Home Blog Page 448

รวยเร็วกับดอกเบี้ยเงินฝากทบต้น

0

#เกรียนพารวย

เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินคำว่า ดอกเบี้ยทบต้น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นด้านหมดเนื้อหมดตัว ปิดร้านหนีหนี้ เพราะดอกเบี้ยทบต้นทบดอกจากเจ้าหนี้นอกระบบเสียมากกว่า

แต่ในความเป็นจริง โลกมีทั้งด้านมืด และด้านสว่าง เหรียญย่อมมีสองด้าน

วันนี้ #เกรียนพารวย จึงจะมาทำความรู้จักกับอีกด้านของพลังดอกเบี้ยทบต้นของเงินฝาก

ก่อนอื่นมารู้จักกับ ดอกเบี้ยเงินฝาก กันก่อน

ซึ่งมีความหมายว่า  ผลตอบแทนที่ผู้ฝากเงินได้รับจากการนำเงินมาฝากไว้กับสถาบันการเงิน

อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก  มักอยู่ในลักษณะร้อยละต่อปี ที่สถาบันการเงินจ่ายให้กับผู้ฝากเงินเพื่อเป็นผลตอบแทนในการนำเงินมาฝากไว้กับสถาบันการเงิน อัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีหลายประเภท หลายอัตรา โดยทั่วไปขึ้นอยู่กับระยะเวลาการฝากเงินและเงื่อนไขการถอนเงิน เช่น อัตราดอกเบี้ยของบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่สามารถถอนเงินได้ตลอดเวลาจะต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน หรือ 6 เดือน

เราจึงควรคำนึงถึงความจำเป็นในการใช้เงิน และผลตอบแทนที่เราต้องการ ก่อนตัดสินใจเลือกฝากเงิน เพื่อที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการฝากเงินนั้น

แล้วก็มาถึง ห้วข้อสำคัญที่เกรียนพารวย อยากให้ผู้อ่านได้รู้จัก นั่นก็คือ ดอกเบี้ยทบต้น

คำกล่าวที่ว่า “ออมก่อน รวยก่อน” นั้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอานุภาพของดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest Rate) ซึ่งพูดให้เข้าใจง่ายก็คือดอกเบี้ยของดอกเบี้ยนั่นเอง  ตัวอย่างเช่น  ฝากเงินกับธนาคาร 10,000 บาท  ธนาคารให้ดอกเบี้ย  5% ต่อปี  เมื่อครบ 1 ปี เงินของเราจะเพิ่มขึ้นเป็น 10,500 บาท (เงินต้น 10,000 บาท บวกดอกเบี้ย 500 บาท) เงิน 10,500 บาทนี้ จะกลายเป็นเงินต้นของปีที่ 2 และเมื่อครบ 2 ปี เงินของเราจะเพิ่มขึ้นเป็น 11,025 บาท (เงินต้น 10,500 บาท บวกดอกเบี้ย 525 บาท) และในปีถัด ๆ ไปดอกเบี้ยของปีนั้นจะถูกทบเข้ากับเงินต้น และกลายเป็นเงินต้นของปีถัดไป เป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ

จะเห็นได้ว่า ส่วนที่เป็นดอกเบี้ยไม่ได้คงที่ที่ 500 บาท แต่เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งเป็นเพราะเงินต้นของเราก็เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปีเช่นกัน เนื่องจากได้เอาดอกเบี้ยของปีก่อนมารวมเข้าเป็นเงินต้นด้วยแล้ว

หากเราๆท่านๆ รู้จักพลังของดอกเบี้ยทบต้นแล้ว ก็หวังว่า จะเลือกถูกฝั่งถูกฝาว่า จะรวยๆๆ กับดอกเบี้ยเงินฝากทบต้น หรือจมธรณี หนีหนี้ กับพลังทำลายของอีกด้าน

โอกาสหน้า จะพาไปรู้จัก ดอกเบี้ยเงินฝ่ากแต่ละประเภทกันนะค่ะ

ขอบคุณ ข้อมูล ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย

ไข้เลือดออกดุ คร่าชีวิตแล้ว 5 ราย

0
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์โรคไข้เลือดออก กำลังแพร่ระบาดมากในช่วงนี้ เนื่องจากมีฝนตกชุกในพื้นที่กรุงเทพฯ ต่อเนื่อง โดยมีรายงานว่า พบผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกแล้ว 5 คนและหลายเขตในกทม.ได้ประกาศเป็นพื้นที่ระบาดแล้ว ได้แก่ เขตหนองจอก ห้วยขวาง บางกะปิ และคลองสามวา จึงกำชับให้สำนักอนามัยเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงดำเนินมาตรการควบคุมอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการฉีดพ่นยาฆ่ายุงเพื่อทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย
ด้าน นพ.เมธิพจน์ ชาตะเมธีกุล ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคติดต่อสำนักอนามัย กทม. เปิดเผยว่า โรคไข้เลือดออกเกิดจากพาหนะยุงลาย ซึ่งในฤดูฝนจะเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคมากที่สุด เนื่องจากมีฝนตกและน้ำขัง ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
 

โดยสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในพื้นที่กรุงเทพฯ ปี 2561 พบผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสมจำนวน 5,899 คน มีผู้เสียชีวิต 5 คน อยู่ในกลุ่มคนวัยทำงาน ส่วนในปี 2560 มีจำนวนผู้ป่วยตลอดทั้งปีรวม 9,368 คน มีผู้เสียชีวิต 6 คน  แนวโน้มผู้ป่วยในปี 2561 มีการคาดการณ์จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น

 
สำหรับพื้นที่เขตหนองจอก เป็นพื้นที่ในระยะ 1 เดือนที่ผ่านมาที่มีผู้ป่วยมากที่สุด เนื่องจากเป็นพื้นที่กว้างและมีแหล่งพื้นที่ริมทาง จุดน้ำขังหลายแห่ง อีกทั้งในชุมชนบางพื้นที่มีการทิ้งขยะหมักหมมในบริเวณบ้าน เมื่อฝนตกเกิดน้ำท่วมขังจึงเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายจำนวนมาก
 
สำหรับมาตราการป้องกัน กทม.ได้เฝ้าระวังควบคุมโรค โดยใช้ทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็วลงดำเนินการสอบสวนการระบาด ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทั้งในบ้านและบริเวณโดยรอบ พ่นสารเคมีกำจัดยุงตัวเต็มวัยในรัศมี 100 เมตรรอบบ้านผู้ป่วย ภายใน 24 ชั่วโมงและจะลงพื้นที่เฝ้าระวังต่อเนื่องไปอีก 5 ครั้งเพื่อให้การควบคุมโรคเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ท่องขึ้นใจ เซลแค่ไหน ไม่ใช้ ไม่ซื้อ แล้วจะรวย

0

@เกรียนพารวย

 

#ถูกแค่ไหน..ลดเท่าไร??

#ถ้าไม่ใช้..ก็ไม่ซื้อ!!!

#ตั้งสติให้ดี..ท่องไว้

#อย่าให้ป้าย SALEปล้นเงินในกระเป๋าเรา

   เคยมั้ย..??  พอเห็นป้ายเซล50%แล้วเป็นต้องกระโจนเข้าใส่ทุกที คุ้ยๆๆๆซื้อๆๆๆ ถ้าซื้อของที่จำเป็นต้องใช้ ไม่ซื้อไม่ได้!! อันนี้เข้าใจได้ว่าของมันจำเป็นต้องซื้อ

 

แต่เคยมั้ย..??? ที่ซื้อๆๆๆ มากองๆไว้เต็มบ้าน ผ่านไป1-2เดือนแล้วก็ยังไม่ได้เอามาใช้ ผ่านไป1-2ปีแล้วก็ยังกองอยู่อย่างนั้นหรือหยิบๆมาใช้หรือถ้าเป็นเสื้อผ้าก็ใส่แค่1-2ครั้ง แล้วไม่ได้ใส่อีกเลย อันนี้เรียกว่า “ไม่จำเป็นต้องใช้” จึงไม่จำเป็นต้องซื้อ!!

 

ไม่ว่าจะลดจนราคาถูกเท่าไร SALE 50% -70% หรือ90%หากซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ ของสิ่งนั้นก็ยังคงแพงอยู่ดี เพราะใช้ไม่คุ้มค่า!! ดังนั้นเมื่อเห็นป้าย SALE!!  SALE!! SALE!! ขอให้ตั้งสติให้ดี..คิดไว้ว่า “ถูกแค่ไหน ลดเท่าไร ถ้าไม่ได้ใช้ ก็ไม่ต้องซื้อเพราะมันแพง!!!!

อย่าให้ป้าย SALE มาขโมยเงินออกจากกระเป๋าเรา…ตามนั้น!!

 

ขอบคุณภาพกราฟฟิกสวยๆจากศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน(ศคง.)แบงก์ชาติและข้อมูลดีๆจากเอกสารประกอบการบรรยายของ อ.อัจฉรา โยมสินธ์

 

อ่านบทความดีอื่นๆ #เกรียนพารวย

ออมก่อนใช้ ลงมือทำได้เลย

เตือนภัยคนเกษียณ โดนหลอก หมดตัวตอนแก่

 

เตือนภัยคนเกษียณ โดนหลอก หมดตัวตอนแก่

0

#เตือนภัยชาวเกษียณ

#มิจฉาชีพหลอก..ชวนเอาเงินมาลงทุน

#ล่อให้ผลตอบแทนสูง..สุดท้ายสูญเงินหมดตัว

 

 สิ้นเดือนกันยายนนี้ คุณพ่อคุณแม่ผู้ใหญ่ในบ้านที่ก้าวสู่วัยเกษียณอาจตกเป็นเป้าหมายของพวกมิจฉาชีพที่จะเข้ามาชักชวนหลอกลวงให้นำเงินเกษียณก้อนสุดท้าย ที่ได้มาไปลงทุนโน่นนี่นั่น

            โดยเอากำไร-ผลตอบแทนสูงๆเข้ามาล่อใจ!! สุดท้ายก็จบลงที่เป็น18มงกุฎหลอกลวง!!

 

            ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน(ศคง.)แบงก์ชาติเตือนภัยชาวเกษียณ ว่าเดี๋ยวนี้มิจฉาชีพมีมุขในการหลอกลวงชักชวนให้ไปเข้าสัมมนาลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ที่การันตีไม่มีเสี่ยงแถมให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งความจริงไม่มีในโลก เพราะยิ่งผลตอบแทนสูงความเสี่ยงก็ยิ่งสูง

            คนวัยเกษียณไม่มีเหตุผลด้วยประการทั้งปวงที่จะนำเงินก้อนสุดท้าย ที่สะสมมาทั้งชีวิตไปลงทุนอะไรที่มีความเสี่ยงสูง เพราะโอกาสที่จะกลับมาหารายได้ให้ได้เหมือนเดิม มีน้อยมาก!!

ใครมาชวนลงทุนอะไรขอให้คิดให้ดี ปรึกษาลูกหลานหรือผู้รู้และนักวางแผนการเงิน หากไม่มั่นใจ ต้องเช็กให้ดีก่อน จะได้ไม่สูญเงินที่เก็บมาทั้งชีวิต

 

            มีข้อสงสัยเรื่องการลงทุน สอบถามที่ ก.ล.ต.โทร 1207หรือศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน(ศคง.) โทร 1213

ออมก่อนใช้ ลงมือทำเลย

0

ก่อนจะผ่านเดือนกันยายน(ก.ย.)ไปสู่เดือน ตุลาคมอย่างเหงาๆ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน(ศคง.)แบงก์ชาติ ชวนพวกเรา “ชาวเกรียน”มาเริ่มต้นลงมือ “ออมเงินให้รวย” ด้วยแนวคิดง่ายๆ ว่าด้วยเรื่องของ ก-ย ไม่ใช่แค่กันยายน มาลงมือทำกันเลย!!

เริ่มด้วยวินัยการในออมเงิน ที่นอกจากต้องยึดหลักสำคัญคือ “ออมก่อนใช้”แล้วต้องยึดหลัก “ก-ย” กันเลย

@เก็บ-แยกบัญชีเงินออมและเงินลงทุน ควรแยกออกจากบัญชีเงินเดือน

@เก็บ-ยาว อดทนต่อสิ่งเย้ายวนใจเพื่อเป้าหมายสำคัญในการออมเงิน

@เก็บ-เยอะ จำนวนเงินต้นที่เริ่มออมจำนวนน้อยไม่ใช่เรื่องแย่ แต่ขอเพียงให้เริ่ม ออมและลงทุนรวมกันอย่างน้อยให้ได้ 10-25%ของรายได้ในแต่ละเดือน

หากเริ่มต้นลงมือทำและปฎิบัติอย่างมีวินัยแล้ว มั่นใจว่า “ชาวเกรียน” อย่างพวกเราจะมีความมั่งคั่งร่ำรวย มีเงินไม่ขาดกระเป๋าแน่นวลลลลล!!

แจ้งข้อหาตำรวจ-ขาใหญ่ ข้อหาพยายามฆ่าทั้ง 2 ฝ่าย

0

รองผู้การชลบุรี​ ตรวจสำนวนกำชับให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย​

จากกรณีเกิดเหตุตำรวจดวลปืนกับขาใหญ่พัทยา​ ไช้ วัดโพธิ์​ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 ราย กลางสถานบันเทิง ออนิว เม้าท์บุรี สายสามพัทยาใต้ ต่อหน้าต่อตานักเที่ยวกว่า 200 คน​

 

โดย ส.ต.ต.นเรศรักษ์ เครือวาระ อายุ 30 ปี สังกัด สภ.วังขอนแดง จ.ปราจีนบุรี เข้ามอบตัวพร้อมอาวุธปืนที่ใช่ก่อเหตุ เป็นปืนของ จ.ส.ต.ปวเรศ บรรจง ผบ.หมู่งาน ป. สภ.เมืองพัทยาที่โดนยิงเจ็บ หลังก่อเหตุทันที  ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้( 16ก.ย.)พ.ต.อ.ศักดิ์รพี เพียวพนิช รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี เดินทางมายัง สภ.เมืองพัทยาเพื่อดูสำนวนการสอบสวนเกี่ยวกับคดี

 

 

นอกจากนั้นยังให้พนักงานสอบสวนเรียกการ์ด พนักงานที่ร้านมาให้ปากคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ ร่วมทั้งพยานแวดล่อมต่างๆในที่เกิดเหตุ รวมทั้งสอบปากคำเกี่ยวกับพฤติกรรมของทั้ง2ฝ่ายมีการยั้วยุกันหรือไม่  ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าหลักฐานที่ภาพวงจรปิดภายในร้านสามารถบอกถึงพฤติกรรมและเหตุการณ์​

 

พนักงานสอบสวนเก็บไว้เป็นหลักฐาน ไม่สามารถเปิดเผยได้  อาการของคนเจ็บนั้นได้ออกจากห้องผ่าตัด รพ.กรุงเทพพัทยา อาการปลอดภัยแต่ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด  เบื้องต้นนายสมชาย หรือไช้ วัดโพธิ์ ถูกต้องข้อกล่าวหา พยายามฆ่าผู้อื่น พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ ส่วนอาวุธปืนมีทะเบียนถูกต้อง  ส่วน ส.ต.ต.นเรศรักษ์ เครือวาระ ถูกแจ้งข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่นเช่นกัน ที่จะอ้างว่าทำไปเพื่อป้องกันตัว​ ต้องสอบพยานล้อมต่างๆซึ่งอยู่ในระหว่างขั้นตอนของการสอบสวน

 

 

ส่วนทางร้านนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำหนังสือสั่งปิดร้านดังกล่าวไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะปล่อยปละละเลยให้พกพาอาวุธปืนเข้าไปในร้าน

กรมสุขภาพจิตเตือนภัย เสพติดแอปเซลฟี่ เรียกยอดไลค์ ทำลายความมั่นใจตัวเอง หนักถึงขั้นโรคซึมเศร้า

0

กรมสุขภาพจิตเตือนภัยนักเซลฟี่ ใช้แอพเพิ่มสวย ใส ก่อนโพสต์ เรียกยอดไลค์ เสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า เครียด หวาดระแวง ชี้น่าห่วง โดยเฉพาะวัยรุ่น ทำให้การพัฒนาตัวเองยาก ขาดภาวะการเป็นผู้นำ ไร้ความคิดสร้างสรรค์ กระทบอนาคตประเทศชาติ

นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า เป็นห่วงพฤติกรรมการเซลฟี่ของผู้คนในสังคมออนไลน์ ที่กำลังกลายเป็นพฤติกรรมเคยชิน ซึ่งเป็นการสื่อสารแสดงออกถึงตัวตนบุคคลโดยถ่ายรูปตนเองทางทางต่างๆแล้วแชร์ภาพ เผยแพร่ในโซเชี่ยล  การเซลฟี่นั้นมีความสำคัญกับความคิดในเรื่องของตัวตนอย่างมาก มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

หากเซลฟี่โดยไม่ได้หวังผลอะไร ย่อมไม่มีผลเสีย เก็บไว้เป็นความประทับใจ แต่หากเซลฟี่มีความถี่มาก เพื่อเรียกยอดไลค์หรือเขียนข้อความแสดงความเห็นต่างๆ จนเกิดการหมกมุ่น อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในตัวเอง หากโพสต์รูปตัวเองแล้ว คนกดไลค์น้อย ไม่เป็นไปตามคาดหวัง และโพลต์ใหม่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับ จะทำให้บุคคลนั้นขาดความมั่นใจ ไม่ชอบ ไม่พอใจรูปลักษณ์ตัวเอง เกิดความกังวล ชีวิตไม่มีความสุข เมื่อสะสมไปเรื่อยๆก็อาจทำให้เกิดความผิดปกติทางจิตใจและอารมณ์ได้ง่าย เช่นหวาดระแวง เครียด ซึมเศร้า เป็นภัยเงียบที่น่าเป็นห่วง

กรณีเป็นเยาวชน วัยรุ่น จะมีผลกระทบต่ออนาคตได้ เด็กที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง จะมีผลให้พัฒนาตัวเองยาก ขาดภาวะการเป็นผู้นำ ซึ่งมีความสำคัญมากในการใช้ชีวิตทั้งการทำงาน ครอบครัว โอกาสที่จะคิดพัฒนานวตกรรมสร้างสรรค์ ต่างๆ จึงเป็นไปได้ยากขึ้น มีผลต่อการพัฒนาประเทศในอนาคตอย่างคาดไม่ถึง

แพทย์หญิงกุสุมาวดี คำเกลี้ยง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า การถ่ายภาพเซลฟี่ เหมือนการส่องกระจก พฤติกรรมที่น่าเป็นห่วงมี 2 เรื่อง คือ1. ถ่ายเซลฟี่ร่วมกับการใช้แอปแต่งเติมหน้าตัวเองให้ดูดี มีสีสันสดใสขึ้นตามความต้องการ เช่นตาดำโต หน้าเรียว แก้มชมพู ปากแดง ถือว่าเป็นภาพตัวตนในอุดมคติ ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง เป็นการหลอกทั้งตัวเองและหลอกคนอื่น หากใช้บ่อย จะมีผลทำให้ขาดความมั่นใจในการเผชิญหน้าจริงกับผู้คนทั้งในโลกโซเชี่ยล และโลกความเป็นจริง

และ 2. การใช้แอพถ่ายเซลฟี่บ่อยถี่จนเกินไป เป็นสัญญานของคนที่หมกมุ่น ไม่พอใจในรูปร่างหน้าตัวอย่างอย่างผิดปกติ เรียกว่ากลุ่มอาการบีดีดี (Body Dysmorphic Disorder :BDD) คนกลุ่มนี้จะนิยมการใช้แอปถ่ายเซลฟี่ เพราะรูปที่ได้จะตอบโจทย์ ใช้ตรวจสอบรูปร่างหน้าตาของตัวเองได้บ่อยตามต้องการ จะมีพฤติกรรมหมกมุ่น ไม่พอใจในรูปร่างหน้าตาตัวเองและใช้แอปเซลฟี่ตลอดเวลา จนเสียการเสียงาน บางรายถึงขั้นหลุดจากโลกความเป็นจริง
จนไม่สามารถใช้ชีวิตแบบคนปกติ

สังคมออนไลน์มีส่วนทำให้คนมีโอกาสได้เห็นหน้าตาตัวเองบ่อยขึ้นกว่าแต่ก่อน จนระแวงในหน้าตาของตัวเองว่าจะสวยหรือหล่อมั้ย

การเซลฟี่ที่ถี่มากเกินไป อาจสะท้อนถึงความกังวลและความไม่มั่นใจในตัวเอง กระตุ้นให้เรารู้สึกว่าต้องทำให้ตัวเองสวยสร้างความมั่นใจตัวเอง หลายคนตัดสินใจทำศัลยกรรมใบหน้า ให้หน้าตาสวยเข้ารูป หรือทำให้สวยเหมือนในรูปที่ตัวเองเซลฟี่

ผู่้ปกครองควรสอนลูกหลานให้อย่าติดเซลฟี่ โดย 1. สอนเด็กให้มองและยอมรับในความแตกต่างของคนที่ไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน ไม่นำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น 2. ควรเลี้ยงดูบุตรหลาน โดยให้ความรัก ความอบอุ่น เด็กจะให้ความสำคัญ กับคนรอบข้างที่เป็นสิ่งแวดล้อมจริงในชีวิตประจำวัน 3. ฝึกเด็กให้รู้จักระเบียบวินัย รู้จักควบคุมตัวเองในการใช้เวลาในโลกออนไลน์ ประการสำคัญผู้ปกครองต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการควบคุมพฤติกรรมการถ่ายเซลฟี่ของตนเอง 4.สอนให้เด็ก
รู้จักคบเพื่อนในโลกแห่งความเป็นจริง ฝึกทักษะทางสังคมเช่นการยิ้ม การชื่นชมคนอื่น สอนการแบ่งปัน และ 5.ฝึกให้เด็กมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองในโลกแห่งความเป็นจริง โดยชวนทำกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัว เช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง ทำงานศิลปะ ทำอาหาร ทำงานบ้าน หรือจิตอาสาอื่นๆ เพื่อให้เด็กมองเห็นคุณค่าและเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง

 

ตม.จมูกไว​ หนุ่มเขมรพกยาบ้าข้ามแดน​ เรียกตรวจค้นซุกในตัว

0

ตม.จว.สระแก้ว จับชาวกัมพูชา ข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ( ยาบ้า,ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
*****************************


วันนี้ ( 16 ก.ย. 61 ) เวลาประมาณ 10.30 น. ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว,พ.ต.ท.เรืองเดช ธรรมนันท์,พ.ต.ท.หญิง อัญชรี แฉล้มรักษ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว,พ.ต.ต.จิรเดช พุฒินาทพัฒน์ สว.ตม.จว.สระแก้ว
สั่งการให้ จนท.ประจำจุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน ตรวจสอบการกระทำผิดกฎหมาย คุมเข้มสกัดกั้นยาเสพติดและสิ่งของผิดกฎหมายตามแนวชายแดน


จับกุม นาย ชิว อายุ 18 ปี สัญชาติกัมพูชา
พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ดังนี้
1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 10 เม็ด
2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์ ) ห่อหุ้มในถุงพลาสติกเล็ก จำนวน 5 ห่อ น้ำหนักรวมประมาณ 1.5 กรัม
ข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท๑(ยาบ้า,ยาไอซ์ไ) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นบุคคลต่างด้าว เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
พฤติการณ์ ตามวัน เวลาเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ประจำจุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน ได้รับแจ้งจากสายลับ (สงวนนาม) ว่าจะมีชายกัมพูชาไม่ทราบชื่อ นำยาเสพติดลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทย บริเวณตลาดบ้านเขาดิน ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ประจำจุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน จึงได้ร่วมกันไปตรวจสอบบริเวณดังกล่าว ต่อมาพบนายชิว สัญชาติกัมพูชา อายุ 18 ปี ผู้ต้องหา (ทราบชื่อภายหลัง) ท่าทางมีพิรุธ และมีตำหนิรูปพรรณ ตรงตามที่สายลับแจ้งมา จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอตรวจค้น ก่อนตรวจค้นได้แจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบแล้ว จึงทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบของกลางดังกล่าวข้างต้น ซุกซ่อนอยู่ที่กระเป๋ากางเกงข้างซ้ายของผู้ต้องหา สอบถามผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าของกลางดังกล่าวเป็นของผู้ต้องหาจริง จึงแจ้งสิทธิและข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบ
สถานที่จับกุม บริเวณตลาดบ้านเขาดิน ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว
นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.คลองหาด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายหมายต่อไป

 

ปล่อยหมีเข้าป่า ลำเส้นกินไก่ชาวบ้าน ​จับคืนสู่ธรรมชาติ

0

จนท.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กำลังลำเลียงหมีป่าเพศเมีย​ ตัวมหึมา​ อายุประมาณ8 ปี ไปปล่อยในป่าลึกเขตการจัดการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใกล้น้ำตกเหวนรก หลังชาวบ้านร้องเรียนว่ามีสัตว์ขนาดใหญ่เข้าไปกัดกินไก่และทำลายกรง​ เหตุเกิดบ้านเหวปลากั้ง หมู่ 10 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ต่อมา จนท.ได้ใช้อุปกรณ์ดักสัตว์ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.นาน 3 วันจึงจนมุม​ จับได้เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา

 

#​บิ๊กเกรียน

คนไทยแขวนพระ 70% ‘หลวงปู่ทวด’ อันดับ 1

0

“พระเครื่อง” กับคนไทยที่นับถือพุทธศาสนาเป็นของคู่กันมานาน ซึ่งเป็นทั้งการเคารพบูชา กราบไหว้ เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจ ปัจจุบันเป็นยุคไทยแลนด์ 4.0 พระเครื่องก็ได้มีการพัฒนาออกมาในลักษณะพุทธพาณิชย์ และกลายเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยข้อมูลเกี่ยวกับพระเครื่องเป็นประเด็นที่ควรศึกษา เพราะมีประโยชน์ต่อการวิเคราะห์ทั้งด้านความศรัทธาและด้านธุรกิจ

“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จึงได้สำรวจความคิดเห็นของชาวพุทธที่มีต่อพระเครื่องทั่วประเทศ จำนวน 1,126 คน ระหว่างวันที่ 11-15 กันยายน 2561 ดังนี้

คนไทยคิดอย่างไร กับการห้อย/แขวนพระเครื่อง ของคนไทย
1. เคารพบูชา เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ช่วยปกป้องคุ้มครอง 56.86%  ชาย  51.62%  หญิง 62.09%
2. เป็นความเชื่อความศรัทธาของแต่ละบุคคล เป็นสิทธิส่วนบุคคล 25.01%  ชาย 27.27%  หญิง 22.75%
3 เป็นไปตามแนวทางวิถีของชาวพุทธ เป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น 14.13%  ชาย 16.88%  หญิง 11.37%
อื่นๆ สวมใส่เป็นเครื่องประดับ เพื่อความสวยงาม ควรห้อย/แขวนอย่างเหมาะสม ไม่รุ่มร่าม 4.00%  ชาย 4.23%  หญิง 3.79%

คนไทยห้อยและแขวนพระมากน้อยเพียงใด?
ห้อย/แขวน  70.30%  ชาย 79.53%  หญิง 61.06%  เพราะ มีความศรัทธา เลื่อมใส มีแล้วรู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัย ได้มาจากพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ เป็นสิริมงคลกับตัวเอง ฯลฯ
ไม่ห้อย/ไม่แขวน 29.70%  ชาย 20.47%  หญิง 38.94% เพราะ กลัวลืม ทำหล่นหาย ถูกขโมย ไม่มีสร้อยที่เหมาะสม เก็บไว้บูชาที่บ้าน เป็นพระที่มีราคา แพ้สร้อย ฯลฯ

5 อันดับพระเครื่องที่คนไทยห้อย/แขวน
1. หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ 47.79%  ชาย 43.97%  หญิง 51.61%
2. พระสมเด็จโต 21.90%   ชาย 27.66%  หญิง 16.13%
3. พระพุทธโสธร/หลวงพ่อโสธร 12.87%  ชาย 6.38% หญิง 19.35%
4. พระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ 9.44%  ชาย 9.22%  หญิง 9.68%
5. หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน 8.00%  ชาย 12.77% หญิง 3.23%

พระเครื่องที่คนไทยห้อย/แขวน ได้มาจากที่ใด
1. เช่ามา 41.13%  ชาย 48.93%  หญิง 33.33%
2. พ่อแม่มอบให้ 32.15%  ชาย 26.30% หญิง 38.00%
3. ผู้ใหญ่/เจ้านายให้มา 7.73% ชาย 6.12% หญิง 9.33%
4. ญาติพี่น้องให้ 6.96%  ชาย 4.59% หญิง 9.33%
5. ปู่ย่า/ตายายมอบให้ 6.51%  ชาย 11.01%  หญิง 2.00%
อื่นๆ เพื่อนให้ แฟนให้ พระ/ที่วัดแจก เป็นต้น 5.52%  ชาย 3.05%  หญิง 8.01%

คนไทยมีความคิดเห็นต่อตลาดพระของไทยขณะนี้อย่างไรบ้าง

1. ตลาดใหญ่ เติบโตอย่างรวดเร็ว ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ 42.84% ชาย 44.13% หญิง 41.55%
2. เป็นการทำธุรกิจมากขึ้น มีการปั่นราคา สร้างรายได้ 20.02%  ชาย 15.38%  หญิง 24.65%
3. เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ตลาดพระซบเซา 13.63%  ชาย 14.57% หญิง 12.68%
4. ยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานราคาเช่าบูชา มีการปลอมพระ มีมิจฉาชีพแฝงเข้ามา 12.26% ชาย 15.38% หญิง 9.15%
5. เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม เฉพาะผู้ที่สนใจ เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน 11.25%  ชาย 10.54%  หญิง 11.97%

#บิ๊กเกรียน