Home Blog Page 345

AIS โชว์ผลประกอบการปี 63 กำไรสุทธิ 2.8 หมื่นล้าน ครองอันดับหนึ่งลูกค้ามือถือมากที่สุด

0

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยถึงผลประกอบการ ปี 2563 ว่า เอไอเอสมีรายได้รวม 172,890 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากปีก่อน ด้านธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีรายได้ลดลง 6.5% เทียบกับปีก่อน เป็นผลจากการสูญเสียรายได้ในกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวที่ยังคงไม่ฟื้นตัว เนื่องจากข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เอไอเอส ยังครองส่วนแบ่งการตลาด อันดับ 1 ทั้งด้านรายได้ และจำนวนผู้ใช้บริการ ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถือมากที่สุดในตลาดอยู่ที่ 41.4 ล้านเลขหมาย เป็นลูกค้าระบบรายเดือน จำนวน 10.2 ล้านราย ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 จำนวน 420,900 ราย และมีลูกค้าระบบเติมเงินอยู่ที่ 31.2 ล้านราย เพิ่มขึ้น 74,400 ราย ขณะที่ การใช้งาน 4G ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นปี มีลูกค้าที่ใช้งาน 4G เพิ่มขึ้นเป็น 77% โดยลูกค้าใช้ปริมาณดาต้าเฉลี่ย 18 กิกะไบต์ต่อเดือน เพิ่มขึ้น 42% เทียบกับปีก่อน ส่วนการใช้งาน 5G นับตั้งแต่เปิดให้บริการในเดือนตุลาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน มีลูกค้ารวมทั้งสิ้น 239,000 ราย

ส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ ยังคงเติบโตเหนืออุตสาหกรรม จำนวนผู้ใช้งานปรับเพิ่มขึ้นในช่วงมาตรการล็อกดาวน์ เป็นผลให้คนไทยส่วนใหญ่ปลี่ยนวิถีชีวิตมา Work from Home และ Learn from Home เป็นจำนวนมาก ตลอดปี 2563 มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 29% หรือกว่า 299,300 ราย ซึ่งสูงกว่าการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่เติบโตเฉลี่ย 10-12% โดยปัจจุบันมีลูกค้า อยู่ที่ 1.3 ล้านราย

สำหรับธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร การทำตลาด Enterprise ยังได้รับความสนใจจากลูกค้า Corporate และ SME อย่างต่อเนื่อง โดยมีความสนใจในกลุ่ม Telecom Services ซึ่งเป็นบริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการติดต่อสื่อสาร และเครือข่ายขององค์กรต่างๆ และบริการ Digital Enabler สำหรับธุรกิจต่างๆ เพื่อนำ Digital Technologies ไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจยุคใหม่ เช่น IT, Cloud, IoT, Cyber Security, Digital Marketing รวมถึง เทคโนโลยี 5G ในอนาคต

โดยภาพรวม จากการบริหารต้นทุนที่ดี ทั้งด้านต้นทุนการให้บริการ และค่าใช้จ่ายด้านการขายและบริหาร ส่งผลให้เอไอเอสมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อม (EBITDA) อยู่ที่ 76,619 ล้านบาท ลดลง 2.7% ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าการลดลงของรายได้ และมีกำไรสุทธิ 28,423 ล้านบาท ลดลง 8.9% เทียบกับปีก่อน โดยเอไอเอสจะจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการครึ่งปีหลังที่ 3.68 บาทต่อหุ้น หรือประมาณ 75% ของกำไรสุทธิ ในวันที่ 20 เมษายน 2564

นอกจากนี้ เอไอเอสยังได้เตรียมงบลงทุนในปี 2564 จำนวน 25,000 – 30,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลสำหรับประเทศไทยอย่างไม่หยุดยั้ง และพร้อมที่จะเป็นแกนกลาง สนับสนุนทุกภาคส่วน จากความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ใน Digital Ecosystem เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศชาติให้ก้าวผ่านทุกความท้าทายไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

ซีพี ออลล์ จับมือพันธมิตรด้านเทคโนโลยี เปิดค่าย Creative AI Camp ปี 3

0

นายก่อศักดิ์  ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งไทยและนานาชาติ จัดค่าย Creative AI Camp ปีที่ 3 ขึ้นภายใต้แนวคิด “The Future of AI : The Future of the World”  เพื่อให้เยาวชนทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและอาชีวศึกษา ได้มีพื้นที่ในการเรียนรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งกำลังกลายเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์และมีอิทธิพลต่ออนาคตของโลกอย่างต่อเนื่อง 

ก่อศักดิ์  ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)

สำหรับรูปแบบการจัดค่ายในปีนี้ จะยังคงเน้นการจัดการเรียนรู้ต่อเนื่อง 3 เดือนในรูปแบบ Phenomena Work-based Education Learning ผสมผสานการเรียนรู้ผ่าน VDO Conference บนแพลทฟอร์มออนไลน์กับวิทยากรทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงจะได้เรียนรู้ด้าน Innovation กับ Professor Che-Wei LIN (Department of Biomedical Engineering) มหาวิทยาลัยแห่งชาติเฉิงกง มหาวิทยาลัยระดับท็อปด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีของไต้หวัน ซึ่งเป็นพันธมิตรใหม่ของค่ายในปีนี้  ซึ่ง Professor Che-Wei LIN ยังเป็น Leader ของทีมที่ขับเคลื่อน AI Talent Incubation ของรัฐบาลไต้หวันประกอบกับ มหาวิทยาลัยแห่งชาติเฉิงกงเน้นการทำ AI Innovation อย่างง่ายที่สามารถนำมาใช้งานได้จริง เห็นผลได้เร็ว 

นอกเหนือจากนี้น้องๆ จะได้รับความรู้ทางด้าน Robotic AI ระดับโลกจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอ Associate Professor Dr. Marcelo H. ANG Jr (Department of Mechanical Engineering : Ag Director, Advanced Robotics Centre) มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) และความรู้ทางด้าน AI และ Digital Transformation จาก Associate Professor HAN Shenglong (Department of Information Management) มหาวิทยาลัยปักกิ่ง (PKU),  สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM), บริษัท ไอโนว์พลัส จำกัด,  บริษัท แอมเบี้ยน ซอฟท์ จำกัด, บริษัท แอดวานซ์เทค คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เดอะซันเพล็กซ์เอ็นจิเนียร์ริ่งแอนด์ซอฟต์แวร์ จำกัด และ นายโสภณะ ประจงแสงศรี ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI โซลูชั่น อาคิเทค, นางสาวปาลิตา ลาภานุพัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์วิทัศน์  และ นายรัชชยุต ภูวัชร์เตชากร ที่ปรึกษาสมาคมกีฬาหมากล้อมแห่งประเทศไทยโดยแต่ละองค์กรจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ความรู้ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 เดือนแก่เยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกจากผู้สมัครทุกภูมิภาคทั่วประเทศ 

ขณะเดียวกัน ก็สามารถมาเรียนรู้หรือประชุมงานแบบออฟไลน์ร่วมกับทีมที่ CAI CLUB BY CP ALL ชุมชนและพื้นที่การเรียนรู้ด้าน AI  ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ณ อาคารยูไนเต็ดเซ็นเตอร์ ชั้น 4  และ ชั้น 14A  ถนนสีลม โดยภายใน CAI CLUB BY CP ALL จะมีการจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ มีผู้เชี่ยวชาญที่จะให้คำปรึกษา และมีมาตรการป้องกัน COVID-19 อย่างเข้มข้น 

ทั้งนี้ การผนึกกำลังกับพันธมิตรที่หลากหลายทำให้หัวข้อการเรียนรู้ในปีนี้เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม เพราะนอกเหนือจากการเพิ่ม EQ ให้เยาวชนผ่านการบูรณาการวิธีสร้างสรรค์ AI ผ่านปรัชญาการเล่นหมากล้อม (Creative AI Convergence by Go Philosophy) และการเพิ่ม IQ ผ่านความรู้เกี่ยวกับกลุ่มเทคโนโลยี ABCD อันประกอบด้วย AI (ปัญญาประดิษฐ์), Blockchain (บล็อกเชน), Cloud และ Digital Data แล้ว ปีนี้ยังได้ผสมผสานทักษะที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนานวัตกรรม (Innovation) อาทิ การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) การคิดโดยคำนึงถึงมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-centric) จริยธรรมด้าน AI เพื่อเป็นรากฐานให้เยาวชนพัฒนา AI ไปใช้ได้อย่างสร้างสรรค์ หลากหลายวิธี และตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น  

ด้าน รศ.ดร.พินิติ รตะนานุกูล ที่ปรึกษากรรมการจัดค่าย Creative AI Camp กล่าวว่า ในโลกยุคใหม่มีทักษะที่จำเป็นต่อเยาวชนอยู่ 5 ด้านหลักๆ ได้แก่ 1.ทักษะด้านภาษา 2.ทักษะด้านเทคโนโลยี 3.ทักษะการปรับตัวภายใต้ความเปลี่ยนแปลง 4.ทักษะการตัดสินใจ 5.ทักษะการแก้ปัญหา ค่าย Creative AI Camp ถือเป็นค่ายที่ช่วยส่งเสริมเยาวชนในการพัฒนาทักษะ 5 ด้านดังกล่าว ขณะเดียวกัน ก็เปิดโอกาสให้เยาวชนจากหลากหลายพื้นฐาน หลากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เข้ามาเรียนรู้ร่วมกันอย่างเท่าเทียม 

ดร.พงส์ศักดิ์ โหลิมชยโชติกุล ผู้อำนวยการ สำนักปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์ บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารโครงการ กล่าวว่า ทุกปีค่ายจะเปิดโอกาสให้เยาวชนได้รวมกลุ่มกันสร้างสรรค์ไอเดียและชิ้นงานต้นแบบ (Prototype) ด้าน AI ขึ้น โดยโจทย์ในปีนี้จะเป็นการออกแบบชิ้นงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ รวมถึงการออกแบบชิ้นงานที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตปกติแห่งอนาคตหรือ Next Normal 

“ด้วยการเรียนรู้ การทำงานแบบหลากหลายวัฒนธรรม หรือ Multi-Culture  การได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรที่โดดเด่นเรื่องการปั้นคน AI หรือ AI Talent และองค์ความรู้ที่อัดแน่นทั้งพื้นฐานและเชิงลึก เราเชื่อมั่นว่าเยาวชนในค่าย Creative AI Camp ปีที่ 3 นี้ จะเป็นอีกรุ่นหนึ่งที่สามารถสร้างต้นแบบนวัตกรรม AI ได้อย่างน่าสนใจ และเป็นอีกหนึ่งเมล็ดพันธุ์ด้าน AI ที่สร้างสรรค์ผลงานที่มีประโยชน์ต่อสังคมได้ในอนาคต” ดร.พงส์ศักดิ์ กล่าว 

ได้สิทธิ ‘เราชนะ’ แล้ว ไปยังไงต่อ เปิดวิธีกดยืนยันในแอปฯเป๋าตัง

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ได้เริ่มเปิดให้กลุ่มประชาชนทั่วไปลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิความช่วยเหลือ 7000 บาท เป็นเวลาสองเดือน ตามโครงการ “เราชนะ” โดยลงทะเบียนทางเว็บไซต์เราชนะ ตั้งแต่ 29 ม.ค.เป็นต้นมา และตรวจสอบสิทธิได้เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา รวมทั้งเปิดให้ผํู้ไม่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ สามารถยื่นทบทวนสิทธิได้ตังแต่วันที่ 8 ก.พ. ไปจนถึง 8 มี.ค. 64 ได้นั้น โดยคณสมบัติผู้ได้สิทธิ “เราชนะ” มีดังนี้ คือ 1.ผู้มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป2.ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม 3.ไม่เป็นข้าราชการ พนักงานราชการ4.ไม่เป็นผู้รับบำนาญปกติหรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ5.ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 300,000 บาท ปี2562 และ 6.ไม่มีเงินฝากรวมกันทุกบัญชีเกิน 500,000 บาท

สำหรับผู้ผ่านการคัดครองคุณสมบัติโครงการ “เราชนะ” เมื่อได้สิทธิ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ ต้องกดยืนยันสิทธิในแอพ “เป๋าตัง” โดยระบบจะขึ้นให้ยืนยันสิทธิ์ในวันที่ 18 ก.พ. นี้. เริ่มใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. 2564 เวลา 06.00น. เป็นต้นไป (สามารถสะสมใช้ได้ถึงวันที่ 31 พ.ค. 2564) โดยมีวิธีการ ตามนี้

1.เปิดแอปฯ เป๋าตัง ถ้าในมือถือยังไม่ได้ลงแอปฯ เป๋าตัง ก็สามารถสามารถดาวน์โหลดติดตั้งแอปฯ ได้ทั้งระบบ ios และ แอนดรอยด์ โดยค้นหาคำว่า เป๋าตัง ใน App store/Play store

2. กดเข้าเมนู G-wallet

3.กดที่ป้ายโครงการ “เราชนะ” ขั้นตอนนี้ จะปรากฏข้อความใน กดยืนยัน ใช้สิทธิ ในวันที่ 18 ก.พ.

4.อ่านข้อตกลงและเงื่อนไข อ่านเสร็จให้คลิ๊กตรงช่องสี่เหลื่ยม ยอมรับเงื่่อนไข แล้วคลิ๊กตกลง

5.เลือกจังหวัดที่อาศัยอยู่ กดเลือกจังหวัดเสร็จให้กดแถบคำว่า ถัดไป

6.กด ยืนยัน จังหวัดที่อาศัยในปัจจุบัน ถ้าข้อมูลถูกต้องก็กดยืนยัน ถ้าไม่ถูก็กดยกเลิก เพื่อย้อนไปแก้ไข

7. เรียบร้อย เป็นอันเสร็จขั้นตอนการกดยืนยันใช้สิทธิผ่านแอปฯ เป๋าตัง เราจะได้รับสิทธิ์เราชนะและพร้อมใช้วงเงินได้


คนแห่ขอทบทวนสิทธิ ‘เราชนะ’ กว่าสองแสนคนในวันแรก

0

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ภายหลังจากกระทรวงการคลัง ได้เปิดให้มีการทบทวนสิทธิ ผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com เป็นวันแรก เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่ผ่านการคัดกรองเข้ามาขอทบทวนสิทธิอีกครั้ง โดยล่าสุด เวลา 17.00 น.มีผู้เข้ามาทบทวนสิทธิแล้วกว่า 279,616 ราย

ส่ำหรับความคืบหน้าการประกาศผลการคัดกรองคุณสมบัติของประชาชนทั่วไปทางเว็บไซต์ www. เราชนะ .com ที่เปิดรับลงทะเบียนระหว่างวันที่ 29 มกราคม – 12 กุมภาพันธ์ 2564 จากข้อมูลล่าสุด มีประชาชนลงทะเบียนแล้วประมาณ 10 ล้านคน โดยมีประชาชนที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้วมากกว่า 5.77 ล้านคน ทั้งนี้ หากรวมประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มประชาชนที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” (กลุ่มประชาชนที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลฯ) ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นก่อนกดยืนยันรับสิทธิ์โครงการเราชนะแล้วจะมีประชาชนที่ได้รับวงเงินสิทธิ์ทั้งสิ้นมากกว่า 27 ล้านคน

สำหรับกลุ่มประชาชนที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลฯ และกลุ่มประชาชนที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www. เราชนะ .com สามารถเริ่มตรวจสอบการคัดกรองคุณสมบัติได้ทางเว็บไซต์ www. เราชนะ .com ตั้งแต่วันนี้ (8 ก.พ.)เป็นต้นไป ซึ่งจะมีการทยอยประกาศผลการคัดกรองคุณสมบัติตามลำดับ โดยประชาชนทั้ง 2 กลุ่มข้างต้นที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติจะได้รับการโอนวงเงินสิทธิ์ครั้งแรกในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 2,000 บาท และจะได้รับวงเงินสิทธิ์เป็นรายสัปดาห์ทุกวันพฤหัสบดีจนครบวงเงินสิทธิ์ของโครงการ

ทั้งนี้ ประชาชนที่ตรวจสอบคุณสมบัติแล้วพบว่า “ไม่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ” สามารถแสดงความประสงค์ขอทบทวนสิทธิ์ได้ทางเว็บไซต์ www. เราชนะ .com ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ – 8 มีนาคม 2564 และสามารถตรวจสอบผลการทบทวนสิทธิ์ได้ทางเว็บไซต์เดียวกัน สำหรับกลุ่มประชาชนที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www. เราชนะ .com แล้ว แต่ได้รับข้อความสั้น (SMS) แจ้งเตือนสถานะ “ลงทะเบียนไม่สำเร็จ” ซึ่งอาจเกิดจากความผิดพลาดในการกรอกเลขประจำตัวประชาชน เลขรหัสหลังบัตรประชาชน (Laser ID) ชื่อ ชื่อกลาง (ถ้ามี) นามสกุล วัน เดือน ปีเกิด สามารถลงทะเบียนใหม่ทางเว็บไซต์ www. เราชนะ .com ได้ทันทีหลังจากได้รับ SMS แจ้งเตือนจนถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564ทั้ง

ที่ผ่านมากระทรวงการคลังพบว่ามีประชาชนหรือร้านค้าที่ใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ผิดวัตถุประสงค์ของโครงการเราชนะ ซึ่งกระทรวงการคลังได้มีการประสานขอความร่วมมือหน่วยงานเกี่ยวข้องในการติดตามและตรวจสอบประเด็นดังกล่าวด้วยแล้ว หากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขจริง จะระงับการใช้แอปพลิเคชันของร้านค้าตลอดจนการจ่ายเงินให้กับร้านค้าทันที และอาจดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงขอความร่วมมือประชาชนรักษาสิทธิ์ของตนเอง และขอให้ร้านค้าและประชาชนปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการเราชนะ สำหรับประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการ และการขึ้นราคาสินค้าหรือบริการเกินกว่าปกติสามารถแจ้งเบาะแสรวมถึงส่งหลักฐานการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการทางไปรษณีย์มาได้ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังหรือทางไปรณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail Account) [email protected] สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0 2273 9020 ต่อ 3250 3423 3424 3425 3427 3429 3430 3431 และ 3444 (เฉพาะวันและเวลาราชการ)Call Center ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 0 2111 1144

ไทยยูเนี่ยน มอบพัดลม 500 เครื่องให้ศูนย์ห่วงใยคนสาคร

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่องแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร ล่าสุด ได้มอบพัดลมจำนวน 500 เครื่อง และรางปลั๊กไฟจำนวน 250 ชุด เพื่อสนับสนุนโรงพยาบาลสนาม ศูนย์ห่วงใยคนสาคร 8 วัฒนาแฟคตอรี่ (2) โดยการบริจาคครั้งนี้นี้ได้รับเกียรติจาก ดร. สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับมอบ ณ โรงพยาบาลสนาม วัฒนาแฟคตอรี่ (2) ทั้งนี้อุปกรณ์ดังกล่าวจะนำไปใช้ประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ระหว่างการพักฟื้นที่โรงพยาบาลสนาม สำหรับโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ มีเตียงรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1,000 เตียง

จากพันธกิจที่จะให้ความช่วยเหลือชุมชนในพื้นที่ที่ไทยยูเนี่ยนมีการดำเนินธุรกิจอยู่ ก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการบริจาคผลิตภัณฑ์จำนวน 36,600 ชิ้น และปลากระพงแล่แช่แข็งจำนวน 630 กิโลกรัม นับตั้งแต่เริ่มมีการกลับมาระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครเมื่อเดือนธันวาคม 2563 เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่ถูกกักตัวและสนับสนุนทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในสาธารณะสุขจังหวัดสมุทรสาครที่กำลังทำงานเพื่อจัดการกับการระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19

ภาพรวมตลาดหุ้นเดือนม.ค. ปรับตัวดีขึ้น แม้เจอโควิด-19 รอบใหม่

0

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนมกราคมที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าจะเผชิญปัจจัยลบจากโควิด-19 รอบใหม่ภายในประเทศ ทำให้ภาครัฐได้ออกมาตรการ partial lockdown และ จำกัดการเดินทางข้ามจังหวัดในบางพื้นที่ อย่างไรก็ดี ผลตอบรับเชิงบวกจากผลการชนะเลือกตั้งทั้งในสภาล่างและสภาบนของพรรคเดโมแครต (Blue Wave) และเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีขึ้น สอดคล้องกับภาพรวมการส่งออกไทยในเดือนธันวาคม 2563 ขยายตัวถึง 4.71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 8 เดือนและสูงสุดในรอบ 22 เดือน ทำให้ SET Index ปิดในแดนบวก

โดยสิ้นเดือนม.ค. 64 SET Index ปิดที่ 1,466.98 จุด เพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อน ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาค โดย MSCI ASEAN Index ปรับลดลง 1.9% เมื่อพิจารณารายอุตสาหกรรมเทียบกับสิ้นปี 2563 พบว่าหลายอุตสาหกรรมปรับตัวดีกว่า SET Index อาทิ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม

ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย

  • ณ สิ้นเดือนมกราคม 2564 SET Index ปิดที่ 1,466.98 จุด เพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อน ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาค โดย MSCI ASEAN Index ปรับลดลง 1.9%
  • ในเดือนมกราคม 2564 หลายอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่า SET Index อาทิ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม
  • นอกจากนี้ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2564 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ mai เพิ่มขึ้น 6.26% โดย mai Index ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาปิดที่ระดับ 356.33 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 18 เดือน
  • มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมใน SET และ mai ในเดือนมกราคม 2564 อยู่ที่ 100,509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยรายเดือนที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นเดือนที่สามติดต่อกัน และเป็นเดือนที่สองที่สภาพคล่องเกิน 1 แสนล้านบาท
  • ด้านผู้ลงทุนต่างชาติมีสถานะเป็นผู้ขายสุทธิเป็นเดือนแรกในรอบ 3 เดือน ด้วยมูลค่า 1.07 หมื่นล้านบาท          ผู้ลงทุนสถาบันในประเทศและกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิด้วยมูลค่า 1.60 หมื่นล้านบาท และ 942 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ผู้ลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิด้วยมูลค่า 2.76 หมื่นล้านบาท
  • ในเดือนนี้ผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 คิดเป็น 46.61% ของมูลค่าการซื้อขายรวม เพิ่มขึ้นจากจากปีก่อนหน้าที่ 43.66%
  • Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมกราคม 2564 อยู่ที่ระดับ 19.0 เท่า และ 26.0 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.4 เท่า และ 22.7 เท่าตามลำดับ
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนมกราคม 2564 อยู่ที่ระดับ 2.69% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.35%

ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า

  • ในเดือนมกราคม 2564 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 573,172 สัญญา ลดลง 24.3% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจาก Single Stock Futures และ SET50 Index Futures  ขณะที่มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในกลุ่ม Gold Online Futures, 10 Baht Gold Futures, Silver Online Futures และ Agricultural Futures

รู้เก็บรู้ออม : ตอบทุกโจทย์การลงทุน

0

คราวที่แล้ว “คุณนายพารวย” พาไปรู้จัก SET e-Learning หลักสูตรออนไลน์ แหล่งความรู้การเงินการลงทุนแบบดิจิทัล ตามคอนเซปต์ อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ…ก็เรียนรู้การลงทุนได้

มาวันนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ในฐานะหน่วยงานที่มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการให้ความรู้กับประชาชนในการออมและการลงทุนจึงได้ฤกษ์เปิดตัวเว็บไซต์ https://www.setinvestnow.com เพื่อให้เป็นแหล่งรวมความรู้การลงทุนสำหรับนักลงทุนมือใหม่ ส่งเสริมให้คนไทยได้เรียนรู้และเริ่มลงมือลงทุน!!

โดยตลาดหลักทรัพย์ฯต้องการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยสนใจการออมการลงทุนและใช้เครื่องมือในตลาดทุนเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินในอนาคตได้อย่างเหมาะสม จึงเดินหน้าขยายฐานผู้ลงทุนคุณภาพอย่างต่อเนื่อง

และจากข้อมูลในปี 2563 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯพบว่าผู้ลงทุนและผู้ที่สนใจศึกษาข้อมูลการลงทุน ได้เข้ามาเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ของตลาดหลักทรัพย์ฯเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์เฉลี่ยต่อเดือนกว่า 75 ล้านเพจวิว และมีจำนวนผู้ติดตามผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียกว่า 2 ล้านคน เติบโตมากกว่า 20% สะท้อนถึงความต้องการเรียนรู้การลงทุนในรูปแบบดิจิทัลที่เพิ่มสูงขึ้น

ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พัฒนาเว็บไซต์ http://www.setinvestnow.com  เพื่อรองรับการเข้าถึงผู้ลงทุนได้กว้างขึ้นผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล โดย http://www.setinvestnow.com มีความโดดเด่น ด้วยรูปแบบ personalization ที่ให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกเรียนรู้เนื้อหา ผลิตภัณฑ์ และแนวทางการลงทุนที่เหมาะกับตนเอง

เพื่อให้ตอบโจทย์ได้ตรงตามไลฟ์สไตล์และเป้าหมายการลงทุนของแต่ละคนด้วยฟังก์ชันที่ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว โดยนำเสนอเนื้อหาที่หลากหลายรูปแบบ ทั้ง e-Learning, คลิปความรู้, บทความ, หนังสือออนไลน์ ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมโยงนักลงทุน ไปสู่ผู้ให้บริการเพื่อเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น กองทุนรวม และอนุพันธ์ได้ในทันทีผ่านหน้าเว็บไซต์นี้ และยังได้จัดทำแคมเปญและกิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง

เรียกว่า เป็นเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ทุกการลงทุน สำหรับผู้ใฝ่รู้-ใฝ่รวย เพื่อความมั่งคั่งและอิสรภาพทางการเงินโดยแท้ “คุณนายพารวย” ชวนผู้อ่านมาร่วมเปิดโลกสู่ความมั่งคั่งไปพร้อมๆกัน


ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง โดยคุณนายพารวย หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

รู้เก็บรู้ออม : มีเงินน้อยก็ซื้อหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่ได้

0

หน่วยงานให้ความรู้ทางการเงินรวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พยายามส่งเสริมให้คนมีเงินออม นอกจากการออมที่เป็นตัวเงินแล้ว เรายังสามารถออมหุ้นหรือออมกองทุนได้ด้วยเพื่อสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น แต่หลายคนบอกว่าขอเวลาไปเก็บเงินให้ได้เยอะๆก่อน เพราะคิดว่าคนที่ลงทุนในหุ้นได้ต้องเป็นคนรวยหรือมีเงินเยอะๆเท่านั้น!!

…นี่ถือเป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก เพราะในความเป็นจริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีเงินหลักหมื่นหรือหลักแสน มีเงินน้อยก็สามารถลงทุนในหุ้นได้ สัปดาห์นี้ “คุณนายพารวย” มีบทความที่น่าสนใจจากตลาดหลักทรัพย์ฯเรื่อง “มีเงิน 2,000 บาท ก็ซื้อหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่ได้ด้วยวิธีลงทุนแบบ DCA” โดยสรุปได้ดังนี้

การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar Cost Average : DCA) คือ การทยอยลงทุนแบบสม่ำเสมอด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆกัน โดยอาจลงทุนเป็นรายเดือน หรือรายไตรมาส แล้วแต่จะกำหนดความถี่ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ได้ซื้อหุ้นทั้งในช่วงที่ภาวะการลงทุนดีและไม่ดี โดยไม่ต้องสนใจว่าราคาหุ้นที่เลือกลงทุน ตอนนั้นเป็นราคาเท่าไร จึงทำให้ได้ราคาต้นทุนแบบถัวเฉลี่ย และมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

ซึ่งปัจจุบันมีบริษัท หลักทรัพย์หลายแห่ง ที่ให้บริการการลงทุนแบบ DCA โดยจะหักเงินจากบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ เพื่อนำเงินไปลงทุนในหุ้นที่ได้เลือกไว้ว่าจะลงทุนทุกเดือนสม่ำเสมอ ทำให้ได้หุ้นที่มีราคาต้นทุนเฉลี่ยจากทุกสภาวะตลาดโดยเริ่มต้นลงทุนได้ตั้งแต่เฉลี่ยเดือนละ 1,000-2,000 บาทต่อเดือน ถือเป็นทางออกที่น่าสนใจสำหรับมือใหม่หัดลงทุน

โดยเราสามารถเลือกลงทุนในหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการดี และลงทุนในระยะยาวได้ เนื่องจากมีโอกาสได้กำไรส่วนต่างจากราคาหุ้น (Capital Gain) รวมถึงหากเลือกหุ้นที่จ่ายเงินปันผลเป็นประจำ จะทำให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend) สม่ำเสมอด้วย

ตัวอย่างตารางทดลองการลงทุนในหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่ 5 ตัว ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.51-30 ก.ย.63 ผ่านเครื่องมือ DCA Simulation โดยลงทุน 2,000 บาทต่อเดือน พบว่าได้รับผลตอบแทนทั้งกำไรจากราคาหุ้นและเงินปันผลที่น่าสนใจ ซึ่งข้อดีของการลงทุนแบบ DCA คือ ผู้ที่มีเงินลงทุนตั้งต้นไม่มาก แต่ต้องการสะสมหุ้นเพื่อให้เงินทำงาน และได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินไว้เฉยๆในธนาคาร

อีกทั้งไม่ต้องใช้เวลาติดตามข่าวสารหรือราคาหุ้นในตลาดมากนัก แต่ต้องท่องให้ขึ้นใจว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ต้องศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน” ทุกครั้ง วันนี้ “คุณนายพารวย” จึงอยากชวนพวกเราผู้ใฝ่รวยทั้งหลายเข้าไปศึกษาเรียนรู้เทคนิคการลงทุนแบบ DCA ทั้งในหุ้นและกองทุนรวม ผ่าน http://www.setinvestnow.com เว็บไซต์ที่รวมความรู้การลงทุนสำหรับมือใหม่ ตอบทุกโจทย์การลงทุน มีเงินน้อยก็ลงทุนหุ้นใหญ่ได้!!


ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง โดยคุณนายพารวย หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ก.ล.ต. จับมือ 12 หน่วยงาน เปิดเว็บ รู้เรื่องเงิน.com

0

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. ร่วมกับกระทรวงการคลังโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 12 แห่ง ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด สำนักงานประกันสังคม กองทุนการออมแห่งชาติ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ จัดทำเว็บศูนย์รวม www.รู้เรื่องเงิน.com โดยมี ก.ล.ต. เป็นเว็บมาสเตอร์ดูแลข้อมูลให้ถูกต้องมีความทันสมัย

www.รู้เรื่องเงิน.com เป็นเว็บศูนย์รวมข้อมูลพื้นฐานในการสร้างทักษะบริหารจัดการเงินจากหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางการเงินด้วยตนเองของประชาชน โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวกและรวดเร็วจากแหล่งเดียว เหมาะสำหรับบุคคลทุกช่วงวัยตั้งแต่วัยเรียนไปจนถึงวัยเกษียณ สามารถเลือกสืบค้นได้จากอาชีพเฉพาะด้าน เช่น เกษตรกร ข้าราชการ ผู้มีรายได้ประจำ อาชีพอิสระ และเจ้าของกิจการ และสามารถสืบค้นได้จากหัวข้อที่สนใจ เช่น การทำความรู้จักผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน ความรู้การเงินดิจิทัล สิทธิและหน้าที่ของคนไทยด้านการเงิน มาตรการทางการเงินของภาครัฐ แนวทางการลงทุนเพื่อรองรับการเกษียณสุข และรูปแบบภัยทางการเงินที่ต้องระวัง รวมทั้งยังเป็นแหล่งรวมของช่องทางแจ้งเบาะแสและติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐโดยตรง

การจัดทำเว็บศูนย์รวมด้านการเงินเพื่อคนไทย เป็นไปตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ปี 2560-2564 และสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ได้รับทราบข้อเสนอของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา เกี่ยวกับรายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความรอบรู้ทางการเงินของประชาชนไทย (Financial Literacy) ซึ่งเสนอแนะให้จัดทำช่องทางดิจิทัลเพื่อส่งเสริมและติดตามพัฒนาการของความรอบรู้ทางการเงินของประชาชนในวงกว้าง โดยการจัดทำเว็บไซต์รู้เรื่องเงิน.com นี้ มุ่งหวังให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ทางการเงินที่เชื่อถือได้ เรียนรู้และพัฒนาทักษะและบริหารจัดการเงินด้วยตนเอง สามารถเลือกผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เหมาะสม รู้วิธีการทำเงินออมให้งอกเงยด้วยการลงทุน และมีภูมิคุ้มกันรู้ทันภัยกลโกงทางการเงิน ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้รับการสนับสนุนข้อมูลและความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกแห่งในการเผยแพร่ข้อมูลผ่านบทความ อินโฟกราฟิก และคลิปวิดีโอ รวมถึงรูปแบบที่ทำให้เว็บไซต์ใช้งานได้สะดวก   

ก.ล.ต. ขอเชิญชวนทุกท่านศึกษาค้นคว้าความรู้ทางการเงินในเว็บศูนย์รวม www.รู้เรื่องเงิน.com แหล่งรวมความรู้ทางการเงินที่เป็นกลาง เชื่อถือได้ ที่จะช่วยพัฒนาความรู้เรื่องการเงินโดยครอบคลุมทุกด้าน เพิ่มทักษะชีวิตในเรื่องการใช้เงินเป็น จัดการหนี้ได้ มีเงินออมให้เพียงพอ และรู้จักลงทุนให้เงินออมงอกเงยได้พร้อมกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

CP FreshMart ทั่วไทย Big Cleaning Day รับตรุษจีนเสริมเฮง ลูกค้ามั่นใจไร้โควิด

0

นาย ชัยยุทธ ทิพย์สุวรรณพร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า CP FreshMart ใส่ใจในความปลอดภัยให้ผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง คง 9 มาตรการเข้ม “สะอาด ปลอดภัย รวมใจต้านโควิด-19” และจัดกิจกรรม Big Cleaning Day พร้อมกันทุกสาขาทั่วประเทศ ทำความสะอาดร้านครั้งใหญ่ เพื่อเป็นส่วนหนี่งในการช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่สาธารณะ สร้างความมั่นใจในสินค้าและบริการที่สะอาด ปลอดภัยให้กับลูกค้าทุกท่านโดยเฉพาะเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง

โดย CP FreshMart กำหนดให้ Big Cleaning ทุกเดือน โดยเฉพาะสาขาที่อยู่ในพื้นที่สีแดง เพิ่มการทำความสะอาดอาทิตย์เว้นอาทิตย์ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด พร้อมดูแลสุขภาพของพนักงานที่ปฏิบัติงานในร้านทุกคน เพื่อส่งมอบสินค้าและการบริการที่ได้มาตรฐานความสะอาดและปลอดภัยให้แก่ลูกค้าทั่วไทย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

คุณชัยยุทธ กล่าวว่า สำหรับ “9 มาตรการคุมเข้มโควิด-19” ประกอบด้วย 1.ใช้น้ำยาทำความสะอาดร้านและจุดสัมผัส เช่นประตู ตู้แช่สินค้า ตะกร้า เป็นประจำทุก 2 ชั่วโมง 2.พนักงานในร้านต้องล้างมืออย่างสม่ำเสมอ 3.พนักงานใส่หน้ากากอนามัยเวลาปฏิบัติงานในร้าน 4.พนักงานสวมถุงมือระหว่างปฏิบัติงาน โดยเฉพาะการสัมผัสกับสินค้า 5.ทุกสาขาจัดเตรียมแอลกอฮอล์เจลให้ลูกค้าล้างมือก่อนเข้าร้าน 6.ร้านเตรียมถาดใส่เงิน และทำความสะอาดเหรียญและธนบัตรก่อนเก็บ 7.รณรงค์เรื่อง Social Distancing ให้ลูกค้ารักษาระยะห่าง ในการเข้าแถวชำระสินค้า 8.ส่งเสริมการจ่ายเงินผ่านระบบด้วย True Money Wallet และ 9.ซีพี เฟรชมาร์ท มีการบริการสั่งสินค้าออนไลน์และจัดส่งตรงถึงบ้านฟรี! ไม่มีขั้นต่ำ เพื่อลดความกังวลลูกค้าในการออกมาซื้อสินค้านอกบ้านด้วยCP FreshMart ติดตามสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้าอย่างเต็มที่ และเพิ่มทางเลือกในการสั่งซื้อสินค้าหลากหลายช่องทาง ทั้งในร้าน ซีพี เฟรชมาร์ท กว่า 300 สาขาทั่วประเทศ หรือแอปพลิเคชัน CP FreshMart หรือโทร 1788 หรือ สั่งซื้อออนไลน์ที่ www.cpfreshmartshop.com