Home Blog Page 350

ซีพีเอฟ เตรียมขอรับรอง ฟาร์มวังสมบูรณ์ ได้มาตรฐานฟาร์มไก่ไข่แบบไม่ใช้กรง

0

นายสมคิด วรรณลุกขี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจไก่ไข่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมนำฟาร์มวังสมบูรณ์ เข้าขอรับรองมาตรฐานฟาร์มไก่ไข่แบบไม่ใช้กรง ของกรมปศุสัตว์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ในการผลิตไข่ไก่สู่ระดับสากล ร่วมสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ มีความปลอดภัยสูงสุด ให้ผู้บริโภคที่มีแนวโน้มต้องการสินค้าที่คำนึงถึงสุขภาพและแหล่งที่มาของสินค้าที่ปลอดภัยและรับผิดชอบต่อสังคมเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การรับรองมาตรฐานไข่ไก่แบบไม่ใช้กรง (Cage Free) อย่างเป็นทางการ ถือเป็นก้าวสำคัญของภาคการผลิตไข่ไก่ของไทย ส่งผลดีต่อผู้บริโภค และเกษตรกร ช่วยยกระดับมาตรฐานอาหารปลอดภัยของไทย และช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรพัฒนาระบบการเลี้ยงไก่ไข่แบบไม่ใช้กรงเพิ่มขึ้น

ซีพีเอฟ พัฒนาฟาร์มวังสมบูรณ์ ในจังหวัดสระบุรี ฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่แบบปล่อยอิสระไม่ใช้กรงในโรงเรือนระบบปิด ตั้งแต่ปี 2561 โดยมีการประยุกต์ใช้มาตรฐานของสหภาพยุโรปเป็นต้นแบบ ในการเลี้ยงแม่ไก่ไข่แบบธรรมชาติภายในโรงเรือนระบบปิดขนาดใหญ่ที่มีการควบคุมอุณหภูมิและการระบายอากาศอย่างเหมาะสม มีวิธีการเลี้ยงตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ หรือ Animal Welfare โดยแม่ไก่ไข่มีความเป็นอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม มีสุขอนามัยที่ดี มีที่อยู่สะดวกสบาย ได้รับอาหาร-น้ำอย่างเพียงพอ และแม่ไก่มีอิสระแสดงพฤติกรรมได้ตามธรรมชาติ หรือ มี “ความสุขกาย สบายใจของสัตว์” ตามหลักการ 5 ประการ (Five Freedoms of Animals) ส่งผลให้แม่ไก่ไข่มีสุขภาพดีและมีอารมณ์ดี มีความสุขสบาย แข็งแรง ที่สำคัญไม่ใช้ยาปฏิชีวนะตลอดการเลี้ยง

ฟาร์มวังสมบูรณ์ มี 12 โรงเรือน แม่ไก่ไข่ถูกเลี้ยงแบบธรรมชาติบนพื้นที่ 1 ตารางเมตรต่อแม่ไก่ 7-9 ตัว จัดสภาพแวดล้อมให้ถูกต้องตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ ส่งเสริมให้แม่ไก่ไข่ได้แสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติอย่างเต็มที่ เช่น มีคอนสำหรับเกาะพักผ่อน มีวัสดุปูรองพื้นเพื่อใช้สำหรับคุ้ยเขี่ยหาอาหาร และไซร้ขนทำความสะอาดตัวเอง มีจุดสำหรับวางไข่ที่ควบคุมการผลิตด้วยคอมพิวเตอร์ และใช้สายพานลำเลียงไข่จากจุดวางไข่ของแม่ไก่ไปยังห้องเก็บไข่โดยอัตโนมัติ ควบคู่กับการจัดการระบบสุขาภิบาลภายในฟาร์มที่ดี ควบคุมและป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด ไข่ไก่เคจฟรีของซีพีเอฟ จึงได้รับรองมาตรฐานการปลอดเชื้อซัลโมเนลล่า ตั้งแต่โรงฟักไข่ แม่ไก่พันธุ์ จนถึงแม่ไก่ไข่รุ่น เพื่อให้ได้ไข่ไก่ที่ปลอดภัย มีคุณภาพ ปลอดสาร

นอกจากนี้ การเลือกใช้แม่ไก่ไข่สายพันธุ์พิเศษ รวมถึงพัฒนาสูตรอาหารผลิตจากธัญพืช 100% ช่วยให้ไก่ที่มีสุขภาพพื้นฐานดี เติบโตตามศักยภาพของพันธุกรรมธรรมชาติ ช่วยให้ไข่ไก่เคจฟรีมีความสดกว่าไข่ไก่ทั่วไป ไม่มีกลิ่นคาวไข่แดงมีสีส้มสด นูนสวย เป็นไข่ไก่มีคุณภาพ ปลอดสาร และมีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อสุขภาพของผู้บริโภค จึงได้รับการตอบรับที่ดีมากจากร้านอาหารชั้นนำ อย่าง ร้านชาบูชาบู โมโม พาราไดซ์ โดยเฉพาะร้านเจ๊ไฝ สตรีทฟู้ดชื่อดังที่ใช้เป็นวัตถุดิบของเมนูไข่เจียวปู นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังสามารถหาซื้อไข่ไก่เคจฟรี ซีพีเอฟ ได้ที่ ร้านซีพี เฟรชมาร์ท 7-Eleven ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ริมปิง จ.เชียงใหม่ และห้างดองกิ ดองกิ

ซีพีเอฟ มีนโยบายในการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการเลี้ยงสัตว์ด้วยความรับผิดชอบ (Responsible Farming and Food Production) อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารสู่ระดับสากล เพื่อการบริโภคที่ยั่งยืน

แผนฟื้นฟูการบินไทยคืบหน้า ยันไม่มีการว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน 630 ล้านบาท

0

พลอากาศเอก ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ประธานกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งดำเนินการโดยคณะผู้จัดทำแผนรวม 6 คน และบริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ร่วมกับที่ปรึกษาด้านกฏหมาย ที่ปรึกษาทางด้านธุรกิจการบิน และที่ปรึกษาทางด้านการเงิน

โดยการจัดทำแผนฟื้นฟูฯ ประกอบด้วยแผนหลัก 2 ส่วน คือ 1. แผนธุรกิจ ประกอบด้วยแผนในการจัดหารายได้ ลดรายจ่าย ปรับปรุงกระบวนการทำงาน ตลอดจนปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความเหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เตรียมความพร้อมรองรับการดำเนินธุรกิจในอนาคตอย่างยั่งยืน ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการตามแผนงานไปแล้วบางส่วน อาทิ โครงการขอความร่วมมือพนักงานลาหยุดโดยไม่รับค่าตอบแทน โครงการเสียสละเพื่อองค์กร เพื่อลดต้นทุนด้านบุคลากร เป็นต้น โดยในส่วนของแผนธุรกิจนี้ ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ เกือบสมบูรณ์แล้ว

และ 2. แผนการเงิน ประกอบด้วย แผนการปรับโครงสร้างหนี้และโครงสร้างทุน ซึ่งบริษัท การบินไทยฯ มีเจ้าหนี้จำนวนมาก การชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูฯ จึงต้องเป็นธรรมกับเจ้าหนี้ทุกฝ่าย โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบคำขอรับชำระหนี้เพื่อให้มั่นใจว่า หนี้ที่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูฯ นั้นเป็นหนี้ที่ถูกต้อง ในขณะเดียวกันจำเป็นต้องจัดทำแบบจำลองทางการเงิน เพื่อกำหนดรูปแบบการปรับโครงสร้างทุน โครงสร้างหนี้ และการจัดสรรการชำระหนี้ในรูปแบบต่างๆ เพื่อเสนอให้เจ้าหนี้พิจารณาต่อไป

บริษัทการบินไทยได้พิจารณาว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินมืออาชีพ ตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง และหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกของบริษัทฯ ซึ่งเป็นไปอย่างโปร่งใส เพื่อมาเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำ และช่วยงานทางด้านการเงินและการบัญชีของบริษัทฯ ในการจัดทำโครงสร้างทางการเงิน โครงสร้างเงินทุนและผู้ถือหุ้น การวิเคราะห์กระแสเงินสด วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเงิน ทั้งในปัจจุบันและอนาคตของการบินไทย เพื่อใช้ประกอบการจัดทำแผนฟื้นฟูฯ รวมถึงการนำเสนอแผนฟื้นฟู ในส่วนทางการเงินแก่เจ้าหนี้และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่าแนวทางและหลักการทางการเงินถูกต้องและเชื่อถือได้ โดยมีกรอบงบประมาณการว่าจ้างไม่เกิน 60 ล้านบาท และมีระยะเวลาในการทำงานจนกว่าศาลจะให้ความเห็นชอบกับแผนฟื้นฟูฯ โดยบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินดังกล่าว จะไม่มีหน้าที่ติดต่อหาแหล่งเงินทุนใหม่ให้กับบริษัทฯ แต่อย่างใด ดังนั้น กรณีที่มีข่าวเรื่องการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน โดยมีค่าตอบแทนสูงถึง 630 ล้านบาท นั้น จึงไม่เป็นความจริง

ในส่วนขอบเขตการจัดหาแหล่งเงินทุนหรือผู้ลงทุนรายใหม่ จะดำเนินการว่าจ้างหลังจากแผนฟื้นฟูฯ ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเจ้าหนี้และศาลแล้ว เนื่องจากเจ้าหนี้ของบริษัท การบินไทยฯ มีจำนวนมาก มีหลายกลุ่ม และเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน คณะผู้ทำแผนจึงได้เร่งหารือกับเจ้าหนี้กลุ่มต่างๆ เพื่อให้แผนฟื้นฟูฯ เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย โดยเร็วที่สุด ซึ่งจากการรับฟังความคิดเห็นจากเจ้าหนี้หลายกลุ่ม ได้รับเสียงตอบรับในทางที่ดี ส่วนใหญ่เห็นชอบในหลักการของแผนฟื้นฟูฯ และให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ในการจัดทำแผนฟื้นฟูฯ อนึ่ง เพื่อให้แผนฟื้นฟูฯ ในส่วนของแผนทางการเงินมีความสมบูรณ์ที่สุด คณะผู้ทำแผนจึงได้พิจารณา ขยายระยะเวลาในการยื่นแผนฟื้นฟูฯ ต่อศาล ออกไปอีกประมาณ 1 เดือน ตามกรอบของกฏหมาย โดยสามารถยื่นแผนฟื้นฟูฯ ได้ประมาณ ปลายเดือน กุมภาพันธ์ หรือ ต้นเดือน มีนาคม 2564ภายหลังจากที่ผู้ทำแผนได้ยื่นแผนฟื้นฟูฯ แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะส่งสำเนาแผนฟื้นฟูฯ ให้เจ้าหนี้ได้พิจารณา และลงมติในการประชุมเจ้าหนี้เพื่อให้ความเห็นชอบแผนฟื้นฟูฯ โดยจะใช้เวลาประมาณ 1.5 เดือน และเมื่อเจ้าหนี้ให้ความเห็นชอบกับแผนฟื้นฟูฯ แล้ว จะเป็นขั้นตอนของศาลที่จะพิจารณาและให้ความเห็นชอบต่อแผนฟื้นฟูฯ เป็นขั้นตอนสุดท้าย พนักงาน และฝ่ายบริหารการบินไทยทุกคน มีความมุ่งมั่นและพร้อมให้ความร่วมมือในการสนับสนุนการจัดทำแผนฟื้นฟูฯ ให้ประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะมีความท้าทายต่างๆ ในการทำธุรกิจเกิดขึ้น ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังร่วมมือลดค่าใช้จ่าย และหารายได้เพิ่มให้กับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัท การบินไทยฯ ได้รับความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆ รวมทั้งเจ้าหนี้ คู่ค้า และลูกค้าของการบินไทย ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การบินไทยจะสามารถจัดทำแผนฟื้นฟูฯ ให้สำเร็จไปได้ด้วยดี คณะผู้ทำแผนมีความตั้งใจและมั่นใจว่าการฟื้นฟูฯ ของการบินไทยจะได้รับการยอมรับและประสบผลสำเร็จ โดยเจ้าหนี้ทุกรายจะได้รับชำระหนี้อย่างเป็นธรรม บริษัท การบินไทยฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถกลับมาให้บริการด้านการบินอย่างเต็มรูปแบบได้โดยเร็ว

ชป. เตรียมแผนกำจัดผักตบชวาปี 64 ตั้งเป้า 2.7 ล้านตัน ทั่วประเทศ

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า วันนี้ (25 ม.ค. 64) มีการประชุมติดตามผลการดำเนินงานและแนวทางการแก้ไขปัญหาผักตบชวา ปี 2564 โดยมีพลเรือเอก พิเชฐ ตานะเศรษฐ คณะทำงานรองรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธานการประชุมฯ โดยมีดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เข้าร่วม เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาผักตบชวา พร้อมวางมาตรการแก้ไขปัญหาให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และให้การดำเนินงานมีความต่อเนื่องเป็นระบบแบบแผนที่ชัดเจน รวมไปถึงการบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

โดยสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 กรมชลประทาน มีแผนในการกำจัดวัชพืชกว่า 2,792,688 ตัน พื้นที่ดำเนินการประมาณ 20,387 ไร่ กำจัดวัชพืช 330 รายการ ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ 22 ลุ่มน้ำ

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของปี 2563 ที่ผ่านมา กรมชลประทานได้กำจัดผักตบชวากว่า 2,749,774 ตัน ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ได้แก่ แม่น้ำท่าจีน บริเวณเหนือประตูระบายน้ำ (ปตร.) โพธิ์พระยา ถึง ปตร.พลเทพ ระยะทางยาว 120 กิโลเมตร, แม่น้ำน้อย บริเวณเหนือ ปตร.ผักไห่ ถึง ปตร.บรมธาตุ ระยะทางยาว 120 กิโลเมตร, แม่น้ำป่าสัก บริเวณเหนือเขื่อนพระรามหก ถึง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ระยะทางยาว 108 กิโลเมตร, และแม่น้ำบางปะกง ระยะทางยาว 262 กิโลเมตร

กรมชลสั่งคุมเข้มแผนจัดสรรน้ำเจ้าพระยาช่วงหน้าแล้ง ขอทุกฝ่ายช่วยประหยัดน้ำ

0

กรมชลประทาน เดินหน้าบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา คุมเข้มการจัดสรรน้ำให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ พร้อมขอให้ทุกฝ่ายร่วมใจกันประหยัดน้ำ หลังปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลัก ลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ฤดูแล้งยังเหลืออีกกว่า 3 เดือน

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ว่า ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ     มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 45,453 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 59 ของความจุอ่างฯ รวมกัน มีน้ำใช้การได้ประมาณ 21,378 ล้าน ลบ.ม. ผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งทั้งประเทศ มีการใช้น้ำไปแล้ว 7,083 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 41 ของแผนฯ

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน

ด้านลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ใช้น้ำต้นทุนจาก 4 เขื่อนหลัก คือเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 11,197 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 45 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 4,501 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใกล้เคียงกับปี 63 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้มีการใช้น้ำไปแล้ว 2,052   ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 51 ของแผนฯ ด้านพื้นที่การเกษตรคงเหลือพื้นที่ที่ทำนาปีล่าช้าอยู่อีกประมาณ 60,000 ไร่ ที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว  กรมชลประทาน ได้สนับสนุนน้ำให้แก่พื้นที่ดังกล่าว จนกว่าเกษตรกรจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จ ทั้งนี้ เนื่องจากฤดูฝนที่ผ่านมีปริมาณฝนตกทางตอนบนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ทำให้ปริมาณน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาอยู่ในเกณฑ์น้อย ไม่สามารถสนับสนุนการทำนารอบ2(นอกแผน)ได้ จำเป็นต้องเก็บกักน้ำไว้เพื่อการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ ผลักดันน้ำเค็ม ตลอดจนรักษาเสถียรภาพคันคลอง และไม้ยืนต้น จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดด้วย

สภาพปัจจุบัน มีหลายพื้นที่เริ่มประสบปัญหาภัยแล้ง จึงได้สั่งการให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ ปรับแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เน้นส่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคให้เพียงพอ พร้อมประสานความร่วมมือในการบริหารจัดการน้ำระหว่างโครงการชลประทานในพื้นที่ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำและประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์น้ำให้แก่ประชาชนรวมทั้งเกษตรกรได้รับทราบอย่างทั่วถึง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนการติดตามกำจัดวัชพืชในลำน้ำและคลองสาขาที่อาจจะเป็นอุปสรรคในการส่งน้ำไปยังพื้นที่ต่างๆด้วย

ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดด้วยความเป็นธรรมและทั่วถึง เพื่อให้ทุกพื้นที่มีน้ำเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคตลอดในช่วงฤดูแล้งนี้ หากประชาชนหรือหน่วยใดต้องการความช่วยเหลือ สามารถร้องขอไปยังสำนักงานชลประทาน หรือโครงการชลประทานในพื้นที่ หรือโทร.1460 สายด่วนกรมชลประทานได้ตลอดเวลา

กลต.ขอเตือน ข้อควรระวังก่อนลงทุนในคริปโตฯ

0

ปรากฎการณ์ที่ราคาของสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโทเคอร์เรนซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบิทคอยน์ (Bitcoin) ที่พุ่งขึ้นสูงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เปิดศักราชปี 2564 ราคาของบิทคอยน์ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 41,946 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.26 ล้านบาท) ต่อ 1 Bitcoin เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2564) จาก 9,100 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.73 แสนบาท) ต่อ 1 Bitcoin เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เรียกได้ว่าสร้างความตื่นเต้นและกระตุ้นความสนใจในการลงทุนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุนมือเก๋า หรือผู้ลงทุนรุ่นเยาว์คนรุ่นใหม่ ซึ่งส่งผลให้ผู้ลงทุนจำนวนมากอาจตัดสินใจกระโจนเข้าไปลงทุนโดยที่ยังไม่ได้ประเมินความเสี่ยงอย่างรอบด้าน เพียงเพราะกลัวว่าจะ “ตกขบวน”

ก.ล.ต. ขอส่งเสียงเตือนต่อจากคราวก่อนอีกสักนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่เคยลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีมาก่อน ขอให้ประเมินตัวเองอีกหน่อยก่อนจะลงทุน เพื่อให้มั่นใจว่ามีความเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน เช่นเดียวกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินหลายแห่งต่างแสดงความเป็นห่วงผู้ลงทุนที่เข้าไปลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี

หน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนของสหราชอาณาจักร (Financial Conduct Authority: FCA) เตือนผู้ลงทุนให้ระมัดระวังความเสี่ยงในการลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี ที่อ้างว่าจะได้ผลตอบแทนสูง รวมทั้งต้องเข้าใจความเสี่ยงที่สูงมากและพร้อมเผชิญกับความเป็นไปได้ที่อาจจะต้องสูญเสียเงินลงทุนทั้งก้อน ก่อนหน้านี้ FCA ยังห้ามขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ให้ผลตอบแทนอ้างอิงกับสินทรัพย์ดิจิทัลให้กับผู้ลงทุนรายย่อย

  • เพราะ “คริปโทเคอร์เรนซี” มีความผันผวนสูง

ในช่วงที่ผ่านมา ราคาของคริปโทเคอร์เรนซีผันผวนรุนแรงมากมาโดยตลอด โดยเห็นได้จากความเคลื่อนไหวของมูลค่าตลาดรวมของคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลทั่วโลก ในเดือนพฤษภาคม 2561 เคยขึ้นไปถึง 4.23 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 12.69 ล้านล้านบาท) จากนั้นปรับลดลงกว่า 69% มาอยู่ 1.30 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.9 ล้านล้านบาท) ในเดือนมกราคม 2562 ก่อนที่จะสวิงเพิ่มขึ้น 46% มาอยู่ที่ 1.91 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.73 ล้านล้านบาท) ในเดือนมกราคม 2563  

ส่วนความเคลื่อนไหวด้านราคาทั้งคริปโทเคอร์เรนซีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีค่าความผันผวนสูงมาก เช่น Bitcoin มีค่าความผันผวนของราคาที่เคยขึ้นไปถึง 140% เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2563 ขณะที่ตลาดหุ้นไทย (SET index) ที่ว่ามีความเสี่ยงมากแล้ว ยังมีค่าความผันผวนสูงสุดอยู่ที่ 72% เท่านั้น

ผู้ที่ลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีจึงต้องรับความความเสี่ยงได้สูงมาก และยอมรับว่ามีโอกาสที่จะสูญเสียเงินลงทุนทั้งก้อนภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ดังนั้น เงินที่จะนำมาลงทุนควรจะจัดสรรในสัดส่วนที่เหมาะสม ควรเป็นเงินที่เมื่อสูญไปแล้วจะต้องไม่เป็นภาระต่อตัวเองและครอบครัว

  • เพราะ “คริปโทเคอร์เรนซี” อาจไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ

ความเคลื่อนไหวของราคาคริปโทเคอร์เรนซีเกิดจากดีมานด์และซัพพลาย บวกกับปัจจัยทางจิตวิทยา และอาจไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ เพราะฉะนั้นจึงเป็นการลงทุนเพื่อการเก็งกำไรเกือบทั้งหมด

ดังนั้น ผู้สนใจลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี นอกจากจะต้องยอมรับความเสี่ยงได้สูงมากแล้ว ยังต้องมีความรู้ ความเข้าใจในคริปโทเคอร์เรนซีที่สนใจลงทุนเป็นอย่างดี และต้องระมัดระวังอย่าหลงเชื่อการโฆษณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์การลงทุนในหลักทรัพย์มาก่อนยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ 

อีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง นั่นคือคริปโทเคอร์เรนซีมีการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง ในหลากหลายศูนย์ซื้อขาย (Digital Asset Exchange) ราคาจึงเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้ต้องหมั่นติดตามบัญชีลงทุนอยู่เสมอ  ดังนั้น ใครก็ตามที่เข้ามาลงทุนต้องศึกษาเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ยอมรับความเสี่ยงจากความ
ผันผวน และระลึกเสมอว่า ยิ่งคาดหวังผลตอบแทนสูงเท่าไร ก็ยิ่งต้องแลกกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว

ก.ล.ต. จึงขอฝาก “6 ข้อควรระวังก่อนลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี” เตือนผู้ลงทุนให้เข้าใจความเสี่ยง ตั้งสติให้มั่น มองอย่างพิเคราะห์ให้ดีว่าลงทุนด้วยความเข้าใจจริงหรือไม่ ถามตัวเองว่ายอมรับความเสี่ยงสูงมาก ๆ แบบนั้นได้จริงหรือไม่ เมื่อตัดสินใจลงทุนแล้วต้องจัดสรรในสัดส่วนที่เหมาะกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือหากต้องสูญเงินลงทุนไปอาจทั้งก้อนจะเป็นภาระต่อตนเองและครอบครัวหรือไม่ เพราะหากไม่เป็นไปตามที่หวังจะเจ็บตัวและเจ็บใจไม่น้อย

เมืองไทยประกันชีวิต ชูนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ตอบโจทย์ลูกค้า ดูแลทุกช่วงชีวิต

0

เปิดกลยุทธ์ “MTL Trusted Lifetime Partner”

ผสานแพลตฟอร์ม Digital และ Non-digital ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์บนโลกวิถีใหม่

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2563 ว่า มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง (Health & CI)  อยู่ที่ 21% มีสัดส่วนการขายแบบประกันชีวิตประเภทคุ้มครองชีวิตและประกันชีวิตควบการลงทุน (Protection and Investment Linked Product Portion) สูงถึง 76% ขณะเดียวกันมีผลงานจากช่องทางการขายผ่าน Online Sales เติบโต 120%  เมื่อเทียบกับปี 62

ในด้านความแข็งแกร่งและด้านเสถียรภาพทางด้านการเงิน   MTL ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก S&P Global Ratings อยู่ที่ระดับ BBB+ โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ และจากฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) อยู่ที่ ‘A-‘ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิต  มีเสถียรภาพ และคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS) ที่ ‘AAA(tha)’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ซึ่งถือเป็นอันดับเครดิตในระดับประเทศที่สูงที่สุดแล้ว และยังมีความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งโดยสะท้อนจากอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนซึ่งอยู่ที่ 309%  ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามเกณฑ์ที่ 120%

ทิศทางการดำเนินงานในปี 2564 MTL มุ่งมั่นจะเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความวางใจ พร้อมดูแลและเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต ภายใต้นโยบาย “MTL Trusted Lifetime Partner” ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ ช่องทางการขายที่หลากหลาย ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุก Journey ในแบบที่มีความเฉพาะตัวของบุคคล (Personalization) มากยิ่งขึ้น ผ่านแพลตฟอร์ม Digital และ Non-digital ที่สามารถเข้าถึงความต้องการในทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากล และโดดเด่นด้วยภาพลักษณ์องค์กรที่มีความทันสมัย เป็นมืออาชีพ ที่สามารถดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมงาน รวมทั้งการเดินหน้าการพัฒนาบุคลากร     ให้สามารถรับมือและปรับตัวให้เข้ากับโลกยุคดิจิทัลได้อย่างเต็มตัว พร้อมให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปสู่ประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

บริษัทได้เปิดตัวโครงการ  “Super Health” ตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านความคุ้มครองสุขภาพ โดยนำเสนอความคุ้มครองสุขภาพ ตอบโจทย์ความต้องการในทุกกลุ่ม เข้าถึงกลุ่มอายุที่หลากหลาย อีกทั้งยังเลือกซื้อได้ตามไลฟ์สไตล์ ทั้งการดูแลแบบเหนือระดับ แบบที่ดูแลค่าใช้จ่ายตั้งแต่บาทแรกหรือแบบที่ช่วยดูแลค่ารักษาส่วนเกินจากสวัสดิการเดิมที่มีอยู่ รวมไปถึงสามารถเลือกความคุ้มครองแบบผู้ป่วยนอก (OPD) แบบผู้ป่วยใน (IPD) หรือเลือกความคุ้มครองได้ทั้งสองแบบตามความต้องการ

ล่าสุด ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “โครงการ ดี คิดส์ (D Kids Campaign)”   ที่มีข้อเด่นคือการช่วยดูแลค่าใช้จ่ายส่วนเกิน ให้ความคุ้มครองค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน ค่าห้องผู้ป่วยหนัก (ไอ.ซี.ยู.) ค่าหมอ ค่ายา ค่าตรวจ ค่าผ่าตัด ค่ารักษาพยาบาลกรณีแอดมิดเหมาจ่ายในวงเงินเดียวสูงสุดถึง 5 ล้านบาทต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง คุ้มครองตั้งแต่เด็กโดยสามารถเสมัครได้ตั้งแต่อายุ  30 วัน  ให้ความคุ้มครองถึงอายุ 99 ปี ช่วยให้หมดกังวลและยังช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในยามที่   ลูกน้อยต้องเจ็บป่วย หรือไม่สบาย

นอกจากนี้ยังได้ขยายอายุรับประกันภัยสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์ เพื่อให้การดูแลแบบเหนือระดับ ครอบคลุมไปยังกลุ่มเด็กมากยิ่งขึ้นจากเดิมอายุรับประกันอยู่ที่ 18-80 ปี ขยายเป็น 11-80 ปี

สำหรับการดำเนินธุรกิจในปีนี้ แม้ยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย แต่บริษัทจะยังพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการให้ครบในทุกด้าน เพื่อตอกย้ำนโยบาย MTL Trusted Lifetime Partner สามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าในทุกเพศทุกวัย พร้อมเชื่อมต่อกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแบบเฉพาะตัว มุ่งมั่นเติบโตและก้าวไปอย่างมั่นคงเคียงข้างไปกับลูกค้า รวมถึงเชื่อมต่อกับเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ (Ecosystem Partner) ดูแลลูกค้าได้อย่างครอบคลุม นอกจากนี้ ยังมีพันธมิตรของบริษัทที่สนับสนุนในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ได้แก่ Fuchsia Venture Capital และบริษัท AIgen (ไอเจ็น) จำกัด รวมถึง Gettgo ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี

ด้านการทำการตลาด ยังเดินหน้าในแบบหลากหลายช่องทาง (Multi Distribution Channels)ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ หรือ ผสมผสานการขาย (Hybrid)  มุ่งสู่การเป็นผู้ออกแบบทางการเงิน (Life Planner) ที่สามารถออกแบบ ให้คำปรึกษา และวางแผนทางการเงินที่เหมาะสมแก่ลูกค้าแต่ละราย และยังเตรียมพัฒนาระบบและเครื่องมือต่างๆ เพื่อขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างครบถ้วนและส่งมอบบริการด้านการวางแผนการเงินที่ดี เหมาะสมกับลูกค้า ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

ส่วนงานด้านบริการ ล่าสุด ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน  “MTL Click”  บริการในรูปแบบ Digital Face to Face Service พร้อมเปิดใหบริการ video call พื่อให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมกับบริษัทได้ทุกที่ โดยไม่ต้องออกจากบ้าน สามารถพูดคุย หรือรับคำปรึกษา พร้อมทำธุรกรรมได้แบบ Real Time ไม่ว่าจะเป็น ซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพ จ่ายเบี้ยประกันภัยออนไลน์ บริการกู้ตามสิทธิกรมธรรม์ บริการต่ออายุกรมธรรม์ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ยังยกระดับทักษะและความรู้ของบุคลากรทุกระดับ ทั้งตัวแทน พนักงาน  และผู้บริหาร ให้ปรับตัวรับกับ Disruptive Technology และเปิดตัวแพลตฟอร์ม “LearnRU” (เลิร์นรู้) ตอบโจทย์การเรียนรู้ในแบบออนไลน์ ทั้งแบบออนไลน์สด (Live Streaming) หรือการสัมมนาแบบเสมือนจริง (Virtual Workshop) สามารถถาม-ตอบ แลกเปลี่ยนความรู้ได้อย่างเต็มที่ รวมถึงสามารถเข้าถึงคลังความรู้ที่หลากหลายทั้งแบบ Micro Learning และแบบ Online Content  ได้แก่ VDO สื่อ Infographic   E-book หรือ Podcast

เจียไต๋ ร่วมรณรงค์เว้นระยะห่าง แจกเมล็ดพันธุ์สวนครัว ปลูกผักในบ้าน

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บริษัท เจียไต๋ จำกัด ผู้นำธุรกิจนวัตกรรมการเกษตรของไทย ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานและชุมชนเป็นหลัก ขอเติมเต็มกำลังใจให้สังคมไทยก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกันด้วยการเพิ่มความมั่นใจให้กับพนักงานผ่านมาตรการป้องกันอย่างต่อเนื่องเพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

รวมถึงการจัดกิจกรรมออนไลน์แจกเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัว เจียไต๋ โฮมการ์เด้น ให้กับประชาชน เพื่อรณรงค์การเว้นระยะห่าง ปลูกผักอยู่บ้าน และสร้างความมั่นคงทางอาหาร

นอกจากนี้ บ.เจียไต๋ ยังได้ทำความสะอาดและฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทั่วบริเวณอาคารสำนักงานใหญ่เจียไต๋ สุขุมวิท 60 และแจกสเปรย์ไอโซลเทค (i-Sol Tech) เพื่อช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค พร้อมอุปกรณ์ใช้งาน ให้กับพนักงานเจียไต๋ ทั่วประเทศ และเพื่อเพิ่มความอุ่นใจและเสริมความปลอดภัยอีกขั้น

รวมทั้ง ยังคงนโยบายให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน การเว้นระยะห่าง เพิ่มความเข้มข้นในการคัดกรองพนักงานและบุคคลภายนอกด้วยการตรวจวัดอุณหภูมิ สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยก่อนเข้าพื้นที่อาคารสำนักงาน ซึ่งล้วนเป็นมาตรการที่เจียไต๋ได้ยึดปฏิบัติตลอดช่วงวิกฤตที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 และผนึกกำลังแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม

นอกจากนี้ เจียไต๋ โฮมการ์เด้น ยังเติมเต็มหัวใจคนที่รักการปลูกผักด้วยกิจกรรมออนไลน์แจกเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัวคุณภาพ ครั้งที่ 2 ได้แก่ พริกขี้หนู ผักบุ้งจีนเรียวไผ่ และคะน้ายอด โดยเป็นการต่อยอดจากกิจกรรมแจกเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัวเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งประสบความสำเร็จได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากประชาชน ทั้งนี้ เพื่อรณรงค์การเว้นระยะห่าง สร้างระยะปลอดภัย สนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งอาหารที่สดและสะอาดด้วยการปลูกผักภายในบ้าน สำหรับผู้ที่สนใจสามารถร่วมกิจกรรมเพื่อรับเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัวได้ทาง Facebook: CHIA TAI Home Garden www.facebook.com/cthomegarden ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม ถึง 12 กุมภาพันธ์ 2564

ชป. ยันไม่มีเอี่ยวเรื่องไม้สักวัดแม่แคมหาย ย้ำทำตามระเบียบและกม.ทุกขั้นตอน

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเจ้าอาวาสวัดแม่แคมร้องเรียน ผู้รับจ้างของกรมชลประทานได้เข้าแผ้วถางที่ดินของวัดแม่แคม จำนวน 2 แปลง พื้นที่ 5 ไร่ 34 ตารางวา ไม่ได้มีการแจ้งเข้าพื้นที่เป็นหนังสือตั้งแต่เริ่มดำเนินการแต่อย่างใด และการตัดต้นไม้สักในพื้นที่ดังกล่าว โดยไม้ทุกต้นหายไป และการเวนคืนทั้งหมดยังไม่มีการจ่ายเงินให้กับเจ้าของที่ดิน และยังไม่มีการทำผาติกรรมยกเลิกกฤษฎีกาที่ดินสงฆ์ นั้น

ล่าสุด นายชูชาติ รักจิตร ผู้อำนวยการกองพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง กรมชลประทาน ชี้แจงว่า โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่แคมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลสวนเขื่อน อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ มีที่ดินบางส่วนเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ ซึ่งฝ่ายจัดหาที่ดินที่ 4 กรมชลประทาน ได้ประสานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดแพร่ เพื่อทำการตรวจสอบข้อมูลพื้นที่ดังกล่าว และได้มีการประชุมหารือแนวทางดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการนำเอกสารที่เกี่ยวข้องให้เจ้าอาวาสวัดแม่แคมลงนาม เพื่อทำผาติกรรม สำหรับกรณีการจ่ายค่าชดเชยที่ดินและค่ารื้อย้ายทรัพย์สิน นั้น   กรมชลประทาน ได้ดำเนินการจ่ายค่าชดเชยไปแล้วในปี 2561 – 2564 รวมเป็นเงิน 336,284,090.82 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 90.92 ของบัญชีค่าทรัพย์สินทั้งหมด ยังคงเหลือ 33,600,724.72 บาท ที่คาดว่าจะเบิกจ่ายได้ทั้งหมดในปีงบประมาณ 2564 นี้

นายชูชาติ รักจิตร ผู้อำนวยการกองพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง กรมชลประทาน

ส่วนกรณีการเข้าไปดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ นั้น สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 4 ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ตำบลสวนเขื่อน เพื่อให้ประชาสัมพันธ์แจ้งให้ราษฎรในพื้นที่ได้รับทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 3 เดือน ก่อนเข้าพื้นที่ ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศเสียงตามสายและแจ้งด้วยวาจาให้กับผู้ที่มีที่ทำกินอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างให้รับทราบอย่างทั่วถึงแล้ว ส่วนประเด็นไม้สักในพื้นที่วัดหายไปนั้น เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 จังหวัดแพร่ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้แทนเจ้าอาวาสวัดแม่แคมเข้าร่วมการประชุม ผลการประชุมสรุปว่า ผู้ร้องคือวัดแม่แคมยินดียุติเรื่องร้องเรียน และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป 

ทั้งนี้ กรมชลประทานยืนยันว่า ในการดำเนินการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ได้ปฏิบัติตามระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกขั้นตอน สามารถตรวจสอบได้ ส่วนกรณีกล่าวหาว่ากรมชลประทาน เป็นต้นเหตุให้ประชาชนในพื้นที่ขัดแย้งกับพระวัดแม่แคม นั้น ขอยืนกรานว่ากรมชลประทาน ไม่มีเจตนาที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งใดๆในพื้นที่ มุ่งหวังเพียงที่จะสร้างและพัฒนาแหล่งน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์ และสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่มีน้ำใช้อย่างเพียงพอและยั่งยืน

นักลงทุนแห่จองหุ้นโออาร์ ทำระบบธนาคารตัวแทนล่มครึ่งวัน ก่อนจะกลับมาให้บริการใหม่

0

ผู้สื่อข่าว รายงานบรรยากาศการเปิดจองซื้อหุ้นโออาร์ (OR) ของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) วันแรก 24 ม.ค. สำหรับประชาชนทั่วไป ว่า แม้จะแนะนำว่าไม่ต้องรีบต้องรีบจองซื้อหุ้น OR แต่ปรากฏว่า ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ที่เปิดให้จอง มีบรรดานักลงทุนและประชาชนทั่วไปที่สนใจต่างแห่เข้าแอปพลิเคชันของ 3 ธนาคาร เพื่อจองซื้อ ทำให้ในช่วงเริ่มเปิดให้จองซื้อไม่สามารถเข้าได้ ส่งผลให้ระบบการจองผ่านเว็บ และแอปฯ ของธนาคารกสิกรไทย กรุงเทพ และกรุงไทย ต่างพากันล่มไปในช่วงแรกๆของการเปิดให้จองหุ้น ผู้สนใจหลายรายไม่สามารถเข้าระบบได้ เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมาก

หน้าเว็บ K my invest ที่เป็นช่องทางออนไลน์สำหรับจองหุ้นของธนาคารกสิกร ไม่สามารถเปิดเข้าใช้งานได้เป็นเวลาครึ่งวัน โดยขึ้นหน้าจอว่าอยู่ระหว่างปรับปรุงเว็บไซต์ จนกระทั่’ช่วงบ่ายแก่ๆ จึงสามารถเปิดระบบให้เข้าจองได้ และออกมาชี้แจงให้นักลงทุนสบายใจว่า จองก่อน-หลัง ก็มีสิทธิ์เท่ากัน ลำดับการจองไม่มีผลต่อการจัดสรร เพราะหุ้นโออาร์ ครั้งนี้จัดสรรแบบ Small Lot First ทุกคนที่จองเข้ามา มีสิทธิ์เท่ากัน โดยจัดสรรผ่านระบบคอมพิวเตอร์ของ SETTRADE

ขณะที่ระบบการจองของธนาคารกรุงเทพ และกรุงไทย ก็ประสบปัญหาคนใช้งานจำนวนมากๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน จนทำให้ระบบการจองผ่านแอปพลิเคชั่นโมบายแบงกิ้ง ไม่สามารถใช้งานได้ช่วงแรก อย่างไรก็ตาม ธนาคารต่างก็ยืนยันว่า ระบบจองซื้อหุ้น OR ทำงานได้ปกติ ส่วนสาเหตุที่ระบบจองล่าช้า หรือค้างไป เกิดจากช่วงเช้าประชาชนและนักลงทุนรายใหม่เข้ากรอกข้อมูลจองซื้อพร้อมกันจำนวนมากทำให้ระบบติดขัด ไม่สามารถทำรายการได้ แนะนำให้ออกจากระบบแล้วเข้าใหม่ หรือ สามารถทยอยทำรายการในวันอื่นเพราะมีเวลาจองซื้อหุ้นได้ถึงเวลา 12.00 น. วันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นทุกคน โดยจะไม่มีการปิดจองซื้อก่อนกำหนด อย่างไรก็ตาม ปัญหาระบบจองของธนาคารต่างได้รับการแก้ไขให้กลับมาทำงานได้ปกติในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน

สำหรับเงื่อนการจองซื้อหุ้นโออาร์ มีดังนี้ ราคาเสนอขาย 16-18 บาท โดยผู้จองซื้อต้องชำระเงินค่าจองซื้อเต็มจำนวนที่ราคาหุ้นละ 18 บาท โดยจะได้รับเงินส่วนต่างคืน หากราคาเสนอขายสุดท้ายต่างจากราคาจองซื้อดังกล่าว หรือ กรณีที่ได้รับจัดสรรไม่เต็มจำนวน เป็นต้น กำหนดเวลาสำหรับประชาชนทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. 2564 ถึงวันที่ 2 ก.พ. 2564 เวลา 12.00 น. (เที่ยงวัน) จองซื้อขั้นต่ำจำนวน 300 หุ้น การจัดสรรหุ้นให้แก่ผู้จองซื้อรายย่อยจะใช้วิธี Small Lot First ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด หากไม่ได้รับการจัดสรร คาดว่าจะคืนอย่างช้าที่สุดภายในวันที่ 17 ก.พ. 2564 (กรณีรับเงินเข้าบัญชี) และวันที่ 22 ก.พ. 2564 (กรณีรับเป็นเช็ค)

เตรียมพร้อมจองหุ้นโออาร์ ดีเดย์วันนี้ (24 ม.ค.) ขั้นต่ำ 300 หุ้น ผ่าน 3 แบงก์ กสิกร-กรุงเทพ-กรุงไทย

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ 24 ม.ค. เป็นวันแรกที่จะเปิดให้ผู้สนใจสามารถจองซื้อหุ้น OR (โออาร์) จาก บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหุ้นไอพีโอ (เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก) ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก

โดยจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อหุ้น ได้ตั้งแต่เวลา 09.00 น. วันที่ 24 ม.ค. 64 – 2 ก.พ. 64 และ  ผู้ถือหุ้น PTT เริ่มจองซื้อได้ในเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ม.ค. 64 ในราคา 16.00–18.00 บาทต่อหุ้น 

ในส่วนของประชาชนทั่วไป สามารถจองหุ้นโออาร์ ผ่าน 3 ช่องทางของธนาคาร ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงเทพ  และ ธนาคารกรุงไทย ทั้งออฟไลน์และออนไลน์

จองผ่านธนาคารกสิกรไทย

  • ช่องทางออฟไลน์ ติดต่อที่สำนักงานใหญ่ หรือสาขาของธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา เพื่อจองเวลาเข้ารับบริการ 23 – 29 ม.ค. ที่ลิงก์นี้ https://kasikornbank.com/th/branch-register/Pages/index.aspx และจัดเตรียมเอกสาร ตามนี้
    • สำเนาบัตรประชาชน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง (หรือ สำเนาใบต่างด้าว หรือสำเนาหนังสือเดินทาง รับรองสำเนาถูกต้อง กรณีลูกค้าสัญชาติอื่น)
    • สำเนาหน้าแรกสมุดเงินฝาก พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง กรณีต้องการให้คืนเงินเข้าบัญชีภายหลังการจัดสรร (ถ้าไม่แนบ จะคืนเป็นเช็ค)
    • หากรับหุ้นเข้าบัญชีหุ้นที่เปิดกับบริษัทหลักทรัพย์ ให้เตรียมเลขที่บัญชีพอร์ตหุ้น (ไม่จำกัดว่าต้องเป็น KSecurities เท่านั้น)
    • หากชำระเงินด้วยเช็ค สั่งจ่าย “บัญชีจองซื้อหุ้นสาญเพิ่มทุน OR สำหรับผู้จองซื้อรายย่อย” โดยจ่ายเช็คได้ถึงเที่ยงวันของวันที่ 1 ก.พ. เท่านั้น วันสุดท้าย (2 ก.พ) ไม่รับเช็ค
    • ใบจองซื้อที่กรอก และลงนามครบ 2 จุด หากออกเป็นใบหุ้น ให้ระบุที่อยู่ที่ใช้ในการจัดส่งใบหุ้นให้ชัดเจน
  • ช่องทางออนไลน์  จองซื้อผ่านเว็บไซต์ ได้ที่ https://kasikornbank.com/th/KMyInvest/PTTOR/IPO ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และชำระเงินด้วย Mobile Banking แอปฯ KPLUS ตามขั้นตอนตามภาพด้านล่างนี้

จองผ่านธนาคารกรุงเทพ

  • ช่องทางออฟไลน์  จองวัน เวลา และสถานที่ เพื่อเข้ารับบริการที่สาขาที่เปิดให้บริการได้ ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. -1 ก.พ. 64 โดยเลือกสาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล, สาขาในเขตจังหวัดต่างๆ ในภาคกลาง, ภาคเหนือ, ภาคใต้, ภาคตะวันออก, ภาคตะวันตก หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ต้องการจองวัน เวลา สถานที่ และโปรดระบุข้อมูลผู้เข้ารับบริการ ผ่านเว็บไซต์ของธนาคารกรุงเทพ https://www.bangkokbank.com/th-TH/Personal/Save-And-Invest/Investment/OR-Shares/Branch-Booking  ก่อนเข้าไปจองซื้อหุ้นตามวันเวลาที่จองได้ ระหว่างวันที่ 24 ม.ค. 64-1 ก.พ. 64 (เที่ยง)
    • ลูกค้าสามารถจองคิวได้ล่วงหน้า ก่อนวันและเวลานัดหมาย อย่างน้อย 24 ชั่วโมง 
    • การนัดหมายต่อครั้ง สาขาให้บริการลูกค้า 1 คิวต่อ 1 ราย
    • ลูกค้านัดหมายเพื่อจองคิวที่สาขาได้เฉพาะการจองซื้อหุ้น OR และจะเปิดช่วงเวลาการจองคิวเฉพาะวันที่ 24 ม.ค. 64 – 1 ก.พ.
    • เปิดบริการจองคิวเฉพาะสาขาเต็มรูปแบบเท่านั้น
  • ช่องทางออนไลน์ จองซื้อผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking  ของธนาคารกรุงเทพ ตั้งแต่ 9.00 น. ของวันที่ 24 ม.ค. 64 ถึง 12.00 น. (เที่ยง) ของวันที่ 2 ก.พ. 64 ตามขั้นตอนต่อไปนี้

ผ่านธนาคาร “กรุงไทย” 

  • ช่องทางออฟไลน์  จองซื้อที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ในวันและเวลาทำการ ระหว่างวันที่ 24 มกราคม 2564 ถึงเวลา 12.00 น. (เที่ยงวัน) ของวันที่ 2 ก.พ. 2564
  • ช่องทางออนไลน์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุด ที่ Money Connect by Krungthai ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ของวันที่ 24 ม.ค. 2564 ถึง 12.00 น. (เที่ยงวัน) ของวันที่ 2 ก.พ. 2564 ตามขั้นตอนต่อไปนี้
161129601749

และการจองซื้อผ่านตัวแทนจำหน่าย มากกว่า 1 ราย และ/หรือ มากกว่า 1 ใบจอง จะนำยอดการจองซื้อมารวมกันเป็น 1 สิทธิ์ ก่อนทำการจัดสรร โดยการจองหุ้นโออาร์ครั้งนี้ จะใช้วิธีการจัดสรรแบบ Small Lot First  รอบแรก จัดสรรให้จำนวน 300 หุ้นต่อ 1 คน จนครบจำนวนผู้ที่จองซื้อ  ต่อจากนั้นในรอบต่อๆไป จะจัดสรรให้จำนวนรอบละ 100 หุ้นต่อ 1 คน ไปจนกว่าหุ้นจะหมด