Home Blog Page 108

รู้เก็บรู้ออม : 50 ปีตลาดหลักทรัพย์ฯ

0

“ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” เปิดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2518 จวบจนถึงตอนนี้ ปี พ.ศ.2567 นักลงทุนได้รู้จักตลาดหลักทรัพย์ฯ มานานถึง 50 ปีแล้ว ถ้าเป็นคน ก็เรียกได้ว่า รู้จักคบกันมานานครึ่งค่อนชีวิตกันเลยทีเดียว

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯก็คงเหมือนกับเราๆ ท่านๆ ทุกคนที่ต้องผ่านร้อนผ่านหนาว มีทั้งช่วงเวลาที่ดีและไม่ดี จนเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาขับเคี่ยวให้กลมกล่อม ผ่านการทบทวนและกลั่นกรองให้พร้อมสำหรับก้าวต่อไปสู่อนาคต

สำหรับก้าวย่างสู่ปีที่ 50 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กำหนดแนวคิด Make it “Work” for Every Future-ร่วมสร้างอนาคต เพื่อโอกาสของทุกคน ทั้งการสร้างสรรค์สินค้าและบริการที่ตอบโจทย์เป้าหมายอนาคตของผู้ออมและผู้ลงทุน เป็นกลไกให้ภาคธุรกิจเข้าถึงโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว นำไปสู่การขับเคลื่อนประเทศอย่างแข็งแกร่ง พร้อมสร้างสมดุลสิ่งแวดล้อม และอนาคตของสังคมไทยอย่างยั่งยืน

2.ขยายโอกาสระดมทุนให้บริษัททุกขนาดในภูมิภาค มุ่งเน้นบริษัทขนาดใหญ่ ธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่ บริษัทต่างชาติที่ทำธุรกิจในไทย บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ และ SMEs Startups

3.พัฒนาตลาดทุนแบบดิจิทัลเข้ามาเสริมตลาดทุนดั้งเดิมที่มีความเข้มแข็งในปัจจุบัน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ระดมทุนและนักลงทุนยุคใหม่

4.เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานและการกำกับดูแล และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตลาดทุนที่แข็งแกร่ง โดยใช้ AI และ Generative AI เข้ามาช่วยพัฒนางาน

5.ขับเคลื่อนความยั่งยืน (Sustainability) ในทุกมิติ มุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมให้ บจ. นักลงทุน และบุคลากรตลาดทุน สามารถรับมือกับความท้าทายและโอกาสจากประเด็นความยั่งยืนรวมถึงกฎเกณฑ์ข้อบังคับใหม่ๆ ทั้งเรื่องวิกฤติสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และสิทธิมนุษยชน

นอกจากนี้ ตลอดปี 2567-68 จะได้พบกับการจัดกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนิทรรศการ 50 ปี ตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ห้องสมุดมารวย ซึ่งเข้าชมได้ตั้งแต่วันนี้, หนังสือ 50 ปี “5 Decades of SET” และจัดทำซีรีส์สื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ ตลอดจนกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG)

คอยติดตามอัปเดตข่าวสารและกิจกรรมต่างๆ ได้ที่นี่ จะได้ร่วมสร้างอนาคต เพื่อโอกาสของทุกคนไปด้วยกัน!

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

AIS อยู่เคียงข้างนักขายออนไลน์ ดึง 5 กูรูขั้นเทพเผยไต๋ปั้นยอดขายให้ได้หลักล้าน ผ่านคลาสออนไลน์ฟรี

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ตอกย้ำการอยู่เคียงข้างกลุ่มผู้ประกอบรายย่อยและนักขายออนไลน์ ผ่านการส่งมอบสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเป็นแพ็กเกจ โปรโมชั่น อินเทอร์เน็ตและตัวช่วยการขาย ล่าสุด เตรียมเปิดคลาสสอนสดออนไลน์ เจาะกลยุทธ์การขาย “AIS อัปเวล พร้อมอัปเซลให้นักขาย” ทั้งพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ นักขายมือใหม่ หรือ เจ้าของธุรกิจ บุคคลทั่วไป ที่อยากเริ่มหารายได้เสริมจากการค้าขาย หรือ ธุรกิจส่วนตัว หรือแม้แต่ องค์กร หรือ ทีมการตลาด ที่ต้องการอัปเดทเทรนด์การตลาดในปัจจุบัน พร้อมตามเทรนด์ฟีเจอร์ใหม่ให้ทัน เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจและองค์กร

งานนี้อัดแน่นเนื้อหาสร้างยอดขายแบบพุ่งทะยานด้วยเครื่องมือการทำการตลาดยอดฮิต และฟังสุดยอดเทคนิคที่จะทำให้คุณกลายเป็นสุดยอดนักขาย พบกับ

  • ไอเดียการทำคอนเทนต์และการไลฟ์ให้ลูกค้ากดซื้อสินค้าจนหมดสต็อก จากกูรูมากประสบการณ์
    อย่าง คุณแอ๊ม จากช่องการตลาดการเตลิด ที่จะมาเผยไอเดียการทำคอนเทนต์แบบอัปเดตล่าสุด 2024
  • รู้จักกับ 5 ฟีเจอร์ใหม่แบบปังๆ จาก Microsoft 365 ที่ช่วยบริหารจัดการธุรกิจได้ง่ายๆแค่ปลายนิ้ว
  • เทคนิคส่งของแบบไหน ถูกใจคนรับ สบายใจคนส่ง จาก Line Man
  • วิธีการจัดการออเดอร์ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน จาก MyOrder

งานนี้ AIS ตั้งใจจัดหนักจัดเต็มในทุกเรื่องเทคนิคอัปเซลนักขายออนไลน์ ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายและรับจำนวนจำกัด สามารถลงทะเบียนได้ที่  https://m.ais.co.th/rxHr3oyfJ แล้วพบกันในวันอังคารที่ 25 มิถุนายน 2567 เวลา 13.00 – 17.30น. ผ่านระบบ ZOOM

5 เคล็ดลับวิเคราะห์หุ้น IPO ก่อนลงทุน

0
บทความโดย ภัทรธร ช่อวิชิต AISA นักลงทุนเน้นคุณค่า

ปัจจุบันนักลงทุนให้ความสนใจหุ้น IPO (หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายครั้งแรกแก่ประชาชนทั่วไป : IPO) หรือเรียกว่า หุ้นน้องใหม่ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยวิธีการวิเคราะห์หุ้น IPO ก็ไม่แตกต่างจากหุ้นทั่วไปที่ซื้อขายในตลาดหุ้น ซึ่งต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อขาย ซึ่งมีเคล็ดลับ ดังนี้

1. ศึกษาข้อมูลพื้นฐานของหุ้น IPO

การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ต้องยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ซึ่งแสดงข้อมูลพื้นฐานของบริษัท เช่น นโยบายและภาพรวมการประกอบธุรกิจ ลักษณะการประกอบธุรกิจ ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ โครงการในอนาคต ผลการดำเนินงาน ข้อมูลสำคัญทางการเงินและการวิเคราะห์แผนการดำเนินธุรกิจในอนาคต หรือข้อมูลการจอง จัดจำหน่าย และการจัดสรรหุ้น เป็นต้น จึงเป็นเอกสารสำคัญในการตรวจสอบข้อมูลหุ้น IPO ก่อนลงทุน ซึ่งนักลงทุนสามารถดูข้อมูลนี้ได้จากเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต.

นอกจากข้อมูลหนังสือชี้ชวนแล้ว ยังต้องศึกษาข้อมูลพื้นฐานจากเว็บไซต์ของบริษัท เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การนำเสนอข้อมูลรายละเอียดหลักทรัพย์แก่นักลงทุน (Roadshow) เพื่อนำเสนอข้อมูลของผู้บริหารบริษัท ที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้จัดการจัดจำหน่ายหุ้น และข่าวสารจากสำนักข่าวต่าง ๆ อีกด้วย

2. วิเคราะห์ธุรกิจและการแข่งขัน

ก่อนตัดสินใจลงทุนหุ้น IPO ควรเข้าใจธุรกิจนั้น ๆ ให้ลึกซึ้ง โดยดูข้อมูลจาก “โครงสร้างและการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท” เริ่มต้นจากการอ่านข้อมูลพื้นฐานของบริษัท เช่น ประวัติการก่อตั้ง การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการสำคัญ วิสัยทัศน์ โครงสร้างรายได้ เป็นต้น

จากนั้นให้พิจารณาข้อมูลอุตสาหกรรมและการแข่งขัน เพื่อทำความเข้าใจลักษณะการดำเนินธุรกิจ คู่แข่ง การเติบโตของอุตสาหกรรมในปัจจุบันและอนาคต โดยนำข้อมูลและตัวเลขมาประมาณการรายได้เพื่อนำไปประมาณการกระแสเงินสดที่จะได้รับในอนาคตสำหรับการประเมินมูลค่าหุ้น

3. วิเคราะห์งบการเงิน

เริ่มต้นจาก “ข้อมูลสรุป (Executive Summary)” และเข้าไปดูรายละเอียดที่ “การวิเคราะห์และคำอธิบายของฝ่ายจัดการ (MD&A)” ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหารต่อผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงินที่มีนัยสำคัญในงบการเงินงวดที่ผ่านมา รวมถึงปัจจัยหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ แนวโน้มที่จะมีผลกระทบต่อการดำเนินงาน ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน

นอกจากการอ่านงบการเงินสำหรับหุ้น IPO เพื่อตรวจสอบสุขภาพการเงินแล้ว ยังสามารถประเมินได้ว่ามีโอกาสเป็น “หุ้นเติบโต” หรือ “หุ้นปันผล” หากบริษัทมีนโยบายระดมทุนเพื่อนำไปเร่งขยายธุรกิจ จะพบว่าอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) จะอยู่ในระดับสูง (เช่น 20 – 30 เท่า) และยอดขายและกำไรจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง และหากต้องการดูว่าบริษัทนำเงินที่ระดมทุนได้ไปลงทุนโครงการใด ให้ดูข้อมูล “โครงการในอนาคต”

สำหรับบริษัทที่มีลักษณะเป็นหุ้นปันผล ก่อนเข้าซื้อขายในกระดาน จะพบว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงการลงทุนก็เป็นเพียงขยายตามอุตสาหกรรม และ D/E Ratio จะอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก

4. คาดการณ์การเติบโตจากโครงการในอนาคต

ข้อมูล “โครงการในอนาคต” จะอธิบายว่าบริษัทจะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปทำอะไรบ้าง หากนำไปขยายธุรกิจ (เช่น สร้างโรงงานแห่งใหม่) และนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียน ต้องสะท้อนให้เห็นได้ว่านำไปลงทุนขยายธุรกิจ จากนั้นก็ต้องติดตามข้อมูลว่า บริษัทจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มสร้างรายได้เมื่อไหร่

หากบริษัทนำเงินที่ระดมทุนไปใช้หนี้ หากเป็นหนี้สินที่กู้มาเพื่อขยายโรงงานก่อนเข้าจดทะเบียนก็ไม่มีปัญหา เพราะทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายจะปรับลดลงในไตรมาสถัดไป ผลลัพธ์ คือ กำไรจะเพิ่มขึ้น D/E Ratio ลดลง ในทางกลับกัน หากช่วงก่อนจดทะเบียน บริษัทไม่มีการขยายธุรกิจ สินทรัพย์เท่าเดิม ขณะที่หนี้สินเพิ่มขึ้น แต่กำไรสะสมลดลง ที่สำคัญข้อมูล “โครงการในอนาคต” ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่านำเงินไปลงทุนอะไร นักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น  

5. คำนวณราคาหุ้นที่เหมาะสม

ราคาหุ้น IPO ที่เหมาะสม สามารถดูจาก P/E Ratio ปัจจุบัน โดยพิจารณาในข้อมูลสรุป (Executive Summary) โดยคำนวณจากกำไรย้อนหลัง 4 ไตรมาสหารด้วยจำนวนหุ้นหลัง IPO หากหุ้นที่มีการเติบโตมักจะขายราคา IPO ในราคาค่อนข้างสูง ดังนั้น นักลงทุนต้องทำการบ้านเรื่องการเติบโตในอนาคตว่าบริษัทจะเติบโตจากปัจจัยอะไรบ้างและยาวนานแค่ไหน (สามารถใช้ข้อมูลบทวิเคราะห์เข้ามาประกอบด้วย)

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่าการประเมินมูลค่าธุรกิจทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจและข้อมูลที่มี เช่น เปรียบเทียบราคา IPO กับ มูลค่าตามบัญชี (P/BV) หรือกำไรต่อหุ้นที่คาดการณ์ของบริษัท แล้วนำมาเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการกำหนดราคา IPO โดยบางครั้งบริษัทอาจตั้งราคาจองซื้อ IPO สูงเกินไป ทำให้นักลงทุนไม่มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี หรือประเมินมูลค่ากิจการเอง โดยนำค่า P/E, P/BV หรือ P/Sales ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมคูณกับ EPS, BVS หรือ Sales ที่คาดการณ์ของบริษัท หรือใช้วิธี DCF (เหมาะกับธุรกิจที่คาดการณ์กระแสเงินสดในอนาคตได้) เมื่อได้มูลค่าที่เหมาะสมของกิจการแล้วนำไปเทียบกับราคา IPO ว่ามี Upside Gain หรือไม่ และอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุนไหม

ตามไปดูน้องๆ “รร.บ้านต่างตา” จ.นครราชสีมา ใช้ Active Learning เรียนรู้ควบคู่ลงมือปฏิบัติ

0

“ศตวรรษที่ 21” ยุคแห่งการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆมาใช้ รวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย ซึ่งรูปแบบการเรียนรู้ Active Learning ถูกนำมาใช้ในสถานศึกษา เน้นการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ ตามแนวคิดผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้

เช่นเดียวกับ “โรงเรียนบ้านต่างตา” ตำบลหนองจะบก จังหวัดนครราชสีมา ที่เห็นความสำคัญของ Active Learning และได้รับโอกาสจากการเข้าร่วมโครงการของมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา CONNEXT ED โดยปีการศึกษา 2565 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือซีพีเอฟ ดำเนิน”โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเด็กไทยก้าวสู่ศตวรรษใหม่ที่ 21″

ถึงแม้ว่า”โรงเรียนบ้านต่างตา”จะเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีจำนวนนักเรียน 170 คน แต่นโยบายจากผู้อำนวยการโรงเรียน”นายประมวล สุวรรณบุบผา” ส่งเสริมการนำกระบวนการ Active Learning มาช่วยในการพัฒนานักเรียนตามความถนัดและความสามารถของผู้เรียน ฝึกทักษะกระบวนการคิด การทำงานร่วมกับผู้อื่น การประยุกต์และนำความรู้มาใช้ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ในวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์

รวมไปถึงการจัดค่ายวิชาการ ที่เป็นโอกาสให้คุณครูของโรงเรียนบ้านต่างตาซึ่งส่วนใหญ่เป็นครูบรรจุใหม่ ขาดประสบการณ์ในการทำค่ายวิชาการ ได้มีส่วนร่วมและสังเกตเทคนิคของวิทยากร เรียนรู้เทคนิควิชาการจากการจัดค่ายไปต่อยอดสร้างค่ายวิชาการได้เองในโอกาสต่อไป และประยุกต์ใช้กับการจัดการเรียนการสอนได้อย่างยั่งยืน และสิ่งที่นักเรียนได้รับ คือ เรียนรูุ้ในการหาคำตอบด้วยตนเองจากสิ่งที่สนใจ จนเกิดเป็นความรู้ ความเข้าใจ และนักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้

“น.ส.อริยา พรมบุตร” คุณครูผู้รับผิดชอบโครงการ CONNEXT ED ของรร.บ้านต่างตา กล่าวว่า กิจกรรมที่รร.จัดให้กับนักเรียนภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาฯ ทำให้นักเรียนได้รับความรู้และความสนุกสนานควบคู่กัน นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียน มีความเข้าใจและเห็นความสำคัญของเนื้อหาวิชาการที่ถูกนำเสนอ ส่งผลต่อการเรียนและการใช้ชีวิตประจำวันของนักเรียน คุณครูสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการจัดการสอน ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผลการทดสอบระดับชาติ O-NET สูงกว่าระดับประเทศทุกรายวิชา

ด.ช.เลิศศักดิ์ แก้วไตรรัตน์ นร.ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เล่าว่า กิจกรรม Active Learning ทำให้ผมเรียนด้วยความสุข สนุนสนาน ไม่เครียดกับการเรียน คุณครูใช้กิจกรรม Active Learning ผมสนุกกับกิจกรรมต่างๆ ที่ครูได้จัดให้ ตอนนี้ผมคิดว่าคณิตศาสตร์เป็นมากกว่าตัวเลข ขอขอบคุณโครงการคอนเน็กซ์ อีดี
และซีพีเอฟ ที่มอบโอกาสและสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ ให้กับโรงเรียนของเรา

ด.ญ.สุภัสสร เหี้ยมจะบก เพื่อนนักเรียนชั้นเดียวกัน กล่าวว่า หนูได้รับความสนุกสนานจากเกมต่างๆ ที่ครูจัดมาให้ และบูรณาการกับวิชาคณิตศาสตร์ การที่มีสื่อการ
สอน ทำให้มีความเข้าใจและรู้สึกสนุกกับการเรียนมากขึ้น เรียนรู้การทำงานเป็นกลุ่ม เกิดความสามัคคีในการทำงาน หนูเองได้ความรู้จากสูตรลัดน่ารู้มากมาย ขอขอบคุณ
คอนเน็กซ์ อีดี ที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมดีๆของโรงเรียนเรา

“โรงเรียนบ้านต่างตา” เป็น1 ใน 302 โรงเรียน ในโครงการคอนเน็กซ์ อีดี ภายใต้การดูแลของซีพีเอฟ ภาคเอกชนที่ร่วมก่อตั้งมูลนิธิคอนเน็กซ์ อีดี ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของการปูพื้นฐานการศึกษาที่ดี และส่งมอบโอกาสดีๆให้กับเด็กและเยาวชนไทย เพื่อสร้างเด็กดี เด็กเก่ง และมีคุณธรรม เป็นกำลังที่แข็งแกร่งในการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า พร้อมรับมือกับโลกแห่งอนาคต .

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยกระดับมาตรการกำกับดูแลบจ. ปรับปรุงเกณฑ์คุมเข้มห้ามประกอบธุรกิจลักษณะ Investment Company เริ่ม 1 ก.ค. 67

0
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้ายกระดับมาตรการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน ปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนที่ต้องไม่มีลักษณะเป็น Investment Company ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ในประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน โดยเพิ่มความเข้มงวดและประสิทธิภาพในการกำกับดูแล ตลอดจนคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุน ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 เป็นต้นไป                     

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนที่ต้องไม่มีลักษณะเป็นการบริหารจัดการเงินลงทุน (Investment Company) ตั้งแต่การรับบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียน จนถึงการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน ให้มีความสอดคล้องกันกับหลักเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. โดยกำหนดให้บริษัทที่ยื่นคำขอเข้าจดทะเบียน และบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ใน SET และ mai ต้องไม่มีการดำเนินงานในลักษณะที่เป็น Investment Company หากบริษัทจดทะเบียนมีลักษณะการดำเนินงานดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย CC (Non-Compliance) เพื่อเตือนให้ผู้ลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทดังกล่าว และหากบริษัทจดทะเบียนนั้นไม่สามารถแก้ไขลักษณะดังกล่าวได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย SP (Trading Suspension) ตามระยะเวลาที่กำหนด และอาจพิจารณาเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน ตามลำดับ ซึ่งการกำหนดมาตรการดังกล่าวเป็นการเพิ่มความเข้มงวดและประสิทธิภาพในการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน ตลอดจนเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุน ตามแผนกลยุทธ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้านยกระดับความเชื่อมั่นตลาดทุน

ทั้งนี้ เกณฑ์ดังกล่าวได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้ว โดยจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป

ผู้ลงทุนและผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเกณฑ์เกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนที่เป็น Investment Company ได้ที่เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ www.set.or.th ภายใต้หัวข้อ “กฎเกณฑ์/การกำกับ” และ “กฎเกณฑ์ – หนังสือเวียนส่วนที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์จดทะเบียน”

เชฟแคร์ส โชว์แนวคิด ‘กล่องนี้ดีที่สุข’ ส่งต่อความรัก-ความอร่อย ร่วมงานมหกรรมอาหาร THAIFEX – Anuga Asia 2024

0

เชฟแคร์ส (Chef Cares) นำเมนูอาหารพร้อมทานและขนมหวาน จัดแสดงบูธในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2024 ด้วยแนวคิด “กล่องนี้ดีที่สุข” เพราะอาหารเป็นตัวแทนการส่งต่อความรักและความอร่อยที่่รังสรรค์ด้วยใจของเชฟแนวหน้า เพื่อสร้างความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ ร่วมสนับสนุนการเข้าถึงอาหารคุณภาพหลากหลาย พร้อมคุณค่าทางโภชนาการจากการใช้วัตถุดิบระดับพรีเมียม โดยกำไรทั้ง 100% จะนำคืนสู่สังคม ผ่านเชฟแคร์ส โปรเจกต์ วิสาหกิจเพื่อสังคม เพื่อสร้างโอกาสและมอบแนวทางประกอบอาชีพในวงการอาหารให้แก่เด็กและเยาวชนผู้ห่างไกลและด้อยโอกาสได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

ครั้งนี้ เชฟแคร์สนำเมนูไฮไลท์ของเชฟชื่อดังอย่าง 1.) กะเพราหมูคูโรบูตะและข้าวญี่ปุ่น โดย เจ๊ไฝ-สุภินยา ยกระดับเมนูผัดกะเพราที่หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเมนูธรรมดา เป็นเมนูสุดพรีเมียมให้ทุกคนได้อร่อยในราคาหลักสิบ 2.) แกงเผ็ดเป็ดย่าง โดย เชฟนูรอ เชฟอาหารไทย จากภัตตาคาร Blue Elephant ที่ครองใจคนทั่วโลก นำเนื้อเป็ด ชิ้นพอดีคำ เนื้อนุ่มละมุนลิ้น คลุกเคล้าผสมผสานกับแกงเผ็ดที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน หอม รสชาติกลมกล่อม 3.) ไก่ทิกก้ามาซาล่าและข้าวหุงขมิ้น ฝีมือเชฟดีเค ร้าน HAOMA อาหารสัญชาติอินเดียที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องเทศมาซาล่า ปรุงเข้ากับไก่เบญจา ได้รับการรับรองเครื่องหมายฮาลาล (Halal)

ทั้งนี้ พบกับผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ ‘เจ๊ไฝ’ ทั้งซอสพริกศรีราชา ซอสกะเพรา ซอสผัดขี้เมา ซอยหอยนางรม พริกเผา และแจ่ว มาร่วมจัดแสดงเป็นที่แรกอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีขนมหวาน อาทิ มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองเสียบไม้แช่แข็ง มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองเคลือบช็อกโกแลตแช่แข็ง เป็นต้น

บูธเชฟแคร์ส พร้อมแล้วที่จะส่งมอบกล่องอาหารสร้างความสุข ที่หมายเลข 3-O65 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 ศูนย์การค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมและเลือกซื้อสินค้าคุณภาพราคาพิเศษ ในวันที่ 1 มิถุนายน 2567 เวลา 10.00-20.00 น.

รู้เก็บรู้ออม : เคล็ดลับลงทุนหุ้น IPO

0

สำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว หลายคนมีทัศนคติเชิงบวกกับหุ้นน้องใหม่ หรือหุ้น IPO ซึ่งก็คือ หุ้นของกิจการที่เปิดเสนอซื้อขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกว่า มีโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดี จึงทำให้นักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่พร้อมบวก เข้ามาลุยซื้อหุ้นในวันแรกที่หุ้นเข้าตลาด เพราะคาดหวังว่าจะทำกำไรได้ง่ายและเร็ว

ยิ่งหุ้น IPO ของบริษัทใหญ่ มียอดจองถล่มทลายจนต้องแย่งกันจอง ทำให้มีหุ้นไม่เพียงพอกับความต้องการ ก็จะยิ่งเป็นที่หมายปองของนักลงทุน เกิดการแห่ซื้อหุ้นตัวนั้นในวันแรกที่เข้าตลาด โดยที่นักลงทุนอาจจะไม่รู้จักหุ้นตัวนั้นเสียด้วยซ้ำ ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางการลงทุนที่ไม่ถูกต้องนักเพราะไม่ใช่หุ้น IPO ทุกตัวจะสร้างความสุขให้กับนักลงทุน บางตัวเปิดมาวันแรก ราคาต่ำจองก็มี หรือซื้อปุ๊บติดดอย ก็มีให้เห็นมาแล้วหลายตัว

SET investnow แหล่งรวบรวมความรู้เรื่องการลงทุน จะมาบอกเคล็ดลับให้กับนักลงทุนในการเลือกลงทุนหุ้น IPO เพื่อให้ได้ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งจริงแล้ว อาศัยพื้นฐานที่ไม่แตกต่างกับการลงทุนหุ้นทั่วไปที่ซื้อขายในตลาดหุ้น นั่นคือ การทำความรู้จักในหุ้นตัวนั้นให้ดีเสียก่อนตัดสินใจลงทุน อย่าจองซื้อหุ้น IPO แบบไม่รู้อะไรเลยเด็ดขาด เริ่มจาก

1.ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน นักลงทุนสามารถตรวจสอบข้อมูลหุ้น IPO ก่อนลงทุนได้จากเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต., หนังสือชี้ชวน, ข้อมูลกิจการจากเว็บไซต์ของบริษัท, ตลาดหลักทรัพย์ฯ และข่าวสารต่างๆ

2.วิเคราะห์ธุรกิจและการแข่งขัน รู้จักว่าบริษัททำธุรกิจ และอยู่ในอุตสาหกรรมอะไร มีคู่แข่งเป็นใครบ้าง และอนาคตของธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตอย่างไร น่าสนใจต่อการลงทุนหรือไม่

3.อ่านงบการเงิน จะเป็นตัวบอกสุขภาพการเงินของกิจการ และช่วยประเมินได้ด้วยว่า หุ้นตัวนี้มีโอกาสเป็น หุ้นปันผล ในอนาคตหรือไม่ โดยหุ้นที่เข้าข่ายนี้ มักจะมีผลการดำเนินงานที่โตแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงการลงทุนก็เป็นเพียงขยายตามอุตสาหกรรม และอัตราส่วนหนี้สินต่อผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) อยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก

4.ดูแผนงานในอนาคต บริษัทจะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปใช้ทำอะไร เช่น ใช้ขยายกิจการ, ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ทำให้เราเห็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น

และ 5.ราคาหุ้น IPO เหมาะสมหรือไม่ เมื่อเทียบกับมูลค่ากิจการ ซึ่งมีวิธีดูหลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจและข้อมูลที่มี โดยใช้อัตราส่วนทางการเงินมาช่วยวิเคราะห์ได้ เช่น ราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) เพื่อประมาณการจุดคุ้มทุน, ราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV), อัตราการจ่ายปันผล เป็นต้น

นักลงทุนจึงต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะทุกการลงทุนนั้น มีความเสี่ยง แต่การลงทุนแบบไม่รู้อะไรเลยนั้น เสี่ยงและอันตรายยิ่งกว่า

สำหรับมือใหม่หรือผู้ที่สนใจ อยากเรียนรู้เทคนิคการอ่านงบการเงินแบบง่ายๆ สามารถเข้าไปเรียนรู้ผ่าน e-Learning กับหลักสูตร “Financial Statement Analysis” ได้ฟรี ตามลิงก์นี้เลย https://elearning.set.or.th/SETGroup/courses/363/info

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ “รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง” หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

“เนื้อไก่” แหล่งโปรตีนคุณภาพดี ไม่ใช่สาเหตุของเด็กเป็นสาวก่อนวัย

0

ผู้เชี่ยวชาญ ม.มหิดล แนะ เนื้อไก่ แหล่งโปรตีนคุณภาพดี เหมาะสำหรับ ทุกเพศ ทุกวัย ราคาเข้าถึงง่าย ย้ำ เนื้อไก่ไม่ใช่สาเหตุของเด็กโตก่อนวัย ผู้บริโภคมั่นใจได้ อุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ของไทยไม่มีการใช้ฮอร์โมน

อ.สพ.ญ. พัชราภรณ์ ขำพิมพ์ อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกและการสาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เนื้อไก่ แหล่งโปรตีนที่ดี เป็นที่นิยมรับประทานกันมากที่สุด เพราะราคาถูกกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ หากเทียบในปริมาณที่เท่ากัน และสามารถรับประทานได้ทุกชาติ ทุกศาสนา โดยไม่มีข้อห้าม

อ.สพ.ญ. พัชราภรณ์ ขำพิมพ์

เนื้อไก่ มีโปรตีนสูง เห็นได้ว่า นักกีฬา หรือคนที่ออกกำลังกาย ใช้เนื้อไก่เป็นแหล่งโปรตีนเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ และยังเหมาะสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก เพราะมีแคลอรีต่ำ รสชาติดี นำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู

อ.สพ.ญ. พัชราภรณ์ ย้ำว่า สำหรับความเชื่อของผู้ปกครองหลายๆ คนที่เข้าใจว่า เด็กๆ กินไก่เยอะจะทำให้เป็นสาวก่อนวัยนั้น เป็นความเชื่อที่ “ไม่ถูกต้อง” การที่เด็กเป็นสาวไวเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ พันธุกรรม และการสร้างฮอร์โมนของต่อมใต้สมอง รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่นิยมบริโภคฟาสต์ฟู้ดมากขึ้น เพราะไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ที่นิยมบริโภคอาหารจำพวกของทอด และฟาสต์ฟู้ดแบบตะวันตก เป็นปัจจัยที่ทำให้เด็กเกิดภาวะอ้วน จากการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง และเกิดการสะสมในร่างกาย

เด็กที่มีภาวะอ้วนจะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างฮอร์โมนเพศได้เร็วขึ้น แต่ไม่สามารถกล่าวได้ว่าการกินไก่ทำให้เด็กโตไว เพราะไม่ใช่ไก่เท่านั้นที่กินแล้วจะทำให้เด็กอ้วน แต่เพราะไก่ เป็นอาหารยอดนิยม โดยเฉพาะ ไก่ทอด เด็กๆ ชอบกิน จึงทำให้คนนึกถึงไก่ก่อนอาหารอื่นๆ ว่าเป็นสาเหตุของการโตไว โดยแพทย์จะแนะนำให้งดของทอด ไก่ทอด อาหารไขมันสูงต่างๆ แต่หากงดเพียงไก่ทอดอย่างเดียว แต่ไม่งดฟาสต์ฟู้ดอื่นๆ ก็ยังทำให้เด็กอ้วนได้

สำหรับเด็กที่กินอาหารทอดแล้วไม่เกิดภาวะอ้วนอาจเป็นเพราะพันธุกรรม แต่หากเด็กที่ไม่มีภาวะอ้วนแต่ยังเป็นสาวไวอยู่นั้น เพราะไม่ว่าเด็กอ้วนหรือเด็กผอม หากกินอาหารไขมันสูง ไขมันที่สะสมในร่างกาย จะไปกระตุ้นให้เกิดภาวะเป็นสาวเร็วได้ โดยสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลเรื่องโภชนาการของเด็ก เพื่อไม่ให้เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เด็กเป็นสาวก่อนวัย

อ.สพ.ญ. พัชราภรณ์ กล่าวย้ำว่า ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ของไทย ไม่มีการใช้ฮอร์โมนในไก่แล้ว เนื่องจากฮอร์โมน Hexoestrol ที่ใช้ในสัตว์ปีก ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศเพิกถอนทะเบียนตำรับยาสำหรับสัตว์ไปตั้งแต่ปี 2529 นับถึงปัจจุบันรวมระยะเวลา 38 ปี แล้ว หากมีการลักลอบใช้ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายและมีบทลงโทษ ดังนั้นจึงไม่เป็นความจริงสำหรับความเชื่อที่ว่าการเลี้ยงไก่ มีการฉีดฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตเพื่อให้ไก่โตไว และทำให้มีฮอร์โมนตกค้างอยู่ในเนื้อไก่ เมื่อเด็กบริโภคเนื้อไก่เข้าไป จะทำให้เด็กโตเป็นสาวเร็ว

อุตสาหกรรมสัตว์ปีกที่มีมาตรฐานไม่มีการใช้ฮอร์โมน เพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ฮอร์โมนยังราคาสูงมาก ทำให้ผู้ประกอบการไม่เสี่ยงที่จะใช้และยังส่งผลต่อต้นทุนการเลี้ยง อีกทั้งอุตสาหกรรมเลี้ยงไก่ในโรงเรือนขนาดใหญ่ มีปริมาณไก่เป็นหมื่นเป็นแสนตัว การที่จะฉีดฮอร์โมนให้ทีละตัวนั้นทำไม่ได้อยู่แล้ว ฮอร์โมนในรูปแบบการฉีดจะต้องให้ทุกวัน ซึ่งไม่สามารถทำได้จริง

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ของไทย ปฏิบัติตามมาตรฐานสากลอย่างเข้มงวด การส่งออกติดอันดับโลก ซึ่งการที่ไก่ที่เลี้ยงแบบอุตสาหกรรมโตไว มาจากปัจจัยหลายด้าน เช่น มีการคัดเลือกสายพันธุ์ไก่ที่โตเร็ว เลี้ยงในโรงเรือนระบบปิดที่ควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมกับธรรมชาติของไก่ มีระบบการป้องกันโรคที่ดี รวมทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิตอาหารที่เหมาะกับช่วงวัยและการเติบโตของไก่ สามารถคำนวณและผสมอาหารสำเร็จรูปให้ได้สารอาหารตรงตามความต้องการของสายพันธุ์ ทำให้ไก่เติบโตได้เร็วตามวัยโดยไม่จำเป็นต้องเสริมสารเร่งโต./

ออมสินสนับสนุนให้ทุกคนมีบ้าน ออกสินเชื่อบ้านออมสินเพื่อคนไทยและสินเชื่อ Top Up ผ่อนนาน 40 ปี วงเงินกู้สูงสุด 7 ล้านบาท

0

ออมสินให้ คนไทยทุกคนมีบ้าน? ? ทั้งกรณีซื้อ / ปลูกสร้าง ด้วยสินเชื่อบ้านออมสินเพื่อคนไทย และสินเชื่อ Top Up สินเชื่อบ้านออมสินเพื่อคนไทย สำหรับซื้อ/ปลูกสร้าง วงเงินกู้ไม่เกิน 7 ล้านบาท

? ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี ปีแรก 1.950% ต่อปี

? ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 2.950% ต่อปี

? ผ่อนปีแรกเริ่มต้นล้านละ 2,500 บาท/เดือน

? ผ่อนนาน 40 ปี พิเศษ!! สินเชื่อ Top Up

? กู้เพิ่มเติมเพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งบ้าน หรือสิ่งจำเป็นอื่นในการเข้าอยู่อาศัย

? ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก 3.490% ต่อปี

? ผ่อนล้านละ 4,000 บาท/เดือน 3 ปีแรก

? ระยะเวลายื่นกู้ ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 67 – 30 ธ.ค. 67 หรือจนกว่าครบวงเงินโครงการ 10,000 ล้านบาท

? อนุมัติและจัดทำนิติกรรมสัญญา ภายใน 30 ม.ค. 68

• ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.595% ต่อปี (ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป) ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น หรือลดลงได้

• อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Rate) อยู่ระหว่าง 1.950% – 6.345% ต่อปี

• อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา (EIR) อยู่ระหว่าง 4.735% – 5.264% ต่อปี คำนวณจากวงเงินกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลา 20 ปี แบบผ่อนชำระเท่ากันทุกงวด

• เงินงวดผ่อนชำระสินเชื่อเคหะปีที่ 1 ล้านละ 2,500 บาท/เดือน ปีที่ 2 ล้านละ 3,500 บาท/เดือน ปีที่ 3 ล้านละ 4,500 บาท/เดือน หลังจากนั้น 8,100 บาท/เดือนดอกเบี้ยทั้งสัญญา 563,100 บาท คำนวณจากวงเงินกู้ 1.00 ล้านบาท ระยะเวลา 20 ปี

• เงินงวดผ่อนชำระสินเชื่อ Top Up ปีที่ 1 – 3 ล้านละ 4,000 บาท/เดือน หลังจากนั้น 8,400 บาท/เดือน ดอกเบี้ยทั้งสัญญา 627,700 บาท คำนวณจากวงเงินกู้ 1.00 ล้านบาท ระยะเวลา 20 ปี

• รายละเอียดการคำนวณเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th

? สมัครขอสินเชื่อ คลิก > https://shorturl.asia/dVAwp

⚠️ รู้ก่อนกู้…กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

⚠️ เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

คู่ค้าทั่วโลกชื่นชอบ Soft Power อาหารไทย เยี่ยมชมบูธซีพีเอฟ งาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2024 คับคั่ง

0

คณะทูตนานาประเทศ คู่ค้า และผู้นำหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เยี่ยมชมและชื่นชอบบูธ ของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมแสดง ในงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2024 แนวคิด ครัวของโลกด้วยนวัตกรรมความยั่งยืน หรือ “Kitchen of the world with Sustainovation” ด้านนวัตกรรมอาหาร ตอบเทรนด์โลกทั้งด้านการส่งเสริมสุขภาพที่ดี รสชาติอร่อย พร้อมรับผิดชอบต่อสังคมและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ส่งออก Soft Power อาหารไทยสู่ผู้บริโภคทั่วโลก

ตั้งแต่วันเปิดงาน นวัตกรรมอาหารที่จัดแสดงทั้ง 6 โซน ได้สร้างความประทับใจให้กับรัฐมนตรี ผู้บริหารจากหน่วยงานรัฐ และลูกค้าจากทั่วโลกที่มาเยี่ยมชมบูธตั้งแต่วันเปิดงาน ทั้ง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต รวมทั้งผู้บริหารในเครือฯ นางมาริษา เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้งและประธานโครงการเชฟแคร์ส นายธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร ประเทศไทย เป็นต้น

นอกจากนี้ บูธซีพีเอฟได้รับเสียงตอบรับที่ดีและเป็นที่ชื่นชอบของผู้เข้าร่วมงานทั้งคู่ค้า และคณะทูตนานาชาติจากหลายประเทศ ได้แก่
นายฌ็อง-โกลด ปวงเบิฟ (Jean-Claude Poimbœuf) เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย นายปาร์ค ยงมิน (Park Yongmin) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย นายกุสตาโบ อัลแบร์โต มาร์ติโน (Gustavo Alberto Martino) เอกอัครราชทูตอาร์เจนตินา ประจำประเทศไทย นายอาร์ตูร์ ดมอฮอฟสกี (Artur Dmochowski) เอกอัครราชทูตโปแลนด์ประจำประเทศไทย นายเปาโล ดีโอนีซี (Paolo Dionisi) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย นายโจนาธาน เดล คิงส์ (HE. Mr. Jonathan Dale Kings) เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย นายเดวิด แฮนเซ็น (David Hansen) อุปทูตฯ สถานเอกอัครราชทูตชิลีประจำประเทศไทย พร้อมด้วยท่านทูตพาณิชย์จากสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมชมบูธเพื่อร่วมหารือโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ทั้งการส่งออกอาหารไทยไปทั่วโลก และนำเข้าผลิตภัณฑ์รสชาติอร่อยจากนานาประเทศ

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า อรมน ทรัพย์ทวีธรรม กล่าวว่า “นวัตกรรมอาหารของซีพีเอฟ มีความน่าสนใจ ด้วยการเป็นSuperfood ที่คัดสรรมาอย่างดี ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงมีบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้รับตราสัญลักษณ์ไทยซีเล็คซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่กระทรวงพานิชย์มอบให้กับผลิตภัณฑ์อาหารที่จะสามารถช่วยส่งเสริมชื่อเสียงให้กับประเทศ และเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก”

บูธซีพีเอฟ ให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีทันสมัย ผลิตอาหารได้มาตรฐาน มีคุณภาพ รสชาติอร่อย และหลากหลายเมนู ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจถึงสุขภาพ และความยั่งยืนมากขึ้น โดยมีผลิตภัณฑ์อาหารโดดเด่นหลากหลาย นำโดย ผลิตภัณฑ์ไก่ซีพีมาตรฐานระดับอวกาศ Space Safety Standard ซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ความปลอดภัยด้านอาหารขององค์การ NASA รวมถึงสินค้า Thai Cube จากแบรนด์ Kitchen Joy สินค้าแบรนด์ CP Authentic Asia ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของซีพีเอฟ ในการโปรโมตสินค้าอาหารไทย และอาหารเอเชีย สู่ผู้บริโภคทั่วโลก

งาน THAIFEX – Anuga Asia 2024 จัดถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2567 นี้ โดยในงานวันสุดท้ายจะเปิดให้ประชาชนและผู้สนใจไปเลือกซื้อสินค้าคุณภาพราคาพิเศษ ที่บูธซีพีเอฟ ได้ที่หมายเลข 2-U01 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 ศูนย์การค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี ในเวลา 10.00-20.00 น.