Home Blog Page 376

ซีพีเอฟ เดินหน้าอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนสมบูรณ์ เพิ่มพูนอาหารมั่นคง

0

    
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ  มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “ครัวของโลกที่ยั่งยืน” ควบคู่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมตลอดกระบวนการผลิตต้นน้ำถึงปลายน้ำ  เดินหน้าโครงการซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้องป่าชายเลน ระยะที่สอง อนุรักษ์ ฟื้นฟู และคืนสมดุลระบบนิเวศป่าชายเลน ร่วมสร้างอาหารมั่นคง                         

ซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ 3 เสาหลักสู่ความยั่งยืน ประกอบด้วย อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดิน น้ำ ป่าคงอยู่  โดยในด้านของดินน้ำป่าคงอยู่ บริษัทฯ ทำกิจกรรมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าบกและป่าชายเลนอย่างต่อเนื่อง  ในระหว่างปี  2557-2561  ดำเนินโครงการ “ซีพีเอฟ  ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน” ช่วยฟื้นฟูป่าชายเลนที่ ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร ที่มีปัญหาพื้นที่ชายฝั่งถูกกัดเซาะให้กลับสู่ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์รวม 104  ไร่  ความสำเร็จจากการดำเนินโครงการในระยะที่หนึ่ง นอกจากฟื้นฟูป่ากลับสู่ความอุดมสมบูรณ์   เป็นแหล่งอนุบาลให้กับสัตว์น้ำวัยอ่อน  เป็นแหล่งอาหารของชุมชน  ยังเกิดการทับของตะกอนเลนเป็นแนวเพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ได้อีก   และปัจจุบันเข้าสู่ระยะที่สอง (ปี 2562-2566 )ของโครงการ มีเป้าหมายอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน ในพื้นที่  จ.สมุทรสาคร เพิ่มอีก 266 ไร่             

นายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า พื้นที่ป่าชายเลนจังหวัดสมุทรสาคร เป็นพื้นที่อ่าวตัว ก. ที่มีปัญหาพื้นที่ชายฝั่งถูกกัดเซาะ แต่จากความร่วมมือของภาคเอกชนและชุมชนในพื้นที่  ดำเนินโครงการซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน ทำให้ผืนป่าชายเลนบริเวณนี้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง สามารถแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง จากการปลูกพันธุ์ไม้ป่าชายเลน คือ ต้นแสม ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เติบโตได้ดีในพื้นที่ ปริมาณต้นไม้ที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการทับถมของตะกอนเลนเป็นแนวเพิ่มขึ้นสามารถปลูกต้นไม้ได้มากขึ้น ซึ่งเป็นผลโดยตรงของการอนุรักษ์และฟื้นฟูที่ทำให้พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น และยังเป็นแหล่งอนุบาลให้กับสัตว์น้ำวัยอ่อน  เป็นแหล่งอาหารของชุมชนในพื้นที่  ช่วยส่งเสริมรายได้และการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในชุมชนให้ดีขึ้น เช่น อาชีพประมง  

“ความร่วมมือจากทั้งหน่วยงานภาครัฐ  เอกชน และชุมชนที่ตระหนักถึงการมีส่วนร่วมดูแลป่า  นำมาสู่ผลสำเร็จของการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศของป่าชายเลน  สามารถเป็นต้นแบบของการฟื้นฟูป่าชายเลนให้พื้นที่อื่น ๆ ซึ่งในโอกาสวันป่าชุมชนชายเลนไทย 12 เมษายน ของทุกปี  จึงขอเชิญชวนให้คนไทยทุกคน ร่วมกันดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ของชาติให้คงอยู่อย่างยั่งยืน” ผอ. สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร กล่าว 

ด้าน นายปรีชา มีนิล  รองกรรมการผู้จัดการ ซีพีเอฟ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ป่าชายเลน จังหวัดสมุทรสาคร  กล่าวว่า  ซีพีเอฟดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และตลอดกระบวนการผลิต บริษัทฯ ใส่ใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  ซึ่งภายใต้กลยุทธ์สู่ความยั่งยืนด้านดินน้ำป่าคงอยู่  มีเป้าหมายร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ  คืนสมดุลระบบนิเวศ  เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ  ตลอดจนสร้างกิจกรรมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการผลิตอาหารปลอดภัย  เพื่อสร้างแหล่งอาหารที่มั่นคง ชุมชนพึ่งพาตนเองและอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืน  โดยในปี 2562-2566 เข้าสู่ระยะที่สองของโครงการ “ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน”  บริษัทฯ ร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช  เดินหน้าอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครเพิ่มอีก  266  ไร่ หลังจากผลสำเร็จของโครงการระยะที่หนึ่ง (ปี 2557-2561) ที่ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.)ช่วยอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนที่ ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร รวม 104 ไร่ และจัดตั้งสถานีส่งเสริมอาชีพชุมชนอนุรักษ์ป่าชายเลน  ต.บางหญ้าแพรก  ช่วยสร้างอาชีพและรายได้เสริมให้แก่ชุมชน

ซีพีเอฟ ดำเนินโครงการ “ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน ” มาตั้งแต่ปี 2557  ช่วยอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน พื้นที่ยุทธศาสตร์  5 จังหวัด รวม 2,388 ไร่  ประกอบด้วย ระยอง สมุทรสาคร ชุมพร สงขลา และพังงา และยังคงเดินหน้าร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าบกและป่าชายเลนอย่างต่อเนื่อง   โดยเมื่อปลายปี  2563  ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับกรมป่าไม้  กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ดำเนินโครงการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ปลูกป่าบกและป่าชายเลน ระยะที่สอง ในโครงการ ซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง โครงการ ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน  และโครงการซีพีเอฟรักษ์นิเวศ เพิ่มพื้นที่สีเขียวในสถานประกอบการ มุ่งมั่นมีส่วนร่วมปกป้องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อความมั่นคงทางอาหารและสร้างสมดุลธรรมชาติอย่างยั่งยืน ซี่งสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ  การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน  ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ยั่งยืนของระบบนิเวศบนบก เป็นต้น 

FSMART ผนึก 4 บ.ประกัน จ่ายกรมธรรม์จบครบที่ “ตู้บุญเติม” ราคาสบายกระเป๋า ทั้งประกันโควิด-อุบัติเหตุ-พ.ร.บ.รถยนต์

0

นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นจุดรับชำระบริการประกันภัยที่ “ตู้บุญเติม”  เพื่อให้ประชาชนในทุกระดับ ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงและได้รับความคุ้มครอง รวมถึงได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากการประกันภัย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เอาประกัน หรือทายาทของผู้เอาประกัน  ทั้งนี้ FSMART เห็นถึงความสำคัญของนโยบายภาครัฐ โดยคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่ส่งเสริมการทำประกันภัยรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) นำระบบประกันภัยเข้าสู่ชุมชน

“บริษัทเดินหน้าดำเนินธุรกิจจุดรับชำระบริการประกันภัยที่ “ตู้บุญเติม” พร้อมส่งต่อบริการประกันภัยที่ตอบโจทย์  ทั้งราคาและความคุ้มครองที่เหนือความคาดหมาย เพื่อทำให้การซื้อประกันภัยในรูปแบบต่าง ๆ เป็นเรื่องง่าย เข้าถึงทุกคน และทุกชุมชน ผ่าน “ตู้บุญเติม” ที่ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 130,000 ตู้ กระจายอยู่ในชุมชน ทุกภูมิภาคทั่วไทย  ซึ่งสามารถตอบโจทย์การกระจายประกันภัยรายย่อยให้เข้าถึงชุมชนได้เป็นอย่างดี”

ที่ผ่านมา FSMART ร่วมกับ 4 บริษัทรับประกันภัยขนาดใหญ่ที่เป็นพันธมิตรหลัก ได้แก่ บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด (TQM), บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ออกผลิตภัณฑ์ประกันภายใต้คอนเซ็ปต์ “คุ้มครองอุ่นใจ ในราคาสบายกระเป๋า” เป็นรูปแบบการประกันภัยที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับลูกค้าบุญเติม ซึ่งเน้นความคุ้มครอง และผลประโยชน์ที่จำเป็นในชีวิต เช่น ความคุ้มครองในการรักษาพยาบาล  ความคุ้มครองเมื่อเกิดการการสูญเสีย หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง และการเสียชีวิต ด้วยเบี้ยเริ่มต้นไม่ถึงร้อยบาท  ซึ่งจะทำให้ลูกค้า และกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่สามารถเข้าถึงประกันภัยในอดีต สามารถซื้อและได้รับความคุ้มครองได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ “ตู้บุญเติม” ยังรับชำระประกันภัยตั้งแต่ พ.ร.บ.รถยนต์นั่งส่วนบุคคล เริ่มที่ 603 บาท   ประกันภัยโรคระบาดยอดฮิตในช่วงหน้าฝนที่ครอบคลุมตั้งแต่โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา โรคไข้สมองอักเสบ เจอี,โรคไข้ปวดข้อยุงลาย, โรคไข้หวัดใหญ่ เบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 199 บาท, ประกันภัยกลุ่มโควิด-19 เบี้ยประกัน เริ่มเพียง 99 บาท/ปี และให้เลือกรับความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากการประกันภัย ได้ถึง 2,000,000 บาท รวมทั้งยังมีแบบประกันภัยที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับ “ตู้บุญเติม” คือ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เบี้ยเริ่มต้นเพียง 15 บาท คุ้มครองการเสียชีวิต   100,000 บาท ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าของบุญเติมได้เป็นอย่างดี  โดยรูปแบบการประกันภัยทั้งหมด บริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรในการออกแบบ เพื่อให้ลูกค้าบุญเติมมีประกันพื้นฐานชั้นดีที่มีความครอบคลุมและคุ้มค่า สามารถรับมือค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น และครอบคลุมโรคใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นทุกปี

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในเดือนเมษายนนี้ TQM ได้นำประกันภัย สงกรานต์อุ่นใจ นิวนอร์มอล ซุปเปอร์พลัส มาแจกฟรีให้กับลูกค้าบุญเติมถึง 50,000 สิทธิ์ คุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และการติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงคุ้มครองการแพ้วัคซีนโควิด-19 ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองสูงสุดถึง 100,000 บาท นาน 30 วัน  การแจกประกันอุบัติเหตุในครั้งนี้ถือเป็นการแจกครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่ควรพลาด “ตู้บุญเติม” จึงเข้าร่วมส่งมอบความห่วงใยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ไม่ว่าเดินทางใกล้หรือไกลก็อุ่นใจเมื่อมี “ตู้บุญเติม” อยู่ใกล้ โดยลูกค้าสามารถกดรับสิทธิ์ได้ที่ “ตู้บุญเติม” ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2564 นี้

อย่างไรก็ตาม FSMART จะเดินหน้าดำเนินธุรกิจการให้บริการผ่าน “ตู้บุญเติม” โดยนำบริการการซื้อประกันภัยจากพันธมิตร มาส่งถึงมือผู้ต้องการใช้ประกันภัยในการสร้างรูปแบบการใช้ชีวิตแบบใหม่ รองรับการเกิดสิ่งที่คาดไม่ถึงของชีวิต  และร่วมกับพันธมิตรในการทำให้การประกันชีวิตเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อประกันภัยที่ “ตู้บุญเติม” สามารถสอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่ศูนย์บริการลูกค้าบุญเติม 1220

3 เส้นทางความสำเร็จ SMEs โตแกร่งในเซเว่น อีเลฟเว่น

0

คิดให้ใหญ่-ขยับให้เร็ว-เริ่มจากเล็กๆ-พัฒนาความรู้สม่ำเสมอ

ด้วยจำนวนผู้ประกอบการรายย่อยที่มีมากกว่า 3 ล้านราย ส่งผลให้กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก แต่ปัญหาสำคัญของเหล่า SMEs จำนวนมาก คือขาดองค์ความรู้ ขาดแนวคิด ที่จะช่วยให้ธุรกิจของตัวเองเติบโต “แบบปังๆ” และยั่งยืน

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ หนึ่งในผู้นำที่ให้การสนับสนุนและส่งเสริมกลุ่ม SMEs มาตลอด ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้เชิญเจ้าของ SMEs ที่ประสบความสำเร็จ และสามารถสร้างยอดขายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นได้อย่างต่อเนื่อง จากหลากหลายกลุ่มสินค้า อาทิ นายสุรนาม พานิชการ เจ้าของธุรกิจน้ำเต้าหู้โทฟุซัง (Tofusan), นายเฉลิมพงษ์ ศรีโรจนันท์ เจ้าของธุรกิจเครื่องสำอางรอยัลบิวตี้ (Royal Beauty) และนายภักดี เดชจินดา เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทองไร่ภักดี มาร่วมพูดคุยถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น Clubhouse ภายใต้หัวข้อ “ฟังเคล็ดลับทำ SMEs ให้ปัง+โตได้อย่างไร?” by 7-Eleven

นายสุรนาม พานิชการ เจ้าของธุรกิจน้ำเต้าหู้โทฟุซัง (Tofusan) เล่าว่า ธุรกิจ SMEs จะเติบโตได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืน ท่ามกลางสภาพการแข่งขันที่รุนแรงของตลาดได้นั้น หัวใจสำคัญที่ตนยึดถือปฏิบัติมาตลอดประกอบด้วย 3 ข้อหลักๆ คือ 1.ต้องเข้าใจตัวเอง เข้าใจลูกค้า และรู้จักตั้งคำถามตัวเองให้มากที่สุด แนวคิดนี้เกิดขึ้นก่อนที่จะเข้ามาวางจำหน่ายที่เซเว่น อีเลฟเว่น เดิมบริษัทขายสินค้าในราคาขวดละ 35 บาท โดยตั้งกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าต่างชาติ แต่เมื่อทางเซเว่น อีเลฟเว่น ได้เห็นสินค้าก็เกิดความสนใจ แต่ให้กลับมาหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้สินค้ามีราคาถูกลงเพราะผู้บริโภคคนไทยไม่บริโภคนมถั่วเหลืองราคา 35 บาท เนื่องจากมีราคาสูง ซึ่งเมื่อกลับมาคิดและได้ถามตัวเองก็จริงอย่างที่เซเว่นให้คำแนะนำ บริษัทจึงมีการคิดค้นวิธีการพัฒนาจนมีราคาที่ตรงกับความต้องการของตลาด

2.บริหารคนให้ดีเหมือนบริหารงาน ช่วงที่ก่อตั้งบริษัทใหม่ๆ มีพนักงานแค่ไม่กี่คน ซึ่งบริษัทก็ดูแลใส่ใจเป็นอย่างดี ไม่ให้รู้สึกว่าเป็นเจ้านายหรือลูกน้อง ส่งผลให้เมื่อองค์กรขยายตัว วัฒนธรรมเหล่านี้ก็ถูกส่งต่อไปยังพนักงานคนอื่นๆ โดยอัตโนมัติ ผู้บริหารก็จะไม่เหนื่อยมากเพราะเราได้สร้างวัฒนธรรมที่ดีไว้แล้ว และ 3.ล้มได้แต่ลุกให้ไว ในช่วงแรกของการทำธุรกิจ เคยต้องเรียกคืนสินค้าทั้งหมดเพื่อทำลายทิ้ง เนื่องจากกระบวนการผลิตไม่ได้คุณภาพ ส่งผลให้สินค้าเลอะบรรจุภัณฑ์ เมื่อเกิดความชื้นก็ทำให้มีเชื้อราบริเวณภายนอกขวด แม้ว่าสินค้าภายในจะไม่เสียหาย แต่เพื่อความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค บริษัทจึงต้องทำลายสินค้าล็อตนั้นทิ้งทั้งหมด ทำให้สถานภาพทางการเงินในขณะนั้นต้องติดลบ เหตุการณ์ในครั้งนั้นไม่ได้ทำให้ท้อ แต่กลับเป็นบทเรียนให้ต้องระมัดระวังและรอบคอบให้มากขึ้น

ด้าน นายเฉลิมพงษ์ ศรีโรจนันท์ เจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง Royal Beauty เล่าเพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง Royal Beauty เกิดขึ้นจากแนวคิดและความตั้งใจที่อยากจะเปลี่ยนชีวิตของคนให้ดีขึ้น เพราะเมื่อคนเราหันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ ความสุข ที่จะส่งผลทั้งทางกายและทางใจ โดยใช้เวลาพัฒนาและคิดค้นอย่างจริงจังไปพร้อมๆ กับการทำวิจัยตลาด เพื่อหาช่องว่างทางการตลาด เพราะต้องยอมรับว่าสินค้าประเภทเครื่องสำอางเป็นสินค้าที่มีการแข่งขันสูงมาก ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่า กลุ่มคนที่มีรายได้ไม่สูงก็ต้องการสินค้าที่ดูดีเหมือนกับสินค้าที่วางในเคาน์เตอร์แบรนด์ ไม่ใช่สินค้าที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ธรรมดาอย่างที่เข้าใจ เราจึงนำจุดนี้มาพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ดูพรีเมี่ยม ในราคาเพียงซองละ 39 บาท ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ในวันนี้บริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายใน เซเว่น อีเลฟเว่น ยาวนานถึง 7 ปี มากกว่า 20 รายการ

สิ่งสำคัญที่ทำให้สามารถยืนหยัดอยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงเช่นนี้ได้คือ 1.ยึดมั่นแนวคิดความตั้งใจในการทำธุรกิจ เมื่อธุรกิจที่ทำมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ก็จะมีคนสนใจร่วมทำธุรกิจกับเรา สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือแนวคิดที่จะทำธุรกิจเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็อย่าทำด้วยกันจะดีกว่า เพราะจะเกิดปัญหาในอนาคตอย่างแน่นอน 2.Think Big/Move Fast/Start Small การทำธุรกิจต้องมองภาพใหญ่ มองความเป็นไปได้ให้มากที่สุด และธุรกิจต้องมีความรวดเร็ว คล่องตัว โดยเริ่มจากเล็กๆ ไปหาใหญ่ เพื่อจะได้รับมือกับปัญหาหรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที และ 3.พร้อมเสมอ SMEs จะเติบโตได้นั้น ต้องเตรียมความพร้อมให้กับตัวเองเสมอ หมั่นแสวงหาความรู้ และโอกาสให้กับธุรกิจ

นายภักดี เดชจินดา เกษตรกรผู้ปลูก กล้วยหอมทองไร่ภักดี เปิดเผยว่า ปัจจุบันกล้วยหอมทองไร่ภักดีส่งขายให้เซเว่น อีเลฟเว่นอยู่ที่ประมาณวันละ 20,000-30,000 ลูก ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นสินค้าจากภายในไร่เองประมาณ 30% ที่เหลือมาจากไร่ขนาดเล็กอื่นๆ ที่ทางไร่ให้คำแนะนำในการปลูก และเข้าไปควบคุมคุณภาพสินค้า ซึ่งกว่าจะได้เข้ามาจำหน่ายในเซเว่น อีเลฟเว่นได้นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะสินค้าจะต้องมีคุณภาพตรงตามที่กำหนด ดังนั้นจึงต้องแสวงหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งทางเซเว่น อีเลฟเว่นเองก็เข้ามาให้ความช่วยเหลือ ด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคนิคด้านต่างๆ ในทุกขั้นตอนตั้งแต่การปลูกไปจนถึงการจัดเก็บสินค้า

แม้จะสามารถนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายในเซเว่น อีเลฟเว่นได้แล้ว ก็ต้องอย่าประมาท เพราะต้องเข้าใจว่าสินค้าที่วางจำหน่ายนั้นมาจากหลายพาร์ทเนอร์ หากไม่รักษาคุณภาพและมาตรฐานก็คงไม่สามารถอยู่ในตลาดได้นาน ยิ่งเป็นสินค้าเกษตรที่มีรอบช่วงเวลาสั้นก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของการรักษาคุณภาพและมาตรฐานให้ดีที่สุด พร้อมๆ ไปกับการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าอยู่เสมอ

การเติบโตที่แข็งแกร่ง เกิดจากการนำเคล็ดลับที่ดีไปประยุกต์ใช้ และการนำไปปฏิบัติอย่างมีวินัย หากรู้จักนำเคล็ดลับของผู้ที่ประสบความสำเร็จไปประยุกต์ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โอกาสจะโตปัง และโตไกลย่อมไม่ใช่แค่ฝันอย่างแน่นอน

เอไอเอส ปลื้ม คว้า 2 รางวัล Thailand Zocial Awards 6 ปีซ้อน

0

รายงานข่าว เปิดเผยผลการประกาศรางวัล Thailand Zocial Awards 2021 ปรากฏว่า เอไอเอส คว้ามาได้ 2 รางวัล ได้แก่ รางวัล Best Brand Performances on Social Media สาขา Telecommunication แบรนด์ที่ทำผลงานบนโซเชียลมีเดียยอดเยี่ยมในกลุ่มโทรคมนาคม ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 และรางวัล Best Brand Performances by Platform จาก TWITTER ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3

รางวัลดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่เอไอเอสในฐานะผู้นำแบรนด์ที่ส่งเสริมการใช้โซเชียลมีเดียผ่านแคมเปญต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ จนสร้างกระแสบนโซเชียลมีเดียมาโดยตลอด สอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าและผู้บริโภคคนไทยในยุคปัจจุบันที่เลือกใช้บริการและเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ บนสื่อออนไลน์อย่างกว้างขวางอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิด 19 ในปีที่ผ่านมา สื่อสังคมออนไลน์ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนทุกเพศ ทุกวัย จนเรียกว่าเป็นออนไลน์คอมมูนิตี้ที่เอไอเอสให้ความสำคัญเพื่อสื่อสารความเคลื่อนไหว กิจกรรม และส่งต่อความช่วยเหลือ พร้อมส่งมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยสินค้าและบริการที่เข้าใจกลุ่มลูกค้าอย่างดีที่สุด ทำให้สามารถขับเคลื่อนงานบริการในทุกสถานการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของทุกภาคส่วนในแต่ละแพลตฟอร์มอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด จนได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากลูกค้า 41.4 ล้านคนทั่วประเทศ

 เอไอเอส ถือเป็นโอเปอเรเตอร์รายเดียวในไทยที่ได้รับรางวัลจากเวทีนี้ต่อเนื่องมากที่สุดหลังจากได้รับรางวัลเวทีนี้เป็นครั้งแรกในปี 2016 ถึงปี 2021 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6

ทั้งนี้ รางวัล Thailand Zocial Awards 2021 จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2013 โดยรางวัลในกลุ่ม BEST BRAND PERFORMANCE ON SOCIAL MEDIA วัดผลโดยใช้ BRAND METRIC วัดความสามารถของแบรนด์ผ่านการสื่อสารบนโซเชียลมีเดียใน 3 ปัจจัย ได้แก่ 1. BUSINESS GROWTH: การเติบโตของธุรกิจผ่านการทำการตลาดในช่องทางโซเชียลมีเดีย 2. CUSTOMER SATISFACTION: ความพึงพอใจของผู้บริโภค และ 3. INNOVATION: การสร้างมาตรฐานใหม่ในกลุ่มอุตสาหกรรม

สิงห์อาสา ส่ง ‘อาหารรีทอร์ท’ เป็นเสบียงเติมพลังให้อาสาสู้ไฟป่า

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า สิงห์อาสา โดย มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้ส่งมอบอาหารพร้อมรับประทาน หรือ “อาหารรีทอร์ท” ให้แก่ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครที่ทำงานอยู่แนวหน้าดับไฟป่า ซึ่งเป็นอาหารปรุงสุกที่เหมาะกับการพกไปรับประทานขณะปฏิบัติหน้าที่ดับไฟป่า โดยใช้ศักยภาพของบริษัทฟู้ด แฟ็คเตอร์ จำกัด (Food Factors) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจในเครือบริษัทบุญรอดฯ ซึ่งดูแลและพัฒนาธุรกิจอาหารครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ

จากรายงานของส่วนควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติ พบว่า ช่วงปีที่ผ่านมา ในเขตภาคเหนือเกิดไฟไหม้ป่ามากกว่า 3 พันครั้ง มีพื้นที่ถูกไฟไหม้ไปกว่า 8 หมื่นไร่ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ชุดปฏิบัติการพิเศษ รวมถึงทีมอาสาสมัครและมวลชนจิตอาสา ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง และช่วยกันเฝ้าระวังอยู่ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด จากการปฏิบัติงานที่เต็มไปด้วยความยากลำบากและสถานการณ์ที่ยังไม่อาจวางใจได้ “สิงห์อาสา” จึงได้ผลิตอาหารพร้อมรับประทาน หรือ “อาหารรีทอร์ท” 3 เมนู คือ ข้าวพะโล้ไข่นกกระทา ข้าวมัสมั่นไก่ และข้าวกะเพราไก่ เพื่อส่งมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ชุดปฏิบัติการพิเศษ รวมถึงทีมอาสาสมัครในพื้นที่ โดยเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาภาคเหนือที่ผ่านการอบรมดับไฟป่าจะเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเข้าสู่พื้นที่ปฏิบัติงานก่อนเป็นลำดับแรก

และหลังจากนี้ จะเร่งผลิตอาหารรีทอร์ทล็อตใหม่เพื่อส่งมอบให้แก่คณะแพทย์และพยาบาลในสถานพยาบาลของรัฐทั่วประเทศที่กำลังปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังการรระบาดของโควิด-19 เพื่อให้ได้รับประทานอาหารที่ดีมีคุณภาพ ที่ผ่านมา สิงห์อาสาได้ร่วมสนับสนุนอาหารและน้ำดื่มให้แก่บุคลากรทางการแพทย์มาตลอดตั้งแต่เริ่มระบาดครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563

ทั้งนี้ อาหารรีทอร์ท คืออาหารปรุงที่ผ่านกรรมวิธีบรรจุแบบพิเศษ ด้วยเครื่องรีทอร์ท (retort) เพื่อกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ทำให้อาหารอยู่ได้นานโดยไม่ใส่สารกันเสีย สามารถให้พลังงานไม่แตกต่างจากอาหารทั่วไป คุณค่าทางโภชนาการยังคงอยู่ สี กลิ่น และรสไม่เปลี่ยนแปลง สามารถเก็บรักษาไว้ได้ที่อุณหภูมิห้อง โดยไม่ต้องแช่เย็น มีน้ำหนักเบา ขนส่งง่ายไม่เปลืองเนื้อที่ เหมาะกับการนำไปรับประทานในขณะปฏิบัติหน้าที่

สิงห์อาสา ในวาระครบรอบ 10 ปี ในปีนี้ ได้ทำโครงการเพื่อดูแลรักษาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน แบ่งเป็น 4 ภารกิจหลัก ได้แก่ “ต้นน้ำ แหล่งน้ำ สายน้ำ และความยั่งยืน” ครอบคลุมทุกภูมิภาค โดยได้เริ่มโครงการแรก “สิงห์อาสาสู้ไฟป่า รักษาต้นน้ำ” ดูแลรักษาป่าต้นน้ำอย่างครบวงจร ซึ่งปัญหาไฟป่าเป็นต้นเหตุของการทำลายป่าต้นน้ำ ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนสนับสนุนการทำงานดับไฟป่าในเขตภาคเหนือ ร่วมกับเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาภาคเหนือตุ้งศูนย์เฝ้าระวังไฟป่า จัดอบรมให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้พื้นที่ป่า ตระหนักถึงปัญหาหมอกควันลดการเผาป่า การสร้างฝายชะลอน้ำจากวัสดุธรรมชาติ พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครดับไฟป่า เช่น มอบเครื่องมือทำแนวกันไฟที่ได้มาตรฐาน รองเท้าเซฟตี้ รวมทั้งสนับสนุนอาหาร-น้ำดื่มอีกด้วย

เจียไต๋ ขนทัพสินค้าเกษตรเอาใจคนรักสุขภาพ ในงาน The Farm 2021

0
คุณภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ Head of Commercialization เซ็นทรัลพัฒนา (ซ้าย) และคุณดวงพร จิราพิพัฒนชัย ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจโฮมการ์เด้น เจียไต๋ (ขวา)

บริษัท เจียไต๋ จำกัด ผู้นำธุรกิจนวัตกรรมการเกษตรของไทย คัดสรรสินค้าเกษตรคุณภาพพร้อมให้นักช้อปสายกรีนได้เลือกสรรในงาน The Farm 2021 เทศกาลผลิตภัณฑ์เกษตรคุณภาพสูง ภายใต้แนวคิด “ทำด้วยใจ ส่งตรงจากไร่ สัมผัสรสชาติแห่งท้องถิ่น” โดยเริ่มสาขาแรกแล้วที่เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ ตั้งแต่ 1 ถึง 8 เมษายน 2564 และเจียไต๋จะเข้าร่วมเดินสายพร้อมกับงาน The Farm 2021 ซึ่งมีกำหนดจัดที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลสาขาอื่นๆ ทั้ง 14 สาขาในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จนถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564

บริษัท เจียไต๋ จำกัด จับมือบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด และพันธมิตร เสิร์ฟสินค้าเกษตรคุณภาพสูงเอาใจนักช้อปที่รักในการเพาะปลูกและชื่นชอบการบริโภคผักผลไม้ที่สดสะอาดปลอดภัย เพื่อร่วมผลักดันสินค้าเกษตรสู่ตลาด ช่วยกระจายรายได้สู่เกษตรกรและชุมชน และเพื่อผู้บริโภคได้รับสินค้าที่ดีและคุ้มค่าคุ้มราคา อีกทั้ง มุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งถือเป็นอีกงานที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของเจียไต๋ ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ผ่านการส่งมอบนวัตกรรมการเกษตรด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ

ภายในงานพบกับผลิตภัณฑ์เกษตรจากเจียไต๋ อาทิ เมล็ดพันธุ์เจียไต๋โฮมการ์เด้นในรูปแบบซองใหม่ “ซอง Easy” ปลูกง่ายสไตล์คุณ ที่มาพร้อมข้อมูลการปลูกที่สามารถทำตามได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ยังมีวัสดุปลูกคุณภาพและชุดสนุกปลูก ที่ไม่ว่าคุณจะมีพื้นที่ปลูกมากหรือน้อย ก็สามารถเนรมิตมุมสีเขียวภายในบ้านได้ และพลาดไม่ได้กับผลิตผลสดๆ จากเจียไต๋ฟาร์มที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน GAP, CODEX, GMP และ HACCP อาทิ เมล่อนหอมหวาน แตงโมหวานกรอบ ฟักทองเนื้อแน่น รวมถึงเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์อย่างเมล่อนปั่น ที่ช่วยเพิ่มพลังความสดชื่นให้ขาช้อปได้ลิ้มรสความอร่อยและสุขภาพดีไปพร้อมๆ กัน

พบกับสินค้าเกษตรจากเจียไต๋ในงาน The Farm 2021 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 14 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เริ่มสาขาแรกตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 8 เมษายน 2564 ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ ติดตามข้อมูลด้านการเกษตรและกิจกรรมดีๆ เพิ่มเติมได้ทาง www.chiataigroup.com และ Facebook เจียไต๋ www.facebook.com/Chiatai.group.official

ทิพยประกันภัย จับมือ FIT Auto แจกฟรี ประกันอุบัติเหตุและโควิด-19

0

ทิพยประกันภัย ร่วมกับ FIT Auto มอบสิทธิ์ประกันอุบัติเหตุและโควิด-19 ฟรี! คุ้มครอง 30 วัน ทุนประกันภัย สูงสุด 100,000 บาท ในแคมเปญ “FIT FEST ฟิตไม่หยุด พร้อมสุดทุกทริป”

นายประสิทธิ์ชัย สุนทราภิรมย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) นายไพศาล อุดมกุลวณิชย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ มอบสิทธิพิเศษประกันภัยอุบัติเหตุและประกันภัยโควิด-19 ในแคมเปญ “FIT FEST ฟิตไม่หยุด พร้อมสุดทุกทริป” ให้กับลูกค้า FIT Auto ต้อนรับทุกทริปการเดินทาง ให้ทุกวันหยุดของคุณไม่มีสะดุด อุ่นใจในทุกการเดินทาง อย่างปลอดภัย

แคมเปญดังกล่าว ให้สำหรับลูกค้าที่มียอดชำระที่ FIT Auto ตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป โดยสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ประกันภัยความคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท ระยะเวลา 30 วัน (นับจากวันที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์) โดยลูกค้าสามารถสแกนQR Code บนสื่อประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 – 30 มิถุนายน 2564 สอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติม โทร. 1365

เจ้าสัวซีพี แนะมหาวิทยาลัยไทยปรับหลักสูตรออนไลน์มากขึ้น ควรเรียนจบป.ตรีตั้งแต่อายุ 18

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้  นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้รับเชิญบรรยายพิเศษจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน(มทร.อีสาน) เรื่อง “อนาคตของมหาวิทยาลัย กับการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจของชาติและของภาคอีสาน” ที่จัดขึ้นในโครงการ Retreat มทร.อีสาน 2564 : เหลียวหลังแลหน้า เพื่ออนาคตอีสาน” ระหว่างวันที่ 3-5 เมษายน 2564 โดยมีศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะนายกสภามหาวิทยาลัย มทร.อีสาน และประธานกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (ทปนอ.มทร.) เป็นประธานกล่าวเปิดงานและบรรยายพิเศษในหัวข้อ “อนาคตของมหาวิทยาลัยไทย” ทั้งนี้ มีคณาจารย์และผู้บริหารมทร.อีสานเข้าร่วมสัมมนากว่า 200 คน 

โดยนายธนินท์ได้บรรยายผ่านระบบการประชุมออนไลน์ มีเนื้อหาสรุปว่า สถาบันการศึกษามีบทบาทสำคัญในการผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศ โดยเฉพาะในโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปทุกด้าน สถาบันการศึกษาควรทำการศึกษาวิเคราะห์ความต้องการของตลาด เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้ได้บุคลากรที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่แท้จริง เด็กที่จบออกมาแล้ว ต้องสามารถทำงานได้จริง จึงจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ

มหาวิทยาลัยต่างๆต้องปรับหลักสูตรการเรียนการสอนแบบออนไลน์มากขึ้น และดึงอาจารย์เก่งๆที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาสอนออนไลน์ เป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษาไทยได้เรียนรู้สิ่งใหม่และได้มาตรฐานสากล ซึ่งประเทศไทยควรมีการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษา ให้เรียนจบปริญญาตรีตั้งแต่อายุ 18 ปี และให้เด็กรุ่นใหม่ได้ศึกษาเรียนรู้ไปพร้อมกับการทำงานจริง เพื่อให้เกิดการพัฒนาทักษะจากการปฏิบัติจริง ไม่ใช่เรียนแต่ทฤษฎีเท่านั้น ซึ่งหลายประเทศ เช่น จีน และดูไบ ได้ทำสำเร็จแล้ว และมีการตั้งสตาร์ทอัพในมหาวิทยาลัย และให้นักศึกษาทดลองทำธุรกิจจริง ซึ่งเป็นการสร้างคนเก่งและมีส่วนช่วยพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

“ถึงเวลาที่นักธุรกิจต้องมาเป็นอาจารย์บ้าง และอาจารย์เองก็ควรไปลองทำธุรกิจ เพื่อเรียนรู้ของจริง มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งควรมีสตาร์ทอัพที่สามารถสร้างรายได้จากความคิดที่สดใหม่ของคนรุ่นใหม่” 

“การเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มจากผู้นำ เรื่องใหม่ต้องให้คนใหม่ทำ การสร้างคนต้องใช้วิธีใหม่ๆต้องทลายไซโล ถึงจะเปลี่ยนแปลงได้ เหมือนที่เครือซีพีได้พัฒนาสถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเวทีให้เด็กรุ่นใหม่ได้ทดลองทำธุรกิจจริง ในรูปแบบสตาร์ทอัพ ต้องเรียนรู้ทุกอย่างและลงมือปฏิบัติจริง แบบไม่มีไซโล โดยมีผู้บริหารหรือคนรุ่นเก่าช่วยให้คำแนะนำและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆไปพร้อมกัน”ท่านประธานอาวุโสกล่าว

สำหรับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน หรือ มทร.อีสาน เป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีที่เปิดการเรียนการสอนในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น สกลนคร และสุรินทร์  ปัจจุบัน  ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ อุปนายกสภามหาวิทยาลัย  และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิโรจน์ ลิ้มไขแสง รับผิดชอบในตำแหน่งอธิการบดี ปัจจุบัน มทร.อีสานครองแชมป์อันดับ 1 ในกลุ่มมหาวิทยาลัยราชมงคลของประเทศไทยติดต่อกัน 2 ปีซ้อนจากการจัดอันดับเว็บไซต์คุณภาพทางวิชาการทั่วโลก “Webometrics Ranking of World Universities” เมื่อเดือนม.ค.2564 ที่ผ่านมา

ผช.ศ. ดร.วิโรจน์ ลิ้มไขแสง อธิการบดี มทร.อีสาน กล่าวว่าโครงการ Retreat มทร.อีสาน 2564 : เหลียวหลังแลหน้า เพื่ออนาคตอีสาน” จัดขึ้นเพื่อศึกษาผลการดำเนินงานและผลกระทบจากยุทธศาสตร์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ พ.ศ.2565-2569 และศึกษาแนวทางการพัฒนามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานในยุคต่อไป โดยโครงการ Retreat มทร.อีสาน 2564 โดยโครงการนี้จะมีการทั้งการศึกษาดูงาน และการบรรยายพิเศษจากบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งนอกจากท่านประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ แล้ว ยังมีผู้บรรยายอื่นอีกอาทิ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย ราชบัณฑิตและผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาลงกรณ์ ดร.กิตติพงศ์ พร้อมวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ(สอวช.)  เป็นต้น 

ซีพีเอฟ ถ่ายทอดความรู้เลี้ยงสัตว์น้ำระบบ CARE ยกระดับเกษตรกร สร้างแหล่งอาหารมั่นคงปลอดภัยให้ผู้บริโภค

0

นายไพโรจน์ อภิรักษ์นุสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจสัตว์น้ำ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ ถ่ายทอดองค์ความรู้การเลี้ยงสัตว์น้ำ ตามระบบ CARE Aquaculture Model หรือ CARE แก่เกษตรกรรายย่อย พัฒนาการเลี้ยงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปลอดภัย ปลอดสาร เพื่อยกระดับมาตรฐานการเลี้ยงสัตว์น้ำจืดไทย

ไพโรจน์ อภิรักษ์นุสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจสัตว์น้ำ ซีพีเอฟ

ปัจจุบัน ทั่วโลกให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตอาหารที่ปลอดภัย ควบคู่กับการสร้างสมดุลสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่อุปทาน ซีพีเอฟ ในฐานะผู้ผลิตอาหารชั้นนำจึงได้พัฒนาระบบ CARE สำหรับการเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ซึ่งมาจาก C – Consumer Need หรือการผลิตที่ตอบความต้องการของผู้บริโภค A- Achieve easily and consistently ง่ายต่อการเลี้ยง มีผลผลิตที่แน่นอน R- Reliable System มีคุณภาพเชื่อถือได้ และ E- Environmental Friendly เป็นระบบที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการผลิต ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ยกระดับการผลิต และร่วมพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดของไทยเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ระบบ CARE เป็นแนวทางการเลี้ยงปลาน้ำจืดที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของอาหาร ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนการผลิต เริ่มตั้งแต่ลูกพันธุ์ปลาที่บริษัทฯ พัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ด้วยวิธีธรรมชาติ เป็นพันธุ์ที่เติบโตเร็ว และต้านทานโรค อาหารที่ใช้เลี้ยงปลาผลิตจากวัตถุดิบที่ดี เพื่อให้ปลาที่มีคุณค่าทางโภชนาการ

สำหรับฟาร์มของระบบ CARE ซีพีเอฟ มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ ตั้งแต่ ระบบน้ำหมุนเวียนและการบำบัดน้ำที่มีประสิทธิภาพ สามารถนำน้ำกลับมาใช้ใหม่โดยไม่มีการปล่อยออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือชุมชน นำหลักการ Gravity Flow มาใช้ช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้ยาและสารเคมี และในอนาคตจะมีการนำพลังงานโซล่าร์เซลล์ใช้ในฟาร์ม รวมถึงระบบอัตโนมัติต่างๆ มาใช้ในการควบคุมการปิด-เปิดเครื่องให้อาหารและเครื่องเติมอากาศ ทำให้การบริหารจัดการฟาร์มเป็นเรื่องง่าย และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เหมาะกับเกษตรกรรุ่นใหม่

“ระบบ CARE ช่วยยกระดับมาตรฐานการเลี้ยงสัตว์น้ำจืด เป็นการเลี้ยงที่สะอาดและควบคุมสภาวะแวดล้อมได้ เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันโรค ลดการใช้ยาและสารเคมี ส่งผลให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่สะอาด และปลอดภัย ช่วยให้เกษตรกรได้ผลผลิตที่แน่นอนขึ้น ไม่ต่ำกว่า 10 ตัน/ไร่” นายไพโรจน์ กล่าว

ซีพีเอฟนำองค์ความรู้ระบบการเลี้ยงสัตว์น้ำที่ทันสมัย ส่งต่อไปยังเกษตรกรคู่ค้ารวมถึงสถาบันศึกษา และผลักดันให้มีส่วนร่วมกับการพัฒนาระบบดังกล่าวให้ทันสมัยและเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่มากขึ้น โดยตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2563 ที่ผ่านมา ซีพีเอฟ ได้ดำเนินโครงการความร่วมมือฯ กับ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ศูนย์การเรียนรู้การเลี้ยงสัตว์น้ำจืดระบบน้ำหมุนเวียน เป็นห้องเรียนที่เปิดโอกาสให้นิสิตคณะประมงได้เรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง เกี่ยวกับการผลิตปลาน้ำจืดที่ทันสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเตรียมต่อยอดความร่วมมือพัฒนาศูนย์เรียนรู้ฯ ให้กับนิสิตประมงของ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนต่อไป./

เอไอเอส ไฟเบอร์ เปิดบริการใหม่ ป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ ฟรี

0


นายกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าฝ่ายงานบริหารธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ เอไอเอส หรือ AIS Fibre เปิดเผยว่า เอไอเอส ไฟเบอร์ เปิดบริการใหม่ AIS Fibre Secure Net บริการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ ช่วยปกป้องทุกครอบครัว ทั้งจากไวรัส มัลแวร์ และลิงค์ปลอม บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบันถือเป็นภัยอันตรายใกล้ตัวที่แฝงมาในหลากหลายรูปแบบ สร้างความเสียหายต่อผู้ใช้งานได้อย่างไม่รู้ตัว ลูกค้าเอไอเอส ไฟเบอร์ สามารถสมัครใช้งานได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ทาง  AIS Fibre LINE Connect โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมใช้บริการได้ทันที ท้้งนี้ เพื่อเติมความอุ่นใจให้ลูกค้าเน็ตบ้านไปอีกขั้น สะท้อนความมุ่งมั่นในการคิดนำ ทำก่อน เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดของเอไอเอส ไฟเบอร์

กิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าฝ่ายงานบริหารธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ เอไอเอส

“ปัจจุบันการใช้งานอินเตอร์เน็ตของคนไทยได้ขยายตัวมากขึ้นในทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะที่บ้าน ทั้งคุณพ่อคุณแม่ที่ทำงานจากบ้าน ลูกๆ เรียนหนังสือออนไลน์ หรือแม้แต่ญาติผู้ใหญ่ ที่อัพสกิลใช้งานสู่โลกออนไลน์ด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงตกเป็นเหยื่อของอาชญากรบนโลกไซเบอร์ได้ตลอดเวลา ดังนั้น AIS  Fibre ซึ่งนอกจากจะมุ่งมั่นมอบบริการที่ดีที่สุดแล้ว ยังขอส่งความห่วงใยให้ทุกท่านใช้เน็ตบ้านได้อย่างปลอดภัยผ่านแนวคิดอุ่นใจไซเบอร์ กับ บริการ AIS Fibre Secure Net ถือเป็นดิจิทัลโซลูชั่นใหม่ล่าสุด ที่จะเข้ามาช่วยทำหน้าที่ปกป้อง รักษาความปลอดภัยจากอาชญากรบนโลกไซเบอร์ เช่น การฉ้อโกงทางการเงินและการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล ที่ส่วนใหญ่มักจะนำไปสู่การกระทำที่ผิดกฎหมายหรือนำข้อมูลทางธนาคารหรือข้อมูลล็อกอินประจำตัวของบัญชีอีเมลหรือบัญชีโซเชียลมีเดียไปแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวจะเข้ามาช่วยป้องกันไวรัส มัลแวร์ และลิงค์ปลอม ที่พร้อมใช้งานได้ทันที เพื่อให้เกิดการใช้งานอย่างปลอดภัย โดยบริการนี้ จะช่วยแจ้งเตือนและปกป้องจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ และกรองเว็บไซต์ที่อาจมีภัยคุกคามไซเบอร์จากการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนบราวเซอร์ โดยบริการจะแจ้งเตือนและป้องกัน เมื่อมีการเข้าถึงเว็บไซต์เหล่านั้น ไม่ว่าจะเข้าใช้งานผ่านอุปกรณ์ใดภายในบ้าน ทั้งในช่วงการทำงานหรือเรียนออนไลน์ หรือการใช้งานของคุณพ่อ คุณแม่ ผู้สูงอายุในบ้านได้อุ่นใจมากยิ่งขึ้นตลอดการใช้งาน”

สำหรับลูกค้าเอไอเอส ไฟเบอร์ที่สนใจสามารถสมัครใช้บริการ AIS Fibre Secure Net ทำได้เองง่ายๆ เพียงเข้าไปที่ AIS Fibre LINE Connect เลือกเมนู อื่นๆ แล้วกดเลือกเมนู AIS Fibre Secure Net จากนั้น กดปุ่ม “เปิด” ก็สามารถใช้บริการได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องลงโปรแกรม ซอฟต์แวร์ หรือ
แอปพลิเคชันใดๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ https://ais.th/aunjaicyber/AIS-Fibre-secure-net.html