Home Blog Page 67

เปิดพอร์ตถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยปี 67 เพิ่มขึ้น 1.7%

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า SET NOTE เผยแพร่รายงานโดยฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงข้อมูลการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 ของบริษัทจดทะเบียนจำนวน 821 บริษัท ซ่ึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 16.80 ล้านล้านบาท หรือ 97.8% ของมูลค่า หลักทรัพย์รวมทั้งตลาด (Total Market Capitalization) โดยสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้

  •  ข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2567 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย มีมูลค่ารวมกว่า 5.18 ล้านล้านบาท โดยเพิ่มข้ึน 1.37% จากสิ้นปี 2566 โดยมูลค่าการถือครองหุ้นคิดเป็น 30.80% ของ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด
  • กลุ่มอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มบริการ โดยการถือครองหุ้นทั้ง 3 กลุ่มอุตสาหกรรมมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 3.81 ล้านล้านบาท คิดเป็น 73.54% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ
  • หมวดธุรกิจที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON) หมวดธนาคาร (BANK) และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) โดยหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยังคงอยู่ในอันดับ 1 ต่อเนื่องจากสิ้นปี 2566 โดย ณ สิ้นเดือน สิงหาคม 2567 ทั้ง 3 หมวดธุรกิจ มีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 2.78 ล้านล้านบาท คิดเป็น 53.62% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ
  • 75.22% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเป็นการถือครองหุ้นที่อยู่ในองค์ประกอบของ MSCI Thailand Index ใกล้เคียงกับ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566
  • นักลงทุนต่างประเทศที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 10 สัญชาติแรก พบว่า ยังคงเป็นสัญชาติเดียวกันกับปีก่อนแต่มีสลับอันดับ โดยนักลงทุนจากสหราชอาณาจักรมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด ตามมาด้วยนักลงทุนจากสิงคโปร์ ฮ่องกง สวิสเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา ขณะที่อันดับที่ 6 – 10 สลับ อันดับจากปีที่ผ่านมา โดยอันดับที่ 6 คือ เนเธอร์แลนด์ และตามมาด้วยญี่ปุ่น ไต้หวัน ฝรั่งเศส และมอริเชียส ตามลำดับ

AIS ผนึก กสทช., บช.ก, ตำรวจไซเบอร์ และสตช. เปิดยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์”

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ร่วมสนับสนุนการทำงานของภาครัฐ ทุกภาคส่วน อย่างศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้ยุทธการ ระเบิดสะพานโจร ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงภัยที่เกิดจากมิจฉาชีพที่หลอกลวงประชาชน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “โดยวันนี้ AIS ทำงานอย่างสอดประสานเพื่อปกป้องการใช้งานให้กับลูกค้าและคนไทยภายใต้ภารกิจอุ่นใจไซเบอร์ ซึ่งแบ่งการทำงานเป็น 3 ส่วน ทั้งการสนับสนุนการติดตาม จับกุม จากการทำงานด้านวิศวกรรมเครือข่ายของทีมวิศวกรทุกภาคทั่วประเทศ ที่พร้อมอำนวยความสะดวกให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าจับกุมตามแหล่งกบดานของมิจฉาชีพ, การจับสัญญาณ False Base ในย่านชุมชน เป็นต้น รวมไปถึง การเข้าร่วมภารกิจปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน ด้วยการบริหารจัดการกำลังส่งของสัญญาณสื่อสาร เพื่อทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขาดช่องทางที่จะเข้ามาหลอกลวงคนไทย ซึ่งเมื่อจับกุมแล้วเราจะดำเนินการปิดกั้นเบอร์เหล่านั้นทันที

ส่วนต่อมาคือ การรณรงค์ให้ประชาชนยืนยันตัวตนอย่างถูกต้องเมื่อใช้บริการระบบสื่อสาร ไม่นำบัตรประชาชนไปให้มิจฉาชีพสวมสิทธิ์ โดยได้ทำงานร่วมกับ กสทช. ในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างช่องทางในการลงทะเบียนและการตรวจสอบการถือครองเลขหมายผ่าน myAIS app ซึ่งหากพบความผิดปกติ ก็สามารถไป AIS Shop เพื่อตรวจสอบและดำเนินการแก้ไข หรือจะตรวจสอบว่าบัตรประชาชนของเรามีการลงทะเบียนกับมือถือค่ายไหนบ้าง สามารถทำได้ผ่าน app 3 ชั้น ของทาง กสทช. และติดต่อไปยังผู้ให้บริการแต่ละค่ายได้ทันทีเช่นกัน รวมถึงหากต้องการทราบว่าเบอร์นี้ลงทะเบียนไว้กับหมายเลขบัตรประชาชนของท่านหรือไม่ สามารถกด *179*ตามด้วยเลข ID#แล้วโทรออก จากเบอร์นั้น ๆ เพื่อตรวจสอบได้เช่นกันด้วย

และสุดท้ายซึ่งสำคัญไม่ต่างกัน คือ การรณรงค์สร้างทักษะดิจิทัล ให้รู้เท่าทัน และมีภูมิคุ้มกันในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบัน ผ่านโครงการ “อุ่นใจไซเบอร์” ที่มีทั้งหลักสูตรให้เรียนรู้ พร้อมเครื่องมือด้านดิจิทัล อย่าง Digital Health Check ตรวจวัดสุขภาพด้านดิจิทัลของเราว่าอยู่ในระดับไหน, ช่องทางให้แจ้งเบอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 1185 หรือ บริการ AIS Secure Net ที่เป็นเครื่องมือป้องกันภัยไซเบอร์ ด้วยการกรองเว็บไซต์อันตรายทั้งในและต่างประเทศ เป็นต้น โดยพวกเราชาว AIS ขอยืนยันถึงความพร้อมในการสนับสนุนทุกภารกิจของภาครัฐและสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเต็มที่ เพื่อร่วมกันสร้างความมั่นคงทางไซเบอร์ให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม”

ซีพีเอฟ-ซีพี ออลล์ จัดกิจกรรม ‘Celebrate World Egg Day’ รณรงค์คนไทยกินไข่เพื่อสุขภาพ

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ กรมอนามัย แนะ ‘ไข่’ สามารถกินได้วันละฟองตั้งแต่ปฐมวัย เพราะมีคุณประโยชน์ ช่วยเพิ่มไขมันดี HDL สูง ช่วยบาลานซ์โปรตีนที่ร่างกายต้องการต่อวัน เสริมสร้างพัฒนาการอย่างเหมาะสม และมีสุขภาพแข็งแรง ลดความเสี่ยงจากกลุ่มโรค NCDs หรือ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable Disease) สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง หรือมีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ สำหรับปริมาณการกินที่ถูกต้องเหมาะสม

สำหรับ วันไข่โลก หรือ World Egg Day ถูกกำหนดขึ้นตรงกับศุกร์ที่ 2 ในเดือนตุลาคมของทุกปี บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ และ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรม ‘Celebrate World Egg Day กินไข่เสริมโปรตีนดีๆ’ แจกไข่สมุนไพร แบรนด์ CP จำนวน 1,500 ฟอง แก่ผู้บริโภคกลุ่มวัยทำงาน รวมถึงมีบูธถ่ายภาพ จุดแชะ & แชร์คนสุขภาพดี เพื่อสร้างการตระหนักรู้ว่า ไข่ คือ แหล่งโปรตีนที่ดีที่สุดจากธรรมชาติ อุดมไปด้วยสารอาหารที่หลากหลาย เช่น วิตามิน A, B1, B2 และแร่ธาตุต่างๆ ที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ง่ายกว่าอาหารอื่นๆ

ซีพีเอฟ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินตามนโยบายภาครัฐ เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง เริ่มต้นจากการกินโปรตีนดีๆ เช่น ไข่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ที่ชีวิตเร่งรีบ เพิ่มโอกาสในการเลือกมื้ออร่อยกับการต้มในระดับความสุกต่างๆ สร้างความหลากหลาย เข้าได้กับทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็น ความสุกแบบที่คุ้นเคยกับไข่ต้มที่สุกเป็นเนื้อครีม สุกเยิ้มอย่างไข่ลวกลาวา และอีกหลากหลายความสุก เช่น ไข่ต้มยางมะตูม ไข่ออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่น หรือกลุ่มไข่ต้มปอกเปลือก ไข่ต้มสมุนไพร ผ่านกระบวนการและเทคโนโลยีการผลิตแบบอัตโนมัติและควบคุมด้วยหุ่นยนต์ เพื่อคงคุณภาพสม่ำเสมอ มั่นใจในความสะอาด ปลอดภัย พร้อมทั้งราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้

ด้าน ซีพี ออลล์ ผู้จัดจำหน่ายเห็นการเติบโตของการบริโภคไข่ของคนไทยสูงขึ้นมากทุกปี เช่น ผลิตภัณฑ์ไข่แปรรูปพร้อมกินเป็นสินค้าที่ขายดี เนื่องจากสามารถนำมากินคู่กับอาหารอื่นๆ เช่น ข้าวกล่อง สลัด หรือโจ๊ก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพยายามผลักดันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงอาหารคุณภาพดีในราคาที่เอื้อมถึงได้มากที่สุด ในอนาคตร้านเซเว่น อีเลฟเว่น หวังว่าจะเป็น Egg Destination ที่ช่วยให้คนเมืองยุคใหม่ได้เข้าถึงเมนูไข่พร้อมกินในทุกมื้อ

ผลิตภัณฑ์ ‘ไข่ต้ม CP’ ยังมีกิจกรรมดีๆ อีกเพียบ สามารถติดตามข่าวสารเเพิ่มเติมได้ ผ่านช่องทาง Social Media ของทางแบรนด์ ได้แก่ Facebook : CP Brand, Twitter : CPBrand, TikTok : cpbrand_thailand .

ออมสินเอาใจสายออม ออกเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 5 เดือนและ 8 เดือน ดอกเบี้ยรับเต็มไม่เสียภาษี ฝากเลยที่ธนาคารออมสิน

0

🤩 ออมสินจัดโปรฯแรง ให้ดอกเบี้ยเงินฝากสูงพุ่งทะยาน ดอกเบี้ยรับเต็มไม่เสียภาษี กับเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 5 เดือน และเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 8 เดือน ฝากเลยที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ต.ค. 67 เท่านั้น
▶ เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 8 เดือน รับดอกเบี้ยสูง 1.75% ต่อปี (เทียบเท่าเงินฝากประจำ 2.05% ต่อปี)
▶ เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 5 เดือน รับดอกเบี้ยสูง 1.45% ต่อปี (เทียบเท่าเงินฝากประจำ 1.70% ต่อปี)
รายละเอียดเพิ่มเติม > https://fwuj.short.gy/nlJejC

เงื่อนไข

  • เปิดบัญชีขั้นต่ำ 10,000 บาท
  • ฝากเพิ่มครั้งละไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท
  • ฝากได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุด
  • *บุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี ณ ที่จ่าย
  • ถอนหรือปิดบัญชีก่อนครบกำหนด ได้รับดอกเบี้ยเผื่อเรียก
    🔸 เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

AIS – สกมช. ผนึกกำลัง กยศ. ขยายผลหลักสูตร ‘อุ่นใจไซเบอร์’ เสริมทักษะดิจิทัล สร้างภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์

0

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS และ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) พร้อมด้วย กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ร่วมภารกิจสร้างภูมิคุ้มภัยไซเบอร์ เดินหน้าขยายผลการเรียนรู้หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์หลักสูตรการเรียนรู้ด้านทักษะดิจิทัลที่ได้รับรองจากกระทรวงศึกษาธิการให้เป็นไปตามมาตรฐานของหลักสูตรการศึกษาไทยไปยังนักเรียนระดับมัธยมปลายสายสามัญ สายอาชีพ กลุ่มอาชีวศึกษา และนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาผู้กู้ยืม เพื่อให้เยาวชนไทยได้เรียนรู้การป้องกัน รับมือ หรือแม้แต่การลดความเสี่ยงจากการใช้งานดิจิทัลที่อาจมีภัยคุกคามทางไซเบอร์แฝงมาในทุกรูปแบบ พร้อมยังได้สะสมชั่วโมงจิตสาธารณะได้ 3 ชั่วโมง

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “การส่งเสริมการใช้งานดิจิทัลอย่างมีความรับผิดชอบ ถูกต้อง ปลอดภัย และสร้างสรรค์ คือหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของ AIS ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยวันนี้เรามุ่งเป็นแกนกลางของสังคมในการสร้างเครือข่ายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาภัยไซเบอร์ อย่างการพัฒนาหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ หลักสูตรด้านดิจิทัลที่ถูกพัฒนาให้เป็นไปตามมาตรฐานของหลักสูตรด้านการศึกษาไทย ซึ่งครอบคลุมทักษะการใช้งานบนโลกดิจิทัล ได้แก่ Practice ปลูกฝังให้มีความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างถูกต้องและเหมาะสม  , Personality แนะนำการปกป้องความเป็นส่วนตัวบนโลกอออนไลน์, Protection เรียนรู้การป้องกันภัยไซเบอร์บนโลกออนไลน์ และ Participation รู้จักการปฏิสัมพันธ์ ด้วยทักษะและพฤติกรรมการสื่อสารบนโลกออนไลน์อย่างเหมาะสม

โดยที่ผ่านมาเราได้ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อส่งต่อหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ไปยังกลุ่มเป้าหมายของแต่ละองค์กร ซึ่งวันนี้มีคนไทยเข้าเรียนในหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์แล้วกว่า 390,000 คน และครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญผ่านการทำงานร่วมกับ สกมช. และ กยศ. ที่จะเป็นการส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา กลุ่มผู้กู้ยืมจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ได้มีทักษะดิจิทัลรู้เท่าทันทุกภัยไซเบอร์จากการเรียนหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการทำงานอย่างสอดประสานกันในครั้งนี้จะช่วยทำให้เป้าหมายการทำงานของทั้งสามหน่วยงานบรรลุตามวัตถุประสงค์ และจะช่วยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เยาวชนไทยสามารถใช้งานดิจิทัลอย่างเกิดประโยชน์พร้อมอยู่กับโลกดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์”

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกยศ. กล่าวว่า “การทำงานร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และ AIS ในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างความตระหนักรู้ให้นักเรียน นักศึกษาผู้กู้ยืม และเจ้าหน้าที่สถานศึกษาให้มีทักษะรู้เท่าทันภัยคุกคามไซเบอร์ที่แฝงมากับการใช้บนออนไลน์ และยังได้สะสมชั่วโมงจิตสาธารณะเพิ่มเติมได้อีก 3 ชั่วโมง เพราะวันนี้กลุ่มนักเรียน นักศึกษาผู้กู้ยืมต้องมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับกระบวนการกู้ยืมและชำระเงินคืนแบบออนไลน์ผ่านระบบดิจิทัล การมีความรู้ในการรับมือและป้องกันภัยไซเบอร์ จึงเป็นแนวทางหลักที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการโดนหลอกลวงและหยุดภัยไซเบอร์ได้ผ่านหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ที่ได้มาตรฐานรองรับจากกระทรวงศึกษาธิการ และเราเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการยกระดับให้เยาวชนผู้กู้ยืมและบุคลากรของกองทุนฯ มีทักษะพร้อมเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพต่อไป”

พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ กล่าวต่อไปอีกว่า “ภารกิจสำคัญของสกมช.คือการมุ่งมั่นในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ เพื่อยกระดับประเทศให้มีความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ

สกมช. จึงได้เร่งหารือร่วมกับ กยศ. และ AIS บูรณาการร่วมมือระหว่างกัน สนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้หลักสูตรออนไลน์ “อุ่นใจไซเบอร์” ให้แก่นักเรียน นักศึกษา ผู้กู้ยืม กยศ. เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง และสามารถนับชั่วโมงการเรียนรู้เป็นกิจกรรมจิตสาธารณะเป็นจำนวน 3 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นความสำเร็จร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย ในการผลักดันกิจกรรมดังกล่าวให้เกิดเป็นรูปธรรมและถือเป็นการทำงานเชิงรุกในการสร้างการตระหนักรู้ ให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ มีภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์ สามารถปรับตัวในการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพและใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย

ซึ่งการทำงานร่วมกับ กยศ. และ AIS ในครั้งนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่จะช่วยทำให้การทำงานร่วมกับของภาคส่วนต่างๆ เกิดการบูรณาการและใช้ขีดความสามารถร่วมกันในการวางรากฐานด้านความปลอดภัยไซเบอร์  โดยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านภัยไซเบอร์ให้แก่ นักเรียน นักศึกษาผู้กู้ยืมจากกองทุน รวมถึงบุคลากรทางการศึกษาให้รู้เท่าทันและสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

บทเรียนน้ำท่วมภาคเหนือ ถึงเวลาทบทวนมาตรการควบคุมการบุกรุกป่าให้เข้มแข็ง

0

บทความโดย บดินทร์ สิงหาศัพท์ นักวิชาการอิสระด้านสิ่งแวดล้อม

ภาพสายน้ำเชี่ยวสีแดงขุ่นข้นและโคลนที่ถมทับบ้านเรือนในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และน้ำเอ่อล้นแม่น้ำปิง ที่จังหวัดเชียงใหม่ขณะนี้ และยังเกิดซ้ำเป็นระลอกที่ 2 นับเป็นอุทกภัยทางภาคเหนือในปี 2567 ครั้งที่รุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สินและความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ยังไม่อาจประเมินมูลค่าได้ขณะนี้ และมวลน้ำกำลังไหลลงสู่ภาคกลางอาจส่งผลกระทบให้น้ำล้นตลิ่งในจังหวัดทางตอนล่างตามลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา จึงต้องเตรียมการป้องกันกันอย่างเต็มความสามารถไม่ให้เกิดความเสียหายซ้ำรอยทางภาคเหนือ 

นักวิชาการด้านภัยพิบัติท่านหนึ่งประเมินสาเหตุของอุทกภัยครั้งนี้ ว่า เป็นอิทธิพลซูเปอร์ไต้ฝุ่นยางิ ซึ่งนับเป็นพายุที่แรงที่สุดในเอเซียและมีความรุนแรงเป็นอันดับ 2 ของโลกในปีนี้ และลดระดับเป็นพายุดีเปรสชันเมื่อพัดผ่านตอนบนของประเทศไทยในจังหวัดเชียงราย แต่ที่ทำให้อำเภอแม่สายเกิดน้ำท่วมเร็วและแรงครั้งนี้เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณต้นน้ำแม่น้ำสายซึ่งอยู่ในประเทศเมียนมา ที่ปัจจุบันเปลี่ยนจากป่ากลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและเหมืองแร่ ทำให้ประสิทธิภาพการชะลอน้ำลดลง ประกอบกับลักษณะภูมิศาสตร์บริเวณแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก เป็นที่ราบระหว่างหุบเขา ยิ่งเพิ่มความเชี่ยวและความแรงของน้ำเมื่อไหลลงสู่พื้นราบ 

นอกจากนี้ สำนักงานจัดการที่ดินป่าไม้ กรมป่าไม้ ได้รายงานสถานการณ์ป่าไม้ของไทย ว่า พื้นที่ป่าไม้ในภาคเหนือปี 2566-2567ลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 37.98 ล้านไร่ หรือ 63.24% ของภูมิภาค ลดลงถึง 171,143.04 ไร่ จากปี 2565 สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและการขยายตัวของชุมชน รวมถึงปัญหาไฟป่าที่รุนแรงมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ในที่ดินด้านเกษตรกรรม ภาครัฐควรทำการสำรวจข้อเท็จจริงว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อการปลูกพืชไร่ พืชสวน หรือเป็นการเพาะปลูกตามโครงการส่งเสริมการปลูกพืชเพื่อสร้างรายได้ให้ชนกลุ่มน้อยบนพื้นที่สูง รัฐบาลจึงควรมีการทบทวนมาตรการส่งเสริมดังกล่าวอย่างรอบด้าน คัดเลือกพันธุ์พืชและพื้นที่เพาะปลูกอย่างเหมาะสม มีมาตรการควบคุมเข้มงวดให้ปลูกในพื้นที่ที่กำหนด ไม่ขยายพื้นที่เพาะปลูกโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อพืชนั้นมีราคาสูงขึ้น เพื่อรักษาพื้นที่ป่าและสร้างสมดุลอุปสงค์-อุปทานไม่ให้ราคาตกต่ำ จากการเพิ่มผลผลิตจนเกินความต้องการของตลาด แต่อย่าโยนบาปให้พืชชนิดใดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพราะเขาหัวโล้นทางภาคเหนือเกิดจากหลายปัจจัย 

หากเราสังเกตน้ำป่าที่ไหลท่วมเมืองครั้งนี้ จะเห็นท่อนไม้ ท่อนซุงไหลมากับน้ำจำนวนไม่น้อย นั่นแสดงให้เห็นว่าการลักลอบตัดไม้ทำลายป่ายังมีอยู่ แต่กลับมีการพุ่งเป้าไปที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทั้งที่การซื้อ-ขายวัตถุดิบประเภทนี้ต้องผ่านการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์อย่างเคร่งครัด ต้องไม่มาจากการบุกรุกพื้นที่ป่าหรือการเผาป่า เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์จากโครงการประกันราคาของรัฐบาล หากไม่ปฏิบัติตามหรือไม่มีเอกสารยืนยันความถูกต้องของการเพาะปลูกก็ไม่สามารถขายผลผลิตได้

ที่สำคัญ รัฐบาลต้องจัดสรรที่ดินทำกินให้ประชาชนอย่างเป็นระบบและมีมาตรการควบคุมไม่ให้เผาป่าและบุกรุกป่า ตลอดจนการใช้ประโยชน์บนที่ดินเชิงพาณิชย์ เช่น การสร้างรีสอร์ทบนผืนป่าหรือบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ต้องตรวจสอบเอกสารสิทธิ์อย่างถูกต้องและเข้มงวดทุกจังหวัด เพื่อรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่มีการละเมิดกฎหมายและปลูกป่าทดแทน ซึ่งเป็นการสร้างแนวรองรับน้ำในระยะยาวและลดผลกระทบที่จะเกิดจากภัยพิบัติน้ำท่วมในอนาคต.

วันไข่โลก รักใครให้กินไข่

0

ไข่ไก่ สุดยอดอาหารจากแม่ไก่เมนูประจำบ้าน แนะ วันไข่โลก รักใครให้กินไข่ มุ่งเป้าคนไทยบริโภคไข่ไก่ 300 ฟองต่อคนต่อปี ย้ำผู้ที่มีสุขภาพดีกินไข่ได้ทุกวัน กินได้ทุกวัย

น.สพ.ดร.กิตติ ทรัพย์ชูกุล รองประธานคณะกรรมการโครงการรณรงค์บริโภคไข่ไก่ 300 ฟอง กล่าวว่า วันไข่โลก (World Egg Day) เป็นวันที่เกษตรกรไก่ไข่ทั่วโลก ตั้งใจทำความดีและมอบสิ่งดีๆ ให้กับผู้บริโภค จึงกำหนดให้เป็นวันศุกร์ที่ 2 เดือนตุลาคมของทุกปี ซึ่งปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2567 ซึ่งจะทำความดีพร้อมๆ กัน โดยแต่ละประเทศจะเป็นผู้กำหนดเองว่าจะจัดกิจกรรมความดีตอบแทนผู้บริโภคอย่างไร

น.สพ.ดร.กิตติ ทรัพย์ชูกุล

สำหรับประเทศไทย เราใช้วันไข่โลกเป็นจุดเริ่มต้นรณรงค์ให้คนไทยบริโภคอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับเพศวัย ให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง โดยกำหนดเป้าหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิต ที่ 300 ฟองต่อคนต่อปี เริ่มต้นจาก เอ้กบอร์ด และคณะกรรมการโครงการรณรงค์บริโภคไข่ไก่ 300 ฟอง ร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ กรมอนามัย เกษตรกร พร้อมด้วยหน่วยงานของภาครัฐ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดจัดงานวันไข่โลก จัดขึ้นครั้งแรกในไทย เมื่อปี 2558 ซึ่งขณะนั้นคนไทยกินไข่เฉลี่ยอยู่ที่ 180 ฟองต่อคนต่อปี จนถึงวันนี้เกือบ 10 ปีแล้ว คนไทยมีความเข้าใจในการบริโภคไข่มากขึ้น จากเดิมมองว่าไข่คือผู้ร้าย จนถึงวันนี้มีการบริโภคได้อย่างถูกต้อง บริโภคไข่ไก่อย่างมั่นใจ ทำให้การบริโภคเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 234 ฟองต่อคนต่อปี

ไข่ไก่ เป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง หาซื้อง่าย ราคาถูก เป็นอาหารคู่ครัว ทำอาหารได้หลากหลายเมนูทั้งคาวและหวาน มีโปรตีน ไขมันดี วิตามิน แร่ธาตุครบถ้วน มีสารอาหารสำคัญบำรุงสมอง ดวงตา และหัวใจ ที่ไม่สามารถกินอาหารอื่นทดแทนได้ เช่น โคลีนในไข่แดง ป้องกัน อัลไซเมอร์ อีกทั้ง ไข่ขาว ยังเป็นโปรตีนคุณภาพสูงที่สุด เป็นมาตรฐานโปรตีนที่ดี เหมาะกับทุกคน ทั้งเด็กในวัยเจริญเติบโต คนทำงานต้องการพลังงาน รวมถึงผู้รักสุขภาพ ออกกำลังกาย ดูแลมวลกล้ามเนื้อ ปั้นหุ่น

สำหรับความเข้าใจที่ว่า ไข่ไก่ ทำให้คอเลสคอเลสเตอรอลสูง เป็นต้นเหตุของปัญหาหลอดเลือดอุดตัน เป็นความเข้าใจผิด โดยความจริงที่มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศพบว่า การบริโภคไข่ไก่แล้วทำให้คอเลสเตอรอลเพิ่มขึ้นจริงแต่เป็นชนิดที่ดี (HDL) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และช่วยลดอัตราการเกิดเส้นเลือดอุดตันได้ด้วย แนวทางการลดคอเลสเตอรอล คือการทำให้ร่างกายแข็งแรง ควบคู่กับการออกกำลังกาย งดอาหารทอด ของหวาน ของมันกะทิ สุขภาพร่างกายจะดีขึ้น เพราะปริมาณคอเลสเตอรอล 80% มาจากการสร้างของตับ และอีก 20% มาจากอาหารที่รับประทาน ซึ่งความจริงของไข่ไก่ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพนี้ได้รับการพิสูจน์มาแล้ว และเปิดเผยอย่างแพร่หลาย

คำแนะนำในการบริโภคไข่ไก่ที่เหมาะสมตามเพศและวัย ตามคำแนะนำของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เริ่มตั้งแต่ วัยทารก 6 เดือน บดไข่ต้มวันละครึ่งฟอง ทารก 1 ขวบสามารถบริโภคไข่ได้ทั้งฟอง เด็กวัยเรียน วัยรุ่น คนทำงาน ผู้สูงอายุสุขภาพดี และหญิงตั้งครรภ์ให้นมบุตร บริโภคได้ทุกวัน วันละ 1 ฟอง ส่วนกลุ่มผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ความดันโลหิต ไขมันในเลือดสูงและเบาหวาน บริโภคได้วันเว้นวัน ไม่ควรเกิน 3 ฟองต่อสัปดาห์ หรือกินตามคำแนะนำของแพทย์ ควรบริโภคอาหารให้หลากหลายครบทั้งห้าหมู่

ปัจจุบันระบบการเลี้ยงไก่ไข่ของไทย เป็นระบบมาตรฐานตลอดกระบวนการการผลิต เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคมากที่สุด ตั้งแต่ ต้นน้ำ เป็นระบบฟาร์มมาตรฐาน กลางน้ำ เป็นโรงคัดไข่มาตรฐาน สู่จุดจำหน่ายไข่มาตรฐาน โดยกรมปศุสัตว์ จะมีการตรวจสอบและมอบตราสัญญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK” ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อไข่ไก่มาตรฐานได้จากการสังเกตตราสัญญลักษณ์ดังกล่าว

ในการเลือกซื้อไข่ไก่ แนะนำให้เลือกซื้อไข่ไก่ในปริมาณที่พอดีต่อการบริโภค ไม่จำเป็นต้องซื้อไปเก็บ เพราะไข่ไก่ยิ่งสดยิ่งมีคุณภาพสูง โดยทั่วไป ไข่ไก่มีอายุที่ประมาณ 15 วัน จากวันผลิต หากเกินจากนั้น จะทำให้ไข่เสื่อมคุณภาพ โปรตีนลดลง

สำหรับผู้ที่ซื้อไข่ในตลาดสดที่ไม่มีวันหมดอายุระบุ อาจต้องเลือกจากฟองไข่ จากลักษณะภายนอก เปลือกไม่มีรอยแตกร้าว ไม่ผิดรูป ไม่เปรอะเปื้อน และไข่ไก่ที่สดจะมีนวลไข่ ส่วนการเก็บรักษาให้เก็บในตู้เย็น โดยให้ด้านแหลมลง ด้านป้านขึ้น จะช่วยทำให้เก็บไข่อยู่ได้นานขึ้น ถึง 1 เดือน

วิธีการปรุงไข่ที่ดีที่สุดได้ประโยชน์สูงสุด เหมาะสมกับการบริโภค คือไข่ต้ม เพราะไม่มีไขมันจากน้ำมัน และควรบริโภคไข่สุก ไม่ควรบริโภคไข่ขาวดิบเพราะร่างกายไม่สามารถย่อยและดูดซึมได้เต็มที่

น.สพ.ดร.กิตติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดการอุตสาหกรรมไก่ไข่เป็นต้นแบบของแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง สามห่วงสองเงื่อนไขบนพื้นฐานของความรู้วิชาการและคุณธรรม ได้แก่ มีปริมาณไม่มากไป ไม่น้อยไป มีภูมิคุ้มกัน ประกอบการด้วยเหตุและผล ทำให้เกษตรกรสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ มีระบบดูแลปริมาณการเลี้ยง คุณภาพสินค้า และราคาสู่ผู้บริโภคอย่างเป็นธรรม ทำให้ผู้บริโภคอยู่ได้และเกษตรกรทั้งระบบอยู่ได้ พร้อมย้ำว่า วันนี้ไข่ไก่ไทยได้มาตรฐานโลก มีความปลอดภัย สามารถแนะนำให้ทุกคนบริโภคไข่ไก่ได้อย่างมั่นใจ “รักใครให้กินไข่ กินไข่ทุกวัน กินได้ทุกวัย” เป็นความมั่นคงทางอาหารและสร้างสุขภาพที่ดีให้กับคนไทยอย่างยั่งยืนและแท้จริง.

ท่องเที่ยวสายน้ำประวัติศาสตร์แห่งคลองภาษีเจริญ

0

คลองภาษีเจริญ เป็นคลองที่ขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เพื่อให้มีเส้นทางน้ำเชื่อมกับแม่น้ำท่าจีนสำหรับขนน้ำตาลและอ้อยจากโรงงานที่ตั้งอยู่แถบสมุทรสาคร โดยใช้ค่าก่อสร้าง 112,000 บาทที่นำมาจากการจัดเก็บภาษีฝิ่น การขุดคลองแล้วเสร็จในสมัยร.5 จัดเป็นเส้นทางน้ำที่มีความสำคัญด้านการค้าในสมัยอดีต คลองภาษีเจริญผ่านการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย จากอดีตที่เป็นเส้นทางสัญจรหลัก ทำให้เกิดชุมชน กิจการต่างๆ เช่น โรงไม้ สวนผลไม้ ตลาดน้ำ จนเมื่อมีมีการตัดถนนเพชรเกษม ทำให้วิถีชีวิตความเป็นอยู่และสภาพสังคมเปลี่ยนไป ผู้คนย้ายจากถิ่นฐานริมคลองเดิมหันมาจับจองพื้นที่ริมถนนแทน อย่างไรก็ตาม ตลอดเส้นทางตามคลองภาษีเจริญ เรายังเห็นร่องรอยของความเจริญและความสำคัญในอดีตที่หลงเหลือตามสายน้ำของคลองภาษีเจริญสายนี้

“ยินดีที่ได้เที่ยว” มีโอกาสดีที่ได้ล่องเรือในเส้นทางคลองภาษีเจริญ โดยมีพาหนะเป็นเรือไฟฟ้า จัดโดยคุณ“อาณัติ ปลอดโปร่ง” เจ้าของเพจเที่ยวฝั่งธนกับคนเล่าเรื่อง ซึ่งจัดทริปท่องเที่ยวคลองเป็นประจำทุกสัปดาห์ หมุนเวียนเปลี่ยนเส้นทางทุกเดือน สำหรับเส้นทางทริปล่องคลองภาษีเจริญครั้งนี้ จะล่องเรือไฟฟ้าแล่นไปแบบเอื่อยๆ ด้วยความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม. จากจุดเริ่มต้นที่ท่าเรือภาษีเจริญ แล่นไปจนถึงสุดเขตกทม. ที่ท่าเรือวัดหนองพะองซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อสัมผัสวิถีชาวบ้านริมคลอง สถานที่สำคัญต่างๆ ตามแนวคลองสายนี้

คลองภาษีเจริญ มีระยะทางวัดจากวัดปากน้ำไปจนถึงกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ยาวประมาณ 26 กม. และทุกๆ ความยาว 4 กม. จะมีการปักเสาหินหลักคลอง รวมแล้วทั้งหมดจำนวน 6 เสา ปัจจุบันมีหลงเหลือให้เห็นอยู่ 2-3 เสา บางเสาก็อยู่ในเขตพื้นที่ของบ้านที่อยู่อาศัย เจ้าของบ้านเองก็ไม่รู้ว่าเสาหินที่เห็นมาตั้งนมนานคืออะไร จนเมื่อมีนักประวัติศาตร์มาสำรวจเส้นทาง จึ่งเพิ่งทราบถึงความสำคัญทาประวัติศาสตร์ของเสาหินดังกล่าว บางเสาหินที่มีสภาพสมบูรณ์ดี ก็เพราะความไม่รู้นี่แหละ ทำให้ชาวบ้านเอาผ้าหลายสีมาผูกล้อมเสา ทำให้ถูกดูแลอย่างดีผ่านกาลเวลาจนมาถึงปัจจุบันในสภาพที่สมบูรณ์กว่าเสาอื่น

เสาหินหลักคลองจะถูกเรียกเป็น หลักหนึ่ง หลักสอง นับตามไปจนครบหกเสา ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเรียกแขวงหลักสอง ในเขตภาษีเจริญปัจจุบันนี่เอง โดยเสาหินหลักคลองหนึ่งถึงสามจะอยู่ในกทม. ส่วนเสาหินหลักคลองตั้งแต่หลักสามถึงหกอยู่ในจ.สมุทรสาคร

ตลอดระยะเวลาที่นั่งเรือล่องคลองภาษีเจริญ เราได้พบกับความสงบมาก เพราะคลองนี้ ไม่ใช่เป็นทางสัญจรนิยมของเรือท่องเที่ยว นานๆ ทีจึงจะเห็นเรือของชาวบ้านแล่นสวนมา จุดแรกที่เราแวะ คือ ท่าเรือวัดนิมมานรดี เพื่อเดินชมบรรยากาศของห้องแถวไม้ของชุมชนตลาดเก่า ซึ่งสมัยก่อน เคยเป็นตลาดน้ำ และชุมทางการค้าที่สำคัญของคลองภาษีเจริญ

เมื่อได้เวลาพอสมควร เราลงเรือเพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายต่อไป ซึ่งเป็นจุดสุดเขตของกทม.ของทริปนี้ นั่นคือ ตลาดน้ำหนองพะอง ที่นี่ เราแวะขึ้นท่าเรือเพื่อพักรับประทานอาหารกลางวัน พร้อมกับมีโอกาสได้อุดหนุนของกิน ขนม ผลไม้ ของชาวบ้านในละแวกนี้

เมื่อได้เวลาเดินทางต่อ เราลงเรือแล่นวกกลับไปในเส้นทางที่มา เพื่อไปยังท่าเรือหนองแขม ชมความงามของ โรงพักเก่า หรือ สถานีตำรวจหนองแขม หลังเก่า ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยปัจจุบัน ถือว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และดูแลรักษาความสวยงามไว้ได้อย่างดีเลยทีเดียว

หลังจากเดินชมความงามของสถานีตำรวจหลังนี้ เราก็ลงเรือเพื่อออกเดินทางต่อไปยังวัดม่วง เพื่อสักการะหลวงพ่อทองคำ ที่สร้างจากทองคำแท้ 90% ในอุโบสถหลังใหม่ที่ว่ากันว่า ใช้เงินก่อสร้างราว 200 ล้านบาทเลยทีเดียว ถือเป็นอุโบสถที่ใหญ่โต และสวยงาม อลังการอย่างมาก

เมื่อได้เวลา เราเดินทางย้อนกลับไปที่วัดอ่างแก้ว เพื่อชมความงามของงานจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างหลวง ที่ซ่อนตัวอยุ่ในวัดราษฎร์แห่งนี้ ส่วนสาเหตุที่ทำไมงานฝีมือช่างหลวงถึงมาอยู่ในวัดชาวบ้านนั้น คุณนัทสันนิษฐานว่า หลวงพ่อที่สร้างวัดแห่งนี้ เป็นเกจิอาจารย์ที่มีคนเคารพศรัทธามาก และเดิมเป็นเจ้าอาวาสวัดนางนอง แต่มีเหตุที่ต้องออกจากวัดมาอยู่วัดโคนอน (ตรงข้ามวัดอ่างแก้ว) แล้วจึงมาสร้างวัดอ่างแก้วหลังจากคลองภาษีฯ ขุดเสร็จประมาณ 8 ปี ด้วยความที่มีพวกขุนนาง พวกพ่อค้า เลื่อมใสในตัวท่าน จึงทำให้มีเงินที่ว่าจ้างช่างที่มีฝีมือมาเขียนจิตรกรรมได้นั่นเอง

อันที่จริง ตลอดเส้นทางคลองภาษีเจริญ มีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมาก ไว้มีโอกาสคงจะได้เดินทางมาอีกครั้งหนึ่ง สำหรับการเดินทางครั้งนี้ เราจบทริปไปด้วยความอิ่มเอมกับการนั่งเรือเที่ยวคลองที่เดินทางแบบไม่เร่งรีบ ปล่อยอารมณ์แบบเนิบๆ ผ่อนคลายดีเลยทีเดียว

เทเลอินโฟ มีเดีย ในเครือ AIS  คว้ารางวัล “The Best Corporate Social Responsibility Contact Center”  

0

บริษัท เทเลอินโฟ มีเดีย จำกัด (มหาชน)  ผู้ให้บริการ เอาท์ซอร์ช คอนแทค เช็นเตอร์ (TMC Outsourced Contact Center) ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการ Call Center อย่างครบวงจรและมีมาตรฐาน ในเครือบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)  นอกจากจะมีเป้าหมายในการร่วมยกระดับขีดความสามารถขององค์กรธุรกิจปัจจุบันแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสทางอาชีพให้แก่กลุ่มคนต่างๆ ในสังคมอีกด้วย โดยล่าสุดได้รับรางวัลจากเวที TCCTA Contact Center Awards 2024 ในรางวัลดีเด่น “Silver Award of The Best Corporate Social Responsibility Contact Center” ประเภทองค์กรที่มีจำนวนมากกว่า 100 ที่นั่ง ประจำปี 2567 จากโครงการ “คอลเซ็นเตอร์ในทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง เพื่อพัฒนาแรงงานและเสริมอาชีพผู้ต้องขังหญิง” ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง   

ทั้งนี้ คุณกมลกานต์ นิลตะสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเลอินโฟ มีเดีย จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า “เรารู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ สมาคม TCCTA เล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างคุณค่าให้กับสังคมผ่านโอกาสที่เท่าเทียมกันในประชาชนทุกกลุ่ม เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีและยั่งยืนให้กับชุมชนและสังคมโดยรวม การได้รับรางวัลนี้เป็นการยืนยันถึงความสำเร็จและความทุ่มเทของบริษัทฯ ในการทำงานเพื่อสังคมอย่างแท้จริง   สำหรับโครงการ Call Center 1188 ในทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง คลอง 5 จ.ปทุมธานี เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 โดยมีผู้ต้องขังเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ และบริษัท เทเลอินโฟ มีเดีย เป็นผู้ฝึกอบรม วางระบบ เตรียมสถานที่ และสนับสนุนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการทำงาน ตลอดจนปรับปรุงทัศนียภาพ และสร้างบรรยากาศการทำงานให้เสมือนสถานที่ทำงานจริง ซึ่งจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่า ผู้ต้องขังมีศักยภาพในการทำงานที่ดี มีพัฒนาการ ความมุ่งมั่น ตั้งใจทำงานไม่ด้อยไปกว่าพนักงานที่อยู่ภายนอก อีกทั้งยังมีสมาธิ สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

 ทั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บริษัท เทเลอินโฟ มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ TMC ได้เข้าร่วมส่งผลงานเข้าประกวดกับทาง สมาคมการค้าธุรกิจศูนย์บริการทางโทรศัพท์ไทย (TCCTA: Thai Contact Center Trade Association) ศูนย์กลางการประสานงาน เผยแพร่ข่าวสารระหว่างบุคคล สถาบัน องค์กร ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจคอนแทคเซ็นเตอร์ทั้งในและต่างประเทศ ผู้จัดงานประกาศรางวัล “TCCTA Contact Center Awards 2024” ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจและศักยภาพ คอนแทคเซ็นเตอร์ไทยให้มีคุณภาพเทียบเท่าสากล โดยแบ่งรางวัลเป็นประเภทองค์กร (Corporate) และประเภทบุคคล (Individual) และมีองค์กรเข้าร่วมเกือบ 30 บริษัท

ตลาดหลักทรัพย์ฯ สนับสนุนงานฟื้นฟูพื้นที่โดนผลกระทบจากน้ำท่วม จ. เชียงราย

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สนับสนุนการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยมีนายกีรติ โกสีย์เจริญ ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารกิจกรรมเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยลงพื้นที่ โดยนำรถไถดินโคลนและรถบรรทุกนำดินออกจากพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในชุมชนเกาะทราย เหมืองแดง อ. แม่สาย จ. เชียงราย

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นความสำคัญในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตชุมชน พร้อมสนับสนุนและช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการช่วยเหลือดูแลในกรณีเร่งด่วนที่เกิดภาวะภัยพิบัติ