Home Blog Page 165

AWC โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1​ ​ปี​ 66​ สุดแกร่ง​กำไรเพิ่มเท่าตัว​ 1.4​ พันล.

0

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2566 ตามงบการเงินรวมมูลค่ายุติธรรม มีรายได้รวมกว่า 4,785 ล้านบาท เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดร้อยละ 65.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ในไตรมาส 1/2566 กว่า 2,572 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 67.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการในทุกเซ็กเมนต์ ซึ่งสามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) ที่ 4,152 บาท สูงกว่าปี 2562 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ร้อยละ 17 โดยเฉพาะโรงแรมนอกกรุงเทพฯ และรีสอร์ท ระดับลักซ์ซูรี ที่มีอัตราการเข้าพักสูงโดดเด่น สอดรับการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัทฯ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลการท่องเที่ยวอย่างเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,422 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และยังสูงกว่าปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 อีกด้วย

วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC

AWC ยังคงมุ่งพัฒนาทรัพย์สินคุณภาพให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงานเพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างกำไรจากการดำเนินงาน (อิบิทดากลุ่มธุรกิจ) อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีมูลค่าทรัพย์สินดำเนินงานรวมกว่า 119,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36,548 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2562 คิดเป็นร้อยละ 43.9 นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนพัฒนาโครงการต่าง ๆ เพื่อสร้างกระแสเงินสดในระยะกลางอย่างแข็งแกร่ง พร้อมเข้าลงทุนทรัพย์สินในสัญญาให้สิทธิ (ROFR) จากกลุ่มทีซีซี และโอกาสการลงทุนทรัพย์สินคุณภาพอื่น ๆ ในระยะยาว และด้วยขนาดของทรัพย์สินคุณภาพที่เติบโตต่อเนื่อง บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างก้าวกระโดดและมั่นคง

“จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ AWC ในไตรมาส 1/2566 ซึ่งเติบโตสูงขึ้นกว่าไตรมาส 4/2565 และก่อนช่วงสถานการณ์โควิด-19 ปี 2562 ถือเป็นสัญญาณบวกของการเริ่มต้นปี โดยผลประกอบการที่เติบโตก้าวกระโดดนี้มาจากการการดำเนินงานตามกลยุทธ์ GROWTH-LED ผ่านการพัฒนาโครงการทรัพย์สินคุณภาพให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงาน โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 36,548 ล้านบาท เมื่อเทียบกับก่อนสถานการณ์โควิด-19 ทั้งสร้างกระแสเงินสดเติบโต พร้อมเร่งสร้างการเติบโตของอัตราผลตอบแทนด้วยการพัฒนาทรัพย์สินเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย อาทิ ผลดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ ที่มีค่า Revenue Generation Index (RGI) ในภาพรวมสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ โรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ มีค่า RGI เท่ากับ 201 และโรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ มีค่า RGI เท่ากับ 195 เป็นต้น และอัตรารายได้เฉลี่ยต่อห้องพักในภาพรวม (RevPAR) สูงถึง 4,152 บาท รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนกำไรจากการดำเนินงานต่อรายได้ ซึ่งไม่รวมมูลค่ายุติธรรม (EBITDA MARGIN) ในไตรมาส 1/2566 ของทั้งกลุ่มบริษัทฯ สูงถึงร้อยละ 45 แข็งแกร่งกว่าไตรมาส 1/2565 ร้อยละ 14”

กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ 

บริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มรีสอร์ท ระดับลักซ์ซูรี และโรงแรมอื่น ๆ นอกกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีศักยภาพ (High-to-Luxury) สอดรับกับมาตรการการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้มีดีมานด์การท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่สูงขึ้นอย่างเด่นชัด ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) อยู่ที่ 4,152 บาท ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2562 ที่เท่ากับ 3,549 บาท โตขึ้นร้อยละ 17 โดยในไตรมาส 1/2566 กลุ่มธุรกิจโรงแรมมีรายได้ 2,743 ล้านบาท คิดเป็นกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) 1,091 ล้านบาท ซึ่งเติบโตก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)

AWC มุ่งพัฒนาทรัพย์สินคุณภาพให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงานเพื่อเพิ่มมูลค่าอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนห้องพักในปัจจุบันรวม 5,588 ห้อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 63 เทียบกับก่อนสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งภายในปีนี้ ยังมีแผนเดินหน้าเพิ่มพอร์ตคุณภาพในกลุ่มโรงแรมและการรีแบรนด์โรงแรม ได้แก่ โรงแรม อินน์ไซด์ บาย มีเลีย กรุงเทพ สุขุมวิท และโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง รวมทั้งการรีแบรนด์โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ เป็น โรงแรม แมริออท เชียงใหม่ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนโรงแรมที่เปิดดำเนินการจาก 20 โรงแรมในปี 2565 เป็น 22 โรงแรม ในปี 2566 รวม 6,036 ห้อง ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพบริษัทให้สามารถตอบสนองความต้องการนักท่องเที่ยวและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกเสริมความแข็งแกร่งของทรัพย์สินคุณภาพในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Assets Enhancement) อาทิ การร่วมมือกับ Accor ในการรีแบรนด์จากโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว แบงค็อก วินด์เซอร์ เป็นโรงแรม แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท แห่งแรกในประเทศไทย

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail & Commercial)

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการค้า (Retail and Wholesale) มีการเติบโตต่อเนื่องของผู้เช่า ซึ่งได้แรงสนับสนุนจากผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยว ส่งผลให้รายได้เติบโตมากกว่าร้อยละ 114 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อให้สอดรับกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย อาทิ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ผ่านประสบการณ์ “ALL DAY EVERYDAY HAPPINESS” พร้อมการร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกเปิด “Disney100 Village at Asiatique” การเปิดตัวห้องอาหาร “เดอะ คริสตัลล์ กริลล์ เฮาส์” และ “เดอะ สยาม ที รูมท์” เพื่อยกระดับโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ สู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก ส่งผลให้โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น มีอัตราการเช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าที่สูงขึ้นสอดรับกับจำนวนลูกค้าที่เข้าใช้บริการที่เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 250 เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการเปิดตัว THE PANTIP LIFESTYLE HUB ที่เชียงใหม่ ภายใต้แนวคิด “EVERY HAPPINESS FOR EVERYONE” มุ่งสร้างแลนด์มาร์คไลฟ์สไตล์สำหรับครอบครัวใจกลางเมืองเชียงใหม่ และในเดือนเมษายนที่ผ่านมา AWC ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ขับเคลื่อนประเทศไทย เป็น “ศูนย์กลางค้าส่งอาหารของภูมิภาค” โดยได้เปิดโมเดลค้าส่งอาหารรูปแบบใหม่ของโครงการ AEC FOOD WHOLESALE PRATUNAM ที่จะตอบโจทย์การค้าส่งอาหารครบวงจร พร้อมเชื่อมผู้ค้าส่งอาหารทั่วโลกกับผู้ซื้อในเขตเศรษฐกิจอาเซียน

สำหรับธุรกิจอาคารสำนักงาน (Commercial) ยังคงสร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง มาจากความต้องการเช่าพื้นที่สำนักงานเกรด A ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบรับเทรนด์อนาคตที่ผสมผสานการทำงานและไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกัน อีกทั้งเป็นสำนักงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียว (Green Building) โดยในไตรมาสที่ผ่านมา AWC ได้เปิดตัว “Co-Living Collective: Empower Future” ที่อาคาร “เอ็มไพร์” เป็นครั้งแรก นำ Co-Living Space กว่า 1,500 ตร.ม. ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยมาสร้างประสบการณ์พิเศษให้กับผู้เช่าอาคาร ตอบโจทย์ทั้งด้านการทำงานและไลฟ์สไตล์ในที่เดียว

“AWC ยังคงมุ่งเน้นความสามารถในการทำกำไร และควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการดำเนินการพัฒนาโครงการคุณภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างทรัพย์สินดำเนินงานคุณภาพ เสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอและตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้ายุคใหม่อยู่เสมอ สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมท่องเที่ยวจากภาครัฐ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กรได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนตามพันธกิจ “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” นางวัลลภา กล่าวสรุป

AWC มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแผนกลยุทธ์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้รับรางวัลที่สะท้อนถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และความโดดเด่นของแบรนด์องค์กร ได้แก่  รางวัล “Thailand’s Top Corporate Brands 2022” ในฐานะองค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดของประเทศไทย ประจำปี 2565 ในหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่จัดขึ้นโดยหลักสูตรปริญญาโท สาขาการจัดการแบรนด์และการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ “Asia’s Greatest Brand 2023” รางวัลระดับภูมิภาคเอเชีย ในกลุ่มธุรกิจบริการจากงาน Edition of Asian Business & Social Forum – Asia’s Greatest Brands and Leaders 2023 ที่จัดโดย Asia One Magazine นิตยสารธุรกิจชั้นนำของประเทศอินเดีย เพื่อยกย่องผู้นำทางธุรกิจและแบรนด์ที่มีความโดดเด่นในปี 2566

เมืองไทยประกันชีวิต บริจาคเงินและมอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่ม ให้มูลนิธิ พล.ต.อ.เภา สารสิน

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริจาคเงินจำนวน 200,000 บาท และสนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่ม แก่มูลนิธิ พล.ต.อ.เภา สารสิน (สถานสงเคราะห์เด็กบ้านตะวันใหม่) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในทุกๆ ด้านของมูลนิธิ พล.ต.อ.เภา สารสิน (สถานสงเคราะห์เด็กบ้านตะวันใหม่) โดยเฉพาะการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการใช้ยาเสพติด ให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ พร้อมที่จะเติบโตเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าต่อสังคมไทยในอนาคต โดยมี ม.ล. อารยา สิโรดม กรรมการเหรัญญิก มูลนิธิ พล.ต.อ.เภา สารสิน (สถานสงเคราะห์เด็กบ้านตะวันใหม่) เป็นผู้แทนรับมอบ ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์       รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส นายปราโมทย์ ศักดิ์กำจร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส และนายศรายุธ ทินกร ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมในพิธีดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความแข็งแกร่ง มั่นคง และตั้งอยู่บนหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับพันธกิจในการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่สังคม ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม ศาสนา รวมถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญที่มุ่งมั่นถึงการเป็นองค์กรที่รับผิดชอบด้าน ESG อย่างจริงจัง

เซเว่น อีเลฟเว่น เดินหน้า 7 GO GREEN ชวนลูกค้าทั่วประเทศ ร่วมชาเลนท์ปลูกต้นไม้ บน 7APP ดีเดย์ 15 พ.ค.นี้

0

นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ เปิดเผยว่า ซีพี ออลล์ มีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและสอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล หรือ ESG ซึ่งในมิติของด้านสิ่งแวดล้อมนั้น ซีพี ออลล์ ได้ดำเนินธุรกิจภายใต้นโยบาย 7 Go Green เพื่อสิ่งแวดล้อม 24 ชั่วโมง โดยมีเป้าหมายที่จะปลูกต้นไม้ให้ได้ทั้งสิ้น 1 ล้านต้น ภายในปี 2568 จากโครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต” เพื่อปลูกไม้ยืนต้นสร้างพื้นที่สีเขียวและช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกให้กับพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งเป็นไปตามปณิธาน “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสต่อกัน”

และเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมให้กับลูกค้าให้ได้รับประสบการณ์พิเศษและเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อมที่สวยงามร่วมกัน เซเว่น อีเลฟเว่น จึงเปิดตัวชาเลนท์ “แค่ไม่รับ=ปลูกต้นไม้” บน 7APP เชิญชวนลูกค้าทั่วประเทศปฎิเสธการรับถุงพลาสติก ช้อน ส้อม และหลอด โดยลูกค้าจะได้หยดน้ำเพื่อนำไปปลูกต้นไม้ใน 7 APP ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม – 23 กรกฎาคม 2566 ปลูกต้นไม้ง่ายๆ เพียงแค่ปลายนิ้ว

วิธีการรับหยดน้ำ
ลูกค้าสามารถสะสมหยดน้ำที่ได้จากการไม่รับถุงพลาสติก ช้อน ส้อม และหลอด
เมื่อซื้อสินค้าที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เพื่อนำไปปลูกต้นไม้ใน 7APP

วิธีการปลูกต้นไม้ใน 7APP

  1. สำหรับลูกค้า All Member สามารถรับหยดน้ำและนำมาปลูกต้นไม้ใน 7APP
  2. สำหรับลูกค้าทั่วไป สามารถเป็นส่วนหนึ่งของโครงการได้เพียงปฎิเสธ ไม่รับถุงพลาสติก ช้อน ส้อม
    และหลอด หยดน้ำก็จะเข้าโครงการอัตโนมัติ

การเจริญเติบโตของต้นในใน 7 APP
ต้นไม้จะมีการเจริญเติบโตทั้งหมด 5 ระดับ โดยใช้หยดน้ำสะสมตามที่กำหนดเพื่อรดน้ำไปสู่ขั้น “ออกผล” จะสามารถส่งยอดจำนวนต้นไม้ใน 7 APP นำไปปลูกจริงเข้าโครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต” ของซีพี ออลล์
ระยะเวลาร่วมกิจกรรม ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.- 23 ก.ค.66

“การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนั้นอาจจะไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง และผลของการร่วมมือช่วยกันนั้นไม่อาจจะเกิดขึ้นได้ในเวลาอันสั้น แต่หากเพียงแค่เราทุกคนช่วยกัน..ร่วมมือกัน เริ่มจากสิ่งง่ายๆใกล้ๆตัว เช่น การร่วมกันปลูกต้นไม้ เพียงแค่คนละ 1 ต้น ไม่นานต้นไม้ก็จะรวมกันเป็นต้นไม้หลายต้น…ต้นไม้หลายๆต้นรวมกันกลายเป็นป่า…ป่าไม้นั้นเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญของคนทั้งโลก เซเว่น อีเลฟเว่น ขอเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้โลกนี้มีต้นไม้มากขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศของเราและโลกของเรา”

AIS พร้อมรับมือพายุไซโคลน “โมคา” ทีมวิศวกรดูแลเครือข่ายและเน็ตบ้านในพื้นที่เสี่ยงเต็มที่

0

จากกรณีที่กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ว่าจะมีพายุไซโคลนโมคา เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเมียนมาร์ในช่วงระหว่างวันที่ 14 – 15 พฤษภาคม 2566 ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 12 – 15 พฤษภาคม 2566 ประเทศไทยจะมีฝนตกต่อเนื่องและฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งอาจเกิดอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายพื้นที่

เอไอเอส ห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมมีการเตรียมการล่วงหน้า ทั้งการดูแลเครือข่ายสื่อสารและเน็ตบ้านอย่างเต็มที่ รวมทั้งเตรียมมอบความช่วยเหลือด้านระบบสื่อสารให้พร้อมบริการอย่างดีที่สุด อาทิ

  • การเตรียมพร้อมรถสถานีฐานเคลื่อนที่และทีมวิศวกร Stand by ในพื้นที่เสี่ยง หากเกิดกรณีฉุกเฉิน พร้อมติดตั้งอุปกรณ์วัดระดับน้ำผ่าน IoT เพื่อให้สามารถเข้าแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและรวดเร็ว
  • จัดเตรียมเครื่องปั่นไฟและน้ำมันในพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้พร้อมดูแลสัญญาณในพื้นที่หลักได้อย่างทันท่วงที
  • เตรียมความพร้อมในการประสานงานกับ ปภ.พื้นที่และส่วนราชการในจังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยง เพื่อเตรียมความพร้อมเครือข่ายล่วงหน้าในบริเวณพื้นที่ศูนย์อพยพที่แต่ละจังหวัดจัดไว้ในกรณีจำเป็น
  • ติดตามมอนิเตอร์สถานการณ์เครือข่ายผ่านศูนย์บริหารจัดการเครือข่าย (Network Operation Center) พร้อมเตรียม War room ในกรณีที่เกิดเหตุวิกฤต

ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานในเอไอเอสได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่เพื่ออยู่เคียงข้างและให้ประชาชนสามารถใช้บริการสื่อสารและเน็ตบ้านได้ต่อเนื่องอย่างดีที่สุด

เมืองไทยประกันชีวิต จับมือ AIS เปิดตัว MTL Virtual World เข้าถึงแบบประกันภัยบนโลกเสมือนจริง

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เปิดเผยว่า MTL ร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เปิดตัว “MTL Virtual World” แลนด์มาร์คแห่งใหม่บนโลกเสมือนจริง ผ่านเว็ปไซต์ V-AVENUE.CO ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล และช่วยให้การเข้าถึงแบบประกันภัยต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลเป็นไปได้อย่างง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้สัมผัสประสบการณ์รูปแบบใหม่ของวงการธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น ซึ่งเปิดให้บริการในวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป

โดยภายใน “MTL Virtual World” จะได้พบกับ “น้องรักษ์ยิ้ม” ตัวแทนของเมืองไทยประกันชีวิตที่คอยส่งมอบความสุขและรอยยิ้ม ยืนเด่นท่ามกลางแลนด์มาร์ค เพื่อให้การต้อนรับทุกคนที่มาเยือน พร้อมจัดเตรียมการให้บริการ ออกเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่
• Stage Zone ให้ลูกค้ารับชมเรื่องราว ประสบการณ์ประกัน ผ่าน Virtual World : โดยจะมีการโชว์คลิป เรื่องราว ประสบการณ์ของผู้ใช้ประกัน
• Product Zone ให้ลูกค้าเข้าถึงรายละเอียดแต่ละผลิตภัณฑ์ประกันโดยง่าย : โซนแสดงแบบประกันชีวิต รวมถึงความคุ้มครองต่างๆ ที่สามารถเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตนเองและหากสนใจซื้อแผนประกันภัย สามารถกดรับ E-Code ผ่าน V-AVENUE.CO เพื่อรับโปรโมชันพิเศษ

• Customer Service Zone พร้อมให้บริการแก้ปัญหา ตอบคำถามต่างๆ เกี่ยวกับประกันภัย : ช่องทางติดต่อ ที่เชื่อมตรงกับเว็บไซต์เมืองไทยประกันชีวิต โดยลูกค้าสามารถเลือกช่องทางติดต่อ ได้ตามความสะดวก ไม่ว่าจะเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์เมืองไทยประกันชีวิต หรือโทรติดต่อ Call Center ของบริษัทฯ

“การเปิดตัว MTL Virtual World ในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นตั้งใจของเมืองไทยประกันชีวิต ในการพัฒนาช่องทางต่าง ๆ ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างครอบคลุม เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงแบบประกันชีวิต ความคุ้มครองสุขภาพได้อย่างง่ายดาย และสะดวกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ครั้งสำคัญของธุรกิจประกันชีวิต ในการก้าวไปสู่โลกยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว” นายสาระ กล่าว

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “ความสำเร็จของ V-AVENUE.CO จากการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งค้าปลีก แฟชั่น ร้านอาหาร อสังหาฯ โรงแรม โดยเรายังเปิดกว้างสำหรับทุกภาคธุรกิจที่มองเห็นโอกาสในการนำเสนอสินค้าและบริการในรูปแบบใหม่บน Digital Landlord ที่ไร้ขีดจำกัด กับแพลตฟอร์มการช้อปปิ้งศูนย์การค้าเสมือนจริงอย่าง V-AVENUE.CO ที่เป็นการใช้ศักยภาพของโครงข่าย AIS 5G มายกระดับและสร้างประสบการณ์ดิจิทัล

สำหรับการทำงานร่วมกับ เมืองไทยประกันชีวิต ในการเปิดตัว MTL Virtual World ล่าสุด ให้ลูกค้าและคนไทยได้สัมผัสประสบการณ์การเข้าถึงแบบประกันภัยบนโลกใหม่ ซึ่งจะตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายบน
V-AVENUE.CO”

พิเศษ…สำหรับผู้ที่สนใจซื้อแผนประกันภัยของเมืองไทยประกันชีวิตที่เข้าร่วมโครงการ ผ่าน V-AVENUE.CO เท่านั้น (จำกัด 1 คน / 1 สิทธิ์) สามารถรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากมาย ประกอบด้วย
• แผนประกัน D Health เบาใจ และแผนประกัน D Health เบาตังค์ Plus รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ
ต่อที่ 1 รับ Voucher สูงสุด 5,000 บาท
ต่อที่ 2 รับ Voucher On Top 1,000 บาท (สนับสนุนโดย AIS) สำหรับ 250 กรมธรรม์แรก
• แผนประกัน เมืองไทย เพอร์เฟค เซฟวิ่ง 11/5 และ เมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ 15/3 (Global) รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ
ต่อที่ 1 รับ Voucher 5% จากเบี้ยประกันชีวิตรายปี (สำหรับเมืองไทย เพอร์เฟค เซฟวิ่ง 11/5 แผน 4 ขึ้นไป และสำหรับเมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ 15/3 (Global) ทุกแผนประกัน)
ต่อที่ 2 รับ Voucher On Top 1,000 บาท (สนับสนุนโดย AIS) สำหรับ 250 กรมธรรม์แรก

ทั้งนี้ สามารถติดตาม MTL Virtual World ได้ที่ V-AVENUE.CO และเลือก Visit MTL Land Plaza 5 โดยสามารถเลือกใช้บริการ หรือติดตามกิจกรรม เพื่อรับสิทธิพิเศษเหนือกว่าใคร

“ดิว-ณัฐฐพัชร์ วุฒิปุฒิปุยวาณิชย์” สาวแกร่งหัวใจผู้บริหาร ลงทุนแฟรนไชส์ห้าดาว 3 สาขา มั่นใจสร้างอาชีพมั่นคง

0

ความฝันที่อยากเป็นผู้บริหารมีธุรกิจเป็นของตัวเอง น่าจะหนึ่งในความต้องการของใครหลายๆคน ณัฐฐพัชร์ วุฒิปุฒิปุยวาณิชย์ หรือ ดิว สาวชุมพร ที่มีความฝันนี้มาตลอด แม้ช่วงแรกเส้นทางชีวิตทำให้ต้องไปหาประสบการณ์จากการเป็นพนักงานร้านกาแฟจนได้เลื่อนเป็นผู้จัดการร้าน แต่นั่นก็เป็นโอกาสในการเรียนรู้ทำให้มีพื้นฐานด้านการบริการติดตัวมา และคิดว่าสักวันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจตัวเอง โดยที่ตนเองได้เป็นคนบริหารจัดการเอง เลยจนกระทั่งมีครอบครัวเธอจึงออกมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวและได้เป็นแม่ค้าออนไลน์ เวลานี้เองที่ได้กลับมาเสาะหาลู่ทางที่จะเดินตามฝันของตัวเอง

ดิวเล่าว่า ตอนที่ตั้งท้องลูกคนที่ 3 จึงใช้เวลาช่วง 9 เดือนนั้นในการเริ่มต้นอาชีพขายของออนไลน์ เมื่อมีเวลาก็ค้นหาข้อมูลการทำธุรกิจแฟรนไชส์ที่จะเป็นรายได้เสริม เพราะรู้ว่าหลังจากนี้ต้องมีค่าใช้จ่ายอีกมาก ทั้งสำหรับลูกแฝดวัย 4 ขวบ และลูกที่กำลังจะเกิดมา ซึ่งธุรกิจเดียวที่อยู่ในใจมาตลอดคือ ธุรกิจห้าดาว เพราะมองว่าธุรกิจเเฟรนไชส์ห้าดาว ลงทุนไม่สูงและเเบรนด์เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว ซี่งตอนที่ทำร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน ก็มีซุ้มไก่ย่างห้าดาวเปิดอยู่ใกล้ๆกัน และขายดีมาก ตัวเธอเองเป็นลูกค้าประจำซื้อสินค้าทุกวัน เพราะราคาไม่แพง เข้าถึงลูกค้าทุกเพศทุกวัย ยิ่งได้คุยกับคนขายทำให้รู้ว่า เป็นธุรกิจที่เริ่มต้นไม่ยากและมีผลประกอบการน่าพอใจ จึงเลือกทำร้านห้าดาว แม้ว่าตอนแรกครอบครัวจะคัดค้านเพราะที่บ้านสามีทำร้านอาหารอยู่แล้ว แต่ตัวเธอเองอยากแตกแขนงมีรายได้และมีธุรกิจของตนเอง จึงเสนอแผนธุรกิจที่น่าสนใจ ทำให้แม่สามีตัดสินใจสนับสนุนเงินลงทุน 130,000 บาท สำหรับเปิดร้านห้าดาวสาขาแรกที่ Five Star ปั๊มปตท.ทองมี จ.ชุมพร ในรูปแบบกลาสเฮ้าส์ (Glass House) เมื่อเดือนมีนาคม 2565 โดยเธอเองทำงานคู่ขนานไปกับพนักงานด้วย เพื่อเรียนรู้งานปูทางสู่การเป็นผู้บริหารอย่างที่ตั้งใจ ซึ่งผลตอบรับน่าพอใจ

หลังจากความสำเร็จของร้านแรก อีก 3 เดือนถัดมา ในเดือนมิถุนายน 2565 ดิวตัดสินใจต่อยอดเปิดร้าน Five Star สาขา 2 หน้าร้าน 7-11 โรงเรียนพิชัย จ.ระนอง ซึ่งเป็นทำเลทองที่มองไว้ตั้งแต่แรก เมื่อทีมงานห้าดาวเสนอพื้นที่นี้จึงตกลงทันที ซึ่งยอดขายก็ดีอย่างที่คิดไว้ เพราะมีกลุ่มลูกค้าทั้งนักเรียน ผู้ปกครอง รวมทั้งพนักงานในศูนย์ราชการ และเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา เธอตัดสินใจเปิดเป็นร้านซุ้มห้าดาว Five Star สาขา 3 ที่ตลาดซอย2 จ.ระนอง ที่เป็นอีกหนึ่งทำเลทอง ซึ่งแนวโน้มผลประกอบการค่อนข้างดี มีกลุ่มลูกค้าประจำมากขึ้น

“ที่ตัดสินใจทำแฟรนไชส์ห้าดาว เพราะเราปักหมุดในใจไว้แล้วตั้งแต่ตอนที่เป็นผู้จัดการร้านกาแฟ จากที่เห็นความสำเร็จของคนอื่นและคิดว่าตัวเองก็ทำได้ เป็นเจ้าของได้ และตั้งเป้าหมายว่าต้องเป็นผู้บริหารร้านให้ได้ ซึ่งธุรกิจนี้ไม่ต้องคิดค้นสูตรเอง ไม่ต้องลองผิดลองถูก บริษัทมีการตลาดเข้มแข็งอยู่แล้ว แบรนด์เป็นที่รู้จักมายาวนานกว่า 38 ปี ถือว่าตอบโจทย์คนที่เริ่มต้นธุรกิจ เมื่อผนวกกับการโปรโมทร้านผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของตัวเอง และการนำความรู้จากคอสเรียนออนไลน์สร้างอาชีพมาประยุกต์กับธุรกิจ ทำให้ก้าวสู่ความสำเร็จได้ แม้เราอยู่บนพื้นฐานของการไม่มีเงินทุน แต่โชคดีที่มีครอบครัวสามีสนับสนุน จนได้เป็นผู้บริหารอย่างที่ตั้งใจไว้” ดิวกล่าว

ส่วนปัจจัยสู่ความสำเร็จ ดิวบอกว่า เกิดจากทีมงานของห้าดาวที่ใส่ใจดูแล แนะนำแนวทางที่ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การขายได้รวดเร็ว มีการสนับสนุนข้อมูลเพื่อให้ผลประกอบการมีประสิทธิภาพ ระบบหลังบ้านของธุรกิจดีมาก การสั่งของรวดเร็ว หากมีปัญหาทีมงานพร้อมร่วมแก้ไขเสมอ เพื่อให้การขายไม่สะดุด สูตรสำเร็จของผลิตภัณฑ์มาจากบริษัท จึงไม่ต้องจุกจิกกับขั้นตอนการเตรียมและการปรุง เพียงต้องใส่ในการบริหารหน้าร้าน เน้นการบริการลูกค้าที่ดี เพราะรสชาติไก่ดีเหมือนกันทั่วประเทศ แต่สิ่งที่ลูกค้าประทับใจคือการบริการของพนักงานหน้าร้าน โดยดิวเป็นคนอบรมพนักงานเอง โดยใช้ประสบการทำงานจากร้านกาแฟนำมาถ่ายทอดให้กับทีมงาน

“ธุรกิจห้าดาวไม่ใช้แค่แฟรนไชส์ แต่เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ ห้าดาวเป็นโอกาสของคนที่มองหาอาชีพที่มั่นคง ด้วยความเข้มแข็งของแบรนด์ เชื่อว่าจะสร้างความมั่นคงให้ผู้ประกอบการ ขอเพียงเราตั้งใจและมุ่งมั่น มัดใจลูกค้าและมัดใจลูกน้องให้ได้ เพราะการมีทีมงานดั้งเดิมดูแลร้านทำให้ลูกค้าเชื่อมั่น เมื่อเราเป็นฐานที่มั่นคง แถวของความสำเร็จก็จะยาวต่อไปอีก พนักงาน ทีมงาน ก็มีรายได้ มีอาชีพที่มั่นคงเช่นกัน วันนี้ภูมิใจที่สุดที่ได้ทำตามความฝัน จากคนที่ไม่มีทุน จนตอนนี้ชีวิตดีขึ้นกว่าเดิมมาก มีอาชีพและรายได้เป็นของตัวเอง สามารถดูแลลูกๆได้อย่างดี และลบคำดูถูกจากคนที่มองว่าเราคงทำไม่ได้ ด้วยการเป็นเจ้าของร้านห้าดาว 3 สาขา ใน 2 จังหวัดในวันนี้” ดิวกล่าว

ความสำเร็จของดิว-ณัฐฐพัชร์ สาวแกร่งหัวใจผู้บริหาร จากความมั่นใจในแบรนด์ห้าดาว ที่ช่วยสร้างอาชีพมั่นคงให้กับเธอ เป็นผลลัพธ์ของความมุ่งมั่นตั้งใจ การลงมือทำจริง และไม่หยุดเรียนรู้ ซึ่งเป็นเคล็ด(ไม่)ลับที่ใช้มาตลอด และเชื่อว่าเรื่องของเธอจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆคน สร้างฝันให้เป็นจริงได้เช่นกัน

เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมงาน “Money Expo 2023 Bangkok” ภายใต้แนวคิด “Green Finance For Green Living”

0

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะประธานในพิธี นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 23 “Money Expo 2023 Bangkok” ภายใต้แนวคิด “Green Finance For Green Living” ให้เกียรติเป็นประธานเปิดบูธเมืองไทย    ประกันชีวิต โดยมีนายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส นายปราโมทย์ ศักดิ์กำจร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส นายศรายุธ ทินกร ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส พร้อมด้วยผู้บริหารและตัวแทนนักวางแผนประกันชีวิต และที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ

โดยในปีนี้ เมืองไทยประกันชีวิตได้    คัดสรรผลิตภัณฑ์ บริการ และโปรโมชันเด่น พร้อมทีมเจ้าหน้าที่ไว้คอยให้คำปรึกษา แนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า รวมถึงกิจกรรมแห่งความสุขและสร้างรอยยิ้มไว้อย่างครบครัน  โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-14 พฤษภาคม 2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ศก.ฟื้นทำช้อปสะพัด หนุน MC กำไรงวด 9 เดือนพุ่ง 525 ล. ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องทะลุปี 65

0
ช้อปสะพัด จากเศรษฐกิจฟื้น พร้อมกระแสเลือกตั้งหนุน ส่งกำลังซื้อและความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคพุ่ง ดัน “แม็คกรุ๊ป” งวด 9 เดือนรายได้ 2,832 ล้านบาท กำไร 525 ล้าน ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องและทะลุปี 65 ยอดขายเพิ่มขึ้นทุกช่องทางจำหน่าย เดินหน้าขยาย Mc Outlet ต่อเนื่องรองรับกำลังซื้อ

นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน รอบปีบัญชี 2566 (1 ก.ค.2565-31 มี.ค.2566) ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 525 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.3% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 364 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิ 18.6% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 16.8% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังสูงที่ระดับ 64.9% เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 64.4% โดยในงวด 9 เดือน บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า 2,832 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 662 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 30.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

“รายได้และกำไรของบริษัทในงวด 9 เดือน เติบโตแข็งแกร่ง ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าที่ทำได้กว่า 2,832 ล้านบาท เกือบเท่ากับปี 2565 ทั้งปีที่มีรายได้ทั้งสิ้น 2,949 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิงวด 9 เดือนทำได้ 525 ล้านบาท สูงกว่าปี 2565 ทั้งปี โดยปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 486 ล้านบาท” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แม็คกรุ๊ป กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปีบัญชี 2566 (1 ม.ค. 2566-31 มี.ค. 2566) บริษัทมีกำไรสุทธิ 163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 110 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 17.0% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 14.8% โดยบริษัทมีรายได้จากการขายสินค้ารวม 957 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 219 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทเติบโตไปในทิศทางเดียวกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจของประเทศ หลังจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ราคาขายปลีกน้ำมันที่ปรับตัวลดลง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 มาตรการลดค่าครองชีพต่างๆ อีกทั้งประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการเลือกตั้งกลางเดือนพฤษภาคมนี้ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ประชาชนมีความเชื่อมั่น มีกำลังซื้อมากขึ้น เป็นส่วนสนับสนุนให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นในทุกช่องทางขาย รวมไปถึงการเปิดช่องทางการขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Mc Outlet ที่เปิดครบ 100 สาขาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และมีแผนขยายต่อเนื่องเพื่อรองรับกำลังซื้อที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ปีบัญชี 2566 สัดส่วนรายได้จากช่องทางร้านค้าปลีกของตนเอง (Free-standing Shop) ซึ่งเป็นช่องทางหลักมีสัดส่วนประมาณ 65% มีรายได้จากการขายสินค้า 624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.7% ขณะที่งวด 9 เดือนมีรายได้ 1,855 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.2% ห้างสรรพสินค้า (Department Store) ที่มีสัดส่วน 22% ในไตรมาส 3 มีรายได้จากการขายสินค้า 214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% ขณะที่งวด 9 เดือน มีรายได้ 640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.7% ร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce) ที่มีสัดส่วน 9% ในไตรมาส 3 มีรายได้ 87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.5% ขณะที่งวด 9 เดือน มีรายได้จากการขายสินค้า 240 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย และที่เหลือเป็นช่องทางอื่นคิดเป็นสัดส่วน 3%
ณ วันที่ 31 มี.ค. 2566 กลุ่มบริษัทมีส่วนผู้ถือหุ้น 3,613 ล้านบาท ลดลง 61 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 30 มิ.ย. 2565 ที่มีส่วนของผู้ถือหุ้น 3,675 ล้านบาท จากการจ่ายเงินปันผลออกไปให้กับผู้ถือหุ้น 582 ล้านบาท ขณะที่เงินสดและเงินลงทุนระยะสั้น อยู่ที่ 1,774 ล้านบาท ลดลง 222 ล้านบาท จาก 1,995 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2565 เนื่องจากมีการลงทุนเพิ่มขึ้น

ซีพีเอฟ ส่งเสบียงอาหารคุณภาพ เสริมแกร่งทัพนักกีฬาไทย คว้าชัยซีเกมส์ 2023

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ผู้ผลิตอาหารชั้นนำ ภายใต้วิสัยทัศน์ “ครัวของโลก” ขนทัพเสบียงอาหารคุณภาพ รสชาติอร่อย อัดแน่นด้วยคุณประโยชน์ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีแก่ทัพนักกีฬาทีมชาติระหว่างฝึกซ้อมในประเทศไทยได้รับประทานหลากหลายเมนู ได้แก่ ไส้กรอกอกไก่พริกไทยดำ จากแบรนด์ CP FI-IT (ฟิ-อิต) โปรตีนสูง ไขมัน-โซเดียมต่ำ ไข่ต้ม และไข่ลวกซีพี อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากชนิด ข้าวกล้องต้มทรงเครื่อง ซีพี บาลานซ์ ที่ให้พลังงานและควบคุมแคลอรี่ได้ตามต้องการ รวมถึงอกไก่นุ่ม ซีพีดีไลท์ ซึ่งได้รับฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่มีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อนและรักษาสิ่งแวดล้อม

ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟยังคัดสรรอาหารพร้อมรับประทานเมนูยอดนิยม ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เสิร์ฟเป็นมื้อหลักระหว่างการแข่งขันที่ประเทศกัมพูชา อาทิ เกี๊ยวกุ้งจักรพรรดิ เกี๊ยวกุ้งรสต้มยำ ข้าวกะเพราไก่ ข้าวหน้าเป็ดโฟร์ซีซั่น บะหมี่เป็ดย่างทรงเครื่อง และไก่นิวออร์ลีน เพื่อเสริมศักยภาพนักกีฬาและเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยมี คณะผู้บริหาร บริษัท ซี.พี. กัมพูชา จำกัด หรือ ซีพี กัมพูชา กิจการต่างในประเทศในกลุ่มซีพีเอฟ ร่วมส่งเสบียงถึงขอบสนามตลอดการแข่งขัน สร้างขวัญและกำลังใจให้นักกีฬาเป็นอย่างมาก 

ด้าน ‘ออมสิน – นางสาวอรนวีย์ ศรีสหกิจ’ นักกีฬาเทควันโด ประเภทพุมเซ่ (ท่ารำ) ทีมชาติไทย ได้โพสต์ขอบคุณซีพีเอฟผ่านอินสตาแกรม aomsin_or หลังรับประทานไส้กรอก ซีพี ว่า “ช่วงนี้ออมสินกำลังเตรียมความฟิตก่อนลุยซีเกมส์ เลยได้มีโอกาสลอง CP FI-IT ไส้กรอกอกไก่พริกไทยดำ โปรตีนดีๆ จากอกไก่คุณภาพ โปรตีนสูงเทียบเท่าไข่ขาว 5 ฟอง!! อร่อย มีประโยชน์” 

เครือเจริญโภคภัณฑ์และซีพีเอฟ ผู้สนับสนุนทัพนักกีฬาทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ด้วยการมอบอาหารพร้อมรับประทานคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย ที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ตลอดจนซิมทรู โรมมิ่ง และสิทธิพิเศษปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน MORDEE (หมอดี) 

ซีพีเอฟ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนทัพนักกีฬาไทยคว้าชัยครั้งนี้อย่างเต็มที่ และขอเชิญชวนคนไทย ร่วมเชียร์และส่งข้อความเป็นกำลังใจให้นักกีฬา ผ่านแฮชแท็ก #สู้สุดทุกสนาม #คนไทยหัวใจนักสู้ บนโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง

รู้เก็บรู้ออม : สร้างพอร์ตมั่นคง ลงทุนยั่งยืน!!

0

อาชีพนักลงทุนนั้น ไม่ว่าจะมีแนวทางการลงทุนแบบไหนก็ตาม สิ่งจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งคือ การไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ศึกษาหาความรู้เรื่องการลงทุน ติดตามข่าวสาร ตลอดจนทำความรู้จักผลิตภัณฑ์ และเครื่องมือการลงทุนสมัยใหม่ ไม่ให้ตัวเองต้องตกยุคตกสมัย จนตกขบวน ไม่ทันคนอื่น

“คุณนายพารวย” ไม่พลาดจะพาตัวเองไปสู่โลกของการเรียนรู้ มีการจัดอีเวนต์เกี่ยวกับการเงินการลงทุนที่ไหน ก็ต้องหาโอกาสไปเดินดูงานอยู่เสมอ และแทบทุกงาน ก็ต้องเห็นบูธของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เข้าร่วมงานกับอีเวนต์สำคัญๆ ด้วยอยู่เสมอ เพราะ การส่งเสริม และสนับสนุนด้านการให้ความรู้เรื่องการออมและการลงทุนให้แก่ประชาชน ถือเป็นอีกบทบาทและหน้าที่สำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ

เช่นเดียวกับงานมหกรรมการเงิน Money Expo 2023 Bangkok ปีนี้ คุณนายพารวยเลยอยากชวนให้ผู้สนใจและนักลงทุนไปเยี่ยมชมบูธของตลาดหลักทรัพย์ฯ (K5) งานมีตั้งแต่วันที่ 11 จนถึง 14 พ.ค.2566 เวลา 10.00-20.00 น.

แน่นอนว่า งานนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขนทัพความรู้ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ และเครื่องมือด้านการลงทุนต่างๆ มาแนะนำและให้บริการนักลงทุนและผู้สนใจทั่วไปกันแบบเต็มที่ เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้ “สร้างพอร์ตมั่นคง ลงทุนยั่งยืน

มาทำให้พอร์ตมั่นคง ด้วยการเสริมพื้นฐานความรู้ให้แข็งแรง ตักตวงหาความรู้ให้แน่นปึ้ก ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้การลงทุนแบบ DCA ทยอยลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงด้วยการออมหุ้น และออมกองทุน ส่วนใครที่ยังไม่รู้จะเลือกลงทุนหุ้นตัวไหนดี มารับโผหุ้น DCA ไว้เป็นทางเลือกลงทุน พร้อมได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับกองทุนยั่งยืน และข้อมูลการลงทุนยั่งยืน ซึ่งเป็นเทรนด์ลงทุนสมัยใหม่ที่คำนึงถึง ESG ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล นักลงทุนที่อยากลองประสบการณ์การลงทุนหุ้นชั้นนำต่างประเทศ สามารถมาเรียนรู้และทดลองใช้งานเครื่องมือสร้างพอร์ตมั่งคั่งด้วยการลงทุนต่างประเทศผ่านตลาดหลักทรัพย์ไทย ด้วย app Streaming

ผู้เข้าชมงาน สามารถเลือกเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เข้าร่วมงาน โดยผู้ที่เปิดบัญชีใหม่ในงาน ไม่ว่าจะเป็นบัญชีลงทุนหุ้น หรือกองทุน จะได้รับโปรโมชันพิเศษเฉพาะในงานนี้เท่านั้น

และยังมี Workshop เรียนรู้ทางเลือกลงทุนและเครื่องมือลงทุนจากบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ รวมถึงผู้เข้าชมจะสามารถเลือกเครื่องมือวางแผนการเงินเพื่อสร้างเป้าหมายการเงินที่ยั่งยืน ตอบโจทย์ลงทุนอย่างยั่งยืน

ส่วนคนที่ชอบพอยต์แลกคะแนนบัตรเครดิต สามารถใช้คะแนนที่มีแลกเป็นกองทุนด้วย Point to Invest ทางเลือกสุดคุ้มกับการใช้พอยต์แลกกองทุน เป็นการปูทางก้าวแรกของการลงทุน ด้วยพอยต์บัตรเครดิตและบัตรสะสมคะแนน จากหลากหลายพาร์ตเนอร์ที่ร่วมโครงการ

กิจกรรมดีๆจัดเต็มแบบนี้ นอกจากจะได้ทั้งความรู้และโปรโมชันต่างๆแล้ว ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจที่จะทำให้เราเดินหน้าสู่เป้าหมายการเงินที่วางไว้ให้สำเร็จ

แล้วพบกันที่บูธตลาดหลักทรัพย์ฯ (K5) งาน Money Expo 2023 Bangkok

วันที่ 11-14 พ.ค.2566 เวลา 10.00-20.00 น. จัดที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี.

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง"   หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ