Home Blog Page 349

กลุ่มทรู คว้ารางวัลระดับโลก “นายจ้างดีเด่นประจำประเทศไทย” 3 ปีซ้อน

0

คุณศรินทร์รา วงศ์ศุภลักษณ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านทรัพยากรบุคคล บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า  กลุ่มทรู ได้รับ รางวัลระดับโลก นายจ้างดีเด่นประจำประเทศไทย หรือ Top Employers Thailand 2021 จาก Top Employers Institute ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งกลุ่มทรู ได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในฐานะองค์กรสื่อสารโทรคมนาคมเพียงรายเดียวของไทย เป็นบทพิสูจน์ว่ากลุ่มทรู นอกจากจะให้ความสำคัญในการลงทุนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ใส่ใจอย่างมากกับการบริหารด้านทรัพยากรบุคคลอีกด้วย

เพราะเชื่อว่าคนเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้พร้อมรับมือทุกการเปลี่ยนแปลง สะท้อนความมุ่งมั่นที่จะเป็น “People Organization” องค์กรที่คำนึงถึงพนักงานเป็นอันดับแรก โดยให้ความสำคัญและทุ่มเทกับการพัฒนาบุคลากรอย่างเต็มกำลัง ซึ่งในยุค 4.0 จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเตรียมทรัพยากรบุคคลของทรู ให้พร้อมกับการทรานสฟอร์มสู่องค์กรดิจิทัล ควบคู่กับมีนโยบายและแนวทางการดูแลพนักงานให้ทำงานอย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งการปรับปรุงสถานที่ทำงาน ให้เป็น Co-Working Space ภายใต้ธีม Createch Living Space ที่ปรับรูปแบบออฟฟิศให้ทันสมัย มีความเป็นอิสระ พรั่งพร้อมด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี และบรรยากาศที่เอื้อให้พนักงานสามารถใช้ชีวิตไปพร้อมกับการทำงานที่มีความสุข สนุก เกิดความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรม ส่งเสริมให้พนักงานมีประสบการณ์ในการทำงานที่ดีขึ้น การพัฒนาทักษะแห่งอนาคตให้แก่พนักงาน

อีกทั้งให้ความใส่ใจดูแลพนักงานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ระบาด เช่น การปรับเพิ่มแผนประกันสุขภาพของพนักงาน เปิดสายด่วนให้คำปรึกษา และให้กู้ยืมเงินค่าเล่าเรียนบุตรโดยไม่คิดดอกเบี้ย พนักงานที่มีรายได้น้อยและครอบครัวเดือดร้อน จะได้รับ e-Coupon ใช้ซื้ออาหารในเครือ ตลอดจนสนับสนุนการทำงานที่บ้าน โดยใช้เทคโนโลยีช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น รวมถึงให้แพ็กเกจเสริมฟรีสำหรับใช้โทรและเน็ตไม่อั้น และสำหรับพนักงานหน้าบ้านที่ยังต้องดูแลลูกค้า ก็ให้ความใส่ใจมั่นใจเรื่องความปลอดภัย โดยจัดเตรียมหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ จัดหาอาหารให้รับประทานฟรี เพราะกลุ่มทรูถือว่าพนักงานทุกคนคือครอบครัว

ทั้งนี้ รางวัลนายจ้างดีเด่นประจำประเทศไทย Top Employer Thailand 2021 เป็นผลจากการพิจารณาคัดเลือกอย่างมีหลักเกณฑ์และโปร่งใส โดย Top Employers Institute เนเธอร์แลนด์ ที่เข้ามาตรวจสอบ พิสูจน์ และประเมินอย่างละเอียด ทั้งเรื่องนโยบายและกลยุทธ์ในการบริหารและดูแลบุคลากร กระบวนทัศน์และระเบียบปฏิบัติที่ใช้ การประเมินผลและการพัฒนาพนักงาน ตลอดจนการนำเทคโนโลยีมาใช้ดูแลพนักงาน ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กลุ่มทรู เดินหน้าสู่ความเป็นเลิศในการบริหารทรัพยากรบุคคล เพื่อผลักดันให้องค์กรเติบโตและก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป

กรมชลฯ จับมือหน่วยงานท้องถิ่น บริหารจัดการน้ำเจ้าพระยาช่วงแล้ง

0

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน (ชป.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และขนาดกลางทั่วประเทศ มีรวมกันประมาณ 44,547 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 59 ของความจุอ่างฯรวมกัน  เป็นน้ำใช้การได้ 20,616 ล้าน ลบ.ม. ผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งทั้งประเทศ  มีการใช้น้ำไปแล้ว 7,658 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 45 ของแผนฯ  เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 11,075 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 45 ของความจุอ่างฯ เป็นปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 4,378 ล้าน ลบ.ม. มีการใช้น้ำไปแล้ว 2,200 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 55 ของแผน เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนมีจำนวนจำกัด จำเป็นต้องจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้น ตามลำดับความสำคัญโดยเน้นน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศตลอดจนรักษาเสถียรภาพของคันคลอง และสำรองน้ำไว้สำหรับช่วงต้นฤดูฝนหน้า

ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฤดูแล้งปีนี้ มีปริมาณน้ำต้นทุนค่อนข้างน้อย ชป.ได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานทุกแห่ง ปฏิบัติตามมาตรการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งอย่างเคร่งครัด พร้อมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อร่วมกันบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ อาทิ การกำหนดให้ประตูระบายน้ำและอาคารเชื่อมต่อที่รับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา เปิดรับน้ำเฉพาะเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นครั้งคราว และขอความร่วมมือสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าเพื่อการเกษตรไม่สูบน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูก ส่วนสถานีสูบน้ำของการประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนท้องถิ่น สามารถทำการสูบน้ำได้ตามแผนการสูบน้ำที่ได้แจ้งไว้กับกรมชลประทาน พร้อมขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและควบคุมไม่ให้มีการปล่อยน้ำเสียลงในแม่น้ำ คู คลอง และแหล่งน้ำต่างๆ เนื่องจากจะทำให้ต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้น เพื่อเจือจางน้ำที่เน่าเสีย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำที่ต้องสำรองไว้ให้เพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศตลอดฤดูแล้งนี้ รวมทั้งให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำให้แก่เกษตรกรและประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง

กรมชลประทาน จะบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดด้วยความเป็นธรรมและทั่วถึง เพื่อให้ทุกพื้นที่มีน้ำเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคตลอดในช่วงฤดูแล้งนี้ หากประชาชนหรือหน่วยใดต้องการความช่วยเหลือ สามารถร้องขอไปยังโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.1460 สายด่วนกรมชลประทานได้ตลอดเวลา

กรมชลฯ จัดงบ 5.6 พันล้านบาท เตรียมจ้าง 9.4 หมื่นคน สร้างงานในพื้นที่

0

นายทวีศักดิ์  ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และแรงงานที่ถูกเลิกจ้างจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 กรมชลประทาน ได้จัดสรรงบประมาณปี 2564 วงเงิน 5,662 ล้านบาท สำหรับจ้างงานเกษตรกรจำนวน 94,000 คน ได้รับค่าจ้างเฉลี่ยคนละ13,294 บาท ทำงานซ่อมแซม บำรุงรักษา ขุดลอก ปรับปรุง งานชลประทาน โครงการส่งเสริมการดำเนินงานอันเนื่องจากพระราชดำริ งานก่อสร้างแหล่งน้ำ และระบบน้ำเพื่อชุมชน แก้มลิง และการจัดการคุณภาพน้ำ               

ล่าสุดไตรมาส 1 ปี 2564 มีการจ้างงานไปแล้ว 8,237 คน ประมาณ 8.76% ของเป้าหมายที่วางไว้ วงเงินที่จ้างงานประมาณ 109.49 ล้านบาท หรือประมาณ 1.93% ของงบประมาณที่ตั้งไว้ สำหรับหลักเกณฑ์การจ้างงานจะให้กับ 4 กลุ่ม คือ

  • เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร หรือเกษตรกรในพื้นที่
  • สมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำของกรมชลประทานในพื้นที่
  • ประชาชนผู้ใช้แรงงานทั่วไปในพื้นที่
  • หากแรงงานในพื้นที่ไม่พอ ให้พิจารณาจ้างเกษตรกรแรงงานในพื้นที่ใกล้เคียง จากหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัดและลุ่มน้ำตามลำดับ

“กรมชลประทาน จะจัดสรรงบประมาณ เพื่อจ้างงานในช่วงฤดูแล้ง ในช่วงที่เกษตรกรไม่สามารถเพาะปลูกได้  ส่วนการระบาดของโควิด-19 อาจส่งผลให้มีคนตกงานจำนวนมาก มีแรงงานเกษตรกรที่เข้าไปรับจ้างในกรุงเทพฯ  หรือเมืองอุตสาหกรรม ที่มีการหยุดงาน หรือโรงงานปิดกิจการ ร้านอาหารไม่สามารถเปิดได้ตามปกติ ทางกรมชลประทานก็จะประกาศเชิญชวน ให้เข้ามาร่วมทำงานด้วยกัน หากคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ ก็พร้อมรับเข้าทำงาน” นายทวีศักดิ์ กล่าว

นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับโครงการการจ้างงาน เพื่อจ้างเกษตรกรประจำปี 2563 ภายใต้งบประมาณ  4,498 ล้านบาท จ้างแรงงานวงเงิน 2,713 ล้านบาท หรือ 60% ของงบประมาณที่ตั้งไว้ แต่จ้างเกษตรกรทำงานได้ประมาณ 91,159 คน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือประมาณ 103% ของเป้าหมายที่วางไว้ที่จำนวน 88,838 คน แบ่งเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีวงเงิน 4,248 ล้านบาท เป้าหมายจ้างเกษตรกรทำงานได้ 81,538 คน และงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2563 วงเงิน 250 ล้านบาทเป้าหมายจ้างเกษตรกรทำงานได้ 7,300 คน

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2563 เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการรับจ้างทำงานกับกรมชลประทาน เฉลี่ยมีรายได้ประมาณคนละ 29,770 บาท สำนักชลประทานที่มีการจ้างงาน มากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ สำนักชลประทานที่ 7  จ้างงานจำนวน 14,761 คน  สำนักชลประทานที่ 5 จ้างงานจำนวน 9,161 คน  และสำนักชลประทานที่ 8 จ้างงาน จำนวน 8,148 คน โดยหลักเกณฑ์การจ้างงานยังยึดเกณฑ์เดิมเหมือนทุกปี คือจ้างเกษตรกรในพื้นที่ หากไม่มีเกษตรกรร่วมโครงการ ก็ให้พิจารณาจ้างเกษตรกรแรงานในพื้นที่ใกล้เคียง จากหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัดและลุ่มน้ำ ตามลำดับ

สำหรับ จังหวัดที่มีการจ้างแรงงาน เพื่อ ซ่อมแซม บำรุงรักษา ขุดลอก ปรับปรุง งานชลประทาน ขุดลอกคูคลอง มากที่สุด 3 อันดับได้แก่ จังหวัดอุบลราธานี จ้างแรงงานจำนวน 5,781 คน จังหวัดเชียงใหม่จ้างแรงงานจำนวน 5,377 คน และจังหวัดสกลนคร จ้างแรงงาน 3,938 คน ตามลำดับ

ทิพยประกันภัย จับมือ gojek คุ้มครองทุกการส่งพัสดุ

0

ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิพยประกันภัย เปิดเผยว่า บริษัท ร่วมกับแอปพลิเคชัน Gojek (โกเจ็ก) แพลตฟอร์มด้านกานขนส่งชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดตัวโครงการความร่วมมือ “มั่นใจทุกการส่งกับ GoSend โดยทิพยประกันภัย” มอบประกันภัยคุ้มครองทุกการส่งพัสดุผ่านบริการ GoSend ฟรี ด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุด 2,000 บาท

ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิพยประกันภัย

โครงการความร่วมมือนี้ จะมอบความคุ้มครองพัสดุทุกชิ้นที่นำส่งผ่านบริการ GoSend ด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุด 2,000 บาท หากเกิดความเสียหายในระหว่างการจัดส่ง ก็สามารถแจ้งเคลมผ่านระบบออนไลน์ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เพียงเข้าไปที่ศูนย์ช่วยเหลือ (Help Center) ในแอปพลิเคชัน Gojek เพื่อนำส่งคำร้อง เมื่อได้รับอนุมัติค่าชดเชยก็จะถูกโอนเข้าบัญชีโดยตรง ซึ่งผู้ใช้บริการจะได้รับการแจ้งอัพเดตสถานะการเคลมผ่านทาง SMS กระบวนการดังกล่าวจะใช้เวลาเพียง 1-3 วัน โดยผู้ใช้บริการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใด นอกจากนี้ ทิพยประกันภัยก็ยังมีโครงการความร่วมมือกับ Gojek ในการขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างครบวงจรอีกด้วย

นางสาวเมธิณี โรจนปัญญากุล ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์พาร์ทเนอร์ชิพ Gojek ประเทศไทย กล่าวว่า บริการ GoSend ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใช้บริการออนไลน์กันมากขึ้นในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากการบริการจัดส่งที่รวดเร็วและไว้วางใจได้แล้ว การร่วมมือกับทิพยประกันภัยครั้งนี้ ยังตอกย้ำเรื่องความปลอดภัยที่ Gojek ให้ความสำคัญมาโดยตลอดในการนำเสนอประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับผู้ใช้งานของเรา ซึ่งเราพร้อมทำงานร่วมกับทิพยประกันภัยอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อนำเสนอสิทธิประโยชน์อื่นๆ ให้กับผู้ใช้บริการได้มากที่สุด

ชป. ชี้แจงการก่อสร้างถังพักน้ำในเขตวัดหูรอ จ.ชุมพร

0

กรมชลประทาน ชี้แจงกรณีที่มีการร้องเรียนว่า มีการก่อสร้างถังพักน้ำในเขตวัดหูรอ โดยไม่ได้รับอนุญาต งบกว่า 33 ล้านบาท ใช้ประโยชน์ไม่ได้ และติดป้ายการส่งมอบโครงการสถานีสูบน้ำหลอกลวงชาวบ้าน ทั้งที่ยังไม่ได้ถ่ายโอนภารกิจให้กับเทศบาลตำบลนาชะอัง

นายชิดชนก สมประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 14 กล่าวถึงกรณีนี้ว่า กรมชลประทานได้รับการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบท่อส่งน้ำคลองหัววัง-พนังตัก ช่วยเหลือประชาชนในเขตตำบลนาชะอัง อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งเป็นประจำ โดยเมื่อปี 2554 พระมหาชัยศิลป์ รักษาการเจ้าอาวาสวัดหูรอในขณะนั้น ได้ลงนามในหนังสืออุทิศที่ดินบริเวณที่ใช้ก่อสร้างแนวท่อส่งน้ำ และถังพักน้ำ มอบให้เป็นสาธารณประโยชน์ และได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2556 แต่เจ้าอาวาสวัดหูรอปัจจุบันได้คัดค้านการก่อสร้าง โดยขอให้กลุ่มผู้ใช้น้ำเป็นผู้ทำเรื่องขอเช่าที่ดินของวัดเอง ประกอบกับกรมชลประทานได้ขออนุญาตเจ้าอาวาสวัดหูรอ เพื่อดำเนินการก่อสร้างถังพักน้ำจนแล้วเสร็จในปี 2557 แต่กลับพบว่ากลุ่มผู้ใช้น้ำยังไม่ได้ดำเนินการขอเช่าที่ดินของวัด ทำให้ในปี 2559 วัดหูรอได้ดำเนินการฟ้องกรมชลประทาน ในข้อหาละเมิด บุกรุก ขุดดิน ก่อสร้างถังพักน้ำและวางท่อส่งน้ำในที่ดินวัดหูรอ ทำให้วัดเสียหาย ซึ่งศาลจังหวัดชุมพรได้มีคำพิพากษาตัดสินคดี เมื่อวันที่ 29 มี.ค.61 ว่ากรมชลประทานไม่ได้มีเจตนาในการละเมิดบุกรุกที่ดินวัด แต่หนังสืออุทิศที่ดินฉบับดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 จึงสั่งให้กรมชลประทานรื้อย้ายถังพักน้ำ และระบบท่อส่งน้ำบางส่วนออกจากวัด พร้อมถมดินกลบกลับคืนสู่สภาพเดิม

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 63 ที่ผ่านมา กรมชลประทานได้นัดเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางวัดหูรอที่สำนักงานบังคับคดีจังหวัดชุมพร โดยทางวัดหูรอได้ยื่นข้อเสนอไกล่เกลี่ย 3 ข้อ คือ 1) ให้จำเลยนำดินของวัดที่อยู่ในระหว่างดำเนินโครงการ กลับมาคืนให้กับวัด 2) ขอให้โครงการ ดำเนินการให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง 3) ให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้พิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและคำพิพากษาศาลในคดีนี้ โดยไม่กระทบกับวัดหูรอ ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันได้พร้อมกับได้ลงบันทึกลายมือชื่อเป็นหลักฐานร่วมกัน คดีจึงเป็นอันตกลงกันได้ โดยวัดหูรอตกลงงดการบังคับคดีไว้ชั่วคราวเป็นเวลา 1 ปี หากกรมชลประทานดำเนินการแล้วเสร็จทั้ง 3 ข้อ กรมชลประทานจะเป็นผู้แถลงขอถอนการบังคับคดีต่อไป

ส่วนกรณีที่มีการติดป้ายชื่อโครงการที่ปรากฏข้อความว่า “ได้ถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลนาชะอัง ไปบริหารจัดการเพื่อให้ราษฎรได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน” นั้น เป็นรูปแบบข้อความที่กำหนดไว้สำหรับการส่งมอบภารกิจให้กับหน่วยงานท้องถิ่นรับไปดูแล พร้อมระบุวันที่ที่หน่วยงานท้องถิ่นได้รับมอบแล้ว จึงจะถือว่าการส่งมอบ-รับมอบงานเสร็จสมบูรณ์ แต่กรณีนี้ยังไม่มีการระบุวันที่รับมอบ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ากรมชลประทานไม่ได้มีเจตนาติดป้ายโครงการฯ เพื่อหลอกลวงประชาชนแต่อย่างใด หากเทศบาลตำบลนาชะอังตกลงและกำหนดวันที่รับมอบแล้ว ทางโครงการชลประทานชุมพรจะดำเนินการเพิ่มเติมข้อความ “วันที่รับมอบ” ให้เป็นไปอย่างถูกต้องและถือว่าเสร็จสมบูรณ์ทั้งนี้ โครงการชลประทานชุมพรได้พยายามติดตามการรับมอบโครงการดังกล่าวมาโดยตลอด แต่ทางเทศบาลตำบลนาชะอัง ให้เหตุผลว่าขอให้คดีความที่มีกับวัดหูรอนั้นยุติลงเสียก่อน จึงจะดำเนินการรับมอบได้

ที่ผ่านมา ชป. มีการทดสอบระบบส่งน้ำของโครงการนี้มาตลอด โดยเชิญผู้นำชุมชน, สมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำฯ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการทดสอบระบบส่งน้ำทุกครั้ง เพื่อยืนยันว่าระบบส่งน้ำสามารถใช้งานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง

ชป.เดินหน้าโครงการก่อสร้างระบบส่งน้ำ ฝายห้วยแม่วินตอนบน จ.เชียงใหม่

0

ผูู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้​ (28 ม.ค.) นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ และคณะลงพื้นที่ไปติดตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน นายสุดชาย พรหมมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 นายจรินทร์ คงศรีเจริญ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการต่างๆ ในพื้นที่

องคมนตรี และคณะได้ลงพื้นที่ไปยังโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรบ้านขุนวินอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อมอบถุงพระราชทานแก่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมทั้งมอบเสื้อกันหนาวให้แก่เยาวชนในเขตพื้นที่โครงการฯ

นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ได้รายงานสรุปผลการดำเนินโครงการก่อสร้างระบบส่งน้ำ ฝายห้วยแม่วินตอนบน (เพิ่มเติม) เพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรบ้านขุนวินอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซี่งปัจจุบันได้ดำเนินการเสร็จแล้ว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำและการส่งน้ำไปสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ เพื่อให้ราษฎรบ้านขุนวิน มีผลผลิตและรายได้ต่อปีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามไปด้วย

สำหรับบ้านขุนวินเป็นหมู่บ้านดั้งเดิมขนาดเล็ก มีชาวไทยภูเขาเผ่ากระเหรี่ยงมาตั้งบ้านเรือนอยู่รวมกันไม่มาก ทางการปกครองถือว่า บ้านขุนวินเป็นบ้านบริวารของบ้านหนองมณฑา หมู่ที่ 16 ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในเขตการปกครองขององค์การบริหารส่วนตำบลแม่วิน ราษฎรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 5 กิโลเมตร มีวัดเก่าแก่อายุหลายร้อยปี คือ วัดหลวงขุนวิน เป็นศูนย์รวมจิตใจของราษฎรในหมู่บ้านขุนวิน และชุมชนใกล้เคียง แม้ว่าในพื้นที่ดังกล่าวจะมีการพัฒนาแหล่งน้ำที่เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค และเกษตรกรรม แต่ในช่วงฤดูแล้งบางปีปริมาณน้ำในลำห้วยธรรมชาติจะมีน้อย การเพิ่มประสิทธิภาพเก็บกักน้ำและระบบส่งน้ำที่ดีขึ้น จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับราษฎรในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

AIS เปิดภารกิจแห่งชาติ ‘JUMP THAILAND 2021’

0

นายอราคิน รักษ์จิตตาโภค หัวหน้าฝ่ายขับเคลื่อนนวัตกรรม เอไอเอส​ เปิดเผยว่า​ AIS NEXT หน่วยงานขับเคลื่อนนวัตกรรมของเอไอเอส เดินหน้าโครงการ “JUMP THAILAND 2021” ชวนคนไทยกระโดดเข้าแก้ไขปัญหาและวิกฤตรอบตัวด้วยนวัตกรรม เพื่อสร้างบิ๊กอิมแพคต่อสังคมและโลกอย่างยั่งยืน ผ่านกระบวนการเฟ้นหาสุดยอดไอเดียแบบสตาร์ทอัพ พร้อมกิจกรรมOnline Hackathon ครั้งแรกที่เปิดโอกาสให้คนไทยทุกคนได้มีส่วนร่วมระดมไอเดียกู้โลก ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 1 ล้านบาท โดยโครงการที่ผ่านการคัดเลือกจะมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับAIS NEXT และพาร์ทเนอร์ พร้อมงบประมาณสนับสนุนสูงสุดถึง 100 ล้านบาท

ท่ามกลางกระแส Digital Disruption และสภาวการณ์ของโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วทำให้ทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาและความเสี่ยงต่างๆ มากมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งปัญหาสภาวะโลกร้อน การขาดแคลนทรัพยากร การเปลี่ยนแปลงอำนาจทางเศรษฐกิจ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ได้สร้างแรงกระตุ้นให้มนุษย์เร่งนำเทคโนโลยีที่มีอยู่มาแก้ปัญหาแทบทุกรูปแบบ ให้ตอบโจทย์วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปในยุคนิวนอร์มััล ตัวอย่างของปัญหาระดับ Global ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างมาถึงชีวิตของเราทุกคนในวันนี้ และต้องการพลังในการร่วมกันแก้ไขอย่างเร่งด่วน เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม ฝุ่น​ pm 2.5 , ปัญหาสุขภาพและบริการด้านสาธารณสุข การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19,​ปัญหาความเท่าเทียม, การว่างงาน, ปัญหายาเสพติด​ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายเทรนด์ที่ท้าทาย​ เกิดขึ้นท่ามกลางบริบทจากการมาถึงของดิจิทัล (Digital Disruption) ซึ่ง AIS NEXT ได้คัดสรรเทรนด์สำคัญที่จะส่งผลกระทบทั้งในระดับบุคคล, องค์กร และประเทศ มาไว้ เพื่อย้ำเตือนให้เห็นถึงความท้าทายและการเตรียมความพร้อมรับมือพร้อมเปลี่ยนความท้าทายมาเป็นโอกาสสำหรับการก้าวกระโดดไปข้างหน้า ประกอบด้วย

1.   Digital Identity Foundation Initiative: ภาพรวมของความเป็นตัวตนของตัวบุคคลในแพลตฟอร์มต่างๆ ความเป็นเจ้าของของตัวตน และความง่ายในการอนุญาติ รวมทั้งการควบคุมความเป็นตัวตนในยุคดิจิทัล ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานราชการไทย

2.   Digital Archive & Intelligence Initiative: การเก็บข้อมูลด้วยเซนเซอร์และอุปกรณ์ไอโอที การนำเอาข้อมูลไปเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อการสร้างข้อมูลเชิงลึก รวมถึงรากฐานของการจัดเก็บกระบวนการในกลุ่มเมฆเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในสากล

3.   Phygital Exchange Market Initiative: การรวมกันของสิ่งของในโลกความเป็นจริงและโลกเสมือน การสร้างและควบคุมตลาดซื้อขายระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์จริง และการสร้างการระบบการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัล ระหว่างสินทรัพย์ในโลกจริงและโลกเสมือนที่เป็นรากฐานให้กับประเทศไทย

4.   Future Workforce Platform Initiative: ภาพรวมของความสามารถและสกิลของกลุ่มคนในสังคมต่างๆจากภาวะสังคมผู้สูงอายุ การแยกกันทางวิชาความรู้ระหว่างกลุ่มดิจิทัลโดยกำเนิด (Digital Natives) และกลุ่มผู้อพยพทางดิจิทัล (Digital Immigrants) เทรนด์ของการเรียนรู้แบบทีละเล็กละน้อย (Micro-Learning) หลักการเรียน และการอัพเดทความรู้ในยุคดิจิทัล รวมทั้งโครงสร้างของสังคมการทำงานแบบฟรีแลนซ์ของไทย

5.   Digital Police Initiative: การบังคับใช้กฎหมายในโลกดิจิทัลในประเทศไทย รวมถึงการใช้กฎหมายดิจิทัลกับโลกของอุปกรณ์ไอโอทีในยุค 5G ความปลอดภัยและอาชญากรรมไซเบอร์ที่ควรระวัง

เอไอเอส ขออาสาเป็นแกนกลางในการเปิดรับฟังมุมมองปัญหาจากทุกคน และชวนคนไทยทั้งชาติ ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นิสิต นักศึกษา คณาจารย์ นักวิจัย นวัตกร ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขา มาร่วมระดมสรรพกำลัง ระดมความคิด สร้างสรรค์โซลูชันในการแก้ไขปัญหาสำคัญ ด้วยกระบวนการแบบสตาร์ตอัพ ที่มุ่งหาโซลูชั่นส์ในการแก้ Pain point พร้อมจัด Online Hackathon ครั้งแรกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในโครงการ JUMP THAILAND by AIS NEXT  เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน โดยมีรายละเอียดโครงการดังนี้

1Problem Submission: ส่งโจทย์ปัญหาเพื่อโหวตหัวข้อที่ต้องการเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 14 ก.พ. 2564 ที่เฟซุบ๊กเพจ: JumpThailand และเว็บไซต์ jumpthailand.earth

2.Team Registration: รับสมัครทีม ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.- 15 มี.ค.2564 ผ่านทางเฟซบุ๊กเพจJumpThailand และเว็บไซต์jumpthailand.earth และประกาศรายชื่อทีมที่ได้เข้าแข่งในวันที่ 27 มี.ค. 2564

3Online Hackathon: ช่วงการแข่งขันHackathon ประมาณต้นเดือนพฤษภาคม

4Incubation: ภายหลังจากโครงการจะมีการรับโครงการที่ผ่านเกณฑ์ เพื่อนำมาบ่มเพาะนวัตกรรมกับ AIS NEXT

โดยทีมที่เข้าร่วม JUMP THAILAND Online Hackathon ครั้งนี้ นอกจาก จะมีโอกาสเข้าถึงกระบวนการทำงานและเทคโนโลยีของเอไอเอส อาทิ 5G, AI, Blockchain, Cloud, XR, Big Data รวมถึงได้ใช้พื้นที่ AIS PLAYGROUND ในการทดลองทดสอบนวัตกรรมต้นแบบบนเครือข่ายและสภาพแวดล้อมจริงแล้ว ทีมผู้ชนะยังมีโอกาสได้รับเงินรางวัลสูงสุดรวมกว่า 1 ล้านบาทนอกจากนี้โครงการดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะสามารถพัฒนาต่อยอด ขยาย Scale ได้  ก็จะได้โอกาสในการเข้าร่วมการบ่มเพาะนวัตกรรมร่วมกับทีม AIS NEXT เพื่อทดลองทดสอบโซลูชันในตลาดจริง ด้วยงบประมาณสนับสนุนที่มากที่สุดถึง 100 ล้านบาทอีกด้วย

ผู้สนใจโครงการ JUMP THAILANDสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม และร่วมส่งหัวข้อปัญหาที่คิดว่าควรเร่งแก้ไขที่สุดได้ตั้งแต่วันนี้  ถึง 14 .2564 ที่เฟซบุ๊กเพจJumpThailand และเว็บไซต์jumpthailand.earth

เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง ทุ่ม 200 ล้านบาทลงทุนเพิ่มใน gettgo

0

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด     เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการได้มีมติลงทุนเพิ่ม 200 ล้านบาท ในบริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด   บริษัทในเครือ ซึ่งให้บริการธุรกิจนายหน้าประกันภัยภายใต้ชื่อ “gettgo” เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดประกันออนไลน์ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายธนัท จักรวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด  ผู้ให้บริการ “gettgo” เว็บไซต์เปรียบเทียบประกันออนไลน์ กล่าวว่า จุดประสงค์หลักจากการได้รับเงินลงทุนเพิ่มครั้งนี้ เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์มให้ได้รับความนิยมมากขึ้น ทั้งนี้ไม่ใช่แค่การเป็นแพลตฟอร์มการซื้อประกันเท่านั้น แต่รวมไปถึง การพัฒนาระบบการขายประกันและช่องทางการเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินอีกด้วยโดยตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปี จะแตะเป้าหมายเบี้ยประกันภัยที่ 1,000 ล้านบาท

ผลงานปี 63 gettgo เปิดตัวแพลตฟอร์มเปรียบเทียบประกันสุขภาพและประกันชีวิตออนไลน์แบบตามใจสั่งที่ตอบโจทย์ทุกความง่ายในยุคที่อะไร ๆ ก็ต้องมีการ “personalized” หรือมีการเสนอสินค้าแบบเจาะใจและตรงใจผู้บริโภค นับเป็นแพลตฟอร์มประกันสุขภาพออนไลน์ที่เข้ามาพลิกโฉมวงการสุขภาพให้สามารถเปรียบเทียบประกันสุขภาพได้ตามวัตถุประสงค์ของตัวเอง หากใครสนใจสามารถเข้าใช้งานได้แล้ววันนี้อย่างเต็มรูปแบบที่ http://gettgo.com/health-insurance

สำหรับแผนในอนาคตอีก 3 ปีข้างหน้าเพื่อบรรลุเป้ายอดเบี้ยประกันภัยที่ 1,000 ล้านบาท ได้แก่

  1. ปรับเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่และจำนวนพาร์ทเนอร์บริษัทประกันภัยบนแพลตฟอร์มประกันสุขภาพและประกันชีวิต เพื่อก้าวสู่แพลตฟอร์มที่มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมที่สุดในตลาด     โดยปัจจุบัน gettgo มีพาร์ทเนอร์อยู่ 7 บริษัท ได้แก่ เมืองไทยประกันชีวิต เมืองไทยประกันภัย          เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ซิกน่าประกันภัย ฟอลคอนประกันภัย แมนูไลฟ์ ประกันชีวิต เอ็ทน่า และในปี 2564 นี้ gettgo ตั้งเป้าหมายที่จะหาคู่ค้าที่เป็นบริษัทประกันชีวิตและประกันสุขภาพชั้นนำเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์อีกด้วย
  • นำร่องพัฒนาแพลตฟอร์มประกันสุขภาพและประกันชีวิตให้มีความฉลาดมากขึ้น โดยใช้ Aggregator Data ในการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับลูกค้าที่มีความต้องการและมีโปรไฟล์ที่แตกต่างกันได้   อีกทั้ง gettgo ยังมุ่งเป้าเป็นแพลตฟอร์มแห่งแรกที่มีข้อมูลความสนใจของลูกค้าทั้งตลาดที่มาช่วยให้ระบบค้นหาประกันสุขภาพฉลาดมากยิ่งขึ้นและสร้างประสบการณ์ในการค้นหาประกันแบบใหม่ที่ทั้งง่าย เร็ว และดีที่สุด อีกด้วย
  • gettgo เตรียมเปิดตัวอีกหนึ่งแพลตฟอร์มขายประกันออนไลน์สำหรับนายหน้าประกันวินาศภัย       เพื่อเข้ามาเป็นทั้งเครื่องมือและกำลังเสริมสำคัญที่คอยให้ความช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างนายหน้าทุกคนในการเปลี่ยนผ่านการขายประกันวินาศภัยจากยุคออฟไลน์สู่โลกออนไลน์ และยังช่วยสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงขึ้นต่อไป

เจียไต๋ ชวนคนปลูกผัก ด้วยชุดปลูกผักอยู่บ้านปลอดภัย

0

รายงานข่าวจาก บริษัท เจียไต๋ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้นำ“ชุดปลูกผักอยู่บ้านปลอดภัย Farm From Home” จากเจียไต๋ โฮมการ์เด้น กลับมาอีกครั้ง เพื่อเอาใจผู้ที่รักการปลูกผักและผู้ที่กำลังมองหากิจกรรมระหว่างการอยู่บ้านในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อให้การอยู่บ้านและการเว้นระยะห่างในช่วงนี้ ปลอดภัย ผ่อนคลาย และอิ่มท้องไปพร้อมกัน

ด้วยการลองเปลี่ยนพื้นที่บ้านให้เป็นแปลงผักสวนครัวย่อมๆ ด้วยกิจกรรมปลูกผักที่นอกจากช่วยคลายเครียดแล้ว ยังได้ผักที่สดและสะอาดไว้รับประทาน พร้อมลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยชุดปลูกผักอยู่บ้านปลอดภัย Farm From Home จากเจียไต๋ โฮมการ์เด้น ประกอบด้วยเมล็ดพันธุ์คุณภาพที่ปลูกง่าย ปุ๋ย และวัสดุปลูก ซึ่งมี 4 ชุดให้เลือกสรร ได้แก่

ชุดไซส์ S รวมเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัวสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเมนูแบบไทยๆ เช่น เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนเรียวไผ่ ถั่วฝักยาวพันธุ์เนื้อ พริกขี้หนู มะเขือยาว ผักกาดขาวปลีพันธุ์เบา คะน้ายอด และกวางตุ้งฮ่องเต้

ชุดไซส์ M ผสมผสานเมล็ดพันธุ์พืชผักแบบไทยๆ อย่างพริกขี้หนูและคะน้ายอด พร้อมกับผักสลัดแบบฟิวชั่น เช่น ผักกาดหอม กรีนโอ๊ค ผักกาดหอม เรดโอ๊ค และผักกาดหอม สลัดมิกซ์ ที่มาพร้อมปุ๋ย Easy ตรากระต่ายแบบกระป๋อง ใช้งานง่าย เก็บสะดวก ไม่หกเลอะเทอะ

ชุดไซส์ L รวมมิตรเมล็ดพันธุ์ผักสลัดสำหรับสายคลีน เช่น ผักกาดหอม กรีนโอ๊ค ผักกาดหอม เรดโอ๊ค และผักกาดหอม สลัดมิกซ์ พร้อมด้วยถาดเพาะรักษ์โลก และวัสดุปลูกพีทมอส

ชุดพิเศษ เซต A จัดใหญ่จัดเต็ม ครบเครื่องเรื่องการปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนเรียวไผ่ คะน้ายอด กวางตุ้งฮ่องเต้ เมล็ดพันธุ์ไควาเระ ชุดสนุกปลูกกะเพรา ถาดเพาะรักษ์โลก และวัสดุปลูกพีทมอส

ชุดปลูกผัก Farm From Home สามารถปลูกได้ง่าย เพียงพลิกอ่านวิธีปลูกได้ที่ด้านหลังซองเมล็ดพันธุ์เจียไต๋ โฮมการ์เด้น ทั้งยังปลูกได้อย่างสะดวกสบายแม้ในพื้นที่จำกัดอย่างมุมเล็กๆ ของบ้าน อะพาร์ตเมนต์ หรือคอนโดมิเนียม ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อ (พรีออเดอร์ 7-14 วัน) ได้ทาง www.ct-homegarden.com / Line : @homegarden / Facebook : Chia Tai Home Garden www.facebook.com/cthomegarden เพื่อให้การอยู่บ้าน ปลอดภัย ปลอดเชื้อ และยังเข้าถึงแหล่งอาหารพืชผักที่สดสะอาดที่ปลูกได้ด้วยตัวเอง สร้างความมั่นคงทางอาหารได้ในช่วงวิกฤตนี้

เอไอเอส จัดเต็มสิทธิพิเศษ ตอบโจทย์ลูกค้าอยู่บ้านช่วงโควิด

0

นางบุษยา สถิรพิพัฒน์กุล ผู้บริหารหน่วยงานธุรกิจดูแลลูกค้าและสิทธิประโยชน์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ  เอไอเอส กล่าวว่า ช่วงสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นนี้  เอไอเอสไม่หยุดเติมความสุขในการมอบสิทธิพิเศษผ่านช่องทางออนไลน์ที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ทั้ง กินดื่ม, ฟู้ดเดลิเวอรี, ช้อปปิ้ง, สุขภาพ และการแพทย์ ที่ให้ลูกค้าสามารถรับสิทธิพิเศษได้ง่ายๆ ผ่านแอป myAIS เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอาจจะต้อง Work & Learn From Home หรือ เลือกที่จะอยู่บ้านเพื่อความปลอดภัย และเติมเต็มความสุข สร้างความอุ่นใจให้ลูกค้าทุกเจเนอเรชันสามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพได้อย่างคุ้มค่ายิ่งขึ้น และก้าวข้ามสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่ต้องการให้แอป myAIS ก้าวสู่การเป็น Everyday Application อันดับหนึ่ง

บุษยา สถิรพิพัฒน์กุล ผู้บริหารหน่วยงานธุรกิจดูแลลูกค้าและสิทธิประโยชน์  เอไอเอส

ลูกค้าเอไอเอส และเซเรเนด สามารถรับสิทธิพิเศษได้ง่ายและรวดเร็วผ่านแอป myAIS ดังนี้

·      ฟู้ดเดลิเวอรี: ส่วนลดค่าอาหารสูงสุด 50 บาท เมื่อสั่งเมนูจานโปรดผ่าน Food delivery 4 เจ้าดัง ได้แก่ foodpanda, LINE MAN, GrabFood และ Robinhood ที่พร้อมส่งตรงถึงหน้าบ้าน ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการกว่า 77 จังหวัดทั่วไทย รับสิทธิ์ง่ายๆ เพียงลูกค้าเอไอเอส ใช้ AIS Points 50 คะแนน แลกส่วนลดค่าอาหาร 40 บาท และพิเศษสำหรับลูกค้าเซเรเนด ใช้ AIS Points 50 คะแนน แลกส่วนลดค่าอาหาร 50 บาท รับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 28 ก.พ. 2564

·      ร้านอาหาร: ส่วนลดสูงสุดถึง 50% ที่จัดเต็มมาทั้งเมนูคาวหวานแสนอร่อย เมื่อสั่งมานั่งทานที่ร้านหรือห่อกลับบ้าน อาทิ เจฟเฟอร์ สเต็ก, ไทยเทอเรส, ครัวมะลิ, ซีเคร็ท เรซิพี, ชีวิตชีวา และร้านอื่นๆ อีกมากมาย

·      ช้อปปิ้ง

–          Sephora: ลูกค้าเซเรเนดรับส่วนลด12% พร้อมบริการส่งฟรี เมื่อช้อปสินค้าครั้งแรกผ่านเว็บไซต์ Sephora.co.th และแอปพลิเคชัน Sephora รับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 ธ.ค.2564

–          Powerbuy: ลูกค้าเอไอเอสและเอไอเอส ไฟเบอร์ รับส่วนลด 500 บาท เมื่อช้อปสินค้าที่ร่วมรายการ 5,000 บาท ขึ้นไป ต่อใบเสร็จ ที่ www.powerbuy.co.th รับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 28 ก.พ. 2564

–          Big C: ลูกค้าเอไอเอส และเอไอเอส ไฟเบอร์ ที่เป็นลูกค้าใหม่ของ Big C Shopping Online รับส่วนลด 100 บาท เมื่อสั่งซื้อสินค้าที่ www.bigc.co.th ครบ 1,000 บาท ส่วนลูกค้าเอไอเอส และเอไอเอส ไฟเบอร์ ที่เป็นลูกค้าปัจจุบันของ Big C Shopping Online รับส่วนลด 100 บาท เมื่อสั่งซื้อสินค้าที่ www.bigc.co.th ครบ 1,200 บาท รับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 28 ก.พ. 2564

–          Tesco Lotus: ลูกค้าเอไอเอสและเอไอเอส ไฟเบอร์ รับส่วนลด 120 บาท เมื่อซื้อสินค้าที่ Tesco Lotus Online ครบ 1,200 บาท รับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 28 ก.พ. 2564

·      Telemedicine บริการปรึกษาแพทย์ทางไกลผ่านระบบออนไลน์:

–       สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเอไอเอส เซเรเนด รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครั้งแรก ฟรี 15 นาที ผ่านแอป Doctor A to Z และ รพ.สมิติเวช ผ่าน LINE: @samitivej

–       รับส่วนลดสูงสุด 50% เริ่มต้นเพียง 100 บาท สำหรับการใช้บริการผ่านแอป Doctor Raksa และผ่านเว็บไซต์ รพ.บำรุงราษฎร์  www.bumrungrad.com/specialpages/TelemedForm-th

รับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 2564

·      ส่วนลดค่าบริการรักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาลชั้นนำ

–          รพ. พระราม 9 สามารถรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ 1 ม.ค. – 31 ธ.ค. 2564

§  ลูกค้าเอไอเอส เซเรเนด รับส่วนลด 10% สำหรับโปรแกรมตรวจสุขภาพและผลิตภัณฑ์ทุกรายการ และพิเศษสำหรับลูกค้าเอไอเอส เซเรเนด แพลทินัม รับสิทธิ์ซื้อ 1 แถม 1 โปรแกรมเสริมวิตามินเข้าสู่ร่างกาย (Vitamin IV Drip) มูลค่า 5,000 บาท/ 2 ท่าน

§  ลูกค้าเอไอเอส และเอไอเอส ไฟเบอร์ รับส่วนลดค่ายา-ค่า lab 10%, ส่วนลดค่าห้อง 15%, ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ในราคาพิเศษ, โปรแกรม ICE LAB  (ห้องบำบัดด้วยความเย็น -110 องศาเซลเซียส) เพียงราคา 1,500 บาท (จาก 2,500 บาท) และโปรแกรมตรวจสุขภาพ 9 Classic ช/ญ ราคา 3,000 บาท (ปกติ 6,900 บาท)

–          รพ. บำรุงราษฎร์ ลูกค้าเอไอเอส เซเรเนด สามารถรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 มี.ค. 2564

§ รับบริการตรวจ COVID-19 ในราคาพิเศษ

§ รับบริการ @Home Service ศูนย์บริการการรักษาพยาบาลถึงบ้าน ราคาเดียวเพียง 250 บาท/ครั้ง ไม่ว่าจะเป็น บริการเจาะเลือด ฉีดวัคซีน

§ ฟรี! ค่าบริการนอกสถานที่สำหรับการฉีดวัคซีนไข้หวัด 4 สายพันธุ์, อีสุกอีใส, คอตีบ บาดทะยัก เมื่อรวมกลุ่มกัน 5 ท่านขึ้นไป สำหรับพื้นที่และเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

–          รพ. สมิติเวช

§  ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ได้ในราคา 900 บาท จากราคาปกติ 1,450 บาท รับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 เม.ย. 2564

·      Health Care Product: มอบส่วนลดสูงสุดถึง 50% ผลิตภัณฑ์สุขภาพจากสมุนไพรไทยที่ช่วยดูแลสุขภาพเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและอุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรคที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ อาทิ             ฟ้าทะลายโจร โดย RSU Royal Herbal, วิตามินซีจากธรรมชาติ โดย Dii Supplements, หน้ากากอนามัย 3 ชั้น โดย Miss Lily และสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย รับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 2564

·      แลกฟรีประกัน “อุ่นใจพลัส” จากเมืองไทยประกันชีวิต คุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก ระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน นับจากวันเริ่มต้นความคุ้มครอง ด้วยทุนประกันสูงสุด 100,000 บาท ครอบคลุมกรณีเสียชีวิต และทุพพลภาพเนื่องจากอุบัติเหตุ พร้อมทั้งความคุ้มครองการติดเชื้อ COVID-19 วงเงินคุ้มครอง 3,000 บาท เพียงใช้เอไอเอส พอยท์ 10 คะแนน แลกรับสิทธิ์ผ่านแอป myAIS ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ม.ค. 2564 โดยหลังจากแลกรับสิทธิ์และลงทะเบียนแล้ว กรมธรรม์จะเริ่มต้นคุ้มครองหลังเวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป

นางบุษยา กล่าวเพิ่มเติมถึงจำนวนการใช้งานลูกค้าผ่านแอป myAIS ในช่วงจากสถานการณ์ COVID-19 ระบาดในประเทศไทย ว่า “ปัจจุบันพฤติกรรมคนไทยเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุค New Normal อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการทำงานและเรียนอยู่ที่บ้าน, การสั่งซื้ออาหารแบบส่งถึงบ้าน รวมถึงการสั่งซื้อสินค้าและทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ยอดการใช้งานแอป myAIS เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยพบว่า ปัจจุบันมียอดการใช้งานแอปฯ ต่อเดือน สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 60% และมียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นถึง 80% จากปีที่ผ่านมา โดยมีจำนวนลูกค้าที่ลงทะเบียน AIS Points เพิ่มขึ้น 31% และมียอดรวมการใช้พ้อยท์แลกสิทธิพิเศษต่างๆ ตลอดปี 2563 เพิ่มขึ้น 117% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งสิทธิพิเศษ 3 อันดับแรกที่ลูกค้านิยมในการใช้พอยท์แลก ได้แก่ 1. การแลกค่าอินเตอร์เน็ต ค่าโทร 2. การแลกรับฟรีหรือส่วนลดจากพาร์ทเนอร์ต่างๆ และ 3. การแลกสิทธิ์ลุ้นโชคต่างๆ และของพรีเมี่ยม ตามลำดับ รวมทั้งการแลกซื้อ LINE Sticker มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากเนื่องจากสะดวกและสามารถแลกรับได้ทันทีจากโทรศัพท์มือถือ”