Home Blog Page 378

ซีพีเอฟ เดินหน้าส่งมองอาหารปลอดภัยถึงมือหมอ-พยาบาลที่รพ.แม่ระมาด จ.ตาก

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ โดย นายมานพ หนูเทศ ผู้แทนบริษัท ส่งมอบอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน ในโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ให้แก่ โรงพยาบาลแม่ระมาด อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่คณะแพทย์ พยาบาล บุคคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่คัดกรองกลุ่มเฝ้าระวัง ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นด่านหน้าในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ให้ได้รับอาหารที่ดี มีคุณค่าทางโภชนาการ สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มที่ ช่วยเหลือสังคมและประเทศไทยให้รอดพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปได้ โดยมี ผู้แทน นายแพทย์สุธา ภัทรกิจรุ่งเรือง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่ระมาด เป็นผู้รับมอบ

ก่อนหน้านี้ ซีพีเอฟ ได้ส่งมอบอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานให้แก่ โรงพยาบาลพบพระ และเตรียมส่งมอบอาหารปลอดภัยให้แก่โรงพยาบาลของรัฐในจังหวัดตาก อีก 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลท่าสองยาง โรงพยาบาลแม่สอด และ โรงพยาบาลอุ้มผาง รวมทั้งหมด 5 แห่ง โดยทีมงานเดลิเวอรี่ของซีพี เฟรชมาร์ท จะจัดส่งอาหารให้บุคลากรทางการแพทย์ถึงที่โรงพยาบาล

ซีพีเอฟ ในฐานะผู้ผลิตอาหารคุณภาพปลอดภัย ได้แบ่งเบาภาระของกระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือคนไทยและประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 มาตั้งแต่ช่วงต้นปี ในครั้งนี้ บริษัทฯ ขอนำความเชี่ยวชาญด้านอาหาร มาช่วยแบ่งเบาภารกิจของทีมแพทย์ใน จังหวัดตากอีกครั้ง เพื่อเติมกำลังกายและเป็นกำลังใจให้แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องใกล้ชิดและมีความเสี่ยงอย่างมากในสถานการณ์นี้ เนื่องจากจังหวัดตากเป็นจังหวัดชายแดนที่มีแรงงานจากเมียนมาเข้าออกเป็นจำนวนมาก

เลื่อนเปิดรถไฟฟ้าสายสีทองเป็น ธ.ค. 63 คิดค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย

0

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง สายสีทอง ระยะที่ 1 (สถานีกรุงธนบุรี-สถานีสำนักงานเขตคลองสาน) โดยมี ผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง ผู้บริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และผู้บริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมให้การต้อนรับ ณ สถานีกรุงธนบุรี เขตคลองสาน

พล.ต.อ.อัศวิน เปิดเผยว่า ขณะนี้การก่อสร้างและติดตั้งระบบในภาพรวมมีความก้าวหน้า 96 % แบ่งออกเป็นความก้าวหน้างานโยธา 98 % และความก้าวหน้างานระบบการเดินรถ 92 % ทั้งนี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้การจัดส่งขบวนรถและอุปกรณ์ต่างๆ ล่าช้า รวมทั้งมีการปรับปรุงแบบทางขึ้นลงสถานีให้ตรงตามความต้องการของชุมชน ทำให้ต้องเลื่อนกำหนดการเปิดให้บริการจากเดิมที่กำหนดไว้ในเดือน ต.ค.63 เป็นเดือน ธ.ค.

ทั้งนี้ หลังจากที่สถานการณ์โรคโควิด-19 เริ่มคลี่คลายได้รับมอบขบวนรถในโครงการมาครบแล้ว ทั้ง 3 ขบวน และขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบการเดินรถในเส้นทาง ซึ่งผลการทดสอบเป็นไปตามแผน คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการประชาชนได้กลางเดือน ธ.ค.63 กำหนดอัตราค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับชาวกรุงเทพฯ โดยเฉพาะประชาชนในย่านฝั่งธนฯ ที่จะมีทางเลือกในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริเวณสถานีคลองสาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการหลายแห่ง อาทิ โรงพยาบาลตากสิน สำนักการศึกษา สำนักงานเขตคลองสาน และสน.ปากคลองสาน จะช่วยให้การเดินทางมาติดต่อราชการของประชาชนสะดวกมากขึ้น โดยรถไฟฟ้าสายสีทองยังเชื่อมต่อการเดินทางระบบ ล้อ ราง เรือ รองรับผู้โดยสารจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีกรุงธนบุรี และเชื่อมต่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงในอนาคต รวมทั้งยังเชื่อมการเดินทางของประชาชนที่ใช้บริการเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย

นอกจากนี้การพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าดังกล่าวยังช่วยเพิ่มมูลค่าของที่ดินบริเวณแนวรถไฟฟ้า เสริมสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ และจะเป็นจุดไฮไลท์อีกแห่งหนึ่งที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยว อันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ได้ทางหนึ่งด้วย

กรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) วิสาหกิจของกรุงเทพมหานครเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งไม่ได้ใช้งบประมาณของภาครัฐ แต่ใช้รายได้ล่วงหน้าจากการให้สิทธิพื้นที่โฆษณาบนรถไฟฟ้ามาลงทุนก่อสร้างโครงการ เป็นรูปแบบการแสวงหาความร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนากรุงเทพฯ ไปด้วยกัน จึงทำให้โครงการเกิดขึ้นได้เร็ว ไม่ต้องรอกระบวนการวิธีงบประมาณจากทางภาครัฐ และทรัพย์สินในโครงการนี้ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของกรุงเทพมหานครทั้งหมด ขอยืนยันว่าโครงการนี้ เป็นความตั้งใจดีที่ กทม. มอบแก่ให้ประชาชน สำหรับปัญหาการใช้ผิวการจราจรในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีทอง ปัจจุบันนี้การก่อสร้างงานโยธาของโครงการรถไฟฟ้านั้นเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่ที่มีการก่อสร้างคือการดำเนินการของหน่วยงานสาธารณูปโภคซึ่งได้เร่งรัดการดำเนินการให้รวดเร็วที่สุด พร้อมกำชับให้สำนักงานเขตเร่งประสานเปิดพื้นที่การจราจรลดผลกระทบต่อผู้สัญจรในเส้นทางให้มากที่สุด

ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง มีระยะทางรวม 2.75 กิโลเมตร 4 สถานี วิ่งตามแนวถนนกรุงธนบุรี ถนนเจริญนครและถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน การดำเนินงานแบ่งออกเป็น 2 ระยะ โดยในปัจจุบันเป็นการดำเนินการระยะที่ 1 ระยะทาง 1.80 กิโลเมตร ประกอบด้วย สถานีกรุงธนบุรี (G1) สถานีเจริญนคร (G2) และสถานีคลองสาน (G3) ระบบรถไฟฟ้าเป็นระบบ Automated Guideway Transit (AGT) หรือระบบขนส่งมวลชนแบบนำทางอัตโนมัติ หรือรถไฟฟ้าระบบ Automated People Mover (APM) เป็นระบบล้อยาง โดยรถที่นำมาใช้เป็นรถไฟฟ้ารุ่น Bombardier Innovia APM 300 ความเร็วสูงสุดที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง จำนวน 3 ขบวน ขบวนละ 2 ตู้ ความจุผู้โดยสาร 138 คน/ตู้ ตู้รถไฟฟ้ามีความกว้าง 2.8 เมตร ความยาว 12.75 เมตร ความสูง 3.5 เมตร ประตูมีความกว้าง 1.9 เมตร ความสูงของพื้นรถ 1.1 เมตร คาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารเมื่อเปิดให้บริการ อยู่ที่ประมาณ 42,000 เที่ยว-คน/วัน

ยูฟาร์ม เปิดตัว ‘หมูชีวา’ นวัตกรรมเนื้อหมู ไขมันดี โอเมก้าสูง

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ หมูชีวา แบรนด์ยูฟาร์ม นวัตกรรมหมูชีวา เป็นหมูไขมันดี มีโอเมก้า 3 สูง ที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ พัฒนาอาหาร และวิธีการเลี้ยงตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ ต่อยอดจากมาตรฐานปศุสัตว์โอเคของกรมปศุสัตว์ ตามแนวทางอาหารปลอดภัยของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งได้รับการรับรองจาก NSF และเพิ่งคว้ารางวัลสุดยอดนวัตกรรมจากงาน THAIFEX – Anuga Asia 2020 โดยมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดตัว พร้อมด้วยนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ ให้การต้อนรับ และมี น.สพ.สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ให้เกียรติร่วมงาน

ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า อาหารเพื่อสุขภาพยังคงเป็นที่นิยมและมีความต้องการบริโภคเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยูฟาร์มก็ประสบความสำเร็จอย่างมากกับผลิตภัณฑ์ไก่เบญจา จึงได้ทำการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์เพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง กระทั่งพบความสำเร็จอีกครั้งกับนวัตกรรม “เนื้อหมูชีวา” เนื้อหมูที่อุดมด้วยไขมันดี มีโอเมก้า 3 สูง ซึ่งสามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่ทั้งใส่ใจในสุขภาพและให้ความสำคัญกับหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare)

ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ

“เนื้อหมูชีวา เป็นนวัตกรรมเนื้อสัตว์ที่เราทำการพัฒนาหมู ตั้งแต่สายพันธุ์ อาหารที่เลี้ยง ตลอดจนวิธีการเลี้ยง เพื่อให้ได้มาซึ่งเนื้อหมูไขมันดี และมีโอเมก้า 3 สูง ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยมีงานวิจัยรองรับ ตลอดจนได้รับการรับรองมาตรฐานการเลี้ยงจาก NSF ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำในด้านการรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ในระดับนานาชาติ และคว้ารางวัลสุดยอดนวัตกรรมอาหารจากงานแสดงสินค้าอาหารระดับโลก THAIFEX–Anuga Asia 2020” นายประสิทธิ์กล่าว

ดร.ไพรัตน์ ศรีชนะ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานวิชาการอาหารสัตว์บก กล่าวว่า อาหารของหมูชีวามีความพิเศษและแตกต่างจากอาหารหมูทั่วไป เนื่องจากใช้ซูเปอร์ฟู้ดอย่างเมล็ด flaxseed น้ำมันปลา และสาหร่ายทะเลลึก มาเป็นวัตถุดิบในสูตรอาหาร เพื่อเป็นแหล่งของโอเมก้า3 ให้หมูชีวาสามารถสะสมสร้างเป็นไขมันดีเพื่อสุขภาพได้สำเร็จ

สำหรับด้านการเลี้ยงหมูชีวา จากพื้นฐานสำคัญของฟาร์มมาตรฐานปศุสัตว์โอเคของกรมปศุสัตว์ ซีพีเอฟได้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงสุดภายในฟาร์มระบบปิดที่มีการป้องกันโรคอย่างเข้มงวดและเป็นโรงเรือนปรับอากาศด้วยการระเหยของน้ำ ส่งผลให้หมูชีวาอยู่สบาย แข็งแรง ไม่ป่วย นอกจากนี้ยังเลี้ยงหมูชีวาใน “คอกขังรวม (Group Pen)” ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ ให้แม่พันธุ์อุ้มท้องมีอิสระในการเคลื่อนไหวและมีปฏิสัมพันธ์กับสุกรตัวอื่นๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญคือไม่มีการใช้สารเร่งการเจริญเติบโต ปราศจากสารเร่งเนื้อแดง และไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ 100% ตลอดการเลี้ยงดู จึงมั่นใจได้ว่าหมูชีวาปลอดภัยและเหมาะมากสำหรับทุกคนในครอบครัว

ด้าน นายเฉลิมชัย รมว.กระทรวงเกษตรกและสหกรณ์ เปิดเผยว่า นโยบาย 3S เป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรฯ ประกอบด้วยกรอบการทำงานเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหาร (Safety) ความมั่นคงทางอาหาร (Security) และความยั่งยืนภาคเกษตร (Sustainability) ที่จะสนับสนุนและมุ่งเป้าให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลก เพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการผลิตอาหารที่ดีและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค ขณะที่ซีพีเอฟถือเป็นภาคเอกชนที่ช่วยขับเคลื่อนนโยบาย 3S โดยเป็นทั้งผู้ผลิตอาหารปลอดภัย ช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารให้ประเทศ และต่อยอดนวัตกรรมไปถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหาร “หมูชีวา” ซึ่งป็นการเพิ่มทางเลือกที่ดีสำหรับอาหารเพื่อสุขภาพให้แก่ผู้บริโภคได้อย่างน่าชื่นชม

น.สพ.สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า กรมปศุสัตว์ได้วาง “มาตรฐานปศุสัตว์โอเค” ซึ่งเป็นการกำกับดูแลการผลิตอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ตั้งแต่ต้นทางคือ ฟาร์ม โรงชำแหละ และจุดจำหน่าย รวมทั้งตรวจสอบย้อนกลับได้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายอาหารปลอดภัยให้ผู้บริโภคได้บริโภคเนื้อสัตว์ที่ดี โดยซีพีเอฟเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานนี้ทั้ง 100% รวมทั้งมาตรฐานด้าน Animal welfare หรือ หลักสวัสดิภาพสัตว์ ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้เป็นอย่างดี “หมูชีวา” จึงเป็นต้นแบบของศักยภาพผู้ประกอบการไทยที่มีการวิจัยพัฒนาและต่อยอดนำไปสู่นวัตกรรมอาหารของไทยที่ไม่แพ้ชาติอื่นในโลก

ด้าน รศ.นพ. กัมมาล กุมาร ปาวา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า แนวคิด “การกินอาหารเป็นยา” หรือ “Food as Medicine” เป็นทางเลือกของการกินอาหารเพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดี และจากผลจากการทดสอบในสัตว์ทดลองบ่งชี้ว่าเมื่อสัตว์ทดลองทานอาหารที่ปรุงจากผลิตภัณฑ์จากหมูชีวา (น้ำมันหมู) ปริมาณไขมันในกระแสเลือด ซึ่งประกอบด้วย โคเลสเตอรอล, ไตรกลีเซอไรด์, และ LDL นั้น มีปริมาณต่ำกว่าสัตว์ทดลองกลุ่มที่ทานอาหารที่ปรุงจากน้ำมันมะพร้าวอย่างมีนัยยะสำคัญ

“ผลการทดลองดังกล่าวเป็นผลมาจากการสะสมของกรดไขมันโอเมก้า 3 ในผลิตภัณฑ์หมูชีวาที่มีสูงกว่าเนื้อหมูทั่วไป ซึ่งโอเมก้า3 นี้มีความสำคัญมากต่อสุขภาพของมนุษย์ เนื่องจากมีคุณสมบัติ ช่วยลดระดับไขมันในเลือด ทั้งโคเลสเตอรอล (Cholesterol), ไขมันชนิดไม่ดี (LDL), และไตรกลีเซอรืไรด์ (Triglyceride) ซึ่งจะมีส่วนช่วยป้องกันความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ”

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์หมูชีวามุ่งเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นคนรักสุขภาพ พ่อแม่ยุคใหม่ที่ใส่ใจการเลือกอาหารให้ลูก ผู้ใหญ่วัยกลางคน และผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพ นอกจากนี้ ยังมีแผนทำการตลาดร่วมกับร้านอาหารชั้นนำ ร้านอาหารระดับพรีเมียม รวมถึงร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ เพื่อสร้างการรับรู้ กระตุ้นให้เกิดการทดลองบริโภคหมูชีวา ซึ่งก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพเนื้อหมูพรีเมี่ยมเพื่อสุขภาพอย่างหมูชีวาได้ในที่สุด

กระทรวงเกษตร หนุนส่งออกสินค้าเกษตร-ปศุสัตว์ รับเทรนด์อาหารปลอดภัยหลังโควิด-19

0

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในงานเปิดตัว หมูชีวา แบรนด์ ยูฟาร์ม ว่า กระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายนำภาคเกษตรสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งหากนำเกษตรกรไปสู่จุดนั้นได้ ประเทศจะเข้มแข็ง ทั้งสังคมและเศรษฐกิจ ตัดปัญหารายได้น้อยของคนส่วนใหญ่ของประเทศได้ทันที

ในสถานการณ์โควิด-19 แสดงให้เห็นชัดเจนว่าโลกต้องการอาหารปลอดภัย และการฟื้นตัวของภาคธุรกิจในหลายประเทศต้องใช้เวลานานมาก ไทยต้องพลิกวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสให้ได้ และภาคเกษตรมีความสำคัญมากในการพลิกฟื้นประเทศ ใครฟื้นเร็วกว่าคือได้เปรียบ เป็นโอกาสของธุรกิจ และของประเทศ

กระทรวงเกษตร พร้อมที่จะก้าวเดินไปด้วยกัน เพื่อสร้างรากฐานให้สังคมไทย ถ้าเกษตรกรเข้มแข็ง ชาติเข้มแข็ง เศรษฐกิจเข้มแข็ง และไทยจะเป็นผู้นำจากการผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพ เมื่อผลิตได้แล้ว และทำการเผื่อแผ่ไปสู่เกษตรกร ก็จะสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ

ทั้งนี้ ความมั่นคงทางอาหารเป็นนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงเกษตรฯ โดยจะร่วมมือกับเอกชนในการต่อยอดผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ออกมา ไม่เพียงรองรับความต้องการของผู้บริโภค แต่เพื่อผลักดันการส่งออกด้วย โดยผลิตภัณฑ์หมูชีวา เป็นสินค้าที่มีความสำคัญที่สามารถทำรายได้ให้ประเทศ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย เชื่อว่าไทยจะต้องติดอันดับผู้ส่งออกอาหารของโลก จากอันดับ 12 เป็น Top Ten ได้ในปีหน้า

ด้าน น.สพ. สรวิศ ธานีโต อธิบดี​กรม​ปศุสัตว์​ กล่าวว่า​กรมฯ มีหน้าที่ในการกำกับดูแลเรื่องสุขภาพ​สัตว์​ให้ปลอดโรค การส่งเสริม​การ​ผลิตของเกษตรกร​รายย่อย และการผลิตอาหาร​ปลอดภัย​ซึ่งเป็นเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภค ที่กรมฯให้ความสำคัญมากขณะนี้

สำหรับหมูชีวา เป็นผลิตภัณฑ์​ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่การผลิต และเป็นผลิตภัณฑ์​ที่คัดเลือกทุกองค์ประกอบเป็นอย่างดี เพื่อสุขภาพ​และเป็นการเลี้ยงตามหลักสวัสดิภาพ​สัตว์​ ทั้งยังได้รับเครื่องหมายรับรองคุณภาพ ‘ปศุสัตว์​ OK’ นั่นหมายความว่าเป็นเนื้อหมูที่มาจากสัตว์​ที่เลี้ยงในฟาร์มมาตรฐาน GAP แปรรูป​จากโรงงานแปรรูป​ที่ได้รับใบอนุญาต​และคุณภาพ​จากกรมฯ สถานที่จำหน่ายถูกสุขลักษณะ​และสามารถตรวจสอบย้อนกลับ​ได้

​กระทรวงเกษตรและสหกรณ์​มุ่งมั่นผลักดันมูลค่าการส่งออกปศุสัตว์​ไทยสู่เป้าหมาย 2 แสนล้านบาท​ ในปี 2563​ ซึ่ง​จะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์​มวลรวมภาคปศุสัตว์​ 5.6% ในปีนี้ จากการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์​

เอไอเอส ยกระดับวงการเกมในไทย เตรียมจัดงาน Thailand Zocial AIS Gaming Awards

0

นายอลิสแตร์ เดวิด จอห์นสตั้น กรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจพัฒนาธุรกิจใหม่ เอไอเอส เปิดเผยว่า เอไอเอส ร่วมกับ บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด (Wisesight) จัดงานมอบรางวัล Thailand Zocial AIS Gaming Awards งานประกาศรางวัลครั้งแรกของวงการเกมและอีสปอร์ตในประเทศไทย เพื่อร่วมเชิดชูและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ทำผลงานบนโซเชียลมีเดียยอดเยี่ยมในด้านเกมและอีสปอร์ตตลอดปีที่ผ่านมา ยกระดับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอีสปอร์ต อีโคซิสเต็ม พร้อมผลักดันไทยสู่อีกขั้นของการเป็นฮับอีสปอร์ตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถนำข้อมูลบนโซเชียล

นายกล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ กล่าวว่า ยินดีที่ได้ทำงานร่วมกับเอไอเอส ในการเข้ามามีบทบาทยกระดับอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและได้รับการยอมรับในวงกว้าง โดยได้พัฒนา GAMING METRIC สำหรับวัดประสิทธิภาพบนโซเชียลมีเดียในด้านเกมและอีสปอร์ต เพื่อเชิดชูผู้เกี่ยวข้องในอีสปอร์ต อีโคซิสเต็ม อย่างเหมาะสม สร้างสรรค์ และมีผลงานยอดเยี่ยมบนโซเชียล สร้างมาตรฐานใหม่ที่ได้รับการยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ซึ่งจะเป็นอีกส่วนสำคัญของการร่วมฟื้นฟูและผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

Thailand Zocial AIS Gaming Awards 2020 จะมีการมอบรางวัลเพื่อเชิดชูผู้ที่ทำงานได้ดีบนโซเชียลมีเดียจำนวน 33 รางวัลให้กับเหล่า Game publisher, Game Creator, e-Sport Player, e-Sport club, game caster รวมถึง devices และ gadget โดยแบ่งเป็น 7 กลุ่มรางวัล ได้แก่

1. The most popular game publisher จำนวน 13 รางวัล

2. The most popular game creator จำนวน 2 รางวัล

3. The most popular game creator by platform จำนวน 2 รางวัล

4. The most popular e-Sport Player and e-Sport club จำนวน 8 รางวัล

5. The most popular game caster จำนวน 1 รางวัล

6. The most popular game devices & gadget จำนวน 5 รางวัล

7. Special Awards จำนวน 2 รางวัล

Wisesight ได้พัฒนา GAMING METRIC โดยเก็บข้อมูลจากโซเชียลมีเดียทั้งหมด 5 ช่องทาง ได้แก่ Facebook, Instagram, Twitter, YouTube และ Twitch ซึ่งใช้เกณฑ์การวัดผลทั้งหมด 7 ปัจจัยด้วยกันคือ วัดปริมาณกลุ่มเป้าหมาย และผู้ติดตาม (Fans Base), วัดความสามารถในการโน้มน้าว (Intention), วัดระดับการแนะนำเนื้อหาให้กับเพื่อนหรือคนรู้จัก (Recommendation), วัดประสิทธิภาพ หรือความสนใจต่อเนื้อหา (Interaction), วัดระดับความสนใจของผู้ติดตามที่มีต่อเนื้อหา (View), วัดระดับการ กระจายเนื้อหาผ่านปริมาณการแชร์บนโซเชียลมีเดีย (Share), วัดปริมาณการพูดถึงผลงานของเกมครีเอเตอร์ เกมแคสเตอร์ นักกีฬา e-sport เกมต่างๆ จากโซเชียลมีเดีย และ (Social Voice)

รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน : ห้องเรียนนักลงทุน (3)

0

คราวที่แล้วเราได้ชี้ทางเลือกการลงทุนในตลาดทุน หรือลายแทงขุมทรัพย์ เพื่อนำเงินออมออกไปลงทุน สร้างผลตอบแทนให้งอกเงย ไว้ 6 ประเภท คือ 1.ลงทุนในหุ้น 2.ลงทุนอนุพันธ์ ทำกำไรทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง 3.กองทุนรวม เงินลงทุนเติบโตโดยมืออาชีพ 4. DW ลงทุนน้อยกว่า โอกาสได้ผลตอบแทนสูงกว่า 5.อีทีเอฟ ซื้อง่ายขายคล่อง ผลตอบแทนตามดัชนี 6.ตราสารหนี้ เสี่ยงน้อยผลตอบแทนสม่ำเสมอ และมีการลงทุนทางเลือกอื่นๆ เช่น การลงทุนในทองคำและอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

วันนี้ “คุณนายพารวย” จะพามารู้จักการลงทุนในตลาดหุ้น คือการเข้าไปซื้อขายหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผู้ถือหุ้นจะมีโอกาสได้ผลตอบแทน 2 ทางคือ จาก “เงินปันผล” เมื่อบริษัทมีกำไรและมีนโยบายจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิ

และเมื่อกิจการมีผลการดำเนินงานดี กำไรเติบโต นักลงทุนก็อยากที่จะเข้ามาซื้อหุ้น ราคาหุ้นก็จะปรับตัวสูงขึ้นทำให้มีโอกาสได้ “กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น” ที่สูงขึ้นด้วย แต่ในทางกลับกันก็มีโอกาสขาดทุนจากราคาหุ้นที่ลดลงเช่นกัน

ก่อนอื่นจะต้องย้ำว่า การลงทุนในตลาดหุ้นถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ที่จะเข้ามาลงทุนจะต้องศึกษาหาความรู้สร้างความเข้าใจ วิเคราะห์ธุรกิจหุ้นที่จะเข้าลงทุนอย่างดี เช่น งบการเงิน แผนการดำเนินงานและการเติบโตในอนาคต และศึกษาบทวิเคราะห์มุมมองโบรกเกอร์

ขณะเดียวกันสิ่งที่จะบอกก็คือ จากข้อมูลสถิติพบว่า การลงทุนในตลาดหุ้นแม้จะมีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงเช่นกัน หากเรามีการลงทุนระยะยาวหรือให้เวลากับการลงทุน

ทั้งนี้ เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ www.set.or.th/investnow หัวข้อ “รอบรู้ออมหุ้น DCA” ได้รวบรวมข้อมูลและสถิติย้อนหลังพบว่า การลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าสินทรัพย์อื่น โดยผลตอบแทนย้อนหลังเฉลี่ย 10 ปี (ปี 2551-60) การลงทุนในตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงสุดเฉลี่ยปีละ 11.61% ขณะที่การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลให้ผลตอบแทน 5.15% ลงทุนในทองคำให้ผลตอบแทน 4.5% ขณะที่การทิ้งเงินฝากไว้ในบัญชีเงินฝากประจำให้ผลตอบแทนปีละ 1.73% เท่านั้น

นอกจากนี้ยังพบว่า การออมเดือนละ 5,000 บาท ในสินทรัพย์ต่างๆทุกเดือนเป็นเวลา 10 ปี ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2551-60 พบว่าออมเงินในหุ้นจะได้ผลตอบแทนงอกเงยรวมเป็น 1,100,000 บาท (คำนวณจากผลตอบแทนใน TDEX ซึ่งอ้างอิงการลงทุนใน SET50) ออมในพันธบัตรรัฐบาลได้ 780,000 บาท ออมทองคำ 750,000 บาท และฝากประจำได้ 650,000 บาท

ดังนั้น “คุณนายพารวย” อยากแนะนำมือใหม่ที่อยากลงมือลงทุนซื้อขายหุ้นด้วยตัวเองให้เริ่มจากการลงทุน “ออมหุ้น” ซึ่งขณะนี้หลายโบรกเกอร์มีบริการเปิดพอร์ตเพื่อให้ลงทุนผ่านโปรแกรมออมหุ้น

โดยเฉพาะการออมหุ้นแบบ DCA (Dollar Cost Averaging) ซึ่งเป็นกลยุทธ์การลงทุนแบบ “ถัวเฉลี่ยต้นทุน” ด้วยการทยอยลงทุนหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ในจำนวนเงินที่เท่าๆกันอย่างสม่ำเสมอ และเป็นการลงทุนในระยะยาว โดยกำหนดจำนวนเงินที่ต้องการลงทุน และช่วงเวลาลงทุนในแต่ละเดือน โดยสามารถเริ่มต้นออมหุ้นด้วยเงินไม่มาก โดยเริ่มได้ตั้งแต่เดือนละ 1,000 บาทเท่านั้น

ครั้งหน้าเราจะมาเรียนรู้และทำความรู้จักกับการออมหุ้นแบบ DCA กันให้มากขึ้น!!


ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน.. สู่ความมั่งคั่ง โดย คุณนายพารวย หน้าเศรษฐกิจ นสพ.ไทยรัฐ

ทรู 5G สร้างระบบนิเวศดิจิทัลเพื่อการศึกษาไทย ยกระดับสู่ Smart EducationSmart University

0

นายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น  เปิดเผยว่า การสนับสนุนภาคการศึกษาไทยเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของกลุ่มทรูมาโดยตลอด โดยเฉพาะการนำศักยภาพด้านเทคโนโลยีสื่อสารร่วมสร้างโอกาสและเพิ่มการเข้าถึงองค์ความรู้แก่เยาวชนไทยในทุกรูปแบบ ซึ่งโครงการ  True5G World of Smart Education with Temi Robot Bootcamp เป็นโอกาสดีที่กลุ่มทรูจะนำศักยภาพความอัจฉริยะของทรู 5G ร่วมสร้างระบบนิเวศด้านดิจิทัลให้วงการการศึกษาไทย พร้อมนำองค์ความรู้ยกระดับวงการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้ก้าวสู่ Smart Education Smart University อย่างยั่งยืน โดยส่งมอบหุ่นยนต์อัจฉริยะ True5G Temi Connect &Carebot ให้แก่พันธมิตรสถาบันการศึกษา 20 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ทั้งยังจัด Bootcamp อบรมผ่านแพลตฟอร์ม “VLEARN” นำความรู้ความเชี่ยวชาญในฐานะผู้นำด้านดิจิทัลเทคโนโลยีครบวงจร ที่มีโซลูชันและเทคโนโลยีอัจฉริยะ ทั้ง AI, Robotics, Deep Data Analytics และ Smart IoT เสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียน ให้นิสิตนักศึกษามีความรู้เบื้องต้นด้านเทคโนโลยี 5G และหุ่นยนต์ รวมถึงการเขียนโปรแกรมของหุ่นยนต์ โดยใช้หุ่นยนต์อัจฉริยะ True5G Temi Connect &Carebotผ่านเครือข่ายอัจฉริยะ True5G  ในการพัฒนานวัตกรรม ต่อยอดไอเดียให้เป็นรูปธรรม โดยรับโจทย์จากห้างสรรพสินค้า แล้วนำมาพัฒนาสร้างโปรแกรม เพื่อให้เกิดการใช้งานหุ่นยนต์ได้จริง ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะให้นิสิตนักศึกษาสามารถต่อยอดไปเป็นสตาร์ทอัพได้ในอนาคต

โครงการดังกล่าว มุ่งเพิ่มศักยภาพและทักษะของนิสิตนักศึกษาในการพัฒนาแอปพลิเคชันหุ่นยนต์ที่ใช้งานได้จริงในธุรกิจค้าปลีก สนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีคุณค่าสูงและเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศโดยมีพันธมิตรมหาวิทยาลัยชั้นนำ 20 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  มหาวิทยาลัยบูรพา และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พร้อมยังมีสิทธิพิเศษ “ทรู ดิจิทัล พาร์ค โค-เวิร์คกิ้ง สเปซ” ให้นิสิตนักศึกษานั่งฟรี 12 เดือน และรางวัลเงินสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมรวมมูลค่ากว่า 750,000 บาท โดยมีระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่1 กันยายน 2563 – 28 กุมภาพันธ์ 2564

ด้าน ผศ. ศศิธร แก้วมั่น คณบดีคณะวิทยาการสารสนเทศมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า Temi Robot ทำให้การเรียนการสอนเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นโครงการที่ดีที่ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้และสามารถเห็นการพัฒนาจากโจทย์จริงๆ และมีผู้ใช้ประโยชน์จากผลงานของนักศึกษาจริงๆ ทั้งยังสามารถนำไปต่อยอดใช้งานในรูปแบบอื่นได้ด้วย

การมอบหุ่นยนต์อัจฉริยะ True5G Temi Connect &Carebotแก่มหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นจุดเริ่มต้นที่จุดประกายการสร้างสรรค์นวัตกรรม 5G เพื่อยกระดับภาคการศึกษาไทยสู่ Smart Educationซึ่งมหาวิทยาลัยถือเป็น hub ที่สำคัญมาก มีองค์ความรู้มากมาย มีการทดลองและพัฒนาด้าน Innovation และ R&D เป็นการนำเทคโนโลยี 5G มาพัฒนาต่อยอด และขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่Smart Nation อย่างยั่งยืนต่อไป

บีทีเอสทดสอบเดินรถเส้นทางวัดพระศรีมหาธาตุ-คูคต เตรียมเปิดบริการปลายปีนี้

0

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้นำขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอส เข้าดำเนินการทดสอบการเดินรถ ต่อจากสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ จำนวน 7 สถานี ตั้งแต่ สถานีพหลโยธิน 59, สถานีสายหยุด, สถานีสะพานใหม่, สถานีโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช, สถานีพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ, สถานีแยก คปอ. และสถานีคูคต ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต -สะพานใหม่-คูคต รวมระยะทาง 9.8 กิโลเมตร เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเปิดทดลองให้บริการภายในปลายปี 2563 นี้

สุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บีทีเอส

การทดสอบการเดินรถได้นำรถไฟฟ้าวิ่งทดสอบในราง (Test Track) ทั้งเส้นทาง และวัดระยะระหว่างโครงสร้างกับตัวรถไฟฟ้า รวมถึงตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้ง ไม่กีดขวางการเดินรถ

ภาพรวมการทดสอบเดินรถไป-กลับระหว่าง 7 สถานี ผลการทดสอบเป็นไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีข้อบกพร่อง

โดยเตรียมทดสอบระบบรวม (System Integration Test) เช่น ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบการสื่อสาร เพื่อให้มั่นใจว่าการทำงานทุกระบบสอดคล้องกัน มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัย

ความคืบหน้าการก่อสร้างงานโยธา และติดตั้งระบบไฟฟ้าทั้งโครงการแล้วเสร็จ 100 % พร้อมเปิดให้บริการตลอดเส้นทาง ภายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้รถไฟฟ้าบีทีเอสมีสถานีให้บริการทั้งหมด 59 สถานี รวมระยะทางทั้งสิ้น 68.25 กิโลเมตร

สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือส่วนต่อขยายตั้งแต่สถานีพหลโยธิน 59 ถึง สถานีคูคต ได้มีการดำเนินการติดตั้งประตูกั้นชานชาลา (Platform Screen Doors หรือ PSD) เรียบร้อยทั้ง 7 สถานี และทดสอบการใช้งานพร้อมให้บริการ ส่วนความคืบหน้าการติดตั้งประตูกั้นชานชาลาที่ สถานีสุรศักดิ์ และสถานีทองหล่อ ทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการติดตั้งตามแผนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ก.ล.ต.เผยยอดผู้สัมภาษณ์งาน 1,200 คน ประกาศผล 20 ต.ค.นี้

0

จากการที่ก.ล.ต. ได้จัดทำ “โครงการเสริมศักยภาพคนรุ่นใหม่สู่ตลาดทุน” เพื่อเปิดโอกาสคนรุ่นใหม่เข้าสู่เส้นทางอาชีพในตลาดทุน โดยเริ่มเปิดรับสมัครระหว่าง วันที่ 26 – 28 กันยายน 2563 ในงาน Job Expo Thailand 2020 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ซึ่งจัดโดยกระทรวงแรงงาน รับสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ และจัดงาน “สมัครงานกับ ก.ล.ต.” วันที่ 5 ตุลาคม 2563 ณ อาคารกีฬานิมิบุตร กรุงเทพมหานคร นั้น

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า สำนักงาน ก.ล.ต.ได้เปิดรับสมัครงาน 11 กลุ่มลักษณะงาน เพื่อเปิดให้ผู้จบการศึกษาใหม่ที่สมัครงานใน “โครงการเสริมศักยภาพคนรุ่นใหม่สู่ตลาดทุน” เข้าร่วมงานกับสำนักงาน ก.ล.ต. ในวันที่ 5 ตุลาคม นี้ มีผู้เข้ารับการสัมภาษณ์กว่า 1,200 คน ซึ่งพบว่า มีผู้จบการศึกษาจากหลากหลายสาขาและจากสถาบันการศึกษาทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด สำนักงาน ก.ล.ต. ขอขอบคุณผู้สนใจสมัครและเข้าร่วมรับสัมภาษณ์ในครั้งนี้ โดยจะประกาศผลผู้ผ่านการคัดเลือกในวันที่ 20 ตุลาคม 2563 และจะสามารถเริ่มงานได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 มีสัญญาการจ้างงาน 1 ปี สำนักงาน ก.ล.ต. หวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนให้ผู้จบการศึกษาใหม่ได้มีอาชีพ”

ทั้งนี้ “โครงการเสริมศักยภาพคนรุ่นใหม่สู่ตลาดทุน” จะเปิดรับสมัครผู้จบการศึกษาใหม่ระดับปริญญาตรี และปวส. จำนวน 100 อัตรา มีระยะเวลาการจ้างงาน 1 ปี โดยผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 25 ปี หรือหากอายุเกิน 25 ปีต้องจบการศึกษาในปี 2560 – 2563 ไม่จำกัดสาขา

กลุ่มทรู ยืนหนึ่งนวัตกรรมดิจิทัล คว้ารางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ 63

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า   นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษเนื่องในวันนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2563 จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำโดย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

ทั้งนี้ ในงานดังกล่าว ยังได้มีการมอบรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านเศรษฐกิจ ระดับรางวัลเกียรติคุณ ประเภทองค์กรขนาดใหญ่ แก่กลุ่มทรู โดย ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้แทน ในฐานะองค์กรที่คิดค้นและพัฒนาผลงานนวัตกรรมที่สามารถสร้างคุณค่าเชิงพาณิชย์ และเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม