Home Blog Page 477

พนักงาน AIS รวมใจทำหน้ากากอนามัย ส่งต่อบุคลากรทางแพทย์และผู้จำเป็นต้องใช้

0
เอไอเอส

AIS รวมพลังอุ่นใจอาสา ชวนพนักงานทำหน้ากากอนามัย DIY

ส่งมอบเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่จำเป็นต้องใช้งาน

นางสาวกานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในไทย ที่เริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงการทำงานของกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ จนเกิดปัญหา หน้ากากอนามัย เริ่มขาดแคลน

เอไอเอส โดย โครงการอุ่นใจอาสา จึงเดินหน้าสานต่อ “ภารกิจคิดเผื่อ”  รวมพลังพนักงานเอไอเอสทั่วประเทศ ร่วมเป็นอุ่นใจอาสา ทำหน้ากากอนามัย DIY จากผ้า เพื่อส่งมอบให้กับผู้ที่จำเป็นต้องใช้ต่อไป

แบ่งการทำหน้ากากอนามัยออกเป็น 2 รูปแบบ โดยเป็นหน้ากากอนามัยที่ใช้ผ้าสาลูหนา 4 ชั้น และสามารถใส่หรือเปลี่ยนแผ่นกรองข้างในได้ เพื่อมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์, มูลนิธิ และแบบหน้ากากผ้าสาลูหนา 3 ชั้น สำหรับบุคคลทั่วไป

กานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส

หน้ากากอนามัยทั้งหมดจะถูกนำไปอบฆ่าเชื้อก่อนส่งมอบ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแบ่งเบาภาระด้านการจัดหาหน้ากากอนามัย พร้อมส่งกำลังใจให้กับทีมงานที่ยังคงต้องรับมือกับสถานการณ์นี้ไปอีกระยะหนึ่ง

ซีพีเอฟ ให้เด็กสุขภาพดีด้วยไข่ไก่ สนับสนุนโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน

0
ซีพีเอฟ

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ร่วมกับ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท มุ่งมั่นส่งเสริมโภชนาการที่ดี ให้เด็กๆ ได้รับประทานไข่ไก่ เป็นอาหารกลางวัน พร้อมเรียนรู้ทักษะอาชีพจากโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน

โครงการนี้ ย่างเข้าสู่ปีที่ 30 แล้ว มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ 824 โรงเรียนทั่วประเทศ

โรงเรียนบ้านแสนสุข ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เป็นอีกรร.ที่เข้าร่วมโครงการนี้เมื่อปี 62

นายบรรจรงค์ วรเศรษฐสุขศิริ ผอ.รร.บ้านแสนสุข เล่าให้ฟังว่า รร.นี้เป็นรร.ขนาดเล็ก มีนักเรียน 136 คน สอนตั้งแต่อนุบาลถึงป.6 70% เป็นเด็กกัมพูชา ที่เหลือเป็นเด็กไทย เนื่องจากเป็นรร.ชายแดนที่อยู่ในถิ่นกันดารติดกัมพูชา ทำให้มีลูกหลานของชาวกัมพูชาเข้ามาเรียนที่นี่

ที่ผ่านมา ซีพีเอฟและมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ได้ให้การสนับสนุนแม่พันธุ์ไก่ 100 ตัว ช่วยสร้างโรงเรือนไก่ไข่ และสนับสนุนอาหารไก่ฟรี เป็นเวลา 1 ปี

ไข่ไก่ที่ออกมา สามารถนำไปขายให้โครงการอาหารกลางวันนักเรียน ถ้ามีผลผลิตจำนวนมากก็จะนำไปขายให้ชาวบ้านในชุมชน นำเข้าเป็นรายได้ของโรงเรียน นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังได้จ้างผู้พิการในชุมชนมาช่วยนักเรียนเลี้ยงไก่ไข่ ทำให้ผู้พิการมีงานทำและมีรายได้เลี้ยงตัวเอง

นายสมคิด วรรณลุกขี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจไก่ไข่ ซีพีเอฟ บอกว่า โครงการนี้เป็นตัวอย่างของความยั่งยืนในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและยึดหลักความพอเพียง ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงโปรตีนคุณภาพ คือ ไข่ไก่ และช่วยลดภาวะทุพโภชนาการของนักเรียน โดยซีพีเอฟสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่และปัจจัยการผลิต ทั้งพันธุ์สัตว์ อาหารสัตว์ ให้แก่โรงเรียน รวมทั้งส่งเจ้าหน้าที่สัตวบาลให้ความรู้ คำปรึกษาในการเลี้ยงและการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ถูกต้องตามหลักวิชาการและการสุขาภิบาล

ซีพีเอฟ ประกาศคำมั่น คนไทยต้องไม่ขาดแคลนอาหาร ระดมกำลังการผลิตพร้อมเต็มที่ทุกสถานการณ์

0

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าวว่า
เป็นเรื่่องเป็นไม่ได้ที่คนไทยจะขาดแคลนอาหาร เพราะซีพีเอฟ ถือว่าเป็นครัวขนาดใหญ่มากของไทย

โดยบริษัทขอให้คำมั่นว่า จะผลิตอาหารอย่างเต็มกำลังและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้คนไทยมั่นใจ ว่าจะสามารถซื้อหาอาหารคุณภาพปลอดภัยได้จากทุกช่องทางจำหน่ายปกติ ไม่ว่าจะเป็นเซเว่นอีเลฟเว่น แม็คโคร เทสโก้โลตัส ร้านซีพีเฟรชมาร์ท ซุ้มจำหน่ายไก่ห้าดาว ร้านเชสเตอร์ หรืออื่นๆ รวมถึง ยังมีบริการเดลิเวอรี่จาก CPfreshmart App ที่จะอำนวยความสะดวกส่งอาหารถึงบ้าน ในช่วงเวลาที่คนไทยควรอยู่แต่ในบ้าน เพื่อลดโอกาสแพร่หรือรับเชื้อจากภายนอก

ที่ผ่านมา ซีพีเอฟถือเป็นผู้นำด้านการผลิตอาหารปลอดภัยอันดับต้นของโลก ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ทั้งในด้านมาตรฐานการผลิตที่สามารถผลิต-ส่งออกสินค้าอาหารไปจำหน่ายเกือบ 50 ประเทศทั่วโลก ดังนั้น ในฐานะบริษัทคนไทย ขอยืนยันว่าประชาชนไทยจะมีอาหารรับประทานอย่างเพียงพอโดยไม่ขาดแคลน แม้ไทยจะอยู่ในภาวะวิกฤตไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ ยังเตรียมพร้อมล่วงหน้า หากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ขยายการแพร่ระบาด ส่งผลให้รัฐบาลต้องใช้มาตรการที่เข้มข้นยิ่งขึ้น เชื่อว่าภาครัฐจะยังคงอนุญาตและสนับสนุนให้ระบบโลจิสติกส์ด้านการขนส่งอาหารดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งวัตถุดิบสู่โรงงานผลิตอาหาร หรือขนส่งสินค้าไปยังจุดจำหน่ายเพื่อให้ถึงมือผู้บริโภค เพื่อป้องกันการขาดแคลนอาหารซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต โดยบริษัทจะปฏิบัติตามแผนความต่อเนื่องการดำเนินธุรกิจ (BCP) โดยเฉพาะในเรื่องระบบโลจิสติกส์ และยังสามารถเรียนรู้วิธีการจัดการต่างๆได้จากทีมงานโลจิสติกส์ที่ประเทศจีนจากกรณีปัญหาในเมืองฮู่อั่น

ขณะเดียวกัน ยังเดินหน้า “โครงการส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” มอบอาหารให้บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐกว่า 40 แห่ง และส่งอาหารฟรีให้ถึงบ้านผู้เฝ้าระวังแล้วกว่าหมื่นคน

วัดหลวงพ่อโสธร แจ้งปิดให้สักการะหลวงพ่อโสธร 19-31 มี.ค.

0

วัด โสธรวรารามวรวิหาร เมืองแปดริ้ว ประกาศงดเข้าสักการะหลวงพ่อโสธร

พระธรรมมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร มีบัญชางดการเข้าสักการะหลวงพ่อโสธร ตั้งแต่วันที่ 19 – 31 มีนาคม 2563

นอกจากนี้ งดจัดงานอัญเชิญหลวงพ่อโสธรขึ้นจากน้ำ(งานกลางเดือน 5) ระหว่างวันที่ 8-10 เมษายน 2563 เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด ลดความแออัด และโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส

เอไอเอส จัดเต็มกำลังเครือข่ายมือถือและเน็ตบ้าน ให้คนไทยทำงานจากที่บ้าน สู้ภัยไวรัสโควิด-19

0

ตอนนี้ หลายบริษัทเริ่มให้พนง.ทำงานอยู่กับบ้านกันแล้ว ในส่วนของคนทำงานเอง ก็ต้องเตรียมตัวทั้ง อุปกรณ์ อินเตอรเน็ต ทักษะการใช้งาน และวินัยในการทำงานที่บ้าน เพือให้ผลงานที่ออกมา ไม่ต่างจากทำงานที่ออฟฟิศ

ส่วนผู้ให้บริการอย่าง เอไอเอส ก็ยืนยันความพร้อมดูแลด้านเครือข่ายทั้งมือถือและเน็ตบ้านแบบเต็มที่ เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง Work From Home ทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา กลุ่มคนทำงานออฟฟิศ, เจ้าของกิจการ, องค์กรขนาดเล็กจนถึงใหญ่ รวมทั้งการออกแพ็กเกจราคาประหยัดด้วย

นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หน.ฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ เอไอเอส บอกว่า เพื่อให้ลูกค้าติดต่อสื่อสาร และทำงานได้อย่างต่อเนื่องและเต็มประสิทธิภาพ
เอไอเอสเตรียมพร้อมเต็มที่ ตามนี้

1. เสริมกำลังเครือข่าย ทั้ง 5G, 4G, 3G และ AIS SUPER WiFi และ AIS Fibre เพื่อรองรับปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตของลูกค้าที่ทำงานจากที่บ้าน

2. เสริมกำลังทีมงานวิศวกร และงานบริการ สแตนบาย 24 ชม. พร้อมแก้ปัญหาทันที รวมถึงทีม AIS Contact Center 1175 ,ทีมดูแลลูกค้าองค์กร 1149 และทีมโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง

3. ทำความสะอาดบริเวณต่างๆ ที่ต้องมีการแตะ สัมผัส ทั้ง Serenade Club และ AIS Shop ทุกสาขา ทุกๆ 1 ชั่วโมง และฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรคตอนปิดบริการทุกวัน

ในส่วนของเอไอเอสเอง ก็มีการปรับรูปแบบการทำงาน เพื่อให้การปฏิบัติงานในทุกส่วนเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก และลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดสู่ส่วนรวม พร้อมทั้งดูแลสุขอนามัยของพนักงานเอไอเอส, ตัวแทนจำหน่าย, ช่างติดตั้งอย่างเคร่งครัด จัดอบรมให้ความรู้และวิธีการป้องกันเกี่ยวกับเชื้อไวรัส COVID-19 และ ขยายกรมธรรม์ประกันชีวิต COVID-19 อีก 1 ปี ให้กับพนักงานทุกคนทุกระดับ รวมทั้ง ตัวแทนจำหน่าย และพาร์ทเนอร์ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

เซเว่นอีเลฟเว่น ประกาศอยู่เคียงข้างประชาชน กลางวิกฤตโควิด-19

0

ซีพี ออลล์ ออกประกาศร่วมต่อสู้และอยู่เคียงข้างประชาชนในยามวิกฤต

ระดมทีมงานให้เตรียมพร้อมบริการประชาชนให้มีสินค้าบริโภคอุปโภค อย่างเต็มความสามารถตลอด 24 ชั่วโมง ให้เพียงพอกับความต้องการ

ประกาศร่วมต่อสู้และเคียงข้างคนไทยในยามวิกฤตินี้ไปด้วยกัน แม้จะมีความยากลำบากมากในการบริหารจัดการ แต่จะทำหน้าที่อำนวยความสะดวก สร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนไทยทุกชุมชน และผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

สถาบันบำราศนราดูร รับมอบอาหารปลอดภัย จากซีพีเอฟ

0

นายไพศาล จิระกิจเจริญ ประธานผู้บริหารฝ่ายการเงิน พร้อมด้วย นายสุจริต มัยลาภ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจการค้าในประเทศ และคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมส่งมอบอาหารสำเร็จรูป CP ในโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัย COVID-19” เพื่อเป็นกำลังใจแก่แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ที่ดูแลคัดกรองผู้ป่วย และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมและประเทศไทยให้รอดพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน โดยมี นายแพทย์ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย ดร.ณัฏฐญา พัฒนะวาณิชนันท์ ที่ปรึกษาระดับกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร และคณะผู้บริหาร เป็นผู้รับมอบ ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ สถาบันบำราศนราดูร

นายสุจริต เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ซีพีเอฟได้สนับสนุนอาหารปลอดภัยให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ในโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศ กว่า 30 แห่ง และมีกลุ่มผู้ต้องเฝ้าระวังลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ มากกว่า 10,000 ราย นอกจากนี้ ยังร่วมกับกลุ่มทรู แจกซิมในแคมเปญ ซิมกักตัว ไม่กลัวเหงา จากทรูมูฟ เอช ฟรีเน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด ความเร็ว 10 Mbps. ตลอด 30 วัน เพื่อทำงานจากบ้าน ติดตามข่าวสาร รวมถึงยังได้ผ่อนคลายจากความบันเทิงต่างๆ โดยเร่งส่งอาหารพร้อมซิมให้แก่กลุ่มผู้ต้องเฝ้าระวังทั่วประเทศอย่างเต็มที่ รวมทั้งพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ

มองหุ้น MAJOR หลังปิดโรง 14 วัน ไม่ใช่จังหวะเข้าซื้อ แนะนำระดับราคา 11-13 บาท รอซื้อเมื่ออ่อนตัว

0

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ มองผลกระทบต่อหุ้น MAJOR หลังแจ้งปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ ทุกสาขา ทั่วประเทศ 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 – 31 มี.ค. โดยจะเปิดให้บริการตามปกติในวันที่ 1 เม.ย. ตามประกาศมาตราการด้านการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 จากทางรัฐบาล

ผลกระทบต่อบริษัท

คาดส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานที่จำกัด เพราะปัจจุบันก็แทบจะไม่มีผู้เข้าชมภาพยนต์บนสถานการณ์ปัจจุบันอยู่แล้ว โดยบริษัทได้ชึ้แจงข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้

  1. โรงหนังในพื้นที่กทม. 70% เป็นสัญญาแบบส่วนแบ่งรายได้ การปิดโรงหนังจึงไม่ส่งผลกระทบในเชิงต้นทุนค่าเช่าพื้นที่ ในขณะที่อีก 30% เป็นสัญญาเช่าแบบคงที่ ซึ่งบริษัทแจ้งว่าจะมีการเจรจากับเจ้าของพื้นที่ เพื่อขอละเว้นค่าเช่าในช่วงเวลาที่ปิดโรงหนัง
  2. แผนการเปิดสาขาใหม่ของบริษัทในปี 2020 13 แห่ง จำนวนโรงภาพยนต์ 30-40 โรง ต้องชะลอออกไปเกือบทั้งหมด โดยเป็นการชะลอไปในช่วงครึ่งปีหลังหรือต้นปีหน้า
  3. หนังไทยของบริษัทมีการเลื่อนฉายเป็นช่วงครึ่งปีหลัง ในขณะที่หนัง Hollywood เองก็มีการเลื่อนฉายหลายเรื่องเช่นกัน
  4. รายได้จากธุรกิจโฆษณาคาดจะชะลอตัวจากการปิดโรงหนัง และจากหนังที่มีการเลื่อนฉาย ทำให้บริษัทจำเป็นต้องเข้าไปเจรจาเพื่อชดเชยกับลูกค้าอีกครั้งหนึ่ง

ยังไม่น่าสนใจ แนะนำรอ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” เช่นเดิม

การปิดโรงภาพยนตร์เป็นระยะเวลาเพียง 14 วันนั้นเป็นเพียงการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในขั้นต้นเท่านั้น ทรินีตี้มองว่าหากยังไม่สามารถควบคุมได้ บริษัทอาจจะมีโอกาสต้องยืดเวลาการปิดโรงหนังต่อไปอีก ส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไรของบริษัทมากขึ้น จึงมองว่า ยังไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมในการเข้าสะสมหุ้น MAJOR ถึงแม้ราคาจะตอบรับในเชิงลบไปบ้างแล้วก็ตาม

แนะนำให้รอเข้าซื้อเมื่อระดับราคาอยู่บริเวณ 11-13 บาท ตามสมมุติฐานเดิม หรือรอจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 จะควบคุมได้ ทั้งนี้ บริษัทแจ้งว่า มีโอกาสที่บริษัทจะออกมาตรการซื้อหุ้นคืนในอนาคตอีกด้วย

บล.ทรีนีตี้ มองเฟดลดดอกเบี้ยเหลือ 0% พร้อมทำ QE หนุนสภาพคล่องในอนาคต แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุนทอง ในภาวะตลาดผันผวน

0

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน โดยครั้งนี้มีมติให้ปรับลดดอกเบี้ยอีก 1% จากเดิมที่กรอบ 1.00-1.25% มาอยู่ที่ 0.00-0.25% พร้อมประกาศการเข้าซื้อสินทรัพย์ (QE) โดยกำหนดมูลค่าทั้งสิ้นอย่างน้อย 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จะช่วยสร้างสภาพคล่องในตลาดเงินทั่วโลกได้และช่วยประคองราคาสินทรัพย์ต่างๆ ในช่วงถัดไปได้เป็นอย่างดี และยังแสดงให้เห็นถึงความ Aggressive ของเฟดที่มากขึ้น

ทรินิตี้
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ทรีนีตี้

แนะนำนักลงทุน ให้สำรวจพอร์ตการลงทุนตัวเองว่าเป็นแบบไหน รับความเสี่ยงหรือความผันผวนที่เกิดได้มากน้อยแค่ไหน หากรับได้น้อยก็ให้ชะลอการลงทุนออกไปก่อน แต่หากรับความเสี่ยงและความผันผวนได้ ก็แนะนำให้เลือกซื้อ ( Selective buy) หุ้นในจังหวะที่ดัชนีปรับตัวลงมาแรงด้วยความกลัวระดับ 970 จุดและ760 จุด

หุ้นที่แนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะการเข้าซื้อในช่วงที่ตลาดปรับฐาน ได้แก่ หุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของกองทุน SSF รูปแบบใหม่ที่จะออกมาในเดือนเมษายนนี้ อาทิ CPALL,BJC , ADVANC , INTUCH, BGRIM,GPSC, GULF, EGCO, RATCH, BAM, CPF และ TU

นอกจากนี้ ยังมี ทองคำ ที่ถือว่า น่าสนใจ เพราะถือเป็นสินทรัพย์ในกลุ่ม Safe haven จึงแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักลงทุนทองคำจากเดิม 5% เป็น 10% ของพอร์ตการลงทุน ทั้งนี้การลดดอกเบี้ยของ Fed ลงเหลือ 0% นั้นจะทำให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจในมิติของการเก็บสะสมมูลค่ามากยิ่งขึ้น

แนะประชาชนอย่ากักตุนอาหาร มั่นใจไทยเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของโลก มีสินค้ามากพอ

0

ระยะนี้ จะเห็นได้ว่า หลายคนต่างก็เดินห้างซื้อของจำเป็นกันเยอะมาก เพราะเกรงผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และทำให้สินค้าเหล่านี้หมดไปจากชั้นวางสินค้าอย่างรวดเร็ว

สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) บอกว่า ให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าประเทศไทยมีสินค้าอุปโภคบริโภคเพียงพออย่างแน่นอน เพราะไทยเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของโลก จึงไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนกจนเกินความจำเป็น จนซื้อสินค้าเกินความจำเป็น แถมเศรษฐกิจไม่ค่อยดีด้วย จึงอยากให้ประชาชนใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง

สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

ด้าน วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ส.อ.ท. เชื่อว่าหากสถานการณ์เข้าสู่ระดับ 3 จริง ทางภาครัฐจะมีมาตรการระบบกระจายสินค้าให้ประชาชนได้ ไม่ขาดแคลนแน่นอน อาหารในไทยเหลือเฟือ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผลิตได้วันละ 10 ล้านซอง และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 15 ล้านซองต่อวัน ไม่อยากให้มีการกักตุนกัน