Home Blog Page 78

‘รวมพลังชุมชน’ ปราบปลาหมอคางดำ

0

ความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และพลังของชุมชน เป็นแนวทางสำคัญในการกำจัดปลาหมอคางดำ

ซีพีเอฟ ยังคงเดินหน้าบูรณาการขับเคลื่อน 5 โครงการเชิงรุก ภายใต้ความร่วมมือกับหลายหน่วยงาน ทั้งกรมประมง ภาคประชาสังคม คณาจารย์และนักวิชาการ เพื่อเร่งกำจัดปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำอย่างต่อเนื่อง

เริ่มจาก 1. โครงการร่วมกับกรมประมงรับซื้อปลาเพื่อทำปลาป่น 2 ล้านกิโลกรัม ปัจจุบันร่วมมือกับโรงงานปลาป่นในสมุทรสาคร จัดซื้อปลาไปแล้วกว่า 750,000 กิโลกรัม และยังคงเปิดรับซื้อต่อเนื่อง

  1. โครงการปล่อยปลานักล่า 2 แสนตัว สู่แหล่งน้ำ ตามแนวทางของกรมประมง ปัจจุบันส่งมอบปลากะพงขาวไปแล้ว 64,000 ตัว พบว่าพื้นที่สมุทรสงครามมีจำนวนปลาหมอคางดำลดลงไปกว่า 80%
  2. โครงการสนับสนุนกรมประมง เปิดปฏิบัติการไล่ล่าปลาหมอคางดำอย่างต่อเนื่อง โดยซีพีเอฟร่วมกับประมงจังหวัด 12 จังหวัด ด้วยการมอบอุปกรณ์จับปลา สนับสนุนกำลังคน อาหาร และน้ำดื่ม พร้อมสนับสนุนโครงการผลิตน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  3. โครงการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการนำปลาไปใช้ประโยชน์ อย่างเช่น แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆได้หลากหลายเมนู

และ 5. โครงการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญ มหาวิทยาลัย ทั้งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการศึกษาวิจัยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อตัดวงจรและควบคุมการแพร่พันธุ์ของปลาชนิดนี้ในระยะยาว.

ซีพี-ซีพีเอฟ ผนึกกำลัง ส่งอาหารจากใจ บรรเทาความเดือดร้อน สู้ภัยน้ำท่วมภาคเหนือ

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ผนึกกำลังร่วมกับบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้แก่ ซีพีออลล์, ซีพี แอ็กซ์ตร้า แม็คโคร โลตัส, ข้าวตราฉัตร, ซีพีแรม, เจียไต๋ และทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ สู้ภัยน้ำท่วม” โดยนำอาหารสดและน้ำดื่ม ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น พร้อมส่งกำลังใจให้พี่น้องที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ

นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วย พล.ต.คณิศร อาสมะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 พล.ต.ต.ดเรศ กัลยา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน และนายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน รับมอบวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารพร้อมรับประทานจากจิตอาสาเครือซีพี ได้แก่ เนื้อไก่ 400 กิโลกรัม เนื้อหมู 400 กิโลกรัม ไข่ไก่ 12,000 ฟอง น้ำดื่มซีพี 12,000 ขวด ข้าวตราฉัตร 2,000 กิโลกรัม อาหารพร้อมรับประทาน รวมถึงสิ่งของที่จำเป็น อาทิ ถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภค 1,000 ชุด รถโมบายสัญญาณทรู 5G เพื่อสนับสนุนโรงครัว 10 แห่ง ให้กลุ่มแม่บ้านจิตอาสา ใช้สำหรับปรุงอาหาร เพื่อแจกจ่ายให้ผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใน 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองน่าน อ.ภูเพียง อ.ท่าวังผา และ อ.เวียงสา

ด้าน นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย รับมอบอาหารสด ได้แก่ เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อเป็ด ไข่ไก่จากซีพีเอฟ และน้ำดื่ม ให้แก่โรงครัวพระราชทาน กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 17 ในองค์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยมี พ.อ.สิงหนาท โลสุยะ รักษาราชการ รองเสธนาธิการ มณฑลทหารบกที่ 37

พร้อมกันนี้ จิตอาสากลุ่มธุรกิจห้าดาวภาคเหนือ ลงพื้นที่มอบข้าวสารและน้ำดื่ม แก่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย และเทศบาลเมืองดอกคำใต้ จ.พะเยา เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ สู้ภัยน้ำท่วม” ของซีพีเอฟ ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยจิตอาสาซีพีเอฟระดมสรรพกำลังกับบริษัทในเครือซีพี ร่วมกับหลายภาคส่วนลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนได้เข้าถึงอาหารและของใช้ที่จำเป็นอย่างเพียงพอ พร้อมทั้งเตรียมขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ต่อไป .

ชมศิลปะอยุธยาดั้งเดิม สืบต่อลมหายใจแห่งอยุธยา ณ เมืองพริบพรี หรือ เพชรบุรี

0

คำกล่าวที่ว่า หากอยากสัมผัสอยุธยาที่ยังมีลมหายใจ ต้องมาเยือนจังหวัดเพชรบุรี หรือ เมืองพริบพรี ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เกินจริงแต่อย่างใด เมื่อผู้เขียนมีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวในเส้นทางลุ่มน้ำเพชรบุรี ทำให้มีโอกาสได้ชมวัดเก่าที่สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยามีอยู่มากมาย ซึ่งแ่ต่ละแห่งล้วนมีความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมและศิลปะแบบสมัยอยุธยา และมีความสวยงามที่ข้ามเวลาจากอดีตมาสู่ปัจจุบัน

วัดใหญ่สุวรรณาราม วรวิหาร

วัดเก่าสมัยอยุธยาในจังหวัดเพชรบุรีที่ผู้เขียนเคยเดินทางมาก่อนหน้านี้ คือ วัดใหญ่สุวรรณาราม วรวิหาร ซึ่งครั้งนั้น ก็รู้สึกประทับใจในความงดงามและความขลังของลวดลายภาพวาดฝาผนังในพระอุโบสถที่มีอายุประมาณ 300 ปี ซึ่งเลือนรางไปกาลเวลา แต่ก็ยังมีความสวยงาม และอวดฝีมือของช่างโบราณในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี

อุโบสถเก่า วัดลาดศรัทธาธรรม

สำหรับการเดินทางครั้งนี้ ผู้เขียนมีโอกาสได้แวะเที่ยววัดเก่าอีกสองสามวัดที่อยู่ในเส้นทางนอกเมืองออกไป ยิ่งรู้สึกหลงเสน่ห์ในความเก่าขลังของโบราณสถานในจังหวัดเพชรบุรี เริ่มตั้งแต่ วัดลาดศรัทธาราม ที่บ้านลาด ริมแม่น้ำเพชรบุรี ที่นี่เราจะได้ชมความงามของอุโบสถเก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ ผู้เขียนเดินรอบอุโบสถเพื่อชมความงามของลวดลายปูนปั้นตามซุ้มประตูและหน้าต่าง รวมถึงหน้าบรรณที่เป็นปูนปั้นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑยุคนาค ซึ่งแม้จะเดินทางผ่านเวลามาแสนนาน แต่ลวดลายตลอดจนสีสันที่คงอยู่ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หากสภาพสมบูรณ์จะงดงามขนาดไหน แต่ก็รู้สึกอดห่วงไม่ได้ เพราะปัจจุบันตัวอุโบสถมีสภาพชำรุดทรุดโทรมมากทีเดียว

จากนั้นเราเดินทางย้อนกลับเข้ามาในเมือง เพื่อมาที่วัดสระบัว ซึ่งตั้งอยู่ที่คลองกระแชง ไม่ไกลจากบริเวณด้านหนัาทางเข้าเขาวัง ที่นี่ เราะจะได้ชมอุโบสถเก่าที่ภายในมีลวดลายปูนปั้นโบราณ ตัวอุโบสถมีรูปทรงอ่อนโค้งเหมือนเรือสำเภา จากข้อมูลที่ทราบคือ สถาปัตยกรรมของอุโบสถแห่งนี้เป็นเหมือนตอนแรกเมื่อสร้างวัด และยังไม่เคยผ่านการบูรณะมาก่อนเลย ดังนั้น หากเราต้องการชมศิลปะอยุธยาแบบแท้ๆ ที่ไม่มีการเสริมเติมแต่ง ต้องมาชมที่วัดสระบัวแห่งนี้

นอกจากทั้งสองวัดที่กล่าวมาแล้ว ยังมีวัดเกาะ ซึ่งตั้งอยูบริเวณหัวถนนพานิชเจริญ เป็นอีกวัดที่ควรค่ากับการมาเที่ยวชม เพราะเป็นวัดเก่าสมัยอยุธยาอีกแห่งที่มีจุดเด่นคือ ภาพเขียนเก่าแก่ จิตรกรรมบนฝาผนังทั้ง 4 ด้านภายในอุโบสถที่มีอายุกว่า 300 ปี แต่ยังคงทำหน้าที่อวดสีสันและความสวยงามของฝีมือช่างวาดในอดีตให้คนรุ่นหลังได้ชมกัน

จิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถวัดเกาะ

ตลอดแนวถนนพานิชเจริญ ยังมีความน่าสนใจ เพราะเป็นย่านการค้าสำคัญในอดีตของเมืองเพชรบุรี จึงมีบ้านเรือนเก่าตั้งอยู่เรียงรายตลอดทาง และเปิดบ้านรอต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้าชม ไม่ว่าจะเป็นบ้านทำขนมครูปราณี , บ้านของช่างทองโบราณ, บ้านโบราณจันทเพ็ญ เป็นต้น และเมื่อถึงเวลาช่วงเย็นของทุกวันเสาร์ ถนนพานิชเจริญ ก็จะเปลี่ยนเป็นถนนคนเดิน โดยปิดถนนให้ชาวบ้านนำของมาตั้งร้านขาย ทั้งอาหาร ของกิน สินค้า ของที่ระลึกต่างๆ ตลอดจนมีการการแสดงศิลปรวัฒนธรรม และกิจกรรมต่างๆ สร้างความเพลิดเพลินใจในยามเย็นแก่ผู้มาเดินเที่ยวชม โดยถนนคนเดินจะเริ่มเปิดตั้งแต่เวลาห้าโมงเย็นยาวไปจนถึงสามทุ่มของทุกวันเสาร์

แทนที่จะนึกถึงแต่ชะอำ หรือเป็นทางผ่านขับรถข้ามไปประจวบฯ ในตัวจ.เพชรบุรี ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปอยู่มากมาย หากใครชอบเที่ยววัด อยากชมศิลปะอยุธยาแท้ๆ ขอแนะนำให้แวะมาเที่ยวชมวัดเก่าที่นี่ รับรองว่าต้องรู้สึกอิ่มเอมใจแน่นอน หรือหากมีเวลา ก็สามารถแวะเที่ยวชมสวนตาลลุุงถนอม ที่จะเห็นต้นตาลเป็นดงตาล พร้อมกับชมการสาธิตปีนต้นตาล และแวะอุดหนุนสินค้าของชาวบ้านได้อีกด้วย

“สาระ ล่ำซำ” รับรางวัล Executive Champion of the Year ตอกย้ำภาพผู้นำธุรกิจประกันชีวิตที่แข็งแกร่งและโดดเด่นของเอเชีย

0

เมืองไทยประกันชีวิต ปลื้มนายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) รับรางวัล “Executive Champion of the Year” ในงาน 9th Asia Trusted Life Agents & Advisers Awards 2024 นับเป็นการรับรางวัลดังกล่าวเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งจัดโดยนิตยสาร Asia Insurance Review และ Asia Advisers Network   

รางวัล Executive Champion of the Year” เป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้บริหารองค์กรธุรกิจประกันชีวิตที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในด้านการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เปิดกว้างรับฟังไอเดียใหม่ และมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยหลักเกณฑ์ของผู้ที่ได้รับรางวัลมาจากการคัดเลือกผู้ประกอบการชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย และผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญ และผู้บริหารในระดับแนวหน้าของเอเชีย รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย

ทั้งนี้ นายสาระ ล่ำซำ เป็นผู้บริหารเพียงรายแรกและรายเดียวจากธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลประเภท “Executive Champion of the Year 2024” แห่งภูมิภาคเอเชียในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการรับรางวัลดังกล่าวเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งที่ 1 รับรางวัลในปี 2019 การได้รับรางวัลอันทรงเกียรติดังกล่าวสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของการเป็นผู้นำที่มุ่งมั่นนำพาธุรกิจประกันชีวิตและบริษัท สามารถก้าวตามการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล โดยนำเทคโนโลยีใหม่มาสร้างนวัตกรรมเพื่อสนองความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน อีกทั้งยังเล็งเห็นถึงความสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการพัฒนาช่องทางการขายผ่านตัวแทนให้เป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานระดับสากล อาทิ คุณวุฒิ MDRT ที่สะท้อนถึงความเป็นเลิศในการขาย และคุณวุฒิ GAMA ที่มุ่งเน้นทักษะการบริหารทีมและการสร้างทีมงานคุณภาพ เป็นต้น

นายสาระ ล่ำซำ กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าทุกคนมีความต้องการและแรงบันดาลใจที่แตกต่างกันเพื่อความมั่นคงในชีวิต การใช้การเล่าเรื่องจากประสบการณ์ของแต่ละคน เพื่อทำให้ลูกค้าตระหนักถึงความสำคัญของประกันชีวิต จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ “ชิลด์ไลฟ์” ที่เน้นการคุ้มครองที่ครอบคลุม ซึ่งคำว่า “ชิลด์” ไม่เพียงหมายถึงการป้องกัน แต่ยังสื่อถึงคำในภาษาไทยที่มีความหมายว่า ‘ผ่อนคลาย’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความง่ายดายและความสะดวกสบาย”

สำหรับในปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์นี้ให้ความคุ้มครองเต็มรูปแบบสำหรับการดูแลในบ้านพักคนชรา ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของสังคมผู้สูงอายุในประเทศไทยที่ต้องการความมั่นคงทางการเงินหลังเกษียณ ภายใต้การขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมของคุณสาระ และได้รับการสนับสนุนจากความร่วมมือกับบ้านพักคนชราชั้นนำทั่วประเทศ ทำให้ผลงานการขายสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพและโรคร้ายแรง เติบโต 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และอยู่ในอันดับที่ 2 ของภาคธุรกิจ

นอกจากนี้ ในปี 2023 บริษัทมีตัวแทนที่สามารถพิชิตคุณวุฒิ MDRT จำนวน 325 คน เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน และมีตัวแทนที่ได้รับการรับรองคุณวุฒิ GAMA จำนวน 152 คน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสัดส่วนของตัวแทนที่มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้น ส่งผลให้คะแนน NPS หรือคะแนนการมีส่วนร่วมของลูกค้า ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 58 คะแนน เพิ่มขึ้น 17 คะแนนจากปีก่อนหน้า คิดเป็นการเติบโต 23%

บจ. mai รายงานผลดำเนินงาน 6 เดือน ปี 2567 ยอดขายรวม 104,296 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 6,101 ล้านบาท

0

บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 2567 มียอดขายรวม 104,296 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% ต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 5.6% และ 4.1% ตามลำดับ ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 44.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 212บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 221 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงาน โดย 6 เดือน ปี 2567 พบ บจ. รายงานกำไรสุทธิจำนวน 152 บริษัท คิดเป็น 72% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

ประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ mai

ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 2567 ของ บจ. mai เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขาย 104,296 ล้านบาท และต้นทุนขาย 76,217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% และ 5.6% ตามลำดับ ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้น 28,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6% และมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 19,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงาน 8,352 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 6,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.8% และ 80.5 % ตามลำดับ ซึ่งหากไม่นับรวมบริษัทจดทะเบียน 5 อันดับแรก ที่มีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นจากการ Turn around กำไรสุทธิจะเป็น 4,949 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.8% อย่างไรก็ตาม งวด 6 เดือน ปี 2567 บจ. มีความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น โดยพิจารณาจาก Gross Profit Margin Operating Profit Margin และ Net Profit Margin อยู่ที่ระดับ 26.9% 8.0% และ 5.7% เพิ่มขึ้น 1.4% 2.0% และ 2.3% ตามลำดับ
“ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปี 2567 ของ บจ. ใน mai ปรับตัวดีขึ้น บจ. มีการควบคุมทั้งต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมาตั้งแต่ไตรมาสแรกในปีนี้ ทำให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น และหากพิจารณารายกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่ายอดขายเติบโตในเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ยกเว้นกลุ่มทรัพยากรที่มียอดขายลดลงเล็กน้อย แต่หากพิจารณากำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิ เกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น มีเพียงกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มเทคโนโลยีที่มีกำไรลดลง” นายประพันธ์กล่าว

ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 333,749 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากสิ้นปี มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 0.76 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 2566 ที่เท่ากับ 0.77 เท่า

ปัจจุบันมี บจ.ใน mai 221 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2567) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 329.40 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 337,943 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 1,639 ล้านบาทต่อวัน

เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ของบจ. ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและน้ำมัน

0

บริษัทจดทะเบียน (บจ.) รายงานผลการดำเนินงานงวดหกเดือนแรกปี 2567 มีรายได้และกำไรสุทธิเติบโต ขับเคลื่อนจากการท่องเที่ยวที่สร้างมูลค่าเพิ่มไปสู่ธุรกิจภาคบริการ อุปโภคบริโภค อีกทั้งกลุ่มธุรกิจน้ำมันได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) จำนวน819 บริษัท คิดเป็น 95.7% จากทั้งหมด 856 บริษัท (รวม SET และ mai ที่มีกำหนดส่งงบการเงิน ณ สิ้นงวด 30 มิถุนายน 2567 และไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน) นำส่งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 631 บริษัท คิดเป็น 77.05% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ

ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 เติบโตต่อเนื่อง โดย บจ. ใน SET มียอดขายเพิ่มขึ้น 8.4% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2567 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน บจ. ใน SET มียอดขาย 8,964,883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% ขณะที่ต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเพียง 4.9% และ 6.0% ทำให้ บจ. มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) 922,736 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 519,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% และ 9.7% ตามลำดับ สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ 30 มิถุนายน 2567 บจ. ไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E ratio (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ในระดับคงที่ที่ 1.51 เท่า

“การท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ บจ. ภาคธุรกิจการบริการและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมีกำไรดีขึ้น เช่น อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภค โรงแรม การบิน พื้นที่เช่า ค้าปลีก โรงพยาบาล และโทรคมนาคม อีกทั้งราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ธุรกิจน้ำมันปรับดีขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ในครึ่งแรกของปี 2567 บจ. มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิเติบโตได้ดี อย่างไรก็ดี ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างได้รับผลกระทบจากปริมาณงานภาครัฐ และเอกชนที่ลดลง” นายภากร กล่าว

ผลประกอบการอัตราการเติบโตเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (%yoy)
 ยอดขายกำไรจากการดำเนินงานกำไรสุทธิ
บจ. ทั้งหมดใน SET6.3%18.7%9.7%
– บจ. ธุรกิจทั่วไป5.0%16.3%9.5%
– บจ. ธุรกิจน้ำมัน7.8%22.1%10.3%
บจ. ทั้งหมดใน mai7.7%44.8%80.5%

ด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) งวด 6 เดือนแรกปี 2567 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เติบโตไปในทิศทางเดียวกับ บจ ของ SET โดย บจ. มียอดขายรวม 104,296 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% ขณะที่ต้นทุนการผลิต และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารควบคุมได้ดี ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงาน 8,352 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 6,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.8% และ 80.5% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ซึ่งหากไม่นับรวมบริษัทจดทะเบียน 5 อันดับแรก ที่มีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นจากการ Turn around กำไรสุทธิจะเป็น 4,949 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.8%

ปปง. ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ยกระดับความร่วมมือในการป้องปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์

0

สำนักงาน ปปง. ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ยกระดับความร่วมมือในการป้องปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ อันเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อตัดวงจรการประกอบอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ และเพื่อสนับสนุนให้การดำเนินการบังคับใช้กฎหมายและการทำงานร่วมกันของแต่ละหน่วยงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อันจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทยให้แก่ผู้ลงทุน สำหรับพิธีลงนามบันทึกความตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานในครั้งนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามดังกล่าว ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วย

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้กล่าวถึงการลงนามบันทึกความตกลงในวันนี้ว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในนามของหน่วยบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มีบทบาทต่อตลาดทุนในแง่ของทั้งการเป็นหน่วยกำกับดูแลบรรดาบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมต่าง ๆ ขณะเดียวกัน ก็เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิดมูลฐานที่เกิดขึ้นในตลาดทุนด้วย การดำเนินการกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทั้งการปั่นหุ้น หรืออินไซเดอร์ เทรดดิ้ง (Insider Trading) เราจะได้รับการประสานจากสำนักงาน ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์โดยตรงถึงข้อมูลของการกระทำความผิด รวมถึงข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งทำหน้าที่เป็นด่านแรกในการตรวจสอบราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นว่ามีความผิดปกติหรือไม่ จากนั้นสำนักงาน ปปง. จึงจะรับช่วงต่อในส่วนของการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินเพื่อนำไปสู่การดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินต่อไป ทั้งนี้ ภายใต้กรอบกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลต่าง ๆ ถูกมองจากผู้ลงทุนว่าทำงานล่าช้า จนส่งผลให้ไม่สามารถป้องปรามอาชญากรรมในตลาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของตลาดทุนไทย ส่วนหนึ่งอาจเนื่องจากความผิดมีความซับซ้อนและมีธุรกรรมจำนวนมาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสำนักงาน ปปง. จึงต้องพิจารณาดำเนินการอย่างรอบคอบ ภายใต้กรอบกฎหมาย เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาคธุรกิจ

การลงนามบันทึกความตกลงในวันนี้ จึงเป็นสิ่งยืนยันให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า ในอนาคตหากมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับซื้อขายหลักทรัพย์เกิดขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพร้อมประสานข้อมูลระหว่างกัน และลดความซ้ำซ้อนในกระบวนการทำงาน รวมถึงการส่งไม้ต่อระหว่างหน่วยบังคับใช้กฎหมายภายใต้กรอบกฎหมายของตนเพื่อการทำงานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น

ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดทุนเป็นศูนย์กลางในการระดมทุนจากประชาชนซึ่งเป็นผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก อาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในตลาดทุน นอกจากจะสร้างความเสียหายต่อผู้ลงทุนโดยตรงแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอีกด้วย โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีคดีใหญ่ ๆ เป็นที่สนใจของผู้ลงทุนเกิดขึ้นในตลาดทุนหลายคดี ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมากและมีผลกระทบในวงกว้าง และโดยที่ในโอกาสแรกที่ได้เข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการ ก.ล.ต. ผมมีความตั้งใจว่า ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการยกระดับความเชื่อมั่นในตลาดทุนคือการดูแลธรรมาภิบาล ซึ่งจะต้องมีกลไกกำกับดูแลที่ชัดเจนและทันต่อเหตุการณ์ และมีนโยบายที่จะให้ความสำคัญกับการป้องปราม และบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดในตลาดทุนให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วเท่าทันกับสถานการณ์ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุนได้ จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นการประสานความร่วมมือของทั้ง 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายในตลาดทุน โดยการร่วมลงนามนี้เป็นก้าวสำคัญในการที่จะทำให้การปฏิบัติของหน่วยงานต่าง ๆ มีช่องว่างที่ลดลง เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายยิ่งขึ้น

ศาสตราจารย์ ดร. พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงาน ปปง. และตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างต่อเนื่อง โดยมีบันทึกข้อตกลงแบบทวิภาคีระหว่าง ก.ล.ต. กับสำนักงาน ปปง. และ ก.ล.ต. กับตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการบังคับใช้กฎหมายระหว่างกัน ทั้งนี้ การกระทำความผิดเกี่ยวกับการกระทำไม่เป็นธรรมในการซื้อขายหลักทรัพย์ ตลอดจนความผิดเกี่ยวกับการยักยอกหรือฉ้อโกงหรือประทุษร้ายต่อทรัพย์หรือกระทำการทุจริตตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 อันเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน จึงคาดหวังว่าการร่วมลงนามในบันทึกความตกลงระหว่าง 3 หน่วยงานในครั้งนี้ จะช่วยให้การป้องปรามและบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น ผ่านความร่วมมือระหว่างกันทั้งด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล การประสานงาน และการพิจารณาจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันในกรณีที่จำเป็น รวมทั้งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดทุน และมีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศต่อไป

ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของการจัดทำบันทึกความตกลงระหว่างสำนักงาน ปปง. สำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า เนื่องจากเรื่องระยะเวลาการดำเนินการกับผู้กระทำความผิดเป็นเรื่องหนึ่งที่ควรจะต้องเร่งดำเนินการ คือ การลดความซ้ำซ้อนในกระบวนการทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย เช่น ถ้าสามารถที่จะแลกเปลี่ยนหรือแชร์ข้อมูลระหว่างหน่วยงานได้โดยรวดเร็ว และไม่ต้องจัดทำข้อมูลเดียวกันซ้ำ ๆ น่าจะช่วยลดระยะเวลาดำเนินการตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมายได้ รวมถึงการใช้กระบวนการทางกฎหมาย ปปง. เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในคดีที่่มีผลกระทบต่อสังคมและผู้ลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเห็นว่าจะทำให้สามารถดึงความเชื่อมั่นจากผู้ลงทุนกลับมาได้ และป้องปรามให้ผู้ที่คิดจะกระทำความผิดเกิดความเกรงกลัว ดังนั้น พิธีลงนามบันทึกความตกลงระหว่างสำนักงาน ปปง. สำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันนี้ จึงเป็นไปเพื่อประสานความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ อันเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้สามารถดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำความผิดได้อย่างรวดเร็วและเข้มข้นมากขึ้น

ดร. ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียนในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อป้องปรามและสนับสนุนให้มีการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำความผิดอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มีต่อตลาดทุนไทย ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการหารือและประสานการทำงานร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. สำนักงาน ปปง. รวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด อันนำมาสู่การลงนามบันทึกความตกลงของทั้ง 3 หน่วยงาน เพื่อประสานความร่วมมือในการป้องปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ในวันนี้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการกำกับดูแลตลาดทุนไทย โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ เชื่อมั่นว่า การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำไปสู่การเสริมสร้างความเข้มแข็งของตลาดทุนไทยได้อย่างยั่งยืนต่อไป

หุ้นเศรษฐกิจใหม่

0

“รู้เก็บรู้ออมฯ ” โดย คุณนายพารวย

ถึงตอนนี้ประเทศไทยก็ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ รวมถึงอาจพอเห็นโฉมหน้ารัฐบาลชุดใหม่กันแล้ว หลายคนคาดหวังที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นไปในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะเรื่องสำคัญคือ นโยบายในการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

นักลงทุนไทยอาจมีความหวังขึ้นมาบ้าง หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบันมีสภาพชวนท้อแท้ ทั้งดัชนีราคาตลาดหุ้นที่ลดลง และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น การมองหาสิ่งใหม่ๆที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง จึงเป็นความหวังของนักลงทุนท่ามกลางความท้าทายอีกครั้ง

SET investnow ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับธีมการลงทุนในเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ว่า จะเป็นสิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจในเรื่องเทรนด์การลงทุนตลอดจนวิธีคิดและรูปแบบการทำธุรกิจที่จะเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วง 3–5 ปีต่อจากนี้ ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญของการมองหาหุ้นในธีมเศรษฐกิจใหม่

ตัวอย่างธุรกิจในกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ในไทย เช่น ตลาด Cybersecurity ซึ่งเติบโตท่ามกลางความจำเป็นต้องลงทุนด้านข้อมูลและการปกป้องข้อมูลของหน่วยงานเอกชนและภาครัฐ, การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ในอุตสาหกรรมโรงพยาบาลและโรงแรม ซึ่งจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางมาใช้บริการทางการแพทย์, บริการ Cloud ที่เข้ามาทดแทนบริการแบบดั้งเดิม เนื่องจากความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการข้อมูล

นอกจากนี้ แนวโน้มใหญ่ หรือ Megatrend ที่เกิดขึ้นทั่วโลกอย่าง Generative AI ทำให้ AI เข้ามาในสินค้าไอทีมากขึ้น กลายเป็นโอกาสของธุรกิจไทย ด้านค้าปลีกและค้าส่งสินค้าไอที นักลงทุนจึงต้องทำการบ้าน เพื่อมองหาหุ้นที่จะได้ประโยชน์ เช่น หุ้น HANA, CCET, SYNEX, SIS, COM7 และ ADVICE รวมถึง DR หรือ DRX ที่ลงทุนในหุ้น หรือกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศที่ลงทุนในกลุ่ม Memory, อุปกรณ์ระบายความร้อน หรือกลุ่มพลังงานสะอาดที่จะได้รับประโยชน์จากสินค้า AI ด้วย

อย่างไรก็ตาม ธีมการลงทุนในเศรษฐกิจใหม่เป็นเรื่องการคาดการณ์การเติบโตในอนาคต นักลงทุนจึงต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและติดตามผลประกอบการที่เกิดขึ้นจริง มองหาปัจจัยสนับสนุนการเติบโต ตลอดจนประเมินความเสี่ยงและปัจจัยอื่นๆให้ดี

นักลงทุนที่อยากศึกษาเทรนด์การลงทุนใหม่ๆให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลง ช่วงปลายเดือน ส.ค.นี้ จะมีงาน Thailand Focus 2024 : Adapting to a Changing World จัดโดยตลาดหลักทรัพย์ฯร่วมกับ บล.ชั้นนำอย่าง ดีบีเอส วิคเคอร์ส, เกียรตินาคินภัทร ร่วมด้วย Bank of America Securities และทิสโก้ ร่วมด้วย Jefferies ระหว่างวันที่ 28–30 ส.ค.67 ที่โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก ผู้สนใจสามารถรับชมงานสัมมนาวันแรก 28 ส.ค. แบบสดๆ เวลา 09.00–16.00 น. ผ่านทุกช่องทางออนไลน์ของ SET Thailand ทั้ง Website, Facebook และ Youtube รายละเอียดเพิ่มเติม www.set.or.th/thailandfocus

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

สมุทรปราการ ประสานพลัง ทัพบก ราชทัณฑ์​ จิตอาสาร้อยเอ็ด ซีพีเอฟ ลงพื้นที่ลุยจับหมอคางดำทำปลาร้า

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด​ หรือ ซีพีเอฟ สนับสนุนกรมประมงขจัดและควบคุมปลาหมอคางดำใน 12 จังหวัด  รับซื้อทำปลาป่นแล้วกว่า 750,000 กิโลกรัม ยังเดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจจับปลาออกจากแหล่งน้ำอย่างต่อเนื่อง  พร้อมลงพื้นที่รวมพลังกับจังหวัดสมุทรปราการ กรมประมง กองทัพบก กรมราชทัณฑ์ ปฏิบัติการจับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำในพื้นที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ กองทัพบกบางปู พร้อมมีอาสาสมัครกว่า 100 คนเดินทางมาจากจังหวัดร้อยเอ็ดร่วมทอดแหจับปลานำไปทำปลาร้า หนุนประชาชน “กิน” พิชิต “หมอคางดำ”

นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานในกิจกรรม “ลงแขกลงคลองตัดวงจรการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำเพื่อรักษาสมดุลระบบนิเวศจังหวัดสมุทรปราการ ครั้งที่ 2” โดยมีนายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ รองอธิบดีกรมประมง ร่วมกับอาสาสมัครจากจังหวัดร้อยเอ็ด และเรือนจำกลางสมุทรปราการ ลุยกำจัดปลาหมอคางดำบริเวณแหล่งน้ำพื้นที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ กองทัพบกบางปู ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ สามารถจับปลาหมอคางดำขึ้นมาได้ถึง 1,101 กิโลกรัม อาสาสมัครจากร้อยเอ็ดจะนำปลากลับไปทำปลาร้าต่อไป นอกจากนี้ ปลาที่จับได้ยังถูกส่งต่อให้การยางแห่งประเทศไทยเพื่อผลิตน้ำหมักชีวภาพสำหรับเกษตรกรชาวสวนยาง ส่งโรงงานปลาป่น มอบให้เรือนจำกลางจังหวัดสมุทรปราการใช้ปรุงเป็นอาหารให้ผู้ต้องขัง และแจกจ่ายบริโภคในครัวเรือน

นายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ รองอธิบดีกรมประมง ในฐานะโฆษกกรมประมง เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ กระจายไปในพื้นที่ 19 จังหวัด กิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้มาตรการการควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำของกรมประมง ตั้งเป้าจับให้ได้ไม่น้อยกว่า 5,000 ตัน ซึ่งที่ผ่านมาทุกภาคส่วนได้ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันหยุดวงจรการแพร่พันธุ์ของปลาหมอคางดำในหลากหลายวิธี สำหรับในเดือนสิงหาคมกรมประมงสามารถจับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำได้แล้วกว่า 610,000 กิโลกรัมหรือมากกว่า 600 ตัน

นายสมพร เกื้อสกุล ประมงจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า สมุทรปราการเป็นเมืองแห่งผลผลิตด้านประมง มีกำลังการผลิตสัตว์น้ำประเภทกุ้งทะเล สูงถึง 1,400 ตันต่อปี สร้างมูลค่า 210 ล้านบาท การระบาดของปลาหมอคางดำส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและการประกอบอาชีพของพี่น้องชาวประมงและเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ ที่ผ่านมาจังหวัดสมุทรปราการ มีการจัดตั้งทีมเฉพาะกิจในการออกปฏิบัติการกำจัดปลาหมอคางดำ ส่งผลให้ในขณะนี้สถานการณ์การระบาดของปลาหมอคางดำลดจำนวนลงได้ และการจัดกิจกรรมลงแขกลงคลองอครั้งนี้ เป็นความพยายามในขจัดปลาหมอคางดำสิ้นซาก รักษาสมดุลระบบนิเวศ ได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากประชาชนในพื้นที่และอาสาสมัครจากร้อยเอ็ดมาช่วยกันลงแรงเพื่อจับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำ

ด้านนายอดิศร์ กฤษณวงศ์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานรัฐกิจและเอกชนสัมพันธ์ ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทสนับสนุนกรมประมงจำกัดปลาหมอคางดำโดยเร็วที่สุด บูรณาการขับเคลื่อน 5 โครงการเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ทั้งการร่วมรับซื้อปลาหมอคางดำผลิตปลาป่น การมอบปลานักล่าเพื่อปล่อยลงสู่แหล่งน้ำกำจัดลูกปลาชนิดนี้ตามแนวทางกรมประมง รวมถึงร่วมกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” ในพื้นที่หลายจังหวัด นอกจากสมุทรปราการแล้ว ซีพีเอฟได้ร่วมสนับสนุนการจับปลาใน สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี ระยอง เพชรบุรี นครปฐม ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช รวม 12 จังหวัด และพร้อมขยายความร่วมมือกับจังหวัดอื่นๆ ต่อเนื่อง สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ยังได้รับความร่วมมือจากพันธมิตร แม็คโครจิตอาสา สาขาแพรกษา นำขนมและน้ำดื่มมาแจกให้กับผู้ร่วมกิจกรรมอีกด้วย

ซีพีเอฟแสดงความมุ่งมั่นบูรณาการขับเคลื่อน 5 โครงการเชิงรุกเพื่อร่วมแก้ปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำ ฟื้นฟูระบบนิเวศอย่างจริงจัง ประกอบด้วย โครงการร่วมกับกรมประมงรับซื้อปลาเพื่อทำปลาป่น 2,000,000 กิโลกรัม ที่ปัจจุบันร่วมกับโรงงานปลาป่นในสมุทรสาครจัดซื้อปลาไปแล้วกว่า 750,000 กิโลกรัม โครงการปล่อยปลานักล่า 200,000 ตัว จนถึงวันนี้ปล่อยปลากะพงลงแหล่งน้ำแล้ว 64,000 ตัว รวมถึง โครงการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง นำปลาไปใช้ประโยชน์ เช่น แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร และโครงการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญและมหาวิทยาลัยในการศึกษาวิจัยนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเพื่อตัดวงจรและควบคุมการแพร่พันธุ์ของปลาชนิดนี้ในระยะยาว โดยมีมหาวิทยาลัยแสดงเจตนารมณ์ร่วมโครงการวิจัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยแม่โจ้.

AIS เอาใจสายมู เปิดตัว “เบอร์ตระกูลกวนอู 639” เสริมทัพตลาดเบอร์มงคล โดยแมน การิน

0

AIS ตอกย้ำความเป็นผู้นำตัวจริง ครบ จบ ทุกเรื่องเบอร์มงคล พร้อมเปิดตัว “เบอร์ตระกูลกวนอู 639” ที่มาพร้อมกับกองทัพเบอร์มงคล ช่วยเสริมพลังแห่งชัยชนะ ความมั่งคั่ง และความสำเร็จในธุรกิจ คัดสรรเป็นพิเศษโดย แมน การิน ตอบโจทย์สายมูที่กำลังมองหาเบอร์มงคลเสริมพลังชีวิตแบบรายเดือน ให้ลูกค้าใช้งานดิจิทัลบนโครงข่าย 5G ที่ดีที่สุดของไทย พิเศษในราคาเพียง 199 บาท พร้อมแพ็กเกจรายเดือนขั้นต่ำเพียง 399 บาท/เดือน เท่านั้น

นายคณาธิป ธีรทีป หัวหน้าแผนกงานการตลาดด้านผลิตภัณฑ์และลูกค้าโพสต์เพด AIS กล่าวว่า “ผู้บริโภคสายมูเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความชื่นชอบและหลงใหลกับความเชื่อและความศรัทธาในด้านต่างๆ ซึ่งมีความแตกต่างหลากหลาย โดย AIS มุ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผ่านเบอร์มงคลในหลากหลายรูปแบบผ่านการทำงานร่วมกับกูรูชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องศาสตร์ของตัวเลขในด้านเบอร์โทรศัพท์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น เบอร์มงคล เบอร์สวย เบอร์ที่ได้ผลรวมดี หรือแม้แต่เบอร์ที่เหมาะกับอาชีพต่างๆ

โดยล่าสุดเราได้ร่วมมือกับคุณแมน การิน (แมน แมทจิเชียน) คัดสรรตัวเลขมงคลตระกูลกวนอู สุดเอ็กซ์คลูซีฟ หายาก และมีความหมายโดดเด่นให้ลูกค้าได้เสริมความมงคลในราคาสุดพิเศษ เป็นเบอร์ที่ประกอบไปด้วยเลขเทพเจ้ากวนอูแท้ 639 เป็นเลขกวนอูที่มีความหมายดี เสริมความมงคล เป็นเลขแห่งชัยชนะ ความมั่งคั่ง ร่ำรวย เสริมการงาน หนุนธุรกิจรุ่งเรือง เหมาะกับทุกอาชีพ

นอกเหนือจากเลข 639 แล้ว เรายังขนทัพเลขเบอร์มงคลในกลุ่มตระกูลกวนอูไม่ว่าจะเป็น 936, 369, 963, 396 และ 693 มาให้ลูกค้าเลือกอย่างมากมาย พร้อมให้ทุกคนได้รับพลังและสัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดในทุกมิติ ทั้งโครงข่ายสื่อสารที่เร็วแรงที่สุด สิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์ และงานบริการที่ดีที่สุดจาก AIS”

เป็นเจ้าของเบอร์มงคลตระกูลกวนอู เสริมพลังแห่งชัยชนะและความมั่งคั่งได้ในราคาเพียง 199 บาท พร้อมสมัครแพ็กเกจรายเดือนสำหรับลูกค้าที่เปิดเบอร์ใหม่ ขั้นต่ำ 399 บาท/เดือนเท่านั้น ที่ AIS SHOP, ร้านเทเลวิซ ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือในช่องทางออนไลน์ AIS Online Store ที่มีบริการส่งฟรีถึงบ้าน

สามารถค้นหาเบอร์มงคลที่ต้องการ ได้ที่ https://www.ais.th/consumers/package/postpaid/postpaid-sims