Home Blog Page 133

รู้ทันปากท้องกับตลาดหลักทรัพย์ฯ : รู้ทันกลโกงหลอกลงทุน

ในทางจิตวิทยาด้านการเงินนั้น คนจะรู้สึก “เจ็บปวดจากการสูญเสีย” มากกว่า ความรู้สึก “ดีใจจากการได้มา”

มิจฉาชีพใช้จิตวิทยาข้อนี้มาใช้ในการหลอกหลวงเหยื่อ ด้วยการชักชวนให้ลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยๆก่อน โดยช่วงแรก จะให้ผลตอบแทนกลับมาจริง จนทำให้เหยื่อตายใจ และหลงเชื่อว่า หากลงทุนต่อไป ก็จะได้ผลตอบแทนกลับมาเหมือนครั้งแรก จนทำให้เหยื่อกล้าที่จะลงทุนเพิ่มขึ้นไปอีก

แต่ในตอนหลังๆ เมื่อไม่ได้รับผลตอบแทนกลับมา เหยื่อจะรู้สึก “เสียดายเงินที่เสียไป” จึงยอมเสี่ยงที่ลงทุนเงินเพิ่ม เพราะหวังว่าจะได้เงินที่ลงทุนกลับมา จนในที่สุด เหยื่อจะพบว่า ตัวเองต้องสูญเสียเงินเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

หากเรารู้เท่าทันกลโกงเหล่านี้ ก็จะทำให้ปลอดภัยจากการโดนหลอกลงทุนของมิจฉาชีพพวกนี้ได้

ทิพยประกันภัย ร่วมจัดคอนเสิร์ต “Home Hope Charity Concert” ช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมและผู้ลี้ภัยธรรมชาติ

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ทิพยประกันภัย ร่วมสนับสนุนการจัดคอนเสิร์ต “Home Hope Charity Concert” เพื่อนำเงินบริจาคให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ซึ่งเป็นหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติทำงานให้ผู้ลี้ภัยมากว่า 72 ปี ไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและพลัดถิ่นจากการแปรเปลี่ยนของสภาพภูมิอากาศที่มีอยู่ทั่วโลก

การจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Net Zero carbon Footprint concert for climate refugees” ลดการปล่อยก๊าชคาร์บอนออกสู่ชั้นบรรยากาศ เพื่อเป็นการช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศให้ดียิ่งขึ้น โดยมีกลุ่มศิลปินสุดฮอต อย่าง Patrick Ananda และวง Yesindeed มาร่วมสร้างสีสันในงาน ณ ESC Hall (ESC Park Hotel) รังสิต

เกษตรกรเลี้ยงกุ้ง จี้รบ. ทบทวนนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศ

นายอักษร ขจรกาญจนกุล ประธานชมรมกุ้งตรังพัฒนา เปิดเผยถึงกรณีการอนุมัติให้นำเข้ากุ้งจากเอกวาดอร์และอินเดียว่า เกษตรกรรู้สึกประหลาดใจกับการตัดสินใจของกรมประมงในครั้งนี้มากที่อนุมัติเรื่องดังกล่าวแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ผ่านมา กรมประมงก็ปกป้องเกษตรกรมาตลอด เนื่องจากกุ้งที่นำเข้าจะทำให้ราคากุ้งในประเทศตกต่ำ ไม่มีเสถียรภาพ มีความเสี่ยงเรื่องโรคที่ติดมากับกุ้ง รวมถึงเกิดปัญหาคุณภาพความปลอดภัย การปนเปื้อนของสารเคมีต้องห้ามและยาปฏิชีวนะ จะสร้างความเสียหายกับผู้เลี้ยงและห่วงโซ่การผลิต

“เกษตรกรขอเรียกร้องให้รัฐบาลและกระทรวงเกษตรฯ ทบทวนนโยบายการนำเข้ากุ้งจากทั้งสองประเทศนี้อีกครั้ง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศและอนาคตของเกษตรกรเลี้ยงกุ้งไทย ที่มุ่งมั่นพัฒนาการเลี้ยงจนเป็นที่่ยอมรับในระดับโลก ก่อนที่การนำเข้าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำลายห่วงโซ่การผลิตตลอดไป”

ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันกุ้งทะเลที่มาจากการเพาะเลี้ยงที่จะนำเข้ามาในประเทศไทย ต้องมาจากแหล่งผลิตต้นทางที่มีระบบควบคุมโรคและระบบความปลอดภัยทางชีวภาพที่มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลในระดับเดียวกับประเทศไทย ซึ่งประเทศต้นทางที่ไทยจะนำเข้าสินค้ากุ้งทะเลนั้นจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กรมประมงกำหนดอย่างเข้มงวด

นายอักษร กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยงกุ้งมาโดยตลอด ทั้งมาตรการส่งเสริมการเลี้ยงกุ้งแบบพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยง โดยเฉพาะด้านการผลิตที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน GAP (Good Aquaculture Practice) และมาตรฐานสากล รวมถึงการเจาะตลาดใหม่เพื่อเพิ่มช่องทางการส่งออก นอกจากนี้ การนำกุ้งจากต่างประเทศมาแปรรูปบรรจุใหม่ และนำไปส่งออกขายต่างประเทศในนามประเทศไทย อาจกระทบภาพลักษณ์กุ้งคุณภาพดีของไทยที่สร้างชื่อเสียงในระดับโลกมายาวนาน

“เป็นเรื่องที่ช็อกเกษตรกรมากที่รัฐบาลอนุญาตให้นำเข้ากุ้ง ทั้งที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ ระงับการนำเข้ามาโดยตลอด ทำให้เกษตรกรมุ่งมั่นพัฒนาระบบการเลี้ยงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต โดยมีราคาเป็นแรงจูงใจในการเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง หากมีการนำเข้ากุ้ง จะทำให้ราคาในประเทศตกต่ำ ทำลายภาคการผลิตของเกษตรกรทั้งระยะสั้นและระยะยาว” นายอักษร กล่าว

สำหรับคาดการณ์ผลผลิตกุ้งของไทยปี 2565 จะอยู่ที่ 300,000 ตัน เพิ่มขึ้นจาก 280,000 ตัน ในปี 2564 เนื่องจากปัญหาโรคระบาดกุ้ง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นไม่มาก

“โรงเรือนจำลองฟาร์มไก่พันธุ์ไข่” ของซีพีเอฟ แบ่งปันทักษะอาชีพสู่น้องๆ รร. CONNEXT ED

เป้าหมายของการดึงศักยภาพของเด็กไทย สู่การเป็น “เด็กดีและเด็กเก่ง” เป็นพันธกิจหลักของมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาคอนเน็กซ์ อีดี (CONNEXT ED) องค์กรที่มีบทบาทและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาไทยสู่มาตรฐานสากล สร้างพื้นฐานของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ พันธมิตรที่ร่วมก่อตั้งมูลนิธิฯ นำ 5 โมเดลร่วมขับเคลื่อนโครงการฯ ในปี 2565 ตามความต้องการและบริบทของโรงเรียน ประกอบด้วย โครงการอัจฉริยะยุวเกษตร โครงการฟาร์มไก่พันธุ์ไข่อัจฉริยะ โครงการร้านกาแฟเด็กน้อย โครงการ Proactive teacher for active learning และ โครงการ นัก Coding น้อย

วันนี้ …พาไปเยี่ยมชมโรงเรียนวัดหนองขุนปราบ จังหวัดบุรีรัมย์ โรงเรียนขนาดเล็ก จำนวนนักเรียน 103 คน เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล – ประถมศึกษาปีที่ 6 โดยโรงเรียนได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากซีพีเอฟ ทำโครงการโรงเรือนจำลองฟาร์มไก่พันธุ์ไข่ เมื่อปี 2563 ปัจจุบัน เลี้ยงไก่ไข่รุ่นแรก จำนวน 100 ตัว ปูพื้นฐานการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง เพื่อให้นักเรียนสามารถนำความรู้ไปเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพ ปลูกฝังให้ตระหนักในคุณค่าของอาชีพ สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่อย่างถูกต้อง เพื่อส่งเสริมผู้เรียนมีความรู้ในขั้นตอนและกระบวนการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ สามารถนำไปประกอบอาชีพในอนาคต ซึ่งคุณครูมอบหมายให้น้องๆ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ดูแลโครงการ ฯ โดยมีพี่ๆ ชั้น ป.5 และ ป.6 เป็นพี่เลี้่ยง

“นายสนั่น ประสงใด” ครูชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนวัดหนองขุนปราบ กล่าวว่า โรงเรียนฯ และผู้นำรุ่นใหม่ (School Partner : SP) ของซีพีเอฟ ร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการที่เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน โดยตระหนักถึงภาวะทุพโภชนาการ และการส่งเสริมโภชนาการที่ดีของนักเรียน นอกจากนี้ ยังได้บูรณาการโครงการดังกล่าวเข้ากับการเรียนการสอนวิชาหลัก เช่น คณิตศาสตร์ การงานพื้นฐานอาชีพ เพื่อสร้างความสนใจของนักเรียน ซึ่งที่ผ่านมา พบว่ากิจกรรมการเรียนการสอนนอกห้องเรียนจากการทำโครงการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ ช่วยให้นักเรียนมีความใส่ใจการเรียนมากขึ้น และบ่มเพาะความเป็นจิตสาธารณะให้กับเด็กนักเรียน เนื่องจากต้องจัดเวรรับผิดชอบ ให้อาหารไก่ ดูแลน้ำ ทำความสะอาดโรงเรือน และเก็บไข่ไก่ทุกวัน รวมทั้งในวันเสาร์และอาทิตย์ ที่น้องๆอาสามาดูแลไก่ที่โรงเรียน แม้จะเป็นวันหยุดก็ตาม

“โรงเรียนทำโครงการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ โดยให้เด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้จากประสบการณ์และการลงมือปฏิบัติจริง ด้วยการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบตามความถนัดและความสมัครใจ โดยเด็กๆได้เรียนรู้การวางแผนการเลี้ยง ตั้งแต่การให้อาหาร ดูแลเรื่องน้ำ ทำความสะอาดโรงเรือน การวางแผนบริหารจัดการด้านการตลาด ทั้งการนำผลผลิตไข่ไก่ส่งเข้าโครงการอาหารกลางวัน จำหน่ายให้กับชุมชนในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด โดยตั้งแต่ปลายปี 2564 จนถึงปัจจุบัน มีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตไข่ไก่ให้ชุมชนแล้วเกือบ 50,000 บาท ซึ่งจะนำรายได้ไปต่อยอดการเลี้ยงไก่ในรุ่นที่สองต่อไป รวมไปถึงต่อยอดการเรียนรู้ด้วยการนำผลผลิตไข่ไก่ไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ ขนมดอกจอก โดยเชิญคนในชุมชนมาสอนวิธีการทำขนมให้” รักษาการ ผอ.โรงเรียน กล่าว

ด.ญ.ณัฏฐณิชา ไกรจันทร์ น้องอุ้ม ด.ช. ทศพร ชนิดกุล น้องเก่ง นักเรียนชั้น ป.5 และ ด.ช. เจษฎา ชินนอก น้องคิว ด.ช.ยิ่งคุณ บุญศักโสธร น้องอชิ นักเรียนชั้นป.6 พาชมโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ของโรงเรียน ซึ่ง น้องคิว บอกว่า พวกเราได้รับความรู้มากมายเกี่ยวกับการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ ขอขอบคุณบริษัทซีพีเอฟที่มอบโอกาสดีๆให้พวกเราครับ ส่วนน้องเก่ง ขอบคุณซีพีเอฟและโครงการคอนเน็กซ์ อีดี ที่สนับสนุนโครงการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ ทำให้นักเรียนมีผลผลิตไข่ไก่มาเป็นอาหารกลางวัน เมนูต่างๆ เช่น พะโล้ บัวลอยไข่หวาน ขณะที่ น้องอุ้มเล่าขณะที่พาชมโรงเรือนฯว่า โครงการนี้ทำให้พวกเรามีความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ที่ถูกต้อง ตั้งแต่การให้อาหาร การเลี้ยง ทำความสะอาดโรงเรือน การบันทึกบัญชีรายรับรายจ่าย ฝีกการคิดคำนวณจากการทำบัญชี มีความรับผิดชอบ รู้จักการทำงานร่วมกัน และปลูกฝังการมีจิตสาธารณะ

ด้านนายศักดิธัช นิลพฤกษ์ หรือ นิว ทำหน้าที่ SP โครงการ CONNEXT ED ของซีพีเอฟ มาตั้งแต่ปี 2561 กล่าวว่า โครงการ “โรงเรือนจำลองฟาร์มไก่พันธฺุ์ไข่” เป็นโมเดลที่โรงเรียนอื่น ๆ ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ เนื่องจากเป็นโครงการที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ของนักเรียนจากประสบการณ์จริง สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนรอบโรงเรียน ที่สำคัญ คือ ความยั่งยืนของโครงการ

โครงการ “โรงเรือนจำลองฟาร์มไก่พันธฺุ์ไข่” ยังเป็นโมเดลที่ซีพีเอฟ ใช้เป็น Best Practices ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และถอดบทเรียน เพื่อขยายผลการนำไปใช้กับโรงเรียนภายใต้สังกัด สพฐ. โดยเป็นความร่วมมือกันระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา ทำงานร่วมกับมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาคอนเน็กซ์ อีดี ซึ่งในระยะต่อไปมีแนวทางส่งเสริมให้โรงเรียนที่ทำโครงการ”โรงเรือนจำลองฟาร์มไก่พันธฺุ์ไข่” นำระบบอัตโนมัติมาใช้กับระบบต่างๆ อาทิ ระบบให้อาหารไก่ ใช้สปริงเกอร์บนหลังคาพ่นละอองน้ำ (Springer) เพื่อช่วยลดความร้อนในโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ เป็นต้น

ปัจจุบัน ซีพีเอฟ รับผิดชอบดูแลโรงเรียนในโครงการ CONNEXT ED รวม 301 โรงเรียน ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด คือ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ และสระบุรี โดยได้ร่วมสนับสนุนโครงการต่างๆ ไปแล้วรวม 235 โครงการ มุ่งเน้นลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพคน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สอดรับตามวิสัยทัศน์ของมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาคอนเน็กซ์ อีดี (CONNEXT ED) ยกระดับการจัดการการศึกษาไทย

ซีพีเอฟ ยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ เลี้ยงหมู-ไก่ด้วยโปรไบโอติกส์ ไม่ใช้ยาเร่งโต

ฟาร์มปศุสัตว์ในระบบเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของประเทศไทยมีพัฒนาการในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ที่ทั่วโลกยอมรับ หรือการคิดค้นนวัตกรรมการเลี้ยงสัตว์ด้วยโปรไบโอติกส์ที่ดีต่อสุขภาพสัตว์ ส่งผลถึงความปลอดภัยในอาหารสำหรับผู้บริโภคในทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟาร์มเลี้ยงสัตว์ของผู้นำอุตสาหกรรมอย่าง ซีพีเอฟ หรือ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)

น.สพ.พยุงศักดิ์ สมยานนทนากุล

น.สพ.พยุงศักดิ์ สมยานนทนากุล รองกรรมการผู้จัดการ ด้านมาตฐานฟาร์มและข้อกำหนดลูกค้า ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งเน้นหลักการ “สุขภาพหนึ่งเดียว” (One Health) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) มาใช้ในการเลี้ยงสัตว์ ควบคู่การยึดหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) เพื่อให้สัตว์มีสุขภาพดี ครอบคลุมกิจการทั้งในไทยและต่างประเทศ ให้สัตว์ได้รับน้ำและอาหารอย่างเพียงพอ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี สามารถแสดงพฤติกรรมได้ตามธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันสัตว์ในฟาร์มของบริษัทฯ 100% ได้รับการเลี้ยงดูตามหลักอิสระ 5 ประการ ภายใต้การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างรับผิดชอบและสมเหตุผล

นอกจากนี้ บริษัทยังยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ เพื่อให้สัตว์สร้างภูมิคุ้มกันจากภายใน จากการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ในการเลี้ยงสัตว์ด้วยจุลินทรีย์ที่ดีอย่าง “โปรไบโอติกส์” ช่วยจัดสมดุลลำไส้ ส่งผลให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรง ไม่ป่วย และไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะเร่งการเจริญเติบโต ตลอดการเลี้ยงดู ตอกย้ำการเพิ่มสวัสดิภาพสัตว์ที่ดี ซึ่งดีต่อทั้งสุขภาพสัตว์ คน และสิ่งแวดล้อม

“มาตรฐานการเลี้ยงสัตว์ในอุตสาหกรรมไก่เนื้อของประเทศไทย มีการตรวจสอบเคร่งครัดทั้งจากภาครัฐและประเทศคู่ค้า ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเลี้ยงสัตว์อย่างแออัด หรือใช้ยาปฏิชีวนะจำนวนมากเกินความจำเป็น ตามที่มักมีรายงานกล่าวหาแบบเหมารวม ขณะที่ซีพีเอฟมีพัฒนาการในเลี้ยงสัตว์อย่างต่อเนื่อง ภายใต้เป้าหมายสำคัญคือการผลิตอาหารที่ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค” น.สพ.พยุงศักดิ์กล่าว

น.สพ.ดำเนิน จตุรวิธวงศ์

ด้าน น.สพ.ดำเนิน จตุรวิธวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านบริการวิชาการสุกร ซีพีเอฟ กล่าวเพิ่มเติมว่า ซีพีเอฟจะเน้น “การป้องกัน” ไม่ให้เกิดโรคหรือผลกระทบใดๆต่อสุกร โดยฟาร์มสุกรทั้งหมดของบริษัทเป็นฟาร์มระบบปิดตามมาตรฐานกรมปศุสัตว์ และวางระบบการบริหารจัดการฟาร์มในระดับไบโอซีเคียวริตี้ พร้อมทั้งมีการให้วัคซีนแก่ลูกสุกรตามระยะเวลาที่สัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มเป็นผู้กำหนด ส่งผลให้ปัญหาเจ็บป่วยเกิดขึ้นน้อยมาก

อย่างไรก็ตาม หลักสวัสดิภาพสัตว์นั้น หากพบสัตว์ป่วยต้องให้การรักษา ดังนั้น ในกรณีที่พบการเจ็บป่วยแล้วเท่านั้น จึงจะมีการให้ยา โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มอย่างเข้มงวด และมีการเว้นระยะหยุดยาที่เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป เพื่อป้องกันไม่ให้มีการตกค้างหรือส่งผลกระทบใดๆ ต่อผู้บริโภค ขณะเดียวกัน เมื่อถึงโรงชำแหละ สุกรจะถูกตรวจสอบซ้ำอีกครั้งว่าปราศจากสารตกค้างจริงๆ จึงจะได้รับอนุญาตให้เข้ารับการชำแหละ สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคได้อีกขั้นตอนหนึ่ง

ด้านความมุ่งมั่นในการป้องกันเชื้อดื้อยานั้น ซีพีเอฟ ได้ยกเลิกรายการยารักษาสัตว์ ที่อยู่ในกลุ่มยาต้านจุลชีพ ที่อาจส่งผลกระทบและเป็นยาหลักที่ใช้รักษาโรคในคน เช่น โคลิสติน ออกจากระบบการจัดซื้อทั้งหมด ตั้งแต่ปี 2559 เพื่อกันยาต้านจุลชีพที่สำคัญไว้ใช้กับคน โดยในฟาร์มเลี้ยงสัตว์จะมุ่งเน้นวิธีป้องกันโรค ตามหลักการความปลอดภัยทางชีวภาพ (Bio-security) ซึ่งจะช่วยลดปัญหาเชื้อดื้อยาได้ทั้งในสัตว์และในคนไปพร้อมกัน

จากการดำเนินการด้านการป้องกันผลกระทบใดๆ ต่อสัตว์ และดูแลสุขภาพสัตว์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ซีพีเอฟได้รับการคงสถานะมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์-Animal Welfare ระดับ Tier 3 ในรายงานเกณฑ์มาตรฐานทางธุรกิจตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ (The Business Benchmark on Farm Animal Welfare Report : BBFAW) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

‘เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 5 เดือน และ 10 เดือน’ โดยออมสิน ดอกเบี้ยสูงโดนใจไม่เสียภาษี

? คัดมาแล้ว จัดมาให้…กองรวมกันตรงนี้ กับเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 5 เดือนและ 10 เดือน ที่ให้ดอกเบี้ยสูง แถมยังไม่เสียภาษี ฝากสั้น เห็นผลตอบแทนไว…

จุดเด่น
เก็บเงินไว้ใช้จ่ายทั่วไป เพื่อผลตอบแทนเพื่อเป็นหลักประกัน และเงินสำรองในอนาคต ให้คุณได้ควบคุมการใช้เงินได้มากขึ้น อุ่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม กับบริการเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ ที่คุณยังคงเก็บออม และใช้จ่ายได้เมื่อคุณต้องการ พร้อมยังได้รับผลตอบแทน ที่น่าพึงพอใจ บุคคลธรรมดาไม่หักภาษี

  • เก็บเงินไว้ใช้จ่ายทั่วไป
  • ฝากเพิ่มครั้งละไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท
  • ถอนเงินเท่าใดก็ได้
  • คำนวณดอกเบี้ยเป็นรายวันจากยอดเงินฝาก

การเปิดบัญชี มีคุณสมบัติ ดังนี้

  1. บุคคลธรรมดาอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป
  2. นิติบุคคลทุกประเภท

? เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 5

  • อัตราดอกเบี้ย 0.40% ต่อปี*
    (เทียบเท่าเงินฝากประจำ 0.47%ต่อปี)
  • จ่ายดอกเบี้ยเมื่อฝากครบ 5 เดือน
  • ไม่เสียภาษี**

? เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 10

  • อัตราดอกเบี้ย 0.45% ต่อปี*
    (เทียบเท่าเงินฝากประจำ 0.52% ต่อปี)
  • จ่ายดอกเบี้ยเมื่อฝากครบ 10 เดือน
  • ไม่เสียภาษี**
    *บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลไม่แสวงหากำไร
    **บุคคลธรรมดาไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย

ฝากเลยง่าย ๆ ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ระยะเวลาเปิดรับฝาก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม > https://bit.ly/3PPFtfk
เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

ซีพีเอฟ ปลุกพลังพนักงาน ปั้นโครงการเพื่อสังคม-ชุมชน จัดประกวดรางวัล “CPF–ยั่งยืนได้ด้วยมือเรา”

รายงานข่าว เปิดเผยว่า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ สร้างแรงบันดาลใจพนักงาน ปั้นโครงการเพื่อสร้างประโยชน์สู่สังคมและชุมชน จัดประกวดรางวัล CPF–ยั่งยืนได้ด้วยมือเรา (CPF-Sustainability in Action Awards 2022) รอบ CSR Pitching Contest #1/2022 คัด 6 โครงการไฮไลท์ ต่อยอดสู่การปฏิบัติและเป็นต้นแบบโครงการที่ดี ตามกลยุทธ์ CPF 2030 Sustainability in Action ตอกย้ำ 3 เสาหลักสู่ความยั่งยืน อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดิน น้ำ ป่า คงอยู่

นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนองค์กร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า การจัดประกวดรางวัล CPF-Sustainability in Action Awards เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานซีพีเอฟทั่วประเทศ คิดสร้างสรรค์โครงการที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม และบทบาทในการจัดการประเด็นทางสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และในปีนี้ได้จัดให้มีการพิจารณารางวัล CPF-Sustainability in Action Awards 2022 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในรอบ CSR Pitching Contest #1/2022 ได้พิจารณาคัดเลือกโครงการฯ ทั้งสิ้น 6 โครงการ

ผลการตัดสินโครงการฯที่ได้รับการพิจารณา CSR Pitching Contest #1/2022 ทั้ง 6 โครงการ ประกอบด้วย รางวัล Gold Pitch ได้แก่ โครงการปุ๋ยเปลือกไข่สู่ชุมชนและเกษตรกร จังหวัดชัยภูมิ โดยธุรกิจไก่เนื้อ-เป็ดเนื้อครบวงจร รางวัล Silver Pitch ได้แก่ โครงการสร้าง สาน สุข วิถีชุมชน ศูนย์เรียนรู้เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง บ้านซับรวงไทร จังหวัดชัยภูมิ และรางวัล Bronze Pitch จำนวน 4 รางวัล ได้แก่ โครงการอิ่มสุขฯ โรงเรียนท่าจีนอุดมศึกษา จังหวัดสงขลา, โครงการซีพีเอฟ อิ่มสุขปลูกอนาคต : ห้องเรียนมีชีวิต: Classroom Of Life By Ladbuakhao จังหวัดนครราชสีมา, โครงการโรงเรียนปลอดภัย (ชุมชนบ้านน้ำน้อย) จังหวัดสงขลา และโครงการโรงเรียนปลอดภัย (ท่าจีนอุดมวิทยา) จังหวัดสงขลา

“คณะกรรมการฯ คาดหวังว่า CSR Pitching Contest จะช่วยยกระดับการพัฒนาโครงการให้เกิดผลในทางปฏิบัติ สามารถเป็นโครงการต้นแบบและเป็นแรงบันดาลใจให้กับโครงการรุ่นต่อๆไป เพื่อสร้างประโยชน์ตอบแทนสังคม สอดรับกับปรัชญาสามประโยชน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ คือ ประโยชน์ต่อประเทศ ประชาชน และบริษัทเป็นลำดับสุดท้าย และสร้างความตระหนักของพนักงานร่วมดูแลชุมชนรอบสถานประกอบการ” นายวุฒิชัย กล่าว

สำหรับโครงการ ฯ ที่ได้รับพิจารณารางวัล CSR Pitching Contest #1/2022 จะได้รับเงินสนับสนุนการต่อยอดและพัฒนาโครงการ โดยรางวัล Gold Pitch ได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท รางวัล Silver Pitch ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท และรางวัล Bronze Pitch ได้รับเงินรางวัล 25,000 บาท ซึ่งทุกโครงการมีการเก็บบันทึกข้อมูลผลการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ เพื่อประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (Impact Valuation)

ในปี 2565 สถานประกอบการของซีพีเอฟทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ให้ความสนใจส่งโครงการเข้าร่วมประกวดจำนวน 89 โครงการ มีโครงการที่ผ่านเข้ารอบ CSR Pitching Contest จำนวน 23 โครงการ และได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก 3 ท่าน และคณะกรรมการของซีพีเอฟ 2 ท่าน ร่วมพิจารณภายใต้หลักเกณฑ์ 5 ด้านหลัก คือ ความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นนวัตกรรม เกิดประโยชน์ มีความเป็นไปได้ มีความสอดคล้องกับปฏิบัติการขับเคลื่อนความยั่งยืน CPF 2030 Sustainability in Action และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs)

ทิพยประกันภัย ร่วมจัดคอนเสิร์ต THE BROTHERS FOUR “GREEN FIELD” LIVE IN BANGKOK 2022 #2

ทิพยประกันภัยร่วมจัดคอนเสิร์ต นำศิลปินระดับตำนาน THE BROTHERS FOUR “GREEN FIELD” LIVE IN BANGKOK 2022 #2 มาแสดงที่ประเทศไทย

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และกรรมการผู้จัดใหญ่ บมจ.ทิพยประกันภัย ร่วมจัดคอนเสิร์ต THE BROTHERS FOUR “GREEN FIELD” LIVE IN BANGKOK 2022 #2 นำศิลปินระดับตำนานชื่อดัง The Brothers Four บินตรงจากสหรัฐอเมริกา เจ้าของบทเพลง Yellow Bird, Frogg No.1, I am A Roving Gambler, Summer Days Alone และเพลงดังอื่นๆอีกมากมาย มาร่วมสร้างความสุขให้กับผู้มีอุปการะคุณ โดยได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญในแวดวงสังคมและแขกผู้มีเกียรติ ร่วมชมมากมาย ณ ESC HALL, ESC PARK HOTEL (โรงแรม เอส ปาร์ค รังสิต)

ซีพีเอฟ-กองทัพบก มอบนม ซีพี-เมจิ หนุนกิจกรรมวาดภาพบนกำแพง สวนทศมินทราภิรมย์ ถวายเป็นพระราชกุศล ร.10

รายงานข่าว เปิดเผยว่า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จับมือ กองทัพบก มอบนม “ซีพี-เมจิ” สนับสนุนกิจกรรมวาดภาพบนกำแพง “สวนทศมินทราภิรมย์” จ.ปทุมธานี ถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2565

พลโท นิรันดร ศรีคชา เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก รับมอบผลิตภัณฑ์นม ซีพี-เมจิ จาก บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ในเครือบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมวาดภาพบนกำแพงของเด็กและเยาวชน 42 โรงเรียน ทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 440 คน บนผนังกำแพงด้านทิศใต้ ของสวน “ทศมินทราภิรมย์” ความยาว 286 เมตร เพื่อถ่ายทอดพระราชปณิธาน “สืบสาน รักษา ต่อยอด” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา 28 กรกฎาคม 2565 โดยมี นางวัชรินทร์ อุดมโสภกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ซีพี-เมจิ ผู้แทนบริษัทฯ ส่งมอบ ณ กองบัญชาการกองทัพบก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

นางวัชรินทร์ อุดมโสภกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ซีพี-เมจิ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนบริษัทฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์นม “ซีพี-เมจิ” หลากหลายรสชาติ เพื่อเข้าร่วมโครงการฯ ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามดำริของประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ ภายใต้หลักปรัชญา 3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืน คือการสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ประชาชน และบริษัทฯ โดยกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยฝึกสมาธิ เพิ่มทักษะวิชาศิลปะของเด็กและเยาวชนแล้ว ยังเป็นการสร้างทัศนียภาพที่สวยงามให้กับสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ บริษัทฯ หวังว่า น้องๆ ที่ได้ดื่มนมคุณภาพ นอกจากจะได้รับสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังจะช่วยให้น้องๆ รู้สึกสดชื่นตลอดทั้งวันด้วย

สำหรับ “สวนทศมินทราภิรมย์” อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เป็นสวนสาธารณะบนที่ดินพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่กองทัพบกได้จัดทำและพัฒนาเป็นสวนสาธารณะเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนตามพระราชปณิธาน ได้สัมผัสธรรมชาติของสวนป่า เป็นสถานที่พักผ่อน สนามกีฬา สนามเด็กเล่น สถานที่ออกกำลังกาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ประโยชน์เป็นที่กักเก็บน้ำ ป้องกันน้ำท่วมโดยรอบ และเป็นแหล่งเรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ศูนย์ FLEC จับมือ CPF และ GEPP สอนแรงงานข้ามชาติคัดแยกขยะ มุ่งสู่ชุมชนต้นแบบการจัดการขยะแบบครบวงจร

ศูนย์สวัสดิภาพและธรรมาภิบาลแรงงานประมงสงขลา (Fishermen Life Enhancement Center หรือ ศูนย์ FLEC) ร่วมกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ และ บริษัท จีอีพีพี สะอาด จำกัด หรือ GEPP คิกออฟกิจกรรม “ขยะดี มีค่า” จัดอบรมให้ความรู้แรงงานประมงข้ามชาติและครอบครัว และบุคลากรของหน่วยงานภาครัฐ ครูและนักเรียนได้มีความรู้และเข้าใจการคัดแยกขยะถูกต้อง เปลี่ยนขยะให้มีค่า สร้างการมีส่วนร่วมของแรงงานข้ามชาติในการแก้ปัญหาขยะชายฝั่งและขยะทะเล

นางสาวนาตยา เพชรรัตน์ ผู้จัดการศูนย์อภิบาลผู้เดินทางทะเลสงขลา ในฐานะกรรมการศูนย์ FLEC กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดปริมาณขยะมูลฝอยจากการบริโภคมากขึ้น ในการดำเนินงานโครงการ “ศูนย์ FLEC” ในระยะที่ 2 (2564-2568) นอกจากสร้างเครือข่ายป้องกันการค้ามนุษย์ และยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้แก่แรงงานประมงข้ามชาติและครอบครัว ศูนย์ FLEC ได้เพิ่มการสร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของแรงงานประมงข้ามชาติและครอบครัวเข้าในการจัดการปัญหาขยะในชุมชนแบบครบวงจร ในพื้นที่พักอาศัยของแรงงาน รวมถึงพื้นที่และชุมชนบริเวณท่าเทียบเรือสงขลา ตามเป้าหมายการส่งเสริมทักษะการเรียนรู้และการใช้ชีวิตให้แก่แรงงานประมงและครอบครัว โดย ซีพีเอฟ และ GEPP สตาร์ทอัพไทยที่เชี่ยวชาญชำนาญจัดการขยะ ร่วมจัดโครงการ “ขยะดี มีค่า” อบรมเชิงปฏิบัติการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะที่ถูกต้อง เพื่อเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนขยะให้เป็นของมีค่า ให้แก่เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ แกนนำแรงงานข้ามชาติและครอบครัว รวมทั้ง เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ ครูและนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 2 อ.เมือง จ.สงขลา มุ่งเน้นไปที่การสร้างความรู้ ความเข้าใจการคัดแยกขยะ และการมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ประโยชน์จากขยะในชุมชน พร้อมนำร่องจัดกิจกรรมรับแลกขยะเพื่อนำขยะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ส่งเสริมให้แรงงานประมงเห็นคุณค่าของขยะ มีส่วนร่วมช่วยกันจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง นำไปสู่การสร้างสุขลักษณะที่ดี และการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน

“การจัดกิจกรรมขยะดี มีค่า ได้รับความสนใจจากแรงงานข้ามชาติและครอบครัวได้นำความรู้ที่ได้จากการอบรมไปคัดแยกขยะที่รีไซเคิลได้ประเภทต่างๆ อาทิ ขวดพลาสติก กระดาษลัง ขวดแก้ว อะลูมิเนียม นำมาแลกกับสินค้าบริโภคที่จำเป็น เช่น น้ำมันพืช น้ำปลา ปลากระป๋อง สบู่ โดยกิจกรรมรับแลกขยะที่จัดขึ้นครั้งแรกศูนย์ FLEC สามารถรวบรวมขยะที่รีไซเคิลได้ถึง 500 กิโลกรัม และนำรายได้จากการจำหน่ายขยะมาใช้เป็นทุนในการดำเนินโครงการต่อไป” นางสาวนาตยากล่าว

ศูนย์ FLEC ตั้งเป้าหมายให้โครงการ “ขยะดี มีค่า” และการจัดกิจกรรมรับแลกขยะ มีส่วนช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและกระตุ้นให้แรงงานข้ามชาติช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องจัดการให้เหลือน้อยที่สุด โดยศูนย์ FLEC จะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและดำเนินการรับแลกและจดบันทึกปริมาณขยะที่รวบรวมได้ และขยายเครือข่ายพันธมิตรในการสร้างมูลค่าจากขยะ เพื่อนำไปสู่การเป็นต้นแบบชุมชนแรงงานประมงข้ามชาติที่มีการจัดการขยะแบบครบวงจร และขยายผลยังชุมชนบริเวณรอบๆ ท่าเทียบเรือประมง และชุมชนอื่นๆ ในจังหวัดสงขลาต่อไป