Home Blog Page 3

รู้เก็บรู้ออม : เปิดตัว Refreshing SE for Growth

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง" หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

“ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” เห็นความสำคัญของผู้ประกอบการเพื่อสังคม (Social Enterprise) หรือ SE ซึ่งเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมในสังคม และสิ่งแวดล้อม ไม่ได้ทำธุรกิจแค่หวังผลกำไรเป็นเป้าหมายสูงสุดเพียงอย่างเดียว

ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้สนับสนุนด้านความรู้, เพิ่มทักษะ และพัฒนาศักยภาพ ตลอดจนจัดทำหลักสูตรการเรียนเรื่องธุรกิจเพื่อสังคม เพื่อสร้างผู้ประกอบการทางสังคมรุ่นใหม่ ผ่านโครงการ “SET Social Impact Gym” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ กับสมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ มาตั้งแต่เปิดโครงการเมื่อปี 2560

ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา เห็นความสำเร็จของโครงการนี้ได้จากจำนวนของ SE ที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มมากขึ้น และสามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างเข้มแข็งกว่า 90 ราย โดยใช้ทักษะความรู้ที่ได้รับจากการเรียน, อบรมเชิงปฏิบัติ, โค้ชชิ่งที่ให้คำปรึกษาและข้อแนะนำ ตลอดจนการสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่ซัพพอร์ตกัน

และปี 2568 นี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯได้เปิดตัวโปรแกรม “Refreshing SE for Growth” ต่อยอดจากโครงการ SET Social Impact GYM เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้ SE ที่เคยผ่านการอบรมและมีแผนขยายธุรกิจให้เติบโต โดยดึงศักยภาพของ SE ในระดับที่สูงขึ้น ควบคู่กับการสร้างผลลัพธ์ทางสังคม

โดยมีองค์กรพันธมิตรที่ร่วมให้การส่งเสริมและสนับสนุนในด้านต่างๆ ทั้งจากภาครัฐ ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (สวส.) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคธุรกิจ ได้แก่ สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (maiA) และบริษัท PwC ประเทศไทย (PwC Thailand) นอกจากนี้ยังมีผู้บริหารจากบริษัทจดทะเบียนมาเป็นวิทยากร ช่วยถ่ายทอดความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ในการทำธุรกิจ

โปรแกรมนี้จะคัดเลือก SE 18 ราย ที่มีโมเดลธุรกิจเข้มแข็ง มีแผนการเติบโตทางธุรกิจ และเคยผ่านการอบรมในโครงการ SET Social Impact GYM มาเข้าโปรแกรม ใช้ระยะเวลาตั้งแต่เดือนมิถุนายน–พฤศจิกายน 2568 แบ่งเป็น 2 รอบ คือ

รอบแรก “Intensive Upskills for Growth” เป็นเวลา 3 วัน เรียนรู้เข้มข้นเชิงปฏิบัติการในรูปแบบ Active Learning ครอบคลุมเนื้อหาตั้งแต่การทำแผนขยายธุรกิจ การวางกลยุทธ์การเติบโต การพัฒนาสินค้า การจัดทำแผนการเงิน ไปจนถึงการเตรียมความพร้อมสู่การร่วมทุน และรอบสอง “Business Support” นาน 4 เดือน SE ที่มีแผนขยายธุรกิจที่ชัดเจน ผ่านการคัดเลือกจากรอบแรก จะได้เข้ารับการโค้ชชิ่งแบบตัวต่อตัวกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คำแนะนำปรึกษา พร้อมให้แนวทางการขยายธุรกิจแบบเจาะลึก

สำหรับผู้ประกอบการเพื่อสังคมที่สนใจ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.setsocialimpact.com

คุณนายพารวย

เปิด 4 พิกัด “น้ำปลา ตราหับเผย” พลังความร่วมมือ สร้างโอกาสจากปลาหมอคางดำ

0

เร็ว ๆ นี้ “น้ำปลาแท้จากปลาหมอคางดำ ตรา “หับเผยแม่กลอง” จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ นี่คือตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างกรมประมง กรมราชทัณฑ์ (เรือนจำกลางสมุทรสงคราม) และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ที่ร่วมกันพลิกวิกฤตการระบาดของปลาหมอคางดำ สู่โอกาสทางเศรษฐกิจ และต่อยอดเป็นเครื่องปรุงคุณภาพของคนไทย

น้ำปลาจากปลาหมอคางดำ ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ 100% ทั้งปลาหมอคางดำ หมักด้วยเกลือสมุทร ปรับสูตรให้เหมาะกับชนิดของปลา ใช้เกลือ 1 ส่วนต่อปลา 4 ส่วน รสชาติกลมกล่อม ไม่เค็มโดด ไม่เจือสี ไม่แต่งกลิ่น ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ทำให้มั่นใจได้ทั้งเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพ ใช้ปรุงอาหารได้ทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็นจิ้ม ผัด แกง หรือต้ม ที่สำคัญ ทุกขั้นตอนการผลิตน้ำปลาหับเผย อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด ทั้งด้านความสะอาด ระยะเวลาหมัก และการบรรจุ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์สะอาด ปลอดภัย และกรมประมงยังเตรียมนำสินค้าน้ำปลาหับเผยตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค

ภายใต้แนวคิด “จากปัญหา สู่คุณค่า” โครงการนี้นำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผสานกับการผลิตตามมาตรฐาน สร้างสรรค์ “น้ำปลาแท้” ที่ไม่เพียงหอม อร่อย หากยังเปี่ยมความหมาย ด้วยการใช้ประโยชน์จากปลาหมอคางดำ จาก “หับเผยแม่กลอง” ขยายสู่ “หับเผยสมุทรสาคร” “หับเผยเขากลิ้ง” ของเพชรบุรี และ “หับเผยสมุทรปราการ” ผลิตภัณฑ์นี้กำลังจะเป็นสินค้าประจำท้องถิ่น เหมาะสำหรับทุกครัวเรือน หรือเป็นของฝากที่เปี่ยมเรื่องราว เพราะเบื้องหลังแต่ละขวด คือการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค แต่เลือกแปรรูปสร้างคุณค่าให้ชุมชน พร้อมมอบโอกาสให้ผู้ต้องขังได้ฝึกทักษะอาชีพในเรือนจำเพื่ออนาคตที่ดีกว่า

ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือปลาต่างถิ่นในธรรมชาติ แต่ยังชูจุดเด่น “น้ำปลาไทยคุณภาพสูง” หอม อร่อย ดีต่อใจ ดีต่อสังคม เป็นต้นแบบการพัฒนาและจัดการปัญหาอย่างสร้างสรรค์ สร้างโอกาสใหม่ทั้งการเพิ่มรายได้ชุมชน ส่งเสริมอาชีพในเรือนจำ และเปลี่ยนปลารุกรานเป็นวัตถุดิบที่คุ้มค่า

การอุดหนุน น้ำปลาแท้ สินค้าคุณภาพตราหับเผย 1 ขวด จึงเป็นมากกว่าการสนับสนุนโอกาสดี ๆ ของชุมชน และฟื้นฟูระบบนิเวศ ยังเป็นการสร้างพลังบวกของสังคมไทย ที่ใช้หัวใจและภูมิปัญญา เดินหน้าสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน.

ม่วนคักๆ กับผีตาโขน! AIS 5G เสริมเครือข่ายในงานบุญหลวง จ.เลยพร้อมจัดเต็มสิทธิพิเศษคักหลาย ดันท่องเที่ยวไทยอุ่นใจ

0


AIS สานต่อภารกิจนำโครงข่าย AI อัจฉริยะ และสิทธิพิเศษสนับสนุนการท่องเที่ยวไทย ภายใต้โครงการ ‘สุขใจ เที่ยวไทย อุ่นใจทุกที่’ ที่ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ไหนก็อุ่นใจ สื่อสารได้ทุกที่ และมีแต่ความพิเศษตลอดทาง ล่าสุด ขึ้นอีสานจัดเต็มโครงข่ายสื่อสารและสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้งานบุญใหญ่ม่วนคัก กับ ประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน ประจำปี 2568 ณ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ที่จัดขึ้นวันที่ 28-30 มิ.ย.68 พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า AIS เท่านั้น ผ่านแคมเปญ “อิ่มฟิน อร่อยฟรี” ให้ลูกค้าใช้ AIS Points 40 คะแนน แลกรับส่วนลดความอร่อย 40 บาท กับร้านค้าที่ร่วมรายการภายในงาน ผ่านแอป myAIS ระหว่างวันที่ 28-29 มิ.ย. นี้

โดยภายในงาน AIS ได้เตรียมความพร้อมด้านโครงข่ายสื่อสาร ด้วยการเตรียมระบบ 4G/5G เพิ่มขีดความสามารถ และครอบคลุมการให้บริการ โดยมีการติดตั้งสถานีฐานชั่วคราว (Small Cell) ในจุดหลักที่ขบวนแห่ผีตาโขนผ่าน และขยายช่องสัญญาณของสถานีครอบคลุมทั้งอำเภอด่านซ้าย ตลอดจนเส้นทางคมนาคม สนามบิน สถานีขนส่งต่างๆ  รวมถึงมีการใช้ระบบ AI ในการออกแบบและปรับให้เครือข่ายมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อรองรับการใช้งานที่สูงขึ้น และยังมีการติดตามปริมาณการใช้งานในพื้นที่แบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมเชื่อมต่อประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านโลกดิจิทัลแบบไร้รอยต่อบนโครงข่ายอัจฉริยะ ร่วมงานสืบสานวัฒนธรรมและประเพณีไทยอย่างอุ่นใจในทุกเทศกาล

AIS ผนึกภาครัฐ หนุนภารกิจความมั่นคง ลงพื้นที่สระแก้วเสริมศักยภาพเครือข่าย คุมเข้มสัญญาณสื่อสารชายแดนไทย-กัมพูชา 

0

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ร่วมสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานภาครัฐ เสริมสร้างความมั่นคงด้านการสื่อสารในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ล่าสุดทีมผู้บริหารและวิศวกรภูมิภาค ร่วมกับ กสทช. ลงพื้นที่ชายแดน อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อตรวจสอบและควบคุมคุณภาพการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ชายแดนที่มีความเสี่ยง โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติงานและมอบนโยบาย  

โดยที่ผ่านมา AIS ได้ปฏิบัติตามมาตรการจัดการโครงสร้างพื้นฐานทางโทรคมนาคมในพื้นที่ชายแดนของ กสทช. อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการใช้สัญญาณก่ออาชญากรรมข้ามแดน ทั้งการควบคุมทิศทางการส่งสัญญานให้อยู่ในพื้นที่ประเทศไทย และปรับลดระดับสายอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วไหลของสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมควบคุมการเชื่อมต่อสัญญาณข้ามประเทศอย่างเคร่งครัด โดยต้องเป็นไปตามกฎหมายและได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง รวมถึงเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการลงทะเบียนซิมที่มีความเสี่ยง เพื่อป้องกันการนำไปใช้งานที่ไม่ถูกต้อง

พร้อมกันนี้ AIS ยังได้สนับสนุนการเสริมขีดความสามารถของเครือข่ายในพื้นที่ปฏิบัติการ โดยขยายสัญญาณ 4G/5G เพื่ออำนวยความสะดวกด้านระบบการสื่อสารให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติภารกิจในบริเวณพื้นที่ชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดต่อลูกค้าและประชาชนในพื้นที่ AIS ได้เตรียมดูแลเครือข่าย อาทิ ติด Small Cell, นำรถสถานีฐานเคลื่อนที่มาให้บริการประชาชนให้สามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง

“ทุกการซื้อ คือพลังแห่งการให้“ CPF ชวนส่งต่อพลังใจ ฟื้นฟู รพ.พระมงกุฎเกล้า

0

พลังแห่งการให้จากพี่น้องคนไทย เป็น แรงสนับสนุนสำคัญของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวส่งผลให้มีอาคารของโรงพยาบาลต้องได้รับการซ่อมแซมให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าร้อยเรียงความดี ผ่านกิจกรรม “ทุกการซื้อ คือ พลังแห่งการให้” ครั้งที่ 4 เพื่อนำเงินรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย สมทบทุนซ่อมแซมและฟื้นฟูอาคารของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว

กิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายน 2568 เวลา 07.00–19.00 น. ณ โถงชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เชิญชวนประชาชนร่วมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล เพื่อส่งต่อ ‘พลังแห่งการให้’ สนับสนุนภารกิจของโรงพยาบาลในการดูแลชีวิตและสุขภาพของคนไทยอย่างเต็มกำลัง

ภายในงานได้รับเกียรติจาก พลตรี สุขไชย สาทถาพร ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พร้อมด้วย นายเสริมชัย สกุลโรจนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหารด้านบัญชี ธุรกิจอาหารและจัดจำหน่ายในประเทศ และผู้บริหารซีพีเอฟ ร่วมกิจกรรม

“โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ขอขอบคุณซีพีเอฟและพี่น้องคนไทยทุกท่าน ที่ร่วมกันส่งต่อน้ำใจและสนับสนุนการฟื้นฟูอาคารในครั้งนี้ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน คือพลังสำคัญ ที่ทำให้โรงพยาบาลสามารถยืนหยัด เพื่อดูแลชีวิตประชาชนได้อย่างเต็มศักยภาพ” พลตรี สุขไชย สาทถาพร กล่าว

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซีพีเอฟ ยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทยในทุกวิกฤต ทั้งสถานการณ์โควิด-19 ภัยพิบัติ และเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยสนับสนุนหน่วยงานด้านสาธารณสุขมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการมอบเงินบริจาค อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงการจัดส่งอาหารและน้ำดื่ม เพื่อเสริมพลังกาย เติมพลังใจ ให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถปฏิบัติภารกิจดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่

ขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อ “พลังแห่งการให้” ไปด้วยกัน.

วัยเกษียณมีเฮ ! ออมสินเปิดฝากเงินดอกเบี้ยดี “เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษเพื่อการเกษียณ 10 ปี” จองสิทธิ์วันนี้ – 31 ส.ค. 68

0

เอาใจวัยเกษียณ .. ธนาคารออมสินเปิดจองสิทธิ์ ฝากเงินกับ “”เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษเพื่อการเกษียณ 10 ปี””
รับอัตราดอกเบี้ยแบบ Step Up สูงสุด 3.00% ต่อปี ระยะเวลาออม 10 ปี
รายละเอียดเพิ่มเติม >> https://to.gsb.or.th/rEXnQS6v

  • ปีที่ 1 – 3 รับดอกเบี้ย 1.80% ต่อปี
  • ปีที่ 4 – 7 รับดอกเบี้ย 1.90% ต่อปี
  • ปีที่ 8 – 10 รับดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี
    อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 2.20% ต่อปี (เทียบเท่าเงินฝากประจำ 2.58% ต่อปี)
    รับดอกเบี้ยเต็ม ไม่ต้องเสียภาษี

ลงทะเบียนจองสิทธิ์และตรวจสอบสิทธิ์ ผ่าน 3 ช่องทางได้ตั้งแต่ วันที่ 5 มิ.ย. 68 เวลา 8.30 น. ถึงวันที่ 31 ส.ค. 68 เวลา 23.59 น. หรือจนกว่าจะเต็มวงเงินรับฝาก
1) เว็บไซต์ธนาคารออมสิน : ลงทะเบียนคลิก https://ln15.gsb.or.th/web-s012
2) LINE Official Account : GSB Society
3) Mobile Banking : MyMo
📌ต้องใช้สิทธ์ฝากเงินภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์ ทั้งนี้ ไม่เกินวันที่ 31 ส.ค. 68

✅ รับฝากเฉพาะบุคคลธรรมดาอายุ 40 ปีบริบูรณ์ ขึ้นไป (คนละ 1 บัญชีเท่านั้น)
✅ ฝากเงินได้ครั้งเดียว
✅ ฝากขั้นต่ำ 100,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท ทั้งนี้ ต้องไม่เกินจำนวนเงินที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์
✅ ถอนก่อนฝากครบ 10 ปี ได้รับดอกเบี้ยตามที่ฝากจริง
✅ จ่ายดอกเบี้ยทุกปี โดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากเผื่อเรียกที่เป็นบัญชีคู่โอน
✅ *บุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี ณ ที่จ่าย
❌ ไม่รับฝากบัญชีเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ บัญชีร่วม บัญชีคณะบุคคล และบัญชีนิติบุคคล

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

AIS x ชมรมค่ายอาสาพัฒนาชาวไทยภูเขา จุฬาฯ จัดค่ายอาสา “เคียงดอย คอยฝนเคล้า ณ แม่โมงเย้า” ใช้ดิจิทัลพลิกฟื้นการศึกษา สร้างโอกาสในพื้นที่ห่างไกล

0

AIS ผสานพลัง ชมรมค่ายอาสาพัฒนาชาวไทยภูเขา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ทำกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างสร้างสรรค์ จัดกิจกรรมค่ายอาสา “เคียงดอย คอยฝนเคล้า ณ แม่โมงเย้า” ภายใต้แนวคิดการสร้างคุณค่าร่วม หรือ Creating Shared Value (CSV)ผ่านกิจกรรม “สร้าง-สอน-เสริม” ต่อยอดศักยภาพของโครงข่ายอัจฉริยะและพันธมิตรในภารกิจของโครงการ “Green Energy Green Network for THAIs พลังงานสะอาดเชื่อมเครือข่ายเพื่อคนไทย” จากความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐอย่าง เอไอเอส – กัลฟ์ – สวพส.  ณ โรงเรียนบ้านแม่โมงเย้า ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ร่วมกันใช้ศักยภาพของดิจิทัลและพลังงานสะอาด เติมเต็มพื้นที่แห่งการเรียนรู้ด้วยห้องสมุดดิจิทัล (Digital Library) ที่มีหนังสือหลากหลายสาขาวิชามากกว่า 500 เล่ม พร้อมสร้างโอกาสทางการศึกษา แบ่งปันองค์ความรู้ดิจิทัลเพื่อสร้างอาชีพ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนในพื้นที่ห่างไกล ด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “AIS มองเห็นในศักยภาพของคนรุ่นใหม่ โดยเราพร้อมเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาได้มีโอกาสในการแสดงศักยภาพผ่านการทำงานร่วมกัน อย่างในครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกับ ชมรมค่ายอาสาพัฒนาชาวไทยภูเขา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมสานต่อโอกาสจากโครงการ Green Energy Green Network for THAIs พลังงานสะอาดเชื่อมเครือข่ายเพื่อคนไทย ในพื้นที่ โรงเรียนบ้านแม่โมงเย้า ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย

โดย AIS ไม่ได้เป็นเพียงผู้สนับสนุน แต่เราเป็นพาร์ทเนอร์ที่ทำงานร่วมกันในรูปแบบ Co-creation ที่เปิดโอกาสให้น้องๆ นิสิต จุฬาลงกรณ์ได้กำหนดทิศทางและสร้างสรรค์รูปแบบกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกันอย่างเปิดกว้าง พร้อมเสริมทัพด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัลที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค, แพลตฟอร์มห้องสมุดดิจิทัล (Digital Library) โดย AIS ACADEMY และระบบโครงข่ายสื่อสาร เพื่อร่วมกันพลิกฟื้นการเชื่อมต่อทางการศึกษา และอาชีพให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้อย่างแท้จริง

AIS มีความตั้งใจอย่างยิ่งเพื่อทำให้ทุกพื้นที่ของประเทศไทยสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เราเปรียบตัวเองเสมือนสะพานดิจิทัลที่เชื่อมต่อมากกว่าเครือข่ายสื่อสารหรือสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่เป็นการเชื่อมพลังแห่งความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และสาธารณชน สู่การต่อยอดเป็น “โอกาส” แห่งการใช้ชีวิตอีกมหาศาล ทั้งด้านการศึกษา การรับรู้ข่าวสาร ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลได้อย่างยั่งยืน”

            กิจกรรมค่ายอาสา “เคียงดอย คอยฝนเคล้า ณ แม่โมงเย้า” เป็นการรวมพลังระหว่าง AIS ร่วมกับนิสิตจากชมรมค่ายอาสาพัฒนาชาวไทยภูเขา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กว่า 30 คน ในการลงพื้นที่ทำกิจกรรม ณ โรงเรียนบ้านแม่โมงเย้า ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ภายใต้โครงการ Green Energy Green Network for THAIs เป็นระยะเวลากว่า 1 สัปดาห์ ผ่าน 3 กิจกรรมที่ ‘สร้าง-สอน-เสริม’ ประโยชน์ให้กับคนในพื้นที่ ดังนี้

  • สร้าง และปรับปรุงโรงเรียน ช่วยเติมเต็มการศึกษาโรงเรียนบ้านแม่โมงเย้าให้มีพื้นที่ในการเรียนรู้อย่างเต็มที่ รวมถึงสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์ม ห้องสมุดดิจิทัล (Digital Library) ที่มีหนังสือมากกว่า 500 เล่ม
  • สอน การใช้งานห้องสมุดดิจิทัลให้กับครูและนักเรียน รวมถึงแบ่งปันองค์ความรู้และทักษะใหม่ ๆ เพื่อให้เท่าทันโลกในยุคดิจิทัล อาทิ การขายของออนไลน์
  • เสริม โอกาส สร้างความเท่าเทียม ส่งต่อวิถีชีวิต อาชีพท้องถิ่นและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ให้เกิดการสร้างรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

เกษตรกรยืนยัน “ปลากะพงขาว” ช่วยคุมปลาหมอคางดำในบ่อได้ ซีพีเอฟ-ประมงเพชรบุรีเดินหน้ากองทุนต่อเฟส 3

0

ในโลกแห่งเกษตรกรรมยุคใหม่ การรักษาสมดุลของระบบนิเวศในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ตำบลบางเค็ม อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ความร่วมมือจากกรมประมง และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ นำโครงการ “กองทุนปลากะพง” ช่วยสนับสนุนเกษตรกรเพาะเลี้ยงปลานักล่าเพื่อควบคุมและลดจำนวนปลาหมอคางดำในบ่อเลี้ยงปู-กุ้ง ผลลัพธ์จากการปล่อยปลานักล่ารุ่นแรก เห็นผลจริงปลาหมอคางดำในบ่อเกิดน้อยลง

กาญจนา โชติช่วง เกษตรกรผู้เลี้ยงปู ในพื้นที่ตำบลบางเค็ม กล่าวว่า ตนเป็นเกษตรกรที่เข้าร่วม “กองทุนปลากะพง” รุ่นแรกที่ประมงเพชรบุรีนำร่องสนับสนุนเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 24 ราย จากการปล่อยปลากะพงขาวลงในบ่อเลี้ยงคู่กับปูเห็นผลชัดสามารถควบคุมประชากรปลาหมอคางดำในบ่อได้ “ก่อนหน้านี้ เกษตรกรใช้กากชาสำหรับเบื่อปลาหมอคางดำ เมื่อได้รับสนับสนุนปลากะพงขาว ลูกปลาหมอคางดำเกิดขึ้นน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นตัวบ่งชี้ถึงความสำเร็จของโครงการนี้ สร้างความมั่นใจให้เพื่อนเกษตรกรรายอื่น ๆ “

นายประจวบ เจี้ยงยี่ ประมงจังหวัดเพชรบุรี กล่าวเสริมว่า จากการดำเนินงาน “กองทุนปลากะพง” เฟสแรกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาด และประมงเพชรบุรียังได้เรียนรู้ว่าการปล่อยลูกพันธุ์ปลานักล่าต้องคำนึงถึงจำนวนปลากับขนาดพื้นที่ของบ่อ คือ พื้นที่บ่อ 1 ไร่ ต้องปล่อยจำนวนลูกพันธุ์ปลากะพงขาวประมาณ 30 ตัว สำหรับเฟสที่สาม ประมงเพชรบุรีร่วมกับซีพีเอฟสนับสนุนปลากะพงขาวแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรสมาชิกชมรมผู้เลี้ยงกุ้งเพชรบุรี หมู่ 8 ตำบลหนองขนาน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 20 รายๆ ละ 500 ตัว รวมจำนวน 10,000 ตัว และเป็นครั้งแรกที่เกษตรกรจะนำปลานักล่าไปปล่อยในบ่อพักน้ำ เนื่องจากพบว่าเป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีการกำจัดที่เป็นรูปธรรม

ใหญ่ สุขนรันดร์ เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งเพชรบุรี กล่าวว่า ปลากะพงขาวที่ได้รับวันนี้ เป็นประโยชน์กับเกษตรกรมาก ส่วนหนึ่งช่วยกำจัดปลาคางดำในบ่อ ในบ่อพักน้ำหรือแหล่งธรรมชาติ ถ้ามีปลากะพงไปปล่อย ช่วยกินปลาหมอคางดำ และเมื่อปลาโตเต็มวัยขึ้น เรายังจับปลาไปขายได้อีก

“กองทุนปลากะพง” เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานประมงจังหวัดเพชรบุรี ร่วมกับ ซีพีเอฟ ฟื้นฟูระบบนิเวศในบ่อเลี้ยง เป็นไปตามมาตรการของกรมประมง ในการลดประชากรปลาหมอคางดำให้เหลือน้อยที่สุด และเป็นระบบ ขณะที่ปลากะพงขาวยังถือเป็นปลาเศรษฐกิจ เกษตรกรสามารถจับไปจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้เสริมในครัวเรือนได้อีกทางหนึ่ง

“อิ่มท้อง อิ่มใจ ไข่ไก่เพื่อน้อง” จากฝีมือนักเรียน รร.บ้านร้านตัดผม เพื่อมื้อกลางวันของทุกคน

0

พูดถึง “บ้านร้านตัดผม” หลายคนอาจเผลอนึกถึงร้านตัดผม…แต่จริงๆ แล้วนี่คือชื่อของหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ที่มีตำนานน่ารักๆ เล่าขานกันมาว่าเมื่อก่อนมีคนพบเห็นหญิงสาวใส่ชุดไทยชอบมานั่งหวีผมอยู่บนก้อนหินริมธารน้ำ ก้อนหินตรงนั้นดันมีรูปร่างเหมือนเก้าอี้ กรรไกร หวี จนชาวบ้านเชื่อว่าเป็นของเจ้าแม่ เลยตั้งศาลบูชาไว้ที่นี่ จนตอนหลังต้องย้ายมาไว้ในโรงเรียนบ้านร้านตัดผม เพราะพื้นที่เดิมถูกน้ำท่วมจากการทำถนน…และนับแต่นั้นมา ศาลนี้ก็กลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียนไปโดยปริยาย

โรงเรียนบ้านร้านตัดผม ไม่ได้มีแต่ตำนานเท่ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางของชุมชนอีกด้วย ที่นี้สอนเด็กนักเรียนตั้งแต่ อนุบาล 1 ถึง ม.3 รวมกันถึง 550 คน บนพื้นที่กว้างขวางถึง 50 ไร่

ปี 2565 โรงเรียนแห่งนี้ได้เข้าร่วมโครงการ “เลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวัน” ของมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท และซีพีเอฟ จุดเริ่มต้นมาจาก ผอ.วิชิต สุขประวิทย์ ที่ตอนนั้นอยู่ที่โรงเรียนบ้านแหลมยางนา ซึ่งได้ขอร่วมโครงการฯนี้ เมื่อย้ายมาเป็นผอ.โรงเรียนบ้านร้านตัดผม จึงตัดสินใจขอเข้าร่วมโครงการฯด้วย เพราะเล็งเห็นประโยชน์ที่เด็กและชุมชนจะได้รับ

น้องปันปัน – กิตติพัศ ถิ่นวงค์เกลอ ตัวแทนนักเรียนชั้น ป.6 เล่าว่า ก่อนหน้านี้ โรงเรียนมีแค่แปลงผักเล็กๆ กับโรงเพาะเห็ด ยังไม่มีแหล่งโปรตีนเป็นของตัวเอง ต้องซื้อวัตถุดิบจากตลาดมาทำอาหารกลางวัน แต่พอมีโครงการเลี้ยงไก่ไข่ เด็กๆ ก็ได้ลงมือจริง ได้เรียนรู้เรื่องการเลี้ยงสัตว์ ได้กินไข่ไก่สด สะอาด ปลอดภัย ที่ตัวเองช่วยกันดูแล

“ไก่ไข่ที่นี่กินอาหารมื้อเดียว แต่เป็นมื้อที่คำนวณปริมาณเป๊ะๆ ตามจำนวนไก่ 150 ตัว พวกเราจะช่วยกันเกลี่ยอาหารให้ทั่วถึงทุกตัว ระบบน้ำก็ต้องดี น้ำไม่ขาด แถมยังมีวิธีจัดการมูลไก่ นำไปตากแห้งไปทำปุ๋ยใส่ต้นปาล์มน้ำมัน 300 ต้นที่โรงเรียนปลูกไว้ และยังนำไปใช้เป็นปุ๋ยในแปลงผักปลอดสาร กลายเป็นวัตถุดิบสำหรับอาหารกลางวันได้อีก” น้องปันปัน บอก

น้องแอม – จิรัชญา แก้วกอง บอกว่า โครงการนี้ให้ประโยชน์เยอะมาก นักเรียนได้กินไข่ดีๆ ได้เรียนรู้วิธีเลี้ยงไก่จริงๆ ได้ทำงานเป็นทีม ฝึกจดบันทึก คิดเลข บริหารจัดการ ฝึกทำบัญชี แถมยังได้ความภูมิใจว่า โรงเรียนเราสามารถผลิตอาหารเลี้ยงตัวเองได้ แถมไข่ที่เหลือจากนักเรียนบริโภค ก็นำไปจำหน่ายให้ผู้ปกครองในราคาถูกกว่าตลาด เป็นไข่สดใหม่จริงๆ เก็บได้นานด้วย ตอนนี้มีรายได้สะสมเป็นทุนของโครงการฯ เก็บไว้ถึง 150,000 บาทแล้ว พร้อมต่อยอดเลี้ยงไก่ไข่ในรุ่นต่อไป

“เราเลี้ยงไก่ไข่ 150 ตัว ทุกวันจะได้ไข่ 120-130 ฟอง พวกเราจะช่วยกันเก็บและส่งให้แม่ครัวก็นำไปทำเมนูอาหาร ทำให้มีไข่ทานครบทุกคน สัปดาห์ละอย่างน้อยคนละฟอง โดยเฉพาะไข่พะโล้ที่เป็นเมนูที่พวกเราชอบกันมากๆ เราภูมิใจมากๆเลยที่ได้รับหน้าที่ดูแลแม่ไก่ทุกตัว ให้มีไข่ไก่ให้ได้ทานอย่างเพียงพอไม่ต้องซื้อจากตลาดเหมือนเมื่อก่อน” น้องแอม บอก

เด็กๆ ป.4–6 ยังตั้งชุมนุม “เลี้ยงไก่ไข่” มีสมาชิก 15 คน ช่วยกันดูแลแม่ไก่แบบจริงจัง แบ่งเวรกันเข้าไปให้อาหาร เกลี่ยอาหาร ตรวจเช็คน้ำ ดูพัดลมระบายอากาศ ทุกขั้นตอนคือมาตรฐาน ที่พี่ๆ สัตวบาลจากซีพีเอฟมาคอยแนะนำตั้งแต่เริ่มจนถึงปลดแม่ไก่ ทำให้โรงเรียนเลี้ยงไก่ได้ผลผลิตดี มีเงินทุนส่งให้รุ่นต่อไปต่อเนื่อง สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ส่วนเด็กๆ ที่ไม่เข้าชุมนุมก็ยังได้ประโยชน์ เพราะโรงเรียนเปิดเป็น “ศูนย์เรียนรู้” ให้เข้าไปดูการเลี้ยงไก่ไข่ได้ ไม่ว่าจะนักเรียน ผู้ปกครอง หรือชาวบ้านในชุมชนก็มาเยี่ยมชมบ่อยๆ

ทั้งหมดนี้เพราะ “ไข่ไก่เพื่อน้อง” ที่เป็นทั้งแหล่งอาหาร แหล่งเรียนรู้ และคลังอาหารชุมชนในที่เดียว

ไม่ใช่แค่ที่โรงเรียนบ้านร้านตัดผม ปัจจุบันมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการฯ แล้ว 988 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนกว่า 223,000 คน และบุคลากรทางการศึกษากว่า 16,500 คน ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ โดยตั้งเป้าหมายมีโรงเรียนร่วมโครงการ 1,008 แห่ง ภายในปี 2568

สำหรับโรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท โทร. 02-858-1241 หรือ 063-871-6545 และ 092-870-0783.

ตลท. ยกเลิกมาตรการชั่วคราว และกลับไปใช้เกณฑ์“Ceiling & Floor” และ“Dynamic Price Band” ปกติ ตั้งแต่ 25 มิ.ย. 2568

0

ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ประกาศใช้มาตรการชั่วคราวเกี่ยวกับ Ceiling & Floor และ Dynamic Price Band เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา โดยจากการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เห็นว่า ปัจจุบัน ผู้ลงทุนได้มีโอกาสในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น เพื่อให้การดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นไปอย่างเหมาะสมตลาดหลักทรัพย์ฯ และ บมจ. ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) (TFEX) จึงเห็นควรให้ยกเลิกมาตรการชั่วคราวดังกล่าว โดยจะกลับไปใช้เกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. Ceiling & Floor สำหรับ SET, mai และ TFEX
ตลาดProductเกณฑ์ปกติ
SET, maiหุ้น / หน่วยทรัสต์+/- 30%
Foreign share+/- 60%
TFEXIndex Futures / Options
Sector Futures
Single Stock Futures
+/- 30%

2.กรอบราคาซื้อขายแบบ Dynamic Price Band เป็นรายหลักทรัพย์ ที่ ±10% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้น

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ลงทุนติดตามข้อมูลข่าวสารและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์