Home Blog Page 460

ประวิตร ลงพื้นที่ ตรวจการกำจัดผักตบชวาในแม่น้ำท่าจีน

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาผักตบชวาและวัชพืช พร้อมตรวจเยี่ยมการทำงานเพื่อเตรียมรับน้ำหลากในฤดูฝนปี 2563 โดยมี ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมชลประทาน(ด้านบำรุงรักษา) และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมโรงเรียนวัดทรงคะนอง ตำบลทรงคะนอง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

โดยกรมชลประทาน ได้ร่วมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและประชาชน นำเรือแบ๊คโฮลลงโป๊ะ จำนวน 1 ลำ เข้าร่วมการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในแม่น้ำท่าจีน บริเวณสะพานวัดทรงคะนอง โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่าน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือน้ำหลากในฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง

ทั้งนี้ กรมชลประทาน มีแผนการดำเนินการกำจัดผักตบชวาและวัชพืช เพื่อเตรียมการรับน้ำหลากในฤดูฝน ปี2563 ตามแม่น้ำสายหลักและสายรองลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำป่าสัก รวมทั้งสิ้น 16 จุด โดยกำหนดเป้าหมายในการกำจัดไว้ประมาณ 77,400 ตัน ปัจจุบัน(12 พ.ค.63) ได้ดำเนินการไปแล้วประมาณ 53,973 ตัน ส่วนในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ได้กำหนดเป้าหมายในการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชทางน้ำไว้ประมาณ 2,585,141 ตัน

นายกฯ โพสเฟสบุ๊ค บอกเหตุผลตัดสินใจให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของศาล ไม่อุ้มเพราะต้องรักษาเงินตราของประเทศ

0

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสลงเฟสบุ๊ค มีเนื้อหากล่าวถึงมติที่ประชุมครม. วันนี้ (19 พ.ค.) ที่อนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) โดยใช้แนวทางเข้าสู่กระบวนการศาลล้มละลายกลาง

โดยมีเนื้อหาดังนี้

ไม่อุ้มครับ “เราจำเป็นจะต้องรักษาเงินตราของประเทศไทยเอาไว้ เพื่อใช้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาข้างหน้าต่อจากนี้ “

“วันนี้ ผมขอแจ้งให้ทราบถึงการตัดสินใจเรื่องการบินไทยนะครับ มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ทั้งนี้ ก็เป็นการตัดสินใจที่ผมรู้ว่า เราจะช่วยกันรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนทุกคนได้อย่างไร
ในส่วนของปัญหาเรื่องนี้ ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ในเรื่องของการมีหนี้สินต่างๆ มากพอสมควรในขณะนี้ เพราะฉะนั้นมีอยู่ 3 ทางเลือก คือ

(1) หาเงินให้การบินไทยดำเนินการต่อไป

(2) ปล่อยให้เข้าสู่สถานการณ์ล้มละลาย และ

(3) เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของศาล

ที่ผ่านมาอาจจะมีปัญหาการฟื้นฟูไม่ได้ประสิทธิภาพมากนัก เพราะมีข้อกฎหมายอยู่หลายประการด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ.ร.บ. แรงงาน และ พ.ร.บ. รัฐวิสาหกิจ เพราะฉะนั้นวันนี้เราจำเป็นที่จะต้องหามาตรการที่เหมาะสม และเราได้มีการพิจารณาร่วมกันใน คนร. และ ครม. แล้ว พวกเราทุกคนตัดสินใจว่า เราจะเลือกหนทางแบบที่ 3 ซึ่งเป็นหนทางปฏิบัติที่ดีที่สุด และจะต้องมีขั้นตอนในการดำเนินการอีกหลายขั้นตอนต่อไป เพื่อจะแก้ปัญหาภายในขององค์กร และในเรื่องของการประกอบการเพื่อให้ฟื้นฟูขึ้นมาอย่างที่พวกเราทุกคนวาดหวังไว้นะครับ

ผมอยากให้พวกเราทุกคนได้กลับไปคิดดูว่า เรามีการบินไทยเพื่ออะไร ในช่วงที่ผ่านมา การบินไทยควรจะเป็นองค์กรที่ช่วยสร้างชื่อเสียง และรายได้ให้กับคนไทย และมีความสามารถในการแข่งขัน มีความเข้มแข็งในตัวเอง อันนี้คือพื้นฐานการตัดสินใจของผม และนำสู่การพิจารณาใน ครม. ในวันนี้ครับ
วันนี้ถึงเวลาแล้วนะครับ ที่เราจะต้องกล้า ที่จะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูโดยการยื่นขอเข้ากระบวนการต่อศาล ได้มีการหารือกันอย่างรัดกุมในรายละเอียดต่างๆ ทั้งหมด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลานี้ เป็นเวลาที่ประเทศไทยและทั้งโลกกำลังเผชิญวิกฤต รายได้ของทุกคนกำลังหายไป กับหายนะจากโควิด เราก็จำเป็นจะต้องรักษาเงินตราของประเทศไทยเอาไว้ เพื่อใช้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาข้างหน้าต่อจากนี้ ในการช่วยเหลือทั้งเกษตรกรที่กำลังทุกข์ยาก ผู้ประกอบการ SME ต่างๆ ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตทางธุรกิจ หรือ ช่วยเหลือคนหาเช้ากินค่ำ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือประชาชนทั่วไปที่ทำงานหนักอยู่ในขณะนี้เพื่อจะมีเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวของตัวเอง รัฐบาลต้องมองอย่างรอบคอบ ในทุกมิติ

วันนี้ ถึงแม้เรามาถึงจุดที่สามารถควบคุมวิกฤตทางด้านสุขภาพได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับหลายๆ ประเทศ แต่ปัญหาจากโควิดจะยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะปัญหาที่หนักยิ่งกว่านั้น ที่รัฐบาลกำลังหาหนทางปฏิบัติในการแก้ปัญหาดังกล่าว ก็คือ ปัญหาเรื่องการทำมาหากิน การหารายได้เลี้ยงปากท้องของประชาชน ที่ทุกคนในประเทศไทยล้วนได้รับผลกระทบทั้งสิ้น และยังไม่รู้ว่า เมื่อไหร่ถึงจะสามารถกลับมาทำมาหากินสร้างรายได้ ได้เหมือนปกติอย่างเคย นี่คือวิกฤตทางเศรษฐกิจที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคตนะครับ เราจำเป็นต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนในการใช้จ่ายงบประมาณ ยิ่งเป็นจำนวนมากหลังจากวิกฤตโควิดต่อจากนั้นก็เพื่อจะให้ประชาชนอยู่รอดได้ สร้างชีวิต สร้างรายได้ ทุกอย่างมาสู่ภาวะปกติ และมีการสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมา และเข้มแข็งในระยะต่อไปนะครับ เราต้องมองทุกมิตินะครับ

ผมเองรู้สึกว่า การที่ผมตัดสินใจให้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูนั้น โดยไม่ปล่อยให้การบินไทยต้องเข้าสู่สถานะล้มละลาย ซึ่งมันอาจจะทำให้พนักงานมากกว่า 2 หมื่นคน ต้องถูกลอยแพ พวกเราทุกคนคงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นนะครับ

เพราะฉะนั้น รัฐบาลก็ยืนยันว่าจะสนับสนุนในการดำเนินการดังกล่าวอย่างเต็มที่ เพื่อจะให้การบินไทยยังสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ แม้ไม่ได้รับเงินจากรัฐบาล ผมจึงอนุญาตให้การบินไทยเข้าไปอยู่ภายใต้การคุ้มครองของศาล และเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูภายใต้คำสั่งของศาล ซึ่งศาลจะแต่งตั้งมืออาชีพเข้ามาช่วยบริหารจัดการการฟื้นฟูการบินไทย

ผมเอง และพี่น้องประชาชนทุกคนก็คงคาดหวังเช่นเดียวกันว่า เมื่อมีมืออาชีพเข้ามาช่วยบริหารจัดการแล้ว การบินไทยจะสามารถกลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติที่คนไทยเคยภาคภูมิใจ และกลับมาเป็นองค์กรที่ช่วยสร้างความรุ่งเรืองให้กับประเทศไทยได้

ด้วยวิธีการเช่นนี้ เป็นวิธีการเดียวที่การบินไทยจะยังสามารถดำเนินกิจการต่อได้ พนักงานของการบินไทยก็จะยังมีงานทำต่อไป ในขณะเดียวกัน การปรับโครงสร้างของการบินไทยที่ควรจะทำสำเร็จมาตั้งนานแล้ว ก็จะเกิดขึ้นได้ด้วย ในการเข้าสู่มาตรการฟื้นฟูขณะนี้นะครับ

นั่นคือการตัดสินใจของผม และเป็นทิศทางที่รัฐบาลจะยึดปฏิบัติกับกรณีของการบินไทย ส่วนในรายละเอียดต่างๆ จะเป็นไปตามที่ศาลกำหนด และคาดว่าจะสามารถแจ้งให้ทุกท่านทราบในโอกาสต่อไป ผมให้ทางกระทรวงคมนาคมและหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการแถลงข่าวในเรื่องนี้ในรายละเอียดอีกครั้งครับ
การบินไทย เราถือว่าเป็นทูตที่ดีทางวัฒนธรรมที่ช่วยโปรโมทประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนาน 60 ปี ผ่านการทุ่มเททำงานของคนจำนวนมาก จากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน นักบิน วิศวกร ช่าง พนักงานภาคพื้น รวมทั้งพนักงานในส่วนงานอื่นๆ ของการบินไทย ผมเองก็หวังเช่นเดียวกับคนไทยทุกคนว่า การช่วยเหลือให้การบินไทยได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูภายใต้คำสั่งศาล จะช่วยให้การบินไทยสามารถกลับมาเป็นสายการบินที่มีความแข็งแกร่งได้อีกครั้ง

ขอบคุณมากครับ นี่คือการตัดสินใจของผมและคณะรัฐมนตรีในวันนี้นะครับ

การบินไทยแจ้งหยุดบินชั่วคราว มิ.ย.ต่ออีก 1 เดือน

0

รายงานข่าวจาก บริษัท การบินไทย เปิดเผยว่า การบินไทยแจ้งเหตุจำเป็นต้องขยายเวลาหยุดทำการบินชั่วคราวต่ออีก 1 เดือน ในเดือนมิถุนายน 2563 ภายหลังจากที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) มีคำสั่งขยายเวลาห้ามอากาศยานขนส่งผู้โดยสารทำการบินเข้ามายังท่าอากาศยานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 นั้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับในเดือนกรกฎาคม 2563 การบินไทยยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและประเมินสถานการณ์ เพื่อกลับมาทำการบินทันทีเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง โดยบริษัทได้ติดตามสถานการณ์จากทั่วโลกอย่างใกล้ชิด และยังพิจารณามาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ของแต่ละประเทศ มาตรการปิดประเทศ (Lock Down) และความต้องการในการเดินทางของผู้โดยสาร ซึ่งขณะนี้บริษัทได้มีแผนเตรียมความพร้อมในการให้บริการไว้แล้ว และจะแจ้งกำหนดการที่แน่นอนให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป

ทั้งนี้ บริษัทยังคงทำการบินในเที่ยวบินพิเศษในเส้นทางระหว่างประเทศเพื่อรับคนไทยกลับบ้าน รวมทั้งให้บริการเที่ยวบินขนส่งสินค้าและผลผลิตทางการเกษตรเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทย

คนร.เห็นชอบ ยื่นศาลล้มละลาย ฟื้นฟูกิจการการบินไทย รอเสนอครม.พรุ่งนี้ (19 พ.ค.)

0

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ยื่นศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอฟื้นฟูกิจการ

โดยคนร. จะเสนอมตินี้ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ค.) เนื่องจาก บริษัท การบินไทย เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

ส่วนจะเป็นการยื่นทำแผนฟื้นฟูต่อศาลล้มละลายกลางของไทยหรือไม่นั้น โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ตอบว่า น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ยังไม่ได้หารือรายละเอียด ในการประชุมวันนี้ มีเพียงหลักการให้การบินไทยเดินตามแผนฟื้นฟู โดยในที่ประชุม ไม่มีผู้ใดขัดแย้ง ส่วนแนวทางค้ำประกันเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง คงไม่นำมาพิจารณาแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น ว่า คนร.เห็นชอบให้ดำเนินการฟื้นฟูกิจการของบริษัทการบินไทย และขอให้เข้าใจว่า เป็นคนละเรื่องกับการล้มละลาย ทั้งนี้ ต้องให้เรื่องเข้าสู่การพิจารณาของครม.เสียก่อน ยังเปิดรายรายละเอียดอะไรไม่ได้

กรมชลฯ รับมือฤดูฝน สั่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยมีดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน และนายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมชลประทาน(ด้านบำรุงรักษา) เข้าร่วมประชุมผ่านระบบ VDO Conference จากทำเนียบรัฐบาลมายังศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) กรมชลประทาน สามเสน  

อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงการบริหารจัดการน้ำและการเตรียมการรับมือฤดูฝนปีนี้ว่า กรมชลประทานได้สั่งการให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ ตรวจสอบอาคารชลประทานทุกแห่ง ให้สามารถใช้งานได้เต็มศักยภาพ รวมทั้งสำรวจสิ่งกีดขวางทาง และการกำจัดวัชพืชในแม่น้ำสายหลัก คู คลองต่างๆ การติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆเป็นไปตามเกณฑ์การเก็บกักที่วางไว้ ที่สำคัญได้เน้นย้ำให้มีการแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม หรือน้ำล้นตลิ่ง อีกทั้ง ยังได้จัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ ประจำไว้ในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว หากต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ชลประทานบริการประชาชน

ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศจำนวน 447 แห่ง มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 34,100 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 45 %  ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 10,436 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) มีรวมกันประมาณ 8,276 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 33% ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,580 ล้าน ลบ.ม.

ล่าสุด มีการจัดสรรน้ำทั้งประเทศไปแล้ว 1,481 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 12% ของแผนจัดสรรน้ำฤดูฝน เฉพาะลุ่มเจ้าพระยา มีการจัดสรรน้ำไปแล้ว 485 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 15% ของแผนฯ ด้านผลการเพาะปลูกข้าวนาปี 2563 ปัจจุบันทั้งประเทศเพาะปลูกแล้วรวมทั้งสิ้น 0.65 ล้านไร่ จากแผนที่กำหนดไว้ 16.79 ล้านไร่ เฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา เพาะปลูกแล้ว 0.43 ล้านไร่ จากแผนที่กำหนดไว้ 8.10 ล้านไร่ ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ ค่อนข้างจำกัด สำรองไว้ใช้ได้เฉพาะอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศ เท่านั้น ส่วนการทำนาปี ขอให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกโดยใช้น้ำฝนเป็นหลัก และแม้ว่าขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศว่าไทยเข้าสู่ฤดูฝนแล้วก็ตาม แต่ขอให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกเมื่อเห็นว่ามีปริมาณฝนตกชุกหรือมีปริมาณน้ำเพียงพอในพื้นที่  

มาตรการความปลอดภัยอาหารที่เข้มข้น สร้างความมั่นใจผู้บริโภคและพนักงานในวิกฤตโควิด 19

0

การหยุดชั่วคราวหรือการปิดโรงแปรรูปเนื้อสัตว์และโรงงานผลิตอาหารในหลายประเทศหลังพบคนงานป่วยติดเชื้อโควิด19 โดยเฉพาะผู้ผลิตอาหารใหญ่ของโลก อย่าง สหรัฐอเมริกา บราซิล ก่อให้เกิดผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภค เกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่การผลิตอาหารทั้งหมด แม้ขณะนี้หลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ แต่เรื่องการบริโภคอย่างปลอดภัยไม่ติดโรคยังเป็นปัจจัยที่ไม่อาจละเลยได้ อุตสาหกรรมอาหารจึงไม่ควร “การ์ดตก” เพราะความเสี่ยงการกลับมาของโรคระบาดเป็นไปได้ตลอดเวลา ที่สำคัญทั่วโลกยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

องค์กรอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization : FAO) และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) แนะนำให้ภาคการผลิตอาหารต้องยกระดับมาตรการขั้นสูงสุดในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการผลิตอาหารมนุษย์มีความปลอดภัยสูงสุด

โรคโควิด19 นับเป็นโรคอุบัติใหม่ที่ประชากรโลกต้องเผชิญและมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมไปสู่วิถีชีวิตใหม่ (New Normal) โดยเฉพาะการรับประทานอาหาร ผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคและโรคต่างๆ

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้คำแนะนำผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมอาหาร ว่า “สิ่งที่เรากลัวที่สุดคือการระบาดของโรคโควิด 19 ในโรงงานเพราะเป็นสถานที่รวมของคนจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนเตรียมการที่ดี อย่างเช่น เน้นการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) หรือ การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล (Physical Distancing) การเข้า-ออกกะ ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสและการรวมพลของคนหมู่มาก เพราะเรารู้ว่าในคนหมู่มากถ้าเกิดโรคกับคนใดคนหนึ่ง คนที่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อทุกคนจะต้องถูกกักตัวเป็นกลุ่มใหญ่จนไม่เหลือคนทำงาน”

ในสายการผลิตควรเตรียมแผนปฏิบัติการไว้ล่วงหน้ากรณีเกิดการระบาดของโรคโควิด 19 ผู้ปฏิบัติงานในแต่ละกะการทำงาน ควรแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน เพราะหากพบผู้ป่วยติดเชื้อในทีมหนึ่งอาจต้องกักตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดทุกคนในทีม หลังปิดไลน์การผลิต ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อแล้วต้องมีทีมงานกลุ่มใหม่เข้าไปทำงานแทนทันที เพราะไม่สามารถปิดโรงงานได้ 14 วัน การเตรียมการต่างๆ ถือว่ามีความจำเป็นมาก ต้องมีการวางแผนและซ้อมแผนเป็นอย่างดี หากไม่วางแผนทีดีเมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะเป็นอุปสรรคอย่างมากหากไม่สามารถดำเนินการผลิตต่อไปได้

ศ.นพ.ยง ยืนยันว่า Covid-19 ไม่ติดต่อ หมู เป็ด และไก่ และสัตว์เหล่านี้ไม่เป็นแหล่งรังโรค หรือเป็นพาหะแพร่โรคมาสู่คน แต่ในการผลิตอาหาร ต้องให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยของทุกคนที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่การผลิต รวมถึงเกษตรกรผู้ที่ทำหน้าที่ผลิตวัตถุดิบ โดยเฉพาะโรงงานแปรรูปอาหารที่มีพนักงานทำงานในสายการผลิต จำเป็นต้องเน้นถึง การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด การกำหนดระยะห่างของสังคม รวมทั้ง การมีมาตรการป้องกันและแผนสำรองรองรับอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้ห่วงโซ่การผลิตอาหารของประเทศต้องหยุดชะงัก ไม่ว่าจะเป็นจุดใดจุดหนึ่ง

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เป็นหนึ่งในฐานะผู้ผลิตอาหารชั้นนำระดับโลก ตระหนักถึงความสำคัญของผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ได้ยกระดับมาตรการการป้องกันโรค ความปลอดภัยด้านอาหาร ตลอดห่วงโซ่ Feed-Farm-Food พร้อมดูแลสุขอนามัยทั้งของพนักงานและโรงงานอย่างเคร่งครัด สอดคล้องกับแนวปฏิบัติขององค์การอนามัยโลก กรมควบคุมโรค กรมอนามัย และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ บริษัทฯ ยังได้ศึกษาและถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน พร้อมทั้งปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาด เพื่อให้สามารถกำหนดมาตรการความปลอดภัยได้อย่างเหมาะสมตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเข้มแข้งในกระบวนการผลิตอาหารให้มีความต่อเนื่องตลอดห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ Feed-Farm-Food เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการบริโภคอาหารปลอดภัยว่าและจัดส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภคอย่างเพียงพอ

ซีพีเอฟ ยังกำหนดระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) และระยะห่างทางบุคคล (Physical Distancing) เป็นแนวทางปฏิบัติที่เคร่งครัด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดในโรงงานแปรรูปอาหารมากที่สุด ตั้งแต่ การเดินทางของพนักงาน บริษัทฯ เพิ่มจำนวนรถรับส่งพนักงาน เพื่อให้พนักงานได้นั่งบนรถแบบเว้นระยะห่างอย่างน้อยประมาณ 1 เมตร ตามคำแนะนำของ WHO รวมทั้ง กำหนดระยะห่างในจุดที่เสี่ยงมากที่สุด คือ โรงอาหาร โดยการเพิ่มระยะเวลาช่วงพักกลางวัน เพื่อให้มีระยะห่างในรับประทานอาหาร การยืนรอคิว รวมไปการกำหนดจุดที่นั่งพัก งดกิจกรรมการตรวจเยี่ยมโรงงานและฟาร์มของบุคคลภายนอก และมีการตรวจคัดกรองลูกค้าและผู้รับเหมาอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของพนักงานทุกคน

สำหรับโรงงานแปรรูปอาหารของบริษัทฯ มีการติดตั้งประตูสแกนอุณหภูมิร่างกายแบบเดินผ่าน (Walk-through body temperature scanner) ช่วยคัดกรองอุณหภูมิพนักงานทุกคนได้แม่นยำยิ่งขึ้น ตลอดจนการปฏิบัติตนตามหลักสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด ทั้งการใส่หน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือเป็นประจำ การเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อพื้นที่และจุดที่สัมผัสบ่อย ทำ Big Cleaning Day และพ่นยาฆ่าเชื้อสม่ำเสมอ รวมทั้งเพิ่มการขนส่งแบบไร้การสัมผัสมือด้วยระบบสายพาน

นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้ง “ศูนย์ฮอทไลน์ โควิด19” (CPF Covid-19 hotline) เป็นช่องทางพิเศษเพื่อให้พนักงานได้สื่อสารกับบริษัทโดยตรงทั้งสอบถามข้อมูลและแจ้งอาการป่วยได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อทำความเข้าใจพนักงานทุกคนทุกระดับ เพื่อให้พนักงานทุกคนมั่นใจความปลอดภัยในการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง และจัดให้มีล่ามแปลภาษาเมียนมาและกัมพูชาเพื่อให้พนักงานต่างชาติรู้และเข้าใจสามารถปฏิบัติตามมาตรการของบริษัทฯได้

ซีพีเอฟ ได้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดสำหรับบุคลากรและในกระบวนผลิตอาหาร ตามวิสัยทัศน์ “ครัวของโลก” เพื่อผลิตอาหารปลอดภัยและสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างเพียงพอและยั่งยืนสำหรับประชากรโลก

ยอดจองสลากกินแบ่งฯ งวด 1 มิ.ย. ลดลง เหตุคอหวยยังไม่มั่นใจสถานการณ์โควิด19 ทำตลาดซบ

0

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า การจองซื้อสลากในงวดวันที่ 1มิ.ย.นี้ คาดว่าจะมีการพิมพ์สลากฯ ประมาณ 59 ล้านฉบับ จากเพดานการพิมพ์สูงสุด 100 ล้านฉบับ สาเหตุที่ยอดจองสลาก งวด 1 มิ.ย. ลดลง มาจากผู้ค้าสลากยังไม่แน่ใจว่า สถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายได้มากน้อยเพียงใด ประกอบกับตลาดการซื้อขายสลากไม่คึกคักมาหลายเดือนแล้ว 

พชร อนันตศิลป์ ประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล

สลากงวดวันที่ 1 มิ.ย. มีการจองซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายแล้ว 240,000 เล่ม หรือ 24 ล้านฉบับ และผ่านระบบจองซื้อของธนาคารกรุงไทย 300,000 เล่ม หรือ 30 ล้านฉบับ ส่วนในวันที่ 19 พ.ค.นี้ จะเปิดให้คนที่ลงชื่อในระบบจองซื้อสลาก เข้ามาซื้ออีก  50,000 เล่ม หรือ  5 ล้านฉบับ รวมทั้งหมด 59 ล้านฉบับ 

ทั้งนี้ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มียอดพิมพ์สลากลดลงมาโดยตลอดจากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกลของตลาด โดยพิมพ์อยู่ไม่เกิน 90 ล้านฉบับ คาดว่าสถานกาณ์ในตลาดซื้อขายสลาก ฯ น่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติ แต่อาจจะไม่คึกคักเท่าเดิม

สำหรับยการจองคิว เพื่อขึ้นรางวัลสลากที่สนามบินน้ำ จะเปิดให้จองคิวในวันที่ 17 พ.ค.63 ผ่านเว็บไซต์ www.glo.or.th เพื่อนัดหมายเวลาล่วงหน้าก่อนมาขึ้นรางวัล วันละ 65,000 ฉบับต่อวันนั้น คิดว่าระบบไม่น่าจะมีปัญหา ในขณะที่เรื่องสลากออนไลน์ ขณะนี้ก็ยังเดินหน้าศึกษา โดยมอบหมายนายธนวรรธน์ พลวิชัย โฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นประธานคณะกรรม การศึกษาสลากรูปแบบใหม่ ซึ่งตอนเรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ได้้ เพราะมีปัญหาเรื่องโควิด-19 

นายอำนวย กลิ่นอยู่ ประธานสมาพันธ์คนพิการผู้ค้าสลากประเทศไทย เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลเลื่อนการออกรางวัลสลาก 3 งวด คือ งวด 16 เม.ย., งวด 2 พ.ค.63 และ งวด 16พ.ค.นี้ ทำให้ผู้ค้าสลากมีเวลาขายสลากงวดวันที่ 1 เม.ย. มากขึ้นถึง 60 วัน แต่ผู้ค้าสลากบางรายยังไม่สามารถขายสลากที่มีอยู่ในมือได้หมดเพราะไม่ยอมลดราคา จึงทำให้มีสลากเหลืออยู่จำนวนมาก ซึ่งเป็นต้นทุนที่ผู้ค้าสลากต้องแบกรับไป 

ขณะที่ผู้ค้าสลากบางส่วน ขายสลากได้หมด เพราะลดราคาสลากลงอยู่ที่ 75-70 บาทต่อใบ ในขณะที่สลาก ชุด 2 ใบ ราคา 160 บาท นั้นก็ลดราคาลงเหลือ 155-150 บาทต่อชุด  โดยเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมาก่อนวันออกรางวัล 1 วัน ผู้ค้าสลากหลายรายยอมสลากขายทุน ลดราคาลงต่ำกว่าใบละ 80 บาท เพื่อขายสลากที่มีอยู่ในมือออกไปให้หมด ส่วนสลากที่มีเลขสวยขายหมดไปก่อนหน้านี้แล้ว

สำหรับสลากงวดวันที่ 1 มิ.ย.ซึ่งมียอดจองซื้อ น้อยลงกว่า 40% นั้น เป็นเพราะผู้ค้าสลากบางรายยังไม่มั่นใจว่าจะขายได้หมด และสถานการณ์โควิด-19 แต่คาดว่าหลังจากวันที่ 17 พ.ค.นี้ิ ที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แล้ว จะทำให้ประชาชนออกมาจากบ้านมากขึ้น  ดังนั้นคนก็น่าจะซื้อสลากมากขึ้นด้วย เพราะสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้แล้ว จากเดิมที่ตอนโควิด-19 ระบาดหนัก ไม่มีลูกค้าออกมาซื้อสลากเลย  

กรมชลฯ สั่งเฝ้าระวัง พร้อมรับมือพายุไซโคลน”อำพัน”

0

 ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า พายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวเบงกอลตอนกลางได้ ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลน “อำพัน” มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเบงกอลตอนบน ส่งผลทำให้ในช่วงวันที่ 17-20 พฤษภาคม 2563 ภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ขึ้นมาทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร นั้น

กรมชลประทาน จึงเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำ โดยให้เจ้าหน้าที่ประจำอยู่ในพื้นที่จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ เพื่อสามารถเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือจากสถานการณ์น้ำได้ทันที รวมท้้ง บริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำและน้ำท่าตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งจะดำเนินการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำและปรับการระบายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาเสถียรภาพของอ่างเก็บน้ำ และอาคารชลประทานต่างๆ รวมถึง รักษาระดับน้ำบริเวณเหนือเขื่อนและพื้นที่ด้านท้ายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ยังให้สำนักงานชลประทาน ติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งกำชับให้ตรวจสอบอาคารชลประทานทุกแห่งให้สามารถใช้งานได้เต็มศักยภาพ กำจัดวัชพืชไม่ให้กีดขวางทางน้ำ  ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อบริหารจัดการน้ำในอ่างให้เป็นไปตามเกณฑ์การเก็บกัก แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม-น้ำล้นตลิ่ง อีกทั้งยังได้จัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือไว้ในพื้นที่แล้ว หากต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร. 1460 สายด่วนกรมชลประทาน ได้ตลอดเวลา

เปิดห้างวันแรก 17 พ.ค. หลังม.ผ่อนปรนระยะที่สอง

0

บรรยากาศ เปิดห้างวันแรก

พนักงานประจำห้าง ตั้งจุดคัดกรอง วัดอุณหภูมิ และมีเจลล้างมือให้ผู้เข้าใช้บริการ

ส่วนคนใช้บริการ ส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ ใส่หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า

แต่พบปัญหาและอุปสรรคบ้างเล็กน้อย ลูกค้ายังไม่ทราบถึงระบบการเข้าใช้บริการ ที่ต้องสแกนคิวอาร์โค๊ต แอพฯ ชัยชนะ กับ แอพฯ ของทางห้างเอง

ทำให้ล่าช้า คิวยาว

บางคน ไม่ได้เข้าใช้บริการของทางห้าง เพราะลืมโทรศัพท์

ผู้ว่าฯกทม. ลงพื้นที่ตรวจห้างสรรพสินค้าก่อนเปิด 17 พ.ค.

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร และคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมและแนวทางปฏิบัติตามแผนแม่บทของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าภายในศูนย์การค้าฯ หลังจากรัฐบาลมีมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ให้ห้างสรรพสินค้า, ศูนย์การค้าสามารถเปิดบริการได้ในวันพรุ่งนี้ (17 พ.ค. 63) หลังจากปิดให้บริการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

พล.ต.อ.อัศวิน เปิดเผยว่า วันนี้ได้มาตรวจดูความพร้อมของห้างสรรพสินค้าหลายอย่าง พบว่า ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ทางเซ็นทรัลได้เตรียมความพร้อมเป็นอย่างดี ตั้งแต่ก่อนเข้าห้าง ทุกคนที่จะเข้ามาใช้บริการห้างฯ จะต้องใส่หน้ากากทุกคน มีการตรวจวัดไข้ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ก่อนเข้าห้างฯ มีการตรวจเช็คจำนวนคนที่จะเข้ามาใช้บริการในห้างสรรพสินค้า

ตามมาตรการจะต้องมีการจำกัดจำนวนคนที่จะเข้ามาใช้บริการภายในห้าง โดยจำกัด 1 คนต่อ 5 ตารางเมตร เช่น มีพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร จะมีผู้เข้าใช้บริการได้ 2,000 คน ซึ่งทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ มีห้างสรรพสินค้าประมาณเกือบ 200 ห้าง โดยตั้งแต่พรุ่งนี้นอกจากเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตแล้ว คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครก็จะมีการลงพื้นที่ตรวจห้างสรรพสินค้าต่างๆ

ผู้ว่ากทม. ได้เน้นย้ำร้านค้าต่างๆ ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด โดยเฉพาะร้านอาหาร หากมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และให้มีการนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านของตนเมื่อตรวจพบจะสั่งให้ปิดร้านทันที ไม่มีการตักเตือนหรือแนะนำให้แก้ไข นอกจากนี้ห้ามไม่ให้มีการจัดโปรโมชันนาทีทองหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดการสัมผัสใกล้ชิดกันซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 สำหรับผู้ที่จะมาใช้บริการกับทางห้างสามารถเช็คจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการผ่านทางแอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” ได้ เพื่อความสะดวก ขอให้ทุกคนร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด สถานการณ์ขณะนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นหากทุกคนช่วยกันก็จะสามารถก้าวผ่านวิกฤติของเชื้อโควิด-19 ไปได้ในเร็ววัน

ขอบคุณ ภาพประกอบ จาก สำนักงานประชาสัมพันธ์ กทม.