานปลูกต้นไม้ในสถานประกอบการของบริษัททุกแห่งทั่วประเทศ 1,720 ไร่

นอกจากนี้ ปลายปี 2563 บริษัทได้ลงนามความร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ในโครงการปกป้องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)” เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู ป่าบกและป่าชายเลน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 26,000 ไร่ มุ่งสู่การมีส่วนร่วมปกป้องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อความมั่นคงทางอาหารและสร้างสมดุลธรรมชาติอย่างยั่งยืน

บริษัทมุ่งมั่นมีส่วนร่วมเพิ่มพื้นที่ป่าตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งที่ยั่งยืน ไม่ตัดไม้ทำลายป่า และมีเอกสารสิทธิ์ที่ดินรับรอง ส่งเสริมให้คู่ค้าใส่ใจสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากล เพื่อให้มั่นใจว่าวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาได้ ตลอดจนส่งเสริมและให้ความรู้แก่เกษตรกรในการทำการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพจากกระบวนการในห่วงโซ่อุปทานของซีพีเอฟตั้งแต่ต้นทาง ณ พื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร มีส่วนช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก รวมทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมาย SDGs

ซีพีเอฟ ยังได้สนับสนุนแนวทางฟาร์มสีเขียว (Green Farm) พัฒนาฟาร์มที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน สร้างธุรกิจฟาร์มสุกรรูปแบบใหม่ที่มุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยจัดทำเป็นสวนป่านิเวศในฟาร์มสุกร เช่น โครงการสวนป่าชุมชนหมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร โดยนำของเสียที่เกิดจากกระบวนการเลี้ยงสุกรและมูลสุกรไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า เช่น น้ำปุ๋ยจากมูลสุกรที่ผ่านการบำบัดในกระบวนการผลิต นำไปรดต้นไม้ ใส่ปุ๋ยมูลสุกรให้ต้นไม้ เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาโครงการฯ ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ป่านิเวศชุมชน และโครงการหนองหว้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่มีพื้นที่ว่างของชุมชนที่ต้องการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการปลูกป่าชุมชนมาตั้งแต่ปี 2559 และสามารถพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้ป่านิเวศในชุมชน

นายวุฒิชัย กล่าวอีกว่า ซีพีเอฟ ตระหนักดีถึงการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม บรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างสมดุลธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยกำหนดกลยุทธ์ 3 เสาหลัก ประกอบด้วย อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดินน้ำป่าคงอยู่ สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนธุรกิจตามวิสัยทัศน์ครัวของโลก ที่มีเป้าหมายสร้างความมั่นคงทางอาหาร ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ภายใต้กลยุทธ์สู่ความยั่งยืนด้านดินน้ำป่าคงอยู่ ซีพีเอฟ ได้บูรณาการเป้าหมาย SDGs มาใช้กับการดำเนินงาน ซึ่งสอดรับกับ SDGs ข้อ 2 คือ ยุติความหิวโหย ข้อ 6 การจัดให้มีน้ำสะอาดและสุขอนามัยส่วนบุคคล ข้อ 7 การเข้าถึงพลังงานสะอาด ข้อ 12 การบริโภคด้วยความรับผิดชอบ ข้อ 13 การปกป้องโลกจากการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ ข้อ 14 การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ข้อ 15 การปกป้องและฟื้นฟู ระบบนิเวศ และข้อ 17 สร้างความแข็งแกร่งของการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลก

กรมชลฯ พัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติ 11 แห่ง รับมือทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม

0
ประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยภายหลังจากการเป็นประธานการประชุมหารือแนวทางพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า กรมชลประทานได้วางแผนพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เพื่อพัฒนา อนุรักษ์ และฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ให้เป็นพื้นที่ชะลอน้ำและรองรับน้ำหลากในช่วงฤดูฝน สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้ในช่วงฤดูแล้ง พร้อมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติให้เป็นไปตามกรอบแนวทางการบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลองอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ได้มีการพิจารณาแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ 11 แห่ง ได้แก่ 1.แนวทางการพัฒนาหนองช้างใหญ่ จ.อุบลราชธานี 2.แนวทางการพัฒนากว๊านพะเยา จ.พะเยา 3.แนวทางการพัฒนาหนองเล็งทราย จ.พะเยา 4.แนวทางการพัฒนาบึงราชนก จ.พิษณุโลก 5.แนวทางการพัฒนาบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ 6.แนวทางการฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตร จ.พิจิตร 7.แนวทางการพัฒนาหนองหาร จ.สกลนคร 8.แนวทางการพัฒนาเวียงหนองหล่ม จ.เชียงราย 9.แนวทางการพัฒนาแก่งน้ำต้อน จ.ขอนแก่น 10.แนวทางการพัฒนาแก่งละว้า จ.ขอนแก่น และ 11.แนวทางการพัฒนาบึงละหาน จ.ชัยภูมิ

พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำ Masterplan การดำเนินงาน ขั้นตอนการเตรียมความพร้อม ปริมาณงานที่ต้องดำเนินการ ระยะเวลาการดำเนินการ การขออนุญาตใช้พื้นที่ รวมถึงพิจารณากิจกรรมต่างๆ ให้สอดคล้องกับการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถทราบถึงภาพรวมและองค์ประกอบของโครงการ ส่งผลให้การวางแผนงานเป็นไปอย่างมีระบบและก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนได้อย่างสูงสุด

รู้ทันปากท้องกับตลาดหลักทรัพย์ : สูงวัยปลูกผักอะไรดี

0

คุยกับอายักษ์ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร แนะนำว่า คนสูงวัย ควรจะปลูกผักแบบไหนดี

แนะนำให้ปลูกผักที่มีอายุยาว ปลูกทีเดียวทานได้ทั้งปี ไม่ต้องมาปลูกใหม่บ่อยๆให้เหนื่อย ซึ่งเหมาะกับคนวัยนี้ เช่น ผักบุ้งนา ผักหวาน บวบ

ซีพี ออลล์ เปิดแผนยุทธศาสตร์ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืน 2021

0
ธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์

เดินหน้านโยบาย ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน

นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ เปิดเผยว่า ซีพี ออลล์ ประกาศเป้าหมายดำเนินงานความยั่งยืนภายใต้ผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG) ในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมอยู่เคียงข้างคนไทยในยามวิกฤต ดูแลรอยยิ้มและความปลอดภัยของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยใช้แนวนโยบาย คิดต่าง สร้างโอกาส และแบ่งปัน

จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อระบบสังคมและเศรษฐกิจทั่วโลกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตหรือแม้แต่พฤติกรรมผู้บริโภค ซีพี ออลล์ เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ต้องปรับการดำเนินงาน คิดต่าง สร้างโอกาส และแบ่งปัน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน” และชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ที่เกิดขึ้น โดยคำนึงถึงการให้บริการความสะดวกแก่ลูกค้า สังคม ชุมชนและประเทศชาติเป็นศูนย์กลาง รวมถึงการดูแลพนักงานที่นับว่าเป็นหัวใจสำคัญขององค์กร ภายใต้การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG) เพื่อความยั่งยืน

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนองค์กรเพื่อความยั่งยืนภายใต้กรอบ ESG ประกอบด้วย

E หรือ Environmental ซีพี ออลล์ ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งตระหนักถึงความสำคัญของสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น ทำให้ ซีพี ออลล์ มิอาจนิ่งนอนใจต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และรับผิดชอบต่อการดำเนินธุรกิจด้วยหัวใจที่เอื้ออาทรต่อสิ่งแวดล้อมจริงจังกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เรียนรู้การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อช่วยกันลดโลกร้อนด้วยสองมือ

 ซีพี ออลล์ จึงได้กำหนดแนวทางในการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมภายในนโยบาย 7 GO Green ประกอบด้วย

  • Green Store : การบริหารจัดการร้านอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมการปรับปรุงระบบและอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ภายใต้กลยุทธ์ “ร้านเพื่อสิ่งแวดล้อม”  อาทิ โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพคอยล์เย็น, เครื่องปรับอากาศ, หลอดไฟประหยัดพลังงาน เป็นต้น โดยในปี 2564 นี้ ซีพี ออลล์ ตั้งเป้าในการลดการใช้พลังงานภายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เฉลี่ยต่อปี 42.8 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวน 20,792 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยมีแผนการขยายการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าปีละ 200 สาขา ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา
  • Green Logistic :  ซีพี ออลล์ ได้ดำเนินงานด้านการขนส่งและการกระจายสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการจัดการพลังงานผ่านโครงการต่างๆเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการขนส่งและออกแบบศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายใต้ กลยุทธ์ “โลจิสติกส์เพื่อสิ่งแวดล้อม” โดยปี 2564 นี้ ซีพี ออลล์ ตั้งเป้าในการใช้พลังงานทดแทนในการดำเนินการศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศ จำนวน 8.7 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง (หน่วยไฟฟ้า) ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จำนวน 4,260 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการร่วมกับคู่ค้าในการทดลองใช้รถบรรทุกไฟฟ้า (EV truck) ในการขนส่งสินค้าอีกด้วย
  • Green Packaging :  โครงการด้านการจัดการบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม มุ่งหวังในการลดปริมาณขยะพลาสติก ผ่านแนวคิด “ลด ละ เลิก” โดยพิจารณาตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ และการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่คำนึงถึงทุกกระบวนการในวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการหาวัสดุที่มาจากแหล่งทรัพยากรที่สามารถทดแทนได้ และต้องสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reusable) หรือนำมาใช้ใหม่ (Recyclable) หรือสามารถย่อยสลายได้ (Compostable) โดยในปี 2564 นี้ ซีพี ออลล์ ได้ตั้งเป้าถึงผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับคือการ สนับสนุนการนำบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่ จำนวน 512 ตัน, ลดปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกจำนวน 10,831 ตัน, ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งจำนวน 90,091 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจำนวน 1,318 ตัน
  • Green Living  : ซีพี ออลล์ ได้ดำเนินงานตามนโยบายรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ภายใต้โครงการ “รวมพลังคนไทย เลิกใช้ถุงพลากสติก” เพื่อสร้างวัฒนธรรมและพฤติกรรมในการ ไม่รับถุงพลาสติก  ทั้งนี้ ซีพี ออลล์ ได้สานต่อโครงการ “ลดและทดแทน” เพื่อส่งเสริมลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง ได้แก่ ช้อน ส้อม หลอด และแก้ว รวมทั้งโครงการทดแทนการใช้พลาสติกด้วยวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

S หรือ Social การสร้างคุณค่าทางสังคมและการสนันสนุนในระบบเศรษฐกิจ  ด้วยการพัฒนาทักษะ ส่งเสริมอาชีพเพื่อสร้างรายได้สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs), ผู้ประกอบการรายย่อย เกษตรกร รวมถึงกลุ่มเประบาง ซึ่งปัจจุบันซีพี ออลล์ ได้มีการส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกรได้มีรายได้รวมกว่า 28,000 ราย, วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย รวมกว่า 32,000 ราย และจำนวนกลุ่มเปราะบางที่ได้รับการส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้ รวมกว่า 2,900 ราย

สำหรับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิต ซีพี ออลล์ ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการศึกษา พัฒนาเยาวชน โดยเชื่อมั่นว่าการมอบโอกาสทางการศึกษาสามารถเปิดประตูสู่โอกาสทางอาชีพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ โดยในปี 2564 นี้ ซีพี ออลล์ได้มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์และเครือข่ายรวม จำนวน 6,574 ทุน รวมเป็นเงินกว่า 83 ล้านบาท และเตรียมมอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ จำนวน 3,146 ทุน รวมเป็นมูลค่ากว่า  840 ล้านบาท  รวมปีการศึกษา 2564 ซีพี ออลล์ ได้มอบทุนการศึกษาเรียนปัญญาภิวัฒน์ฯ รวม 9,720 ทุน เป็นเงินกว่า 923 ล้านบาท

นอกจากนี้  ซีพี ออลล์ ยังเป็นหนึ่งในพันธมิตรก่อตั้งมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์ อีดี  (CONNEXT ED) และเป็น 1 ใน 41 องค์กรเอกชนที่เล็งเห็นความสำคัญและตอบรับการมีส่วนร่วมทางการศึกษา โดยซีพี ออลล์ วางเป้าดูแลโรงเรียนในโครงการ CONNEXT ED 5 เฟส จำนวน 638 แห่งทั่วประเทศ ร่วมสนับสนุนโรงเรียนให้สามารถดำเนินโครงการด้านต่างๆ ทั้งโครงการที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ โครงการพัฒนาคุณภาพคน โครงการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน โครงการส่งเสริมอาชีพ โครงการด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีผู้นำรุ่นใหม่ หรือ School Partner ซึ่งเป็นอาสาสมัครจากในองค์กรร่วมลงพื้นที่และคอยให้คำแนะนำในการพัฒนาโครงการของโรงเรียนต่างๆอย่างใกล้ชิด 

G หรือ Governance and Economic หมายถึงหลักการบริหารงานภายใต้กรอบธรรมภิบาล ซีพี ออลล์ มีความเชื่อมั่นว่าแนวปฎิบัติด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี เป็นองค์กรที่บริหารงานด้วยความโปร่งใส สามารถช่วยสร้างพื้นฐานความยั่งยืนขององค์กรให้สามารถเติบโตและเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มความสามารถการแข่งขันขององค์กรได้  ซีพี ออลล์ จึงได้ดำเนินงานโดยการจัดตั้งคณะกรรมการบริษัทจัดโครงสร้างการบริหารงานด้านการกำกับดูแลพร้อมทั้งมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับดูแลความยั่งยืนและบรรษัทภิบาล ทำหน้าที่กำหนดนโยบายการกำกับดูแลกิจการต่อต้านคอร์รัปชั่น  นโยบายความยั่งยืนและแนวทางปฎิบัติรวมถึงจริยธรรมธุรกิจ ต่อต้านการทุจริต เคารพและปฎิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล การพัฒนาผู้นำและพนักงานทุกคนให้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมด้านความยั่งยืน ส่งเสริมให้มีนวัตกรรมและการสร้างคุณค่าด้านสินค้า บริการ และธุรกิจใหม่ ภายใต้จริยธรรมธุรกิจและหลักธรรมภิบาล

นอกจากนี้เรายังคงสร้างความร่วมมือ และส่งเสริมพัฒนาความยั่งยืนกับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กรให้เติบโตไปด้วยกัน เป็นไปตามปณิธาน ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้กับทุกคนนายธานินทร์ กล่าวทิ้งท้าย

เจียไต๋ ชวนสร้างสวนสวยด้วยเมล็ดพันธุ์ซอง Easy ในงานบ้านและสวนแฟร์ Select 2021

0

บริษัท เจียไต๋ จำกัด ผู้นำธุรกิจนวัตกรรมการเกษตรของไทย เชิญชวนขาช้อปที่หลงรักในการปลูกผักทำสวน มาเดินเลือกซื้อสินค้าเกษตรและผลิตผตสดใหม่ในงานบ้านและสวนแฟร์ Select 2021 ภายใต้ธีม “Open Culture วัฒนธรรมแห่งการเปิดรับและแบ่งปันดีไซน์ที่ดีสู่สังคม”

เติมเต็มสวนสวยด้วยเมล็ดพันธุ์จากเจียไต๋โฮมการ์เด้น ในรูปแบบซองใหม่ “ซอง Easy” ปลูกง่ายสไตล์คุณ พร้อมด้วยสินค้าเกษตรคุณภาพมากมาย อาทิ พีทมอส วัสดุเพาะกล้า และผลิตผลสดจากเจียไต๋ฟาร์ม เช่น เมล่อนหอมหวาน แตงโมหวานกรอบ และข้าวโพดหวานที่รับรองว่าใครได้ลองก็ต้องติดใจ พิเศษด้วยโปรโมชั่นซื้อเมล็ดพันธุ์ 5 ซองแถม 1 ซอง แล้วพบกันที่บูธเจียไต๋ A21-22 โซนตกแต่งสวน ในงานบ้านและสวนแฟร์ Select 2021 ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม ถึง 21 มีนาคม 2564 เวลา 09.30 – 21.00 น. ศูนย์ประชุมนิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

“รร.รัฐการุณวิทยา”เครือข่ายการศึกษา CONNEXT ED โมเดลโรงเรือนจำลองฟาร์มไก่พันธุ์ไข่ของซีพีเอฟ

0

โรงเรียนรัฐการุณวิทยา ตำบลทองหลาง อำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา เป็นโรงเรียนขนาดกลางที่มีจำนวนนักเรียน 231 คน จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเข้าร่วมโครงการคอนเน็กซ์ อีดี (CONNEXT ED) โครงการที่เกิดจากความร่วมมือของ 3 ภาคส่วน คือ ภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน เพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาของไทย โดยมี บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เป็นหนึ่งในองค์กรเครือข่ายความร่วมมือ ฯ

ซีพีเอฟ สนับสนุนโรงเรียน ดำเนิน “โครงการโรงเรือนจำลองฟาร์มไก่พันธุ์ไข่” ตามความต้องการของโรงเรียนที่สอดรับกับสภาพแวดล้อม เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียน พัฒนาทักษะอาชีพ และส่งเสริมกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง และนำกรณีศึกษาจากโรงเรียน ภายใต้ ”โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน”ที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นโครงการที่ซีพีเอฟร่วมกับมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ร่วมดำเนินโครงการมาเป็นเวลามากกว่า 30 ปี

จากจุดเริ่มต้นของความตั้งใจให้นักเรียนได้รับประทานอาหารกลางวันที่มีคุณค่าทางโภชนาการจากไข่ไก่ ช่วยลดจำนวนนักเรียนที่อยู่ในภาวะทุพโภชนาการลงได้เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเข้าร่วมโครงการ นักเรียนได้เรียนรู้การเลี้ยงไก่ไข่อย่างถูกวิธี นำมาสู่การนำความรู้ไปบูรณาการการเรียนการสอนวิชาเกษตร อาทิ นำมูลไก่ไปทำปุ๋ย การปลูกผักสวนครัวโดยใช้ปุ๋ยที่เด็กนักเรียนช่วยกันผลิตเอง นำผักที่ปลูกกลับมาทำอาหารกลางวัน รวมไปถึงได้เรียนรู้การทำบัญชีผลผลิตไข่ไก่ที่เก็บได้ในแต่ละวัน “คุณครูไพทูรย์ พืชทองหลาง คุณครูผู้รับผิดชอบโครงการ ฯ เล่าถึงที่มาที่ไปของโครงการฯ

นายปริญญา โพธินา ผู้อำนวยการโรงเรียนรัฐการุณวิทยา กล่าวว่า สิ่งที่ทางโรงเรียนและนักเรียนได้รับ คือ ครูผู้สอน และนักเรียน ได้รับความรู้ที่ถูกต้องในการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ จากสัตวบาลและทีมงานผู้เชี่ยวชาญของซีพีเอฟ เด็กนักเรียนได้เรียนรู้และรับผิดชอบลงบันทึกจำนวนผลผลิตไข่ไก่ในแต่ละวัน การใช้เทคโนโลยีในการดำเนินงานพัฒนาฟาร์มไก่ไข่ นำผลผลิตจากไข่ไก่เพิ่มรายได้ให้กับโรงเรียน และสามารถเป็นต้นแบบการจัดการเรียนรู้ผ่านโครงการฟาร์มไก่พันธุ์ไข่ให้แก่สถานศึกษาที่สนใจ และชุมชนใกล้เคียงเป็นทางเลือกในการประกอบอาชีพ

นอกจากนี้ ด้วยอาชีพของผู้ปกครองนักเรียนส่วนใหญ่และชาวบ้านซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรม ประกอบด้วย ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย การได้รับความรู้จากการเลี้ยงไข่ไก่จะสามารถกลับไปช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับทางครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง และยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ส่งเสริมชุมชนเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย สามารถซื้อไข่ไก่ซึ่งเป็นผลผลิตของโรงเรียนเพื่อนำไปบริโภคในครัวเรือนในราคาย่อมเยา

ปัจจุบัน โรงเรียนรัฐการุณวิทยา เลี้ยงไก่ไข่เป็นรุ่นที่สามแล้ว หลังจากที่โรงเรียนเริ่มโครงการเลี้ยงไก่ไข่เมื่อปี 2561 และโรงเรียนรับสมัครนักเรียนชั้นป.4 – ป.6 หมุนเวียนกัน ร่วมรับผิดชอบดูแลโรงเรือนวันละ 6 คน เพื่อให้อาหารไก่ ให้น้ำ ทำความสะอาดโรงเรือน เก็บไข่ไก่ คัดแยกขนาดของไข่ ฯลฯ เป็นกิจวัตรประจำวัน

ผลผลิตไข่ไก่ที่ได้นำไปประกอบอาหารกลางวันให้กับนักเรียนทั้งโรงเรียน ส่วนไข่ไก่ที่เหลือจากการบริโภคจัดจำหน่ายให้กับผู้ปกครองนักเรียนในราคาย่อมเยา ทำให้ชุมชนได้มีไข่ไก่คุณภาพดีบริโภค ซึ่งในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ โรงเรียนจะลงไก่พันธุ์ไข่ จำนวน 150 ตัว เพิ่มขึ้นจากรุ่นหนึ่ง และรุ่นสอง ที่เลี้ยงไว้จำนวน 100 ตัว

“เด็กชายกฤษณะ สุขแสงรัตน์” นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งช่วยดูแลโครงการเลี้ยงไก่ไข่ เล่าว่า “ผมตั้งใจมาเป็นจิตอาสาช่วยดูแลโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ อยากได้ความรู้เพื่อกลับไปใช้ที่บ้าน ทำให้มีช่องทางสำหรับหารายได้ให้ครอบครัวเพิ่มมากขึ้น” ด้าน “เด็กหญิงพรประภา หลาบกลาง “นร.ชั้น ป.6 เล่าถึงความรู้สึกในการมีส่วนร่วมในโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯว่า หน้าที่ที่ชอบคือ คัดไข่ไก่ เพราะผลผลิตไข่ไก่ที่เหลือจากการส่งเข้าโครงการอาหารกลางวันนักเรียน จะมีการคัดแยกเพื่อจำหน่ายให้ชุมชน ผู้ปกครองนักเรียนในราคาย่อมเยาตามขนาดของไข่ ขณะที่ “เด็กหญิงพีรดา หมั่นกิจ” นร.ร่วมชั้นเรียนป. 6 บอกว่า จะนำความรู้การเลี้ยงไก่ไข่ ไปปรับวิธีการเลี้ยงไก่ของที่บ้านให้เป็นระบบมากขึ้น

โครงการ CONNEXT ED โดยมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาคอนเน็กซ์ อีดี ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 ร่วมพัฒนาโรงเรียนในความดูแล 5,567 แห่ง ครอบคลุมทุกภาคทั่วประเทศ โดยซีพีเอฟเป็นหนึ่งในองค์กรเครือข่ายความร่วมมือ ที่ร่วมดูแลโรงเรียน 296 แห่ง เพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาที่มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนอย่างรอบด้าน นำไปสู่การสร้างเด็กดี เด็กเก่ง เพื่อเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศต่อไป

ซีพี ส่งมอบน้ำดื่ม หนุนภารกิจแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่เชียงใหม่

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ เครือเจริญโภคภํณฑ์ (ซีพี) ได้ส่งมอบน้ำดื่ม จำนวน 4,800 ขวด ให้กับเครือข่าย อ.เเม่เเจ่ม มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน(ภาคเหนือ) โดยมีคุณนุจิรัตน์ ปิวคำ ผู้ประสานงานมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนภาคเหนือ และผู้นำชุมชนอำเภอจอมทอง เป็นผู้แทนในการรับมอบน้ำดื่ม ณ สำนักงานมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน(ภาคเหนือ) และ นายสมเกียรติ มีธรรม รองประธานศูนย์หนุนชุมชนรู้สู้ภัยพิบัติอำเภอแม่แจ่ม และเลขาธิการมูลนิธิฮักเมืองแจ๋ม เป็นผู้แทนในการรับมอบน้ำดื่ม ณ ร้านแจ่มจริง เพื่อส่งต่อในการการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่เเก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน 

นายนนท์ นาคะเสถียร ผู้จัดการทั่วไป หน่วยงานด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ สำนักบริหารความยั่งยืนธรรมาภิบาลและสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า ขอบคุณทุกฝ่ายที่ผนึกกำลังมองเป้าหมายเดียวกัน คอยเป็นกำลังเสริมเพื่อสนับสนุน ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานในการดับไฟป่าเเละรักษาผืนป่าอันเป็นเเหล่งทรัพยากรที่สำคัญของทุกคน โดยการเข้าปฏิบัติงานดับไฟป่าของเจ้าหน้าที่ทุกครั้งล้วนมีความสี่ยงต่างๆ ทั้งในการลาดตระเวนตามแนวเขตพื้นที่ป่า ซึ่งทางเครือฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญ ทั้งด้านสิ่งเเวดล้อม เเละสุขภาพของชุมชน จึงได้ขับเคลื่อนการทำงานร่วมกับเครือข่ายเเละพร้อมสนับสนุนภารกิจร่วมกันมาโดยดีตลอด เพื่อบรรลุเป้าหมายไปด้วยกัน

AIS จ่ายค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 700 MHz จากการประมูล

0

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์  อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ในฐานะผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (เอดับบลิวเอ็น) ผู้ได้รับจัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 700 MHz (733 – 738 / 788 -793 MHz ) ในมูลค่ารวม 17,154 ล้านบาท เป็นตัวแทนชำระค่าคลื่นความถี่ย่าน 700 MHz งวดที่ 1 จำนวน 1,835,478,000 บาท  รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว โดยมี พลเอกสุกิจ ขมะสุนทร ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นผู้รับมอบ เพื่อนำส่งเงินเป็นรายได้ของแผ่นดินต่อไป

นายสมชัย กล่าวว่า  บริษัทตั้งใจที่จะประมูลคลื่น 700 MHz เพิ่มเติม เพื่อนำมาให้บริการ 5G โดยเป็นคลื่น 5G แบบเต็ม Block ตามมาตรฐานเทคโนโลยี 5G ระดับโลก ซึ่งเป็นจำนวนที่จะนำมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และเพื่อให้คลื่นความถี่ที่เอไอเอสมี ครบทั้งย่านความถี่ต่ำ ย่านความถี่กลาง และย่านความถี่สูง ครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบ ประกอบด้วย คลื่น 700 MHz จำนวน 30 MHz (2×15 MHz), คลื่น 2600 MHz จำนวน 100 MHz และคลื่น 26 GHz จำนวน 1200 MHz รวมเฉพาะคลื่นความถี่ที่จะนำมาให้บริการ 5G ทั้งหมดอยู่ที่ 1330 MHz และเมื่อรวมกับคลื่นความถี่เดิมที่มีจำนวนมากที่สุดอยู่แล้ว ส่งผลให้เอไอเอสยังคงยืนหยัด ในฐานะผู้นำอันดับ 1 ที่มีคลื่นความถี่ในการให้บริการ 3G,4G และ 5G มากที่สุดในอุตสาหกรรม รวม 1420 MHz (ไม่รวมคลื่นที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ) ที่จะนำมาสร้างประโยชน์ในการฟื้นฟูประเทศ
ผ่านการร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมหลักต่างๆและลูกค้าทุกกลุ่มต่อไป

เมืองไทยประกันชีวิต เปิดตัวแคมเปญ Big Thanks for YOUR VOICES ลุ้นรับรางวัลแทนคำขอบคุณกว่า 8 แสนบาท

0
สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวแคมเปญใหญ่ “Big Thanks for YOUR VOICES” เพื่อมอบสิทธิพิเศษแทนคำขอบคุณให้กับลูกค้าทุกท่านที่ให้ข้อเสนอแนะมายังบริษัทฯ ทั้งการประเมินความพึงพอใจ การให้คำแนะนำต่างๆ ตลอดจนการเข้าร่วมโครงการของบริษัทฯ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถนำเสียงเหล่านั้นมาช่วยในการพัฒนาการบริการต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น โดยลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมแคมเปญสุดพิเศษนี้ จะมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลแทนคำขอบคุณรวมมูลค่ากว่า 800,000 บาท

สามารถเข้าร่วมแคมเปญได้ง่ายๆ ดังนี้ 1) เมื่อประเมินความพึงพอใจจากการเข้าใช้บริการผ่านช่องทางต่างๆ ที่บริษัทฯ กำหนด กรณีประเมินโดยให้คะแนนเฉพาะความพึงพอใจ จะได้รับ 1 สิทธิ์ ต่อการประเมิน 1 ครั้งต่อเดือน โดยไม่จำกัดช่องทาง 2) เมื่อประเมินความพึงพอใจจากการเข้าใช้บริการผ่านช่องทางต่างๆ ที่บริษัทฯ กำหนด และให้ข้อเสนอแนะเพื่อนำไปพัฒนาช่องทางการบริการต่างๆ จะได้รับ 3 สิทธิ์ ต่อการให้คำแนะนำ 1 ครั้ง ต่อเดือน 3) เมื่อเข้าร่วมลงทะเบียนการยืนยันตัวตนด้วยเสียงในโครงการ Voice Biometrics สำเร็จ ได้รับ 10 สิทธิ์ ระยะเวลาการเข้าร่วมแคมเปญ Big Thanks for YOUR VOICES ตั้งแต่ วันที่ 1 มีนาคม ถึง 31 ธันวาคม 2564 โดยจะมีการจับสลากรางวัลในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ณ เมืองไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่ และประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่เว็บไซต์ www.muangthai.co.th

ลูกค้าเมืองไทยฯ สนใจเข้าร่วมสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงรายละเอียดของรางวัลรวมมูลค่า 800,000 บาทเพิ่มเติมได้ที่ https://www.muangthai.co.th/th/about-mtl/news-and-update/bigthanks-for-your-voices

นายสาระ กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นในการเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจพร้อมดูแลและเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต ภายใต้กลยุทธ์ “MTL Trusted Lifetime Partner” ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ ช่องทางการขายที่หลากหลาย ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุก Journey ในแบบที่มีความเฉพาะตัวของบุคคล (Personalization) มากยิ่งขึ้น ผ่านแพลตฟอร์ม Digital และ Non-digital ที่สามารถเข้าถึงความต้องการในทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากล และโดดเด่นด้วยภาพลักษณ์องค์กรที่มีความทันสมัย เป็นมืออาชีพ เดินหน้าเติมเต็มการให้บริการที่เหนือระดับ (Beyond Insurance Service) ด้วยรูปแบบการบริการที่หลากหลาย พร้อมด้วยการดำเนินการตามนโยบายยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) ผ่านการรับฟังเสียงของลูกค้า เพื่อนำมาพัฒนาการบริการในทุกจุดที่ลูกค้าเข้ามาสัมผัส