Home Blog Page 379

ออมสิน ฉลองครบ 108 ปี เปิดตัวสลากออมสินดิจิทัล กับเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ พร้อมเปิดลงทะเบียนรับกระปุก ฝากขั้นต่ำ 500 บาท

0

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินเตรียมเฉลิมฉลองการครบรอบก่อตั้งธนาคารเป็นปีที่ 108 ในวันที่ 1 เมษายน 2564 พร้อมเปิดรับฝาก สลากออมสินดิจิทัล 1 ปี ฉลอง 108 ปี ผ่านแอปพลิเคชัน MyMo ระหว่างวันที่ 1 – 15 เมษายน 2564 วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยเปิดรับฝากตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไป สูงสุดรายละไม่เกิน 10 ล้านบาท พร้อมสิทธิลุ้นรางวัลพิเศษจากการออกเลขสลากออมสินงวดวันที่ 16 เมษายน 2564 รางวัลละ 10,000 บาท จำนวน 108 รางวัล

นอกนี้ ธนาคารฯ ยังเปิดรับฝากเงินประเภท เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษฉลอง 108 ปี ให้ดอกเบี้ยในอัตราพิเศษแบบขั้นบันได สูงสุด 10.8% ต่อปี ระยะเวลาฝากเงิน 108 วัน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.08% ต่อปี กำหนดเงื่อนไขการเปิดบัญชีขั้นต่ำ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ให้สิทธิรายละ 1 บัญชี โดยธนาคารจะเปิดให้ผู้สนใจลงทะเบียนจองสิทธิการฝากเงินผ่านเว็บไซต์ www.gsb.or.th และช่องทาง LINE : @GSBsociety ในวันที่ 25-26 มีนาคม 2564 รวม 2 วัน วันละ 1,500 ล้านบาท วงเงินรับฝากรวม 3,000 ล้านบาท

สำหรับลูกค้าเงินฝากทุกประเภท (ยกเว้นเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษฉลอง 108 ปี) ที่ฝากเงินตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป ยังมีสิทธิได้รับกระปุกออมสินที่จัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระโอกาสพิเศษนี้อีกด้วย (ของมีจำนวนจำกัด) แต่ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการเว้นระยะเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ธนาคารจึงจะเปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้า ในวันที่ 25-26 มีนาคม 2564 เพื่อให้ลูกค้าเงินฝากจองสิทธิรับกระปุกออมสินได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th และช่องทาง LINE : @GSBsociety โดยผู้ที่จองสิทธิสำเร็จจะได้รับ SMS ให้ไปติดต่อรับกระปุกออมสินพร้อมฝากเงิน ณ สาขาธนาคารออมสิน ตามรอบวันและเวลาที่แจ้งความประสงค์ไว้ในการลงทะเบียน

นอกจากนี้ ธนาคารฯ ขอมอบเงินขวัญถุง เป็นเงิน 500 บาท แก่เด็กที่เกิดในวันที่ 1 เมษายน 2564 เพื่อเริ่มต้นปลูกฝังสร้างเสริมวินัยการออมตั้งแต่แรกเกิด โดยบิดาหรือมารดาเด็กมีสัญชาติไทย นำสูติบัตรฉบับจริงพร้อมสำเนาบัตรประชาชนบิดาหรือมารดา และสำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อบิดาหรือมารดา มาแสดงที่สาขาธนาคารออมสินภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2564

ททท.จับมือพันธมิตร จัดโปรฯ 6 สายการบิน กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ

0

เปิดตัว“ฝูงบินท่องเที่ยวไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม”

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เป็นประธานการแถลงข่าวเปิด “ฝูงบินท่องเที่ยวไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” จับมือ 6 สายการบินและพันธมิตร จัดแพ็กเกจเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และกระตุ้นให้เกิดการเดินทางหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. และนายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ นายกสมาคมสายการบินประเทศไทย นายธีรพล โชติชนาภิบาล ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) นายกฤษ พัฒนสาร ผู้อำนวยารฝ่าย รัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด นางนันทพร โกมลสิทธิ์เวช ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท ไทย ไลอ้อน เมนทารี จำกัด นายวิเศรษฐ์ สนธิชัย ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด นายรณน วิพุธศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท ไทย เวียตเจ็ท แอร์ จอยท์ สต็อค จำกัด นางสาวเพลินพิศ โกศลยุทธสาร ผู้อำนวยการกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยว บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมแถลงข่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า “ฝูงบินท่องเที่ยวไทย” เป็นโครงการที่แสดงถึงความร่วมมือร่วมใจกันทั้งภาครัฐและเอกชน ในภาวะที่ต้องเร่งให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะชะลอการเดินทางหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอยู่วงนอกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สามารถกระตุ้นให้ประชาชนสนใจ ผนวกกับมีความเชื่อมั่นในการเดินทาง และทำให้เกิดการเดินทางในทุกภูมิภาคในระยะเวลาอันใกล้ พร้อมต้องขอขอบคุณ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และกรมควบคุมโรค ซึ่งดูแลมาตรการทางสาธารณสุข ตลอดระยะเวลาการจัดกิจกรรมในครั้งนี้

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า การเดินทางด้วยเครื่องบิน (Air Travel) ถือว่าเป็นกลไกสำคัญในการเดินทางท่องเที่ยว และมีความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยทางสุขอนามัย อีกทั้งยังสามารถลดระยะเวลาในการเดินทาง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้ไกลขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มวัยทำงานและคนรุ่นใหม่ซึ่งมักจะมีวันลาที่จำกัด ททท. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้นภายใต้ความร่วมมือจาก สมาคมสายการบินประเทศไทย และพันธมิตร 6 สายการบิน ได้แก่ นกแอร์ ไทยแอร์เอเชีย ไทยไลอ้อนแอร์ ไทยสมายล์ ไทยเวียตเจ็ท และบางกอกแอร์เวย์ส ร่วมกันมอบส่วนลดหรือสิทธิพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. 2564 เป็นต้นไป ตามโปรโมชั่น ของแต่ละสายการบิน เพื่อช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวไปยังภูมิภาคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ

  • สายการบินนกแอร์ แจกนกแคร์คิต ประกอบด้วย ผ้าคลุมเบาะใช้แล้วทิ้ง แอลกอฮอล์แพด และหน้ากากอนามัยทุกที่นั่ง
  • สายการบินไทยแอร์เอเชีย เสนอโปรโมชั่น ลด 30% จากราคาปกติ ทุกเส้นทางบินภายในประเทศ จองตั้งแต่ 22 – 28 มีนาคม 2564 เดินทางได้ 29 มีนาคม – 30 กันยายน 2564 (ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นได้)
  • สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ ร่วมกับ Klook เสนอโปรโมชั่นชวนท่องเที่ยววันธรรมดา ซื้อ E-voucherผ่านทาง Klookราคาเริ่มต้น 99 บาท/เที่ยวบิน (ไม่รวมภาษีสนามบิน) จองตั้งแต่ 1 – 30 เมษายน 2564    เดินทางได้ 1 เมษายน – 30 กันยายน 2564 (เดินทางได้เฉพาะวันจันทร์-พฤหัสบดี ไม่รวมวันหยุดนักขัตฤกษ์)
  • สายการบินไทยสมายล์ เสนอบัตรโดยสารราคาพิเศษ ทุกเส้นทางภายในประเทศ ราคาเริ่มต้น 8++ บาท/ท่าน/เที่ยว (รวมทุกอย่างแล้ว) พร้อมบริการฟูลเซอร์วิส สำรองที่นั่งในวันที่ 26 มีนาคม 2564 เพียงวันเดียวเท่านั้น เดินทางได้ตั้งแต่ 1 เมษายน – 30 ตุลาคม 2564
  •  สายการบินไทยเวียตเจ็ท เสนอโปรโมชั่นราคาเริ่มต้น 99 บาท หรือ เมื่อรวมภาษีและค่าธรรมเนียมราคาเที่ยวละ 480 บาท จองตั้งแต่ 23 มีนาคม – 31 ธันวาคม 2564 เดินทางได้ 24 มีนาคม – 31 ธันวาคม 2564
  •  สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เสนอแคมเปญ “บินเที่ยวไทย จ่ายครึ่งเดียว กับบางกอกแอร์เวย์ส” มอบส่วนลดบัตรโดยสารพิเศษ 50% ในเที่ยวบินไป-กลับ เส้นทางในประเทศที่ร่วมรายการ เพียงสมัครสมาชิกรายการสะสมคะแนนฟลายเออร์โบนัส และลงทะเบียนขอส่วนลดทาง bangkokair.com/halfprice ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันที่ 24 มีนาคม 2564 – 20.00 น. ของวันที่ 26 มีนาคม 2564 (เงื่อนไขอื่นๆ ตามที่บริษัทกำหนด) 

ทั้งนี้ ททท. คาดหวังว่า โครงการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยส่งเสริมการขาย เพื่อสร้างรายได้ให้ภาคส่วนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสามารถกลับมามีกำไรอย่างยั่งยืน รวมถึงการมุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ไม่เน้นจำนวนและปริมาณ เพื่อก้าวสู่การท่องเที่ยวมูลค่าสูง (High Value Tourism) ต่อไป

สมาคมธนาคารไทย ขานรับมติครม. เดินหน้ามาตรการฟื้นฟูธุรกิจโดนผลกระทบโควิด-19

0

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 มีมติเห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จำนวน 2 มาตรการ คือ มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการธุรกิจ (สินเชื่อฟื้นฟู) และมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์ชำระหนี้ และให้สิทธิลูกหนี้ซื้อคืน (โครงการพักทรัพย์ พักหนี้) นั้น สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก พร้อมสนับสนุนการดำเนินมาตรการดังกล่าว เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถทำธุรกิจต่อไปได้ ในช่วงที่เศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงจากผลกระทบของโควิด-19 ซึ่งคาดว่าต้องใช้ระยะเวลาอีกนานในการฟื้นตัวการจัดทำมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูฯ

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้หารือและรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการ ภาครัฐในการดูแลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ความกังวลของสถาบันการเงิน และสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการได้อย่างตรงจุด นำมาสู่การจัดทำมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจเพิ่มเติม 2 มาตรการ ดังนี้

มาตรการที่ 1 มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ ( สินเชื่อฟื้นฟู) ครอบคลุมทั้งการเสริมสภาพคล่อง และการลงทุน เพื่อกลับมาทำธุรกิจตามปกติ (Revive & Restart) วงเงินสนับสนุนดูแลสินทรัพย์ สำหรับธุรกิจโรงแรมและธุรกิจในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างรุนแรง และประสงค์จะหยุดดำเนินกิจการชั่วคราว โดยภาครัฐได้ปรับปรุงเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถเข้าถึงเงินสินเชื่อได้มากขึ้น

มาตรการที่ 2 มาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์ชำระหนี้ และให้สิทธิลูกหนี้ซื้อคืน (โครงการพักทรัพย์ พักหนี้ ) ซึ่งเป็นโครงการภาคสมัครใจ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและธุรกิจในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างรุนแรงเท่านั้น ซึ่งต้องเป็นกิจการที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยให้ผู้ประกอบการสามารถหยุดการดำเนินกิจการได้ชั่วคราว ด้วยการโอนทรัพย์เป็นหลักประกันไว้กับธนาคาร เพื่อรับสิทธิในการขยายเวลาชำระหนี้ระยะยาว รอเศรษฐกิจฟื้นตัวโดยไม่สูญเสียกิจการไป ซึ่งจะมีสินเชื่อพิเศษสนับสนุนจากภาครัฐสำหรับดูแลทรัพย์ที่อยู่ในโครงการฯ มาตรการนี้อยู่ภายใต้หลักการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพอย่างเป็นระบบ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ได้ตรงตามสถานะธุรกิจ ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพสถาบันการเงิน

“สมาคมฯ และธนาคารสมาชิก มีความตั้งใจและความพร้อมในการดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อช่วยประคับประคองภาคธุรกิจไทยให้สามารถอยู่รอดในช่วงที่เศรษฐกิจรอการฟื้นตัว และกลับมาดำเนินธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต” นายผยง กล่าว

ครม. ไฟเขียว โครงการทัวร์เที่ยวไทย และ เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (23 มี.ค.64) มีมติอนุมัติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ คือ โครงการทัวร์เที่ยวไทย ส่งเสริมประชาชนให้เดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดา

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ กล่าวว่า โครงการทัวร์เที่ยวไทย รัฐบาลจะสนับสนุนค่าเดินทางในลักษณะร่วมจ่าย จำนวน 40% หรือไม่เกิน 5,000 บาท โดยบริษัทท่องเที่ยวจะต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อจัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยวเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน และจะต้องระบุรายชื่อโรงแรมและร้านอาหารที่อยู่ในโปรแกรมเที่ยวให้ชัดเจน จากนั้น ททท.จะได้ประเมินดูความเหมาะสมจากมูลค่าที่เก็บค่าทัวร์จากลูกค้า เบื้องต้นกำหนดแพ็คเกจโปรแกรมทัวร์ไว้ที่ราคา 12,500 บาทต่อโปรแกรมทัวร์ จำนวน 1 ล้านสิทธิ์  บริษัททัวร์แต่ละแห่งจะรับลูกค้าได้ไม่เกิน 1,000 ราย

ส่วนระยะเวลาดำเนินโครงการทัวร์เที่ยวไทย เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค.-ส.ค.64  ประชาชนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ สามารถเลือกโปรแกรมท่องเที่ยวในเว็บไซต์ ททท. และชำระเงินค่าโปรแกรมท่องเที่ยวผ่านแอปฯ เป๋าตัง เท่านั้น ดังนั้น บริษัททัวร์ที่เข้าร่วมโครงการ จึงต้องสมัครแอปพลิเคชันถุงเงินด้วย  นอกจากนี้ ต้องมีการสแกนคิวอาร์โค้ดและสแกนใบหน้าของผู้ใช้งาน เมื่อเข้าร้านอาหารหรือโรงแรมตามโปรแกรมท่องเที่ยว และบริษัททัวร์ต้องสแกนคิวอาร์โค้ดสถานที่ท่องเที่ยวที่ไปด้วย เพื่อเป็นการยืนยันว่า มีการพาลูกค้าไปท่องเที่ยวตามโปรแกรมจริงๆ ทั้งนี้ เป็นระบบตรวจสอบที่ ททท.และธนาคารกรุงไทยนำมาใช้

สำหรับ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 จะใช้วงเงินที่เหลือในโครงการ ประมาณ 5,700 ล้านบาท ขยายสิทธิ์เพิ่มอีก 2 ล้านสิทธิ์ ประชาชนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการจะใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่เดือน พ.ค. 64 เป็นต้นไป และสิ้นสุดโครงการในเดือน ส.ค.64 

ทั้งนี้ จะมีการเพิ่มขั้นตอนตรวจสอบมากขึ้น ผู้ประกอบการเราเที่ยวด้วยกันที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว ต้องทำการยืนยันการเข้าร่วมโครงการใหม่ โดยททท.จะนำข้อมูลที่ทางโรงแรมจดทะเบียนไว้กับกระทรวงมหาดไทย มาตรวจสอบถึงจำนวนห้องพักที่แจ้งไว้ นอกจากนี้ ทางโรงแรมจะต้องส่งจำนวนห้องพักและช่วงอัตราราคา (ต่ำสุด-สูงสุด) เพื่อให้ ททท. ตรวจสอบ

ในส่วนของประชาชนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ต้องจองที่พักล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน เพื่อให้ธนาคารกรุงไทย ส่งข้อมูลให้ ททท.ตรวจสอบว่าพบความผิดปกติหรือไม่ นอกจากนี้ ต้องมีการสแกนใบหน้าผู้เข้าพักที่จะใช้สิทธิ์ และส่งข้อมูลจีพีเอส เพื่อตรวจสอบด้วย ส่วนการเดินทางเข้าพักโรงแรม จากเดิมที่ให้พักในจังหวัดเดียวกับผู้ใช้สิทธิ์อาศัยอยู่ได้ จะปรับมีการหลักเกณฑ์ใหม่ ให้เป็นการเดินทางเข้าพักข้ามจังหวัดเท่านั้น  ส่วน E-Voucher จะปรับเป็นราคาเดียวคือ 600 บาทต่อวัน  จากเดิมที่กำหนดให้วันธรรมดาได้ 900 บาท และวันหยุดได้ 600 บาท 

โครงการทัวร์เที่ยวไทย และเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 จะเริ่มในเดือน พ.ค.64 และสิ้นสุดโครงการในเดือน ส.ค.64 ทั้งนี้ ต้องใช้เวลาในการทำระบบต่างๆ เพิ่มเติม จึงไม้ทันวันหยุดช่วงสงกรานต์

ดีเอสไอเตือน ระวังโดนหลอก อ้างเป็นบ.มหาชน จดทะเบียนต่างประเทศ ชวนสมัครแพ็คเกจลงทุน

0

รายงานข่าวเปิดเผยว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ออกมาเตือนกรณีกรมฯ ได้รับข้อมูลว่า มีกลุ่มบุคคลชักชวนประชาชนทั่วไปให้สมัครแพ็คเกจลงทุน ซึ่งอ้างว่านำไปลงทุนในธุรกิจแพลตฟอร์ม ที่รวบรวมฐานข้อมูลของสมาชิก (Big Data) ทำการเชื่อมต่อการตลาดกับมวลชน และเครือข่ายนักธุรกิจออนไลน์ โดยอ้างว่าบริษัทมีการจดทะเบียนบริษัทที่ต่างประเทศ และเป็นการลงทุนในบริษัทต่างประเทศแถบยุโรป ซึ่งยังไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐในประเทศไทย แต่อย่างใด

โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนแพ็คเกจต่าง ๆ มีตั้งแต่แพ็คเกจลงทุน 99 ยูโร หรือ 4,000 บาท จนถึง 2,499 ยูโร หรือ 120,000 บาท โดยใช้แผนการตลาดแบบไบนารี (Binary) คือ นักลงทุนจะต้องแนะนำให้คนมาร่วมลงทุน จำนวน 4 คน ภายใน 14 วัน จึงจะได้รับโบนัสและผลตอบแทนจากบริษัท ซึ่งสูงถึงหลักล้านบาท โดยปรากฏให้เห็นการชักชวนประชาชนผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ อาทิ เฟซบุ๊ก ไลน์ เป็นต้น เพื่อให้เข้าไปในกลุ่มที่ตั้งขึ้น จากนั้นจะใช้แม่สายหรือแม่ทีม โน้มน้าวชักจูงให้ลงทุนดังกล่าว

กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอแจ้งให้ทราบว่า การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ว่าจะในฐานะศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Dealer) จะต้องมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เท่านั้น และการดำเนินกิจกรรมธุรกิจในลักษณะดังกล่าวยังเข้าข่ายการกระทำความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ด้วย ตลอดจนการแนะนำและชักชวนบุคคลทั่วไปให้ลงทุนในหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางในการโฆษณาชักชวนประชาชน เข้าข่ายเป็นการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาท

ทั้งนี้ การประกอบธุรกิจตามที่บริษัทดังกล่าวอ้างข้างต้น กรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจว่ามีลักษณะเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือไม่ ต่อไปกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการลงทุนในรูปแบบดังกล่าว โดยควรศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจก่อนเข้าร่วมลงทุน และตรวจสอบหลักฐานการลงทุนซึ่งยืนยันว่า บริษัทที่จะร่วมลงทุนนั้น ได้นำเงินไปลงทุนตามที่ได้กล่าวอ้างจริง ทั้งนี้ แชร์ลูกโซ่มักมาในรูปแบบของธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่น่าสนใจ และโฆษณาชักชวนให้ร่วมลงทุนในระยะสั้น โดยอ้างว่าจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราที่สูง ซึ่งจะใช้วิธีการนำเงินจากผู้ที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ ไปจ่ายผลตอบแทนให้สมาชิกเก่า เพื่อให้เห็นว่าธุรกิจสามารถดำเนินการได้จริง ภายหลังที่ระดมทุนได้มากแล้ว ก็จะหยุดดำเนินการและหลบหนีไปพร้อมเงินของผู้เสียหาย ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายลุกลามอย่างรวดเร็ว หากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว หรือมีข้อสงสัย สามารถติดต่อมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษผ่านทางเว็บไซต์ ww.dsi.go.th หรือโทรสายด่วน DSI Call Center 1202 (โทร.ฟรีทั่วประเทศ) โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเก็บรักษาข้อมูลผู้แจ้งเบาะแสไว้เป็นความลับ

ซีพีเอฟ มอบอาหารคุณภาพให้บ้านพักพิง ช่วยเหลือครอบครัวผู้ป่วยเด็กยากไร้ ปีที่ห้า

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ร่วมกับ มูลนิธิ  โรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ ประเทศไทย สนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารจากซีพี อาทิ อาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน และไข่ไก่สด จำนวน 17,280 ฟอง ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 รวมทั้งสิ้นกว่า 70,000 ฟอง แก่บ้านพักพิง โรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ 4 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี และสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ป่วยเด็กได้ทานอาหารคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการอย่างทั่วถึง โดยมี นายวราราชย์ เรืองศรี รองกรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วย นายนรชัย รัตนบานชื่น ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ซีพีเอฟ ส่งมอบ และนางสาวกฤตยา อุ่นสากล รองผู้อำนวยการมูลนิธิฯ รับมอบ ณ บ้านพักพิงฯ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย 

นายวราราชย์ กล่าวว่า ซีพีเอฟให้การสนับสนุนกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพราะบริษัทฯ เห็นความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยเด็กและครอบครัว ได้ทานอาหารที่มีคุณภาพ สด สะอาด ปลอดภัย และให้คุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะไข่ไก่สด ที่ผ่านการเลี้ยงจากฟาร์มที่ได้มาตรฐานสากล ตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่การผลิต ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ช่วยในการเจริญเติบโตและเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ง่ายต่อการบริโภค และสามารถนำมาทำเมนูต่างๆ ได้หลากหลาย  

นางสาวกฤตยา อุ่นสากล กล่าวว่า ขอขอบคุณซีพีเอฟ ที่ได้ร่วมสนับสนุนไข่ไก่สดและอาหารสำเร็จรูปพร้อมทานแก่บ้านพักพิงฯ ทั้ง 4 แห่งของมูลนิธิฯ มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 นับว่าเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวผู้ป่วยเด็กที่เข้ามาพักอาศัยเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะได้รับประทานอาหารที่ดีมีคุณภาพและคุณประโยชน์แล้ว ยังช่วยร่นระยะเวลาในการจัดหาอาหารของพ่อแม่ ผู้ปกครองที่มาพักอาศัย เพื่อจะได้มีเวลาในการไปดูแล และให้กำลังใจแก่บุตรหลานที่เจ็บป่วยขั้นวิกฤติอย่างเต็มที่ 

ขณะที่ นายนรชัย รัตนบานชื่น กล่าวว่า การผนึกกำลังกับคู่ค้าธุรกิจในครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบายของเครือซีพี ภายใต้ปรัชญา 3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืน  ได้แก่ ประเทศชาติ ประชาชน และสุดท้ายคือ องค์กร เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารให้คนไทยได้เข้าถึงอย่างเพียงพอ 

โครงการหลักของมูลนิธิ  โรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ ประเทศไทย ประกอบด้วย 1. สร้างและปรับปรุงห้องสันทนาการเด็ก ณ หอผู้ป่วยเด็กในโรงพยาบาลของรัฐบาลและสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า 2. หน่วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ โรนัลด์ แมคโดนัลด์ และ 3. บ้านพักพิง โรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ โดยตั้งอยู่บนพื้นที่โรงพยาบาลทั้ง 4 แห่ง เพื่อให้ครอบครัวผู้ป่วยเด็กเข้ามาใช้บริการได้ตลอด 24 ชม. พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook Fanpage : มูลนิธิโรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ หรือ www.rmhc.or.th หรือ โทร. 02-696-4928

โออาร์ ประกาศไม่ขึ้นราคาน้ำมันวันหยุดสงกรานต์ 10​ วัน ยกทัพปล่อยแคมเปญเพียบ มอบรอยยิ้มตลอดเมษา

0
จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ในเดือนเมษายนที่กำลังจะมาถึง เนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่องตามเทศกาล โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 มีแนวโน้มดีขึ้น จึงคาดว่าจะทำให้ประชาชนวางแผนเดินทางท่องเที่ยว หรือเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค  OR ได้จัดเตรียมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้สถานีบริการน้ำมัน PTT Station และร้านค้าในเครือ OR เป็นจุดแวะพักสำหรับผู้บริโภคได้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า เติมเต็มความสุข ความสดชื่น ช่วยลดค่าใช้จ่าย ตลอดจนช่วยลดอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัยในทุกการเดินทาง ด้วยแคมเปญสุดพิเศษมากมาย ครบครันทุกความต้องการ ด้วยสินค้าและบริการที่หลากหลาย ได้แก่

สถานีบริการน้ำมัน PTT Station

•          สถานีบริการน้ำมัน PTT Station จะไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมันระหว่างวันที่ 10 – 19 เมษายน 2564 (เป็นระยะเวลา 10 วันช่วงเทศกาลสงกรานต์) ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น และหากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงจะปรับลดราคาน้ำมันลงอีก

•          “ขับยาวๆ ต้องฮึบ ง่วงไม่ขับพักดื่มแบรนด์” เมื่อเติมน้ำมัน 500 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ ที่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station ทุกสาขาทั่วประเทศ รับคูปองส่วนลด 12 บาท สำหรับแลกซื้อแบรนด์ซุปไก่สกัด รสชาติใดก็ได้ ขนาด 70 หรือ 100 มิลลิลิตร จำนวน 2 ขวด ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม 2564 – 23 เมษายน 2564 ที่ร้านสะดวกซื้อ Jiffy และ 7-Eleven ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ทุกสาขาที่ร่วมรายการ

•          “เติมเต็มความห่วงใย แจกหน้ากากอนามัย ในวันอนามัยโลก” รับฟรี หน้ากากอนามัย 1 ชิ้น ต่อ 1 ใบเสร็จ เมื่อเติมน้ำมันชนิดใดก็ได้ โดยไม่มียอดขั้นต่ำ ระหว่างวันที่ 7 – 11 เมษายน 2564 ที่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station ทุกสาขาทั่วประเทศ 

•          ปรับเพิ่มปริมาณการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งที่คลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ทั่วประเทศ และปรับเวลา เปิด-ปิดคลัง เพื่อให้สถานีบริการน้ำมัน PTT Station ทุกแห่งมีน้ำมันให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน

•          “เติมเต็มความอุ่นใจกับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอดการเดินทาง” เพียงใช้คะแนนสะสม Blue Card 99 คะแนน แลกรับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน (Roadside Assistance) และประกันอุบัติเหตุฟรี จากทิพยประกันภัย รวม 10,000 สิทธิ์ ระหว่างวันที่ 11 เมษายน – 31 ธันวาคม 2564 หรือจนกว่าสิทธิ์จะเต็ม

ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto

•          “FIT Fest ฟิตไม่หยุด พร้อมสุดทุกทริป”

–           ให้บริการฟรี ตรวจเช็กรถยนต์ 35 รายการ เช็ดฆ่าเชื้อโควิด เติมลมไนโตรเจน ปะยางแบบแทงใยไหม

–           เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องราคาพิเศษ อะไหล่ลดสูงสุด 25% ยางรถยนต์ ซื้อ 4 จ่าย  3 แถมโปรโมชั่นดูแลยาง FIT CARE มูลค่า 4,000 บาท ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้บริโภค

–           มอบสิทธิพิเศษ แถมฟรีประกันภัยโควิดและการเดินทาง 30 วัน เมื่อใช้จ่ายตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป หรือเมื่อใช้จ่ายครบ 5,000 บาทขึ้นไป รับสิทธิ์เช่ารถฟรี 1 วันจาก Budget และ Amazon Drip Coffee 1 กล่อง หรือเมื่อใช้จ่ายครบ 10,000 บาทขึ้นไป ได้รับคะแนน Blue Card เพิ่ม 3 เท่า

–           รับบริการได้ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2564 – 30 มิถุนายน 2564  ที่ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto ทุกสาขาทั่วประเทศ

ร้าน Café Amazon

•          “คาเฟ่ อเมซอน แจกความสุขรับสงกรานต์” รับฟรี กาแฟดริป คาเฟ่ อเมซอน รสซิกเนเจอร์ รวมจำนวน 24,000 ซอง ระหว่างวันที่ 13 – 15 เมษายน 2564 ที่ร้าน Café Amazon 20 สาขา ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station บนเส้นทางสายหลักในจังหวัดที่เป็นรอยต่อสู่ภาคต่าง ๆ

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมแต่ละกิจกรรมได้ที่ Facebook : OR Official หรือ โทร. 1365 Contact Center 

การจัดแคมเปญทั้งหมดในครั้งนี้ นอกจากเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและมอบความปลอดภัยในทุกเส้นทางให้กับผู้บริโภคแล้ว OR ยังมุ่งมั่น พัฒนาสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ให้เป็น Platform ที่แข็งแกร่งด้วยสินค้าและบริการที่หลากหลายและมีคุณภาพตามแนวคิด ‘Retailing Beyond Fuel’ เพื่อเติมเต็มทุกความต้องการของผู้บริโภค พร้อมสร้างคุณค่าร่วมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุลและยั่งยืน นางสาวจิราพร กล่าวเพิ่มเติม

กอช. เชิญชวนพระภิกษุสงฆ์ สามเณร สร้างวินัยการออม

0

กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. ขอเชิญชวนพระภิกษุสงฆ์ สามเณร อายุ 15 – 60 ปี วางแผนออมเงินไว้ใช้หลังอายุ 60 ปี ขั้นต่ำเพียง 50 บาท สูงสุด 13,200 บาทต่อปี พร้อมรับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐสูงสุด 1,200 บาทต่อปี สำหรับผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบสิทธิและสมัครได้ที่แอปพลิเคชัน “กอช.”

นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เปิดเผยว่า จากการบรรยายให้ความรู้การวางแผนทางการเงิน การออมเงินให้คณะผู้บริหารโรงเรียนพระปริยัติธรรมทั้ง 14 กลุ่ม แผนกสามัญศึกษา จำนวน 407 โรงเรียน ครอบคลุมพระภิกษุสงฆ์และสามเณรทั่วประเทศ ได้การตอบรับและสนใจออมเงินกับ กอช. โดยรับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐบาล

ทั้งนี้ กอช. จึงขอเชิญชวนพระภิกษุสงฆ์ สามเณร วางแผนการออมเงินไว้ใช้หลังอายุ 60 ปี และเป็นตัวอย่างในการสร้างวินัยการออมให้กับประชาชนและชุมชนรอบวัด โดยตรวจสอบสิทธิและคุณสมบัติก่อนการสมัครสมาชิกได้ที่แอปพลิเคชัน “กอช.” ทั้งนี้สำหรับผู้ที่มีสิทธิสมัคร เพียงกรอกข้อมูลการสมัครได้ที่แอปพลิเคชัน “กอช.” หรือ หน่วยรับสมัครสมาชิกใกล้บ้านท่าน อาทิ ที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ สำนักงานคลังจังหวัด สถาบันการเงินชุมชน ตัวแทน กอช. ประจำหมู่บ้าน ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. ธอส. และธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา รวมทั้งเคาน์เตอร์เซอร์วิส เทสโก้โลตัส บิ๊กซี ตู้บุญเติม และเครือข่ายรับสมัครทั่วประเทศสำหรับการออมเงินกับ กอช. ผู้ที่มีอายุ 15 – 60 ปี เริ่มต้นออมเงินขั้นต่ำเพียง 50 บาท สูงสุด 13,200 บาทต่อปี และรับเงินสมทบจากรัฐเพิ่มสูงสุด 1,200 บาทต่อปี ตามช่วงอายุของสมาชิก (การรับเงินสมทบเป็นไปตามเงื่อนไข พ.ร.บ. กอช.) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนเงินออม โทร. 02-049-9000 “คุณออม รัฐช่วยออม คุณได้บำนาญ”

รู้เก็บรู้ออม : ห้องเรียนนักลงทุน Live ปี 64

0

ก่อนหน้านี้ “คุณนายพารวย” เคยเปิดวาร์ปพา “มือใหม่” อยากลงทุนหุ้นไปรู้จัก 4 สิ่งที่ต้องมีเพื่อเช็กลิสต์ความพร้อม คือ 1.มีบัญชีหุ้น 2.ลงแอปฯไว้เทรดหุ้น 3.มีบัญชีไว้รับเงินปันผล และ 4.ต้องมีความรู้

“คุณนายพารวย” อยากบอกว่า ข้อ 1-3 นี่ ทุกคนสามารถทำได้ไม่ยาก!! แต่สำหรับข้อ 4 คือการมีความรู้นั้น ต้องอาศัยความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของ “มือใหม่” ที่ต้องการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้น เพื่อเริ่มต้นสร้างความมั่งคั่งและอิสรภาพทางการเงินให้กับตัวเอง

แต่ยุคสมัยนี้ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปนั่งเรียนในห้องเรียนจริงๆ เพราะตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดห้องเรียนออนไลน์ให้ความรู้เรื่อง การออม การลงทุน การเงิน การบริหารจัดการภาษี เรียกว่าทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปากท้อง ความมั่งคั่ง และเงินในกระเป๋าของเรา ผ่านเว็บไซต์ setinvestnow.com แถมยังมีกิจกรรมให้ได้เรียนรู้ตลอดทั้งปี

ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ฯได้จัด “ห้องเรียนนักลงทุน Live! ปี 64” ให้ความรู้นักลงทุนหน้าใหม่หรือจะหน้าเก่าก็ไม่ว่ากัน นักเรียน นิสิต นักศึกษา พนักงานออฟฟิศเรียนได้หมด

โดยรูปแบบ “ห้องเรียนนักลงทุน Live ปี 64” ครั้งนี้ เป็นสัมมนาออนไลน์ที่ต้องการให้นักลงทุน “มือใหม่” เข้าใจ และใช้เครื่องมือในการลงทุนเป็น กับ “6 เครื่องมือเด็ดสูตรสำเร็จการลงทุน” โดยมีกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆเป็นผู้สอน

สามารถติดตาม Live กันได้ทุกวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือน เริ่มครั้งแรกเมื่อเดือน ก.พ. และจะทำต่อเนื่องไปถึงเดือน ก.ค.64 ในช่วงเวลา 10.00-11.30 น. ผ่านช่องทาง Facebook และ YouTube “SET Thailand”

แต่หากเข้าเรียนไม่ทัน ตาม Live ไม่ได้ ก็ยังสามารถดูย้อนหลังได้อย่างไม่ตกหล่น โดย Live ที่เพิ่งจัดไปครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 ก.พ. มีหัวข้อที่น่าสนใจ คือ เรื่อง “วางแผนดี ได้ภาษีคืน ด้วยโปรแกรม Tax Planning” ถือว่าตอบโจทย์ทันสถานการณ์ที่ขณะนี้เป็นช่วงให้ยื่นแบบจ่ายภาษีกันอยู่

สำหรับหัวข้อที่จะจัดในวันที่ 21 มี.ค.นี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ “ลงทุนหุ้นออนไลน์ ด้วย SettradeStreaming” พาไปรู้จักเครื่องมือลงทุนใน SettradeStreaming ที่จะเป็นตัวช่วยการลงทุนสำหรับมือใหม่ พร้อมสอน 4 step สู่การเป็นนักลงทุนคุณภาพ จะต้องทำอย่างไรบ้าง เตรียมเปิด Live รอได้เลย!!

ต่อด้วย 25 เม.ย. พบกับหัวข้อ “จับจังหวะลงทุน ด้วย Technical Chart” นักลงทุนสายเทคนิคต้องไม่พลาด ส่วนเดือนถัดๆไปมีทั้งหัวข้อ “กำไรต้องเก็บ ขาดทุนต้องตัด ด้วย Conditional Order” หัวข้อ “ออมสม่ำเสมอในหุ้น ด้วย DCA Order” และปิดท้ายด้วยหัวข้อ “ออมสม่ำเสมอในกองทุนรวม ด้วย Streaming for fund”

ประเมินดูแล้ว พลาดไม่ได้ทุกหัวข้อ อยากสร้างความมั่งคั่ง อยากมีอิสรภาพทางการเงิน เราต้องเรียนรู้ และลงมือปฏิบัติอย่างเข้าใจ โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหุ้น อย่าลืมว่า “ความรู้ไม่มี ความมั่งมีไม่บังเกิด” นะจ๊ะ!!!


ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง โดยคุณนายพารวย หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

บอสใหญ่ค่ายสิงห์ ร่วมยินดีโปรอาร์ม เปิดสถาบันกอล์ฟที่โพธาลัย

0

นายสันติ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เดินทางเป็นประธานในพิธีเปิดสถานบันสอนกอล์ฟ กิรเดช เพอร์ฟอร์แมนซ์ เซ็นเตอร์ ของ กิรเดช อภิบาลรัตน์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ โปรอาร์ม ยอดสวิงชาวไทยคนแรกในพีจีเอทัวร์ ณ โพธาลัย เลเชอร์ ปาร์ค เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ในการพัฒนาศักยภาพในด้านกีฬากอล์ฟด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย โดยในงานมี โปรบุญชู เรืองกิจ โปรกอล์ฟระดับตำนานของไทยและ นายพงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงห์ปาร์คเชียงราย จำกัด พร้อมด้วย เหล่านักกอล์ฟมากมายร่วมยินดี

สถาบัน “กิรเดช เพอร์ฟอร์แมนซ์ เซ็นเตอร์” เป็นการต่อยอดความสำเร็จของ โปรอาร์ม ยอดสวิงหนุ่มชาวไทยสังกัดของ “สิงห์” และปัจจุบันแข่งขันในศึก พีจีเอ ทัวร์ ที่สหรัฐฯ ภายหลังจากประสบความสำเร็จกับการเปิดสถาบัน “กิรเดช กอล์ฟ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์” ณ สนามไดร์ฟเกียรติธาดา จนเป็นหนึ่งในสถาบันสอนกอล์ฟที่ได้ผลิตนักกอล์ฟเยาวชนขึ้นมามากมายในขณะนี้

นายสันติ ภิรมย์ภักดี ได้กล่าวคำอวยพรและแสดงความยินดีในการตัดริบบิ้นเปิดสถาบันฯ พร้อมกับทดสอบเครื่องซิมูเลเตอร์ของสถาบัน โดยมีโปรกอล์ฟของสถาบันให้คำแนะนำ ด้านโปรอาร์มที่ตอนนี้อยู่ระหว่างแข่งขันรายการพีจีเอ ทัวร์ ที่สหรัฐฯ กล่าวในคลิปวีดีโอ ว่า นักกอล์ฟทุกคนจะได้รู้จักสวิงกอล์ฟจริงๆ ผ่านเครื่องซิมูเลเตอร์ พร้อมกับอุปกรณ์ช่วยเหลือ และเทคโนโลยีอันทันสมัย ด้านการสวิงครบทุกจุด เพื่อให้ได้วงสวิงที่ถูกต้อง

สถาบัน กิรเดช เพอร์ฟอร์แมนซ์ เซ็นเตอร์ เป็นสถาบันสอนกอล์ฟยุคใหม่ที่พร้อมมอบประสบการณ์กอล์ฟอันเหนือระดับให้กับผู้เรียนในการสร้างพื้นฐานกอล์ฟให้ถูกต้องอย่างมืออาชีพ ด้วยเทคโนโลยีการสอนที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ตอบโจทย์การเรียนรู้ทักษะวงสวิงของนักกอล์ฟทุกเพศ ทุกวัย และทุกระดับฝีมือในห้องเรียนทั้งแบบIndoor และ Outdoor ที่มาพร้อมเทคโนโลยีกอล์ฟที่ใช้ในการสอนที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน( Indoor Golf Simulator, Trackman, Sam Puttlab) ซึ่งจะได้เรียนรู้ทักษะกีฬากอล์ฟแบบครบวงจรที่สุดในประเทศไทย ไม่ว่าการสร้างวินัยและสมาธิที่ดีให้กับบุตรหลาน การสร้างสุขภาพร่างกายให้ดีขึ้นให้กับตัวเอง การเล่นกอล์ฟเพื่อเข้าสังคมใสวัยทำงาน รวมถึงการต่อยอดกีฬากอล์ฟไปสู่เส้นทางอาชีพ สถาบันแห่งนี้พร้อมตอบโจทย์ความต้องการในทุกรูปแบบ

พิเศษในช่วงโปรโมชั่นเปิดกิจกรรมรับส่วนลด 10 เปอร์เซ็นต์เมื่อซื้อแพ็คเกจ เบสิค โดยแบ่งออกเป็น จูเนียร์ โปร และ ซีเนียร์ โปร แบ่งออกเป็น 10, 20 และ 40 เซคชั่น เริ่มตั้งแต่ เบสิคแพ็คเกจ, โปร แพ็คเกจ (บริการแทร็คแมน) และ คอมโบ แพ็คเกจ (แซม พัตต์แล็บ + แทร็คแมน) ผู้สนใจสามารถสอบถามได้ที่ 090-996-2295