Home Blog Page 4

เมืองไทยประกันชีวิต คว้า 2 รางวัลระดับนานาชาติ สะท้อนความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมดิจิทัลในอุตสาหกรรมประกันภัย

0
สาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

เมืองไทยประกันชีวิต ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมดิจิทัลในธุรกิจประกันภัย ด้วยการคว้า 2 รางวัลสำคัญระดับนานาชาติ ได้แก่ รางวัล ITC Asia Awards 2024 สาขา Digital Insurer Award และ รางวัล The World’s Digital Insurance Awards 2024 สาขา Global Insurer Innovation Awards จากเวที The Digital Insurer (TDI) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่บริษัทได้รับรางวัลทั้งสองรางวัลนี้ สะท้อนถึงความสำเร็จในการพัฒนาโมเดลธุรกิจดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างแท้จริง

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรในทุกมิติ ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ บริการ บุคลากร และกระบวนการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินธุรกิจในทุกระดับ เราเชื่อว่าเทคโนโลยีไม่เพียงช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงและเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่งถือเป็นหัวใจของการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล”

สำหรับรางวัล ITC Asia Awards 2024 ซึ่งจัดขึ้นควบคู่กับงานประชุม InsureTech Connect Asia (ITC Asia)   การประชุมด้าน Ecosystem ของธุรกิจประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ถือเป็นรางวัลที่ยกย่องความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมและการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัยในภูมิภาค โดยบริษัทฯ ได้รับรางวัล Digital Insurer Award จากการส่งโครงการ “การขายประกันผ่าน LINE BK” เข้าประกวด ภายใต้แนวคิด Democratizing Insurance โดยนำเสนอโมเดลธุรกิจแบบดิจิทัลที่ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงได้ของลูกค้าทุกกลุ่ม ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม (Right Product) ในราคาที่จับต้องได้ (Right Price) บนแพลตฟอร์มที่ลูกค้าคุ้นเคยและใช้งานง่าย (Right Platform) พร้อมกระบวนการอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพ (Right Process) ซึ่งพัฒนาร่วมกับพันธมิตรสำคัญอย่าง LINE BK โดยลูกค้าสามารถซื้อประกันสำเร็จพร้อมรับกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์  (e-Policy) ได้ทันที และยังมีการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงกระบวนการให้ดียิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังได้รับรางวัล The World’s Digital Insurance Awards 2024 จัดโดย The Digital Insurer (TDI) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกที่ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลของอุตสาหกรรมประกันภัย โดย เมืองไทยประกันชีวิตได้รับรางวัลในระดับ Asia Pacific Region และยังได้รับการคัดเลือกให้เป็น ผู้ชนะระดับ Global ในสาขา Global Insurer Innovation Awards จากโครงการเดียวกัน โดยผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการตัดสินระดับภูมิภาค และการโหวตโดยสมาชิกของ TDI จากทั่วโลก

รางวัล TDI Awards มุ่งเน้นการยกย่องโครงการนวัตกรรมที่สามารถปลดล็อกคุณค่าในทุกขั้นตอนและสร้างรูปแบบธุรกิจดิจิทัลใหม่ โดยในปีนี้มีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมจากทั่วโลก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกา

“การคว้ารางวัลระดับนานาชาติทั้งสองรายการในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของเมืองไทยประกันชีวิตในการยกระดับธุรกิจประกันชีวิตให้ทันสมัยและตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคดิจิทัล พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพขององค์กรไทยที่สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกอย่างแท้จริง โดยนับเป็นก้าวสำคัญของบริษัท ในการเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมที่มุ่งมั่นสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า พันธมิตร และสังคมอย่างยั่งยืน พร้อมตอกย้ำว่า “ประกันชีวิต” สามารถเข้าถึงได้ เข้าใจง่าย และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคนได้อย่างแท้จริง”  นายสาระ กล่าวสรุป  

AIS เปิดตัว “AiCAM” กล้องวงจรปิด AI อัจฉริยะ บนโครงข่าย 5G ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

0

AIS ตอกย้ำวิสัยทัศน์ผู้นำด้านโทรคมนาคมอัจฉริยะที่พร้อมนำนวัตกรรมแห่งอนาคตมาให้ลูกค้าได้สัมผัสก่อนใคร เดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เปิดตัว “AiCAM” กล้องวงจรปิดอัจฉริยะที่ทำงานร่วมกับเครือข่ายอัจฉริยะ 5G มอบประสบการณ์ความปลอดภัยขั้นสูงสุดผ่านการเชื่อมต่อที่เสถียรและรวดเร็ว ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมแพ็กเกจ AI ที่ถูกเทรนอย่างแม่นยำโดยทีม AIS NEXT ร่วมกับพันธมิตรระดับโลก JFTECH ผู้นำด้านโซลูชัน IoT จากประเทศจีน  เพื่อออกแบบฟีเจอร์ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมและบริบทการใช้งานของคนไทยโดยเฉพาะ โดยเน้นความปลอดภัยในทุกมิติผ่าน ทั้งการดูแลผู้สูงวัย เด็ก สัตว์เลี้ยง และพื้นที่ภายใน-ภายนอกบ้าน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง

นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่กลุ่มลูกค้าทั่วไป  AIS กล่าวว่า “ในวันนี้ที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้สะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม ‘Smart Home’ ซึ่งช่วยเชื่อมโยงและจัดการชีวิตประจำวันภายในบ้านได้อย่างชาญฉลาด เอไอเอส ในฐานะผู้นำด้านโทรคมนาคมและผู้ให้บริการดิจิทัล จึงได้เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของคนไทยให้ครอบคลุมในทุกมิติของการใช้ชีวิต ด้วยการเปิดตัว AiCAM ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการนำเสนอโซลูชันด้านความปลอดภัยและการใช้ชีวิตอัจฉริยะ โดยมุ่งหวังให้คนไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยได้ก่อนใคร”

AiCAM กล้องวงจรปิดอัจฉริยะที่ควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน พร้อมระบบ AI ที่พัฒนาจากข้อมูลและบริบทของคนไทยโดยเฉพาะ สามารถตรวจจับเหตุการณ์ วิเคราะห์พฤติกรรม และจดจำบุคคล ยานพาหนะ หรือสัตว์เลี้ยงได้อย่างแม่นยำ พร้อมแจ้งเตือนอัตโนมัติและสรุปเหตุการณ์สำคัญในรูปแบบคลิปสั้น ช่วยลดเวลาการตรวจสอบย้อนหลัง โดยมีให้เลือกใช้งาน 5 ฟีเจอร์ ได้แก่:

  • ฟีเจอร์ AI ดูแลภายในบ้าน แจ้งเตือนเมื่อมีคนเข้า/ออกกล้อง พบควันหรือไฟไหม้ จดจำสมาชิกในบ้าน ตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ เช่น การปกปิดใบหน้า
  • ฟีเจอร์ AI ดูแลภายนอกบ้าน ตรวจจับการเคลื่อนไหวของยานพาหนะ พฤติกรรมน่าสงสัย ควันหรือไฟไหม้ บันทึกสถิติจำนวนครั้งที่พบคน ยานพาหนะ สัตว์เลี้ยง หรือพัสดุถูกจัดส่ง
  • ฟีเจอร์ AI ดูแลผู้สูงวัย ตรวจจับการล้ม หมดสติ หรือหายตัวนานเกินกำหนด วิเคราะห์กิจกรรมประจำวัน เช่น การดื่มน้ำ รับประทานอาหาร หรือดูโทรทัศน์
  • ฟีเจอร์ AI ดูแลเด็ก ตรวจจับบุคคลที่เข้าใกล้หรืออยู่ในพื้นที่เฝ้าระวัง วิเคราะห์กิจกรรม เช่น การทำการบ้าน อ่านหนังสือ หรือใช้คอมพิวเตอร์
  • ฟีเจอร์ AI ดูแลสัตว์เลี้ยง ตรวจจับการเคลื่อนไหวของนก หมา หรือแมว แจ้งเตือนเมื่อหายตัวนานผิดปกติ จดจำพฤติกรรม เช่น การกิน นอน หรือทำลายข้าวของ

เอไอเอส วางจำหน่ายกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ AiCAM มีให้เลือก 3 รุ่น ราคาเริ่มต้น 990 บาท และให้บริการในรูปแบบแพ็กเกจเสริม AiCAM ราคา 99 บาทต่อเดือน พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ ดูเหตุการณ์ย้อนหลังฟรี 3 วัน และสามารถอัปเกรดเป็น 7 วันในราคา 49 บาท หรือ 30 วันในราคา 89 บาท ทั้งนี้ฟีเจอร์ดูแลภายในบ้าน ภายนอกบ้าน และดูแลผู้สูงวัย พร้อมให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้ ส่วนฟีเจอร์ดูแลเด็กและสัตว์เลี้ยง เตรียมให้บริการเร็วๆ นี้ วางจำหน่ายที่ AIS Shop ทุกสาขา, AIS Online Store, และช่องทางออนไลน์อื่นๆ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/consumers/promotions/service/ai-cam

เปิดโปร ‘สินเชื่อเคหะ Refinance’ จากออมสินดอกเบี้ยคงที่ปีแรก เริ่มต้น 1.55% ต่อปีสมัครได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาหรือ MyMo

0

เปิดโปรโมชัน ‘สินเชื่อเคหะ Refinance’ จากธนาคารออมสิน จ่ายดอกเบี้ยน้อยลง ก็มีเงินเก็บมากขึ้น!

สมัครขอสินเชื่อ คลิก > https://to.gsb.or.th/sFoLOcหรือที่ธนาคารออมสินทุกสาขา หรือผ่าน MyMo

✔️ รับอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรก เริ่มต้น 1.55% ต่อปี และ อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 2.95% ต่อปี (สำหรับวงเงินกู้ตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป)

✔️ วงเงินกู้สูงสุด 110%

✔️ *สนันสนุนค่าประเมินราคาหลักทรัพย์สูงสุด 5,000 บาท (สำหรับวงเงินกู้ตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป ให้จ่ายตามจริง แต่ไม่เกินรายละ 5,000 บาท)

✔️ **สนับสนุนค่าจดจำนอง ตามที่จ่ายจริง ไม่เกินรายละ 30,000 บาท (สำหรับวงเงินกู้ตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป และเลือกอัตราดอกเบี้ยกรณีสนับสนุนค่าจดจำนอง)

✔️ ยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2568 – 15 กรกฎาคม 2568

🗒 อนุมัติและจัดทำนิติกรรมสัญญา ภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2568

• ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.545% ต่อปี (ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป) ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น หรือลดลงได้

• อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Rate) อยู่ระหว่าง 1.550% – 6.295% ต่อปี

• อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา (EIR) กรณีวงเงินกู้สินเชื่อเคหะตั้งแต่ 1.5 ล้านบาท อยู่ระหว่าง 4.700% – 5.337% ต่อปี คำนวณจากวงเงินกู้ 1.5 ล้านบาท ระยะเวลา 20 ปี แบบผ่อนชำระเท่ากันทุกงวด

⚠️ รู้ก่อนกู้…กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

⚠️ เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมสนับสนุนจัดงาน “Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025” จัดโดย ศิริราช และ MIT

0

ศิริราช จับมือ Massachusetts Institute of Technology (MIT)  จัดงาน “Hacking Medicine 2025” เพื่อดันนวัตกรรมด้านสุขภาพขึ้นแท่นระดับอาเซียน  พร้อมดึงภาครัฐ-เอกชน ร่วมปั้นสตาร์ทอัพไทยสู่ตลาดโลก ผ่าน Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025  ธีมหลักของงานคือ “AI Today, Transforming Tomorrow’s Healthcare”  โดยมีเมืองไทยประกันชีวิตเป็นหนึ่งในผู้ร่วมสนับสนุนการจัดงาน

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดย นางสาวนาเดีย สุทธิกุลพานิช รองกรรมการผู้จัดการ เป็นผู้แทนบริษัทฯ เข้าร่วมแถลงข่าวการจัดงาน “Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025” ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และ Massachusetts Institute of Technology (MIT) ประเทศสหรัฐอเมริกา สถาบันชั้นนำระดับโลกด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม

เมืองไทยประกันชีวิตให้การสนับสนุนงานในครั้งนี้เป็นปีที่ 2  โดยเล็งเห็นถึง โอกาสสำคัญในการเชื่อมโยงนวัตกรรมสุขภาพกับธุรกิจประกันชีวิต ผ่านการสร้างระบบนิเวศทางสุขภาพแบบบูรณาการ (Health Ecosystem) ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถ 

  • พัฒนาแบบประกันและบริการที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและเฉพาะบุคคล (Personalized & Preventive Healthcare)
  • นำเทคโนโลยีและข้อมูลจากนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใน Hackathon ไปปรับใช้ในการบริหารความเสี่ยงและยกระดับประสบการณ์ลูกค้า
  • ส่งเสริมบทบาทของบริษัทในฐานะ ผู้นำด้านการประกันสุขภาพยุคใหม่ (Health Partner) ที่ไม่เพียงแต่ให้ความคุ้มครอง แต่ยังร่วมดูแลสุขภาพชีวิตลูกค้าอย่างรอบด้าน

ที่ผ่านมา เมืองไทยประกันชีวิตได้จัดตั้ง Fuchsia VC ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนในธุรกิจ Startup ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีด้านสุขภาพ เพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจและสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบสุขภาพและธุรกิจประกันชีวิตในระยะยาว 

#เมืองไทยประกันชีวิต #MuangThaiLife

ทั้งนี้ งาน “Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025” จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อเปิดเวทีการแข่งขัน Hackathon แบบเข้มข้น ระดมไอเดียค้นหาสุดยอดนวัตกรรมโซลูชั่นอย่างยั่งยืนด้านการรักษาและบริการสุขภาพระดับนานาชาติ พร้อมจัดตั้งความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระยะเวลา 3 ปี เพื่อวางรากฐานให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านสุขภาพของภูมิภาคอาเซียน โดยการแข่งขัน Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025 Hackathon ครั้งที่สอง จะจัดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

Hackathon ครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมจากหลากหลายสาขาวิชา มารวมทีมและทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญในประเด็น “โรคเรื้อรัง” (Chronic Disease) และ “สุขภาพจิต” (Mental Health) ตลอดช่วงสุดสัปดาห์และต่อเนื่องถึงงานประชุม ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ นักเทคโนโลยี นักออกแบบ นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และนักลงทุน จะร่วมกันพัฒนาแนวทางแก้ไขที่น่าสนใจต่อความท้าทายด้านสุขภาพทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน

AI วันนี้ พลิกโฉมสุขภาพแห่งอนาคต

Hackathon ปีนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากศักยภาพอันมหาศาลของ ปัญญาประดิษฐ์แบบสร้างสรรค์ (Generative AI) โดยธีมหลักของงานคือ “AI Today, Transforming Tomorrow’s Healthcare” ซึ่งมุ่งเน้นการนำ AI ไปใช้ในการปฏิรูปการดูแลผู้ป่วย เพิ่มประสิทธิภาพระบบสุขภาพสาธารณะ และลดความเหลื่อมล้ำในบริการ AI มีศักยภาพในการแก้ปัญหาเชิงระบบในภาคสาธารณสุขได้อย่างลึกซึ้ง งานประชุมจะเปิดเวทีสำหรับการพูดคุยในระดับอาเซียน ทั้งในรูปแบบเสวนาใหญ่ และกิจกรรมแบบมีปฏิสัมพันธ์ ซึ่งนักวิจัยจากศิริราชจะได้ร่วมแลกเปลี่ยนเชิงลึกกับภาคอุตสาหกรรม นักศึกษา ผู้ชนะจาก Hackathon และผู้เข้าอบรม พร้อมทั้งเข้าร่วมเวิร์กช็อปกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

ยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางนวัตกรรมสุขภาพอาเซียน

Siriraj x MIT Hacking Medicine ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นกลไกเร่งการเปลี่ยนแปลง โดยผสานความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความคิดสร้างสรรค์เข้ากับการลงมือปฏิบัติ ความร่วมมือนี้อาศัยประสบการณ์จริงจาก MIT ในการจัด Hackathon ซึ่งความสำเร็จของงาน Siriraj x MIT Hacking Medicine 2024 เป็นแรงผลักดันให้แผนความร่วมมือขยายต่อไปถึงปี 2027

Hackathon และการประชุมประจำปีนี้ถูกออกแบบให้กลายเป็นเวทีระดับภูมิภาค ที่เชิญชวนผู้ร่วมงานจากทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมสุขภาพรูปแบบใหม่ ผ่านความร่วมมือข้ามสาขาวิชา กิจกรรมนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางนวัตกรรมสุขภาพระหว่างประเทศ โดยอาศัยพลังจากมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีสุขภาพ อุตสาหกรรมยา ระบบบริการสุขภาพ สตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการ และองค์กรภาครัฐ-เอกชน

ศ. นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของภูมิทัศน์นวัตกรรมสุขภาพในประเทศไทย เราไม่ได้เพียงแค่จัด Hackathon แต่เรากำลังสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ที่จะเปลี่ยนไอเดียที่มีศักยภาพให้กลายเป็นโซลูชันที่พร้อมออกสู่ตลาด และมีผลกระทบในระดับโลก”

AI Today, Transforming Tomorrow’s Healthcare

งาน Hackathon ปีนี้เน้นศักยภาพของ AI ในการตอบโจทย์ความท้าทายที่ผู้ป่วย บุคลากรการแพทย์ และระบบสุขภาพเผชิญ โดยธีมหลัก “AI Today, Transforming Tomorrow’s Healthcare” จะเชื่อมโยงทั้ง Hackathon และงานประชุมผู้เข้าร่วม Hackathon จะรวมทีมแบบข้ามสาขาวิชา เพื่อแก้ปัญหาจริงจากโลกความเป็นจริง โดยต้องออกแบบโซลูชันที่ขยายผลได้และนำไปใช้ได้จริง โดยปี 2025 นี้มี 2 หัวข้อหลัก ได้แก่ โรคเรื้อรัง และ สุขภาพจิต โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลศิริราชให้คำแนะนำ และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับทีมต่าง ๆ Siriraj x MIT Hacking Medicine ยังสนับสนุนโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green) ของประเทศไทย โดยเฉพาะในด้าน BioHealth และ Digital Health

กิจกรรม 5 วัน ประกอบด้วย:

Hackathon เข้มข้น (31 ต.ค. – 2 พ.ย.): ทีมข้ามสายงานพัฒนาแนวทางจัดการโรคเรื้อรังและสุขภาพจิต

Showcase และ Networking (2 พ.ย.): ทีมชนะนำเสนอผลงานต่อผู้เชี่ยวชาญ พร้อมโอกาสสร้างเครือข่ายในวันที่ 3 พ.ย.

ประชุมนวัตกรรมสุขภาพนานาชาติ (4 พ.ย.): ปาฐกถาและเสวนาจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก นักลงทุน และผู้ปฏิบัติการ พร้อมกิจกรรมแบบมีส่วนร่วม

Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025 เปิดรับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน—มหาวิทยาลัย รัฐบาล องค์กรธุรกิจ และชุมชนผู้ประกอบการ—ที่สนใจการปฏิรูปด้านสุขภาพ โดยผู้เข้าร่วมที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับ “Golden Ticket” เพื่อเข้าร่วม MIT Grand Hack 2026 ที่เมืองบอสตัน พร้อมรับคำปรึกษาและโอกาสในการรับทุนสนับสนุน

ศ. ดร. นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า “Siriraj x MIT Hacking Medicine ไม่ใช่แค่เวทีแข่งขันทางวิชาการ แต่คือจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ด้านธุรกิจสุขภาพ เรากำลังสร้างเวทีระยะยาว ที่จะผลักดันธุรกิจสุขภาพอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค ทีมที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับคำปรึกษา ทุนการศึกษาสำหรับเข้าโครงการ HEALTHI Lab โอกาสในการเชื่อมโยงกับภาคเอกชน นักลงทุน และแหล่งทุนเพื่อขยายผลไปสู่ตลาดจริง”

หลักสูตรผู้บริหารใหม่ เปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ แนวปฏิบัติ และบริการ ขณะที่กิจกรรมแบบเปิดช่วยจุดประกายบทสนทนาในวงกว้าง

หลักสูตรผู้บริหารใหม่ เปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ แนวปฏิบัติ และบริการ ขณะที่กิจกรรมแบบเปิดช่วยจุดประกายบทสนทนาในวงกว้าง การนำผลงานนวัตกรรมสู่ตลาด ยังคงเป็นความท้าทายสำหรับผู้สร้างสรรค์ด้านสุขภาพในภูมิภาคนี้ ผู้เชี่ยวชาญจาก MIT จึงร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศไทย เพื่อเปิดตัว หลักสูตรอบรมผู้บริหารแบบเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Action Learning Executive Course) ซึ่งออกแบบมาเพื่อพัฒนา ผู้ประกอบการ (entrepreneurs) รวมถึง ผู้สร้างนวัตกรรมภายในองค์กร (intrapreneurs) และ ผู้นำด้านนวัตกรรมในภาคธุรกิจ (corporate innovation leaders) ให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ แนวปฏิบัติ และบริการที่ตอบโจทย์ได้จริง โดยหลักสูตรใหม่นี้ใช้ชื่อเบื้องต้นว่า HEALTHI Lab (Healthcare Entrepreneurial Action Learning for Thailand Innovation) และจะเริ่มอบรมรุ่นแรกภายในปีนี้

ผู้เข้าอบรมจะได้รับ:

●         โอกาสเข้าถึงบริบทของโรงพยาบาลจริงเพื่อเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง

●         ทรัพยากรทางเทคนิคเพื่อสร้างต้นแบบ (prototype) และทดลองแนวคิดอย่างต่อเนื่อง

●         กิจกรรมกลุ่มเชิงโครงสร้างเพื่อเร่งกระบวนการเรียนรู้และพัฒนา

●         การให้คำปรึกษา (mentorship) เพื่อเตรียมความพร้อมให้นวัตกรรมสามารถเข้าสู่ตลาด หรือถูกนำไปใช้จริงภายในองค์กร

●         ผู้เรียนจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้าร่วม Hackathon และงานประชุม ผ่านกิจกรรมเชิงโต้ตอบในแต่ละช่วงของงาน ซึ่งจะช่วยให้แนวคิดได้รับการปรับแต่งและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงท้ายของหลักสูตรที่มุ่งเน้นการขัดเกลาโครงการให้พร้อมใช้งาน

MIT นำประสบการณ์จากทั้งในมหาวิทยาลัยและจากพื้นที่รอบบอสตัน ซึ่งเป็นศูนย์กลางบ่มเพาะนวัตกรรมสุขภาพระดับโลก มาสร้าง โมเดลการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ ร่วมกับประเทศไทย โดยมีศิริราชเป็นฐานของบริบททางคลินิก ทำหน้าที่เป็น “สนามทดลอง” สำหรับวิศวกร ผู้ประกอบการ นักวิทยาศาสตร์ แพทย์ นักธุรกิจ และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในการทดสอบ ตรวจสอบความถูกต้อง และผลักดันนวัตกรรมให้เกิดผลกระทบทางสังคมที่มีความหมาย

ดร.แอนจาลี ซัสทรี (Anjali Sastry) อาจารย์อาวุโสแห่ง MIT Sloan School of Management ผู้ก่อตั้ง GlobalHealth Lab แห่ง MIT และอดีตรองคณบดีของ MIT Open Learning และอดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ Harvard กล่าวว่า “HEALTHI Lab พลิกโฉมนวัตกรรมสุขภาพด้วยการฝังผู้ประกอบการไว้ในบริบทของโรงพยาบาล พร้อมประสานความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ เราใช้แนวทางลงมือทำจริง (hands-on) เพื่อให้มั่นใจว่าโซลูชันสามารถใช้งานได้จริง และยังเป็นแนวทางการเรียนรู้ที่มอบข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าสำหรับผู้นำที่ต้องการขับเคลื่อนนวัตกรรม โดยผู้เข้าร่วมจะประกอบด้วยผู้ประกอบการ ผู้บริหาร และพนักงานที่มีแนวคิดเชิงนวัตกรรมจากภายในองค์กร สิ่งที่ทำให้โครงการนี้โดดเด่นคือ ขอบเขตระดับภูมิภาค ซึ่งเรากำลังสร้างสายส่งนวัตกรรมที่เชื่อมโยงความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมสุขภาพจากบอสตัน เข้ากับระบบนิเวศที่มีชีวิตชีวาและความท้าทายเฉพาะของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

สุดท้าย ทีม HEALTHI Lab ยังมีแผนจัดกิจกรรม เปิดให้ทุกคนเข้าร่วม เช่น Mini-Webinar แบบออนไลน์ ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกจากผู้นำนวัตกรรมสุขภาพระดับแนวหน้าจากทั่วโลก

ผู้ที่สนใจเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสุดยอดการประชุมสุขภาพ ‘Siriraj x MIT Hacking Medicine 2025’ หรือเข้าร่วมการแข่งขัน Hackathon และ หลักสูตร HEALTHI Lab สมัครได้แล้วทางเว็บไซต์ www.SirirajxMITHackingMedicine.com

ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับจดทะเบียน 16 DR ใหม่ อ้างอิงหุ้นชั้นนำสหรัฐฯ ออกโดย KKPS และ Yuanta เริ่มซื้อขาย 22 พ.ค.นี้

0

ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับจดทะเบียนหลักทรัพย์ใหม่ 16 DR ออกโดย บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) 10 หลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด 6 หลักทรัพย์ อ้างอิงหุ้นและกองทุนชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สำคัญของสหรัฐฯ เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 22 พฤษภาคม 2568 นี้

DR 10 หลักทรัพย์ใหม่ ออกโดย บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKPS) ประกอบด้วย “ADBE06” อ้างอิงหุ้น Adobe Inc. บริษัทซอฟแวร์ชั้นนำให้บริการแก่ผู้สร้างเนื้อหาหรือผลิตภัณฑ์ด้านสื่อดิจิทัล “AMZN06” อ้างอิงหุ้น Amazon.com Inc. “BDX06” อ้างอิงหุ้น Becton Dickinson and Co บริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์ระดับโลก “JPMUS06” อ้างอิงหุ้น JPMorgan Chase & Co บริษัทบริการทางการเงินชั้นนำ “META06” อ้างอิงหุ้น Meta Platform Inc. “MS06” อ้างอิงหุ้น Morgan Stanley บริษัทที่ถือหุ้นธนาคารและให้บริการทางการเงินที่หลากหลายทั่วโลก “MSFT06” อ้างอิงหุ้น Microsoft Corporation “NDAQ06” อ้างอิงหุ้น Nasdaq, Inc. หนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงธุรกิจข้อมูลการลงทุน “NFLX06” อ้างอิงหุ้น Netflix, Inc. และ “VISA06” อ้างอิงหุ้น Visa Inc.

DR 6 หลักทรัพย์ใหม่ ออกโดย บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด (YUANTA) ประกอบด้วย “COSTCO19” อ้างอิงหุ้น Costco Wholesale Corporation บริษัทค้าส่งชั้นนำโดยมีเครือข่ายร้านค้าคลังสินค้าหลายแห่งทั่วโลก “DISNEY19” อ้างอิงหุ้น The Walt Disney Company ทำธุรกิจบันเทิงและสื่อชั้นนำ “GOLDUS19” อ้างอิงกองทุน SPDR Gold Shares (GLD) เป็นทรัสต์ที่ถือครองทองคำขนาดใหญ่ “JPMUS19” อ้างอิงหุ้น JPMorgan Chase & Co “NVDA19” อ้างอิงหุ้น NVIDIA Corporation และ “PFIZER19” อ้างหุ้น Pfizer Inc. บริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงด้านการค้นคว้า พัฒนา ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาทั่วโลก

ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depositary Receipt หรือ DR) เป็นตราสารที่ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์เสมือนการถือครองหลักทรัพย์ต่างประเทศ ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยเงินบาท โดย DR ที่อ้างอิงหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในทวีปอเมริกาและยุโรป ซื้อขายได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ตั้งแต่เวลา 10.00-16.30 น. และ 19.00-03.00 น. (ของวันถัดไป)

ผู้สนใจศึกษารายละเอียด 16 DR ใหม่ ได้ที่เว็บไซต์สานักงาน ก.ล.ต. www.sec.or.th หรือบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์คือ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) www.kkpfg.com และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) https://dr.yuanta.co.th หรือศึกษาผลิตภัณฑ์ DR เพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th/dr

AIS – ททท. เปิดโครงการ ‘สุขใจ เที่ยวไทย อุ่นใจทุกที่’ พลิกโฉมท่องเที่ยวไทย 2568 เชื่อมต่อโครงข่ายอัจฉริยะ พร้อมสิทธิพิเศษทั่วถึงทั่วไทย

0

AIS ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดแคมเปญ “สุขใจ เที่ยวไทย อุ่นใจทุกที่” จุดประกายกระแสการท่องเที่ยวไทยในปี 2568 ชูเสน่ห์ไทย ทั้งให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสทั้งในเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว พร้อมเชื่อมต่อประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านโลกดิจิทัลแบบไร้รอยต่อบนโครงข่ายอัจฉริยะ สอดคล้องกับนโยบายการท่องเที่ยวของภาครัฐ ที่มุ่งยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค พร้อมกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน ประเดิมกิจกรรมแรกที่ถนนบรรทัดทองด้วยกิจกรรม “อุ่นใจ เช็กอิน ฟินรับพอยท์” จัดเต็มสิทธิพิเศษความอร่อยสำหรับนักท่องเที่ยว

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ททท. มุ่งใช้พลังการท่องเที่ยวเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมออกแบบประสบการณ์การท่องเที่ยวเพื่อให้ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล จึงให้ความสำคัญในการนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาททางการท่องเที่ยวไทยเพื่อสนับสนุนการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ตลอดจนยกระดับความสะดวกและปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี การมีโครงข่ายสื่อสารและอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง

โครงการ “สุขใจ เที่ยวไทย อุ่นใจทุกที่” เป็นความร่วมมือระหว่าง ททท. กับ AIS ที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพของ AIS ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านการมอบสิทธิพิเศษทางดิจิทัลแพลตฟอร์ม รวมถึงการขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและ 5G ที่ครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความสุขใจและอุ่นใจ สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและสะดวกสบายในการเดินทาง ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ครองใจสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก จุดพลังการท่องเที่ยวไทยอย่างเต็มกำลังในปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025”

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า “ด้วยวิสัยทัศน์ AI for Sustainable Nation ของ AIS ที่ตั้งใจที่จะนำศักยภาพของโครงข่ายอัจฉริยะและ AI มายกระดับให้ทุกภาคส่วนของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน เราจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับบทบาทของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย โดยเชื่อว่าโครงข่ายสื่อสารคุณภาพคือรากฐานของการสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ดี พร้อมเดินหน้าสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และวันนี้ เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับ ททท. เปิดตัวโครงการ “สุขใจ เที่ยวไทย อุ่นใจทุกที่” เพื่อร่วมส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยด้วยประสบการณ์ดิจิทัลไลฟ์ โดยมีเป้าหมายในการยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ผ่านแนวคิด “3 ต้อง” สำคัญ ได้แก่

  1. ท่องเที่ยวสุขใจแล้วต้องอุ่นใจ รองรับให้ทุกการสื่อสารให้ใช้งานได้ต่อเนื่อง และด้วยบริการดิจิทัลที่อำนวยความสะดวก ปลอดภัย เข้าถึงได้ตลอดเส้นทาง พร้อมเปิดตัว “น้องสุขใจ x อุ่นใจ” จุดเช็กอินในแหล่งท่องเที่ยวกว่า 100 จุดแลนด์มาร์กสุด UNSEEN
  2. เครือข่ายต้องแข็งแกร่ง ด้วยโครงข่ายอัจฉริยะ 5G ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และพร้อมเสริมศักยภาพให้ครอบคลุมทุกจุดหมายและเทศกาลสำคัญทั่วประเทศ
  3. ประสบการณ์ต้องพิเศษ ด้วยสิทธิประโยชน์จากเครือข่ายพันธมิตรที่หลากหลายมอบสิทธิประโยชน์ผ่าน AIS Points ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ จากพาร์ทเนอร์กว่า 1,000 แบรนด์ 30,000 ร้านค้าทั่วไทย เดินหน้าสร้างประสบการณ์ความอร่อยให้ลูกค้าในย่านฮิต พร้อมผสานพลังเครือข่ายพันธมิตรโอเปอเรเตอร์ชั้นนำจากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก เพื่อประชาสัมพันธ์โปรโมตให้ชาวต่างชาติรวมกว่า 1,200 ล้านราย มาเที่ยวเมืองไทยพร้อมได้รับความพิเศษอย่างต่อเนื่อง”

ด้านนายประพัฒน์ เสียงจันทร์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจค้าปลีก AIS กล่าวว่า “เพื่อตอกย้ำความเป็นเดสติเนชั่นที่เชื่อมต่อทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของคนไทย ด้วยงานบริการและสิทธิประโยชน์จัดเต็ม โดยไฮไลต์สำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้ ซึ่งจะขับเคลื่อน Ecosystem การท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน ประเดิมกิจกรรมแรกที่ “ถนนบรรทัดทอง” โดยร่วมมือกับสมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง ซึ่งเป็นย่านยอดนิยมของนักท่องเที่ยวสายกินและคนรุ่นใหม่ พร้อมมอบสิทธิพิเศษผ่าน 3 แคมเปญตลอดปี ไม่ว่าจะเป็น

  • อุ่นใจ เช็กอิน ฟินรับพอยท์@บรรทัดทอง กับจุดเช็กอินอุ่นใจ 10 จุดทั่วถนนบรรทัดทอง เพียงสแกน QR Code ผ่านแอป myAIS รับ AIS Points สูงสุด 50 คะแนน และเมื่อเช็กอินครบทั้ง 10 จุด รับฟรีอาหารจานพิเศษจากร้านค้าที่ร่วมรายการตลอดเดือนมิถุนายน 2568  นอกจากนี้ ลูกค้าที่มี AIS Points สามารถใช้เพียง 40 คะแนน เพื่อแลกรับส่วนลด 40 บาท ที่ร้านดังมากกว่า 100 ร้านตลอดทั้งถนนบรรทัดทอง ตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นปี
  • อิ่มฟิน อร่อยฟรี ขยายการใช้พอยท์ให้ครอบคลุมร้านอาหารเด็ดทั่วไทย ใน 87 เทศกาลท่องเที่ยว 59 จังหวัด ตลอดทั้งปี เพียงใช้ 40 พอยท์เพื่อรับส่วนลดความอร่อย 40 บาท
  • สิทธิพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ใช้บริการ AIS LUCKY TOURIST SIM รับสิทธิพิเศษสัมผัส Soft Power ไทย เช่น ส่วนลดเข้าชมสนามมวยราชดำเนิน, สวนสัตว์เขาเขียว, วอยเชอร์ KingPower, บริการห้องพักรับรองพิเศษจาก Central และประกันเดินทางฟรี

นายสิทธิฉันท์ วุฒิพรกุล ที่ปรึกษาสมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง กล่าวว่า “ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ AIS และ ททท. ที่ริเริ่มงานนี้ และเลือกย่านบรรทัดทองเป็นที่แรก สำหรับกิจกรรม อุ่นใจ เช็กอิน ฟินรับพอยท์ @ บรรทัดทอง ไม่เพียงเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติได้ประสบการณ์คุ้มค่า แต่ยังช่วยเพิ่มยอดขายและเปิดโอกาสให้ร้านค้าเข้าถึงลูกค้าใหม่จากทั่วโลก ทำให้ย่านบรรทัดทองกลับมาคึกคัก และกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน และช่วยยกระดับให้ย่านนี้เป็นจุดหมายปลายทางครบทั้งเรื่องกินและท่องเที่ยวอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น”

“ขอขอบคุณ ททท. ที่ให้ความไว้วางใจและเปิดโอกาสให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมต่อนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการท้องถิ่น และเศรษฐกิจไทยโดยรวมอย่างแน่นอน” นายสมชัย กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามรายละเอียดโครงการ ‘สุขใจ เที่ยวไทย อุ่นใจทุกที่’ ได้ที่ http://ais.th/consumers/campaign/aisxtat

เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลัง BDMS เปิดตัวแคมเปญ “BDMS PREVENTIVE VACCINE” ฉีดวัคซีนราคาพิเศษสำหรับลูกค้าประกันสุขภาพ

0

เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมมือกับ BDMS เดินหน้าส่งเสริมการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ยั่งยืนให้คนไทย เปิดตัวแคมเปญ “BDMS PREVENTIVE VACCINE” มอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ให้เข้าถึงวัคซีนป้องกันโรค ครอบคลุม 4 กลุ่มโรคหลักในราคาพิเศษที่โรงพยาบาลในเครือ BDMS ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้าการส่งมอบความสุขและรอยยิ้ม พร้อมสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน  ล่าสุดได้ร่วมกับ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เปิดตัวแคมเปญ “BDMS PREVENTIVE VACCINE” สำหรับผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ด้วยสิทธิ์ฉีดวัคซีนในราคาพิเศษ ณ โรงพยาบาลในเครือ BDMS ทั่วประเทศ 

แคมเปญดังกล่าว ถือเป็นความร่วมมือสำคัญระหว่างภาคธุรกิจประกันชีวิตและภาคบริการทางการแพทย์ที่มุ่งเน้นการยกระดับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เอาประกันในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ  และเป็นอีกก้าวสำคัญของวางรากฐานสู่ระบบสุขภาพที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน ผ่านความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนทั้งในด้านการแพทย์และประกันสุขภาพ  อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงวัคซีนในราคาพิเศษสำหรับประชาชนได้อีกทางหนึ่งด้วย  ทั้งนี้ภายในงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ มีนายปราโมทย์ ศักดิ์กำจร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส และแพทย์หญิงพิมพ์ชนก บุญยัง ผู้อำนวยการแพทย์ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมในพิธี งานจัดขึ้น ณ BDMS Connect Center  ถนนวิทยุ  

โดยสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ในแคมเปญ BDMS PREVENTIVE VACCINE รับวัคซีนในราคาสุดพิเศษ (รวมค่าแพทย์) ครอบคลุม 4 กลุ่มโรคหลัก ได้แก่ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ สำหรับผู้ใหญ่ราคา 500 บาท และเด็ก ราคา 700 บาท วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบสำหรับผู้ใหญ่ ราคา 3,500 บาท วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกสำหรับผู้ใหญ่ (2 เข็ม) รวมราคา 3,900 บาท และวัคซีนป้องกันโรควัคซีนงูสวัดสำหรับผู้ใหญ่ (2 เข็ม) รวมราคา 11,500 บาท โดยผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพของเมืองไทยประกันชีวิต สามารถแสดงหลักฐานเพื่อเข้ารับบริการได้  ณ โรงพยาบาลในเครือ BDMS ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่โรงพยาบาลในเครือ BDMS ทั่วประเทศ

ย้อนรอยอดีตอันรุ่งโรจน์ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา อยุธยา เปิดประตูสู่ขุมทรัพย์แห่งประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรพลาด!

0

เมื่อกล่าวถึง “อยุธยา” หลายคนคงนึกถึงภาพความยิ่งใหญ่ของราชธานีโบราณ เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเรื่องราวอันน่าค้นหา และหนึ่งในหมุดหมายสำคัญที่นักเดินทางผู้หลงใหลในประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาดเลยก็คือ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา” สถานที่ที่เปรียบเสมือนคลังสมบัติแห่งอดีต รอให้ผู้สนใจและนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือน เพื่อเปิดประตูพบกับอาณาจักรที่รุ่งโรจน์และเรืองรองอย่างน่าอัศจรรย์

ทำไมต้องมาเยือนพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา?

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งแรกของไทยที่สร้างขึ้นตามหลักพิพิธภัณฑสถานสากล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดแสดงโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบจากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ และวัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นโบราณวัตถุที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปะสูงยิ่ง การมาเยือนที่นี่จึงไม่ใช่เพียงการชมวัตถุโบราณ แต่เป็นการเดินทางย้อนเวลาเพื่อทำความเข้าใจวิถีชีวิต ความเชื่อ และความรุ่งเรืองของชาวอยุธยาในอดีต

ตอนนี้ อาคารส่วนหน้าอยู้ระหว่างบูรณะปรับปรุงใหม่ แต่ระหว่างนี้ มีการจัดนิทรรศการภายในอาคารเครื่องทองอยุธยา ซึ่งเป็นอาคารหลังใหม่ สร้างขึ้นสำหรับจัดแสดงโบราณวัตถุประเภทเครื่องทองอยุธยาที่ค้นพบในแหล่งโบราณคดีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้อยู่ในรูปแบบที่น่าสนใจ ทันสมัย โดยรวบรวมวัตถุโบราณมาจัดแสดงกว่า 2,200 รายการเลยทีเดียว

ต้องยอมรับว่า ทีแรกแอดมินรู้สึกเฉยๆ กับการเดินทางมาที่นี่ตามโปรแกรมท่องเที่ยว แต่เมื่อได้เข้ามาถึงและเห็นความอลังการและอเมซิ่งของสิ่งของโบราณล้ำค่ำมากมายให้อาคารนี้ สร้างความตื่นตาตื่นใจอย่างมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นไฮไลท์ของส่วนงานแสดงสมบัติโบราณที่ได้คืนจากกรุวัดราชบูรณะที่ถูกขุดและขโมยไปเมื่อปีพ.ศ. 2500 ไม่ว่าจะเป็น พระแสงขรรค์ชัยศรี, พระคชาธารจำลอง, พระสุวรรณมาลา

โดยเฉพาะส่วนที่อเมซิ่งที่สุด คือ ส่วนการแสดงจำลองภายในกรุวัดราชบูรณะ ที่ในอดีตมีการขุดพบวัตถุโบราณล้ำค่ามากมาย โดยเฉพาะพระปรางค์จำลองทองคำที่พบในกรุชั้น 2 ซึ่งถือว่าหากเป็นสภาพสมบูรณ์จะเป็นที่สุดของกรุทองคำของวัดราชบูรณะเลยก็ว่าได้ น่าเสียดายที่ถูกคนโลภขโมยไปได้ เหลือไว้เพียงบางส่วน แต่ก็พอจะนำชิ้นส่วนมาประติดประต่อเป็นแบบจำลองมาแสดงให้เห็น

ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด:

  • เครื่องทองราชกกุธภัณฑ์และเครื่องราชูปโภค: ตื่นตาตื่นใจกับเครื่องทองคำล้ำค่าที่ประดับตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง อาทิ พระแสงขรรค์ชัยศรี สุพรรณภาชน์ และเครื่องประดับต่างๆ ที่ล้วนสะท้อนถึงฐานะและชนชั้นของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ในสมัยนั้น
  • พระพุทธรูปทองคำ: ชมความงดงามของพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์ที่มีอายุหลายร้อยปี ซึ่งแสดงถึงความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและฝีมือเชิงช่างอันประณีตของชาวอยุธยา
  • เครื่องประดับและอัญมณี: พบกับเครื่องประดับที่ทำจากทองคำและอัญมณีหลากหลายชนิด ทั้งสร้อย สังวาล กำไล และตุ้มหู ซึ่งล้วนบอกเล่าเรื่องราวความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของอาณาจักร
  • พระพิมพ์และพระเครื่อง: ศึกษาพระพิมพ์และพระเครื่องที่ค้นพบจากกรุ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ช่วยยืนยันถึงความศรัทธาและความเชื่อของผู้คนในอดีต
  • โบราณวัตถุอื่นๆ: นอกจากนี้ ยังมีโบราณวัตถุอีกมากมายที่จัดแสดง อาทิ เครื่องถ้วยชาม อาวุธ และเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ที่ช่วยให้เราเห็นภาพชีวิตประจำวันของชาวอยุธยาได้อย่างชัดเจน

ประสบการณ์ที่ได้รับ:

แอดมินอยากบอกว่า การเดินเที่ยวส่วนนิทรรศการที่อาคารเครื่องทองอยุธยา พิธิพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา เป็นการเดินชมเที่ยวที่แสนเย็นสบาย เพราะภายในอาคารเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินกับการชมวัตถุโบราณต่างๆ แบบไม่เบื่อเลย

ที่สำคัญ มากกว่าแค่การเดินชม แต่เป็นการเรียนรู้ผ่านการสัมผัสของจริง การได้เห็นโบราณวัตถุอันล้ำค่าที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ ทำให้แอดมินอดจินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ รุ่งโรจน์ของอาณาจักรอยุธยาในอดีต และซาบซึ้งในคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ไว้ ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพสวยๆ โดยเฉพาะกับฉากหลังของโบราณวัตถุที่จัดแสดงอย่างเป็นระเบียบ แบ่งเป็นสัดส่วนชวนติดตามยิ่ง

การเดินทาง:

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพระนครศรีอยุธยา ใกล้กับวัดมหาธาตุและวัดราชบูรณะ ทำให้สะดวกในการเดินทางและสามารถเยี่ยมชมสถานที่สำคัญอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงได้พร้อมกัน

วันและเวลาทำการ

วันพุธ-วันอาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-16.00 น.

ค่าเข้าชม

  • คนไทย 30 บาท
  • ชาวต่างประเทศ 150 บาท
  • นักเรียนนักศึกษาในเครื่องแบบ / ภิกษุสามเณรและนักบวชในศาสนาต่างๆ ไม่เสียค่าธรรมเนียมเข้าชม

อย่ารอช้า! หากคุณกำลังวางแผนเดินทางไปจังหวัดอยุธยา อย่าลืมปักหมุด “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา” ไว้ในทริปเที่ยวครั้งต่อไปได้เลย แล้วมาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของอดีตที่ยังคงมีชีวิต ณ ที่แห่งนี้ เพื่อเปิดประสบการณ์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ไม่เหมือนใคร ใครที่หลงเสน่ห์ของเมืองเก่า จะยิ่งตกหลุมรักอยุธยามากกว่าเดิมแน่นอน

เมืองไทยประกันชีวิต ฉลองวันเกิดสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ มอบสิทธิพิเศษรับคะแนนสะสมคูณสอง พร้อมส่วนลดพิเศษจากพันธมิตรชั้นนำ

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า   เมืองไทยประกันชีวิต  เดินหน้าส่งมอบความสุขเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดแก่สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ประจำปี 2568 รับฟรีคะแนนสะสม 5 Smile Points สำหรับใช้แลกรับสิทธิพิเศษและบริการจากเมืองไทยสไมล์คลับ พร้อมรับคะแนนสะสมเพิ่มพิเศษ 2 เท่า เมื่อซื้อกรมธรรม์ใหม่ตามเงื่อนไข  (ยกเว้นประกันชีวิตควบการลงทุน Universal Life, Unit Linked และ PA Stand Alone)  และชำระเบี้ยประกันภัยแบบรายปี โดยผู้ที่ต้องการรับสิทธิ์นี้ จะต้องกดรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน MTL Click ก่อนทำการซื้อกรมธรรม์ใหม่ ภายในระยะเวลา 90 วันนับจากวันเกิด

นอกจากนี้ ลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิต สามารถเลือกรับส่วนลดจากพันธมิตรชั้นนำ ที่ทางบริษัทฯ  คัดสรรมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้า โดยสามารถตรวจสอบรายละเอียดและกดรับสิทธิ์ได้ที่    แอปพลิเคชัน MTL Click ภายในระยะเวลา 90 วันนับจากวันเกิดของลูกค้าเช่นกัน

ร้านค้าพันธมิตรที่เข้าร่วมโครงการ Muang Thai Birthday รายละเอียดดังนี้

  • HomePro & MegaHome : รับส่วนลด 100 บาท (เมื่อซื้อสินค้า 1,000 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ) ที่ โฮมโปร,    เมกาโฮมทุกสาขา และโฮมโปรออนไลน์
  • Jones’ Salad : รับส่วนลด 15% เมื่อสั่งอาหารครบตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป ทั้งแบบสั่งทานที่ร้านและสั่งกลับบ้านไม่รวมสินค้าฝากขาย
  • Skechers (สเก็ตเชอร์ส) : รับส่วนลด 300 บาท เมื่อมียอดซื้อหลังหักส่วนลดครบ 2,500  บาท เฉพาะสาขาที่เข้าร่วมโครงการฯ
  • โรงพยาบาลกรุงเทพ (โปรแกรมตรวจสุขภาพ) : รับส่วนลดโปรแกรมตรวจสุขภาพ Muang Thai Birthday ชำระในราคา 6,200 บาท ปกติ 14,560 บาท เฉพาะโรงพยาบาลในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ที่เข้าร่วมโครงการ
  • โรงแรมเซ็นทารา (ส่วนลดบริการ Spa) : รับส่วนลดราคาพิเศษจาก Reserve Spa Cenvaree, SPA Cenvaree และ Cense by SPA Cenvaree
  • โรงแรมเซ็นทารา (ส่วนลดร้านอาหาร) : รับส่วนลด 15% สำหรับค่าอาหารเมนู à la carte (ไม่รวมรายการเครื่องดื่ม) ที่โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราที่ร่วมรายการ
  • SCG Home : รับส่วนลด 200 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 2,000 บาทขึ้นไป (เฉพาะสินค้ากลุ่มสินค้าเพื่อบ้าน และ กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและไลฟ์สไตล์ ยกเว้น หมวดค่าสำรวจ หมวดงานบริการ และใบเสนอราคางานบริการ)
  • ร้านนายอินทร์ : รับส่วนลด 20% เมื่อซื้อหนังสือครบ 500 บาท ขึ้นไป ที่ร้านนายอินทร์ทุกสาขา ยกเว้นสาขาสนามบินสุวรรณภูมิ
  • The Coral Lounge : รับส่วนลด 60% สำหรับใช้เป็นส่วนลดการซื้อสิทธิ์เข้าใช้บริการ The Coral Lounge
  • Potico บริการจัดส่งช่อดอกไม้ และของขวัญ : รับส่วนลด 20% ลดสูงสุด 150 บาท (ไม่มีขั้นต่ำในการสั่งซื้อ) สำหรับการสั่งซื้อสินค้าบนเว็บไซต์หรือเเอปพลิเคชันของ Potico

ทั้งนี้ ลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิต สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ สามารถติดตามกิจกรรมและสิทธิประโยชน์  ตามเทศกาลหรือตลอดทั้งปีได้ที่ เว็บไซต์เมืองไทยประกันชีวิต www.muangthai.co.th  หรือดาวน์โหลด   แอปพลิเคชัน MTL Click ได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1766 ตลอด 24 ชั่วโมง

ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับจดทะเบียน DR “TENCENT01” ออกโดย BLS เริ่มซื้อขาย 19 พ.ค. นี้

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รับจดทะเบียนหลักทรัพย์ใหม่ DR “TENCENT01” อ้างอิงหุ้น Tencent Holdings เจ้าของแพลตฟอร์ม WeChat และผู้นำตลาดเกมออนไลน์ของประเทศจีน ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ออกโดย บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 19 พฤษภาคม 2568 นี้

ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depositary Receipt หรือ DR) เป็นตราสารที่ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์เสมือนการถือครองหลักทรัพย์ต่างประเทศ ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยเงินบาท ผู้สนใจศึกษารายละเอียด DR “TENCENT01” ได้ที่เว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต. www.sec.or.th หรือบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์คือ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) www.bualuang.co.th/dr หรือศึกษาผลิตภัณฑ์ DR เพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th/dr