Home Blog Page 79

ซีพีเอฟ – ประมงนครศรีธรรมราช จับปลาหมอคางดำทำเมนูพิซซ่าหน้าปลา

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ สนับสนุนกรมประมง และประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช จัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” ครั้งที่ 3 ร่วมเปิดปฏิบัติการล่าปลาหมอคางดำในพื้นที่ตำบลเกาะเพชร อำเภอหัวไทร พร้อมทั้งสาธิตการนำปลาใช้ประโยชน์ทั้งการทำพิซซ่าหน้าปลา และสอนน้องๆ นักเรียนทำน้ำหมักชีวภาพสำหรับใช้กับแปลงผักอินทรีย์ของโรงเรียน

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เป็นประธานในกิจกรรมลงแขก-ลงคลอง ครั้งที่ 3 จับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำ ณ คลองสาขา ตำบลเกาะเพชร อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย นายกอบศักดิ์ เกตุเหมือน ประมงนครศรีธรรมราช นายอำเภอหัวไทร หน่วยงานราชการในพื้นที่ กรมราชทัณฑ์ การยางแห่งประเทศไทย สถานีพัฒนาที่ดินนครศรีธรรม และผู้นำชุมชน นำอวนและแหมาช่วยกันจับปลาออกจากแหล่งน้ำ และเปิดจุดรับซื้อปลาที่จับได้เพื่อส่งมอบให้การยางแห่งประเทศไทยโดยมี ซีพีเอฟ สนับสนุนเครื่องมือจับสัตว์น้ำ อาหาร และน้ำดื่มให้ผู้ร่วมงานกว่า 200 คน

กิจกรรมในวันนี้ อธิบดีกรมประมง ร่วมสังเกตการณ์การถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับปลาหมอคางดำให้แก่น้องๆ นักเรียนโรงเรียนชุมชนวัดเกาะเพชร และสาธิตการทำเมนูพิซซ่าหน้าเนื้อปลาพร้อมกับเกษตรกรจากฟาร์มสุขมี เกษตรกรหนึ่งไร่โมเดล นอกจากนี้ สำนักงานพัฒนาที่ดินยังจัดสาธิตวิธีการทำน้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำให้นักเรียนได้นำไปทำเองที่โรงเรียนสำหรับใช้กับแปลงปลูกผักอินทรีย์ของโรงเรียนต่อไป

ปลาที่จับได้ในวันนี้ 1,780 กิโลกรัมซึ่งประมงจังหวัดส่งต่อให้กับสำนักพัฒนาที่ดินผลิตน้ำหมักชีวภาพ รวมทั้งแบ่งให้กรมราชทัณฑ์ทำอาหารให้กับผู้ต้องขัง และมอบให้โรงเรียนชุมชนวัดเกาะเพชรผลิตน้ำหมักชีวภาพ

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชสร้างการมีส่วนร่วมภาครัฐ – ชุมชน – เอกชน ในการจัดการปลาหมอคางดำ โดยมุ่งนำออกไปจากแหล่งน้ำธรรมชาติให้ได้มากที่สุด สร้างความตระหนักให้ชาวบ้านและเยาวชนได้ตระหนักถึงปัญหาและร่วมมือกันป้องกันการแพร่พันธุ์ของปลาชนิดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด โดยเฉพาะ การทำน้ำหมักชีวภาพ รวมถึง การแปรรูปเป็นอาหารเมนูต่างๆ เพื่อที่จะหยุดยั้งการแพร่กระจายปลาชนิดนี้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซีพีเอฟร่วมมือกับกรมประมงดำเนินโครงการเชิงรุกในการกำจัดปลาหมอคางดำใน 12 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สมุทรปราการ ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี นครปฐม รวมทั้งในชุมพร สุราษฎร์ธาน และนครศรีธรรมราช ซึ่งได้ช่วยกำจัดปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำได้แล้วมากกว่า 10,000 กิโกกรัม และบริษัทยังเดินหน้าร่วมกับกรมประมงเพื่อช่วยกันลดจำนวนประชากรปลาหมอคางดำไห้น้อยลงมากที่สุด คืนความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศให้กับแหล่งน้ำในจังหวัด นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังให้ได้สนับสนุนปลานักล่ารวมแล้ว 64,000 ตัวแก่ประมงสมุทรสงคราม ประมงสมุทรสาคร ประมงจันทบุรี และประมงระยอง ปล่อยลงสู่แหล่งน้ำ

ซีพีเอฟร่วมบูรณาการกรมประมงจัดการปัญหาปลาหมอคางดำขับเคลื่อน 5 โครงการเชิงรุก ประกอบด้วย โครงการร่วมกับกรมประมงรับซื้อปลาเพื่อทำปลาป่น 2,000,000 กิโลกรัม ยังเปิดรับซื้ออย่างต่อเนื่อง โครงการปล่อยปลานักล่า 200,000 ตัว รวมถึง โครงการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรกรศาสตร์ สถาบันพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยขอนแก่นนำปลาไปใช้ประโยชน์ เช่น แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร และโครงการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญและมหาวิทยาลัยในการศึกษาวิจัยนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเพื่อตัดวงจรและควบคุมการแพร่พันธุ์ของปลาชนิดนี้ในระยะยาว.

AIS เคียงข้างผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือ พร้อมดูแลเครือข่ายสื่อสาร 24 ชั่วโมง ขยายความช่วยเหลือครอบคลุมทุกมิติ

0

รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยในขณะนี้ AIS ขอส่งกำลังใจให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่และพร้อมอยู่เคียงข้างจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ โดยได้จัดตั้ง War Room เพื่อดูแลและติดตามสถานะเครือข่ายสื่อสารในพื้นที่ประสบภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งขยายเวลาชำระค่าบริการสำหรับลูกค้ารายเดือนและลูกค้า AIS 3BB FIBRE 3 และเพิ่มวันใช้งานสำหรับลูกค้าเติมเงิน นอกจากนี้ AIS ยังได้ส่งทีมอาสาเพื่อสนับสนุนภาครัฐในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเต็มที่

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “AIS มีความห่วงใยต่อความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่กำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัยในขณะนี้ AIS จึงได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือได้อย่างต่อเนื่อง”

โดยมีมาตรการดังนี้

  • ด้านการดูแลสัญญาณเครือข่าย โดยการเปิด War Room ตลอด 24 ชั่วโมง โดยทีมงานวิศวกรจะคอยมอนิเตอร์สถานีฐานในพื้นที่ประสบภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องปั่นไฟและน้ำมันให้พร้อมสำหรับสถานีฐานในจุดเสี่ยง เพื่อให้สามารถดูแลสัญญาณในพื้นที่สำคัญได้ทันที
  • ด้านการเตรียมความพร้อม ทั้งรถสถานีฐานเคลื่อนที่และกระจายทีมวิศวกรไปยังพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว
  • ด้านการอำนวยความสะดวกของการใช้งาน โดยได้ขยายระยะเวลาการชำระค่าบริการสำหรับลูกค้ารายเดือนและลูกค้า AIS 3BB FIBRE 3 และขยายระยะเวลาการใช้งานให้กับลูกค้าระบบเติมเงินในพื้นที่ประสบภัย
  • ด้านการประสานงานกับหน่วยงานรัฐ โดยได้ประสานงานกับหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และส่วนราชการในจังหวัดต่าง ๆ ที่เป็นพื้นที่เสี่ยง เพื่อเตรียมความพร้อมด้านเครือข่ายสื่อสารในบริเวณศูนย์อพยพ
  • นอกจากนี้ สนับสนุนสิ่งของจำเป็น เช่น น้ำดื่ม และสาธารณูปโภคต่าง ๆ ในพื้นที่ประสบภัย โดยทีมงานเอไอเอสอาสาได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องในจังหวัดพะเยา เชียงราย น่าน และแพร่

“AIS ขอยืนยันว่าเราจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไปเพื่อให้มั่นใจว่าเครือข่ายสื่อสารสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง และเราจะยืนเคียงข้างประชาชนในการผ่านพ้นวิกฤตภัยธรรมชาติครั้งนี้ไปด้วยกัน” นางสายชล กล่าวทิ้งท้าย

เปิดเมนู “ปลาหมอคางดำ” หร้อยจังฮู้

0

เพจ “แอนสาวใต้” ร่วมด้วยช่วยชาติ รังสรรค์เมนูจากปลาหมอคางดำ ทั้งปลาแดดเดียว แกงส้ม ทอดมัน อร่อยไม่แพ้ปลาชนิดอื่น พร้อมชวนคนไทย นำมาลองทำเมนูเด็ดประจำบ้าน ช่วยกันกิน ช่วยกันกำจัด เพื่อลดปริมาณปลาชนิดนี้ออกจากแหล่งน้ำให้ได้มากที่สุด หวังให้หมดไปจากระบบนิเวศของไทย

นางสาวธวัลพร บำรุงการ หรือ แอน เจ้าของเพจ “แอนสาวใต้” เพจไลฟ์สไตล์ ตกปลา-ทำอาหาร ของสาวชุมพร ที่มีผู้ติดตาม 3.8 แสนคน เล่าให้ฟังว่า แอนเป็นคนชื่นชอบการทำอาหารมากๆ ประกอบกับที่คุณแม่รักการตกปลา ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ในละแวกจังหวัดชุมพร ทำให้ได้ปลาหลากหลายชนิดมาเป็นวัตถุดิบประกอบอาหาร และได้นำมารังสรรค์เป็นเมนูต่างๆ จึงได้เกิดไอเดียเปิดเพจทำอาหารของตนเองขึ้น เพื่อที่จะแบ่งปันเรื่องราวและประสบการณ์การตกปลาของคุณแม่ ส่วนตนนำเสนอการปรุงเมนูรสเด็ดจากปลาและวัตถุดิบอาหารต่างๆ ที่ได้มาจากการตกปลาของคุณแม่

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นแอนไปตกปลากับคุณแม่ และได้เห็นปลาหมอคางดำเป็นครั้งแรก ขณะนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นปลาอะไร แต่สังเกตเห็นจุดสีดำด้านข้างแก้มปลา มองลงไปในน้ำเห็นเป็นฝูงใหญ่ มีจำนวนเยอะพอสมควร ตอนนั้นก็พอจะทราบแล้วว่าปลาชนิดนี้ทำลายระบบนิเวศของไทย เพราะชาวบ้านบริเวณที่ตกปลาเล่าให้ฟังว่า ปกติจะมีปลาชนิดอื่นๆ อยู่เยอะมาก พอมีปลาหมอคางดำระบาด ปลาพื้นถิ่นก็ลดลง เพราะปลาชนิดนี้ดุ หาอาหารกินตลอดเวลา กินทุกอย่าง และกินลูกปลาพื้นถิ่นด้วย

แอนเล่าว่า คุณแม่ออกตกปลาในแต่ละครั้ง จะได้ปลาหมอคางดำ ครั้งละประมาณ 3-4 กิโลกรัม โดยวิธีตกปลาจะตกด้วยคันเบ็ดชิงหลิว (คันเบ็ดสไตล์จีน) ใช้เหยื่อกุ้งหรือกระดองปู (ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน) แต่ถ้าใครใช้อวนก็จะยิ่งดี เพราะจะทำให้จับปลาได้ปริมาณครั้งละเยอะ ๆ

ปลาหมอคางดำ สามารถนำมาประกอบอาหารได้ รสชาติเหมือนปลานิล เนื้อแน่นกว่านิดหน่อย ไม่มีกลิ่นสาบ มีกลิ่นคาวเหมือนปลาทั่วไป เพียงล้างด้วยเกลือหรือน้ำส้มสายชูก็สามารถดับกลิ่นคาวได้ และมีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนปลาชนิดอื่นๆ

ปลาชนิดนี้ ไซส์ใหญ่สุดที่เคยเห็นอยู่ที่ประมาณฝ่ามือผู้ชาย ปริมาณเนื้อจะเยอะจึงนำมาปรุงอาหารอร่อย แต่ส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นไซส์เล็กกว่าฝ่ามือ เนื้อน้อย แนะให้แล่เอาแต่เนื้อมาทำอาหาร เพราะปลาหมอคางดำเป็นปลาที่มีก้าง ครีบทั้งตัวแข็งมาก

เมนูปลาหมอคางดำที่แอนเคยทำและอร่อยมากๆ เป็นเมนูที่อยากแนะนำ คือ ปลาหมอคางดำเค็มแดดเดียว แกงส้มใต้ปลาหมอคางดำ และทอดมันปลาหมอคางดำ แอนจะใช้ปลาหมอคางดำ 8-10 ตัว แล้วแต่เมนู สามารถทานได้ถึง 4 คน สามารถติดตามในเพจแอนได้ จะมีคลิปเมนูต่างๆ จากปลาหมอคางดำ รวมถึงรายละเอียดและส่วนผสมของแต่ละเมนูด้วย บอกเลยว่าอร่อยเด็ดมากๆ

แอนเล่าทิ้งท้ายว่า เนื่องจากปลาหมอคางดำทำลายระบบนิเวศ จึงอยากให้ทุกคนที่ตกปลาหมอคางดำมาทำเป็นอาหาร ถ้าเจอปลาตัวเล็ก ให้นำมาทำอาหารได้เลย หรือจะนำไปทำปุ๋ยชีวภาพ หรือแปรรูปเป็นปลาร้าก็ได้ ไม่ควรปล่อยกลับลงน้ำ เพื่อช่วยลดปริมาณปลาออกจากแหล่งน้ำ ถ้าปลาหมอคางดำยังระบาดหนัก ในอนาคตปลาพื้นถิ่นบ้านเราอาจจะสูญพันธ์ได้ สำหรับคนที่ยังไม่เคยลองกินเมนู ปลาหมอคางดำ อยากให้ลองเปิดใจ บอกเลยว่าอร่อยไม่แพ้ปลาชนิดอื่น ที่สำคัญจะได้ช่วยกันกำจัดปลาชนิดนี้ให้หมดไปจากระบบนิเวศของไทย

สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ IGNITE THAILAND สำหรับผู้ประกอบการจากธนาคารออมสิน ตั้งแต่วันนี้ – 30 ธ.ค. 68

0

ธนาคารออมสินร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ทะยานไกลสู่ตลาดโลก ด้วยการออก “สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) IGNITE Thailand” สำหรับกลุ่มธุรกิจ SMEs และกลุ่มลูกค้าธุรกิจรายย่อย หรือ วิสาหกิจชุมชน

เพียงคุณดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องก็ยื่นกู้เพื่อใช้ในกิจการได้เลย
⚡ วงเงินสูงสุด 10 ล้านบาท (สำหรับกลุ่มธุรกิจ SMEs) หรือวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท (สำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจรายย่อยหรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชน)
⚡ ดอกเบี้ยคงที่ 2 ปีแรก 2.5% ต่อปี
⚡ ชำระคืนสูงสุด 10 ปี
⚡ ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 6 เดือน
⚡ ใช้ บสย. ค้ำประกันได้
? ติดต่อได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ – 30 ธันวาคม 2568
รายละเอียดเพิ่มเติม >> https://fwuj.short.gy/LMNDBr

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
⚠️ รู้ก่อนกู้ .. กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

AIS เปิดดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัล พบคนไทยเกินครึ่งขาดทักษะความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พร้อมเปิดตัวเครื่องมือเช็กภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์ ครั้งแรกในไทย

0

AIS  เปิด “ผลดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัลของคนไทย Thailand Cyber Wellness Index 2024” เป็นปีที่ 2 ตอกย้ำเจตนารมณ์การทำงาน เดินหน้าส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านการทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ที่สามารถนำผลการศึกษาไปต่อยอดเพื่อสร้างความรู้ ทักษะ รวมถึงเส้นทางในการพัฒนาทักษะดิจิทัลให้กับคนไทยได้ตรงกลุ่มเป้าหมายและสอดคล้องกับปัญหาที่เกิดขึ้นจริง

พร้อมกันนี้ได้พัฒนาเครื่องมือเช็กภูมิคุ้มกันภัยทางไซเบอร์แบบรายบุคคล หรือ Digital Health Check เป็นครั้งแรกในไทยที่ทุกคนสามารถประเมินระดับความสามารถในการรับมือจากภัยไซเบอร์พร้อมศึกษาความรู้จากหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์เพื่อยกระดับทักษะดิจิทัลได้ด้วยตัวเอง มากไปกว่านั้น AIS ยังได้นำเสนอเครื่องมือป้องกันภัยไซเบอร์ด้วยบริการ AIS Secure Net ที่วันนี้ได้เพิ่มการปกป้องที่ครอบคลุมมากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการกรองเว็บไซต์อันตรายทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้ลูกค้า AIS ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างอุ่นใจ ปลอดภัย ไร้กังวล และที่สำคัญลูกค้า AIS สามารถใช้บริการ AIS Secure Net ได้ฟรี เป็นระยะเวลา 12 เดือน

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของคนไทย การป้องกันภัยไซเบอร์กลายเป็นประเด็นที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ทำให้การทำงานของ AIS ในฐานะผู้นำด้านบริการดิจิทัลที่มุ่งส่งเสริมการใช้งานออนไลน์ที่ถูกต้องเหมาะสมและปลอดภัยยิ่งทวีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ทั้งในมุมของการสร้างภูมิปัญญาหรือ Wisdom ที่จะนำไปสู่การสร้างพลเมืองดิจิทัลที่มีความรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ และในมุมของการใช้ขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีมาส่งมอบเครื่องมือปกป้องภัยไซเบอร์และมิจฉาชีพที่แฝงมากับการใช้งานออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ”

โดยในปีที่ผ่านมา AIS ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และนักวิชาการ ได้เปิดตัวดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัลของคนไทย หรือ Thailand Cyber Wellness Index ฉบับแรกของไทยที่ทำให้เห็นถึงระดับทักษะการรับรู้และความเข้าใจการใช้งานดิจิทัลในด้านต่างๆ ที่คนไทยยังคงต้องพัฒนาทักษะความรู้เพื่อรับมือกับภัยไซเบอร์ในรูปแบบต่างๆ ทำให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนหยิบเอาผลการศึกษาของเราไปต่อยอดในการเสริมสร้างทักษะดิจิทัลให้ได้ตรงกลุ่มอายุ อาชีพ หรือแม้แต่พื้นที่อย่างสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของแต่ละหน่วยงาน

สำหรับปีนี้ผลการศึกษาก็ยังสะท้อนให้เห็นว่า แม้คนไทยจะมีการพัฒนาความเข้าใจในการใช้งานบนโลกดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นจนผลในภาพรวมอยู่ในระดับพื้นฐาน แต่ยังมีจุดที่น่ากังวล เพราะคนไทยเกินครึ่งยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security and Safety) โดยเฉพาะในประเด็นที่มีความเสี่ยงต่อภัยที่อาจนำมาซึ่งความเสียหายต่อการใช้งานของตนเองและองค์กร อาทิ การไม่มีความรู้ความเข้าใจการถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์, การใช้ Wi-Fi สาธารณะในการทำธุรกรรมทางการเงิน, การใช้ วันเดือนปีเกิด มาตั้งเป็นรหัสผ่านซึ่งง่ายต่อการคาดเดา แม้แต่การไม่ทราบว่าการเข้าเว็บไซต์ที่ปลอดภัยลิงค์ URL ควรจะเป็น HTTPS เป็นต้น

นางสายชล อธิบายเพิ่มเติมว่า “เราจึงทำงานควบคู่กันทั้งการส่งเสริมทักษะความรู้ และพัฒนาเครื่องมือปกป้องการใช้ งานทำให้วันนี้เราพัฒนาเครื่องมือ “Digital Health Check” เพื่อให้คนไทยสามารถวิเคราะห์และประเมินทักษะด้านดิจิทัลของตนเอง พร้อมทั้งแนะนำช่องทางการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อเสริมสร้างทักษะและองค์ความรู้ในการป้องกันภัยไซเบอร์ให้แก่ลูกค้าและคนไทย”

โดยวันนี้ลูกค้าสามารถสมัครใช้งาน AIS Secure Net ได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงกด *689*6# รวมถึงการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าด้วย บริการ Secure Net+ Protected by MSIG ชูจุดเด่นปกป้องภัยคุกคามทางไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็นไวรัส มัลแวร์ เว็บไซต์ปลอมหลอกลวง พร้อมแถมประกันภัยเพอร์ซัลนัลไซเบอร์ จาก MSIG ที่มอบความคุ้มครอง อาทิ การโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล และโจรกรรมเงิน หรือการถูกหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ ทางออนไลน์ ด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุด 50,000 บาท เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานออนไลน์ในโลกไซเบอร์ได้อย่างมั่นใจ ในราคาสุดคุ้มเดือนละ 39 บาทเท่านั้น สมัครง่ายๆ เพียงกด *689*10# โทรออก

“AIS ยังคงมุ่งมั่นในการเสริมสร้างทักษะด้านดิจิทัลของคนไทย พร้อมเดินหน้าพัฒนาเครื่องมือเพื่อให้คนไทยสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัย รวมถึงการสนับสนุนภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาภัยไซเบอร์จากกลุ่มมิจฉาชีพที่แฝงมากับการใช้งาน ทั้งมาตรการยืนยันตัวตน การควบคุมสัญญาณบริเวณรอยต่อชายแดน หรือ การสนับสนุนการทำงานของพี่ๆตำรวจโดยทีมวิศวกร ทั้งหมดเป็นไปตามเจตนารมณ์ของ AIS เพื่อให้ภัยไซเบอร์หมดไปจากประเทศไทยอย่างยั่งยืน” นางสายชล กล่าวทิ้งท้าย

ผู้ที่สนใจตรวจเช็กสุขภาวะทางดิจิทัลของตัวเอง ได้ที่ https://digitalhealthcheck.ais.th และสามารถอ่านรายละเอียดผลการศึกษาดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัล Thailand Cyber Wellness Index 2024 ของคนไทย เพิ่มเติมที่ https://sustainability.ais.co.th/th/sustainability-projects/thailands-cyber-wellness-index

ซีพีเอฟ หนุนชาวจันทบุรี-กรมประมง จับปลาหมอคางดำไปทำน้ำหมักชีวภาพเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง

0

ฃจังหวัดจันทบุรี พร้อมกับ สำนักงานประมงจังหวัดจันทบุรี ผนึกพลังทุกภาคส่วน จัดกิจกรรม “ลงแขก-ลงคลอง” ขึ้นครั้งที่ 2 ณ บริเวณอ่าวคุ้งกระเบน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ล่าปลาหมอคางดำได้ 649 กิโลกรัม แต่ยังพบปลาชนิดอื่นๆ อาทิ ปลากะพง ปลานวลจันทร์ ปลาสาก ปลาขนุน เป็นต้น ส่งมอบปลาที่จับได้ให้สำนักงานพัฒนาที่ดินจันทบุรีเพื่อผลิตน้ำหมักชีวภาพ และแบ่งปันให้กับจิตอาสานำกลับไปบริโภคที่บ้าน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ พร้อมหนุนจันทบุรีเดินหน้า 3 ยุทธวิธีตัดวงจรปลาหมอคางดำออกจากระบบนิเวศให้เร็วที่สุดอย่างต่อเนื่อง

ที่บริเวณด้านหน้าอาคารแสดงพันธุ์สัตว์เฉลิมพระเกียรติอ่าวคุ้งกระเบน นายวิสุทธิ์ ประกอบความดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานเปิดกิจกรรม “ลงแขก ลงคลอง…ล่าปลาหมอคางดำ โดยมี นายสมพร รุ่งกำเนิดวงศ์ ประมงจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วย หน่วยงานประมงในจังหวัดจันทบุรี ภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงภาคีเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดจันทบุรี เครือข่ายประมงพื้นบ้าน และทีมล่าปลาหมอคางดำร่วมกิจกรรมประมาณ 200 คน โดยมี ซีพีเอฟ นำพนักงานจิตอาสา ร่วมสนับสนุนอุปกรณ์การจับปลา ช่วยเตรียมอาหารกลางวัน และน้ำดื่มให้กับผู้ร่วมกิจกรรมอีกด้วย

นายสมพร รุ่งกำเนิดวงศ์ ประมงจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า กรมประมง โดยประมงจันทบุรี ร่วมมือกับทุกภาคส่วน เปิดปฏิบัติการครั้งที่ 2 ในพื้นที่อ่าวคุ้งกระเบน ซึ่งเป็นการจัดต่อเนื่องจากการปฏิบัติการครั้งแรกที่อำเภอนายายอามเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมาซึ่งสามารถจับปลาหมอคางดำได้ 3 กิโลกรัมแต่จับปลาชนิดอื่นๆ ได้มากกว่า 30 กิโลกรัม สะท้อนให้เห็นว่าในอำเภอนายายอามยังมีความหลากหลายของสัตว์น้ำพื้นถิ่น

กิจกรรมในวันนี้ แบ่งทีมจับปลาในพื้นที่อ่าวคุ้งกระเบนออกเป็น 3 จุด ได้แก่ พื้นที่อ่าวคุ้งกระเบน คลองชลประทานที่ส่งน้ำให้ผู้เลี้ยงกุ้ง และบ่อเลี้ยงกุ้งที่รกร้าง ควบคู่กับการเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับพื้นที่ ส่งผลให้สามารถจับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำได้ 549 กิโลกรัม ขณะเดียวกันยังพบปลาชนิดอื่นอีกหลายชนิด อาทิ ปลานวลจันทร์ ปลาสาก ปลาขนุน ปลากะพง ประมงจันทบุรีนำปลาที่จับได้ส่งมอบให้สำนักงานพัฒนาที่ดินสำหรับผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง และแบ่งปันปลาให้กับชาวบ้านนำกลับไปบริโภค

นายสมพรกล่าวต่อว่า จังหวัดจันทบุรี ได้บูรณาการทุกภาคส่วนดำเนิน 3 ยุทธวิธีแบบมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ ประกอบด้วย การจัดกิจกรรมล่าปลาหมอคางดำใน 2 พื้นที่ ได้แก่ อำเภอนายายอาม และอำเภอท่าใหม่ การปล่อยปลาผู้ล่าเพื่อกำจัดลูกอ่อนของปลาหมอคางดำ โดยประมงจันทบุรีปล่อยปลาหลายชนิด ทั้งปลากะพง ปลาอีกง ปลาปิ่นแก้ว เป็นต้น รวมถึงการสร้างการรับรู้ของประชาชน ขอความร่วมมือชาวประมงให้ช่วยกันจับปลาชนิดนี้ขึ้นมาจากแหล่งน้ำให้เร็วที่สุด

ด้านนายอดิศร์ กฤษณวงศ์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานรัฐกิจและเอกชนสัมพันธ์ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟตระหนักถึงความเร่งด่วนของการจัดการปลาหมอคางดำ เดินหน้า 5 โครงการเชิงรุกอย่างจริงจัง บูรณาการความร่วมมือกับหลายภาคส่วนทั้งกรมประมง โรงงานปลาป่น ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และสถาบันการศึกษาเพื่อเร่งกำจัดและตัดวงจรของปลาชนิดนี้ออกจากแหล่งน้ำของไทยให้มากและเร็วที่สุด ประกอบด้วย โครงการสนับสนุนกรมประมงรับซื้อปลาหมอคางดำผลิตปลาป่น 2,000,000 กิโลกรัม ที่ผ่านมาร่วมกับโรงงานศิริแสงอารำพีรับซื้อไปแล้วมากกว่า 605,860 กิโลกรัม โครงการสนับสนุนปลานักล่า 200,000 ตัว ให้ประมงจังหวัดต่างๆ ปล่อยลงแหล่งน้ำโดยส่งมอบไปแล้ว 54,000 ตัว การสนับสนุนกรมประมงจัดกิจกรรมจับปลาออกจากระบบนิเวศไปแล้ว 12 จังหวัดและยังเดินหน้าสนับสนุนจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีโครงการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร รวมถึง โครงการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญและมหาวิทยาลัยในการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีควบคุมปริมาณปลาหรือตัดวงจรการแพร่พันธุ์ในระยะยาว.

ตลท. จัดงานสัมมนาธุรกิจครอบครัวใหญ่แห่งปี “The 2nd SET Annual Conference on Family Business” ภายใต้ธีม “Family Business in the Globalized Asia”

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับพันธมิตร ขอเชิญชวนเจ้าของธุรกิจ ทายาท ผู้บริหาร และที่ปรึกษาธุรกิจครอบครัว ร่วมแลกเปลี่ยน เรียนรู้ พร้อมถอดบทเรียนการบริหารครอบครัวและธุรกิจของเอเชียและไทยที่สามารถนำพากิจการให้เติบโตไกลในระดับโลก

พบกับผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ เจ้าของและทายาทแนวหน้าของธุรกิจครอบครัวไทย ที่จะมาไขกุญแจบทเรียนความสำเร็จ ในการนำพาธุรกิจและครอบครัวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

ตลอด 2 วันเต็ม ท่านจะได้เรียนรู้กลยุทธ์ และวิธีการต่างๆ ทั้งแนวทางการจัดโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ การจัดสรรผลประโยชน์สมาชิกครอบครัว และการบริหารความมั่งคั่งของธุรกิจและครอบครัว ผ่านการบรรยาย และสามารถเลือกห้อง Breakout room ในหัวข้อที่สนใจ ซึ่งจะได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด พร้อมกิจกรรม Networking เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ

วันพฤหัสบดีที่ 1 – วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม 2567 ณ Grand Hyatt Erawan Bangkok รูปแบบการบรรยายทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (มีเครื่องแปลภาษาให้บริการ ยกเว้นห้อง Breakout room)

เปิดจำหน่ายบัตรตั้งแต่วันนี้ – 26 กรกฎาคม 2567

บัตรราคา 18,000 บาท (รวม VAT)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/4c8CyJA

CPF ล่องใต้ หนุนกรมประมงไล่จับปลาหมอคางดำ 4 จังหวัด

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าสนับสนุนกรมประมงในการขับเคลื่อนกำจัดปลาหมอคางดำอย่างเต็มกำลัง ผนึกพลังกับสำนักงานประมงจังหวัดใน 4 พื้นที่ ประมงสมุทรสงคราม ประมงสุราษฎร์ธานี ประมงนครศรีธรรมราช และประมงชุมพร จัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” จับปลาออกจากแม่น้ำลำคลอง และนำไปเพิ่มมูลค่าทำปลาทำน้ำหมักชีวภาพและอาหารเมนูต่างๆ เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศในแหล่งน้ำอย่างเป็นรูปธรรม

นายอดิศร์ กฤษณวงศ์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานรัฐกิจและเอกชนสัมพันธ์ ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทร่วมสนับสนุนกรมประมงโดยดำเนิน 5 โครงการเชิงรุกบูรณาการหลายภาคส่วนเพื่อกำจัดและควบคุมปริมาณปลาชนิดนี้อย่างจริงจังเพื่อลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ ร่วมมือกับประมงจังหวัดทั่วประเทศจับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำอย่างต่อเนื่อง บริษัทสนับสนุนเครื่องมือจับสัตว์น้ำ อาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งกำลังคนในการช่วยกำจัดปลาออกจากแหล่งน้ำ ล่าสุด ซีพีเอฟลงพื้นที่ร่วมสนับสนุนกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” ปฏิบัติการจับปลาหมอคางดำใน 4 จังหวัด สมุทรสงคราม สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และชุมพร

ประมงสมุทรสงคราม จัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 6 นายบัณฑิต กุลละวณิชย์ ประมงจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมกับหน่วยงานราชการ ผู้นำชุมชนและชาวประมง ร่วมกันจับปลาที่คลองหมื่นหาญ ซึ่งเป็นลำคลองยาวประมาณ 3.5 กิโลเมตร ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง โดยซีพีเอฟร่วมสนับสนุนเครื่องมือจับปลา พร้อมทั้งอาหารและน้ำดื่ม

นายบัณฑิต กล่าวว่า การจับปลาครั้งนี้ได้รับการผ่อนผันจากอธิบดีกรมประมงให้ใช้เครื่องมือประมงจับสัตว์ และปรับเปลี่ยนวิธีการจับปลาให้เหมาะสม ช่วยให้เราจับปลาออกหมอคางดำจากแหล่งน้ำได้มากขึ้น โดยปลาที่จับได้รวม 2,412 กิโลกรัมส่วนใหญ่เป็นปลาหมอคางดำ สำหรับปลาที่จับได้กรมประมงส่งมอบเข้าโครงการผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อเกษตรกรชาววนยาง 2,177 กิโลกรัม เรือนจำกลางสมุทรสงคราม 200 กิโลกรัม และแบ่งปันให้ประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมนำกลับไปบริโภค

จังหวัดชุมพร นายบุญญวัฒน์ ทองหอม ประมงอำเภอปะทิว พร้อมกับนายอำเภอปะทิว สมาคมประมงปะทิวคลองบางสม กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรสะพลี หน่วยงานราชการในพื้นที่ ผู้นำชุมชนและชาวปะทิวลงพื้นที่ร่วมกิจกรรม “ลงแขกลงห้วย” ปฏิบัติการจับปลาที่ลำห้วยบ้านลุงสาร ตำบลบางสน อำเภอปะทิว โดยซีพีเอฟได้ร่วมสนับสนุนเครื่องมือจับปลาสำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย สามารถจับปลาได้ 115 กิโลกรัมซึ่งแบ่งปันให้ชาวบ้านที่มาร่วมกิจกรรมนำกลับไปปรุงอาหารที่บ้าน

ที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายธวัชชัย อุบลไพศาล ประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมกับผู้แทนจากหน่วยงานราชการในพื้นที่ และผู้นำชุมชนร่วมกันจับปลาที่ลำคลอง ในตำบลตะกรบ อำเภอไชยา โดยซีพีเอฟสนับสนุนแหจับปลา อาหารกลางวัน อาหารว่างและน้ำดื่มให้แก่ผู้ร่วมงานกว่า 70 คนและร่วมทอดแหจับปลา กิจกรรมในครั้งนี้สามารถจับปลาได้ 192 กิโลกรัมและมีแพปลามารวบรวมปลาที่จับได้นำไปขายให้สำนักงานพัฒนาที่ดินสำหรับผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อชาวสวนยางต่อไป

นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังได้ร่วมสนับสนุนกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” จัดโดยสำนักงานประมงนครศรีธรรมราชร่วมบูรณาการหน่วยงานสังกัดกรมประมง คณะทำงานแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ กรมราชทัณฑ์ การยางแห่งประเทศไทย เกษตรและสหกรณ์จังหวัด ผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่ 100 คน ร่วมจับปลาบริเวณคู คลองสาขา บ้านบางตะลุมพอ ต.ขนาบนาก อ.ปากพนัง เพื่อกำจัดปลาชนิดนี้ออกจากระบบนิเวศ โดยซีพีเอฟร่วมสนับสนุนเครื่องมือประมง อวนเอ็น รวมทั้งอาหารกลางวันและน้ำดื่มให้กับผู้ร่วมกิจกรรม ปลาที่จับขึ้นมาได้ 1,450 กิโลกรัม นำไปขายจุดรับซื้อในโครงการผลิตน้ำหมักชีวภาพ 1,100 กิโลกรัม และแบ่งปันให้ชุมชนนำไปใช้ประโยชน์ 350 กิโลกรัม

นายอดิศร์กล่าวต่อว่า ซีพีเอฟได้ดำเนินการขับเคลื่อน 5 โครงการเชิงรุกของซีพีเอฟเพื่อร่วมกำจัดปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำฟื้นฟูระบบนิเวศ ประกอบด้วย โครงการร่วมกับกรมประมงรับซื้อปลาเพื่อทำปลาป่น 2,000,000 กิโลกรัม ที่ปัจจุบันร่วมกับโรงงานปลาป่นในสมุทรสาครจัดซื้อปลาไปแล้วกว่า 605,860 กิโลกรัมและกำลังขยายพื้นที่จัดซื้อปลาไปจังหวัดอื่น โครงการปล่อยปลานักล่า 200,000 ตัว ซึ่งขณะนี้ส่งมอบปลากะพงขาวแล้ว 54,000 ตัว และยังมอบอย่างต่อเนื่อง โครงการสนับสนุนกิจกรรมจับปลาทุกพื้นที่ ซึ่งซีพีเอฟยังประสานงานเพื่อประเมินผลการดำเนินกิจกรรมภายใต้ 3 โครงการ นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังดำเนินโครงการระยะกลางและระยะยาวประกอบด้วย โครงการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนำปลาไปใช้ประโยชน์ เช่น แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร และโครงการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญและมหาวิทยาลัยในการศึกษาวิจัยนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเพื่อตัดวงจรและควบคุมจำนวนปลาในระยะยาว.

TFEX สัญจร ชลบุรี

0

“รู้เก็บรู้ออมฯ” โดย คุณนายพารวย

มีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่สะสมชั่วโมงบินซื้อขายหุ้นมาได้ระยะหนึ่ง ก็เริ่มมองหาเครื่องมือที่จะช่วยเร่งให้พอร์ตหุ้นของตัวเองโตขึ้น ซึ่ง TFEX เป็นหนึ่งทางเลือกที่สามารถตอบโจทย์ของนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุน และต้องการบริหารความเสี่ยง!!

TFEX คือ บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นศูนย์กลางการซื้อขายอนุพันธ์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆคือ SET เป็นตลาดสำหรับซื้อขายหุ้น ส่วน TFEX เป็นตลาดสำหรับซื้อขายอนุพันธ์

อนุพันธ์ที่เปิดให้ซื้อขาย แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.สัญญาฟิวเจอร์ส (Futures) หรือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นสัญญาที่ตกลงว่าจะซื้อหรือขายสินค้าอ้างอิงวันนี้ แต่จะมีการส่งมอบหรือจ่ายเงินกันจริงในอนาคต ราคา Futures จะเคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคาของสินค้าอ้างอิง นักลงทุนสามารถเข้ามาเปิดสถานะเป็นผู้ซื้อ (Long) หรือผู้ขาย (Short) ก็ได้ และปิดสถานะสัญญาเมื่อมีกำไรหรือขาดทุน โดยไม่ต้องรอให้สัญญาหมดอายุ

2.สัญญาออปชัน (Options) เป็นสัญญาที่ให้สิทธิ์แก่คู่สัญญาซื้อหรือขายสินทรัพย์ในอนาคตตามราคาและจำนวนที่ได้ตกลงกัน โดยออปชันที่ให้สิทธิ์ิซื้อเรียกว่า Call Options ส่วนออปชันที่ให้สิทธิ์ิขายเรียกว่า Put Options ทั้งนี้ ผู้ขายออปชันเป็นผู้ให้สิทธิ์ิกับผู้ซื้อตามสัญญา และได้รับค่าตอบแทนที่เรียกว่าพรีเมียม (Premium) จากผู้ซื้อ ออปชันสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้โดยไม่ต้องรอสัญญาหมดอายุ

ตลาด TFEX สามารถสร้างผลตอบแทนได้ทุกสภาวะตลาด ทั้งในช่วงตลาดขาขึ้นและขาลง โดยเฉพาะการทำกำไรในช่วงตลาดขาลง, ช่วยลดความเสียหายของพอร์ตตอนตลาดหุ้นปรับตัวลดลง, ป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนด้านราคา นอกจากนี้ ยังมีสินค้าให้เลือกเทรดหลายประเภท เช่น ดัชนีหุ้น หุ้นรายตัว ทองคำ โลหะเงิน ค่าเงิน ยางพารา

ยิ่งในช่วงที่ตลาดหุ้น sideway แกว่งตัวแบบเดี๋ยวเดินหน้าเดี๋ยวถอยหลัง การลงทุนใน TFEX สามารถสร้างโอกาสใหม่ให้กับนักลงทุนได้ อย่างไรก็ตาม ต้องศึกษาและทำความเข้าใจให้ดีก่อน เพราะมีความซับซ้อนกว่าการซื้อขายหุ้นแบบตรงๆ

“คุณนายพารวย” มีข่าวดีมาแจ้งว่า กำลังจะมีการจัดกิจกรรม TFEX สัญจร จ.ชลบุรี “เสริมพอร์ตหุ้น ลงทุนแบบมีทางเลือกด้วย TFEX” ในวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2567 นี้ ตั้งแต่เวลา 09.00-15.30 น. ที่ห้อง Marina Grand ballroom ชั้น 2 โรงแรมโนโวเทล มารีน่า ศรีราชา จ.ชลบุรี

พบกับหัวข้อสัมมนาน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทรดตลาดขาลง…สู้อย่างไรให้อยู่รอด, ก้าวแรกจากตลาดหุ้นสู่ TFEX, เคล็ดลับพิชิต TFEX ด้วยกราฟ สำหรับมือใหม่ และยังมีเวิร์กช็อปสอนใช้เครื่องมือลงทุนแบบมืออาชีพ ในงานยังมีโบรกเกอร์ชั้นนำมาเปิดบูธให้คำปรึกษา และบริการเปิดบัญชี TFEX โดยผู้เปิดบัญชีจะได้รับของที่ระลึกพิเศษด้วย

นักลงทุนและผู้สนใจเรื่อง TFEX ใน จ.ชลบุรี หรือพื้นที่ใกล้เคียง ลงทะเบียนร่วมงานล่วงหน้าได้แล้วตั้งแต่วันนี้ www.TFEX.co.th ผู้ลงทะเบียนร่วมงานจะได้รับกระเป๋าผ้า TFEX เป็นที่ระลึกอีกด้วย!

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

นักวิชาการ จับมือ ซีพีเอฟ พัฒนาวิธีกำจัดปลาหมอคางดำอย่างยั่งยืน

0

ปัญหา “ปลาหมอคางดำ” ถือเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันแก้ไข ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ควบคู่ไปกับการใช้องค์ความรู้จากนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เข้ามาสนับสนุน เพื่อให้สามารถควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

เช่นเดียวกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ที่ได้ร่วมมือกับ 3 สถาบันการศึกษา ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในการนำองค์ความรู้ทางวิชาการ รวมถึงนวัตกรรม เทคโนโลยีที่ทันสมัย เข้ามาประยุกต์ใช้แก้ปัญหาในทุกมิติ

เริ่มจาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย คณะประมง ที่มีนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญได้ทำการศึกษาวิจัยปลาชนิดนี้มาหลายปี ส่งผลให้มีองค์ความรู้เข้ามาช่วยเติมเต็มการแก้ปัญหาของภาครัฐได้ ผศ.ดร.สรณัฎฐ์ ศิริสวย ภาควิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ กรมประมงมีการศึกษาเชิงลึกอยู่แล้ว และมีการเตรียมแผนอย่างดี เพื่อนำปลาขนาดใหญ่ออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติให้มากที่สุด เพื่อตัดโอกาสและตัดวงจรการขยายพันธุ์ ถือเป็นวิธีการลดปัญหาได้เร็วที่สุด จากนั้นจึงปล่อยปลานักล่า เช่น ปลากะพง เข้าไปกินลูกปลาและปลาขนาดเล็ก วิธีการดังกล่าวช่วยกำจัดวงจรชีวิตของปลาไปเรื่อยๆ โดยต้องศึกษาว่า จับด้วยวิธี หรืออุปกรณ์ชนิดใด ใช้ระยะเวลาเท่าใด ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งการผ่อนปรนใช้เครื่องมือจับสัตว์น้ำ ซึ่งต้องศึกษาระยะเวลา ขนาด และปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ขณะเดียวกัน กรมประมงเร่งวิจัยพันธุกรรม “โครงการวิจัย การเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม 4n ในปลาหมอคางดำ” ด้วยการปล่อยปลา 4N เพื่อผสมกับปลาปกติ 2N ให้ได้ปลา 3N ซึ่งเป็นหมัน

ที่สำคัญ ปลาหมอคางดำ ถือเป็นแหล่งโปรตีน นำมาปรุงอาหาร เพื่อบริโภคได้ ผศ.ดร.นันทิภา พันธุ์สวัสดิ์ หัวหน้าภาควิชาผลิตภัณฑ์ประมง คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงพัฒนาวิธีการนำปลาหมอคางดำมาใช้ประโยชน์ เพื่อช่วยลดปริมาณปลาในธรรมชาติ ด้วยการนำมาปรุงอาหารหลายเมนู อย่างเช่น ขนมจีนน้ำยาปลาหมอคางดำ ที่ใช้ปลาได้ทุกขนาด พร้อมเตรียมพัฒนาวิธีการแปรรูปตัดแต่งเนื้อปลา บรรจุภัณฑ์ หรือการผลิตเนื้อปลาแช่แข็ง เพื่อสะดวกต่อการขนส่ง ทำให้ประชาชนที่ต้องการเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ มาตรการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ต้องการนำปลาหมอคางดำมาแปรรูปเพิ่มมูลค่า ด้วยการนำมาทำปลาร้าที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งตลาดในและต่างประเทศ สอดคล้องกับแนวคิดของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่เตรียมพัฒนาจุลินทรีย์มาช่วยย่นระยะเวลาการหมักปลาร้าให้สั้นลง เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น เป็นการจูงใจให้ชาวประมงจับปลาหมอคางดำออกจากระบบนิเวศ และลดความรุนแรงของปัญหา

ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีทันสมัย ที่ ผศ.ดร.วัลย์ลดา กลางนุรักษ์ ผู้ช่วยคณบดี คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เตรียมนำมาใช้จัดการควบคุมการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำอย่างยั่งยืน คือ เทคโนโลยี Environmental DNA เป็นการสำรวจร่องรอย DNA ในธรรมชาติ ว่ามีปลาหมอคางดำเข้ามาหรือไม่ หากตรวจพบได้เร็วก็สามารถวางมาตรการจัดการได้ทันท่วงที ป้องกันการเพิ่มจำนวนของปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำนั้นๆ นอกจากนี้ ยังต้องวิจัยการฟื้นฟูระบบนิเวศด้วยการเพิ่มปริมาณปลาในท้องถิ่นกลับสู่ระบบ

สำหรับแนวทางควบคุมประชากรปลาหมอคางดำในระยะยาว คือ การใช้เทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม (genome editing) เป็นเทคนิคแก้ไขรหัสพันธุกรรมในตำแหน่งที่ต้องการอย่างจำเพาะ เพื่อเปลี่ยนเพศปลา ซึ่งได้ทดสอบแล้วในปลานิล รวมถึงการใช้เทคนิคระบบ gene drive เพื่อใช้ควบคุมการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำ โดยต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เพื่อป้องกันผลกระทบต่อระบบนิเวศอีกระยะ ก่อนนำออกไปใช้จริง

นอกจากคณาจารย์และผู้เชี่ยวชาญจาก 3 มหาวิทยาลัย ดังกล่าวแล้ว ขณะนี้ ยังมีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยแม่โจ้แสดงความสนใจเข้าร่วมพัฒนาและเสาะหาแนวทางหยุดวงจรปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำด้วย

การนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมต่างๆ มาดำเนินการแก้ปัญหา ภายใต้การสนับสนุนของซีพีเอฟ เพื่อนำมาปรับใช้เพิ่มประสิทธิภาพการแก้ปัญหา ควบคุมปริมาณปลาหมอคางดำ พร้อมกันนี้ยังนำศักยภาพของบริษัทร่วมสนับสนุนกรมประมงในการจัดกิจกรรม “ลงแขก-ลงคลอง” เพื่อกำจัดปลาหมอคางดำของประมงจังหวัดในหลายพื้นที่ควบคู่กัน ทำให้การจัดการแก้ปัญหาปลาหมอคางดำเกิดประสิทธิภาพในระยะยาว