Home Blog Page 88

“เมนูกู้แหล่งน้ำ”  “ขนมจีนน้ำยาปลาหมอคางดำ”

0

ภาควิชาผลิตภัณฑ์ประมง คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แนะนำเมนูเด็ด “ขนมจีนน้ำยาปลาหมอคางดำ” ทำง่าย ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน เชิญชวนร่วมด้วยช่วยกัน “กู้แหล่งน้ำ” โดยนำปลาหมอคางดำมาปรุงเป็นอาหาร อร่อย ได้คุณค่าทางโภชนาการโปรตีนจากเนื้อปลา

ผศ.ดร.นันทิภา พันธุ์สวัสดิ์ ภาควิชาผลิตภัณฑ์ประมง คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดอย่างหนักของปลาหมอคางดำที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดขณะนี้ และการตื่นตัวในการจับลดจำนวนปลาหมอคางดำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ แล้วนำไปกำจัดทิ้ง นำไปทำอาหารสัตว์ ปุ๋ย หรือปรุงเป็นอาหาร ซึ่งกรณีหลังยังมีผู้บริโภคที่ไม่กล้ารับประทานปลาชนิดนี้ เนื่องจากมีการนำเสนอว่าเป็นปลาต่างถิ่นและเป็นเอเลี่ยนสปีชีส์ (Alian Species) ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการบริโภคปลาหมอคางดำ ซึ่งสามารถรับประทานได้ ใช้ปรุงอาหารได้เหมือนปลาทั่วไป รังสรรค์ได้หลากหลายเมนู

วานนี้ (10 กรกฎาคม 2567) ภาควิชาผลิตภัณฑ์ประมง จัดกิจกรรมชวนชิมเมนูจากปลาหมอคางดำ โดย อ.ดร.สหภพ ดอกแก้ว ภาควิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้นำเสนอหนึ่งใน “เมนูกู้แหล่งน้ำ” นำปลาหมอคางดำมาปรุงเป็นอาหารเมนูคุ้นเคย  “ขนมจีนน้ำยาปลาหมอคางดำ” ซึ่งอุดมด้วยสมุนไพรไทยและคุณค่าทางโภชนาการโปรตีนจากเนื้อปลาให้ผู้สนใจได้ทดลองชิม ร่วมกับการบอกเล่าเรื่องราวของปลาหมอคางดำ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับปลาชนิดนี้ให้มากขึ้น ซึ่งเมนูน้ำยาปลาหมอคางดำ ได้รับการตอบรับจากบุคลากร นิสิต และบุคคลทั่วไปเป็นอย่างดี และเสียงสะท้อนส่วนใหญ่บอกว่าก็ไม่ต่างจากน้ำยาปลาปกติ

สำหรับเมนูขนมจีนปลาหมอคางดำเสิร์ฟ 100 ที่  ใช้ปลาหมอคางดำประมาณ 10 กิโลกรัม ตัดแต่งควักไส้และนำไปนึ่ง แกะเนื้อ จะได้เนื้อสุกประมาณ 2 กิโลกรัม โขลกหรือปั่นผสมกับเครื่องแกง กะทิ ต้ม ปรุงรสให้กลมกล่อม สำหรับปลาหมอคางดำที่มาจากแหล่งน้ำกร่อยจะไม่มีกลิ่นดิน ส่วนปลาจากแหล่งน้ำจืดอาจมีกลิ่นเฉพาะตัวตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม เมนูขนมจีนน้ำยา ปรุงรสเข้มข้นด้วยสมุนไพรไทย จึงลดอุปสรรคด้านกลิ่นรสของปลาน้ำจืดได้

ดร.สหภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากขนมจีนน้ำยาปลาหมอคางดำที่ทำได้ไม่ยากและสามารถปรุงให้มีเครื่องเทศและรสชาติหลากหลายถูกใจทุกภาคของประเทศไทยแล้ว ในกิจกรรมครั้งต่อไป มีแผนนำเสนอขนมจีน 4 น้ำ คือ นำยากะทิ นำยาป่า น้ำยาไตปลา น้ำยาเขียวหวาน โดยใช้ปลาหมอคางดำเป็นวัตถุดิบหลัก รวมถึงเมนูอาหารอื่นๆ ที่ครัวเรือนสามารถนำไปปรับใช้ได้ เช่น ปลาแดดเดียว ปลาหวาน ปลาส้ม ปลาทอดกรอบ ปลากวน น้ำพริก หรือปลาร้า รวมถึงเมนูอาหารต่างๆ ที่ทำได้ไม่ยาก

ด้าน ผศ.ดร.นันทิภา กล่าวย้ำว่า การร่วมด้วยช่วยกันบริโภคปลาหมอคางดำ อาจเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำตามแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างมีนัยสำคัญ เช่นเดียวกับกรณีหอยเชอรี่ที่เคยระบาดอย่างหนักเมื่อหลายปีที่ผ่านมา

AIS ชวนแอ่วเหนือหน้าฝนแบบ “จริงๆอุ่นใจทั่วไทยเน็ตแรง” ครอบคลุมเร็วแรงทุกจุดเช็คอินทุกพื้นที่ พร้อมหนุนเที่ยวเมืองรอง

0

AIS ชวนเที่ยวเหนือหน้าฝน แบบ “จริงๆอุ่นใจ ทั่วไทย เน็ตแรง” ไปกับ AIS 5G  พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เช็คอินสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองทั่วภาคเหนือ อาทิ เมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ มรดกโลกแห่งที่ 7 ของไทย, ทะเลหมอกเขาค้อ, ชมความสวยงามตระการตา มหาวิหารสมเด็จองค์ปฐม วัดจันทร์ตะวันตก จังหวัดพิษณุโลก, สัมผัสมนต์เสน่ห์เมืองเก่า อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย, สโลว์ไลฟ์ที่เมืองน่าน พร้อมมีความสุขกับประสบการณ์สิทธิพิเศษจาก AIS Points จากพาร์ทเนอร์ ทั้งร้านค้ารายย่อย แบรนด์ชั้นนำ รีสอร์ท ร้านค้า ในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ทำถึงทั่วไทยให้ลูกค้าแลกรับด้วย 1 พ้อยท์ ที่ใช้รับความพิเศษทั้ง ฟรี ลด อัปไซส์  

นายกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี AIS กล่าวว่า “ภาคการท่องเที่ยว คือ หนึ่งในหัวใจสำคัญที่สุดของการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจไทย โดยในวันนี้พฤติกรรมของทุกคนล้วนเกี่ยวข้องกับการใช้งานบนดิจิทัลทั้งหมด โดยมิใช่เพียงแค่การสื่อสารเท่านั้น แต่ยังรวมถึง การทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ , การจองโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร, ช้อปปิ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำ content บนโลกออนไลน์ ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว  ดังนั้นโครงข่ายดิจิทัลเทคโนโลยีที่จะทำให้การเชื่อมต่อออนไลน์ไม่สะดุด และเป็นไปอย่างราบรื่น รวดเร็วจึงมีความสำคัญสูงสุด เราจึงทุ่มเทพัฒนาเครือข่ายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่การใช้งาน รองรับทุกไลฟ์สไตล์ตามความต้องการ ทั้งนี้ หมายรวมถึงพื้นที่เดิมที่ครอบคลุมอยู่แล้ว ก็ต้องดียิ่งขึ้น และรวมถึงพื้นที่ใหม่ๆ ที่เพิ่งถูกค้นพบ และได้รับความนิยม เพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายหนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง กระตุ้นเศรษฐกิจ สนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศอย่างเต็มกำลัง”

“เพราะเครือข่ายสื่อสารที่ดี นอกจากจะสนับสนุน อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นสื่อกลางที่จะประชาสัมพันธ์ประเทศผ่านมุมมองของนักท่องเที่ยวที่ Share ประสบการณ์ผ่าน Social Media อีกด้วย โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกการเชื่อมต่อ

บนโครงข่าย 5G ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้งกว้างสุด ไกลสุด สูงสุด ลึกสุดในไทย จะพร้อมเติมเต็มประสบการณ์การท่องเที่ยวครอบคลุมทุกมิติ รวมถึงสิทธิพิเศษจาก AIS POINTS ที่ “แลกได้ทั่วไทย จริงๆ” ทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก, “ยิ่งใช้ยิ่งได้” จากการจ่ายบิล ซื้อสมาร์ทโฟนและดีไวซ์ รวมถึง  “ยิ่งโอนยิ่งเพิ่ม” เพราะสามารถโอนคะแนนจากพาร์ทเนอร์มาใช้ได้ โดยนอกจากนี้ลูกค้าก็จะได้รับประสบการณ์กินคุ้ม ช้อปฟิน ที่ร้านถุงเงินในทุกช่วงเวลาเมื่อเดินทางท่องเที่ยว และปักหมุดใช้ 1 พอยท์ แลกรับส่วนลดสูงสุด 20 บาท ที่ร้านกาแฟท้องถิ่นกว่า 800 ร้าน จาก 70 จังหวัดทั่วไทย ทั้งหมดนี้ นอกจากจะมอบประสบการณ์ความสุขแล้ว ยังได้ร่วมส่งเสริมเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วไทยให้เติบโตและแข็งแกร่งต่อไป

AIS ผนึก กสทช. กทม. การไฟฟ้า และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ถ.สุทธิสารวินิจฉัย จัดระเบียบสายสื่อสาร

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ร่วมมือกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรุงเทพมหานคร การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสาร โดยล่าสุดทีมวิศวกรของ AIS ได้ลงพื้นที่เพื่อดำเนินงานจัดระเบียบสายสื่อสารที่ถนนสุทธิสารวินิจฉัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดย AIS พร้อมสนับสนุนการทำงานร่วมกับภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการจัดระเบียบสายสื่อสารในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพราะการจัดระเบียบสายสื่อสาร ไม่เพียงแต่จะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนในพื้นที่มีความปลอดภัยมากขึ้น แต่ยังเป็นการตอบโจทย์แนวทางการจัดระเบียบเมือง ซึ่งจะช่วยพัฒนาทัศนียภาพและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นให้กับกรุงเทพมหานครอีกด้วย

เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 9 เดือน จากออมสิน รับดบ.สูง 1.70% ต่อปี ไม่เสียภาษี

0

รับดอกเบี้ยฉ่ำๆ กับเงินฝากดอกเบี้ยสูง ต้อนรับหน้าฝน… กับเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 9 เดือน รับดอกเบี้ยสูง 1.70% ต่อปี(เทียบเท่าเงินฝากประจำ 2.00% ต่อปี) เปิดรับฝากตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ก.ค. 67 ฝากเลยที่ธนาคารออมสินทุกสาขา
เงื่อนไข

  • เปิดบัญชีขั้นต่ำ 10,000 บาท
  • ฝากเพิ่มครั้งละไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท
  • ฝากได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุด
  • *บุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี ณ ที่จ่าย
  • ถอนหรือปิดบัญชีก่อนครบกำหนด ได้รับดอกเบี้ยเผื่อเรียก

รายละเอียดเพิ่มเติม > https://shorturl.asia/E6O8K
? เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

AIS ชวนปักหมุด “วันแห่งความพอยท์ อร่อยช็อกโลก” ขนทัพแบรนด์ดังฉลองวันช็อกโกแลตโลก

0

รายงานข่าวเปิดเผยว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ  เอไอเอส เดินหน้าเติมเต็มความสุขและความสนุกในการใช้พอยท์ ด้วยการปักหมุด “วันแห่งความพอยท์ อร่อยช็อกโลก” ร่วมฉลองวันช็อกโกแลตโลกในวันที่ 7 กรกฎาคม และตลอดทั้งเดือน ชวนลูกค้าและวัยรุ่นสยามเช็กอินทำคอนเทนต์สุดชิคที่ AIS SIAM พร้อมจัดเต็มสิทธิพิเศษผนึกกำลังร่วมกับพาร์ทเนอร์และแบรนด์ดัง ขนทัพ เมนูช็อกโกแลต ขนม และเครื่องดื่ม มาให้ลูกค้าได้เติมความหวาน แลกรับความพิเศษ ที่วันนี้เอไอเอส พอยท์ 1 คะแนน มีค่ามากกว่าเคย สามารถแลกรับส่วนลดสูงสุด 50 บาท

นางสาวโอปอล เลิศอุทัย หัวหน้าฝ่ายงานบริหารข้อเสนอและความผูกพันลูกค้า เอไอเอส กล่าวว่า “เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำด้านงานบริการและการดูแลลูกค้า ที่มุ่งตอบโจทย์ทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์บนพอยท์แพลตฟอร์ม โดยเรามีความตั้งใจในการสร้างประสบการณ์จากการใช้เอไอเอส พอยท์ ที่มีความเข้าใจในไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและแตกต่างของลูกค้า รวมถึงยกระดับความพิเศษให้ลูกค้าสามารถเริ่มต้นใช้ 1 คะแนน ก็สามารถแลกรับความพิเศษได้มากมาย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่วันนี้เราส่งแคมเปญพิเศษ วันแห่งความพอยท์ อร่อยช็อกโลก เฉลิมฉลองต้อนรับวันช็อกโกแลตโลกกับความพิเศษที่ลูกค้าสามารถใช้ AIS Points แลกส่วนลด เครื่องดื่ม ขนม เมนูช็อกโกแลต จากพาร์ทเนอร์ที่เราจัดเต็มมาให้ลูกค้ามากมาย พร้อมแลกง่ายๆผ่านแอป myAIS”

โอปอล เลิศอุทัย หัวหน้าฝ่ายงานบริหารข้อเสนอและความผูกพันลูกค้า เอไอเอส

“กานเวลา KanVela” คราฟต์ช็อกโกแลตชื่อดัง เมนูเครื่องดื่มและขนมหวานช็อคโกแลต จากต้นโกโก้ของคนไทย เกรดพรีเมี่ยม ลูกค้าเซเรเนดใช้ 1 คะแนน แลกส่วนลดสูงสุดถึง 50 บาท เมื่อซื้อครบ 300 บาทขึ้นไป

PARADAi ภราดัย” อีกหนึ่งแบรนด์คราฟต์ช็อกโกแลตสัญชาติไทยที่กวาดรางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย โดยลูกค้าใช้ AIS Points เพียง 1 คะแนน แลกส่วนลด 20 บาท สำหรับเมนู Signature Chocolate Drink หรือ White Chocolate Match

หรือแม้แต่เมนูขนมและเครื่องดื่มจากแบรนด์ดังนำขบวนโดย ไอศกรีมสุดพรีเมียม Cold stone Creamery ใช้ 1 คะแนน แลกซื้อ Signature (Like it) + Waffle bowl เพียง 119 บาทเท่านั้น ตามมาด้วย เครื่องดื่มช็อกโกแลตคุณภาพจาก Nescafe Street Café ใช้ 1 คะแนน แลกรับส่วนลด 15 สำหรับเครื่องดื่มเมนูเย็นทุกชนิด โดนัทสดใหม่หลากหลายรูปแบบและรสชาติจาก Mister Donut ใช้ 1 คะแนน แลกซื้อโดนัทการฟิลด์ 5 ชิ้น เพียง 149 บาท เท่านั้น

พร้อมเมนูเครื่องดื่มจาก Coffee Arigato ใช้ 1 คะแนน แลกซื้อเครื่องดื่มขนาด 22 Oz. (ยกเว้นปั่น) เพียง 50 บาท ที่สาขาร้าน Mister Donut กาแฟพันธุ์ไทย ใช้ 1 คะแนน แลกส่วนลด 10 บาท เมื่อซื้อเครื่องดื่ม ร้อน/เย็น/ปั่น (ยกเว้นน้ำดื่มพันธุ์ไทย และน้ำสมุนไพรแบบขวด) และ บาว คาเฟ่ ใช้ 1 คะแนน แลกส่วนลด 10 บาทในทุกเมนู

“นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความสนุกสนานและสร้างความทรงจำชวนลูกค้ามาเก็บโมเมนต์พิเศษที่เราย้อม AIS SIAM ให้เป็นจุดเช็กอินฉลองวันช็อกโลกกันแบบฉ่ำๆ ตลอดทั้งเดือน สำหรับแคมเปญดังกล่าวสะท้อนถึงความตั้งใจของเอไอเอส ที่ต้องการมอบความสุขและความพิเศษให้กับลูกค้าในทุกๆ เทศกาล ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลเล็กหรือใหญ่ เพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมในทุกการใช้งานและอยู่กับ AIS” นางสาวโอปอล กล่าวทิ้งท้าย

AIS จับมือ สพฐ และ มจธ. เปิดเวที “อุ่นใจไซเบอร์ Young Creator Challenge 2024” ปั้นครีเอเตอร์วัยทีนส่งคลิปสั้นเสริมทักษะรู้ทันภัยไซเบอร์ ชิงเงินรางวัล 1.49 แสน

0

ผู้สื่อข่่าวรายงานว่า จากการทำงานร่วมกันของ AIS สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนุบรี (มจธ.) ในการนำหลักสูตร “อุ่นใจไซเบอร์” แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ด้านทักษะดิจิทัลหลักสูตรแรกของไทยที่ได้รับมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่วันนี้ถูกส่งต่อไปยังโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ที่ครอบคลุมเขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 245 เขต รวม 29,000 โรงเรียนทั่วประเทศ ทำให้นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษาได้เข้าถึงองค์ความรู้ที่จะนำไปสู่การใช้งานออนไลน์ในโลกดิจิทัลได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และสร้างสรรค์

ล่าสุด ได้ต่อยอดการทำงานเพื่อยกระดับการเรียนรู้และมุ่งสร้างการมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านกิจกรรม “อุ่นใจไซเบอร์ Young Creator Challenge 2024” ปั้นครีเอเตอร์วัยทีน เปิดพื้นที่ให้น้องๆ นักเรียนได้โชว์ไอเดียสุดปังเพื่อกระตุ้นเตือนสังคม ผ่านคอนเทนต์ในรูปแบบคลิปวิดีโอสั้น ในหัวข้อการใช้งานออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ โดยเล่าเรื่องจากเนื้อหาหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ ชิงเงินรางวัลจำนวน 149,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร

ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า “จากนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการประจำปีงบประมาณ 2567 ของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ ที่มุ่งเน้นการปลูกฝังทัศนคติ พฤติกรรม และองค์ความรู้ในการใช้สื่อสังคมออนไลน์และไซเบอร์อย่างสร้างสรรค์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ตอบสนองนโยบาย โดยมุ่งมั่นในการพัฒนาเยาวชนไทยให้มีความรู้และทักษะที่ทันสมัย เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยีในปัจจุบัน ซึ่งการใช้สื่อสังคมออนไลน์ และการป้องกันภัยไซเบอร์เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญ ที่ต้องได้รับการดูแล และส่งเสริมอย่างเร่งด่วน จึงได้ทำความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และเอไอเอส ในการนำหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ ขยายผลการเรียนรู้ไปยังสถานศึกษาในสังกัด สพฐ. ทั่วประเทศ นับเป็นการยกระดับภาคการศึกษาไทยให้ทั้งผู้บริหารสถานศึกษา บุคลากรทางการศึกษา ครูและนักเรียน ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานมีองค์ความรู้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยี มุ่งมั่นที่จะให้เด็กไทยมีทักษะดิจิทัลและรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญและจำเป็นอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยให้เด็กไทยสามารถรับมือกับภัยออนไลน์ที่อยู่ใกล้ตัวในชีวิตประจำวัน และส่งเสริมการเรียนรู้ให้เด็ก ๆ “เรียนดี มีความสุข” สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขอเชิญชวนทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรม “อุ่นใจไซเบอร์ Young Creator Challenge 2024” เพื่อสร้างทักษะดิจิทัลให้แก่เยาวชนไทยให้มีความรู้และความสามารถในการใช้สื่อดิจิทัลอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย”

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “กิจกรรม อุ่นใจไซเบอร์ Young Creator Challenge 2024 เป็นการต่อยอดการทำงานร่วมกันกับ สพฐ. และ มจธ. โดยมีเป้าหมายสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันการใช้งานบนโลกไซเบอร์ให้กับนักเรียนไทย ได้มีทักษะดิจิทัลที่รู้เท่าทันภัยในหลากหลายรูปแบบ ผ่านหลักสูตรการเรียนรู้ออนไลน์ “อุ่นใจไซเบอร์” ที่วันนี้มีนักเรียนและคนไทยเข้าถึงเนื้อหาแล้วกว่า 3.5 แสนคน

โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ผ่านการมีส่วนร่วมและสร้างสรรค์ผลงานที่เกิดจากไอเดียของน้องๆ นักเรียน เพื่อย้ำเตือนถึงภัยไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อหากเราไม่รู้เท่าทัน ซึ่งเราได้เปิดพื้นที่ให้น้องๆ นักเรียนได้รับบทเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ จากหัวข้อการใช้งานออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ ภายใต้เนื้อหาหลักของหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ 4P4ป ได้แก่

1). Practice: ปลูกฝังให้มีความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างถูกต้องและเหมาะสม

2). Personality: แนะนำการปกป้องความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์

3). Protection: เรียนรู้การป้องกันภัยไซเบอร์บนโลกออนไลน์

4). Participation: รู้จักการปฏิสัมพันธ์ด้วยทักษะและพฤติกรรมการสื่อสารบนออนไลน์อย่างเหมาะสม

โดยน้องๆ นักเรียนจะผลิตเป็นผลงานในรูปแบบคลิปวิดีโอสั้น บอกเล่าเรื่องราวเพื่อเน้นย้ำ ให้ความรู้ หรือแนะนำการใช้งานออนไลน์ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเราเชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยทั้งการเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านดิจิทัลให้กับนักเรียนและเปิดโอกาสให้กับน้องๆ ได้แสดงความสามารถในการเล่าเรื่องและเป็นครีเอเตอร์ที่ดีได้ในอนาคต”

ทางด้าน อธิบการดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย กล่าวว่า “ในฐานะผู้ร่วมพัฒนาสื่อการเรียนการสอนหลักสูตรดิจิทัลอุ่นใจไซเบอร์ เรามีความตั้งใจในการทำงานร่วมกันกับทุกฝ่าย เพื่อให้หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ จะช่วยให้ทุกคนที่ปรับตัวในการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล เป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพและใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์อย่างปลอดภัย โดยกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดจากหลักสูตรสู่ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆ ที่จะดีไซน์การเล่าเรื่องที่ปรับมาจากหลักสูตรให้กระชับ และง่ายต่อการสื่อสาร ซึ่งเป็นการตอกย้ำความรู้ความเข้าใจของเด็กๆ หลังจากเรียนหลักสูตรฯ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้หลักสูตรฯ ได้เผยแพร่ออกไปสู่ประชาชนเป็นวงกว้างอีกด้วย”

กิจกรรม “อุ่นใจไซเบอร์ Young Creator Challenge 2024” เปิดรับสมัครโรงเรียนในสังกัด สพฐ. ส่งผลงานเข้าร่วมแข่งขัน ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ดูรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/giftedobec?mibextid=ZbWKwL และ Facebook AIS

รู้เก็บรู้ออม : ภารกิจ 21 วัน ลงทุนหุ้นนอก

0

ความท้าทาย” เป็นบททดสอบในชีวิตที่ช่วยทำให้ตัวเราเติบโตขึ้น ทุกคนต้องพบกับความท้าทายในชีวิต จะเล็กหรือใหญ่ ง่ายหรือยาก แต่เมื่อผ่านมาได้ไม่ว่าผลลัพธ์จะแพ้หรือชนะสิ่งนี้ก็จะช่วยทำให้เราเติบโต แข็งแกร่ง พร้อมกับได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

เช่นเดียวกับภารกิจท้าทายครั้งใหม่ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่กลับมาในปี 2567 นี้ ที่ขอชวนให้พวกเราท้าทายตัวเองในเรื่องของการลงทุนหุ้นต่างประเทศกับ แคมเปญ “21-Day Challenge เปิดโลกลงทุนต่างประเทศผ่านตลาดหุ้นไทย

ตลอด 21 วัน นักลงทุนและผู้สนใจจะได้เรียนรู้กับเนื้อหาที่แบ่งเป็น 3 ส่วนสำคัญ คือ ส่วนแรก ปูพื้นฐานก่อนลงทุนหุ้นต่างประเทศ ทำความเข้าใจเรื่องการลงทุนหุ้นต่างประเทศ เริ่มต้นตั้งแต่ความสำคัญของการกระจายการลงทุน วิธีการวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจ ปัจจัยสำคัญ เช่น อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงความเสี่ยงที่ต้องระวัง ภาษีจากการลงทุน และแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ส่วนที่สอง เรียนรู้ลักษณะและทางเลือกลงทุนหุ้นต่างประเทศผ่านตลาดหุ้นไทย ขั้นตอนการซื้อขาย แหล่งข้อมูลและเครื่องมือลงทุนต่างๆไม่ว่าจะเป็น DR DRx และ ETF เพื่อสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ลงทุนที่เหมาะกับตัวเอง

และส่วนที่สาม เปิดไอเดียการลงทุนหุ้นต่างประเทศ ทำความรู้จักกลุ่มประเทศต่างๆ ก่อนเลือกลงทุนในประเทศที่สนใจ เรียนรู้แนวคิดการลงทุนจากนักลงทุนตัวจริง และการแนะนำตราสารอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนต่างประเทศ

เนื้อหาทั้งหมดจัดเตรียมไว้แบบอัดแน่นครบถ้วน ทั้งบทความ คลิปสั้น และหลักสูตร e-Learning และยังมี Live สดของกูรูตัวจริง เพื่อให้คำแนะนำเคล็ดลับและตอบคำถามกันทุกวันเสาร์ของแต่ละสัปดาห์ โดยเริ่มต้นสัปดาห์แรก กับหัวข้อ “ติดอาวุธมือใหม่หัดลงทุนต่างประเทศ” ต่อด้วยสัปดาห์ที่สอง กับหัวข้อ “เปิดโลกลงทุน ค้นหาทางเลือกลงทุนนอก” และสัปดาห์ส่งท้ายแคมเปญ ด้วยหัวข้อ “เจาะลึกไอเดียลงทุนหุ้นไทย-หุ้นนอก”

เรียนจบอยากทบทวนตอนไหนก็ได้ เพราะทั้งหมดจะอยู่ใน playbook ที่รวมลิงก์เนื้อหาบทเรียนและสื่อความรู้ต่างๆให้ดาวน์โหลดฟรี สามารถเปิดเรียนทบทวนหรือดูย้อนหลังได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมร่วมสนุกจากการเข้าร่วมกิจกรรมใน Live เช็กอินและเข้าร่วมฟัง Live ครบทั้งสามครั้ง ผู้โชคดีจะได้รับ e-Voucher เป็นของรางวัลตอบแทนการขยันเรียน

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้-31 สิงหาคม 2567 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายได้แล้วที่ https://www.setinvestnow.com/th/21day-foreigninvestment หรือสอบถามเพิ่มเติม SET Contact Center 0-2009-9999.

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

แนะปราบปลาหมอสีคางดำต่อเนื่อง เน้นตัดวงจรชีวิตตั้งแต่ต้นทาง ชี้ไล่จับปลาเป็นครั้งคราวไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา

0

นักวิชาการด้านสัตว์น้ำ ย้ำ การแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอสีคางดำ ต้องขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบและรอบด้าน ต้องตัดวงจรชีวิตปลา เพื่อควบคุมปริมาณปลาให้อยู่ในวงจำกัด ส่งเสริมการบริโภค ควบคู่กับการบริหารจัดการปลาที่จับมาได้ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่ม จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นให้มีการจับและบริโภคอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

ผศ.ดร.สพ.ญ.วรรณา ศิริมานะพงษ์ อาจารย์ประจำหน่วยสัตว์น้ำ ภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกและการสาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากการพบการแพร่ระบาดของปลาหมอสีคางดำในจังหวัดชายฝั่งทะเลทางภาคใต้ของประเทศ เช่น สงขลาและนครศรีธรรมราช จนนำไปสู่การจัดกิจกรรมตามล่า-ตามจับปลาหมอคางดำ ของทั้งสองจังหวัดนั้น ในทางวิชาการ การจับปลาชนิดนี้ จะช่วยลดปริมาณของปลาในแหล่งน้ำเท่านั้น แต่ถ้าไม่มีการจับปลาอย่างต่อเนื่อง ปลาก็จะมีการแพร่พันธุ์ใหม่อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการแก้ปัญหาดังกล่าวจึงควรทำเป็นระบบและรอบด้านตามหลักวิชาการ เพื่อให้การลดปริมาณปลาเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ผศ.ดร.สพ.ญ.วรรณา ศิริมานะพงษ์

สำหรับขั้นตอนที่สำคัญและจำเป็นมากในการลดปริมาณปลาให้เกิดผลอย่างมีนัยสำคัญ คือ การศึกษาวงจรชีวิตของปลา ซึ่งจะทำให้เราเรียนรู้ถึงสภาพแวดล้อมที่ปลาแพร่พันธุ์ได้ดีที่สุด ช่วงเวลาวางไข่ ช่วงเป็นตัวอ่อน จะเป็นข้อมูลที่ช่วยสนับสนุนการพัฒนาวิธีการและเครื่องมือที่เหมาะสมในการตัดวงจรชีวิตของปลาหมอสีคางดำตั้งแต่ต้นทางและกำจัดได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญการจัดกิจกรรมจับปลาแต่ละครั้งต้องทำอย่างเป็นระบบและเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม ควบคู่กับการจัดเก็บข้อมูลเพื่อทำการศึกษาวิจัยต่อยอดการแก้ปัญหาในอนาคต

“เนื่องจากปลาหมอสีคางดำ เป็นปลาที่สามารถปรับตัวได้ดีอยู่ได้ทั้งในน้ำจืด น้ำกร่อยและน้ำเค็ม การจับปลาชนิดนี้จึงจำเป็นต้องจับอย่างต่อเนื่องและจับในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อตัดวงจรชีวิต ซึ่งการไล่จับปลาเป็นครั้งคราวนั้นเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ” ผศ.ดร.สพ.ญ.วรรณา กล่าว

ผศ.ดร.สพ.ญ.วรรณา ย้ำว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของปลาหมอสีคางดำในไทยขณะนี้ จำเป็นต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือ ระยะแรก ด้วยการส่งเสริมให้เป็นอาหารของมนุษย์ รวมถึงการพัฒนาให้เป็นอาหารประจำถิ่น ของแต่ะละพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของปลา แนวทางนี้จะเป็นการสร้างความต้องการให้กับตัวปลา และต้องมีการวางแผนบริหารจัดการและการตลาดอย่างดี เพื่อจูงใจให้เกิดการจับปลาต่อเนื่อง เช่น มีการรับซื้อในราคาที่เหมาะสม ส่งเสริมการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร ทั้งอาหารมนุษย์และอาหารสัตว์ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเปล่าและไม่ให้มีการปล่อยปลากลับคืนลงไปในแหล่งน้ำอีก

ส่วนระยะกลาง ควรมีการระดมสมองเพื่อทำการศึกษาวงจรชีวิตของปลา ซึ่งจะนำไปสู่การกำจัดปลาอย่างมีประสิทธิภาพและลดจำนวนปลาอย่างมีนัยสำคัญ และระยะยาว จำเป็นต้องเผยแพร่ความรู้และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสายพันธุ์ปลาหมอสีคางดำอย่างถูกต้องให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชุมชนได้เรียนรู้ และสามารถปรับตัวอยู่กับสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันยังร่วมมือกันกำจัดปลาอย่างเป็นระบบและถูกต้องตามหลักวิชาการอย่างต่อเนื่อง สร้างความสมดุลทางนิเวศ (Ecological Balance)

ผศ.ดร.สพ.ญ.วรรณา กล่าวว่า การแก้ปัญหาปลาหมอสีคางดำระบาด ต้องเดินหน้าแบบองค์รวมและทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง สามารถลดปริมาณประชากรปลาได้ตามเป้าหมาย ตลอดจนช่วยฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพของแหล่งน้ำธรรมชาติให้เป็นแหล่งอาหารของคนในชุมชนอย่างยั่งยืน

เหยื่อแก๊งคอลฯหลอกโอนเงิน ลงทะเบียนขอรับเงินคืนได้แล้วผ่าน 3 ช่องทาง

0

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงประชาชนโอนเงิน มีมูลค่าความเสียหายนับแสนล้านบาท ล่าสุดได้รับข้อมูลว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ยึดทรัพย์เป็นของกลางแล้วรวมมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นเงินสดรวมได้ประมาณ 6 พันล้านบาท อสังหาริมทรัพย์อีกจำนวนหนึ่งประมาณ 4 พันล้านบาท

โดยทรัพย์สินที่ยึดได้จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะต้องนำมาเฉลี่ยทรัพย์เพื่อคืนให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้หลังจาก ปปง. ยึดทรัพย์มาแล้ว โดยจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ภายใน 90 วัน เพื่อให้ประชาชนมายื่นคําร้องขอรับการคุ้มครองสิทธิ ซึ่งผู้เสียหายจะได้รับเงินชดใช้คืนภายหลังจากที่ศาลมีคําสั่งหรือคําพิพากษาถึงที่สุดให้ผู้เสียหายได้รับเงินชดใช้คืนแทนการสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน

ผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถยื่นคําร้องขอคุ้มครองสิทธิ ผ่าน 3 ช่องทาง คือ

1. ยื่นด้วยตัวเองที่สํานักงาน ปปง.

2. ยื่นทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ส่งถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เลขที่ 422 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 โดยวงเล็บ 2 มุมซองด้านบนว่า “ส่งแบบคําร้องขอ คุ้มครองสิทธิรายคดี….”

และ 3. ยื่นทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทาง https://khumkrongsit.amlo.go.th

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 02-219-3600 หรือโทร 1710

AIS จับมือ 8 เครือข่ายผู้เชี่ยวชาญภาคอุตสาหกรรม พัฒนาบุคลากรในเขต EEC ติดอาวุธเทคโนโลยีดิจิทัล และ 5G รองรับตลาดแรงงานอุตฯเป้าหมาย

0

AIS Business ผู้นำด้านบริการเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับองค์กรภาคธุรกิจในประเทศไทย ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับสำนักงานคณะทำงานพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC HDC) เพื่อยกระดับศักยภาพบุคลากรด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และ 5G ภายใต้โครงการ “ผลิตและพัฒนาบุคลากร ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และ 5G ตอบสนองเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)” เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรในทุกรูปแบบ พร้อมทั้งสร้างการตระหนักรู้และเข้าใจด้านเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และ 5G สำหรับการนำไปใช้และต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อ ภาคการศึกษา และภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบันและในอนาคตอีกด้วย

นายภูผา เอกะวิภาต รักษาการหัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS กล่าวว่า “AIS มีเป้าหมายในการนำเทคโนโลยี 5G มาพัฒนาเพื่อยกระดับประสบการณ์ดิจิทัลและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทุกภาคส่วนในทุกมิติ ซึ่งที่ผ่านมา AIS ทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษาชั้นนำทั่วประเทศเพื่อเป็นการส่งต่อองค์ความรู้ และนำศักยภาพด้านดิจิทัลเทคโนโลยีของเราขยายผลให้เกิดการผลักดันแรงงานสู่ตลาดอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมในพื้นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีความต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยี 5G อย่างสูง ซึ่งปัจจุบันภายในพื้นที่ EEC โครงข่าย AIS 5G ครอบคลุมพื้นที่แล้ว 100% รวมถึงการริเริ่มทดลองทดสอบ 5G Use case ตั้งแต่ปี 2562 จนเกิดการใช้งานเชิงพาณิชย์ที่เป็นรูปธรรรมขึ้นในปัจจุบัน”

ด้าน ดร.อภิชาต ทองอยู่ ประธานคณะทำงานประสานงานด้านการพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า “ทิศทางการทำงานของเราคือการเปลี่ยนจากโลกใบเก่ามาสู่โลกใบใหม่ โดย Landscape ขององค์กรและการทำงานต้องตอบโจทย์การปรับตัวลงทุนและเทคโนโลยีใหม่ๆ เราต้องการให้สถาบันการศึกษาตอบโจทย์การลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายและอุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ อาทิเช่น ศูนย์ EEC Automation Park ศูนย์เชี่ยวชาญยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง ศูนย์การท่องเที่ยวคุณภาพสูงยุคใหม่ ศูนย์พาณิชยนาวี ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้ด้านแมคคาทรอนิกส์ ศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านอากาศยาน เป็นต้น ซึ่งความร่วมมือกับ AIS ครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันการพัฒนาบุคลากรในพื้นที่ EEC ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมในยุคดิจิทัล ความสามารถในการเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน จะทำให้เราสามารถสร้างศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้ยุคใหม่ หรือ EEC NETs ที่ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ซึ่งโครงการผลิตและพัฒนาบุคลากร ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และ 5G ตอบสนองเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นั้นเป็นร่วมมือระหว่าง AIS และ ศูนย์เครือข่ายผู้เชี่ยวชาญภาคอุตสาหกรรมพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC NETs) ซึ่งอยู่ภายใต้ความร่วมมือของคณะทำงานประสานงานด้านการพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC HDC) มุ่งเน้นในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะเดิม (Re-Skill) การเพิ่มเติมทักษะใหม่ (Up-Skill) และการพัฒนาทักษะใหม่ (New skill) ให้ตระหนักรู้และเข้าใจเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และ 5G สำหรับการนำไปใช้และต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม ประกอบด้วย

  • มหาวิทยาลัยบูรพา
    • ศูนย์เทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรม 4.0 หรือ EEC Automation Park
    • ศูนย์พัฒนาการท่องเที่ยวคุณภาพสูงยุคใหม่ หรือ ENTOUR
    • ศูนย์เชี่ยวชาญยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง อีอีซี หรือ EV CONEX
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา
  • ศูนย์เครือข่ายพาณิชยนาวี หรือ ENMATE
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตบางพระ
  • ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้ด้านแมคคาทรอนิกส์ หรือ ENMEC
  • สถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ หรือ MARA
  • ศูนย์พัฒนาทักษะด้านออโตเมชั่นและหุ่นยนต์
  • สถาบันไทย-เยอรมัน
  • ศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัล AI และ 5G
  • วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ
  • ศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านอากาศยาน หรือ EEC AVIATION Center

“ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาบุคลากรและตลาดแรงงานในพื้นที่ EEC ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของอุตสาหกรรมที่กำลังเปลี่ยนแปลง โดย AIS มีความมุ่งมั่นที่จะนำศักยภาพของโครงข่าย 5G มาสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรและอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC เพื่อต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการยกระดับภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตที่ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ภาคการศึกษา ร่วมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป” นายภูผา กล่าวทิ้งท้าย