Home Blog Page 474

เลื่อนกำหนดการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการกองประจำการ ประจำปี 2563

0

ตามที่ กองทัพบกได้กำหนดให้มีการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการกองประจำการประจำปี 2563 ในระหว่างวันที่ 1- 12 เม.ย. 63 นั้น เนื่องจากปัจจุบันเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโรคโควิด 19 ในประเทศไทย นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจึงได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 63 จนถึงวันที่ 30 เม.ย. 63

ดังนั้นเพื่อเป็นการควบคุม ป้องกัน และลดความเสี่ยง ของทหารกองเกินและประชาชน ในการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการกองประจำการจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว กระทรวงกลาโหมจึงได้เลื่อนกำหนดการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการกองประจำการ ประจำปี 2563 จากเดิมออกไป เป็นระหว่างเดือน ก.ค.- ส.ค. 63 ทั้งนี้ ทหารกองเกินที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (สด.35) เพื่อเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการกองประจำการ ประจำปี 2563 ไม่สามารถอ้างเหตในการเลื่อนการตรวจเลือกตามประกาศนี้ ที่จะไม่มาทำการตรวจเลือกตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนดวันตรวจเลือกครั้งใหม่ได้

อุปสงค์-อุปทาน สะท้อนราคาไข่ไก่

0
ไข่ไก่

โดย อุษณีย์ รักษ์กสิกิจ : [email protected]

การเลี้ยงไก่ไข่ถือเป็นอาชีพของเกษตรกรไทยมาเป็นเวลายาวนาน ในจำนวนฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ 2,915 ฟาร์มทั่วประเทศ มีเกษตรกรผู้เลี้ยงรายเล็กและรายย่อยถึง 1,830 ฟาร์ม รายกลางจำนวน 923 แห่ง และอีก 162 ฟาร์มที่เหลือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ ซึ่งผู้เลี้ยงในแต่ละกลุ่มเหล่านี้จะมีการรวมตัวกันในลักษณะของชมรม สหกรณ์ หรือสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ เพื่อคอยดูแลช่วยเหลือในการประกอบอาชีพการเลี้ยงไก่ไข่ซึ่งกันและกัน ช่วยสร้างความมั่นคงในอาชีพเป็นไปตามนโยบายของรัฐ

หากแต่ช่วงเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา จะพบว่า เกษตรกรต่างต้องเผชิญกับภาวะราคาตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง จากสถิติราคาไข่ไก่ตั้งแต่ปี 2557 – 2562 ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้นั้นต่ำกว่าต้นทุนมาโดยตลอด โดยในปี 2557 ขาดทุน 0.12 บาทต่อฟอง ปี 2558 ขาดทุน 0.14 บาทต่อฟอง ปี 2559 เป็นปีเดียวที่มีกำไรอยู่ที่ 0.06 บาทต่อฟอง ปี 2560 ขาดทุน 0.21 บาทต่อฟอง ปี 2561 ขาดทุน 0.30 ต่อฟอง

ที่มาของข้อมูล : กรมปศุสัตว์ / สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

อาจมีคำถามว่าขาดทุนทุกปีแล้วเกษตรกรอยู่ได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า สถานการณ์ไข่ไก่ในรอบหนึ่งปีนั้น จะมีการขึ้นลงของราคาตลอดทั้งปี พบว่าในแต่ละปีจะมีช่วงที่ราคาไข่ไก่สูงเพียง 4-5 เดือน ขณะที่ช่วงราคาตกต่ำมีมากถึง 7-8 เดือน โดยมีระดับของอุปสงค์-อุปทาน หรือกลไกตลาด เป็นตัวกำหนด เมื่อใดที่ปริมาณไข่มีน้อย ความต้องการบริโภคมีมาก ราคาก็จะสูง เมื่อใดที่ไข่ไก่มีปริมาณมากเกินกว่าความต้องการ ราคาไข่ไก่ก็จะตกต่ำลง และยังมีปัจจัยอื่นที่เป็นตัวกำหนดราคาในแต่ละช่วง ทั้งด้านต้นทุนการผลิต ปริมาณการเลี้ยงแม่พันธุ์ไก่ไข่ ภาวะโรค ฤดูกาล สภาวะอากาศ และช่วงเทศกาลต่างๆ

การเลี้ยงไก่ไข่ของเกษตรกรที่ผ่านมาในแต่ละปีจึงมีทั้งช่วงขาดทุน และบางช่วงที่ไข่ไก่ราคาอยู่เหนือต้นทุนบ้างดังกล่าวข้างต้น ที่ผ่านมาจึงมีทั้งเกษตรกรที่ต้องเลิกเลี้ยงไปเพราะแบกรับต้นทุนกับภาวะราคาตกต่ำไม่ไหว ที่ยังเลี้ยงอยู่ก็พยายามประคับประคองอาชีพเดียวนี้ไว้ โดยต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ด้วยการปรับลดปริมาณแม่ไก่ยืนกรงให้เหมาะสม หรือแม้แต่รายย่อยที่หารายได้เสริมจากการเลี้ยงปลาคู่ควบไปด้วย จึงมีรายได้จากปลาช่วยถึงอยู่ได้ทั้งที่ขายไข่ขาดทุน ทำให้ผ่านพ้นวิกฤติมาได้

ไข่ไก่ถือว่าเป็นสินค้าอ่อนไหว เนื่องจากแม่ไก่ไข่เป็นสิ่งมีชีวิต มีผลผลิตออกมาทุกวัน แต่เมื่อใดที่มีปัจจัยมากระทบย่อมส่งผลถึงปริมาณไข่ไก่ทันที  โดยเฉพาะเรื่องของสภาพอากาศ  ที่หากอากาศร้อนจนเกินไป ไก่จะเครียด กินอาหารได้น้อย แม่ไก่จะให้ไข่น้อยไปโดยปริยาย ดังเช่นปัจจุบันนี้ที่ประเทศไทยเข้าหน้าร้อน แม่ไก่เริ่มส่งสัญญาณไข่ลดแล้ว ซึ่งก็เป็นเช่นนี้ทุกปี

ขณะที่เดือนมีนาคมของทุกปีเป็นช่วงปิดภาคเรียนที่การบริโภคของนักเรียนจะต่ำลง ผนวกกับปีนี้มีสถานการณ์ COVID-19 เข้ามาทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวหายไป คนบริโภคไข่หายไปจำนวนมาก ปริมาณไข่เหลือล้นตลาด ราคาก็ตกต่ำลงอีก เกษตรกรจึงวางแผนการผลิตด้วยการเข้าเลี้ยงแม่ไก่น้อยลง ทำให้ปริมาณไข่ไก่สมดุลขึ้น จึงเพิ่งเริ่มเห็นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มของเกษตรกรขยับขึ้นบ้าง ล่าสุดอยู่ที่ฟองละ 2.60 บาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงถึงฟองละ 2.69-2.70  บาท และเมื่อดูสถิติราคาไข่ไก่ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จะพบว่าไข่ไก่คละหน้าฟาร์มอยู่ที่ฟองละ 2.50- 2.70 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าหรือเท่ากับต้นทุนการผลิตเท่านั้น เกษตรกรยังไม่มีกำไรจากการขายไข่แต่อย่างใด

ที่มาของข้อมูล : กรมปศุสัตว์ / สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

และจากปริมาณการผลิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ที่ในแต่ละปีสามารถผลิตไข่ไก่ได้ถึงกว่า 15,000 ล้านฟอง หรือวันละประมาณ 40-41  ล้านฟอง โดยเป็นการผลิตเพื่อรองรับการบริโภคในประเทศถึง 98% ของไข่ไก่ทั้งหมด ซึ่งคนไทยบริโภคไข่วันละประมาณ 39-40 ล้านฟอง จึงมีไข่คงเหลือในระบบ 1–2 ล้านฟองต่อวันละ ปริมาณไข่ไก่ส่วนเกินนี้ผู้ประกอบการจะทำการส่งออกเดือนละไม่เกิน 60 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือเดือนละประมาณ 20 ล้านฟอง คิดเป็น  1-2% ของไข่ที่ผลิตได้ เพื่อบริหารจัดการสมดุลของอุปทานในประเทศไม่ให้ไข่ไก่ล้นตลาดนั่นเอง ขณะที่ปัจจุบันปริมาณผลผลิตไข่ไก่ 40-41 ล้านฟองยังคงออกสู่ตลาดอย่างเสมอ ประชาชนจึงไม่ต้องตื่นตระหนกกับ “ดีมานด์เทียม” ที่เพิ่มขึ้นมาถึง 3-5 เท่า ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เพราะถึงอย่างไรไข่ไก่ก็มีเพียงพอต่อการบริโภค และผู้ประกอบการก็พร้อมจัดส่งตลอดเวลา ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องซื้อไข่ไก่กักตุน  จากข้อมูลทั้งหมดนี้ สรุปได้ว่าไข่ไก่เป็นสินค้าเกษตรที่ขึ้นอยู่กับดีมานด์-ซัพพลาย ราคาขึ้นลงตามสถานการณ์ในขณะนั้น ดังเช่นวันนี้ที่ราคาขยับขึ้นก็เพราะกลไกตลาดเริ่มทำงาน จากการวางแผนการผลิตอย่างรอบคอบของเกษตรกร เพราะไม่มีใครอยากแบกรับภาระขาดทุนเหมือนอย่าง 10 ปีที่ผ่านมาอีก…วันนี้ต้องขอให้ผู้บริโภคเห็นใจเกษตรกร อย่าได้กดราคา เหมือนกดหัวเกษตรกรเลย



ซีพีเอฟ ยันเนื้อหมู ไก่ ปลอดภัย 100% คุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19

0
ซีพีเอฟ

น.สพ.ดำเนิน จตุรวิธวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านสัตวแพทย์บริการวิชาการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ในช่วงวิกฤตโรคระบาดโควิด 19 บริษัทมีการประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ตั้งแต่สำรวจและคัดกรองคนก่อนเข้าฟาร์ม การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย มาตรการรักษาสุขอนามัย โดยพนักงานทุกคนที่เข้าฟาร์มต้องผ่านการตรวจอุณหภูมิของร่างกาย จุ่มเท้าฆ่าเชื้อ สเปรย์มือด้วยแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัย สร้างความตระหนักด้านสุขอนามัยส่วนบุคคลให้แก่พนักงาน หมั่นล้างมือด้วยน้ำ สบู่ แอลกอฮอล์ มาตรการรักษาความสะอาดโดยทำความสะอาดพื้นที่ที่มีการสัมผัสหรือใช้ร่วมกันด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ รวมทั้งทำความสะอาดจุดสัมผัสต่างๆ รถของฟาร์มทั้งก่อนและหลังการใช้งาน

น.สพ.ดำเนิน จตุรวิธวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านสัตวแพทย์บริการวิชาการ ซีพีเอฟ

มาตรการเดียวกันนี้ ยังใช้กับเกษตรกรในโครงการส่งเสริมอาชีพแก่เกษตรกรรายย่อย (คอนแทรคฟาร์ม) ของบริษัทด้วย เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการป้องกันโรคระบาด ซึ่งจะส่งผลดีต่อสัตว์และผู้ปฏิบัติงานในฟาร์ม

ปัจจุบัน ฟาร์มสุกรทั้งหมดของซีพีเอฟ เป็นการเลี้ยงด้วยระบบไบโอซีเคียวริตี้ เป็นระบบการป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ฟาร์มที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่นเลี้ยงในระบบโรงเรือนปิด ตรวจสอบแหล่งวัตถุดิบรับจากแหล่งที่ปลอดภัยเท่านั้น ควบคุมรถขนส่งเข้า-ออก ฟาร์ม (มีระบบฆ่าเชื้อ) กำหนดจุดส่งมอบสินค้าแยกจากฟาร์ม ตลอดจนถ่ายทอดความรู้ดังกล่าวให้กับเกษตรกรในคอนแทรคฟาร์มของบริษัทฯทั่วประเทศครบทุกรายแล้ว ยืนยันได้ในความปลอดภัยของกระบวนการผลิตสุกรเพื่อส่งมอบอาหารที่ปลอดภัย 100 % สู่ผู้บริโภค

สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาด ผู้บริโภคควรเลือกซื้อเนื้อสัตว์ด้วยความระมัดระวัง เลือกซื้อจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐานการป้องกันโรคที่เข้มงวดในการดูแลฟาร์มปศุสัตว์ด้วยความรับผิดชอบตามหลักสวัสดิภาพสัตว์และมาตรฐานสากล เพื่อความปลอดภัยของอาหารตลอดห่วงโซ่การผลิต รวมทั้งมีการซ้อมแผนฉุกเฉินป้องกันโรคในฟาร์มอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันสัตว์ให้ปลอดโรค

และ ขอให้รับข้อมูลข่าวสาร โดยใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองข้อมูล ไม่หลงเชื่อข่าวลือในสังคมออนไลน์ ไม่ส่งต่อข้อมูลเท็จ เช่น เรื่องหมูไก่เป็นเอดส์ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมา ซีพีเอฟร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ในการป้องกันและเฝ้าระวังโรคติดต่อในสัตว์ ทั้งสุกรและสัตว์ปีกอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ในการบริโภคเนื้อหมู และเนื้อไก่ว่ามีความปลอดภัยอย่างแน่นอน

บุญรอดบริวเวอรี่ ส่งอาหารแช่แข็ง “made by Todd” ให้บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ สู้ภัยโควิด-19

0
บุญรอดบริวเวอรี่

จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้แพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลผู้ป่วย ต้องทำงานอย่างหนัก บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด จึงได้จัดส่งอาหารแช่แข็ง made by Todd จาก บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด พร้อมตู้แช่ และน้ำดื่มตราสิงห์ ให้กับแพทย์ พยาบาล รวมทั้งเจ้าหน้าที่และบุคคลากรทางการแพทย์

ที่ผ่านมา บุญรอดฯ ได้สนับสนุนให้ความช่วยเหลือดังกล่าวไปแล้วกับโรงพยาบาลรวม 7 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลราชวิถี, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สถาบันบำราศนราดูร โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์, โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และ โรงพยาบาลตำรวจ โดยจะมีทีมสิงห์อาสาคอยเข้าไปเติมอาหารและน้ำดื่มสิงห์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีอาหารและน้ำดื่ม ไว้บริการตลอดทุกวัน

บริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ขอเป็นกำลังใจให้กับเหล่า “นักรบเสื้อกาวน์และฮีโร่ชุดขาว” และให้คนไทยทุกคนให้สู้กับ COVID-19 พร้อมผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน

เอไอเอส ติดตั้งเครือข่าย 5G รพ.สนาม ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 แห่งแรก

0

นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า เอไอเอสได้ดำเนินการติดตั้งสัญญาณเครือข่าย 5G ภายในโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งถูกใช้พื้นที่เป็นโรงพยาบาลสนามชั่วคราว สำหรับรองรับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยการสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อนำเทคโนโลยี 5G มาช่วยสนับสนุนระบบสื่อสารและเสริมประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ของบุคลากรทางการแพทย์ ตลอด 24 ชม. โดยรพ.สนามนี้ได้เปิดรับผู้ป่วยเข้ารักษาแล้ว

ทั้งนี้ ยังเป็นการเสริมเครือข่ายเพื่อรองรับการใช้งานเทคโนโลยี Telemedicine บริการทางการแพทย์ผ่านเทคโนโลยี 5G ในอนาคตอีกด้วย

ความจริงเรื่องราคาไข่ไก่!!! ว่าด้วยราคาตามกลไกตลาด

0
egg

ราคาไข่ไก่ ว่าด้วยกลไกตลาด

โดย อุษณีย์ รักษ์กสิกิจ : [email protected]

การเลี้ยงไก่ไข่ถือเป็นอาชีพของเกษตรกรไทยมาเป็นเวลายาวนาน ในจำนวนฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ 2,915 ฟาร์มทั่วประเทศ มีเกษตรกรผู้เลี้ยงรายเล็กและรายย่อยถึง 1,830 ฟาร์ม รายกลางจำนวน 923 แห่ง และอีก 162 ฟาร์มที่เหลือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ ซึ่งผู้เลี้ยงในแต่ละกลุ่มเหล่านี้จะมีการรวมตัวกันในลักษณะของชมรม สหกรณ์ หรือสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ เพื่อคอยดูแลช่วยเหลือในการประกอบอาชีพการเลี้ยงไก่ไข่ซึ่งกันและกัน ช่วยสร้างความมั่นคงในอาชีพเป็นไปตามนโยบายของรัฐ

หากแต่ช่วงเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา จะพบว่า เกษตรกรต่างต้องเผชิญกับภาวะราคาตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง จากสถิติราคาไข่ไก่ตั้งแต่ปี 2557 – 2562 ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้นั้นต่ำกว่าต้นทุนมาโดยตลอด โดยในปี 2557 ขาดทุน 0.12 บาทต่อฟอง ปี 2558 ขาดทุน 0.14 บาทต่อฟอง ปี 2559 เป็นปีเดียวที่มีกำไรอยู่ที่ 0.06 บาทต่อฟอง ปี 2560 ขาดทุน 0.21 บาทต่อฟอง ปี 2561 ขาดทุน 0.30 ต่อฟอง

อาจมีคำถามว่าขาดทุนทุกปีแล้วเกษตรกรอยู่ได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า สถานการณ์ไข่ไก่ในรอบหนึ่งปีนั้น จะมีการขึ้นลงของราคาตลอดทั้งปี พบว่าในแต่ละปีจะมีช่วงที่ราคาไข่ไก่สูงเพียง 4-5 เดือน ขณะที่ช่วงราคาตกต่ำมีมากถึง 7-8 เดือน โดยมีระดับของอุปสงค์-อุปทาน หรือกลไกตลาด เป็นตัวกำหนด เมื่อใดที่ปริมาณไข่มีน้อย ความต้องการบริโภคมีมาก ราคาก็จะสูง เมื่อใดที่ไข่ไก่มีปริมาณมากเกินกว่าความต้องการ ราคาไข่ไก่ก็จะตกต่ำลง และยังมีปัจจัยอื่นที่เป็นตัวกำหนดราคาในแต่ละช่วง ทั้งด้านต้นทุนการผลิต ปริมาณการเลี้ยงแม่พันธุ์ไก่ไข่ ภาวะโรค ฤดูกาล สภาวะอากาศ และช่วงเทศกาลต่างๆ

การเลี้ยงไก่ไข่ของเกษตรกรที่ผ่านมาในแต่ละปีจึงมีทั้งช่วงขาดทุน และบางช่วงที่ไข่ไก่ราคาอยู่เหนือต้นทุนบ้างดังกล่าวข้างต้น ที่ผ่านมาจึงมีทั้งเกษตรกรที่ต้องเลิกเลี้ยงไปเพราะแบกรับต้นทุนกับภาวะราคาตกต่ำไม่ไหว ที่ยังเลี้ยงอยู่ก็พยายามประคับประคองอาชีพเดียวนี้ไว้โดยต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ด้วยการปรับลดปริมาณแม่ไก่ยืนกรงให้เหมาะสม ถึงได้ผ่านพ้นวิกฤติมาได้

ไข่ไก่ถือว่าเป็นสินค้าอ่อนไหว เนื่องจากแม่ไก่ไข่เป็นสิ่งมีชีวิต มีผลผลิตออกมาทุกวัน แต่เมื่อใดที่มีปัจจัยมากระทบย่อมส่งผลถึงปริมาณไข่ไก่ทันที  โดยเฉพาะเรื่องของสภาพอากาศ  ที่หากอากาศร้อนจนเกินไป ไก่จะเครียด กินอาหารได้น้อย แม่ไก่จะให้ไข่น้อยไปโดยปริยาย ดังเช่นปัจจุบันนี้ที่ประเทศไทยเข้าหน้าร้อน แม่ไก่เริ่มส่งสัญญาณไข่ลดแล้ว ซึ่งก็เป็นเช่นนี้ทุกปี

ขณะที่เดือนมีนาคมของทุกปีเป็นช่วงปิดภาคเรียนที่การบริโภคของนักเรียนจะต่ำลง ผนวกกับปีนี้มีสถานการณ์ COVID-19 เข้ามาทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวหายไป คนบริโภคไข่หายไปจำนวนมาก ปริมาณไข่เหลือล้นตลาด ราคาก็ตกต่ำลงอีก เกษตรกรจึงวางแผนการผลิตด้วยการเข้าเลี้ยงแม่ไก่น้อยลง ทำให้ปริมาณไข่ไก่สมดุลขึ้น จึงเพิ่งเริ่มเห็นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มของเกษตรกรขยับขึ้นบ้าง ล่าสุดอยู่ที่ฟองละ 2.60 บาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงถึงฟองละ 2.69-2.70  บาท และเมื่อดูสถิติราคาไข่ไก่ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จะพบว่าไข่ไก่คละหน้าฟาร์มอยู่ที่ฟองละ 2.50- 2.70 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าหรือเท่ากับต้นทุนการผลิตเท่านั้น เกษตรกรยังไม่มีกำไรจากการขายไข่แต่อย่างใด

และจากปริมาณการผลิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ที่ในแต่ละปีสามารถผลิตไข่ไก่ได้ถึงกว่า 15,000 ล้านฟอง หรือวันละประมาณ 41  ล้านฟอง โดยเป็นการผลิตเพื่อรองรับการบริโภคในประเทศถึง 95% ของไข่ไก่ทั้งหมด ซึ่งคนไทยบริโภคไข่วันละประมาณ 39 ล้านฟอง จึงมีไข่คงเหลือในระบบ 1–2 ล้านฟองต่อวันละ ปริมาณไข่ไก่ส่วนเกินนี้ผู้ประกอบการจะทำการส่งออก เพื่อบริหารจัดการสมดุลของอุปทานในประเทศไม่ให้ไข่ไก่ล้นตลาดนั่นเอง ขณะที่ปัจจุบันปริมาณผลผลิตไข่ไก่ 41 ล้านฟองยังคงออกสู่ตลาดอย่างเสมอ จึงไม่ต้องกังวลว่าปริมาณไข่ไก่จะไม่เพียงพอกับการบริโภค จากข้อมูลทั้งหมดนี้ สรุปได้ว่าไข่ไก่เป็นสินค้าเกษตรที่ขึ้นอยู่กับดีมานด์-ซัพพลาย ราคาขึ้นลงตามสถานการณ์ในขณะนั้น ดังเช่นวันนี้ที่ราคาขยับขึ้นก็เพราะกลไกตลาดเริ่มทำงาน จากการวางแผนการผลิตอย่างรอบคอบของเกษตรกร เพราะไม่มีใครอยากแบกรับภาระขาดทุนเหมือนอย่าง 10 ปีที่ผ่านมาอีก…วันนี้ต้องขอให้ผู้บริโภคเห็นใจเกษตรกร อย่าได้กดราคา เหมือนกดหัวเกษตรกรเลย

ก.ล.ต. และหน่วยงานตลาดทุน ยืนยันความพร้อม ซื้อขายหลักทรัพย์ได้อย่างต่อเนื่อง หลังประกาศใช้พรก.ฉุกเฉิน

0

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และหน่วยงานในตลาดทุน ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) และชมรมคัสโตเดียน ได้ร่วมประชุมหารือเพื่อซักซ้อมและประเมินความพร้อมของผู้ประกอบธุรกิจ โดยยืนยันว่าผู้ประกอบการทุกรายพร้อมที่จะให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง และมีแผนรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน

ช่วงที่ผ่านมา ก.ล.ต. และหน่วยงานในตลาดทุนได้เตรียมความพร้อมและซักซ้อมแนวทางปฏิบัติสำหรับการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management: BCM) และมีแผนรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง (Business Continuity Plan: BCP) เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และเพื่อให้มั่นใจถึงความพร้อมของตลาดหลักทรัพย์ ตลาดตราสารหนี้ และตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้า เมื่อผู้ลงทุนประสงค์จะทำธุรกรรมในตลาดดังกล่าว รวมทั้งระบบการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ ที่ทำได้อย่างต่อเนื่อง

ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลทุกแห่งมีแผนรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาก COVID-19 มีศูนย์ปฏิบัติงานสำรอง หรือมีระบบที่สามารถปฏิบัติงานได้นอกสถานที่ โดยเริ่มมีการแบ่งพนักงานไปทำงานนอกสถานที่เพื่อลดความเสี่ยงเชิงปฏิบัติการ ทำให้มั่นใจได้ว่า การปฏิบัติงาน และการบริการประชาชนจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

CPF สนับสนุนมูลนิธิรามาธิบดี ซื้อเครื่องมือแพทย์สู้วิกฤตโควิด-19

0

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)​หรือ ซีพีเอฟ พร้อมด้วย นายวรวิทย์ เจนธนากุล กรรมการบริหารและรองกรรมการผู้จัดการบริหาร สายงานบริหารทั่วไป ร่วมมอบเงิน 5.7 ล้านบาท ให้แก่ ศ.นพ.พรชัย สิมะโรจน์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อสนับสนุนมูลนิธิรามาธิบดี ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมทบการดำเนินงานทางการแพทย์ จัดซื้อเครื่องมือแพทย์ นำไปใช้ในการช่วยเหลือและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

กนง.มีมติ 4-2 เสียง คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.75% ต่อปี

0

นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ในวันที่ 25 มีนาคม 2563

คณะกรรมการฯ มีมติ 4 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.75 ต่อปี ขณะที่ 2 เสียง เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี

ทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)

คณะกรรมการฯ เห็นว่าการระบาดของ COVID-19 จะยังมีความรุนแรง และต้องอาศัยระยะเวลากว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ กนง.สนับสนุนมาตรการดูแลผู้ได้รับ ผลกระทบอย่างตรงจุดของรัฐบาลที่ได้ประกาศไปแล้ว รวมทั้งจะต้องดำเนินการช่วยบรรเทาปัญหาสภาพคล่องและเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ โดยเฉพาะครัวเรือนและธุรกิจ SMEs ให้เกิดผลชัดเจนเป็นรูปธรรมเพิ่มเติมจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จึงเห็นพ้องว่า ต้องให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสภาพคล่องให้ตรงจุด กรรมการส่วนใหญ่จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี กรรมการ 2 ท่านเห็นว่าควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกร้อยละ 0.25 เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มหดตัวแรง

ทั้งนี้ ที่ประชุม เห็นว่า เศรษฐกิจไทยในปี 63 มีแนวโน้มหดตัวแรง เนื่องจากการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบรุนแรงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 การชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและการหยุดชะงักของห่วงโซ่การผลิตในหลายประเทศ ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจและครัวเรือนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างขึ้น เป็นผลให้อุปสงค์ภายในประเทศทั้งการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มหดตัว มาตรการด้านการคลังจึงต้องเป็นกลไกหลักในการบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจและดูแลผู้ได้รับผลกระทบ

นอกจากนี้ มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินจะช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกหนี้ และช่วยให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวในปี 2564 หากสถานการณ์ระบาดคลี่คลายลง สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2563 มีแนวโน้มติดลบตามราคาพลังงานที่ลดลงและเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มหดตัว

เสถียรภาพของตลาดการเงินไทยโดยเฉพาะตลาดตราสารหนี้ปรับดีขึ้น หลัง ธปท. ออกมาตรการสนับสนุนสภาพคล่องในตลาดการเงิน แต่ยังต้องติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด ด้านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดลงหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ผ่านมาซึ่งมีส่วนช่วยลดภาระดอกเบี้ยของลูกหนี้ ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าคู่แข่งโดยเฉพาะสกุลเงินหลักและมีแนวโน้มผันผวน ทั้งนี้ เสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยยังอยู่ในเกณฑ์เข้มแข็งสะท้อนจากเงินสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง และเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์ตลาดการเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิดท่ามกลางความไม่แน่นอนที่มีอยู่สูง

ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง อย่างไรก็ดี ระบบการเงินมีความเปราะบางมากขึ้นในบางจุด โดยเฉพาะความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและธุรกิจ SMEs ที่อาจด้อยลงในช่วงที่เศรษฐกิจหดตัวแรง จำเป็นต้องประสานมาตรการทั้งทางการเงินและการคลังเพื่อดูแลครัวเรือนและธุรกิจ SMEs

         

แบงก์ชาติ ยันระบบธนาคารพร้อมให้บริการต่อเนื่อง หลังประกาศใช้พรก.ฉุกเฉิน

0

ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 เรื่อง คณะรัฐมนตรีมีมติจะประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพื่อยกระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นั้น

แบงก์ชาติ สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ขอเรียนว่า ธนาคารสมาชิกและสถาบันการเงินทุกแห่งมีความพร้อมในการดำเนินการรองรับภาวะฉุกเฉิน เพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan) เพื่อให้ลูกค้าและประชาชนทั่วไปสามารถใช้บริการทางการเงินที่สำคัญ อาทิ การรับฝากเงิน การถอนเงิน การโอนเงิน การชำระเงิน และบริการสินเชื่อต่าง ๆ ที่จะช่วยเหลือลูกค้าเพื่อเสริมสภาพคล่อง มาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ทั้งในส่วนของลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าบุคคล ดังที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้ว รวมถึงมาตรการล่าสุดที่ได้ประกาศวานนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยจะประชาสัมพันธ์ในรายละเอียดต่อไป

การใช้บริการสามารถดำเนินการผ่านช่องทางในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งในส่วนของสาขา และหน่วยงานสินเชื่อธุรกิจ ที่จะเปิดบริการให้ได้มากที่สุด รวมถึงช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งที่เป็น เครื่องถอนและรับฝากเงินอัตโนมัติ (ATM และ CDM) อินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง โมบายแบงก์กิ้ง ธนาคารทางโทรศัพท์ และ Call Center ที่พร้อมให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนหมั่นตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของตนเองอย่างสม่ำเสมอ และระมัดระวังการแอบอ้างเพื่อหลอกลวงข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางด้านการเงิน เช่น อีเมล รหัสผ่าน สำหรับการทำธุรกรรมทางการเงิน

ธนาคารมีความห่วงใยในสุขภาพอนามัย ความปลอดภัย และสวัสดิภาพของลูกค้าผู้ใช้บริการ และพนักงาน โดยเน้นให้มีการดำเนินการตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด อาทิ การเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดสาขา การจัดพื้นที่ภายในสาขาให้ลูกค้ามีระยะห่างไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร ขณะรอรับบริการ (Social Distancing)

ทั้งนี้ ลูกค้าและประชาชนทุกท่านมีส่วนสำคัญในการช่วยกันคัดกรองข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ โดยเฉพาะจากช่องทางโซเชียลมีเดีย และระมัดระวังในการส่งต่อข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก และสร้างความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ หากมีข้อสงสัยประการใดสามารถสอบถามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่ Call center หรือ เว็บไซด์ของแบงก์ชาติ และธนาคารทุกแห่ง