Home Blog Page 370

ซีพีเอฟ ปรับเครดิตเทอมค่าสินค้า 30 วัน เพิ่มสภาพคล่องเอสเอ็มอี

0

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ พร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดย่อม หรือ SMEs ทุกราย โดยให้บริษัท และผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ CP, CP Freshmart และ BKP ปรับระบบการชำระหนี้ให้มีระยะเวลาสั้นลง สามารถจ่ายค่าสินค้าและบริการให้แก่คู่ค้าหรือซัพพลายเออร์โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ภายในระยะเวลา 30 วัน นับจากวันที่ได้ตรวจรับสินค้าหรือบริการ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบ เสริมสภาพคล่องให้คู่ค้าของซีพีเอฟสามารถนำเงินไปใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง

“บริษัทฯ พร้อมดูแลและช่วยเหลือคู่ค้าอย่างเต็มที่ ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ให้เครดิตเทอม 30 วันอยู่แล้วกับคู่ค้าจำนวนหนึ่งและจะเร่งดำเนินให้ครบทุกราย 100% มองว่าจะเป็นอีกแนวทางที่ช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีดำเนินธุรกิจต่อไปได้ มีการจ้างงานต่อเนื่อง ช่วยฟื้นเศรษฐกิจในภาพรวมให้ดีขึ้นอีกด้วย” นายประสิทธิ์ กล่าว

บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร มีคู่ค้าที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี อยู่ประมาณ 3,000- 4,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นซัพพลายเออร์วัตถุดิบ เครื่องปรุง บรรจุภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผลิตและส่งมอบอาหารคุณภาพ ปลอดภัยให้ผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่องและเพียงพอ ดังนั้น การเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการได้มีการบริหารการเงินได้ไม่ติดขัด ไม่เพียงช่วยผู้ประกอบการให้อยู่รอดแล้ว สามารถนำเงินไปลงทุนต่อและชำระค่าปัจจัยต่างๆ ลดปัญหาการเลิกจ้างงาน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการช่วยพัฒนาขีดความสามารถให้กับคู่ค้าของบริษัทเติบโตไปด้วยกันอีกด้วย

CPALL สนับสนุนสร้าง AI LAB รร.บ้านหนองแสงโคกน้อย จ.ขอนแก่น เพิ่มทักษะนวัตกรรมให้เยาวชนไทย

0

นายธานินทร์ บูรณมานิต กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า บริษัทได้สนับสนุนโครงการห้องปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์ (AI Laboratory หรือ AI Lab) ให้แก่โรงเรียนบ้านหนองแสงโคกน้อย จ.ขอนแก่น หนึ่งในโรงเรียน Best Practice ภายใต้มูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์ อีดี (CONNEXT ED) ในส่วนที่ซีพี ออลล์ดูแล โดยสนับสนุนทั้งด้านงบประมาณ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีกลุ่ม ABCD เพื่อให้ AI Lab ดังกล่าว กลายเป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนแห่งใหม่ ที่ช่วยสร้างทักษะด้านเทคโนโลยีให้แก่เยาวชนและคนในชุมชน ควบคู่กับการสร้างรายได้กลับสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน

ธานินทร์ บูรณมานิต กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)

สำหรับรร. บ้านหนองแสงโคกน้อย ถือว่าเป็นรร.ที่มีความพยายามในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและชิ้นงานด้านเทคโนโลยีอย่างโดดเด่นตั้งแต่ก่อนที่ซีพีออลล์จะเข้าไปสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนด้านวิทยาการหุ่นยนต์หรือ Robotics โดยตรง ซึ่งบริษัทเชื่อว่าการเข้ามาสนับสนุนครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถให้โรงเรียนสามารถสร้างการเรียนรู้ สร้างนวัตกรรมตอบโจทย์ New Normal และสร้างรายได้จากการจำหน่ายนวัตกรรมทางเทคโนโลยีกลับสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน และอาจพิจารณาสนับสนุนโรงเรียนภายใต้ CONNEXT ED ที่มีศักยภาพเช่นโรงเรียนนี้ในรูปแบบใหม่ๆ เช่น Crowd Funding ต่อไปในอนาคตอีกด้วย

ด้านนายทิพวัฒน์ ริยะ ผู้อำนวยการ รร.บ้านหนองแสงโคกน้อย กล่าวว่า การสนับสนุนจากซีพี ออลล์ ถือเป็นการสร้างโอกาสครั้งสำคัญให้แก่นักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้ได้เรียนรู้ตั้งแต่การใช้ซอฟต์แวร์ต่างๆ ขั้นพื้นฐาน การออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย การเขียนโค้ด การเรียนรู้เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ตลอดจนการพัฒนาโครงงานสมองกลฝังตัวและ AI อย่างง่ายผ่าน AI Lab ที่ได้รับการสนับสนุน

โดยตั้งเป้าให้ที่นี่เป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนที่จะสร้างระบบนิเวศด้านการศึกษาอย่างยั่งยืน เปิดให้บริการสำหรับนักเรียน ครู บุคคลทั่วไปทั้งในชุมชนและนอกชุมชน ใช้ฝึกซ้อมและพัฒนาทักษะ โดยเฉพาะนักเรียนที่มีความสามารถ ไปประกวดในเวทีระดับประเทศและนานาชาติ และหวังว่าในอนาคตที่นี่จะเป็นเสมือน Digital Park เป็นแหล่งรวมชาว AI ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น สร้างระบบนิเวศด้านการศึกษาที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับความต้องการของสังคม

ทั้งนี้ ภายใน AI Lab ประกอบด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ครบครัน อาทิ โซนหุ่นยนต์เพื่อการเรียนรู้และการแข่งขัน มีหุ่นยนต์ 5 ประเภท ได้แก่ หุ่นยนต์ สนามเขาวงกต, หุ่นยนต์ สนามโลจิสติกส์, หุ่นยนต์ เรสซิ่ง, หุ่นยนต์ระดับกลาง สพฐ.ปี 2562 และหุ่นยนต์ บังคับมือ โดยหุ่นยนต์ทุกตัวมากด้วยวิทยาการและระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับแสง เส้นสีต่างๆ ได้อย่างแม่นยำในระดับมาตรฐานสากล โซนนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ทางเทคโนโลยี ประกอบด้วยสิ่งประดิษฐ์ด้าน AI ที่ทางโรงเรียนพัฒนาขึ้น อาทิ ราวตากผ้าอัตโนมัติ, เครื่องจ่ายแอลกอฮอล์อัตโนมัติ, ถังขยะอัจฉริยะ, เครื่องเตือนไฟรั่ว เป็นต้น

สำหรับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในพันธมิตรก่อตั้งมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์ อีดี (CONNEXT ED) และเป็น 1 ใน 41 องค์กรเอกชนที่เล็งเห็นความสำคัญและตอบรับการมีส่วนร่วมทางการศึกษา โดยปัจจุบัน ซีพี ออลล์ ดูแลโรงเรียนในโครงการ CONNEXT ED จำนวน 392 แห่งทั่วประเทศ ร่วมสนับสนุนโรงเรียนให้สามารถดำเนินโครงการด้านต่างๆ ทั้งโครงการที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ โครงการพัฒนาคุณภาพคน โครงการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน โครงการส่งเสริมอาชีพ โครงการด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีผู้นำรุ่นใหม่ หรือ School Partner ซึ่งเป็นจิตสาธารณะสมัครจากในองค์กรร่วมลงพื้นที่และคอยให้คำแนะนำในการพัฒนาโครงการของโรงเรียนต่างๆ อย่างใกล้ชิด
 

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในยุค Digital Disruption ประกอบกับผลกระทบจาก COVID-19 ส่งผลให้ทั้งภาคธุรกิจและภาคการศึกษาต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซีพี ออลล์ ได้พยายามนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ในกลุ่ม ABCD อันประกอบด้วย A = AI (ปัญญาประดิษฐ์), IoT (Internet of Thing) B = Block chain (บล็อกเชน), Digital Money C = Cloud Computing (ระบบจัดเก็บข้อมูล) และ D = Data Analysis (การบริหารข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล) เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกัน ก็เข้าไปเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมภาคการศึกษาให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีกลุ่มดังกล่าว และมีความรู้ความสามารถในการต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด

บีทีเอส กรุ๊ป ปลื้ม ยอดจอง Green Bond ครั้งที่ 2 ทะลุเป้า 3.3 เท่า

0

นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSG เปิดเผยว่า จากการสำรวจความต้องการลงทุนในหุ้นกู้ (Bookbuilding) เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2563 และการเสนอขายเมื่อวันที่ 3-5 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น หุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี โดยมีผู้ลงทุนแสดงความจำนงในการลงทุนในหุ้นกู้กว่า 3.3 เท่า ส่งผลให้บริษัทฯ ตัดสินใจนำหุ้นกู้ส่วนสำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติมมาใช้ และเพิ่มจำนวนการออกหุ้นกู้จากแผนการเสนอขายเดิมจำนวน 5,000 ล้านบาท เป็นจำนวนเสนอขายหุ้นกู้รวมทั้งสิ้น 8,600 ล้านบาท ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.10% ต่อปี จำนวน 500 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.44% ต่อปี จำนวน 4,000 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.86% ต่อปี จำนวน 1,500 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.11% ต่อปี จำนวน 2,000 ล้านบาท และหุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.41% ต่อปี จำนวน 600 ล้านบาท โดยทริสเรทติ้งได้จัดอันดับเครดิตองค์กรและเรทติ้งหุ้นกู้ของบริษัทฯ ที่ระดับ “A” เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563

บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออก Green Bond ในครั้งนี้ ไปเพื่อลงทุน และ ใช้ชำระคืนหนี้คงค้างในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่จะส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนด้วยพลังงานไฟฟ้า ลดการใช้รถยนต์ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในเขตกรุงเทพมหานคร

โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง มีความคืบหน้าก่อสร้าง 60% ทั้งนี้ โดยพร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในปี 2565 ด้วยรถไฟฟ้าโมโนเรล

รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน : ข้อควรรู้ก่อนลงทุนแบบ DCA (1)

0

สัปดาห์นี้ “คุณนายพารวย” ยังคงอยู่กับการออมและการลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Averaging) ซึ่งเป็นวิธีการลงทุนในหลักทรัพย์แบบสม่ำเสมอด้วย “จำนวนเงินที่เท่าๆ กัน” โดยกำหนด “ความถี่” และ “ระยะเวลา” ที่ลงทุน ซึ่งจะทำให้ได้ “ราคาต้นทุนแบบถัวเฉลี่ย”

ซึ่งจากสถิติพบว่าการลงทุนแบบ DCA มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว แม้ว่าจะไม่ได้กำไรสูงสุด แต่ก็ไม่ขาดทุนหนักๆ ที่สำคัญยังช่วยลดความเสี่ยงของการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนมากๆ เช่น การลงทุนในหุ้นและกองทุนรวมหุ้น

การลงทุนแบบ DCA มีทั้งการลงทุนในหุ้นรายตัวโดยตรง หรือจะลงทุน DCA กับกองทุนรวมต่างๆ ซึ่งมีทั้งกองทุนรวมหุ้นหรือกองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และการประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ หรือแม้แต่การลงทุน “ออมทอง” แบบ DCA

ปัจจุบันการลงทุนแบบ DCA ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งการลงทุนแบบ DCA เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง แต่อาจยังไม่มีความรู้มากพอ และไม่มีเวลาติดตามราคาหุ้น โดยสามารถเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินจำนวนไม่มาก

ในเว็บไซต์ www.set.or.th หน้า “ห้องเรียนนักลงทุน” ในหัวข้อ “ออมสม่ำเสมอ” จะมีข้อมูลที่ได้แนะนำให้สำรวจตัวเองก่อนว่า เราเหมาะกับการลงทุนด้วยวิธี DCA นี้จริงๆหรือไม่

ก่อนอื่นต้องดูว่า เรามีความสามารถลงทุนได้ต่อเนื่องสม่ำเสมอหรือไม่ เพราะต้องกำหนดช่วงเวลาลงทุนไว้เป็นงวดๆ เช่น ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ทุกไตรมาส และต้องกำหนดเงินที่ใช้ลงทุนเป็นจำนวนคงที่เท่าๆกันในแต่ละงวด รวมทั้งต้องเป็นการลงทุนระยะยาว ที่สำคัญต้องมีวินัยในการลงทุน โดยไม่หวั่นไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของภาวะที่เกิดขึ้นในตลาด

นอกจากนี้ ยังมี “5 ข้อควรรู้ก่อนเริ่มลงทุนแบบ DCA” ที่จะบอกข้อดีข้อเสีย ที่จะช่วยให้เราตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะกับนิสัยหรือไลฟ์สไตล์ของเรา

ข้อแรกคือ ระหว่างการลงทุน DCA ด้วยตนเองกับการลงทุน DCA แบบอัตโนมัติกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แบบไหนดีกว่ากัน

โดยหากเราลงทุน DCA ด้วยตนเอง มีโอกาสที่จะ “ถูกกระทบจากอารมณ์สูง” เช่น หากครบกำหนดวันที่ต้องซื้อหุ้น แต่ตอนนั้นตลาดอาจอยู่ในช่วงขาลง หรือราคาหุ้นลดลงเกินปกติ จนเกิดความกังวลว่าราคาอาจลงไปอีก หรือตลาดอยู่ในขาขึ้น จนทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้นมากเกินไป อาจทำให้เราใช้อารมณ์ตัดสิน ไม่กล้าซื้อหุ้นหรือระงับการลงทุนชั่วคราวได้ หากใจไม่แข็งและไม่มีวินัยมากพอ!!

แต่หากเปิดบัญชี “ออมหุ้น” แบบอัตโนมัติกับ บล. หรือลงทุน DCA ในกองทุนรวมกับ บลจ.ระบบจะตัดเงินในบัญชีเราไปลงทุนตามเวลาที่กำหนดไว้โดยอัตโนมัติ โดยไม่สนใจว่าราคาตอนนั้นจะขึ้นหรือลง ซึ่งประโยชน์ของการลงทุน DCA แบบอัตโนมัติคือการตัดอารมณ์ส่วนตัวออกไปได้ ก็จะทำให้สร้างวินัยในการออมได้เป็นระบบและสม่ำเสมอ

ครั้งหน้ามาตามกันต่อว่าอีก 4 ข้อควรรู้ก่อนเริ่มลงทุนแบบ DCA มีอะไรบ้าง!!


ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง โดยคุณนายพารวย หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เมล็ดพันธุ์เจียไต๋ ปรับโฉมแบรนด์ใหม่ ก้าวสู่เบอร์หนึ่งผู้นำตลาดเมล็ดพันธุ์ในภูมิภาค

0

นายชัยพันธ์ ลิมปิวรรณ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจเมล็ดพันธุ์ บริษัท เจียไต๋ จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจเมล็ดพันธุ์เจียไต๋ ได้ปรับโฉมบรรจุภัณฑ์ใหม่ของเมล็ดพันธุ์คุณภาพเจียไต๋ ตราเครื่องบินให้มีความทันสมัย ซึ่งมาพร้อมกับคุณภาพที่ดียิ่งขึ้นภายใต้แบรนด์ “เมล็ดพันธุ์เจียไต๋ CHIA TAI Trusted since 1921” เมล็ดพันธุ์คุณภาพเพื่อเกษตรกรมืออาชีพ โดยที่ตราสัญลักษณ์เครื่องบินยังคงไว้สำหรับกลุ่มธุรกิจเมล็ดพันธุ์เจียไต๋โฮมการ์เด้น ต่อไป

การปรับโฉมผลิตภัณฑ์ครั้งนี้ มุ่งเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจเมล็ดพันธุ์เจียไต๋ในการแข่งขันระดับสากล เพื่อก้าวสู่การเป็นที่หนึ่งแห่งผู้นำตลาดเมล็ดพันธุ์ในภูมิภาค โดยชูจุดเด่นด้านนวัตกรรมการเกษตรและคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการ พร้อมเสริมภาพลักษณ์ให้ทันสมัย สร้างการจดจำผ่านสื่อภายในร้านตัวแทนจำหน่าย ด้วยดีไซน์โดดเด่น ทันสมัย ผนวกกับการเดินหน้าวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์พืชด้วย “ไบโอเทคโนโลยี” เพื่อการปรับปรุงพันธุ์ที่ล้ำหน้า ช่วยให้การคัดเลือกสายพันธุ์มีความแม่นยำและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์คุณภาพดี มีอัตราการงอกสูง แข็งแรง ทนต่อโรค ให้ผลิตผลดีมีคุณภาพ รสชาติอร่อย ทั้งยังเป็นที่ต้องการของตลาด ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเจียไต๋ในการส่งมอบนวัตกรรมทางการเกษตรเพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหาร ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วทั้งภูมิภาคให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

“การปรับโฉมบรรจุภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้ บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่องจนได้รับการยอมรับและความเชื่อถือจากเกษตรกรรวมถึงผู้บริโภค ในปีนี้ เจียไต๋ได้ยกระดับภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ด้วยการปรับโฉมและชื่อของเมล็ดพันธุ์ตราเครื่องบินสู่เมล็ดพันธุ์เจียไต๋ CHIA TAI Trusted since 1921 ที่ยังคงคุณภาพอัดแน่นทุกเมล็ด เพื่อสานต่อความเชื่อมั่นของกลุ่มลูกค้า เกษตรกร ตลอดจนผู้บริโภคทั้งในไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ ในปี 2564 เมล็ดพันธุ์เจียไต๋ จะเดินหน้าพัฒนาสินค้าและบริการด้านอื่นๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไปด้วย ซึ่งจะตอกย้ำความมุ่งมั่นในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจนวัตกรรมการเกษตรเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าอย่างแท้จริง”

บรรจุภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ “เมล็ดพันธุ์เจียไต๋ CHIA TAI Trusted since 1921” ได้เริ่มวางจำหน่ายแล้วตามร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ทั่วประเทศ พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษเพื่อพี่น้องเกษตรกรทั่วไทย ติดตามข่าวสารและข้อมูลผลิตภัณฑ์ของเมล็ดพันธุ์เจียไต๋เพิ่มเติมได้ทางเฟซบุ๊ก CHIA TAI SEED เมล็ดพันธุ์เจียไต๋ www.facebook.com/chiataiseed และเว็บไซต์เจียไต๋ www.chiataigroup.com

นอกจากนี้ เจียไต๋ ได้พัฒนาสีเคลือบเมล็ดสีใหม่ “ม่วง มันเงา” สำหรับเมล็ดพันธุ์ลูกผสม F1 เกือบทุกชนิด เพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้เด่นกว่าเดิม ช่วยให้พืชมีการงอกที่ดี ต้นแข็งแรง สามารถป้องกันโรคและแมลงปากดูดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ปัจจุบันธุรกิจเมล็ดพันธุ์ของเจียไต๋ ประกอบด้วย 2 กลุ่มธุรกิจ คือ เมล็ดพันธุ์คุณภาพเจียไต๋ตราเครื่องบิน ที่มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าเกษตรกรมืออาชีพ และเมล็ดพันธุ์เจียไต๋โฮมการ์เด้น ที่ได้ต่อยอดผลิตภัณฑ์การเกษตรเพื่อรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบการเพาะปลูก โดยได้ขยายธุรกิจอย่างกว้างขวางทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศมากกว่า 40 ประเทศ มีสถานีวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชกว่า 10 แห่ง มีเมล็ดพันธุ์คุณภาพกว่า 485 สายพันธุ์ จากพืช 42 ชนิดพันธุ์ อีกทั้งยังเป็นบริษัทไทยรายแรกๆ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลจากสมาคมทดสอบเมล็ดพันธุ์นานาชาติ หรือ ISTA (International Seed Testing Association) และเพื่อตอกย้ำภาพผู้นำนวัตกรรมเกษตรอย่างยั่งยืน

เปิดบ้านคูลิเนอร์ ต้อนรับเชฟน้อย ปั้นสู่มืออาชีพ

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ โดย ซีพี เฟรชมาร์ท ร่วมกับ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา จัดโครงการ ปั้นฝันเชฟน้อยสู่มืออาชีพ (Young Chef rising star ) เสริมสร้างทักษะให้กับนักศึกษาอาชีวะภาควิชาคหกรรมที่เข้าร่วมโครงการ ปั้นฝันเชฟน้อยสู่มืออาชีพ เข้าเยี่ยมชม โรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์ เพื่อสัมผัสห้องเรียนครัวภาคปฏิบัติ ได้เรียนรู้เทคนิคในการเป็นเชฟที่ดีจากเชฟมืออาชีพตัวจริง

โครงการ ปั้นฝันเชฟน้อยสู่มืออาชีพ โดยทีมเถ้าแก่กลาง ซีพีเฟรชมาร์ท เขตพระนคร เปิดโอกาสนำทีมนักศึกษาอาชีวะดูงาน และร่วมฟังความรู้ในหัวข้อต่างๆ เช่น ความเป็นเชฟมืออาชีพ เส้นทางการเป็นผู้ประกอบการ จากเชฟจากคูลิเนอร์และเชฟจากซีพี นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากพันธมิตรร้านนารา ไทย คูซีน แบ่งปันประสบการณ์แนวทางการพัฒนาเมนูใหม่เพื่อให้ได้ฝึกสร้างสรรค์และลงมือปฏิบัติจริง

นายศุภพิชญ์ โอภาสวิศัลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการโรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์ กล่าวว่า เทคนิคในการเป็นเชฟอย่างมืออาชีพ ต้องมีความรู้ทั้งกระบวนการ ศึกษาหาความรู้ใหม่ๆตลอดเวลา สิ่งที่ส่งผลให้ประสบความสำเร็จ คือความเข้าใจในเรื่องความยั่งยืนของอาหาร นอกจากการทำอาหารให้อร่อยแล้วยังต้องส่งมอบอาหารปลอดภัยให้กับผู้บริโภค

เทรนด์ของเด็กรุ่นใหม่มีความต้องการเป็นผู้ประกอบการมากขึ้น ดังนั้นเชฟจะต้องมีทักษะในเรื่องของผู้ประกอบการควบคู่กัน นอกจากนี้ ยังต้องรู้และเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคที่ปัจจุบันให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพ วัตถุดิบที่ใช้มีมาตรฐานปลอดภัย สิ่งสุดท้ายคือ ต้องคำนึงในเรื่องของเหลือและของเสีย (Food waste) จากการทำอาหารให้น้อยที่สุด หรือไม่เหลือของเสียเลย (Zero waste)

นางนราวดี ศรีกาญจนา เจ้าของร้านอาหารนารา ไทย คูซีน กล่าวว่า ปัจจุบัน การจำหน่ายอาหารอาศัยความอร่อยอย่างเดียวไม่เพียงพอ เนื่องจากเทรนด์ของผู้บริโภคยังให้ความสำคัญของอาหารตา ความสวยงาม การตกแต่งจานให้ผู้ทานได้สนุกกับการถ่ายรูปอาหารเพื่อแชร์ใน Social Media ดังนั้น จึงควรเพิ่มในเรื่องของความสวยงามในการประกอบอาหาร สิ่งสำคัญคือการนำเสนอความพิเศษและเอกลักษณ์ ซึ่งจะต้องหาจุดขายของเมนูที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นมา เช่น การสร้าง story ให้ผู้บริโภคสนใจ โดยอาจนำเสนอในเรื่องเสน่ห์ของเครื่องเทศที่เราใช้ วัตถุดิบประจำภาคที่เฟ้นหามาใช้กับเมนูโดยเฉพาะ สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ได้เห็นความตั้งใจของน้องๆที่จะพัฒนาตนเองให้เป็นเชฟมืออาชีพ และเชื่อว่าจะค้นพบเด็กไทยที่จะเป็นเชฟมืออาชีพระดับสากลในอนาคต

เปิด CPF RD Center ต้อนรับผู้บริหารเทสโก้โลตัส ชมนวัตกรรมครัวของโลก

0

ดร.สมหมาย เตชะศิรินุกูล รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ด้านวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมด้วยนายณฤกษ์ มางเขียว รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป และคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมต้อนรับ นายธนวัตร จิรจริยาเวช ผู้อำนวยฝ่ายการพาณิชย์-สินค้าบริโภค และธุรกิจออนไลน์เอเชีย Tesco Lotus พร้อมคณะ เยี่ยมชม ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหาร หรือ CPF RD Center อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อเรียนรู้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารได้มาตรฐานสากลอย่างครบครัน

CPF RD Center มีนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัย กว่า 140 คน ที่ร่วมพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์อาหาร ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ รวมถึงมีโรงงานต้นแบบ (Pilot Plant) ที่สามารถผลิตนวัตกรรมอาหารจากงานวิจัยเพื่อทดลองตลาดได้ทันที เพื่อขับเคลื่อนซีพีเอฟสู่การเป็นครัวของโลกอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ยังได้จัดแสดงผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ สด สะอาด ปลอดภัย ได้แก่ หมูชีวา , Chicken Rib , กุ้งซีพี แปซิฟิก , อาหารพร้อมทาน, อาหารพร้อมปรุง, ซุปผัก, ซอสปรุงรส และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ จากธรรมชาติ 100% ภายใต้แบรนด์อินโนวีเนส

กิจกรรมครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อแบ่งปันแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ต่างๆ ต่อยอดธุรกิจอาหารทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เสริมศักยภาพกลุ่มพันธมิตร ตลอดจนผู้ประกอบการอาหาร

ซีพีเอฟ มีวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็น “ครัวของโลกที่ยั่งยืน” เพื่อรองรับการบริโภคของประชากรโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึงกว่า 10,000 ล้านคน ภายในปี 2050 โดยมุ่งมั่นทุ่มเทและพัฒนา การผลิตอาหารตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่ FEED-FARM-FOOD ภายใต้แนวทาง “PUT OUR HEART INTO FOOD” ด้วยการเอาใจใส่ในด้าน INNOVATION นวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีและชีวิตที่มีความสุขขึ้น ด้าน PEOPLE โดยให้ความสำคัญกับคน ทั้งผู้บริโภค พนักงานและพันธมิตรทางธุรกิจ และด้าน PLANET ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ลดการปล่อยมลพิษจากการผลิต และลดขยะจากบรรจุภัณฑ์อาหาร เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคได้รับสินค้าคุณภาพ อร่อย สะอาด และปลอดภัย

รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน : ออมหุ้นแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน!!

0

“คุณนายพารวย” เคยแนะนำให้ “มือใหม่หัดลงทุน” เริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้นด้วยการ “ออมหุ้น” โดยเฉพาะการออมหุ้นแบบ DCA (Dollar Cost Averaging) ซึ่งเป็นกลยุทธ์การลงทุนแบบ “ถั่วเฉลี่ยต้นทุน” ด้วยการทยอยลงทุนหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ในจำนวนเงินที่เท่าๆกันอย่างสม่ำเสมอ และเป็นการลงทุนในระยะยาว ถือเป็นการสร้างวินัยการออมเงิน ผ่านการลงทุนในหุ้นให้นักลงทุนมือใหม่เพื่อหาผลตอบแทน

โดยนักลงทุนสามารถเปิดบัญชี “ออมหุ้น” กับบริษัทหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์ได้ ซึ่งขณะนี้มีโบรกเกอร์จำนวนมากที่ให้บริการเปิดบัญชี “ออมหุ้น” โดยกำหนดขั้นต่ำลงทุนได้ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป โดยโบรกเกอร์จะคัดหุ้นพื้นฐานดีที่เหมาะกับการออมหุ้นให้เลือก และให้กำหนดจำนวนเงินในการลงทุนแต่ละครั้งต่อหุ้น รวมทั้งความถี่และระยะเวลาในการออม

เช่น กำหนดให้ซื้อหุ้น A จำนวนเงิน 5,000 บาท ทุกวันที่ 1 ของเดือน เป็นเวลา 1 ปี เป็นต้น โบรกเกอร์ก็จะตัดเงินออกจากบัญชีที่ให้ไว้ เพื่อนำไปลงทุนตามเงื่อนไขที่ได้ตกลง โดยสามารถออมหุ้นได้มากกว่า 1 ตัว และขอเปลี่ยนตัวหุ้นที่จะลงทุนได้ โดยแจ้งล่วงหน้าหากเห็นว่ามีหุ้นตัวอื่นที่น่าสนใจลงทุนมากกว่า หรือพื้นฐานหุ้นตัวที่ลงทุนอยู่อาจเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นออนไลน์ที่ซื้อขายบนโปรแกรมซื้อขายหุ้น “Streaming” ของบริษัท เซ็ทเทรด ดอทคอม จำกัด ปัจจุบัน “Streaming” มีฟังก์ชัน “Settrade DCA Order” ซึ่งเป็นฟังก์ชันส่งคำสั่งทยอยซื้อหุ้นอัตโนมัติ ทำให้นักลงทุนสามารถส่งคำสั่งซื้อผ่าน “Settrade DCA Order” ได้เอง โดยกำหนดเวลาซื้อได้ตามที่ต้องการ ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าจะลืมซื้อหุ้น นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบสถานะของคำสั่งซื้อได้ตลอดพร้อมมีสรุปรายงานการซื้อให้ดูด้วย

นอกจากนี้หากยังไม่รู้ว่าจะเลือก “ออมหุ้น” ตัวไหนดี โปรมแกรมนี้ก็จะมีหน้าจอ Back Testing จำลองผลการออมหุ้นแบบ DCA โดยใช้ข้อมูลย้อนหลังของหุ้นแต่ละตัวที่เราต้องการดู เพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกหุ้นที่จะลงทุนได้อีกด้วย

โดย “Settrade DCA Order” ได้กำหนดความถี่และระยะเวลาที่ต้องการออมให้เลือกได้ตามความต้องการ เช่น รายเดือน โดยให้ซื้อหุ้นทุกเดือน และเลือกวันที่จะซื้อได้ คือวันที่ 1,5,15,25 ของเดือนหรือจะเลือกลงทุนเป็นรายสัปดาห์ และเลือกวันที่จะซื้อได้ทุกวันที่ตลาดเปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ รวมทั้งยังเลือกเวลาว่าจะซื้อหุ้นตอนเปิดตลาดเช้า หรือตอนเปิดตลาดบ่ายได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังเลือกระยะเวลาที่ต้องการออม เช่น รายเดือน 3 เดือน, 6 เดือน, 9 เดือน และ 12 เดือน หรือจะเป็นรายสัปดาห์ คือ ทุกสัปดาห์ ทุก 4 สัปดาห์, 8 สัปดาห์, 12 สัปดาห์ หรือ 16 สัปดาห์ ก็ยังได้


กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มอบใบรับรองห้องปฏิบัติการ ISO/IEC 17025 : 2017 ให้ซีพีเอฟ

0

นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วย ดร.ภัทรวีร์ สร้อยสังวาลย์ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ และ เภสัชกรบรรจง กิติรัตน์ตระการ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 9 นครราชสีมา มอบใบรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการ ตามมาตรฐาน ISO/IEC17025 : 2017 ให้แก่ ห้องปฏิบัติการอาหารของบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (นครราชสีมา) ที่ได้รับการรับรองในรายการทดสอบด้านจุลชีววิทยา และเคมีในชนิดตัวอย่างอาหารและอาหารสัตว์เลี้ยง โดยมี ดร.สมหมาย เตชะศิรินุกูล รองกรรมการผู้จัดการบริหาร เป็นผู้รับมอบ ที่อาคารสำนักงาน โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (นครราชสีมา) 

นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวว่า ห้องปฏิบัติการอาหารของบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (นครราชสีมา) เป็นห้องปฏิบัติการหนึ่งของซีพีเอฟ ที่ดำเนินธุรกิจผลิตไก่เนื้อครบวงจรส่งออก มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยกระบวนการควบคุม ตรวจสอบคุณภาพ ความปลอดภัยอาหารสามารถสอบกลับได้ตลอดห่วงโซ่อาหาร เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และปลอดภัยสู่ผู้บริโภค การได้รับการรับรองในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการพัฒนาระบบบริหารคุณภาพจนได้รับความสามารถห้องปฏิบัติการตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 : 2017 ซึ่งจะส่งผลให้ผลการทดสอบของห้องปฏิบัติการมีความน่าเชื่อถือ ถูกต้อง แม่นยำ เป็นที่พึงพอใจของผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมทั้งเพิ่มรายได้เข้าประเทศ จากการขายสินค้าที่มีมาตรฐานไปยังตลาดโลก ที่สำคัญ คือ เกิดประโยชน์ต่อการเจรจากับคู่ค้าในการที่ต้องยอมรับ ร่วมในผลการทดสอบที่รายงานโดยห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองจากสำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ โดยไม่ต้องทดสอบซ้ำ (Accredited Once, Accepted Everywhere)

เอไอเอส จับมือไปรษณีย์ไทย ขายซิมผ่านบุรุษไปรษณีย์

0

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด หรือ เอไอเอส  ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เตรียมพร้อมบุรุษไปรษณีย์กว่า 3,000 คน ส่งสินค้าและบริการดิจิทัล ทั้งระบบเติมเงิน, รายเดือน และเน็ตบ้าน ส่งตรงถึงหน้าบ้าน เป็นครั้งแรกของเมืองไทย นำร่องที่ทำการไปรษณีย์ไทยในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งหมด 48 แห่ง และจะเปิดให้บริการทั่วประเทศ เร็วๆ นี้

นางเบญจพร กำเพ็ชร หัวหน้าส่วนงานการตลาดกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส เปิดเผยว่า เอไอเอส และไปรษณีย์ไทย ยกระดับบริการใหม่ผ่านแคมเปญ “ง่าย สะดวก คุ้ม” บริการโฉมใหม่ที่รวบรวมข้อเสนอโปรโมชั่นสินค้าและบริการดิจิทัลที่ช่วยอำนวยความสะดวกถึงบ้าน ทั้งระบบเติมเงิน, รายเดือน และเน็ตบ้าน AIS Fibre ให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าได้ตรงใจและประหยัดค่าใช้จ่ายการเดินทาง ด้วยไปรษณีย์ไทยมีเครือข่ายจำนวนมากสามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้คนไทยได้รับความสะดวกสบาย ง่าย ไม่ต้องเดินทาง และคุ้มค่ากับสินค้าและบริการที่คัดสรรพิเศษมา ได้แก่

  • 1. ซิมระบบเติมเงิน The One SIM Special ราคาพิเศษเพียง 40 บาท มอบสิทธิพิเศษความบันเทิง ดูทีวี ดูหนัง วันละ 5GB ผ่านช่องทาง AIS PLAY
  • 2. ซิมระบบรายเดือน ราคาพิเศษเพียง 55 บาท พร้อมแพ็กเกจราคาพิเศษเพียง 199 บาทฟรีอินเทอร์เน็ตสุดคุ้ม 20GB และโทรทุกเครือข่าย 200 นาที และรับชม YouTube Premium ฟรี 3 เดือน
  • 3. เน็ตบ้าน AIS Fibre อินเทอร์เน็ตคุณภาพสูง 300/300Mbps เพียง 399 บาท พร้อมซิมเน็ตรายเดือน 4G MAX SPEED 3GB
  • 4. บริการเติมเงิน สำหรับผู้ใช้งานโทรศัพท์เครือข่าย AIS ถึงหน้าบ้าน ภายในสิ้นปี

นายวิษณุ สุขสวัสดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านปฏิบัติการนครหลวง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า บริการจำหน่ายซิมมือถือนี้จะทำให้การซื้อซิมมือถือง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถซื้อได้ทันที ทุกที่ที่พบเจอเจ้าหน้าที่นำจ่ายขณะปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ต้องเดินทางไปตามจุดจำหน่ายของผู้ให้บริการเครือข่าย นอกจากนี้ยังอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่มาติดต่อใช้บริการต่างๆ ที่ไปรษณีย์สามารถขอซื้อซิมได้เช่นกัน รวมทั้งเป็นตัวแทนรับสมัครลูกค้า AIS Fibre (อินเทอร์เน็ตบ้าน) ทั้งนี้ ซิมที่จำหน่ายมี 2 แบบ คือ แบบเติมเงิน ราคา 40 บาท (ปกติ 50 บาท) และแบบรายเดือน ราคา 55 บาท (ปกติ 110 บาท) สำหรับลูกค้าที่สะดวกสั่งซื้อซิมผ่านช่องทางออนไลน์ของ AIS ทาง ปณท จะดำเนินการจัดส่งถึงบ้านด้วยความรวดเร็วและปลอดภัย

สำหรับลูกค้าเอไอเอสและประชาชนทั่วไป สามารถสัมผัสบริการสั่งสินค้ารูปแบบใหม่จาก แคมเปญ “ง่าย สะดวก คุ้ม” ในครั้งนี้ จากบุรษไปรษณีย์ที่จะนำเสนอสินค้าและบริการตรงถึงหน้าบ้าน และ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ไทยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งหมด 48 แห่ง และจะเปิดให้บริการทั่วประเทศเร็วๆ นี้  หรือจะสั่งซื้อผ่านทางช่องทางออนไลน์ ได้ง่ายๆ ทางเว็บไซต์ www.ais.co.th/aisthailandpost ทั้งนี้ บุรุษไปรษณีย์ กว่า 3,000 คน โดยรอบพื้นที่ให้บริการ จะคอยทำหน้าที่แนะนำสินค้าและบริการดิจิทัล เช่น แนะนำการใช้งานซิมการ์ด หรือการลงทะเบียนซิมการ์ดผ่านแอปพลิเคชัน my AIS ให้ลูกค้าได้ทำตามได้อย่างง่ายๆ สะดวก