Home Blog Page 347

‘อนุทิน’ รับมอบอาหารจาก ซีพีเอฟ ส่งกำลังใจหมอ-พยาบาล “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร”

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 64 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม อบต.ท่าทราย พร้อมรับมอบผลิตภัณฑ์อาหาร 1,700 แพ็ค ในโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” จากนายสุวิทย์ ประภากมล ผู้บริหารอาวุโส ธุรกิจสัตว์น้ำครบวงจร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ณ ศูนย์ห่วงใยคนสาคร​ อบต.ท่าทราย จนถึงวันนี้ ซีพีเอฟ ได้ร่วมสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน แก่โรงพยาบาลสนาม “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร”​ รวมแล้ว 22,000 แพ็ค พร้อมติดตั้งตู้แช่เย็นในโรงพยาบาลและศูนย์ห่วงใยคนสาคร 5 แห่ง และยังได้สนับสนุนอาหารพร้อมทานรวม 61,200 แพ็ค แก่ 15 โรงพยาบาลในพื้นที่ควบคุมสูงสุดอีกด้วย เพื่อเป็นกองหนุนให้ประเทศไทยฝ่าภัยโควิด-19 ไปได้

ซีพีเอฟ ร่วมสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการเฝ้าระวังและควบคุมโควิด-19 ระลอกใหม่ ผ่านโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ตอบรับนโยบายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่ต้องการร่วมสนับสนุนการทำงานของภาครัฐเพื่อนำพาประเทศฝ่าวิกฤตดังกล่าว โดยซีพีเอฟส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารปลอดภัย ในรูปของ อาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน เพื่อเป็นกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ที่กำลังปฏิบัติภารกิจดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในโรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนาม “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร”​

ก่อนหน้านี้ ซีพีเอฟได้นำผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานจำนวน 16,604 แพ็ค มอบผ่านนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อนำไปกระจายให้กับโรงพยาบาลสนามในจังหวัดสมุทรสาคร และเมื่อเร็วๆ นี้ ซีพีเอฟ ได้ส่งมอบอาหารสำเร็จรูปพร้อมทานจำนวน 3,000 แพ็ค และกับข้าวสำเร็จรูป 600 กิโลกรัม ให้แก่นายวัฒนา ตวงมณี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และครั้งนี้มอบอาหารพร้อมทานเพิ่มเติมอีก 1,700 แพ็คให้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในระหว่างที่มาตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาดในจังหวัดสมุทรสาคร

นอกจากนี้ ซีพี เฟรชมาร์ท ได้ติดตั้งตู้แช่เย็นให้กับโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม 5 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลสมุทรสาคร โรงพยาบาลกระทุ่มแบน ศูนย์วัฒนาแฟคตอรี่ สนามกีฬาจังหวัด และวัดโกรกกราก เพื่อช่วยเก็บรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน และเป็นการอำนวยความสะดวกให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ทุ่มเทเสียสละได้บริโภคอาหารคุณภาพสูง สะอาด ปลอดภัยตลอดเวลา

เมืองไทยประกันชีวิต สร้างความสุขและรอยยิ้มให้ลูกค้า ผ่านเมืองไทย Smile Emagazine

0

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับปี 2564 นี้ บริษัทมุ่งมั่นพร้อมผลักดันการสร้างสังคมแห่งความสุขและรอยยิ้ม ภายใต้นโยบาย “MTL Trusted Lifetime Partner” ตอบสนองความต้องการในทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านประกันชีวิตและสุขภาพ ด้วยการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด         ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า

ล่าสุดเพื่อเป็นการส่งมอบความปรารถนาดีต้อนรับปีใหม่ และสะท้อนภาพการเป็นผู้นำในมิติด้านการมอบความสุขและรอยยิ้มที่เป็นรูปธรรม มุ่งมั่นมอบประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าได้อย่างตรงจุด ผ่าน เมืองไทย Smile Emagazine ที่มาในรูปแบบของวารสารดิจิทัลเต็มรูปแบบ อัดแน่นด้วยเนื้อหาสาระและเรื่องราวของความสุขที่เมื่อคุณได้อ่านแล้วจะทำให้ไม่พลาดในทุกประเด็นของความสุขและรอยยิ้ม รวมไปถึงหลากหลายไอเดียและแรงบันดาลใจที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในทุกวัน อาทิ เทรนด์สุขภาพดีแบบง่ายและยั่งยืน เทรนด์การออมเงินและการลงทุนเพื่อความมั่งคั่ง เทรนด์เทคโนโลยีที่จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น เปิดตัวฉบับปฐมฤกษ์ด้วย  “ริกะ อิชิเกะ” สาวไทยคนแรก บนสังเวียนมวยกรง นักมวยหญิงผู้ต่อสู้ด้วยความสุขอย่างเข้มแข็ง ที่จะมาแนะนำวิธีการสร้างความสุขง่ายๆ ด้วยการออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม สิทธิพิเศษ และเกมสนุกๆ ให้ลูกค้าได้เพิ่มรอยยิ้มอีกด้วย โดยลูกค้าของเมืองไทยประกันชีวิต สามารถติดตามอ่านหรือดาวน์โหลด เมืองไทย Smile Emagazine ที่จะมีการอัปเดตเทรนด์และเนื้อหาได้ที่เว็บไซต์ www.muangthai.co.th

“บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีในทุกมิติที่ลูกค้าจะได้รับ และเดินหน้าในการสร้างสรรค์กิจกรรม  บริการ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้ครอบคลุมและเหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบทุกโจทย์ความต้องการลูกค้าอย่างตรงจุดที่สุด” นายสาระ กล่าว

สิงห์อาสา เติมเสบียง 4 โรงพยาบาลสนามจ.สมุทรสาคร สู้โควิด-19

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28-29 ม.ค. 64 สิงห์อาสา โดยมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับ บริษัท ฟู้ด แฟ็คเตอร์ส จำกัด (Food Factors) ลงพื้นที่เติมเสบียงน้ำดื่มสิงห์และข้าวสารพันดี ให้กับ 4 โรงพยาบาลสนามจ.สมุทรสาครอย่างต่อเนื่อง พร้อมนำอาหารปรุงสุกเมนูสุดพิเศษ ข้าวกะเพราไก่เผ็ดจ๊าก และข้าวกะเพราฮ๊อตฮ๊อตหมูสับแหลกจาก ร้าน EST.33  ส่งมอบให้บุคลากรทางการแพทย์เพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ โดย 4 โรงพยาบาลสนาม ได้แก่ โรงพยาบาลสนามวัดโกรกกราก โรงพยาบาลสนามสนามกีฬากลาง โรงพยาบาลสนามตลาดกลางกุ้งมหาชัย และโรงพยาบาลสนามวัดสุทธิวาตวราราม (วัดช่องลม) ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างหนัก

ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด -19 ระลอกใหม่ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธ.ค.63  สิงห์อาสา ลงพื้นที่มอบกำลังใจให้ทีมบุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 23 ธ.ค. 63  ส่งมอบน้ำดื่มและข้าวสารที่โรงพยาบาลราชวิถี วันที่ 24 ธ.ค. 63 ที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร พร้อมทั้งมอบน้ำดื่มและข้าวสารผ่านเหล่ากาชาด จ.สมุทรสาคร และศูนย์กักกันโรค ที่ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนและแรงงานในพื้นที่ ต่อมาในวันที่ 13 ม.ค. 64 ที่โรงพยาบาลบางบัวทอง และวันที่ 20 ม.ค.64 ที่สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักที่ทำหน้าที่ในการคัดกรองและดูแลผู้ป่วยโควิด-19  

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 ซึ่งเริ่มเกิดสถานการณ์การระบาดของโควิด-19ครั้งแรกในประเทศไทย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้มีนโยบายช่วยเหลือสังคม พร้อมทั้งให้สนับสนุนการทำงานของบุคลากรการแพทย์อย่างเต็มที่ในโรงพยาบาลหลักทั่วทั้งประเทศ 26 แห่ง พร้อมทั้งสนับสนุน อาหาร น้ำดื่ม ให้กับบุคลากรการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่รับมือกับการแพร่ระบาดโควิด-19 ต่อเนื่อง ทั้งยังประกาศนโยบายเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบในการดำรงชีวิต ผ่านโครงการสิงห์อาสาทั่วประเทศ ทั้งในรูปแบบของการจ้างงานสร้างรายได้ เป็นอาสาสมัครดูแลท้องถิ่นตนเอง ผ่านโครงการสิงห์อาสาสู้ไฟป่า และโครงการสิงห์อาสาสู้ภัยแล้ง โครงการสิงห์อาสาสู้ภัยน้ำท่วม ทั้งนี้ยังมีโครงการสร้างงาน สร้างอาชีพ ประกอบด้วย กลุ่มทักษะวิชาชีพทางด้านอาหาร ต่อยอดสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก กลุ่มทักษะวิชาชีพทางด้านงานช่าง และเตรียมจัดอบรมกลุ่มทักษะกิจกรรมทางด้านการเกษตร รวมเป็นมูลค่าในการให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนมากกว่า 200 ล้านบาท

ชป.ปรับเพิ่มระบายน้ำไล่ความเค็มรุกเจ้าพระยา ลดผลกระทบน้ำดิบผลิตประปา

0

กรมชลประทาน เดินหน้ามาตรการไล่ความเค็มแม่น้ำเจ้าพระยา ปรับเพิ่มการระบายน้ำ พร้อมรับมือสถานการณ์น้ำทะเลหนุนรอบต่อไป

นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยหลังจากการประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาค่าความเค็มในลุ่มน้ำเจ้าพระยาร่วมกับการประปานครหลวง(กปน.) วานนี้(2 ก.พ. 64)ว่า จากสถานการณ์ค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา และไม้ผล ไม้ยืนต้น ปัจจุบัน(3 ก.พ. 64) เมื่อเวลา 07.00 น. ที่สถานีสำแล(จุดสูบน้ำดิบของ กปน.)วัดค่าความเค็มได้ 0.26 กรัม/ลิตร (เกณฑ์เฝ้าระวัง 0.25 กรัม/ลิตร มาตรฐานการผลิตน้ำประปาไม่เกิน 0.50 กรัม/ลิตร) และเพื่อให้การควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา รวมถึงการใช้น้ำของประชาชน จึงได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนพระรามหกในอัตรา 60 ลบ.ม./วินาที ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 วัน เริ่มตั้งเเต่วันที่ 5 ก.พ. 64 ไปจนถึงวันที่ 10 ก.พ. 64 หลังจากนั้นจะลดการระบายลงเหลือ 25 ลบ.ม./วินาที พร้อมเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็น 75 ลบ.ม./วินาที(เดิม 50 ลบ.ม./วินาที) ตั้งเเต่วันที่ 3 ก.พ. 64 จนถึงวันที่ 8 ก.พ. 64 หลังจากนั้นลดเหลืออัตรา 45 ลบ.ม./วินาที โดยไม่ให้กระทบต่อการใช้น้ำในพื้นที่ตอนบน  

สัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน

ทั้งนี้ ได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมค่าความเค็มที่กำหนดไว้  พร้อมขอความร่วมมือประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าทุกแห่งที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงมาจนถึงสถานีสูบน้ำสำแล ให้งดการรับน้ำหรือสูบน้ำในระยะนี้ เพื่อให้การควบคุมความเค็มเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดและมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญของให้ทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดให้มากที่สุด โดยเฉพาะชาวเมืองหลวงและปริมณฑลที่ใช้น้ำจาก กปน. เพื่อให้ปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียงพอใช้ไปจนถึงต้นฤดูฝนหน้า 

ชป.​ จับมือ กปน.​ ปรับแผนระบายน้ำ สู้ความเค็มแม่น้ำเจ้าพระยา ลดผลกระทบต่อประชาชน

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ก.พ.) ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมร่วมกับ นายรักษ์ศักดิ์ สุริยหาร รองผู้ว่าการการประปานครหลวง(กปน.) และคณะ โดยมีนายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมฯ เพื่อร่วมกับหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาค่าความเค็มรุกล้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตประปา

นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่าปัจจุบัน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 10,992 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 44 ของความจุอ่างฯรวมกัน เป็นปริมาณน้ำใช้การได้ 4,296 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 24 ของปริมาณน้ำใช้การรวมกันจากสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้แม่น้ำเจ้าพระยามีค่าความเค็มเพิ่มสูงกว่าเกณฑ์ปกติ ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาของการประปานครหลวง ที่บริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแล  จ.ปทุมธานี ปัจจุบัน(2 ก.พ. 64) เวลา 07.00น. วัดค่าความเค็มได้ 0.25 กรัมต่อลิตร (เกณฑ์เฝ้าระวัง 0.25 กรัมต่อลิตร มาตรฐานเพื่อการผลิตน้ำประปาไม่เกิน 0.50 กรัมต่อลิตร)  ทั้งนี้ เนื่องจากในปีนี้ปริมาณต้นทุนใน 4 เขื่อนหลักมีน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย ต้องสำรองไว้ใช้อุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ และไม้ผล ไม้ยืนต้นเป็นหลัก ไม่เพียงพอที่จะนำไปผลักดันความเค็มได้ตลอดเวลา

กรมชลประทาน ได้วางมาตรการเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ด้วยการปรับแผนการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนพระรามหก เพื่อควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างให้สอดคล้องกับระดับการขึ้นลงของน้ำทะเล พร้อมสั่งการให้โครงการชลประทานในพื้นที่ตอนบน ขอความร่วมมือสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้างดสูบน้ำเข้าพื้นที่ในระหว่างการลำเลียงน้ำลงมายังพื้นที่ตอนล่าง ส่วนโครงการชลประทานในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ให้จัดทำรายงานการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำตลอดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาไปจนถึงสถานีสูบน้ำสำแล จ.ปทุมธานี เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ในการบริหารจัดการน้ำและควบคุมค่าความเค็มต่อไป ส่วนพื้นที่ด้านท้ายน้ำจะควบคุมการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ จ.สมุทรปราการ ตามจังหวะการขึ้น-ลงของน้ำทะเลอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร ในการระบายน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงเวลาน้ำลง พร้อมวางแผนร่วมกับการประปานครหลวง ปรับเพิ่มจำนวนชั่วโมงในการทำ water hammer operation เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และหากเกิดกรณีวิกฤติ จะผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองส่วนหนึ่งลงมาควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาได้อีกทางหนึ่งด้วย โดยไม่กระทบต่อการใช้น้ำในลุ่มน้ำแม่กลอง

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้โครงการชลประทานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ค่าความเค็มในแม่น้ำสายหลักต่างๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำโดยใช้อาคารชลประทานควบคุมการรับน้ำ เพื่อป้องกันความเค็มไม่ให้รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่การเกษตร ลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด 

พีทีที สเตชั่น ต่อเวลาขายน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำสูตรพิเศษ ถึงสิ้นเม.ย. ช่วยลดปัญหา PM 2.5

0

นายบุญมา พลธนกรกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) เปิดเผยว่า ตามที่ โออาร์ ได้จำหน่ายน้ำมันอัลตร้าฟอร์ซ ดีเซลสูตรพิเศษกำมะถันต่ำ ที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมไปถึงภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา และจากการที่สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในปัจจุบันยังคงสูงเกินค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โออาร์จึงได้ขยายเวลาจำหน่ายน้ำมันอัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล สูตรพิเศษกำมะถันต่ำ ทั้งอัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล อัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล บี 7 และอัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล บี20 ที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น กว่า 400 แห่ง ไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดผลกระทบปัญหาด้านสุขภาพของประชาชน

ทั้งนี้ เมื่อเทียบในสัดส่วนไบโอดีเซลที่เท่ากัน การเปลี่ยนจากน้ำมันดีเซลพื้นฐานยูโร 4 มาเป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วกำมะถันต่ำนี้ จะช่วยทำให้ปริมาณกำมะถันในน้ำมันลดลง ซึ่งส่งผลให้ปริมาณฝุ่นละลองขนาดเล็ก (PM2.5) ลดลง 19-21% และควันดำลดลง 19-40% (จากผลการทดสอบของ สถาบันนวัตกรรม ปตท. ในรถกระบะรุ่นเก่าอายุรถ 8 ปี และรถกระบะรุ่นใหม่ อายุรถ 3 ปี) โดยการผลิตน้ำมันอัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล สูตรพิเศษกำมะถันต่ำนี้ เป็นความร่วมมือ ระหว่าง โออาร์ กับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC โดย โรงกลั่นน้ำมันของ GC กลั่นน้ำมันดีเซลที่มีค่ากำมะถันต่ำเฉลี่ยประมาณ 10 PPM ซึ่งต่ำกว่าค่าที่กฎหมายกำหนด (50 PPM) ถึงประมาณ 5 เท่า และโออาร์นำน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำดังกล่าวมาผลิต เป็นน้ำมันอัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล (UltraForce Diesel) สูตรพิเศษกำมะถันต่ำที่คลังน้ำมันพระโขนง ทำให้น้ำมันกลุ่มดีเซลทุกชนิดที่จ่ายจากคลังดังกล่าวเป็นน้ำมันดีเซลสูตรพิเศษกำมะถันต่ำ

นอกจากนี้ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ยังจำหน่ายน้ำมันดีเซลเกรดพรีเมียม อัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล พรีเมียม บี 7 (UltraForce Premium Diesel B7) ที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น กว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็นน้ำมันที่ได้มาตรฐานยูโร 5 (Euro 5) จึงเป็นน้ำมันที่มีกำมะถันต่ำ และยังมีคุณสมบัติที่แรงกว่า และสะอาดกว่าน้ำมันดีเซลสูตรปกติอีกด้วย

ซีพี คว้าประกาศเกียรติคุณโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก

0

นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า เมือ่เร็วๆนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน และได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก หรือ LESS (Low Emission Support Scheme) จากการส่งเสริมโครงการสบขุ่นโมเดล กาแฟสร้างป่า กักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ จากพื้นที่ 420 ไร่ และความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 5,059.534 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากการวัดค่าเฉพาะไม้ป่าหรือไม้ยืนต้น อาทิ ต้นพังแหร (ต้นปอสร้อย) ต้นมะหาด ต้นประดู่ ต้นอลาง ต้นงิ้วป่า ต้นมะเดื่อ เพื่อสร้างป่าไปพร้อมกับกาแฟ ที่สามารถกักเก็บค่าบอนไดออกไซด์ได้จริงและมีประสิทธิภาพ สะท้อนให้เห็นว่าบ้านสบขุ่นสามารถฟื้นคืนป่ากลับมาได้สำเร็จอย่างยั่งยืน จากอดีตที่เคยแห้งแล้ง ชาวบ้านส่วนใหญ่ซึ่งมีอาชีพทำไร่ข้าวโพด กลับกลายเป็นผืนป่าต้นน้ำที่ชุ่มชื้น ได้สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และสร้างป่าให้กลับคืนมา

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาน เครือซีพีได้ดำเนินการสนับสนุนพื้นที่ต้นน้ำ ปิง วัง ยม น่าน รวมถึงพื้นที่บ้านสบขุ่น อ.ท่าวังผา จ.น่าน มาตั้งแต่ปี 2559 เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและปกป้องฟื้นฟูระบบนิเวศ ด้วยการปลูกต้นไม้ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เป็นต้นเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน และลดภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ตลอดจนทำให้ชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสมดุลระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีอาชีพที่ยั่งยืนได้

ซีพีเอฟ เร่งส่ง “อาหารจากใจ” ให้ศูนย์ห่วงใยคนสาคร พร้อมรับมือโควิด

0

รายงานข่าวจากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟเดินหน้าต่อเนื่องให้การสนับสนุนชาวสมุทรสาครในการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 โดยส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหาร แก่โรงพยาบาลสนาม “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร” ภายใต้ โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด -19” อย่างต่อเนื่อง พร้อมติดตั้งตู้แช่เย็นเสริมความพร้อมให้กับศูนย์ห่วงใยคนสาคร เพื่อเป็นกำลังใจกับการปฏิบัติงานของทีมแพทย์-พยาบาล และผู้ติดเชื้อ ให้จังหวัดสมุทรสาครกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

ล่าสุด นายชัยวัฒน์ ปรีดิศรีพิพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส และ นายธนะศักดิ์ พึ่งฮั้ว ที่ปรึกษาด้านนวัตกรรม ซีพีเอฟ ได้นำผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน จำนวน 3,000 แพ็ค และอาหารกับข้าวสำเร็จรูปอีก 600 กิโลกรัม มอบให้แก่ นายวัฒนา ตวงมณี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพันท้ายนรสิงห์ และนายแพทย์ศุภศรัณย์ ศุภพัฒนพงศ์ แพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลสมุทรสาคร เพื่อนำไปแจกจ่าย แก่โรงพยาบาลสนาม “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร” 5 แห่ง ณ ศูนย์ห่วงใยคนสาครวัฒนาแฟคตอรี่ ต.พันท้ายนรสิงห์​ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยก่อนหน้านี้ ซีพีเอฟ ได้มอบผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานแก่ “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร ” ไปแล้วจำนวน 16,600 แพ็ค ผ่านทางนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร

นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ยังได้นำตู้แช่เย็นจาก ซีพี เฟรชมาร์ท ไปติดตั้งที่โรงพยาบาล และศูนย์ห่วงใยคนสาคร รวม 5 จุด ประกอบดัวย โรงพยาบาลสมุทรสาคร โรงพยาบาลกระทุ่มแบน ศูนย์ห่วงใยคนสาคร 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์วัฒนาแฟคตอรี่ สนามกีฬาจังหวัด และวัดโกรกกราก เพื่อช่วยเก็บรักษาคุณภาพอาหารพร้อมทานที่ซีพีเอฟให้การสนับสนุน เป็นการอำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่

นายวัฒนา ตวงมณี นายกอบต.พันท้ายนรสิงห์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับการสนับสนุนอาหารปลอดภัย และตู้แช่เย็นจากซีพีเอฟ เพื่อแทนความห่วงใยให้กับทีมแพทย์ พยาบาล และอาสาสมัคร รวมทั้งผู้ติดเชื้อที่มารักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามได้บริโภคอาหารคุณภาพ ปลอดภัย อย่างเพียงพอ นับเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระด้านการจัดเตรียมอาหารให้แก่ทีมแพทย์ พยาบาลเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลสนามได้เป็นอย่างดี โรงพยาบาลสนาม “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร”​ ในจังหวัดสมุทรสาคร รวมทั้งศูนย์ห่วงใยคนสาครวัฒนาแฟคตอรี่ ก่อตั้งขึ้นรองรับและดูแลผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการทั้งคนไทยและแรงงานต่างชาติ เพื่อควบคุมอัตราการแพร่ระบาดในจังหวัดให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ ซีพีเอฟได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรับมือโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน ภายใต้ โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ซึ่งริเริ่มโดย นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรด้านสาธารณสุข ที่ทุ่มเทปฏิบัติงานดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ของโรงพยาบาล 15 แห่ง ในจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี และสนับสนุน กุ้งซีพี แปซิฟิก 300 กิโลกรัมให้แก่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย รวมทั้งมอบกุ้ง ซีพี แปซิฟิก 300 กิโลกรัมให้แก่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)​ พร้อมทั้งหน้ากากอนามัย ซีพี 30,000 ชิ้น เพื่อนำไปมอบให้แก่กลุ่มเปราะบางและแรงงานต่างชาติในจ.ระยองและจ.สมุทรสาคร

บริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน นำผลิตภัณฑ์อาหาร สำเร็จรูป 30,800 แพ็ค และไข่ไก่สด 10,000 ฟอง เพื่อแทนความห่วงใย และช่วยบรรเทาความเดือดร้อน เพื่อนแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านจำนวน 1,200 ครอบครัวที่อยู่ในพื้นที่กักตัวในตลาดกลางกุ้ง มหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร

นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ยังร่วมกับ เครือซีพี ตามดำริของ นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการเครือซีพีและซีพีเอฟ ผนึกมอบอาหารและหน้ากากอนามัยผ่านสถานทูตเมียนมา รวมทั้งผนึกพลังกับ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และ บมจ. โอสถสภา ที่ร่วมสนับสนุนซิมอินเทอร์เน็ต และเครื่องดื่ม เพื่อนำไปช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของแรงงานชาวเมียนมาในจังหวัดสมุทรสาครและพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ รวมทั้งมอบหน้ากากอนามัยซีพี ช่วยแรงงานต่างชาติที่พำนักในประเทศไทยผ่านสถานเอกอัครราชทูต 3 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา และ สปป.ลาว อีกด้วย

ชวนคิด ตามติดปรากฏการณ์ GameStop

0

โดย นางสาวอรทัย นิ่มถาวร ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายธุรกิจตัวกลาง และนางพัฒนพร ไตรพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายตรวจสอบตลาดทุน 1 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

อาทิตย์ที่ผ่านมา จากการติดตามข่าวราคาหุ้น GameStop ซึ่งจดทะเบียนอยู่ที่ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 900% ในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์เกิดอะไรขึ้น?

  • GameStop ทำอะไร?

GameStop หรือ GameStop Corporationเป็นร้านขายวีดีโอเกมที่จดทะเบียนอยู่ใน New York Stock Exchange (NYSE) โดยธุรกิจของบริษัทเริ่มซบเซา ส่งผลต่อการดำเนินงานและราคาหุ้นของบริษัท อย่างไรก็ดีในเดือน ม.ค. 64 ราคาหุ้นของบริษัทกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 900% ภายในช่วงเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ จากราคาปิด 35.50 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 64 ไปแตะที่ระดับ 347.51 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น เมื่อวันที่27 ม.ค. 64

  • ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นได้อย่างไร?

เมื่อบริษัท GameStop มีผลการดำเนินงานไม่ดี กองทุนต่าง ๆ ก็เข้ามาขายชอร์ต เพื่อทำกำไร เนื่องจากคาดการณ์ว่าราคาหุ้นจะลดต่ำลงไปอีก (การขายชอร์ต คือ การยืมหุ้นมาขาย โดยจะซื้อหุ้นคืนแก่ผู้ให้ยืมในภายหลัง ซึ่งถ้าหุ้นราคายิ่งตกลงมากก็จะได้กำไรมาก แต่หากหุ้นราคาขึ้นสูงกว่าราคาที่ขายไว้ ก็จะขาดทุนได้อย่างไม่จำกัด) โดยตามข่าวที่เปิดเผยผ่านสื่อต่าง ๆ สัดส่วนการขายชอร์ตของกองทุนสูงกว่า 80%ต่อมามีนักลงทุนรายย่อยทราบว่ากองทุนมีการขายชอร์ตในสัดส่วนที่สูงมาก จึงเห็นโอกาสในการสร้างกำไร โดยการโพสต์ข้อความชักชวนผู้ลงทุนรายย่อยในเว็บบอร์ด WallStreetBets ให้เข้ามาซื้อหุ้น และ stock options ของหุ้น GameStop จนส่งผลให้ราคาหุ้นเริ่มสูงขึ้น (stock options เป็นการให้สิทธิผู้ถือที่จะซื้อหรือขายหุ้นสามัญกับผู้ขาย options โดยต้องระบุสิทธิ์ให้ชัดเจน เช่น ให้สิทธิซื้อหรือขายจำนวนเท่าใด ณ ราคาใด ใช้สิทธิวันใด และส่งมอบอย่างไร) ซึ่งการที่ผู้ลงทุนรายย่อยกลุ่มดังกล่าวระดมไล่ซื้อและเก็บสะสมหุ้นไว้โดยไม่ขาย ขณะที่กองทุนที่ขายชอร์ตไว้ ต้องเข้าไปซื้อหุ้นเพื่อนำไปส่งมอบ และตัดผลขาดทุน (cut loss) รวมทั้งสถาบันการเงินที่ขาย stock options ก็เข้าไปซื้อหุ้น GameStop ด้วย เพื่อบริหารความเสี่ยงจากการขาย stock options ทำให้ราคาของหุ้น GameStop สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมิได้มีปัจจัยพื้นฐานรองรับแต่อย่างใด และส่งผลให้กองทุนที่ขายชอร์ตขาดทุนจำนวนมากจากการต้องซื้อหุ้นเพื่อนำไปส่งมอบ จากเหตุการณ์ข้างต้น สร้างความตื่นตัวให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งวุฒิสภา และ ก.ล.ต. โดยได้มีการยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาเพื่อให้มั่นใจถึงความมีประสิทธิภาพ เป็นธรรม
และความน่าเชื่อถือของตลาดทุน รวมถึงการคุ้มครองผู้ลงทุน

  • ประเด็นชวนคิด

กรณีนี้ มีประเด็นน่าสนใจว่า กลไก เครื่องมือ หรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในปัจจุบัน ยังมีช่องว่าง มีความไม่เท่าเทียม หรือก่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างกลุ่มผู้ลงทุนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น GameStop เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากและรวดเร็ว โดยไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ยังอาจสะท้อนให้เห็นช่องว่างของกลไกการซื้อขายในตลาดที่เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ลงทุนต่าง ๆ ใช้ตลาดหุ้นเป็นเครื่องมือในการซื้อขายให้เป็นไปในทิศทางที่ตนเองต้องการได้โดยง่าย อันกระทบต่อความน่าเชื่อถือของกลไกตลาดโดยรวม จึงมีประเด็นชวนคิดดังนี้

  1. ประเด็นแรก การขายชอร์ตในจำนวนที่มากจนเปิดโอกาสให้มีช่องทางในการซื้อขายที่ส่งผลต่อราคาหุ้น หากไม่กำหนดกฎเกณฑ์และการกำกับดูแลให้เหมาะสม อาจจะทำให้เกิดกรณีไม่สามารถซื้อหุ้นคืนได้ ในเวลาอันสั้น จากการเก็บสะสมหุ้นไว้ของผู้ลงทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง (short squeeze) เช่นเดียวกับกรณีหุ้น GameStop หากพิจารณาเครื่องมือในการกำกับดูแลที่ผ่านมาในบ้านเรา หลักทรัพย์ที่ขายชอร์ตได้ต้องเป็นหลักทรัพย์ที่มี สภาพคล่องโดยอยู่ใน SET 100 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ market cap สูง เฉลี่ย 3 เดือน ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท มีการกำหนดปริมาณการให้ยืมสูงสุดที่ บล. สามารถให้ยืมได้เมื่อเทียบกับเงินกองทุนของ บล. เป็นต้น ซึ่งกฎเกณฑ์ดังกล่าวก็จะช่วยป้องกันเหตุการณ์ในลักษณะ GameStop ได้ในระดับหนึ่ง โดยในส่วนของสหรัฐอเมริกา ไม่ได้มีข้อห้ามในการขายชอร์ตเช่นกัน แต่อาจมีรายละเอียดของกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องแตกต่างกันไป
  2. ประเด็นที่สอง การเผยแพร่ข้อความใน social media ในลักษณะชักชวนให้เข้าไปซื้อขายหลักทรัพย์ จนส่งผลให้ผู้ลงทุนจำนวนมากเข้าไปซื้อขายและส่งผลกระทบให้สภาพการซื้อขายของหลักทรัพย์นั้นผิดไปจากสภาพปกติ โดยที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ เป็นกรณีที่ต้องระมัดระวัง เนื่องจากในการกระทำต่าง ๆ ควรมีความเหมาะสม คำนึงถึงเหตุและผล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพิจารณาลงทุนต่าง ๆ ควรคำนึงถึงคุณค่าและความเสี่ยงของหลักทรัพย์ เช่น ปัจจัยพื้นฐาน โอกาสในการเติบโตและการทำกำไรของบริษัท ดังนั้น ราคาที่จะซื้อจะขายจึงควรจะสอดคล้องกับมูลค่าของหลักทรัพย์นั้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ การกระทำในลักษณะดังกล่าว ยังอาจสร้างความไม่เป็นธรรมในการซื้อขายหลักทรัพย์ และกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดทุนโดยรวม ซึ่งในกรณีนี้กฎหมายและกฎเกณฑ์ของทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ก็มีกำหนดไว้เพื่อการกำกับดูแล โดยกรณีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็มีกฎเกณฑ์หรือเครื่องมือที่ใช้ในการกำกับดูแลกรณีดังกล่าวได้
  3. ประเด็นที่สาม การให้บริการของโบรกเกอร์ หรือ platform (ตัวกลาง) ที่เกี่ยวข้อง ควรมีบทบาทขอบเขต หรือมีการให้คำแนะนำ และยับยั้งพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างไร โดยในส่วนของการกำกับดูแลตัวกลางทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย จะมีหลักการในทำนองเดียวกัน ที่กำหนดให้ตัวกลางซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจมืออาชีพ ต้องให้บริการแก่ผู้ลงทุนอย่างเท่าเทียมกัน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้ลงทุน มีความเข้าใจในความเสี่ยงของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอกับผู้ลงทุน ให้คำแนะนำและเปิดเผยข้อมูลสำคัญ ๆ อย่างเพียงพอเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน เช่น ในกรณีที่หุ้นมีราคาปรับตัวสูงขึ้นโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ โบรกเกอร์ก็ควรมีบทบาทในการให้คำแนะนำที่เหมาะสมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ ในกรณีที่ตัวกลางเป็นเพียง online platform ซึ่งไม่มีบริการด้านการให้คำแนะนำ ก็ต้องมีระบบงานที่ทำให้มั่นใจได้ว่า การส่งคำซื้อขายของลูกค้าที่ผ่าน platform ตนเอง เป็นไปอย่างเป็นธรรม มีระบบ ระเบียบ เรียบร้อย ไม่เกิดผลกระทบต่อผู้ลงทุนและตลาดโดยรวม และหากมีพฤติกรรมการส่งคำสั่งไม่เหมาะสม ควรมีกลไกหรือบทบาทในการยับยั้ง โดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ลงทุนและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของตลาดทุนโดยรวม

ผลจะเป็นอย่างไรต่อไป?

กรณีนี้ ปรากฎข่าวตามสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ว่า ก.ล.ต. สหรัฐอเมริกา อยู่ระหว่างติดตามตรวจสอบพฤติกรรมการซื้อขายหุ้นที่มีความผันผวน อันนำไปสู่การปรับตัวที่สูงขึ้นอย่างมากของราคาหุ้น GameStop และหุ้นตัวอื่น ๆ รวมถึงพิจารณามาตรฐานในการประกอบธุรกิจของตัวกลาง ที่ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ลงทุนมีการให้บริการอย่างเป็นธรรม ไม่ทำให้ผู้ลงทุนเสียประโยชน์ และพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย หากพบการกระทำผิดที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้ลงทุน และเพื่อให้มั่นใจว่า ระบบการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งเราคงต้องติดตามกันต่อไป ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร

ที่มา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

ทิพยประกันภัย จับมือ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค มอบประกันโควิด-19 ฟรีให้ลูกบ้าน ทุนประกัน 1 แสนบาท

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) มีความร่วมมือกันในการมอบความคุ้มครอบประกันภัยไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ให้กับลูกบ้านของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค

โดยคุณณฐินี ธนะรัชต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุ และ คุณณาศิส ประเสริฐสกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารการลงทุน บมจ. ทิพยประกันภัย กับ คุณวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จับมือกันมอบความคุ้มครองประกันภัยโควิด-19 วงเงินคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท เป็นระยะเวลา 1 ปี ให้แก่ลูกบ้านที่ได้ชำระค่าสาธารณูปโภคให้กับบริษัทตลอดปี 63 ที่ผ่านมา รวมถึงลูกบ้านที่ได้แนะนำเพื่อนเพื่อการจองซื้อบ้านในโครงการของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค รวมจำนวนกว่า 7,000 กรมธรรม์ คิดเป็นวงเงินคุ้มครองทั้งสิ้น 700 ล้านบาท

ทั้งนี้จากความร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัท เพื่อสร้างความอุ่นใจแทนความห่วงใยและใส่ใจในเรื่องสุขภาพ พร้อมกับเพิ่มความมั่นใจในการดำเนินชีวิตประจำวันให้กับทั้งลูกค้าและลูกบ้านได้มากยิ่งขึ้น