Home Blog Page 402

เจียไต๋ มอบเมล็ดพันธุ์ผัก 5 แสนซอง สนับสนุนโครงการตู้เย็นข้างบ้านต้านภัยโควิด 19

0

นายมนัส เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจียไต๋ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทร่วมส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารผ่านการสนับสนุน  โครงการตู้เย็นข้างบ้านต้านภัยโควิด 19 ของกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเกษตรกรและประชาชนในวงกว้างมากขึ้น ด้วยการมอบเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัวที่เป็นที่นิยม เติบโตเร็ว และปลูกง่าย เช่น คะน้ายอด ผักบุ้งเรียวไผ่ พริกขี้หนู และกะเพรา จำนวน 500,000 ซอง โดยแบ่งบรรจุเป็นชุดเพื่อมอบแก่ผู้ลงทะเบียนจำนวน 100,000 ชุด พร้อมข้อมูลความรู้เรื่องพืชผักและวิธีการเพาะปลูก สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนขอรับชุดเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัวผ่านเว็บไซต์ของกรมส่งเสริมการเกษตร https://app.doae-gov.org/landing ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2563 เวลา 12:00 น. เป็นต้นไป จนกว่าจะครบจำนวน

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นโครงการต่อเนื่องที่เปิดโอกาสให้เกษตรกรและประชาชนทั่วไปได้ลงทะเบียนรับเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัว เพื่อนำไปปลูกและรับประทาน สร้างเสริมสุขภาพที่ดี พร้อมลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนในช่วงวิกฤตโควิด 19

เอไอเอส เปิด AIS PLAYGROUND @SWU ในมศว.ประสานมิตร

0

รายงานข่าวจาก บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า เอไอเอส โดยนายอราคิน รักษ์จิตตาโภค หัวหน้าฝ่ายงานขับเคลื่อนนวัตกรรม ร่วมกับรองศาสตราจารย์ ดร.สมชาย สันติวัฒนกุล รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี และเปิด AIS PLAYGROUND @SWU พื้นที่สร้างสรรค์นวัตกรรมแห่งใหม่ภายในมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร

ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิต อาจารย์ และบุคลากรในมหาวิทยาลัยที่สนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีได้เข้ามาทดลองสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกับเอไอเอส ไม่ว่าจะเป็น NB-IoT, VR, API ฯลฯ พร้อมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดจนนำนวัตกรรมเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็น AIS 5G, AIS NEXT G, AIS Fibre และ AIS SUPER WiFi มาให้เหล่าครีเอเตอร์และนักพัฒนารุ่นใหม่ เข้ามาทดลองใช้งานบนเครือข่ายและสภาพแวดล้อมจริง 

นอกจากนี้ ภายใน AIS PLAYGROUND @SWU ยังมีบริการในโซนอื่นๆ อีก เช่น Co-Working Space โดยเอไอเอส เป็นผู้สนับสนุนด้านเทคโนโลยี อุปกรณ์เครื่องมือ และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา พร้อมจัด Showcase และกิจกรรมต่างๆ จากเทคโนโลยีสุดล้ำ เช่น 5G, Robot, XR, 3D Printer ฯลฯ ที่จะสลับหมุนเวียนมาให้ผู้ที่สนใจได้สัมผัสประสบการณ์จริงและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

สำหรับ AIS PLAYGROUND @SWU ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 อาคาร 14 (อาคารอเนกประสงค์เทาแดง หรือตึกไข่ดาว มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เปิดให้นิสิต อาจารย์ และบุคลากรในมหาวิทยาลัย เข้าใช้บริการฟรี ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.30 – 18.30 น.โดยสามารถสมัครสมาชิกได้ฟรีที่ AIS PLAYGROUND @SWU ซึ่งจะสามารถใช้ Facilities ต่างๆ ได้ อาทิ VR, AIS NB-IoT Devkit และ AIS NB-IoT Shield, 3D Printer, Co-Working Space, ชุดอุปกรณ์ Conference Call, โทรศัพท์มือถือ และ Tablet สำหรับพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเชื่อมต่อ APIs ของ AIS และอุปกรณ์อื่นๆ

เที่ยวชุมพร ประตูสู่แดนใต้ มีดีมากกว่าทางผ่าน

0

เกรียนพาเที่ยว มีโอกาสติดสอยห้อยตามไปเที่ยวจังหวัดชุมพร จังหวัดที่เป็นประตูสู่ภาคใต้ เลยทำให้เป็นแค่ ทางผ่าน ในการการเดินทาง ทั้งที่จริงๆแล้ว ชุมพรมีที่เที่ยวเยอะมาก ไม่น้อยหน้าจังหวัดท่องเที่ยว หรือเมืองหลักที่ไหนเลย

 อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ หมู่ 4 ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77000

การเดินทางครั้งนี้ เราเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว จึงค่อนข้างคล่องตัวในการแวะที่เที่ยวต่างๆ สถานที่แรกที่เราเลือกแวะเที่ยวระหว่างทางบนเส้นถนนเพชรเกษม คือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ ที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ ภายในอาคารจัดแสดงนิทรรศการและจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหลากหลายพันธ์ุ ไฮไลท์ของที่นี่ คือ โลกใต้ทะเล ที่จัดแสดงเป็นอุโมงค์ปลา สามารถเดินลอดอุโมงค์ชมปลาขนาดใหญ่มากมาย อาทิ ฉลาม กระเบน นอกจากนั้นยังมีโชว์ให้อาหารสัตว์น้ำของนักประดาน้ำตามเวลาที่กำหนด

สะพานสราญวิถี

ก่อนจะเดินทางออกจากจ.ประจวบฯ เราแวะไปที่สะพานสราญวิถี ซึ่งเดิมเป็นสะพานปลามาก่อน แต่ปัจจุบัน ทางจังหวัดได้ปรับปรุงให้เป็นแลนด์มาร์ด และถนนคนเดินในช่วงเย็นวันศุกร์และเสาร์ น่าเสียดายว่าตอนที่เราแวะไปเป็นช่วงบ่าย แดดจัดพอสมควร จึงเห็นแต่สะพานโล่งๆ แต่ดูสวยทีเดียว จึงเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกก่อนจะเดินทางมุ่งหน้าสู่จ.ชุมพร อันเป็นจุดหมายปลายทางของเรา

เรามาถึงจ.ชุมพร เวลาเย็นพอดี หลังจากเข้าที่พัก เก็บสัมภาระ และพักผ่อนแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารเย็น เราเลือกไปเดินที่ถนนกรมหลวงชุมพร แหล่งของกินยามค่ำคืน และเป็นตลาดโต้รุ่งด้วย บางคนขนานนามว่า เป็นถนนสายผัดไทย เพราะมีร้านรถเข็นขายผัดไทยตั้งอยู่เรียงราย ให้เราเลือกแวะทานได้ตามใจชอบ

มาสะดุดตรงร้านนึงที่มีคนเข้าคิวรอซื้อเต็มหน้าร้าน จนต้องแวะดู ปรากฏว่าเป็นร้านขนมเบื้องแบบชิ้นเล็กๆ พอดีคำ เห็นอย่างนี้ เลยอดใจไม่ไหวต่อคิวซื้อกับเค้าบ้าง หลังจากนี้ก็เดินทางกลับที่พัก

เช้าวันถัดมา เราออกเดินทางไปเที่ยวกันที่ สะพานไม้เคี่ยม แต่คงจะออกสายไปหน่อย เลยเจอกับแดดจัดทีเดียว จริงๆแล้ว เวลาที่เหมาะมาเดินที่นี่ น่าจะเป็นเช้าตรู่ หรือไม่ก็ยามเย็น เดินทอดน่องไปตามสะพานไม้ยาวสุดหูสุดตา ตรงต้นสะพาน จะมีจุดขายอาหารปลา กับข้าวเปลือกอยู่ ทีแรก เราก็สงสัยกันว่า มีขายข้าวเปลือกไปเพื่ออะไร จนเมื่อเดินมาถึงสุดทางนั่นแหละ จึงเจอคำตอบ เพราะมีฝูงไก่อยู่เต็มปลายสะพานอีกด้าน รอให้เราโปรยข้าวเปลือกให้พวกมันกิน สุดท้าย เพื่อนร่วมทาง ต้องเดินกลับไปซื้อข้าวเปลือกมาเพิ่ม จากเดิมที่ถือแต่อาหารปลามาอย่างเดียว

จากที่นี่ เราออกเดินทางไปที่จุดชมวิวเขามัทรี รถเก๋งสามารถขับขึ้นไปได้สะดวก ที่นี่ เป็นจุดชมวิว 360 องศาเลยทีเดียว สามารถดูวิวได้ทั้งทะเล ชายหาด ปากน้ำชุมพร ถ้าเดินจนเมื่อยแล้ว ต้องไม่พลาด แวะไปนั่งร้านกาแฟถ้ำสิงห์ ลานหน้าร้าน เป็นอีกจุดชมวิวที่สวยงาม และต้องไม่พลาด ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

จากนั้น เราแวะไปไหว้สักการะศาลกรมหลวงชุมพร พบว่ามีนักท่องเที่ยว และชาวชุมพรเอง เดินทางมาไหว้ จุดประทัดแก้บนกันเป็นจำนวนมากทีเดียว

แล้วก็เดินทางต่อไปที่หาดทรายรี ซี่งขับรถออกมาไม่ไกลจากศาลกรมหลวงชุมพรสักเท่าไร อยากบอกว่า ทะเลสีสวยสดมาก แม้แดดเปรี้ยงยามบ่ายจะร้อนแค่ไหน ก็ไม่สามารถห้ามให้เราอดใจไม่เดินเก็บภาพบรรยากาศหาดทรายไว้เป็นที่ระลึกได้

เช้าวันถัดมา เราเลือกไปไหว้พระกันที่ “วัดพระธาตุสวี” ซึ่งภายในวัดประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอย่างพระบรมธาตุลักษณะเจดีย์ทรงระฆัง  สันนิษฐานกันว่าตัวพระธาตุที่อายุมากกว่า 700 ปี ถูกสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ได้รับการบูรณะปฏิสังขารอย่างสม่ำเสมอ จึงยังคงความสวยงามไว้ได้อย่างสมบูรณ์

ที่นี่ ยังมีส่วนของอาคารพิพิธภัณฑ์ที่อยู่บริเวณด้านหน้า ให้เราเก็บเกี่ยวความรู้อีกด้วย

อยากบอกว่าที่จ.ชุมพร มีที่เที่ยวเยอะมากกกก แต่เพราะเวลามีจำกัด จึงต้องเลือกเดินทางไปเที่ยวตามที่สะดวก อย่างเช่น วิวเขาทะลุ เมื่อเราขับรถผ่านไปถามเส้นทางถนนที่มุ่งหน้าไปตะวันตกของอ.สวี เราจะมองเห็นวิวแปลกตาที่เป็นภูเขาตั้งอยู่ไกลๆ ด้านบนมีรูให้แสงทะลุผ่าน ด้วยความที่ไม่รู้ข้อมูลนัก เพื่อนร่วมทริปซึ่งเป็นสารถีขับรถพาเที่ยว ซึ่งขับผ่านวิวนี้ไปแล้ว ยังต้องวนรถกลับมาเพื่อหาจุดจอดรถ แล้วลงมาชมวิว และเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก

เราปิดทริปชุมพรนี้ด้วยการแวะที่อ่าวทุ่งซาง ซึ่งแต่แรกไม่ได้อยู่ในแผนเที่ยว แต่แอดมินจำได้ว่า เคยมีเพื่อนส่งรูปเที่ยวชุมพรให้ดู ค้นเจอจนทราบชื่อสถานที่ จึงตัดสินใจแวะเที่ยวในเส้นทางขากลับ อยากบอกว่า ประทับใจในความสวยงามของที่นี่มาก และถ้ามาทริปนี้ แล้วข้ามอ่าวทุ่งซางไป คงน่าเสียดายไม่น้อย

อ่าวทุ่งซางเป็นอ่าวเล็ก ๆ เงียบสงบ ดีตรงที่ไม่มีบ้านเรือนและร้านอาหาร เลยยังเป็นธรรมชาติอยู่มาก ตอนใต้ของหาดมีหน้าผาและโขดหินที่มีรูปร่างแตกต่างกันไป คล้ายๆ เขากระโหลกที่ปราณบุรี ตอนน้ำทะเลลดระดับ เราสามารถเดินเที่ยวชมโขดหินบริเวณนั้นได้ มีทางเดินลอดช่องใต้โขดหินให้เดินสนุกไปอีกแบบ

เดินเล่น ถ่ายรูปจนพอใจแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางกลับบ้าน สำหรับชุมพรแล้ว เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก และถ้ามีโอกาส แอดก็อยากจะกลับมาตามเก็บที่เที่ยวอื่นๆที่ยังไม่ได้ไปที่นี่ ที่จังหวัดชุมพร

สิงห์อาสา ร่วมกับ หน่วยซีล เปิดหลักสูตร “กู้ภัยทางน้ำ” พร้อมรับมืออุบัติภัยทางน้ำ

0

สิงห์อาสา โดย มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ กองเรือยุทธการ จัดอบรม “หลักสูตรกู้ภัยทางน้ำ ทางทะเลและการดำน้ำกู้ภัย” ให้แก่บรรดาเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยที่เป็นการอบรมประจำปี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยในปีนี้จัดอบรมให้แก่กู้ภัย 11 จังหวัด จากภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 18-22 ก.ย. 63 ที่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ กองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยในงานมี พลตรี ศุภชัย ธนสารสาคร ผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ และคุณอรรถสิทธิ์ พรหมสุข ผู้จัดการส่วนงานกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ให้เกียรติเป็นประธานเปิดและมอบประกาศนียบัตรให้กับผู้เข้าอบรมทุกท่าน

โครงการอบรม “หลักสูตรกู้ภัยทางน้ำ ทางทะเลและการดำน้ำกู้ภัย” เป็นโครงการที่สิงห์อาสา ได้ผนึกกำลังร่วมกับหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือ “หน่วยซีล” หน่วยรบพิเศษจู่โจมใต้น้ำ ที่มีทักษะในการปฏิบัติการได้ทั้งบนผิวน้ำ ใต้น้ำ บนบกและทางอากาศ และเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในภารกิจระดับโลกในการช่วยเหลือ 13 หมูป่าติดถ้ำหลวง ที่จังหวัดเชียงรายเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยในโครงการได้จัดหลักสูตรการอบรมที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มทักษะความรู้ความสามารถของบรรดาเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยทั่วประเทศ รวมถึงเตรียมพร้อมรับมือกับอุบัติเหตุทางน้ำ ไม่ว่าจะเป็นที่เกิดจากภัยพิบัติธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมรุนแรง หรือน้ำป่าไหลหลากอันเกิดจากฝนตกอย่างหนักจากพายุ หรืออุบัติเหตุทางน้ำ เช่น เรือล่มในแม่น้ำหรือในทะเล ที่มักเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดเสมอ

ทั้งนี้ ผู้เข้าอบรมจะได้เรียนรู้ทักษะที่จำเป็น อาทิ หลักความปลอดภัยในน้ำ สาเหตุและอันตรายในน้ำ การใช้อุปกรณ์ในการกู้ภัยทางน้ำ หลักสูตรดำน้ำเบื้องต้น หลักสูตรการกู้ภัยทางทะเล และการฝึกภาคปฏิบัติดำน้ำในสระน้ำและในทะเล จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ เพื่อให้บรรดาอาสาสมัครกู้ภัยที่เข้ารับการอบรม มีทักษะในการปฎิบัติงานกู้ภัยที่ถูกต้อง ปลอดภัยสูงสุดตามหลักมาตรฐานสากล สามารถปฏิบัติงานกู้ภัยทางน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งหลักสูตรดังกล่าว จัดอบรมมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และในปีนี้ยังเป็นปีแรกที่ผู้เข้ารับการอบรมได้รับการฝึกดำน้ำที่หอดำน้ำของหน่วยซีลโดยเฉพาะ นับเป็นบุคคลภายนอกกลุ่มแรกที่ได้ฝึกดำน้ำที่หอดังกล่าว ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของหอดำน้ำที่ได้มาตรฐานและใหญ่ที่สุดในอาเซียน หลังจากเสร็จสิ้นการอบรม บรรดาเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยทุกคนที่ผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรนี้ จะนำเอาทักษะความรู้ความสามารถในการกู้ภัยฯ ดังกล่าว ไปต่อยอดสอนให้กับพี่น้องประชาชนในโครงการ “สิงห์อาสาจ้างงานสร้างอาชีพ” เพื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในจังหวัดต่างๆ ของแต่ละภูมิภาค ผ่านการเป็นอาสาสมัครกู้ภัยดูแลท้องถิ่นตนเองในอนาคตต่อไป

แม็คโคร จับมือราชทัณฑ์ จัดโครงการ “คืนคนดี มีอาชีพสู่สังคม”

0

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม็คโครให้ความสำคัญต่อหน้าที่และความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนการยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทในรูปแบบต่างๆ จึงได้ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ จัดกิจกรรมภายใต้โครงการ “คืนคนดี มีอาชีพสู่สังคม” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษ ในการพัฒนาทักษะการสร้างอาชีพให้ผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษ ตลอดจนให้ความช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่ก้าวพลาดให้สามารถมีโอกาสกลับมาดำรงชีวิตเป็นคนดีของสังคม

โครงการดังกล่าว ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากพนักงานแม็คโครที่เป็นจิตอาสามาเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ในการประกอบอาหารเพื่อการค้าในระดับพื้นฐาน แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำชั่วคราวแคน้อยและเรือนจำเพชรบูรณ์ จำนวนกว่า 100 ราย ด้วยการเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาทักษะ รวมถึงพัฒนาศักยภาพการเริ่มต้นธุรกิจอาหาร ตลอดจนสร้างมาตรฐานอาหารปลอดภัยในเมนูยอดนิยมต่างๆ อาทิ ผัดไทกุ้งสด พิซซ่า ข้าวเหนียวหมูปิ้ง เฟรนฟรายเชค และเครื่องดื่ม ที่สามารถนำไปประกอบอาชีพได้โดยใช้เงินลงทุนไม่มาก

ทั้งนี้ โครงการ “คืนคนดี มีอาชีพสู่สังคม” จะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่พร้อมมอบกำลังใจ ให้ทุกชีวิตได้ก้าวต่อไปได้อย่างมั่นใจ และจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ต้องขังได้ออกไปประกอบอาชีพสุจริต พึ่งพาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่กลับไปทำผิดพลาดซ้ำอีกในอนาคต

ซีพีเอฟ ปรับโฉมผลิตภัณฑ์อาหาร ชูนวัตกรรมรองรับนิวนอร์มอล

0

“ซีพีเอฟ” โชว์ศักยภาพผู้นำธุรกิจอาหารในงาน Thaifex-Anuga World of Food Asia 2020 ภายใต้แนวคิด “FOOD FOR TOMORROW” ปรับโฉม 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร รองรับการบริโภคเพื่อสุขภาพตามวิถีปกติใหม่ (New Normal) ตอกย้ำเป็นครัวโลก รองรับการบริโภคของประชากรโลกกว่าหมื่นล้านคนในปี 2050 ได้อย่างยั่งยืน

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า กระแสการบริโภคของโลกหลังโควิด-19 ได้เปลี่ยนไปสู่ “การบริโภคเพื่อสุขภาพ” ความปลอดภัยและการเข้าถึงอาหาร เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากที่สุด รวมถึงรูปแบบการบริโภคที่เปลี่ยนสู่วิถี “Food delivery”, “Cooking at Home” และพฤติกรรมการซื้อสินค้าเข้าสู่ “Online Streaming” และ “e-commerce” อย่างรวดเร็ว จึงเกิดเป็นแนวคิด “FOOD FOR TOMORROW” ที่จะตอบโจทย์ความต้องการ และพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค

โดยผลิตภัณฑ์อาหารภายใต้แนวคิด FOOD FOR TOMORROW ของซีพีเอฟที่นำมาจัดแสดงภายในงาน Thaifex-Anuga World of Food Asia 2020 ประกอบด้วย 3 กลุ่มหลักได้แก่ 1.กลุ่ม INNOVATION + WELLNESS FOOD & BEVERAGES ซึ่งเป็นนวัตกรรมและการวิจัยพัฒนาตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร ตั้งแต่อาหารสัตว์ (Feed) เทคโนโลยีการเลี้ยงและระบบฟาร์มป้องกันโรค (Farm) รวมถึงนวัตกรรมการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม (Food) กระทั่งได้มาซึ่งอาหารที่เพิ่มสารอาหารจากธรรมชาติ ช่วยบำรุงสุขภาพและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย (Functional Food & Beverage) ภายใต้แนวคิด “Food as a Medicine” เช่น ผลิตภัณฑ์ “Cheeva Pork” ซึ่งคว้ารางวัลชนะเลิศสุดยดสินค้านวัตกรรมระดับโลก จากงาน Thaifex 2020 เป็นเนื้อหมูนวัตกรรมที่มีโอเมก้า 3 มากกว่าเนื้อหมูปกติ 2.5 เท่าจากการเลี้ยงด้วยอาหารจากธรรมชาติที่อุดมด้วยโอเมก้าอย่าง Flax Seed,สาหร่ายทะเลธรรมชาติ และน้ำมันปลาทะเลลึก ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ และยังปลอดสาร ปลอดภัย ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ตลอดการเลี้ยงดู (รับรองโดย NSF)

เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ แบรนด์ INNOWENESS ที่ประกอบด้วยเครื่องดื่มเบต้ากลูแคน IMU ผลิตจากเห็ดสกัดธรรมชาติ เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ลดอาการภูมิแพ้ และหวัด เครื่องดื่มแอลธีอานิน DEEP ที่สกัดจากยอดชาเขียวจากญี่ปุ่น ช่วยปรับสมดุลคลื่นสมอง ช่วยให้นอนหลับลึก ตื่นสด ชื่น ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดก่อนนอน และเครื่องดื่ม FRESH สกัดจากน้ำทับทิม และชาเขียว ช่วยปลุกสมอง คืนความสดชื่น ระหว่างวัน , ผลิตภัณฑ์ Chicken Rib มิติใหม่ของนวัตกรรมการผลิตเนื้อไก่แบบ Special Cut ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ในการกินเนื้อไก่ ให้อร่อยเพลิน ด้วยเนื้อเต็มคำ นุ่ม ฉ่ำ และกระดูกเดียว ทานง่าย ทั้งไก่สด และแบบหมักพร้อมปรุง

2.กลุ่ม READY-TO-EAT FOOD เป็นอาหารพร้อมทานหลากหลาย ทั้งเมนูไก่ เกี๊ยวกุ้ง สปาเก็ตตี้ เมนูข้าวแกง หรือ Snack Food และเมนูเพื่อสุขภาพ High Fiber-Low Calories ที่เหมาะสำหรับการเก็บที่บ้าน ง่ายต่อการอุ่นพร้อมทานได้ทุกเวลา และมั่นใจได้ในเรื่องการผลิตที่ปลอดภัย ปลอดเชื้อ

3.กลุ่ม FRESH DESTINATION MEAT เนื่องจากโปรตีนเนื้อสัตว์ยังคงเป็นวัตถุดิบหลักในเมนูอาหารของประชากรโลกในยุค New Normal การเลือกเนื้อสัตว์เพื่อการบริโภคจะมีความพิถีพิถันมากขึ้นในเรื่องมาตรฐานการผลิต และความปลอดภัย ปลอดเชื้อ ความสดใหม่ของเนื้อไก่ เนื้อหมู กุ้ง ไข่ ปลา และเนื้อวัวที่มีคุณภาพ ซึ่งซีพีเอฟให้ความสำคัญในสิ่งเหล่านี้อย่างยิ่งยวด เมื่อประกอบกับบริการ e-Commerce และการจัดส่งแบบ Home Delivery จะช่วยให้การปรุงอาหารที่บ้านเต็มไปด้วยความสนุก ปลอดภัยและอร่อย

ซีพีเอฟยังคงมีวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็น “ครัวของโลกที่ยั่งยืน” เพื่อรองรับการบริโภคของประชากรโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึงกว่า 10,000 ล้านคน ภายในปี 2050 โดยมุ่งมั่นทุ่มเทและพัฒนา การผลิตอาหารตลอดห่วงโซ่การผลิต (Value Supply Chain) ตั้งแต่ FEED-FARM-FOOD ภายใต้แนวทาง “PUT OUR HEART INTO FOOD” ด้วยการเอาใจใส่ในด้าน INNOVATION นวัตกรรมอาหาร เพื่อสุขภาพที่ดี และชีวิตที่มีความสุขขึ้น ด้าน PEOPLE โดยให้ความสำคัญกับผู้คน ทั้งผู้บริโภค พนักงาน และพันธมิตรทางธุรกิจ และด้าน PLANET ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ลดการปล่อยมลพิษจากการผลิต และลดขยะจากบรรจุภัณฑ์อาหาร เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และโลกที่เต็มไปด้วยความสุข

ยกเลิก Shuttle Bus 3 เส้นทาง หลังครบกำหนดทดลองเดินรถ

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า ตามที่ กทม. มีโครงการความร่วมมือทดลองให้บริการเดินรถ Shuttle Bus เพื่อนำส่งผู้โดยสารเข้าสู่ระบบขนส่งมวลชนหลัก(ระบบราง) “BMA FEEDER” ประกาศ หลังจากได้ดำเนินการทดลองเดินรถ โดยไม่จัดเก็บค่าโดยสาร เพื่อแก้ปัญหาการจราจร ซึ่งได้มีการทดลองเป็นระยะเวลา 6 เดือน ปัจจุบันการดำเนินการทดลองได้ครบระยะเวลาในการศึกษาทดลอง ขณะนี้ได้มีการยกเลิก 3 เส้นทางของบริการรถ Shuttle Bus ของ กทม. ที่เชื่อมต่อการเดินทางจากสถานที่สำคัญ ไปยังระบบขนส่งอื่น ๆ ได้แก่

1. เส้นทางเดินรถ สาย B1 สถานีขนส่งมวลชนสายใต้ใหม่-สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสบางหว้า หยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2563 เป็นต้นไป

2. เส้นทางเดินรถ สาย B2 ดินแดง-สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสนามเป้า หยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป

และ 3.  เส้นทางเดินรถ สาย B3 ชุมชนเคหะร่มเกล้า-ARL ลาดกระบัง หยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2563 เป็นต้นไป

ที่มา เฟสบุ๊ค รถไฟฟ้าบีทีเอส

ก.ล.ต. ทำเอ็มโอยูกับอัยการสูงสุด ลงโทษทางแพ่งกับผู้ทำผิดในตลาดทุน

0

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับสำนักงานคดีแพ่ง สำนักงานอัยการสูงสุด (สำนักงานคดีแพ่ง) ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อประโยชน์ในการบังคับใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดในตลาดทุน รวมทั้งสนับสนุนด้านวิชาการ บุคลากร และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน ณ สำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้จะช่วยให้ ก.ล.ต. และสำนักงานคดีแพ่งร่วมมือในการจัดเตรียมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน รวมทั้งการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ของการฟ้องคดีและการยื่นคำร้องต่อศาล ตลอดจนแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจด้านการดำเนินคดี กฎหมาย และการกระทำความผิดในตลาดทุนระหว่างกัน เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการลงโทษทางแพ่งมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ความสำคัญกับกระบวนการดำเนินมาตรการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม รวมถึงยับยั้งและป้องปรามการกระทำผิดในตลาดทุน ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในตลาดทุน  

นายกฤษฎา วิชพันธุ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีแพ่ง สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ปัจจุบันได้มีการแก้ไขพรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้มีการนำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับแก่ผู้กระทำความผิดแทนมาตรการลงโทษทางอาญาได้ในบางกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งมีข้อเท็จจริงยุ่งยากสลับซับซ้อน ดังนั้น สำนักงาน ก.ล.ต. และสำนักงานคดีแพ่งจึงได้ร่วมกันจัดทำบันทึกข้อตกลงนี้ขึ้นเพื่อประสานความร่วมมือในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด สร้างความเข้าใจในขั้นตอนการดำเนินการตามภารกิจของหน่วยงานทั้งสอง รวมทั้งให้ความร่วมมือกันในทางวิชาการเพื่อประโยชน์ในการบังคับใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด และทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดความเป็นธรรมในตลาดทุนและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนในตลาดมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ การดำเนินการตามที่ตกลงกันในบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ สอดคล้องกับภารกิจของ ก.ล.ต. ที่ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับบุคคลที่กระทำความผิดซึ่งรวมถึงการดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่ง และยังสอดคล้องกับภารกิจของสำนักงานคดีแพ่งที่ดำเนินคดีแพ่งทั้งปวงแทนหน่วยงานของรัฐซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย

ก.ล.ต. เปิดศูนย์ประสานงานหุ้นกู้การบินไทย ช่วยผู้ถือหุ้นตรวจสอบยอดหนี้

0

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. ได้เปิดให้บริการศูนย์ประสานงานหุ้นกู้การบินไทยสำหรับผู้ถือหุ้นกู้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา ที่สำนักงาน ก.ล.ต. โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมบังคับคดีร่วมอำนวยความสะดวกในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2563 ถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 ที่ชั้น G อาคารสำนักงาน ก.ล.ต. ถนนวิภาวดีรังสิต ตามวันและเวลาราชการ

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้ร่วมกับบริษัท การบินไทย พัฒนาเว็บไซต์ www.tgbondinfo.com เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ถือหุ้นกู้ของ บริษัท การบินไทย สามารถตรวจสอบข้อมูลยอดหนี้ของตนได้ หรือสามารถโทรสอบถามได้ที่ “สายด่วนผู้ถือหุ้นกู้การบินไทย” 1207 กด 9 โดย ก.ล.ต. พร้อมตอบข้อซักถามและรับประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป

เครือซีพี ร่วมภูมิใจ 2 ชุมชนเครือข่ายอนุรักษ์ทะเลไทย คว้ารางวัลสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ เร่งฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล และพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน

0

รายงานข่าวเปิดเผยว่า กรมประมงได้จัดงานวันสถาปนากรมประมงครบรอบปีที่ 94 และวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2563 โดยมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานและมอบรางวัลแก่เกษตรกรดีเด่น โดยในปีนี้ มีชุมชนเครือข่ายที่บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ได้ส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานด้านอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลตั้งแต่ปีพ.ศ. 2560 ได้แก่ ชมรมประมงพื้นบ้านตำบลปะนาเระ  อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้รับรางวัลชนะเลิศ สถาบันเกษตรกรดีเด่น กลุ่มเกษตรกรทำการประมง หรือกลุ่มเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ประจำปี 2563 และ สมาคมประมงพื้นบ้านหัวไทร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 สถาบันเกษตรกรดีเด่นฯ

นายสุไลมาน ดาราโอะ ประธานชมรมประมงพื้นบ้านต.ปะนาเระ   เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ ต้องขอยกความดีให้ชาวประมงในชุมชนทุกคน ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน สิ่งหนึ่งที่เราตระหนักมากที่สุดคือการป้องกันทรัพยากรธรรมชาติและการฟื้นฟูที่เราสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำธนาคารสัตว์น้ำ การสร้างเขตอนุรักษ์ตามแนวประมงชายฝั่ง โดยได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ กรมประมง  และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่เข้ามาช่วยส่งเสริมด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูประมงชายฝั่ง รวมถึงองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการร้านอวนชาวเล ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องมือประมงโดยชาวประมงเพื่อชาวประมง ที่มีโครงสร้างหน้าที่ชัดเจนและเป็นระบบ ทั้งการเช็คสต๊อกสินค้า การทำบัญชีรายรับรายจ่าย ทำให้เกิดการดำเนินงานที่โปร่งใส จนสามารถขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ได้สำเร็จ ถือเป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วนและทำให้ชุมชนประมงเล็กๆ ที่ทำการประมงแบบยั่งยืน เติบโตและก้าวต่อไปอย่างมั่นคงได้เช่นทุกวันนี้

ด้านนายวิรชัช เจะเหล็ม นายกสมาคมประมงพื้นบ้านหัวไทร กล่าวว่า ความสำเร็จครั้งนี้ เกิดจากแรงบันดาลใจของชุมชนที่เกิดปัญหา การต่อสู้ของชุมชนและหลายหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือให้ชุมชนพัฒนาและมีแรงสู้ต่อ ซึ่งจุดประกายขึ้นมาจากทั้งกรมประมงที่เข้ามารับรู้ปัญหาที่แท้จริงของชาวบ้านและทีมชุมชนสัมพันธ์ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่ลงพื้นที่สอบถามความต้องการของชาวบ้าน และ ร่วมส่งเสริมโดยการนำนวัตกรรมธนาคารสัตว์น้ำมาใช้ในชุมชน ทั้งยังนำเทคโนโลยีพลังงานทดแทน (โซล่าเซลล์ และกังหันลม) เข้ามาผสมผสานจนเกิดเป็นระบบอนุรักษ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  รวมถึงถอดบทเรียนงานอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรจนเกิดแนวคิดการบริหารจัดการซั้ง (บ้านปลา) ในรูปแบบหมุนเวียน เพราะการวางซั้งบ้านปลาในแต่ละครั้ง บริเวณตามแนวเชือกซั้งจะมีหอยแมลงภู่มาเกาะ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการอนุรักษ์ ชาวประมงสามารถนำหอยแมลงภู่ไปบริโภคหรือสร้างรายได้ และเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน และเพิ่มทรัพยากรสัตว์น้ำ ยังทำให้งานอนุรักษ์ดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังร่วมกันต่อยอดการเพิ่มมูลค่า การเพิ่มผลิตภาพให้กับทรัพยากรสัตว์น้ำที่จับมาได้ ภายใต้ชื่อ “รอยยิ้มชาวเล” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวชุมชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นำไปสู่การพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ถือเป็นการต่อยอดงานอนุรักษ์ไปสู่การสร้างรายได้ ตามแนวคิด “อนุรักษ์เพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ อนุรักษ์กินได้ อนุรักษ์มีรายได้”

ดร.อธิป อัศวานันท์ ผู้บริหารสำนักบริหารความยั่งยืนธรรมาภิบาลบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์จำกัด เปิดเผยว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ รู้สึกยินดีกับชุมชนประมงเครือข่าย ทั้ง 2 พื้นที่ที่ได้รับรางวัลสถาบันเกษตรกรดีเด่นในครั้งนี้ ซึ่งเครือซีพีให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล และการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนประมงชายฝั่งอย่างยั่งยืน ตามกรอบการทำงานอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลเชิงบรูณาการร่วมกับทุกภาคส่วน โดยเริ่มส่งเสริมงานอนุรักษ์ในพื้นที่ตำบลปะนาเระด้วยการวางปะการังเทียมร่วมกับกรมประมงเมื่อปี 2560 และนำนวัตกรรมธนาคารสัตว์น้ำมาใช้ในพื้นที่ แบ่งปันองค์ความรู้ โดยคำนึงถึงวัฒนธรรม ภาษาท้องถิ่นเป็นหลัก ทำให้สมาชิกทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูล ความรู้ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงส่งเสริมการบริหารจัดการ ร้านอวนชาวเล ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องมือประมงโดยชาวประมงที่สร้างรายได้ให้แก่สมาชิกชุมชนชาวประมง

นอกจากนี้ยังได้ร่วมดำเนินการอนุรักษ์สัตว์น้ำกับสมาคมประมงพื้นบ้านหัวไทร และร่วมพัฒนารูปแบบการอนุรักษ์ ซั้งหมุนเวียน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนทรัพยากรร่วมกับเครือข่ายการทำงานด้านการอนุรักษ์ท้องทะเลไทย อีกทั้งยังพัฒนาต่อยอดงานอนุรักษ์ไปสู่การสร้างรายได้ โดยการเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป ภายใต้ชื่อ รอยยิ้มชาวเล เกิดเป็นรายได้ที่ยั่งยืนสู่ชุมชน ทั้งนี้ เครือซีพีมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงที่จะต่อยอดการดำเนินงานอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลร่วมกับชุมชนในเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง พร้อมร่วมจับมือกันพัฒนาทะเลไทยอย่างยั่งยืนต่อไป