Home Blog Page 374

เอไอเอส จับมือ ปตท. ขยายเครือข่าย 5G หนุนเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก

0

นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า บริษัทร่วมมือกับ ปตท. ในฐานะ Strategic Partner ขยายเครือข่าย 5G ในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์เพื่อเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก 

ความร่วมมือล่าสุดกับโครงการ 5G x UAV Sandbox นี้ นอกจากเอไอเอสจะขยายเครือข่าย 5G ให้ครอบคลุม เพื่อรองรับ Use case ในภาคอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแล้ว  ยังได้นำเทคโนโลยีประเภท Unmanned Aerial Vehicle – UAV มาทดลองทดสอบด้วยเช่นกัน อาทิ อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรนวิศวกรรม และกล้องตรวจการ 360 องศา ที่จะช่วยในการบริหารจัดการระบบรักษาความปลอดภัยในโรงงาน รวมไปถึงการทดลองทดสอบหุ่นยนต์ลาดตระเวณ 5G Self Control ที่ตอบโจทย์การทำงานในพื้นที่เสี่ยง อีกด้วย

หุ่นยนต์ตรวจการ AIS 5G Self Control

ด้าน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า โครงการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์เพื่อเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ตั้งอยู่ที่ ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง บนพื้นที่ 3,454 ไร่ เป็นโครงการที่ ปตท. มุ่งหวังที่จะสร้างความร่วมมือทุกภาคส่วน ช่วยขับเคลื่อนการวิจัย และพัฒนานวัตกรรม ให้เกิดขึ้นและประสบความสำเร็จในระดับที่สามารถนำไปสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ตามแนวคิด Powering Thailand’s Transformation เพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันและขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลง พร้อมพัฒนาสังคมและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ดังนั้น ปตท. จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT), สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) และค่ายมือถือทั้ง 3 ราย โดยใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติที่สำคัญของเทคโนโลยี 5G ในการพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรมต่าง ๆต่อไป

ทั้งนี้ ปตท. เปิดพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ให้ผู้สนใจทุกภาคส่วนได้ทดสอบนวัตกรรมต่าง ๆ และใช้ระบบ Ecosystem ในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีร่วมกันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ โดยผู้เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับสิทธิพิเศษจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในการพัฒนาธุรกิจในระยะยาว ได้แก่ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 13 ปี, ยกเว้นภาษีอากรขาเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบ, ภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดา ร้อยละ 17 ซึ่งต่ำที่สุดในเอเชีย, สมาร์ทวีซ่าสำหรับผู้เชี่ยวชาญและครอบครัว, พื้นที่ผ่อนปรนกฎระเบียบในการทำนวัตกรรม (Regulatory Sandbox) และศูนย์บริการด้านการลงทุนแบบเบ็ดเสร็จในที่เดียว (One Stop Service) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน 

ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ

0

กรมอุตุนิยมวิทยา เตรียมออกประกาศ ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ โดยในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ประเทศไทยมีอุณหภูมิลดลงอย่างต่อเนื่อง ต่ำกว่า 23 องศา ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่สามารถประกาศเข้าสู่หน้าหนาวได้

อุณหภูมิในตัวเมืองจะอยู่ราว 20-23 องศาเซลเซียส ส่วนตามยอดดอยจะต่ำกว่า 20 องศา ช่วงเดือน ธ.ค.63 – ม.ค.64 จะเป็นช่วงหนาวสุด คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีโอกาสเจออากาศหนาว อุณหภูมิ 15-16 องศา

ปีนี้หนาวต้นฤดูมีโอกาสที่สภาพอากาศแปรปรวน บางพื้นที่ บางจุดอาจมีฝนอยู่เล็กน้อย ประชาชนทางภาคเหนือ และอีสาน ควรเตรียมพร้อมดูแลร่างกายให้อบอุ่น โดยเฉพาะตามยอดดอย ยอดภู มีโอกาศเจออุณภูมิเลขตัวเดียว ในช่วงเดือนธันวาคม

สำหรับฤดูหนาววันแรก 22 ตุลาคม 2563 กรุงเทพฯ อุณหภูมิลดลง ราว 1 องศา อยู่ที่ 22 องศา ส่วนภาคเหนือ อีสาน ราว 20 องศา อีสานบางที่พื้นที่ 18-19 องศา ส่วนยอดดอยประมาณ12-13 องศา

โครงการคนละครึ่ง เริ่มใช้จ่ายวันแรก 23 ต.ค. นี้

0

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการคนละครึ่งมีความพร้อมในการรองรับระบบการใช้จ่ายของประชาชนที่จะเริ่มใช้จ่ายวันแรกในวันที่ 23 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป โดยช่วงเช้าของวันที่ 21 ต.ค. มีประชาชนลงทะเบียนแล้วจำนวน 6,733,557 คน ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบซึ่งได้รับสิทธิใช้จ่ายตามโครงการจำนวน 6,402,927 คน และยังเหลือสิทธิอีกกว่า 3 ล้านคน

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับ SMS ยืนยันสิทธิแล้ว ขอให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย จากนั้นเติมเงินจำนวนเท่าใดก็ได้ตามต้องการเข้าไปในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ก็จะสามารถใช้สิทธิซื้อสินค้ากับผู้ประกอบการร้านค้าที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการได้ทันที ระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563 ในช่วงเวลา 06.00 น. – 23.00 น.

สำหรับการใช้จ่ายแต่ละครั้งรัฐจะร่วมจ่ายครึ่งหนึ่ง แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อวัน และไม่เกิน 3,000 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ เช่น การใช้จ่ายในครั้งแรกหากต้องการจ่ายค่าอาหาร 200 บาท ต้องมีเงินใน “เป๋าตัง” อย่างน้อย 100 บาท เพื่อสแกนจ่ายเงินกับร้านค้า “ถุงเงิน” และรัฐจะร่วมจ่ายให้ร้านค้าอีก 100 บาท และจะเหลือวงเงินร่วมจ่ายจากรัฐ 2,900 บาท หรือหากต้องการใช้จ่ายค่าสินค้าจำนวน 400 บาท ผู้ได้รับสิทธิต้องมีเงินใน “เป๋าตัง” อย่างน้อย 250 บาท รัฐจะร่วมจ่ายให้ร้านค้า 150 บาท และจะเหลือวงเงินร่วมจ่ายจากรัฐ 2,850 บาท

ส่่วนร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบเข้าร่วมโครงการและมีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” แล้ว ขอให้อัพเดทแอปพลิเคชันให้เป็นปัจจุบันและกดปุ่มยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขโครงการผ่านแอปพลิเคชันดังกล่าวก่อนด้วย เพื่อให้พร้อมรับการสแกนจ่ายเงินด้วยแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ของประชาชนได้อย่างราบรื่น โดยขณะนี้มีร้านค้าที่สมัครเข้าร่วมโครงการจำนวนกว่า 300,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ซึ่งประชาชนสามารถสังเกตร้านค้าดังกล่าวจากสัญลักษณ์โครงการคนละครึ่งที่หน้าร้านค้า หรือค้นหารายชื่อและที่ตั้งร้านค้าได้จากเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.คอม อีกทางหนึ่ง

รองโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวย้ำว่า ขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.คอม ได้ต่อเนื่องทุกวัน ในช่วงเวลา 06.00 – 23.00 น. จนกว่าจะครบ 10 ล้านคน ส่วนผู้ประกอบการร้านค้าสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.คอม หรือ ณ สาขาหรือจุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยกำลังเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์และอำนวยความสะดวกในการรับสมัครผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจโดยเฉพาะหาบเร่ แผงลอยเข้าร่วมโครงการในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้มีร้านค้ารองรับการใช้จ่ายของประชาชนจำนวนมากที่สุด

สิงห์อาสา ลุยน้ำท่วมส่งน้ำดื่ม-ข้าวสาร ให้ชาวปักธงชัยคลายทุกข์

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภัยธรรมชาติในช่วงเดือนต.ค. ที่เกิดจากพายุ 3 ลูกที่พัดผ่านเข้าสู่ประเทศไทย ทั้งพายุหลิ่นฟา พายุนังกา และพายุโซเดล ส่งผลให้ทั่วประเทศเกิดฝนตกต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านกว่า 450 ครัวเรือนในพื้นที่อย่างมาก

ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ต.ค. สิงห์อาสา โดย มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับ ร่วมกับมูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา (ฮุก31) และเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่หมู่บ้านบ่อปลา ต.เมืองปัก อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งมีปริมาณน้ำท่วมสูงกว่า 2.5 เมตร จากปริมาณน้ำในเขื่อนลำพระเพลิง เกินความจุกักเก็บ ทำให้ต้องเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนฯ ส่งผลให้มวลน้ำจำนวนมหาศาลเอ่อท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน สิงห์อาสาพร้อมเครือข่ายจึงนำน้ำดื่มสิงห์ พร้อมข้าวสารพันดีแจกจ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ สิงห์อาสาและเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสา จะเฝ้าระวังติดตามมวลน้ำที่อาจไหลมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์ที่อ.ปักธงชัย และพื้นที่รอบนอกจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ พร้อมกันนี้เตรียมประเมินสถานการณ์ฝนที่ตกลงมาต่อเนื่องในภูมิภาคต่างๆ และทันทีที่ทราบว่าประชาชนพื้นที่ใดได้รับความเดือดร้อน สิงห์อาสาและเครือข่าย พร้อมเข้าพื้นที่ดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยทันที

ซีพีเอฟ สานต่อกองทุนคืนสุขผู้สูงวัย ร่วมสร้างสังคมกตัญญูเกื้อกูล

0

รายงานข่าวจากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟเดินหน้าสานต่อ”โครงการกองทุนซีพีเอฟ คืนสุขผู้สูงวัย” ปลูกฝังพนักงานในองค์กรรู้จักกตัญญูรู้คุณ แบ่งปัน ช่วยเหลือและดูแลผู้สูงอายุรอบฟาร์มและโรงงานของบริษัททั่วประเทศที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ขาดคนดูแล ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

โครงการดังกล่าว ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน เพื่อช่วยเหลือผู้สูงวัยที่เลี้ยงตัวเองไม่ได้ โดยตลอด 10 ปีของการดำเนินโครงการฯ ให้ความช่วยเหลือผู้สูงวัยไปแล้วรวมมากกว่า 800 ราย และเป็นการให้ความช่วยเหลือไปตลอดชีวิตจนกว่าผู้สูงอายุจะถึงแก่กรรม ซึ่งตัวเลขล่าสุด จนถึงเดือนตุลาคม 2563 มีจำนวนผู้สูงอายุที่ซีพีเอฟรับเข้าโครงการฯอยู่ที่ 357 ราย กระจายในทุกภาคทั่วประเทศ และในทุกๆปี จะมีการพิจารณารับผู้สูงอายุที่เข้าเงื่อนไขเข้าโครงการเพิ่มเติม

โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ระบาดของโควิด 19 ซีพีเอฟประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) ลงพื้นที่เพื่อตรวจสุขภาพทั่วไปให้แก่ผู้สูงอายุอย่างสม่ำเสมอ

“กองทุนซีพีเอฟ คืนสุข ผู้สูงวัย” จัตตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตนเองไม่ได้ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งด้านสุขภาพ สภาพจิตใจ อารมณ์ และสภาพแวดล้อม โดยใช้เกณฑ์พิจารณารับผู้สูงอายุเข้าร่วมโครงการฯ ต้องเป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป อาศัยอยู่ในชุมชนรอบฟาร์มหรือโรงงานของซีพีเอฟในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร ซึ่งนอกจากเงินช่วยเหลือที่ใช้ในการดำรงชีพ 2,000 บาททุกเดือนแล้ว เจ้าหน้าที่ซีพีเอฟออกเยี่ยมเยียนและติดตามสอบถามความเป็นอยู่อย่างต่อเนื่อง

เช่นกรณีของนางทองเทื้อม ช่างประดิษฐ อายุ 84 ปี ที่อ. ท่าเรือ จ พระนครศรีอยุธยา ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งท่อนล่างและหูตึง กินและนอนอยู่ที่ศาลาเล็กๆของทางเทศบาลตำบลท่าหลวงสร้างให้ โดยทุกๆวันจะมีเด็กศูนย์ปฏิบัติธรรมนำอาหารมาให้คุณยายเพื่อไว้รับประทานทั้ง 3 มื้อ คุณยายมีรายได้จากเบี้ยยังชีพคนพิการ 800 บาทต่อเดือน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 800 บาทต่อเดือน และได้รับเงินช่วยเหลือในโครงการกองทุนซีพีเอฟ คืนสุขผู้สูงวัย เดือนละ 2,000 บาท เป็นเวลา 5 ปีแล้ว

นางบัวผัน มาลัยลิน อายุ 81 ปี ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง มีภาระต้องดูแลบุตรชายซึ่งเป็นอัมพาตนอนติดเตียง รายได้ที่เยียวยาครอบครัวมาจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 800 บาทต่อเดือน และได้รับเงินช่วยเหลือจากซีพีเอฟเดือนละ 2,000 บาท มาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ซีพีเอฟช่วยดูแลสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เช่น ซื้อที่นอนใหม่แทนของเดิมซึ่งไม่อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้

นางผิว ขยายวงศ์ อายุ 90 ปี ที่อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีปัญหาเดินไม่สะดวก เพราะเคยขาหัก ทำให้ขาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน และสายตามองไม่ค่อยเห็น คุณยายอยู่คนเดียว ไม่มีลูกหลานดูแล มีเพื่อนบ้านที่มาช่วยดูแลและให้ความช่วยเหลือบ้างเป็นครั้งคราว โดยมีรายได้จากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 900 บาทต่อเดือน และเงินช่วยเหลือที่ซีพีเอฟมอบให้เพื่อใช้ในการดำรงชีพทุกเดือน

สภาดิจิทัลฯ จัดประชุมเชิงปฎิบัติการ ขับเคลื่อนไทยเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของภูมิภาค

0
ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย พร้อมทีมรองประธาน คณะกรรมการ และสมาชิกกว่า 22 องค์กร เช่น สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมส่งเสริมนวัตกรรมเทคโนโลยีไซเบอร์ และสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “ข้อเสนอเพื่อการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของภูมิภาคเอเซียในยุคดิจิทัลฯ” เพื่อหามุมมองมิติต่างๆ ที่ครอบคลุมการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล มารวมกับข้อเสนอจากองค์กรระดับโลก บริษัท โรแลนด์ เบอร์เกอร์ จำกัด และข้อเสนอที่ได้รับจากการเข้าพบผู้แทนภาครัฐและองค์กรอิสระ นำไปจัดทำเป็นข้อสรุป สำหรับส่งมอบแก่ภาครัฐใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นศูนย์เทคโนโลยีของภูมิภาคและของโลกในยุคดิจิทัล และเตรียมพร้อมสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลต่อไป

แนวทางในการจัดทำข้อสรุป มุ่งเน้นให้แต่ละภาคส่วน มีส่วนร่วมพิจารณาและเสนอความคิดเห็น ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่ผู้ประกอบการดิจิทัลของไทย ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศ นำไปสู่ความร่วมมือด้านงานวิจัยระหว่างภาคการศึกษาและอุตสาหกรรม ที่จะตอบโจทย์อุตสาหกรรมอย่างแท้จริง สร้างระบบนิเวศที่ส่งเสริมการเติบโตของสตาร์ทอัพไทย และการดึงดูดผู้นําและผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเข้ามาช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย โดยมีโครงสร้างพิเศษรองรับการขับเคลื่อนนโยบายผ่านหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ที่สอดประสานกันอย่างคล่องตัว รวดเร็ว เกิดผลลัพธ์ และมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ สภาดิจิทัลฯ ยังได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาแรงงานแห่งอนาคต  เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล จึงเห็นความสำคัญกับการจัดทำข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ อันจะนำไปสู่การกำหนดนโยบาย แนวทางพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรมด้ว

บีทีเอสกรุ๊ป ชวนคนกินเจ จัดกิจกรรมแจกอาหารเจฟรี

0

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ กลุ่มบริษัทบีทีเอส เครือสหพัฒน์ เอ็มบี เค เซ็นเตอร์ และสยามพิวรรธน์ ร่วมเป็นประธานเปิดงาน หนูด่วนชวนกินเจ ปีที่ 13 “กินเจ กินผัก รักษาโรคภัย” ระหว่างวันที่ 19 ตุลาคม – วันที่ 21 ตุลาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ณ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สนามกีฬาแห่งชาติ บริเวณทางเดินเชื่อมหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี บริเวณลานอเนกประสงค์ทางเดินเชื่อมบีอาร์ที เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปร่วมกันทำบุญ งดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม เพื่อเสริมสร้างบุญกุศลให้กับตนเอง โดยมี นายพานุรักษ์ กลั่นนุรักษ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร, นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน), นายพิภพ โชควัฒนา กรรมการบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน), นายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน), และนางสาวนราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานปฏิบัติการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ร่วมเป็นเกียรติเปิดงาน

นายกวิน เปิดเผยว่า กิจกรรมครั้งนี้ เป็นการจัดต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ 13 โดยให้บริการอาหารเจฟรีแก่ประชาชน ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพันธมิตร ประกอบด้วย เครือสหพัฒน์ เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ และสยามพิวรรธน์ เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนได้ร่วมกันทำบุญ งดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม โดยในปีนี้ บริษัทฯ ได้คำนึงถึงความปลอดภัยตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด – 19 จึงได้มีการปรับรูปแบบการจัดงาน จัดเป็นกล่องอาหารเจสุขภาพ พร้อมทั้งใช้ภาชนะบรรจุอาหาร ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และจัดจุดคัดกรองอุณหภูมิบริเวณทางเข้า ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย พร้อมทั้งรักษาระยะห่างทางสังคม ตลอดระยะเวลา 3 วันในการจัดงาน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับความปลอดภัย และรับประทานอาหารเจได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับเมนูอาหารเจปีนี้ มีมากกว่า 30 รายการ อาทิ ผัดหมี่อายุยืน, ผัดหมี่ซั่วเจ, ข้าวผัดอรหันต์เจ, ผัดโหงวก๊วยเจ, ผัดจับฉ่ายไหหลำ, น้ำพริกอ่องเจ, ส่วนสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี บริเวณลานอเนกประสงค์ทางเดินเชื่อมบีอาร์ที ซึ่งเป็นพื้นที่จัดงานอีกหนึ่งแห่ง บริษัทฯ ได้นำอาหารจีนเจ จากร้านอาหารจีนชื่อดัง “เชฟแมน” มาให้บริการอาหารกล่องเจ แก่ประชาชนตลอดระยะเวลาการจัดงาน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด อีกด้วย

นายพิภพ กล่าวว่า สหพัฒน์ฯ ได้นำผลิตภัณฑ์อาหารเจสำเร็จรูปในเครือ เช่น มาม่าต้มยำเจ น้ำนมถั่วเหลืองผสมข้าวโพดคอร์นซอย ไอศกรีม บัดส์ วีด้า เบลล่า วีแกนไอศกรีม 100% น้ำแร่มองต์เฟลอ และขนมปังฟาร์มเฮ้าส์สูตรเจ มาแจกให้กับประชาชนที่มาร่วมงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ด้านนายสมพล กล่าวว่า ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ มีความยินดีที่ได้ร่วมจัดงานเทศกาลอาหารเจ หนูด่วน ชวนกินเจ ปีที่ 13 โดยได้นำเมนูเจรสเลิศ จากร้านอาหารชั้นนำในศูนย์อาหารฟู้ดเลเจ้นด์ส บาย เอ็ม บี เค ชั้น 6 ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ จากร้านผัดไทแชมป์แม่กลอง ร้านระเบียงบุญ มาออกบูธเปิดประสบการณ์ผ่านเมนูอาหารเจที่หลากหลาย รับรองความสะอาด ปลอดภัย ปรุง สุก ใหม่ และสารอาหารครบ 5 หมู่ อาทิ ผัดไทยเจ, ก๋วยเตี๋ยวหลอดเจ, ขนมผักกาดเจ, ข้าวผัดเจ, เต้าหู้ผัดพริกไทยดำ และผัดหมี่เจ เป็นต้น โดยจะแจกวันละ 300 ชุด ขณะเดียวกันโรงแรมในเครือเอ็ม บี เค อย่าง โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ได้นำอาหารเจ อย่าง เปาะเปี๊ยะเวียดนาม มาร่วมตั้งซุ้มบริการ ซึ่งจะนำมาแจกวันละ 100 ชุด

นางสาวนราทิพย์ กล่าวว่า เป็นกิจกรรมประจำปีที่ สยามพิวรรธน์ ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด เช่นเดียวกับในปีนี้ที่ได้ร่วมกับ กลุ่มบริษัทบีทีเอส จัดกิจกรรม ‘หนูด่วนชวนกินเจ’ พร้อมจัดสรรเมนูอาหารเจ จาก ร้านอาหารชั้นนำภายในวันสยาม มาแจกจ่ายให้ประชาชน ได้อิ่มบุญ อิ่มใจ พร้อมส่งต่อความสุข และเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมคิดดี ทำดี และส่งเสริมประเพณีอันดีงามนี้ไปด้วยกัน​

นักท่องเที่ยวพิเศษชาวจีนชุดแรกเตรียมเข้าไทย อยู่นาน 30 วัน

0

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (20 ตุลาคม 2563) เวลา 17.00 น. นักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทพิเศษ Special Tourist Visa หรือ STV จะเดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เบื้องต้นจะอยู่ประเทศไทยเป็นระยะเวลา 30 วัน

กลุ่มแรก มาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน 41 คน ต้องทำ ตามมาตรการทางกระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด ตรวจคัดกรองโรควิด-19 กักตัว ASQ หรือ ALSQ เป็นระยะเวลา 14 วัน เป็นมาตรการเดียวกันกับ ที่รับคนไทยจากต่างประเทศ กลับมายังไทย ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวหลักคือที่ ทะเล

กลุ่มที่ 2 เป็นนักท่องเที่ยวประเทศจีนจากเมืองกว่างโจว บินลงสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ประมาณกว่า 100 คน มีการคัดกรองเคร่งครัด เช่นเดียวกับกลุ่มแรก

นักท่องเที่ยวทุกคน จะมีแอปพลิเคชั่น หมอชนะ ติดตามตัวแบบเรียลไทม์

“หลังจากที่รับนักท่องเที่ยวทั้ง 2 กลุ่มที่นำร่องแล้ว ก็จะมีการประเมินขยายผล อาจจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวหรือมาตรการต่าง ๆ ต่อไป”นายยุทธศักดิ์ กล่าว

ในส่วนสถานการณ์การชุมนุมนั้น คาดว่าจะยังไม่มีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา เพราะจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวคือ พื้นที่ในต่างจังหวัด

เอไอเอส จับมือ เทค ซอส มีเดีย จัดเสวนาอุตสากรรมเกม/อีสปอร์ต ครบวงจรครั้งแรกของไทย

0

อลิสแตร์ เดวิด จอห์นสตั้น กรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจพัฒนาธุรกิจใหม่ เอไอเอส เปิดเผยว่า เอไอเอส ร่วมกับ บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด  จัดงานเสวนา AIS x Techsauce Esports Summit  ด้านอุตสาหกรรมธุรกิจเกม และอีสปอร์ต ครบวงจรครั้งแรกของไทย อัดแน่นด้วยเนื้อหาเพื่อธุรกิจและผู้สนใจมากกว่า 10 หัวข้อ พร้อมพบกับผู้คร่ำหวอดของวงการทั้งในประเทศไทยและระดับโลก ทั้งผู้ผลิตเกม ตัวแทนจำหน่าย ผู้กำหนดนโยบาย ภาคการศึกษา แบรนด์ธุรกิจระดับโลก พร้อมด้วย Pro-player และผู้ประกอบการแถวหน้า ที่จะมาแชร์ความรู้ กรณีศึกษา ประสบการณ์ และแรงบันดาลใจจากอุตสาหกรรมอีสปอร์ต ระดับโลก

อลิสแตร์ เดวิด จอห์นสตั้น กรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจพัฒนาธุรกิจใหม่ เอไอเอส

รูปแบบงานเป็นการเสวนาออนไลน์เต็มรูปแบบ สำหรับนักลงทุนที่สนใจในภาคธุรกิจเกม นักพัฒนาเกมที่อยากจะผลักดันเกมไทยเข้าสู่เวทีสากล Gamer หรือ Streamer ผู้ปกครองที่อยากจะสนับสนุนเด็กๆได้ตามความฝันในอุตสาหกรรมเกม รวมถึงผู้สนใจและอยากรู้จักอุตสาหกรรมเกมพร้อมกับ อีสปอร์ต อย่างลึกซึ้ง โดยงานมีขึ้นในวันที่ 28 ตุลาคม 2563 เวลา 10:00 น. เป็นต้นไป สามารถรับชมถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Page : Techsauce Thailand, Facebook Page : AIS Esports และแอปพลิเคชัน AIS PLAY ชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

งานนี้ถือเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญของภาคธุรกิจอีสปอร์ต ทั้งในฝั่งภาครัฐ ภาคธุรกิจเกม ผู้พัฒนาเกม สตรีมเมอร์แพลตฟอร์ม นักกีฬา ฯลฯ ในระดับประเทศและระดับโลก ร่วมแลกเปลี่ยน แชร์องค์ความรู้ นำไปสู่การพัฒนาและยกระดับ อีสปอร์ต Ecosystem ให้แข็งแกร่ง พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้เป็นผู้นำในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ด้าน อรนุช เลิศสุวรรณกิจ Co-Founder และ CEO ของ Techsauce Media กล่าวว่า ปัจจุบัน อีสปอร์ต เป็นมากกว่ากิจกรรมบันเทิงและก้าวสู่ธุรกิจที่น่าสนใจ ด้วยเงินลงทุนจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก รวมถึงเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างยูนิคอร์นสตาร์ทอัพให้กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ งาน AIS x Techsauce Esports Summit จึงอยากจะนำเสนอที่มา ลักษณะ และโอกาสของอุตสาหกรรมอีสปอร์ต จากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับประเทศจนถึงระดับโลก ผู้ร่วมเสวนาจะได้รับเนื้อหาที่เข้มข้น เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายที่สนใจโอกาสในอีสปอร์ตอย่างแน่นอน

สำหรับหัวข้อเสวนาที่เป็นไฮไลท์ของงาน เช่น เมื่อโลกแห่งการกีฬา ต้องใช้ อีสปอร์ต ในการขับเคลื่อน, พัฒนาการและเคล็ดลับการ Engage ลูกค้าของแบรนด์ระดับโลกด้วย อีสปอร์ต, เคล็ดลับจากผู้พัฒนาแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งระดับเวิร์ดคลาส  และ ปริญญาเกมมิ่ง บัณฑิต : ข้อแนะนําเพื่อผู้ปกครองถึงอีสปอร์ต

แม็คโคร จับมือ ม.เกษตรฯ เปิดหลักสูตรออนไลน์ สอนธุรกิจอาหารครบวงจรให้นศ. สร้างอาชีพสู้วิกฤตว่างงาน

0

ศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี หรือ MHA ภายใต้บริษัท สยามแม็คโคร เห็นความสำคัญของการเพิ่มทางเลือกในการประกอบอาชีพให้คนไทย จึงได้ขยายทักษะวิชาชีพธุรกิจอาหารสู่รั้วมหาวิทยาลัย โดยล่าสุดจับมือคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตร สร้างหลักสูตรออนไลน์สอนธุรกิจอาหารครบวงจรให้นิสิตคณะมนุษยศาสตร์ปีที่ 2-4 ในชั่วโมงกิจกรรม พร้อมออกวุฒิบัตรการันตีมีวิชาชีพติดตัว

ที่ผ่านมาแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมีได้พัฒนาหลักสูตรออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง และนำมาถ่ายทอดผ่านทางเว็ปไซต์ www.makrohorecaacademy.com รวมถึงโซเชี่ยวมีเดียอย่าง Facebook และ YouTube และความร่วมมือล่าสุดนี้กับ ม.เกษตรฯ เป็นการเชื่อมโยงให้นิสิตนักศึกษาได้รับความรู้และการบริหารจัดการธุรกิจอาหารในเชิงวิชาชีพ เป็นทักษะติดตัวที่นำไปปรับใช้ในการประกอบอาชีพในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ที่มีตัวเลขคนว่างงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้

นอกจากนี้เรายังวางแผนความร่วมมือให้เกิดความต่อเนื่องไปถึงการแลกเปลี่ยนบุคลากร และการขยายขอบเขตการศึกษาทักษะความรู้เชิงวิชาชีพไปยังกลุ่มเรียนที่เป็นบุคคลทั่วไป เพื่อช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง

 รศ.ดร.กิติมา อินทรัมพรรย์ (ซ้าย) และศิริพร เดชสิงห์ (ขวา)

รศ.ดร.กิติมา อินทรัมพรรย์  คณบดีคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า การพัฒนาบุคลากรด้านธุรกิจบริการอาหารร่วมกับแม็คโคร เป็นข้อตกลงกำหนดไว้ในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งจะให้นิสิตคณะมนุษยศาสตร์ชั้นปี 2-4 เลือกเรียนในชั่วโมงกิจกรรมพัฒนาทักษะวิชาชีพ ผ่านหลักสูตรออนไลน์ที่กำหนดและรับรองผลการอบรมโดยการวัดและประเมินผลที่ได้มาตรฐาน พร้อมมอบวุฒิบัตร

สำหรับหลักสูตรออนไลน์ดังกล่าวประกอบด้วย 17 องค์ความรู้ แบ่งเป็นหมวดการตลาด 3 คอร์ส หมวดการบริหารการเงินและต้นทุน 6 คอร์ส หมวดการพัฒนาเมนู 4 คอร์ส หมวดการจัดการภายในร้าน 4 คอร์ส สอนโดยผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอาหาร และผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมเชฟประเทศไทย อาทิ เชฟวิลแมน ลีออง ประธานไทยแลนด์ คัลลินารี อคาเดมีและสมาคมเชฟโลก, อาจารย์ต่าย-พรชัย นิตย์เมธาวงศ์ จากเพจเพื่อนแท้ร้านอาหาร, เชฟบุญธรรม ภาคโพธิ์ เชฟกะทะเหล็กแห่งประเทศไทย และ อาจารย์โบว์-มธุรส วงศ์ประดู่ เป็นต้น

โครงการนี้จึงเป็นโครงการเพื่อสร้างทางเลือก และเตรียมความพร้อมให้กับนิสิตนักศึกษา ที่จะจบการศึกษาออกไปให้มีทางเลือกในการประกอบอาชีพในยุค new normal