Home Blog Page 2

นำเข้าหมูสหรัฐ แลกภาษี : หมูไทย “ตาย” ทั้งระบบ

0

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ  ส่งสัญญาณย้ำรัฐบาลไม่ควรเปิดตลาดนำเข้าเนื้อหมู ชิ้นส่วน และเครื่องในจากสหรัฐอเมริกา ไม่ว่ากรณีใดๆ เพื่อแลกเปลี่ยนกับสิทธิประโยชน์ทางการค้าของสินค้าอุตสาหกรรมไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งจะนำไปสู่ความเสียหายรุนแรงต่อภาคเกษตรกรรมไทยอย่างประเมินค่าไม่ได้ โดยเฉพาะห่วงโซ่การผลิตหมูจะล่มสลาย

นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า การเปิดตลาดให้เนื้อหมูราคาถูกจากสหรัฐฯ ซึ่งมีต้นทุนต่ำมาก เข้ามาตีตลาดในประเทศ เท่ากับเป็นการลงดาบฆ่าผู้เลี้ยงสุกรไทยทั้งประเทศกว่าแสนราย ให้หมดอาชีพในชั่วข้ามคืน และไม่เพียงแต่เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูเท่านั้นที่ต้องล้มหายตายจาก แต่จะเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ลุกลามทั้งห่วงโซ่การผลิตในประเทศ ตั้งแต่ผู้ปลูกข้าวโพด ถั่วเหลือง ผู้ผลิตอาหารสัตว์ โรงงานแปรรูป และแรงงานนับล้านชีวิต ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้ จะล่มสลายไปพร้อมกัน

 “การเปิดตลาดให้หมูอเมริกาเข้ามาบุกตลาดไทยเท่ากับรัฐบาลกำลังผลักให้เกษตรกรไทยออกจากระบบ วันนี้รัฐบาลอาจได้สิทธิ์การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น แต่ต้องแลกด้วยการทำลายอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรในประเทศที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนทั่วประเทศ หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ รอด แต่เศรษฐกิจชาวบ้านไทยล่ม เป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มค้า ใครจะรับผิดชอบ?” นายสิทธิพันธุ์ กล่าว

นายสิทธิพันธ์ ย้ำว่า สินค้าเกษตรโดยเฉพาะ “เนื้อหมู” ไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนบนโต๊ะเจรจาผลประโยชน์การค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรต่ำแต่ต้นทุนสูง และยังเกี่ยวพันกับความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ เพราะไทยจะไม่สามารถแข่งขันกับประเทศที่ได้รับการอุดหนุนจากภาครัฐอย่างเข้มข้นเช่นสหรัฐฯ ได้อย่างเป็นธรรม

การเปิดตลาดหมู เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงใหญ่ที่ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะจะเป็นการเปิดประตูให้โรคระบาดสัตว์และโรคอุบัติใหม่เข้ามาในประเทศ เช่น โรคไข้หวัดหมู ที่ยังไม่เคยพบในประเทศไทย หากปล่อยให้มีการนำเข้าโดยไม่มีมาตรการป้องกันที่รัดกุมพอ จะเป็นการนำเข้าเชื้อโรคร้ายเข้าสู่ระบบปศุสัตว์ไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลิตเนื้อสัตว์ของไทยในระยะยาว ที่มีมาตรการป้องกันโรคสัตว์ตามมาตรฐานสากลและได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ที่ไทยดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การนำเข้าเนื้อสัตว์จากประเทศที่ยังอนุญาตให้ใช้สารต้องห้ามและยาปฏิชีวนะหลายชนิด ที่ประเทศไทยห้ามใช้ในการลี้ยงสัตว์โดยเด็ดขาด เช่น สารเร่งเนื้อแดง (สารกลุ่ม Beta-agonist) อาทิ  Ractopamine ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมปศุสัตว์เพื่อเพิ่มปริมาณเนื้อแดงและลดไขมันในสัตว์ ตลอดจนการผสมสารบางอย่างในอาหารสัตว์ (feed additive) ทำให้หมูโตไว (growth promotor) และมีอัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อสูงขึ้น แม้จะใส่ในปริมาณที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ การบริโภคในปริมาณมากอาจทำให้หัวใจเต้นเร็ว, ความดันสูง, ปวดหัว, มือสั่นได้

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งประเทศไทย ขอเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดแนวคิดการเปิดตลาดเนื้อหมูและสินค้าเกษตรที่เปราะบาง และทบทวนท่าทีในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ หันมาเลือกสินค้าอุตสาหกรรมอื่นที่สามารถแข่งขันกับสหรัฐฯ ได้อย่างแท้จริงในการแก้ปัญหาครั้งนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจฐานราก และความมั่นคงทางอาหารและส่งเสริมอาหารปลอดภัยให้คนไทย

“อย่าปล่อยให้สุกรไทย หมดทางรอดในการค้าโลก และไม่ควรแลกอนาคตผู้เลี้ยงหมูไทยทั้งประเทศ กับผลประโยชน์ไม่กี่รายการในบัญชีส่งออก ที่สำคัญในระยะยาวจะทำให้ไทยสูญเสียความมั่นคงทางอาหาร” นายสิทธิพันธ์ กล่าว.

เมืองไทยประกันชีวิต จัดพิธีมอบรางวัลเกียรติยศ  “Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2024” แก่โรงพยาบาลคู่สัญญา

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จัดพิธีมอบรางวัลเกียรติยศ “Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2024” อย่างยิ่งใหญ่โดยในพิธีได้รับเกียรติจาก นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในฐานะประธานกิตติมศักดิ์ เป็นประธาน   ในพิธีขึ้นมอบรางวัลให้แก่โรงพยาบาลคู่สัญญา เพื่อเชิดชูเกียรติและยกย่องในความมีมาตรฐานและความมุ่งมั่นพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานในทุกด้าน นำมาซึ่งการส่งมอบการให้บริการที่เป็นเลิศในทุกมิติและสร้างความ      พึงพอใจแก่ลูกค้าคนสำคัญ โดยมี นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานบรรณาธิการ  วารสารการเงินธนาคาร          นางวิลาสินี พุทธิการันต์  คณะกรรมการบริษัท กรรมการบริหาร กรรมการธรรมาภิบาลและยั่งยืน บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ กรรมการบริหาร  บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด นางสาวชินตา ศรีจินตอังกูร Country lead NielsenIQ Thailand บริษัท นีลเส็นไอคิว (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยนายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ดร.สุธี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมในพิธี โดยงานจัดขึ้น ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ

นายสาระ ล่ำซำ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า การจัดงานมอบรางวัลเกียรติยศ “Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2024” จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบริษัทฯ กับโรงพยาบาลคู่สัญญาทั่วประเทศ  และร่วมกันยกระดับการให้บริการด้านการประกันชีวิตและการประกันสุขภาพ ทั้งในด้านการริเริ่มคิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่พร้อมรองรับและตอบโจทย์ความต้องการของผู้เอาประกันภัยได้มากขึ้น เป็นการเพิ่มขีดความสามารถและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการและยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี  ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายหลักของบริษัท ฯ ที่มุ่งมั่นสร้างความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่ต้องการขับเคลื่อนองค์กรด้วยการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ 

ทั้งนี้ คณะกรรมการได้พิจารณาคัดเลือกและให้คะแนนผลการปฎิบัติงานของโรงพยาบาลคู่สัญญา ตามเกณฑ์การตัดสินในแต่ละด้าน ที่มีการให้บริการที่เป็นเลิศและเป็นที่ยอมรับในระดับการให้บริการภายใต้มาตรฐานโครงการ “Muang Thai Life Assurance Hospital Awards”  รวมทั้งสิ้น 6 ประเภทรางวัล จำนวน 31 รางวัล ได้แก่

1.รางวัลเกียรติยศสูงสุด “The Pink Gold of Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2024” มาจากคณะกรรมการและผลสำรวจความพึงพอใจที่มีต่อบริการในทุกด้านโดยมีคะแนนรวมสูงสุดของรางวัลในแต่ละด้าน

2.รางวัลด้านความรวดเร็ว มีคุณภาพและเข้าใจความต้องการของลูกค้า “Customer Centric Award” มอบให้แก่โรงพยาบาลที่มีวิสัยทัศน์ มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า

3.รางวัลด้านบริหารจัดการทางการแพทย์ “Commitment to Success Award” มอบให้แก่โรงพยาบาลที่มุ่งมั่นในการให้บริการและการบริหารทรัพยากรทางการแพทย์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า

4.รางวัลด้านริเริ่ม เปิดรับ ตอบรับนวัตกรรมใหม่ “Creativity and Innovation Award” มอบให้แก่โรงพยาบาลที่มีกระบวนการการคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง แนวทางใหม่ ๆ ในแบบที่แตกต่างให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า

5.รางวัลด้านความร่วมมือระหว่างองค์กร “Collaboration Award” มอบให้แก่โรงพยาบาลที่มีการทำงานเป็นกระบวนการร่วมกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

6.รางวัลด้านการดูแลใส่ใจอย่างเป็นเลิศ “Caring Award” มอบให้แก่โรงพยาบาลที่มอบการดูแลการเข้ารับบริการและลดระยะเวลารอคอยการเข้ารับบริการของลูกค้าเมื่อออกจากโรงพยาบาล

“ผมขอแสดงความยินดีกับโรงพยาบาลคู่สัญญาทุกแห่งที่ได้รับรางวัลในวันนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารางวัลนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ทุกองค์กรมุ่งพัฒนาและปรับตัวเพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการ ตลอดจนช่วยผลักดันให้องค์กรเกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เข้าถึงความต้องการ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เอาประกันภัยในการเข้ารับบริการ โดยมีจุดมุ่งหมายในการสร้างความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนร่วมกัน ” นายสาระ กล่าว

รายชื่อโรงพยาบาลที่ได้รับรางวัล

รางวัลเกียรติยศสูงสุด

The Pink Gold of Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2024”

ได้แก่ “โรงพยาบาล ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์”

รางวัลด้านความรวดเร็ว มีคุณภาพ และเข้าใจความต้องการของลูกค้า  “Customer Centric Award””

โรงพยาบาลขนาดใหญ่ 

อันดับ 1  –   โรงพยาบาล พญาไท 3

อันดับ 2  –   โรงพยาบาล สินแพทย์ รามอินทรา

อันดับ 3  –   โรงพยาบาล แมคคอร์มิค

โรงพยาบาลขนาดกลาง

อันดับ 1  –   โรงพยาบาล กรุงเทพเพชรบุรี

อันดับ 2  –    โรงพยาบาล ขอนแก่นราม

อันดับ 3  –    โรงพยาบาล บางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล

รางวัลด้านบริหารจัดการทางการแพทย์ “Commitment to Success Award””

โรงพยาบาลขนาดใหญ่

 อันดับ 1  –  โรงพยาบาล ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์

 อันดับ 2  –  โรงพยาบาล กรุงเทพ

 อันดับ 3  –  โรงพยาบาล หัวเฉียว

โรงพยาบาลขนาดกลาง

 อันดับ 1  –  ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 อันดับ 2  –  โรงพยาบาล แพทย์รังสิต

 อันดับ 3  –  โรงพยาบาล ลาดพร้าว

รางวัลด้านริเริ่ม เปิดรับ ตอบรับนวัตกรรมใหม่ “Creativity and Innovation Award”

โรงพยาบาลขนาดใหญ่

 อันดับ 1  –  โรงพยาบาล สมิติเวช สุขุมวิท

 อันดับ 2  –  โรงพยาบาล รามคำแหง

 อันดับ 3  –  โรงพยาบาล โอเวอร์บรุ๊ค

โรงพยาบาลขนาดกลาง

 อันดับ 1  –  โรงพยาบาล ธนบุรี ราษฎร์ยินดี

 อันดับ 2  –  โรงพยาบาล วิภาราม

 อันดับ 3  –  โรงพยาบาล กรุงเทพจันทบุรี

รางวัลด้านความร่วมมือระหว่างองค์กร “Collaboration Award”

โรงพยาบาลขนาดใหญ่

 อันดับ 1  –  โรงพยาบาล กรุงเทพ

 อันดับ 2  –  โรงพยาบาล พญาไท 2

อันดับ 3  –  โรงพยาบาล พญาไท 1

โรงพยาบาลขนาดกลาง

 อันดับ 1  –  โรงพยาบาล บางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล

 อันดับ 2  –  โรงพยาบาล พระรามเก้า

 อันดับ 3  –  โรงพยาบาล สมิติเวช ศรีนครินทร์

รางวัลด้านการดูแลใส่ใจที่เป็นเลิศ “Caring Award”

โรงพยาบาลขนาดใหญ่

 อันดับ 1  –  โรงพยาบาล นนทเวช

 อันดับ 2  –  โรงพยาบาล เชียงใหม่ ราม

 อันดับ 3  –  โรงพยาบาล เอกชล

โรงพยาบาลขนาดกลาง

อันดับ 1  –  โรงพยาบาล สมิติเวช ศรีราชา

อันดับ 2  –  โรงพยาบาล ธนบุรี ตรัง

อันดับ 3  –  โรงพยาบาล กรุงเทพเมืองราช

อยากไปทำงานญี่ปุ่น เช็กช่องสมัครงานด่วน รับสมัครชายหญิง ไม่เสียค่าสมัคร

0

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปิดรับสมัครคัดเลือกฝึกงานเทคนิคคนไทย เพื่อเดินทางไปฝึกงานในประเทศ ญี่ปุ่น ภายใต้ความร่วมมือกับองค์กร IM Japan ประจำปี 2568 โดยโครงการนี้มีจุดเด่น คือสมัครฟรี ไม่เสียค่าธรรมเนียม และได้รับการอบรมภาษาญี่ปุ่นก่อนเดินทาง 4 เดือน (รวมอาหาร ที่พัก ฟรี) ทั้งนี้ เมื่อสำเร็จการฝึกงานจากประเทศญี่ปุ่นจะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการฝึกปฏิบัติทาง เทคนิค พร้อมเงินสนับสนุนประกอบอาชีพ 600,000 เยน

สำหรับการสมัครในครั้งที่ 4/2568 จะเปิดรับสมัครเฉพาะเพศชาย โดยแบ่ง เป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบที่ 1 เปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2568 และรอบที่ 2 เปิดรับ สมัครระหว่างวันที่ 1 – 31 สิงหาคม 2568 ผู้สมัครต้องเข้าสอบคัดเลือกที่ ศูนย์สอบกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ สามารถสมัครได้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์บริการแรงงานไทยไปต่างประเทศ (E-Service) ทาง เว็บไซต์ https://toea.doe.go.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และระบบจะเปิดให้ลงทะเบียนเฉพาะตาม รอบสมัครปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังมีประกาศการรับสมัครในครั้งที่ 5/2568 สำหรับเพศหญิง สามารถสมัครผ่านระบบ E- Service ที่เว็บไซต์เดียวกัน ระหว่างวันที่ 21-27 กรกฎาคม 2568 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผู้สมัครต้อง เข้าสอบคัดเลือกที่ ศูนย์สอบกรุงเทพมหานคร ในวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2568 ซึ่งประกอบด้วยการ ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย และ การสอบข้อเขียน

สามารถติดตามราย ละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสมัครสอบ ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ วัน เวลา และสถานที่สอบคัด เลือก ได้ทางเว็บไซด์กรมการจัดหางาน: www.doe.go.th/prd เว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทยไป ต่างประเทศ: www.doe.go.th/overseas และ Facebook: IMthailand

จากโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ สู่โต๊ะอาหารกลางวันนักเรียน…สอนบทเรียนชีวิตนอกตำรา

0

ทุกๆ เช้าที่ “โรงเรียนบ้านร้านตัดผม” โรงเรียนเล็กๆใน จังหวัดชุมพร ไม่ได้เริ่มต้นด้วยแค่การท่องสูตรคูณหรือร้องเพลงชาติ…แต่เป็นเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ ที่รีบตรงดิ่งไปโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่

ที่นี่ “ไข่ไก่” ไม่ได้เป็นแค่ของกิน แต่คือบทเรียนที่ปลุกให้เด็กๆ รู้จักความรับผิดชอบ การทำงานเป็นทีม และลงมือทำจริงทุกเช้า

โรงเรือนไก่ขนาดกะทัดรัดกับแม่ไก่สาว 150 ตัว กลายเป็นพื้นที่เรียนรู้ที่มีชีวิต เด็กๆ ป.4-6 รวมทีมกันดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่ให้อาหารไก่ คำนวณปริมาณให้พอดี เช็กระบบน้ำ เปิดพัดลมระบายอากาศ ไปจนถึงทำความสะอาดโรงเรือน

ผลลัพธ์จากความใส่ใจคือ “ไข่สด” วันละ 120-130 ฟอง ส่งตรงเข้าโรงครัว ทำเมนูเด็ดที่นักเรียนทั้งโรงเรียนกว่า 500 คนตั้งตารอ
ไม่เพียงแค่อิ่มท้อง ไข่ส่วนที่เหลือยังถูกนำไปขายในราคาประหยัดให้ผู้ปกครอง รายได้สะสมจากน้ำพักน้ำแรงของเด็กๆ สะสมจนทะลุ 150,000 บาท กลายเป็นทุนต่อยอดรุ่นไก่ต่อไปแบบไม่ต้องพึ่งใคร

ขนาดมูลไก่ ยังไม่ทิ้งให้เสียเปล่า เด็กๆ ช่วยกันตากแห้ง นำไปเป็นปุ๋ยบำรุงสวนปาล์ม 300 ต้น และแปลงผักปลอดสารของโรงเรียน ทำครบวงจรแบบมืออาชีพ

จากโรงเรือนเล็กๆ ข้างโรงเรียน โครงการนี้ได้กลายเป็นคลังอาหารที่ยั่งยืนของโรงเรียนและชุมชน และยังเป็น“ศูนย์เรียนรู้” ที่เปิดบ้านต้อนรับชาวบ้าน ผู้ปกครอง และโรงเรียนอื่นที่สนใจ

เช่นเดียวกับโรงเรียนอีก 988 แห่งทั่วประเทศ ที่เข้าร่วม “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” โดยการสนับสนุนของ CPF และมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท (มูลนิธิซีพี) ที่มีเด็กๆ มากกว่า 223,000 คน กำลังเรียนรู้จากไข่ไก่…เหมือนที่นี่

อยากมีโรงเรือนไก่แบบนี้ที่โรงเรียนของคุณ ติดต่อมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท โทร. 063-871-6545 หรือ 092-870-0783

กดดู แล้วยิ้มไปด้วยกัน >> https://youtube.com/shorts/IMG8tq2-_AM?si=T98bSSd97k1yNu6O

อ่านเรื่องเต็มๆได้ที่นี่ >> https://www.cpfworldwide.com/th/media-center/event-Egg-Farms-Shaping-Kids’-Life-Skills:-A-Fun-and-Educational-Journey

รู้เก็บรู้ออม : เข้าเว็บ SET เช็ก “หุ้นหลักประกัน”

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

สิ่งที่นักลงทุนต้องพิจารณาเวลาตัดสินใจซื้อขายหุ้น นอกจากดูปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดัชนีตลาดหุ้น, สภาวะเศรษฐกิจ, ตัวเลขการลงทุน และข้อมูลพื้นฐานของหุ้นตัวที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็น ราคาซื้อขายปัจจุบันและย้อนหลัง, ตัวเลขผลประกอบการ, ทิศทางธุรกิจ นอกจากนี้ ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่เกี่ยวกับ “หุ้นหลักประกัน” ถือเป็นอีกเรื่องที่นักลงทุนต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อหุ้น

หุ้นหลักประกัน คือ หุ้นที่ถูกนำไปวางเป็นหลักประกันกับโบรกเกอร์ เพื่อให้สามารถซื้อขายหุ้นในวงเงินที่สูงขึ้น หรือที่เรียกว่า “บัญชีมาร์จิ้น” ซึ่งนักลงทุนตัวเล็กตัวน้อยอาจต้องกลายเป็นผู้ประสบภัยแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หากหุ้นของ บจ.ถูกเจ้าของกิจการ ผู้บริหาร หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่นำไปวางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน แล้วต้องโดนเปลี่ยนมือหรือบังคับขาย ทำให้เกิดผลกระทบต่อราคาหุ้นและชื่อเสียงของ บจ.นั้น

นักลงทุนจึงควรจะระมัดระวังการลงทุนในหุ้นที่เป็นหลักประกัน โดยสามารถเข้าไปเช็กข้อมูลหุ้นหลักประกันในบัญชีมาร์จิ้นได้ที่เว็บไซต์ www.set.or.th ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเว็บของ ก.ล.ต. www.sec.or.th อีกช่องทาง

การเช็กข้อมูลหุ้นหลักประกันจะช่วยให้นักลงทุนรู้รายชื่อหุ้นตัวที่ถูกนำไปวางเป็นหลักประกันกับโบรกเกอร์ทั้ง 35 แห่งในตลาดหุ้นไทย โดยแสดงผลรายการหุ้นหลักประกันเป็นรายเดือน ข้อมูลจะแสดงเรียงลำดับตามจำนวนและเปอร์เซ็นต์ของหุ้นที่ถูกนำไปวางเป็นหลักประกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน เนื่องจากหุ้นที่ถูกนำไปวางเป็นหลักประกันจำนวนมากเมื่อเทียบกับหุ้นทั้งหมด หากโดนบังคับขาย หรือ Force Sell จะทำให้ราคาหุ้นผันผวนมาก

นอกจากนี้ยังแสดงเปอร์เซ็นต์ Free Float (การกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย) หุ้นที่เปอร์เซ็นต์ Free Float ต่ำ และถูกนำวางไปค้ำประกันจำนวนมาก เมื่อโดน Force Sell ราคาหุ้นตัวนั้นก็จะยิ่งผันผวนมากเช่นกัน

สำหรับวิธีเช็กข้อมูลหุ้นหลักประกัน เพียงทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ คือ เปิดหน้าเว็บ set.or.th แล้วเลือกเมนู “ข้อมูลการซื้อขาย” มองหาหมวด “ข้อมูลและสถิติ” แล้วกดเมนู “สถิติสำคัญตลาดหลักทรัพย์” จากนั้นเลื่อนลงไปที่หมวด “สถิติด้านธุรกิจหลักทรัพย์และการซื้อขายหลักทรัพย์” กดเลือกเมนู “สรุปรายงานหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้น” หน้าเว็บจะแสดงข้อมูลรายงานหุ้นหลักประกันเรียงตามเดือน นักลงทุนสามารถเลือกดูข้อมูลของเดือนที่ต้องการ และกดดาวน์โหลดข้อมูล

การตรวจเช็กข้อมูลหุ้นหลักประกัน จึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ รวมทั้งติดตามข้อมูลข่าวสารของ บจ. ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นหลักประกัน เพราะเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญ นักลงทุนควรต้องรู้ไว้ และใช้ประกอบการพิจารณาตัดสินใจลงทุน.

คุณนายพารวย

AIS x GeForce NOW เปิดประสบการณ์ Cloud Gaming ระดับโลก ผ่านกล่อง AIS PLAYBOX

0

AIS เสริมแกร่งความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและความบันเทิงดิจิทัล จับมือ Bro.game ผู้ให้บริการ GeForce NOW ในประเทศไทย บริการ Cloud Gaming ระดับโลกจาก NVIDIA เปิดให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์เล่นเกม PC ระดับ AAA ผ่านกล่อง AIS PLAYBOX รุ่น Android TV และกล่อง 3BB GIGATV ได้ทันที บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตบ้านคุณภาพสูง AIS 3BB FIBRE3 ที่ได้รับการปรับแต่งเส้นทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นพิเศษให้มีค่าปิงต่ำสุดเมื่อเล่นเกมกับ GeForce NOW พร้อมอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสมัครและชำระค่าบริการแพ็กเกจ GeForce NOW ผ่านบิล AIS และ AIS FIBRE3 ได้

นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “AIS มุ่งนำนวัตกรรมและโซลูชันล้ำสมัยมามอบให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งบนเครือข่าย 5G และอินเทอร์เน็ตบ้านอัจฉริยะ ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับ AIS PLAYBOX และ 3BB GIGATV ให้กลายเป็น All-in-One Entertainment Platform ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านวิดีโอสตรีมมิงและการเล่นเกม PC ได้ง่ายๆ ผ่านทีวีที่บ้าน เพียงดาวน์โหลดแอป GeForce NOW ลงในกล่อง AIS PLAYBOX / 3BB GIGATV และเชื่อมต่อ Game Controller ก็สามารถเล่นเกมได้เต็มประสิทธิภาพผ่านโครงข่ายอัจฉริยะที่ดีที่สุด โดยแนะนำให้เชื่อมต่อกล่องด้วยสาย LAN เพื่อการเล่นเกมที่ลื่นไหล ไม่สะดุด เพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้รับประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือกว่า”

GeForce NOW เปิดให้สัมผัสประสบการณ์ Cloud Gaming ระดับโลก ผ่านเกมคุณภาพระดับ AAA กว่า 2,000 เกม โดยมีแพ็กเกจแบบรายเดือนที่รองรับทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า AIS คอเกมทั้งมือถือและเน็ตบ้าน ดังนี้

· แพ็กเกจ Lite เล่นได้ชิลๆ ทุกอุปกรณ์ ราคา 219 บาท/เดือน ความละเอียดสูงสุด 1080p เล่นต่อเนื่อง 3 ชั่วโมง/ครั้ง เล่นสุดสเป็ก 40 ชั่วโมง/เดือน

· แพ็กเกจ Performance กราฟิกแรง ขั้นเทพ ราคา 399 บาท/เดือน ความละเอียดสูงสุด 1440p เล่นต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง/ครั้ง เล่นสุดสเป็ก 100 ชั่วโมง/เดือน

· แพ็กเกจ Ultimate คุ้มสุด จึ้งสุด ราคา 649 บาท/เดือน ความละเอียดสูงสุด 4K เล่นต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง/ครั้ง เล่นสุด สเป็ก 100 ชั่วโมง/ดือน

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สมัครและชำระค่าบริการผ่านบิล AIS และ AIS FIBRE3 ทดลองเล่น GeForce NOW แบบ Ultimate เพิ่มฟรี 4 ชั่วโมง สมัครได้ที่ https://www.ais.th/consumers/entertainment/game/geforcenow

เมืองไทยประกันชีวิต เปิดเผยรายงานความยั่งยืนปี 2567 ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบและโปร่งใส

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยรายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 อย่างเป็นทางการ โดยรายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นตาม กรอบการรายงานของ Global Reporting Initiative (GRI) สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) เพื่อสร้างคุณค่าร่วมอย่างยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน

รายงานความยั่งยืนฉบับนี้ครอบคลุมผลการดำเนินงานในหลากหลายด้าน อาทิ

การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมขององค์กร และการลงทุนอย่างยั่งยืน ความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น การเสริมสร้างการเข้าถึง และความรู้ด้านการวางแผนการเงิน และการประกันชีวิต การส่งเสริมคุณภาพชีวิตพนักงาน การส่งเสริมความหลากหลายและการมีส่วนร่วมของคนในสังคม
การกำกับดูแลกิจการที่ดี เช่น ความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการระบุประเด็นสาระสำคัญ (Material Topics) ภายใต้กระบวนการจัดทำ Double Materiality โดยคำนึงทั้งผลกระทบต่อธุรกิจ (Financial Materiality) และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม (Impact Materiality) ผ่านการรับฟังเสียงของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมทั้งเปิดเผยตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องตามมาตรฐาน GRI เพื่อให้ลูกค้า ประชาชน และผู้สนใจ สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและตรวจสอบได้

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “รายงานความยั่งยืนของเราในปีนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่จับต้องได้ในด้าน ESG แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทในการเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างมีจริยธรรม พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก โดยเรายึดมั่นในการทำธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบในระยะยาวทั้งต่อผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม”

เมืองไทยประกันชีวิต ยังคงเดินหน้าพัฒนาแนวทางการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมาย Net Zero scope 1 และ 2 ภายในปี 2030 นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นในการเสริมสร้างการเข้าถึง การประกันชีวิตและสุขภาพให้แก่คนในสังคม พร้อมมุ่งมั่นในการสร้างความรู้ความเข้าในด้านการวางแผนการเงินและการประกันชีวิตให้กับคนไทย และยังคงบริหารงานด้วยความโปร่งใส ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อสร้างความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย #เมืองไทยประกันชีวิต #MuangThaiLife

สามารถดาวน์โหลดรายงานความยั่งยืนฉบับเต็มได้ที่ https://www.muangthai.co.th/reports/mtl-sr-2024/

สัตว์น้ำเถื่อน ขบวนการบั่นทอนความมั่นคงที่ต้องเร่งแก้

0
บทความ โดย อร่าม ทองพูล

ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจโลกและการแข่งขันทางการค้า ประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและส่งออกสัตว์น้ำกลับต้องเผชิญกับ “ขบวนการลักลอบนำเข้าสัตว์น้ำผิดกฎหมาย” ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ ไม่ใช่แค่แอบขายของไม่เสียภาษี แต่เป็นภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมเกษตร น้ำสะอาด สุขภาพคนไทย และชื่อเสียงของประเทศ

แม้ภาครัฐโดยเฉพาะกรมประมง จะพยายามปราบปรามอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการสกัดปลากะพงขาว 7 ตันที่ด่านสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส หรือ การบุกยึดหอยลายสดหลายร้อยกิโลกรัมที่ซุกซ่อนอยู่ในรถบรรทุกข้ามแดนในภาคตะวันออก แต่ดูเหมือนว่าขบวนการเหล่านี้กลับยิ่งเติบโตและปรับตัวได้เก่งขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาใช้ช่องทางออนไลน์ ตลาดสด และแม้แต่แฝงมาในสินค้าถูกกฎหมายเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ การสำแดงเท็จที่ด่านก็เป็นเรื่องปกติที่เจ้าหน้าที่บางส่วนก็ไม่ทันเกม

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสัตว์น้ำ “แปลก” และ “หายาก” อย่างปลาไหลแก้ว สายพันธุ์ยุโรป มูลค่ากว่า​ 40 ล้านบาท ที่ลักลอบนำเข้าทางเครื่องบิน หรือล่าสุด การลอบขนเต่าดาวอินเดียและปลามังกร มูลค่ากว่า 2 ล้าน ลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน สัตว์เหล่านี้แฝงเข้ามาเพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดปลาสวยงาม แม้จะดูไม่เป็นพิษเป็นภัยในสายตาคนทั่วไป แต่แท้จริงแล้วอาจเป็นพาหะของโรคสายพันธุ์รุนแรง เช่น TiLV หรือ VNN ที่ยังไม่เคยปรากฏในไทย หากเล็ดลอดเข้าสู่ระบบน้ำของประเทศได้ ก็อาจแพร่เชื้อไปยังฟาร์มเพาะเลี้ยงต่างๆ จนก่อให้เกิดการสูญเสียมูลค่ามหาศาล และยิ่งไปกว่านั้น ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของตลาดโลกที่กำลังจับตามองมาตรฐานความปลอดภัยของไทยอย่างใกล้ชิด

ตัวเลขการส่งออกปลาสวยงามของไทยปีหนึ่งๆ อยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท ขณะที่ไทยคือประเทศผู้ส่งออกปลาสวยงามอันดับ 5 ของโลก ด้วยสัดส่วนตลาดกว่า 7% แต่หากภายในประเทศยังปล่อยให้มีการนำเข้าสัตว์น้ำผิดกฎหมายแบบไร้การควบคุม วันหนึ่งการส่งออกที่ภาคภูมิใจก็อาจถูกระงับจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Measures) จากประเทศคู่ค้า ด้วยข้อหาความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ

ที่น่ากังวลไม่แพ้กันคือผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำในประเทศ ซึ่งต้องแบกรับต้นทุนจากมาตรฐาน GAP, GMP และ HACCP อย่างเต็มที่ ในขณะที่สินค้าลักลอบกลับสามารถขายได้ในราคาถูกกว่าหลายเท่า เพราะไม่ต้องผ่านการควบคุมใดๆ ความไม่เป็นธรรมนี้ กำลังทำลายทั้งห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ฟาร์มเพาะเลี้ยง ลูกพันธุ์ โรงงานอาหารสัตว์ ไปจนถึงตลาดปลายทาง

และถ้าคิดว่าสัตว์น้ำเถื่อนจะจบเพียงที่ “ฟาร์ม” หรือ “ตลาด” นั่นเป็นการประเมินที่ต่ำเกินไป เพราะมีกรณีจริงที่สัตว์น้ำที่นำเข้าผิดกฎหมายถูกนำไปปล่อยลงแม่น้ำลำคลอง ซึ่งกลายพันธุ์หรือรุกรานชนิดพันธุ์ท้องถิ่น สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศในระยะยาวอย่างประเมินค่าไม่ได้

การแก้ปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ปราบปราม” แต่ต้องเริ่มที่ “ปิดช่องโหว่” ทั้งด้านกฎหมาย กลไกการตรวจสอบ และที่สำคัญคือ “ทัศนคติของผู้บริโภค” ที่มักเลือกของถูกโดยไม่ใส่ใจที่มาหรือผลกระทบระยะยาว หากภาครัฐไม่เร่งทบทวนระบบควบคุมการนำเข้าสัตว์น้ำให้ทันยุค พร้อมเปิดช่องให้การนำเข้าสัตว์น้ำถูกกฎหมายมีความยืดหยุ่นขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้จริงบนพื้นฐานที่เท่าเทียม ปัญหานี้ก็จะเป็นระเบิดเวลา

ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องตระหนักว่า “สัตว์น้ำเถื่อน” ไม่ได้ถูกแค่ที่ราคา แต่มัน “แพง” ที่ผลกระทบซึ่งทั้งลึกและยาวไกลกว่าที่ใครคาดคิด

รางวัลเดียว เปลี่ยนชีวิต  ลุ้น 70 ล้าน กับสลากออมสินพิเศษ 1 ปี

0

โลกการลงทุนยุคปัจจุบัน แม้ว่าเครื่องมือหรือผลิตภัณฑ์การลงทุนสมัยใหม่จะพัฒนาตามความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพียงใด แต่ต้องยอมรับว่า เรื่องความเสี่ยงยังเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการลงทุนในทุกยุคทุกสมัย ดังเช่นสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น การสู้รบรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อนานหลายปี, ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน  รวมถึงความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ล้วนเป็นปัจจัยความเสี่ยงสำคัญที่ล้วนส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจ และการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น ความผันผวนในตลาดหลักทรัพย์ , ผลกระทบด้านการส่งออกสินค้า

ท่ามกลางสถานการณ์ที่การลงทุนมีความเสี่ยงสูงเช่นนี้ การมองหาการลงทุน “รูปแบบการฝากเงิน” ที่ปลอดภัยและไร้ความกังวล จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุน จึงทำให้ “สลากออมสิน” ยังเป็นรูปแบบการออมและลงทุนที่ได้รับความนิยมมาตลอด โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบความเสี่ยง  เพราะสลากออมสิน มีความเสี่ยงเป็นศูนย์  ทุนไม่หาย ผลตอบแทนไม่หด เพราะเงินต้นอยู่ครบ และได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย นอกจากนี้ ผู้ฝากสลากฯ ยังมีสิทธิได้ลุ้นรางวัลใหญ่ทุกเดือน และรางวัลพิเศษอีกด้วย

ล่าสุด ธนาคารออมสิน ได้ออก “สลากออมสินพิเศษ 1 ปี”  แบบใบสลากและดิจิทัล ให้ผู้ฝากสลากฯ ได้ลุ้นรางวัลใหญ่ แบบรางวัลเดียว เปลี่ยนชีวิต กันไปเลย  กับรางวัลพิเศษ  70 ล้านบาท   และยังได้ลุ้นรางวัลใหญ่ 10 ล้านบาทกันทุกเดือน นาน 12 เดือน อีกด้วย

ใครอยากเปลี่ยนชีวิต ลุ้นรางวัลพิเศษ 70 ล้านบาท ต้องรีบหน่อย เพราะ รางวัลพิเศษก้อนเดียวเปลี่ยนชีวิต มีกำหนดออกรางวัลในวันที่ 16 กรกฏาคม 2568 นี้แล้ว

ใครที่ชอบลงทุนและยังชอบลุ้นรางวัล ต้องไม่พลาด รีบฝาก “สลากออมสินพิเศษ 1 ปี” โดยสามารถฝากสลากออมสินพิเศษ 1 ปี สำหรับแบบใบสลากเริ่มต้นฝากเพียงหน่วยละ 100 บาท และแบบดิจิทัล เริ่มต้นฝาก 1,000 บาท ฝากครบกำหนด 1 ปี จะได้รับดอกเบี้ย 0.20 บาทต่อหน่วย โดยทั้งดอกเบี้ยและรางวัลพิเศษ ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา หากมีการถอนก่อนครบกำหนด 6 เดือน จะถูกหักส่วนลดตามอัตราที่ธนาคารกำหนด

ฝาก “สลากออมสิน พิเศษ 1 ปี” แล้วมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลใหญ่ มูลค่า 70 ล้านบาทได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ทางแอปฯ MyMo by GSB  หรือ คลิก https://to.gsb.or.th/pExfarbZ และ ธนาคารออมสินทุกสาขา  

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 หรือ ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.gsb.or.th และ Facebook Fanpage : GSB Society

เริ่มต้นสร้างเครดิตอย่างมั่นใจด้วย “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” โดยธนาคารออมสิน ดอกเบี้ยเบาๆ หมื่นละ 60 บ./เดือน

0

เปิดขั้นตอน! สมัคร ‘สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส’ พร้อมให้คุณเริ่มต้นสร้างเครดิตอย่างมั่นใจ กู้ได้เลยบนมือถือผ่าน MyMo ดอกเบี้ยเบา หมื่นละ 60 บาท/เดือน
รายละเอียดเพิ่มเติม >https://to.gsb.or.th/7kc2mL

✨ สำหรับผู้ที่ไม่เคยกู้สินเชื่อกับสถาบันการเงินใดมาก่อนในระยะเวลา 2 ปี
✨ วงเงินอนุมัติสูงสุด 20,000 บาท
✨ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.60 ต่อเดือน (Flat Rate)**
✨ ปลอดชำระเงินต้น 3 งวดแรก***
✨ ผ่อนชำระ 12 เดือน
✨ ไม่มีหลักประกัน
ลงทะเบียนขอสินเชื่อด้วยตัวเองได้ที่ MyMo

📌 ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่าจะครบวงเงินโครงการ หรืออย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
**เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) ร้อยละ 12.96 ต่อปี
***งวดที่ 4-12 ชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
⚠️ รู้ก่อนกู้ .. กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว