Home Blog Page 5

เมืองไทยประกันชีวิต มอบฟรีประกันอุบัติเหตุ “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มสงกรานต์คลายร้อน (ไมโครอินชัวรันส์)” อุ่นใจรับสงกรานต์

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำนโยบายของเมืองไทยประกันชีวิต ที่มีความมุ่งมั่นในการสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุก ๆ คนในสังคม (Democratizing Insurance) เพื่อเป็นส่วนช่วยให้ทุกคนได้มีความอุ่นใจ มีหลักประกันที่มั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุให้กับตนเองและครอบครัว สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบการประกันภัยเพื่อบริหารความเสี่ยงจากอุบัติเหตุได้สะดวก เข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น

เมืองไทยประกันชีวิต จึงขอมอบความอุ่นใจที่มากขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งความสุขของทุกคน ด้วยการมอบความคุ้มครอง “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มสงกรานต์คลายร้อน (ไมโครอินชัวรันส์)” ฟรี… ซึ่งเป็นประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งด้านชีวิตและค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ ให้กับประชาชาชนทั่วไป โดยสามารถกดรับสิทธิ์และลงทะเบียนผ่าน Link หรือ QR Code บนช่องทาง Social Media ของบริษัทฯ ประกอบด้วย ช่องทาง Facebook, Instagram, Line Official Account ของ Muang Thai Life โดยสามารถรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 8 – 30 เมษายน 2567 หรือ มีผู้รับสิทธิ์ครบจำนวน 50,000 สิทธิ์ โดยผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จจะได้รับ SMS ยืนยันความคุ้มครอง

สำหรับข้อตกลงความคุ้มครองที่จะได้รับจาก “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มสงกรานต์คลายร้อน (ไมโครอินชัวรันส์)” ประกอบด้วย 1. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท 2. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท 3. ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุสาธารณะ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท และ 4. ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวน

ที่จ่ายจริง ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการจ้างพยาบาลพิเศษ อุปกรณ์ค้ำยันต่าง ๆ (ยกเว้นไม้ค้ำยัน) รถเข็นผู้ป่วย อวัยวะเทียมภายนอกร่างกาย ค่ารักษาพยาบาลโดยแพทย์ทางเลือก (Alternative medicine) การฝังเข็ม จำนวนเงินเอาประกันภัย 5,000 บาท

โดย“กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มสงกรานต์คลายร้อน (ไมโครอินชัวรันส์)” มีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลาเอาประกันภัย ซึ่งผู้ที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องถือสัญชาติไทยเท่านั้น และมีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย

ทั้งนี้ผู้ที่สนใจ สามารถกดรับสิทธิ์และลงทะเบียนผ่านช่องทาง Social Media ของบริษัทฯ ได้ที่ช่องทาง Facebook, Instagram, Line Official Account : Muang Thai Life หรือคลิก https://webmtl.co/4cGSFiu สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.muangthai.co.th หรือติดต่อเมืองไทยประกันชีวิต โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

AIS เปิดปฏิบัติการ “ตัดขาแก๊งคอลจีนเทา สะพายเป้ใส่เครื่องเกี่ยวสัญญาณ ตระเวณส่ง sms หลอกเหยื่อ ย่านสยาม” 

เอไอเอส ร่วมมือกับ ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาญากรรมทางเทคโนโลยี 3 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดปฏิบัติการ “หักขาแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ” ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ให้เร่งระดมปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 

จากเบาะแสที่ได้รับจากประชาชนเกี่ยวกับข้อมูล sms ปลอม ซึ่งเป็นของกลุ่มคนร้ายเชื่อว่ามีการกระทำความผิดหลอกลวงประชาชน จึงได้ทำการสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการเครือข่ายเอไอเอส ของขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ที่มีลักษณะส่งข้อความ(SMS) หลอกลวงประชาชน โดยนำอุปกรณ์เครื่องจำลองสถานี(False base station) ซึ่งเป็นเครื่องที่ไม่ใช่ของผู้ให้บริการโดยถูกต้อง จากการสืบสวนและประสานกับ ผู้ให้บริการเครือข่ายพบว่า เครื่องจำลองสถานีดังกล่าวได้มีการใช้งานอยู่ในพื้นที่บริเวณย่านศูนย์การค้าสยามพารากอน ซึ่งจากการสันนิษฐานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะมีการใช้เครื่องจำลองสถานีแบบพกพา

พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.คัมภีร์ พรหมสนธิ รอง ผบก.สอท.3 พร้อมด้วย พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 นำกำลังข้าราชการตำรวจบก.สอท.3 เปิดปฏิบัติการ “หักขาแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ” ลงพื้นที่หาข่าวร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการเครื่อข่ายเอไอเอส เพื่อทำการสืบสวนหาเครื่องจำลองสถานีดังกล่าวจนกระทั้งเมื่อ วันที่  8 เม.ย.67 เวลา 18.00 น. พบชายต้องสงสัยจำนวน 2 คน ทราบภายหลังเป็นชาวฮ่องกง เดินอยู่ที่ห้างสยามพารากอน โดยชายคนหนึ่งนั้นสะพายกระเป๋าเป้เหมือนมีสิ่งของมีน้ำหนักอยู่ภายใน เชื่อว่าน่าจะเป็นเครื่องจำลองสถานีแบบพกพา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการเดินติดตาม จนพบบุคคลดังกล่าวท่าทางมีพิรุธต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวขออนุญาตตรวจค้นสิ่งของที่อยู่ภายในกระเป๋าเป้ของชายคนดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบเครื่องจำลองสถานี(False base station) จำนวน 1 เครื่องเป็นเครื่องส่งข้อความ(SMS) ซึ่งเป็นในลักษณะของการจำลองเสา(False base station) ส่งสัญญาณปลอมของเครือข่ายเอไอเอส ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวนี้เป็นเครื่องวิทยุโทรคมนาคมซึ่งจากการตรวจสอบเครื่องดังกล่าวไม่พบข้อมูลผ่านการตรวจสอบหรือได้รับอนุญาตจาก กสทช.แต่อย่างใด

จากการตรวจสอบอุปกรณ์ พบว่าเป็นการจำลองสถานีส่งสัญญาณคลื่นความถี่เดียวกับเครือข่ายเอไอเอส โดยทำหน้าที่ในการส่งข้อความ(SMS) ให้กับผู้คนที่อยู่ใกล้เครื่องดังกล่าวในรัศมีส่งไม่เกิน 1 กม. โดยมีการเชื่อมต่อไวไฟกับโทรศัพท์มือถือของกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อส่งข้อความโดยปรากฎข้อความว่า “บริการคะแนน AIS แจ้งบัญชีคะแนนบัญชีปัจจุบันของคุณว่า (3,2022 คะแนนกำลังจะหมดอายุเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ตามมาแลกคะแนนของคุณทันที) :https://ais-th.buzz/mypoint” จากการซักถามข้อมูลทราบว่าผู้ต้องหาชาวฮ่องกงดังกล่าว ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 มี.ค.67 โดยผ่านด่านตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จว.สงขลา ให้เข้าอยู่ในประเทศไทย 30 วัน สิ้นสุดวันอนุญาต 28 เม.ย.67   พักอาศัยอยู่ที่โรงแรมไอสนุก 118 ซ.สองพระ แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร โดยเมื่อวันที่ 8 เม.ย.67 เวลา 09.00 น. ได้ออกจากที่พักไปที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และห้างสยามพารากอน

จากปฏิบัติการดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา

๑.   นายยิป อายุ 44 ปี สัญชาติ จีน

๒.   นายลี  อายุ 26 ปี สัญชาติ จีน

และได้ตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินหลายรายการ

             1.เครื่องจำลองสถานี(False base station) 1 เครื่อง

             2.โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง

             3.กระเป๋าสะพาย 1 ใบ

             4.รถจักรยานยนต์ 1 คัน

โดยได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498,ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม” แล้วนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

        ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลไปถึงตัว ผู้จ้างวาน เครือข่ายของขบวนการนี้  เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย  และให้การป้องกันปราบปรามขบวนการดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วและเด็ดขาด ตลอดจนฝากประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนหากได้รับข้อความ(SMS) ในลักษณะแนบลิงค์ดังกล่าวข้างต้นห้ามกดลิงค์โดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นอาจตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้

วรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “จากกรณีปัญหามิจฉาชีพละเมิดการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชน ได้สร้างความเดือดร้อน รำคาญ ไปจนถึงความเสียหายต่อทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคล มากขึ้นตามลำดับ อีกทั้งปัจจุบันมิจฉาชีพ ได้พลิกแพลงรูปแบบการละเมิดเพิ่มเติมขึ้น อย่างการส่ง SMS จากเครือข่ายปลอมด้วยอุปกรณ์ผิดกฎหมายไปยังมือถือประชาชน ที่เรียกว่า False Base Station (FBS) หรือ Fake Base Station โดยใช้ชื่อผู้ส่ง (Sender name) ปลอมแปลงในนามขององค์กรต่างๆ อาทิ ธนาคาร,  บริการประเภทต่างๆ เพื่อหลอกให้ประชาชนที่ได้รับข้อความหลงเชื่อว่าเป็น SMS จากหน่วยงานนั้นๆ จริง และล่อลวงให้กดลิงก์, แอดไลน์ หรือ รูปแบบอื่นๆ จนก่อให้เกิดความเสียหาย ทั้งทรัพย์สิน หรือ ข้อมูลส่วนบุคคล 

ซึ่ง AIS ในฐานะผู้ให้บริการเครือข่าย ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติจากในระบบเครือข่าย และทีมวิศวกร ได้ร่วมทำงานกับฝ่ายความมั่นคงทุกฝ่ายอย่างเต็มกำลังมาอย่างต่อเนื่องในการเฝ้าดูและติดตามพฤติกรรมของมิจฉาชีพตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านเทคโนโลยี Tracking & Monitoring จนสามารถคำนวณเส้นทางการเคลื่อนตัวอย่างละเอียดเพื่อค้นหาให้ถึงแหล่งกบดานของกลุ่มนี้ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภารกิจการทลายแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มนี้สำเร็จลงได้”

ด้วยความห่วงใย บริษัทฯ จึงขอแจ้งไปยังประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อ และให้ข้อมูลส่วนบุคคลผ่านการกดลิงก์, แอดไลน์ หรือ ตอบกลับ SMS รวมถึงงดให้ข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ  เลขบัตรประชาชน, เลขบัตรเครดิต และ วันเดือนปีเกิด รวมทั้งรหัส OTP ในการทําธุรกรรมใดๆ แก่แหล่งที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ และหากเป็นลูกค้า AIS หากพบกรณีผิดปกติ สามารถโทรแจ้งผ่านสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center  ได้ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง โดย AIS จะตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

“สาระ ล่ำซำ” รับรางวัล CEO Thailand Prime Awards ควบ Brand Maker Award

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสาระ ล่ำซำ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  รับรางวัลเกียรติยศแห่งปี “2024 CEO Thailand Prime Awards”  จากนิตยสาร BrandAge   ผู้นำสื่อนิตยสารการตลาดชั้นนำของประเทศ  สำหรับรางวัล 2024 CEO Thailand Prime Awards  นับเป็นการจัดมอบรางวัลเป็นครั้งแรกของนิตยสาร BrandAge มีการประกาศและมอบรางวัลนี้ โดยได้ร่วมมือกับบริษัท โอเชี่ยน สกาย เน็ตเวิร์ค จำกัด ผู้พัฒนา Mandala AI Engine and Solutions  นำเทคโนโลยี AI มาผนวกกับงานวิจัยของ BrandAge  พร้อมกับนำผลที่ได้จากการใช้ Mandala AI มาให้คณะกรรมการอีก 6 ท่าน ร่วมพิจารณา  ซึ่งประกอบด้วย คณบดีคณะวารสารศาตร์และสื่อสารมวลชนมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์  คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น  ผู้ช่วยอธิการบดีและผู้อำนวยการศูนย์ BrandKU มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  นายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย และผู้ทรงคุณวุฒิ 

สาระ ล่ำซำ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

โดยในปีนี้ นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลดังกล่าว และเป็นผู้รับรางวัลคนแรกและคนเดียวของการจัดมอบรางวัลดังกล่าว ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในการบริหารเมืองไทยประกันชีวิต

ทั้งนี้นายสาระ ล่ำซำ ยังได้รับรางวัลพิเศษ “Brand Maker Award” จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ     ที่มอบให้แก่ “นายสาระ ล่ำซำ” ผู้บริหารที่สามารถสร้างแบรนด์ที่นำพาเมืองไทยประกันชีวิตให้ประสบความสำเร็จมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง  สร้างความโดดเด่นมีความเป็นผู้นำตลาด และมุ่งสร้างสรรค์ในทุกมิติทั้งด้านผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรม นอกจากนี้ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ยังคว้ารางวัล 2024 Thailand’s Most Admired Brand ปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่ “เมืองไทยประกันชีวิต” สามารถรักษาความเป็นที่ 1 จากผลสำรวจวิจัยในหมวด “ธนาคารและบริการทางการเงิน” กลุ่ม “ประกันชีวิตดิจิทัล” (InsurTech)  ได้อย่างต่อเนื่อง  สะท้อนความเป็น “องค์กรแห่งนวัตกรรม” ที่พร้อมเดินหน้าส่งมอบความสุขและรอยยิ้มไปสู่กลุ่มเป้าหมายผ่านเทคโนโลยีมากมาย  อาทิ AI, Machine Learning, Automation  ตลอดจนการนำ Digital Tools มาประยุกต์ใช้ในทุกกระบวนการทำงาน ทั้งด้านการขาย การพิจารณารับประกัน การพิจารณาสินไหม การให้บริการหลังการขายด้วยแอปพลิเคชัน MTL Click  เป็นต้น

AIS จ่ายค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 700 MHz งวดที่ 4 เรียบร้อย

บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) บริษัทในกลุ่ม AIS เข้าชำระเงินค่าคลื่นความถี่ย่าน 700 MHz งวด 4 เป็นเงิน 3,670,849,000 บาท (สามพันหกร้อยเจ็ดสิบล้านแปดแสนสี่หมื่นเก้าพันบาท) รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ให้แก่ กสทช. โดยมี นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สายงานกิจการโทรคมนาคม เป็นผู้รับมอบเพื่อนำส่งเป็นรายได้ของประเทศต่อไป

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS 

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “เป้าหมายที่สำคัญของ AIS คือการเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล หรือ Digital Infrastructure ที่แข็งแกร่งให้กับประเทศตามวิสัยทัศน์การเป็น Cognitive Tech-Co หรือองค์กรเทคโนโลยีโทรคมนาคมอัจฉริยะ โดยเราเป็นผู้ให้บริการที่มีคลื่นความถี่ครบและมากที่สุดรวม 1460 MHz ทำให้ AIS มีศักยภาพในการส่งมอบประสบการณ์การใช้งานได้ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะคลื่น 700 MHz ที่มีส่วนสำคัญต่อการขยายความครอบคลุมของโครงข่ายสัญญาณ 5G ที่วันนี้เราสามารถส่งมอบการให้บริการ 5G ได้ครอบคลุมแล้วกว่า 90% ของพื้นที่ประชากร รวมถึงเรายังนำ 5G เข้าไปเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจของภาคอุตสาหกรรม เป็นตัวช่วยในการพัฒนาเทคโนโลยี โซลูชันเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และช่วยยกระดับเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย”

“เรายังคงเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายความครอบคลุม 5G เพื่อรองรับโอกาสและสนับสนุนการเติบโตในทุกภาคส่วนของประเทศ นับเป็นการยืนยันว่าลูกค้าทุกกลุ่มทั้งลูกค้าทั่วไป องค์กรภาคธุรกิจ หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่จะได้รับประสบการณ์และบริการที่ดีที่สุดจาก AIS ในทุกมิติ” นายวรุณเทพ กล่าว

เป็นลูกค้าธนาคารออมสินเท่ากับช่วยสังคม

ขอบคุณอะไรกันเนี่ยะ

จะเป็นยังไงถ้า…
วันนี้ทุกการใช้บริการออมสินของคุณ
จะทำให้ป้าศรี ลุงสมศักดิ์ น้าสมใจ และอีกมากมายได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
เพราะแค่เป็นลูกค้าธนาคารออมสิน = ช่วยสังคม

7 เม.ย. วันอนามัยโลก ซีพีเอฟ สนับสนุนสิทธิการเข้าถึงอาหารที่ดีอย่างเท่าเทียม เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา “นวัตกรรมอาหาร” ที่มีความปลอดภัย ส่งเสริมสุขภาพที่ดี รสชาติอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ ตอบสนองความต้องการอาหารของผู้บริโภคทุกช่วงวัยและสามารถเข้าถึงอาหารได้อย่างทั่วถึงทุกคน ภายใต้วิสัยทัศน์ “ครัวของโลกที่ยั่งยืน”

นางนลินี โรบินสัน ผู้บริหารสูงสุด สายงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหาร ซีพีเอฟ (CPF RD Center) กล่าวว่า บริษัทฯ ตระหนักดีว่าอาหารปลอดภัย เป็นปัจจัยหลักที่ส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีของทุกคน การเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการ และดีต่อสุขภาพ เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับอย่างเท่าเทียมกัน

ขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลก กำหนดให้วันที่ 7 เมษายน ของทุกปี เป็น “วันอนามัยโลก” (World Health Day) เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนและทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพ ทั้งในเรื่องการควบคุม ป้องกัน แก้ปัญหา และส่งเสริมด้านสุขภาพของประชาชนอย่างทั่วถึงเท่าเทียม โดยแนวคิดในปีนี้ คือ “My health, my right”

ซีพีเอฟ ในฐานะผู้ผลิตอาหารชั้นนำระดับโลก มุ่งมั่นเดินหน้าคิดค้น วิจัยและพัฒนาอาหารที่ส่งเสริมการมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน ให้ประชาชนทั่วโลกมีโอกาสเข้าถึงเพื่อตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหาร รวมทั้งมีรสชาติอร่อยตรงใจผู้บริโภค มีคุณค่าทางอาหาร และดีต่อสุขภาพ ตามนโยบายของบริษัทในการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่ที่อร่อย มีความหลากหลาย ดีต่อสุขภาพ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงขึ้น ตรงตามความต้องการอาหารของผู้บริโภคในแต่ละช่วงวัย ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคครอบคลุมทุกกลุ่มคน ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในประเทศและทั่วโลก

บริษัทฯ มีนโยบายหลักในการสร้างและส่งมอบอาหารปลอดภัย คุณภาพดี พร้อมให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพผู้บริโภคด้วยอาหารที่รับประทาน โดยได้ผลิตอาหารเพื่อสุขภาพ อาทิ อาหารปริมาณโซเดียมต่ำ ที่ยังคงรสชาติอร่อย ช่วยป้องกันการเกิดกลุ่มโรคไม่ติดต่อ NCDs (Non-Communicable diseases) ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพอันดับหนึ่งของโลกและของประเทศไทย รวมถึงอาหารสำหรับผู้มีปัญหาสุขภาพที่ต้องการคุณค่าทางโภชนาการที่แตกต่างจากคนสุขภาพดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตอาหารเฉพาะกลุ่ม ปัจจุบันประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้สูงอายุมากที่สุดในโลก ซึ่งคนกลุ่มนี้ต้องการอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ให้พลังงานที่เหมาะสม ย่อยง่าย รสชาติอร่อย เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้รับประทานอาหารอย่างมีความสุขและได้รับสารอาหารครบถ้วน

“ซีพีเอฟ มีการกำหนดนโยบายคุณภาพ และประกาศความมุ่งมั่นภายใต้หลักปฏิบัติในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น นโยบายสุขโภชนาการ ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารตลอดห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท เพื่อยกระดับมาตรฐาน ด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และการผลิตอาหารอย่างยั่งยืนด้วยมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก (One Standard for AIl)” นางนลินี กล่าว

นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ยังผลิตอาหารที่ตอบโจทย์ไลฟ์สเตจ (Life Stage) เหมาะสมกับผู้บริโภคในทุกช่วงวัย ตั้งแต่อาหารวัยเด็กไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย รวมทั้งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ (Lifestyle) ในทุกโอกาสของการกิน ตั้งแต่ อาหารเช้า อาหารระหว่างวัน อาหารกินเล่น อาหารกินอิ่มท้อง หรือ ตอบโจทย์เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ ลดเค็ม หรืออาหารโปรตีนทางเลือกอย่าง Meat Zero รวมถึงอาหารเพื่อสุขภาพ และอาหารทางการแพทย์ อย่าง NutriMax

AIS The StartUp ชี้ถึงเวลาสตาร์ทอัพไทยอัพสกิล ทำธุรกิจอย่างยั่งยืน บนหลัก ESG ผนึกพันธมิตรรอบด้านเติบโตร่วมกัน

AIS The StartUp ตอกย้ำเป้าหมายการเป็นพาร์ทเนอร์ที่พร้อมผลักดันและสนับสนุนการทำงานของผู้ประกอบการสตาร์ทอัพและ Tech SMEs ไทย ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิดที่สร้างการเติบโตแบบร่วมกันหรือ “Partnership for Inclusive Growth” โดยมุ่งนำขีดความสามารถของดิจิทัลโครงข่าย เทคโนโลยีแพลตฟอร์ม เชื่อมต่อการเข้าถึงขยายการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงการแบ่งปันองค์ความรู้แขนงต่างๆ ที่มีความจำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ

โดยเฉพาะในประเด็นด้านการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลักการ ESG (Environment, Social, Governance) ที่วันนี้ AIS The StartUp ได้ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย (Thai Startup Association) ในการ “สร้าง เสริม และต่อยอด” หลักการด้าน ESG ภายใต้โครงการ “ESG to Capital for Tech Entrepreneurs” ที่จะช่วยเสริมแกร่งให้กับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพมีความเข้าใจในการประยุกต์ใช้หลักการด้าน ESG เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงการลงทุนและการประเมินมูลค่าบริษัท โดยเฉพาะการวางรากฐานหลักธรรมาภิบาลในมิติต่างๆ เช่น ธรรมาภิบาลองค์กร (Corporate Governance), ธรรมาภิบาลการสร้างพันธมิตร (Partnership Governance), ธรรมาภิบาลทางการเงิน (Financial Governance), หรือ การกำกับดูแลผู้ถือหุ้น (Shareholder Governance) เป็นต้น อันเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะได้รับความเชื่อมั่น และพร้อมทางการแข่งขันในตลาดทุน

ดร.ศรีหทัย พราหมณี ผู้จัดการด้าน AIS The StartUp กล่าวว่า “ด้วยเป้าหมายการทำงานหลักของ AIS The StartUp คือการเป็นเพื่อนคู่คิดกับผู้ประกอบการเพื่อร่วมกันหาโอกาสและสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน ทำให้ที่ผ่านมานอกเหนือจากการนำศักยภาพของดิจิทัลโครงข่าย เทคโนโลยีโซลูชัน หรือแม้แต่ช่องทางในการเข้าถึงฐานลูกค้าของ AIS พาร์ทเนอร์และบริษัทในกลุ่มแล้ว เรายังเติมเต็มสิ่งที่เป็นเสาหลักของการดำเนินธุรกิจอย่างองค์ความรู้ในด้านต่างๆ อย่างในปีที่ผ่านมาเราจัด IPO Brotherhood ซึ่งเป็น Exclusive Knowledge Sharing ในเรื่องการบริหารจัดการองค์กรในมิติต่างๆ แบบมืออาชีพ อาทิ การวางโครงสร้างของระบบไอที, ข้อกฎหมายในธุรกิจดิจิทัล หรือแม้แต่วิธีการจัดการกับการสื่อสารในช่วงวิกฤติ ซึ่งทั้งหมดล้วนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

นอกเหนือจากสาระสำคัญด้านการบริหารจัดการในองค์กรแล้ว วันนี้บริบทในโลกธุรกิจยังให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ความเสี่ยงการลงทุนและการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามกรอบแนวคิดทั้งในเรื่องของสิ่งแวดล้อมสังคม และหลักธรรมาภิบาล หรือ ESG นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราชวนพาร์ทเนอร์อย่าง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย พร้อมผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญ มาร่วมกันแบ่งปันองค์ความรู้และประสบการณ์จริงด้าน ESG ภายใต้โครงการ ESG to Capital for Tech Entrepreneurs ที่ขนทัพความรู้ทั้งในมุมมองภาพใหญ่ในเชิงนโยบายของภาครัฐด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนกับทิศทางการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนสตาร์ทอัพและการเติบโตขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ หรือแม้แต่เชื่อมต่อกับองค์กรชั้นนำเพื่อมาแบ่งปันและร่วมสะท้อนปัญหาและความสำคัญในการนำ ESG เข้าไปเป็นหนึ่งในกระบวนการทำงานของธุรกิจ”

สำหรับโครงการ “ESG to Capital for Tech Entrepreneurs” เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของ AIS The StartUp ที่มุ่งอัพสกิลให้กับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ มีความเข้าใจในการวิเคราะห์ความเสี่ยงการลงทุนและการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบการดำเนินงาน ESG ด้วยเนื้อหาที่มีความเข้มข้นจากพาร์ทเนอร์และวิทยากรจากองค์กรชั้นนำระดับประเทศ ที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์และแลกเปลี่ยนตลอด 3 เดือนเต็ม

โดยมีภารกิจสำคัญในการ “สร้าง” ความเข้าใจและชี้ให้เห็นถึงความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การดูแลกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียกับธุรกิจทั้งพนักงาน คู่ค้า และชุมชน รวมถึงในด้าน Governance ธรรมาภิบาล ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่นักลงทุนใช้เพื่อประเมินมูลค่าบริษัท และตรวจสอบว่าธุรกิจมีการจัดการบริหาร การกำกับดูแลเพื่อประเมินความเสี่ยง และสามารถจัดการองค์กรให้มีประสิทธิภาพความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียได้มากน้อยขนาดไหน

“เสริม” ศักยภาพการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากการลงทุนและการดำเนินธุรกิจด้วยการมีรากฐานและวางกลยุทธ์ธุรกิจตามหลักการณ์ ESG ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับรูปแบบและขนาดของบริษัทสตาร์ทอัพ รวมถึงยังสามารถ “ต่อยอด” ให้สตาร์ทอัพไทยมีความได้เปรียบทางการแข่งขันพร้อมเติบโตได้ไกลในตลาดทุนต่อไป

“เราเชื่อว่าหัวใจสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพเติบโตได้อย่างยั่งยืนไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินทุนเท่านั้น แต่ทักษะ องค์ความรู้ เครื่องมือด้านดิจิทัล โซลูชัน หรือแม้การเข้าถึงตลาดและฐานลูกค้า ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ดังนั้นการเติบโตแบบร่วมกันหรือ Partnership for Inclusive Growth จึงเป็นแนวทางการทำงานของ AIS The StartUp ที่ยืดถือมาโดยตลอด เพราะแนวทางดังกล่าวจะสามารถผลักดันให้ผู้ประกอบการมีรากฐานในการดำเนินธุรกิจที่แข็งแรง โดยเฉพาะการวางกลยุทธ์ด้าน ESG ที่มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการลดความเสี่ยง เตรียมความพร้อม และเปิดประตูโอกาสการเข้าสู่ตลาดทุนและขยายขนาดการเติบโตขององค์กร (Scale up) ได้ต่อไป” ดร.ศรีหทัย กล่าวทิ้งท้าย

เมืองไทยประกันชีวิต จัดพิธีทำบุญครบรอบ 73 ปีก่อตั้งบริษัท

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จัดพิธีทำบุญครบรอบ 73 ปีการก่อตั้งบริษัทฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล ในการนี้ได้นิมนต์พระพรหมวชิราธิบดี  เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร  และคณะสงฆ์รวม 9 รูป ทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์   พร้อมจัดพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบริษัทฯ โดยมี นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ ประธานกรรมการ นางยุพา ล่ำซำ นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายภูมิชาย  ล่ำซำ ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และพนักงาน ร่วมในพิธี งานจัดขึ้น ณ เมืองไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่

ทั้งนี้ ในปี 2567 เมืองไทยประกันชีวิต ยังคงมุ่งมั่นในการเป็นบริษัทประกันชีวิตที่คอยส่งมอบความสุขและรอยยิ้มอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นคู่คิดด้านการวางแผนชีวิตและสุขภาพที่คุณวางใจ (No. 1 Most Trusted Partner in Life & Health Planning) ด้วยกลยุทธ์ “Happiness, Your Way เพราะความสุขคือทุกอย่าง…ความสุขสไตล์คุณคือที่สุดของทุกสิ่ง” ควบคู่ไปกับความตั้งใจในการสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุก ๆ คนในสังคม (Democratizing Insurance)

ด้วยการเดินหน้าออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ รวมไปถึงนวัตกรรมที่ทันสมัย ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างได้อย่างเข้าใจ เข้าถึงได้จริง และใส่ใจทุกความหลากหลาย เพื่อเป็นส่วนช่วยให้ทุกคนได้ มีหลักประกันที่มั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ตามแนวนโยบายสำคัญของบริษัทฯ ที่ต้องการขับเคลื่อนองค์กรด้วยการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นมิติสิ่งแวดล้อม (Environment)  มิติสังคม (Social) และมิติบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (Governance and Economy) หรือ ESG 

รู้เก็บรู้ออม : แก่แล้วไง มีตังค์ใช้

จบไปแล้วสำหรับกิจกรรมดีๆ ของตลาดหลักทรัพย์ฯ กับการจัดงาน “จาก Aged Society สู่ Happy Young Old” เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเปิดเวทีพูดคุย แลกเปลี่ยน แนวคิดหลากหลายแง่มุมให้ผู้ที่เตรียมเกษียณหรือเกษียณแล้ว ได้เตรียมตัววางแผนสำหรับการใช้ชีวิตเกษียณอย่างมีความสุข กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Happy Money, Happy Young Old ปูนนี้ (ก็) มีใช้” เพื่อเตรียมความพร้อมสู่สังคมสูงวัยอย่างคุณภาพ

มีหลากมุมมองและหลายแนวคิดที่ “คุณนายพารวย” เห็นว่ามีประโยชน์ อยากนำมาถ่ายทอดต่อให้แฟนคอลัมน์ “รู้เก็บรู้ออมฯ” ได้อ่านกัน หัวข้อนึงที่น่าสนใจ คือ หลายคนมักคิดว่าตัวเองเตรียมเงินไว้ก่อนเกษียณเพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะบริหารเงินหลังเกษียณได้

ดร.เมธี จันทวิมล วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ตลาดหลักทรัพย์ฯ แนะเคล็ดลับวิธีบริหารจัดการเงินเพื่อเตรียมไว้หลังเกษียณดังนี้ 1.การประเมินค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ ให้พิจารณาว่า มีรายรับ เช่น เงินเกษียณ เงินประกันสังคม เพียงพอกับรายจ่ายหรือไม่ หรือสำรวจรายได้จากการลงทุน เช่น ดอกเบี้ยเงินฝาก หรือเงินปันผลจากการลงทุนอื่นๆ 2.นำเงินมาจัดสรรแบ่งใช้ตามช่วงเวลา ปี 1-2 เป็นช่วงของเงินสำรองที่ใช้ในช่วงแรก ปีที่ 3-10 เป็นช่วงของการนำเงินมาลงทุนเพื่อสร้างกระแสเงินสด และหลังปีที่ 10 เป็นการวางแผนการเงินเพื่อดูแลสุขภาพ และ 3.การทบทวนทรัพย์สิน ทรัพย์สินบางประเภทที่ต้องเสียภาษี ซึ่งจะกลายเป็นค่าใช้จ่าย จึงควรจัดสรรอย่างเหมาะสมเพื่อลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้

ด้าน ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานคณะกรรมการ บริษัท ชีวามิตร วิสาหกิจเพื่อสังคม ได้พูดถึงเรื่องนี้ไว้ว่า การวางแผนชีวิตเกษียณสุขนั้น คือการเตรียมพร้อมก่อนเสียชีวิต ทรัพย์สินที่อาจเป็นภาระค่าใช้จ่ายในอนาคต เราสามารถนำมาขายเป็นเงินและนำไปลงทุนอย่างระมัดระวังเพื่อให้ได้ผลตอบแทนกลับมา

สำหรับการวางแผนการเงินเพื่อเกษียณอย่างมีสุข คุณวศิน วัฒนวรกิจกุล นายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย แนะให้แบ่งเงินเก็บ เป็น 5 ก้อน คือ ก้อนแรก เอาไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณช่วง 1-2 ปีแรก, ก้อนที่ 2 ใช้จ่ายช่วงปีที่ 3-5 โดยอาจลงทุนในตราสารหนี้, ก้อนที่ 3 เตรียมไว้ใช้จ่ายช่วงปีที่ 5-10 โดยลงทุนในหุ้น หรือสิ่งที่อาจมีความเสี่ยงและให้ผลตอบแทนระยะสั้น, ก้อนที่ 4 เตรียมไว้ใช้จ่ายช่วงปีที่ 11-20 ลงทุนสิ่งที่อาจมีความเสี่ยงและให้ผลตอบแทนระยะยาว ก้อนที่ 5 เงินสำรองฉุกเฉิน เก็บไว้โดยไม่นำมาใช้หลังเกษียณ หรือใช้ในเรื่องฉุกเฉิน อาจเป็นการทำประกันต่างๆ

คุณประสาน อิงคนันท์ เจ้าของเพจมนุษย์ต่างวัย นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจว่า นอกจากการมีสุขภาพและการเงินที่ดี ผู้สูงอายุต้องมีความรู้ ทัศนคติที่ดี และทำให้ชีวิตมีคุณค่า เคารพตัวเอง มีอิสระ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

โครงการ “Happy Money, Happy Young Old ปูนนี้ (ก็) มีใช้” แหล่งเรียนรู้ที่สำคัญ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้มีความมั่นคงทางการเงินและพร้อมใช้ชีวิตวัยเกษียณอย่างมีความสุข ผู้สนใจวางแผนการเงินหรือผู้ใกล้เกษียณ เข้าร่วมโครงการได้ ดูรายละเอียดสแกน QR Code ได้เลย

“คุณนายพารวย” มั่นใจว่า ผู้เข้าร่วมงานจะได้ประโยชน์ และนำไปวางแผนหรือปรับแผนการเงินของตัวเอง คนที่มีเวลาเหลืออีกนานกว่าจะเกษียณ ยิ่งลงมือทำเร็วก็ยิ่งดีกับตัวเอง ส่วนคนที่ใกล้เกษียณ ก็มีความพร้อมและมั่นใจในการรับมือกับชีวิตหลังเกษียณได้แน่นอน

ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

AIS ลุยจัดระเบียบสายสื่อสาร บนถนนอโศกมนตรี สุขุมวิท21

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) เดินหน้าร่วมกับ การไฟฟ้านครหลวง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรุงเทพมหานคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน ณ บริเวณถนน อโศกมนตรี ซอย สุขุมวิท 21 กรุงเทพฯ 

โดย AIS ได้ส่งทีมวิศวกรและทีมงานลงพื้นที่บริเวณดังกล่าว ร่วมดำเนินการรื้อถอนสายสื่อสาร เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุของประชาชนเป็นสำคัญ นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างทัศนียภาพเมืองที่สวยงามอีกด้วย