Home Blog Page 108

ตามไปดูน้องๆ “รร.บ้านต่างตา” จ.นครราชสีมา ใช้ Active Learning เรียนรู้ควบคู่ลงมือปฏิบัติ

0

“ศตวรรษที่ 21” ยุคแห่งการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆมาใช้ รวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย ซึ่งรูปแบบการเรียนรู้ Active Learning ถูกนำมาใช้ในสถานศึกษา เน้นการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ ตามแนวคิดผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้

เช่นเดียวกับ “โรงเรียนบ้านต่างตา” ตำบลหนองจะบก จังหวัดนครราชสีมา ที่เห็นความสำคัญของ Active Learning และได้รับโอกาสจากการเข้าร่วมโครงการของมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา CONNEXT ED โดยปีการศึกษา 2565 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือซีพีเอฟ ดำเนิน”โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเด็กไทยก้าวสู่ศตวรรษใหม่ที่ 21″

ถึงแม้ว่า”โรงเรียนบ้านต่างตา”จะเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีจำนวนนักเรียน 170 คน แต่นโยบายจากผู้อำนวยการโรงเรียน”นายประมวล สุวรรณบุบผา” ส่งเสริมการนำกระบวนการ Active Learning มาช่วยในการพัฒนานักเรียนตามความถนัดและความสามารถของผู้เรียน ฝึกทักษะกระบวนการคิด การทำงานร่วมกับผู้อื่น การประยุกต์และนำความรู้มาใช้ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ในวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์

รวมไปถึงการจัดค่ายวิชาการ ที่เป็นโอกาสให้คุณครูของโรงเรียนบ้านต่างตาซึ่งส่วนใหญ่เป็นครูบรรจุใหม่ ขาดประสบการณ์ในการทำค่ายวิชาการ ได้มีส่วนร่วมและสังเกตเทคนิคของวิทยากร เรียนรู้เทคนิควิชาการจากการจัดค่ายไปต่อยอดสร้างค่ายวิชาการได้เองในโอกาสต่อไป และประยุกต์ใช้กับการจัดการเรียนการสอนได้อย่างยั่งยืน และสิ่งที่นักเรียนได้รับ คือ เรียนรูุ้ในการหาคำตอบด้วยตนเองจากสิ่งที่สนใจ จนเกิดเป็นความรู้ ความเข้าใจ และนักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้

“น.ส.อริยา พรมบุตร” คุณครูผู้รับผิดชอบโครงการ CONNEXT ED ของรร.บ้านต่างตา กล่าวว่า กิจกรรมที่รร.จัดให้กับนักเรียนภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาฯ ทำให้นักเรียนได้รับความรู้และความสนุกสนานควบคู่กัน นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียน มีความเข้าใจและเห็นความสำคัญของเนื้อหาวิชาการที่ถูกนำเสนอ ส่งผลต่อการเรียนและการใช้ชีวิตประจำวันของนักเรียน คุณครูสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการจัดการสอน ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผลการทดสอบระดับชาติ O-NET สูงกว่าระดับประเทศทุกรายวิชา

ด.ช.เลิศศักดิ์ แก้วไตรรัตน์ นร.ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เล่าว่า กิจกรรม Active Learning ทำให้ผมเรียนด้วยความสุข สนุนสนาน ไม่เครียดกับการเรียน คุณครูใช้กิจกรรม Active Learning ผมสนุกกับกิจกรรมต่างๆ ที่ครูได้จัดให้ ตอนนี้ผมคิดว่าคณิตศาสตร์เป็นมากกว่าตัวเลข ขอขอบคุณโครงการคอนเน็กซ์ อีดี
และซีพีเอฟ ที่มอบโอกาสและสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ ให้กับโรงเรียนของเรา

ด.ญ.สุภัสสร เหี้ยมจะบก เพื่อนนักเรียนชั้นเดียวกัน กล่าวว่า หนูได้รับความสนุกสนานจากเกมต่างๆ ที่ครูจัดมาให้ และบูรณาการกับวิชาคณิตศาสตร์ การที่มีสื่อการ
สอน ทำให้มีความเข้าใจและรู้สึกสนุกกับการเรียนมากขึ้น เรียนรู้การทำงานเป็นกลุ่ม เกิดความสามัคคีในการทำงาน หนูเองได้ความรู้จากสูตรลัดน่ารู้มากมาย ขอขอบคุณ
คอนเน็กซ์ อีดี ที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมดีๆของโรงเรียนเรา

“โรงเรียนบ้านต่างตา” เป็น1 ใน 302 โรงเรียน ในโครงการคอนเน็กซ์ อีดี ภายใต้การดูแลของซีพีเอฟ ภาคเอกชนที่ร่วมก่อตั้งมูลนิธิคอนเน็กซ์ อีดี ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของการปูพื้นฐานการศึกษาที่ดี และส่งมอบโอกาสดีๆให้กับเด็กและเยาวชนไทย เพื่อสร้างเด็กดี เด็กเก่ง และมีคุณธรรม เป็นกำลังที่แข็งแกร่งในการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า พร้อมรับมือกับโลกแห่งอนาคต .

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยกระดับมาตรการกำกับดูแลบจ. ปรับปรุงเกณฑ์คุมเข้มห้ามประกอบธุรกิจลักษณะ Investment Company เริ่ม 1 ก.ค. 67

0
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้ายกระดับมาตรการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน ปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนที่ต้องไม่มีลักษณะเป็น Investment Company ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ในประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน โดยเพิ่มความเข้มงวดและประสิทธิภาพในการกำกับดูแล ตลอดจนคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุน ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 เป็นต้นไป                     

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนที่ต้องไม่มีลักษณะเป็นการบริหารจัดการเงินลงทุน (Investment Company) ตั้งแต่การรับบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียน จนถึงการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน ให้มีความสอดคล้องกันกับหลักเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. โดยกำหนดให้บริษัทที่ยื่นคำขอเข้าจดทะเบียน และบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ใน SET และ mai ต้องไม่มีการดำเนินงานในลักษณะที่เป็น Investment Company หากบริษัทจดทะเบียนมีลักษณะการดำเนินงานดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย CC (Non-Compliance) เพื่อเตือนให้ผู้ลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทดังกล่าว และหากบริษัทจดทะเบียนนั้นไม่สามารถแก้ไขลักษณะดังกล่าวได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย SP (Trading Suspension) ตามระยะเวลาที่กำหนด และอาจพิจารณาเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน ตามลำดับ ซึ่งการกำหนดมาตรการดังกล่าวเป็นการเพิ่มความเข้มงวดและประสิทธิภาพในการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน ตลอดจนเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุน ตามแผนกลยุทธ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้านยกระดับความเชื่อมั่นตลาดทุน

ทั้งนี้ เกณฑ์ดังกล่าวได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้ว โดยจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป

ผู้ลงทุนและผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเกณฑ์เกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนที่เป็น Investment Company ได้ที่เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ www.set.or.th ภายใต้หัวข้อ “กฎเกณฑ์/การกำกับ” และ “กฎเกณฑ์ – หนังสือเวียนส่วนที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์จดทะเบียน”

เชฟแคร์ส โชว์แนวคิด ‘กล่องนี้ดีที่สุข’ ส่งต่อความรัก-ความอร่อย ร่วมงานมหกรรมอาหาร THAIFEX – Anuga Asia 2024

0

เชฟแคร์ส (Chef Cares) นำเมนูอาหารพร้อมทานและขนมหวาน จัดแสดงบูธในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2024 ด้วยแนวคิด “กล่องนี้ดีที่สุข” เพราะอาหารเป็นตัวแทนการส่งต่อความรักและความอร่อยที่่รังสรรค์ด้วยใจของเชฟแนวหน้า เพื่อสร้างความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ ร่วมสนับสนุนการเข้าถึงอาหารคุณภาพหลากหลาย พร้อมคุณค่าทางโภชนาการจากการใช้วัตถุดิบระดับพรีเมียม โดยกำไรทั้ง 100% จะนำคืนสู่สังคม ผ่านเชฟแคร์ส โปรเจกต์ วิสาหกิจเพื่อสังคม เพื่อสร้างโอกาสและมอบแนวทางประกอบอาชีพในวงการอาหารให้แก่เด็กและเยาวชนผู้ห่างไกลและด้อยโอกาสได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

ครั้งนี้ เชฟแคร์สนำเมนูไฮไลท์ของเชฟชื่อดังอย่าง 1.) กะเพราหมูคูโรบูตะและข้าวญี่ปุ่น โดย เจ๊ไฝ-สุภินยา ยกระดับเมนูผัดกะเพราที่หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเมนูธรรมดา เป็นเมนูสุดพรีเมียมให้ทุกคนได้อร่อยในราคาหลักสิบ 2.) แกงเผ็ดเป็ดย่าง โดย เชฟนูรอ เชฟอาหารไทย จากภัตตาคาร Blue Elephant ที่ครองใจคนทั่วโลก นำเนื้อเป็ด ชิ้นพอดีคำ เนื้อนุ่มละมุนลิ้น คลุกเคล้าผสมผสานกับแกงเผ็ดที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน หอม รสชาติกลมกล่อม 3.) ไก่ทิกก้ามาซาล่าและข้าวหุงขมิ้น ฝีมือเชฟดีเค ร้าน HAOMA อาหารสัญชาติอินเดียที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องเทศมาซาล่า ปรุงเข้ากับไก่เบญจา ได้รับการรับรองเครื่องหมายฮาลาล (Halal)

ทั้งนี้ พบกับผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ ‘เจ๊ไฝ’ ทั้งซอสพริกศรีราชา ซอสกะเพรา ซอสผัดขี้เมา ซอยหอยนางรม พริกเผา และแจ่ว มาร่วมจัดแสดงเป็นที่แรกอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีขนมหวาน อาทิ มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองเสียบไม้แช่แข็ง มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองเคลือบช็อกโกแลตแช่แข็ง เป็นต้น

บูธเชฟแคร์ส พร้อมแล้วที่จะส่งมอบกล่องอาหารสร้างความสุข ที่หมายเลข 3-O65 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 ศูนย์การค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมและเลือกซื้อสินค้าคุณภาพราคาพิเศษ ในวันที่ 1 มิถุนายน 2567 เวลา 10.00-20.00 น.

รู้เก็บรู้ออม : เคล็ดลับลงทุนหุ้น IPO

0

สำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว หลายคนมีทัศนคติเชิงบวกกับหุ้นน้องใหม่ หรือหุ้น IPO ซึ่งก็คือ หุ้นของกิจการที่เปิดเสนอซื้อขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกว่า มีโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดี จึงทำให้นักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่พร้อมบวก เข้ามาลุยซื้อหุ้นในวันแรกที่หุ้นเข้าตลาด เพราะคาดหวังว่าจะทำกำไรได้ง่ายและเร็ว

ยิ่งหุ้น IPO ของบริษัทใหญ่ มียอดจองถล่มทลายจนต้องแย่งกันจอง ทำให้มีหุ้นไม่เพียงพอกับความต้องการ ก็จะยิ่งเป็นที่หมายปองของนักลงทุน เกิดการแห่ซื้อหุ้นตัวนั้นในวันแรกที่เข้าตลาด โดยที่นักลงทุนอาจจะไม่รู้จักหุ้นตัวนั้นเสียด้วยซ้ำ ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางการลงทุนที่ไม่ถูกต้องนักเพราะไม่ใช่หุ้น IPO ทุกตัวจะสร้างความสุขให้กับนักลงทุน บางตัวเปิดมาวันแรก ราคาต่ำจองก็มี หรือซื้อปุ๊บติดดอย ก็มีให้เห็นมาแล้วหลายตัว

SET investnow แหล่งรวบรวมความรู้เรื่องการลงทุน จะมาบอกเคล็ดลับให้กับนักลงทุนในการเลือกลงทุนหุ้น IPO เพื่อให้ได้ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งจริงแล้ว อาศัยพื้นฐานที่ไม่แตกต่างกับการลงทุนหุ้นทั่วไปที่ซื้อขายในตลาดหุ้น นั่นคือ การทำความรู้จักในหุ้นตัวนั้นให้ดีเสียก่อนตัดสินใจลงทุน อย่าจองซื้อหุ้น IPO แบบไม่รู้อะไรเลยเด็ดขาด เริ่มจาก

1.ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน นักลงทุนสามารถตรวจสอบข้อมูลหุ้น IPO ก่อนลงทุนได้จากเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต., หนังสือชี้ชวน, ข้อมูลกิจการจากเว็บไซต์ของบริษัท, ตลาดหลักทรัพย์ฯ และข่าวสารต่างๆ

2.วิเคราะห์ธุรกิจและการแข่งขัน รู้จักว่าบริษัททำธุรกิจ และอยู่ในอุตสาหกรรมอะไร มีคู่แข่งเป็นใครบ้าง และอนาคตของธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตอย่างไร น่าสนใจต่อการลงทุนหรือไม่

3.อ่านงบการเงิน จะเป็นตัวบอกสุขภาพการเงินของกิจการ และช่วยประเมินได้ด้วยว่า หุ้นตัวนี้มีโอกาสเป็น หุ้นปันผล ในอนาคตหรือไม่ โดยหุ้นที่เข้าข่ายนี้ มักจะมีผลการดำเนินงานที่โตแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงการลงทุนก็เป็นเพียงขยายตามอุตสาหกรรม และอัตราส่วนหนี้สินต่อผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) อยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก

4.ดูแผนงานในอนาคต บริษัทจะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปใช้ทำอะไร เช่น ใช้ขยายกิจการ, ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ทำให้เราเห็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น

และ 5.ราคาหุ้น IPO เหมาะสมหรือไม่ เมื่อเทียบกับมูลค่ากิจการ ซึ่งมีวิธีดูหลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจและข้อมูลที่มี โดยใช้อัตราส่วนทางการเงินมาช่วยวิเคราะห์ได้ เช่น ราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) เพื่อประมาณการจุดคุ้มทุน, ราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV), อัตราการจ่ายปันผล เป็นต้น

นักลงทุนจึงต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะทุกการลงทุนนั้น มีความเสี่ยง แต่การลงทุนแบบไม่รู้อะไรเลยนั้น เสี่ยงและอันตรายยิ่งกว่า

สำหรับมือใหม่หรือผู้ที่สนใจ อยากเรียนรู้เทคนิคการอ่านงบการเงินแบบง่ายๆ สามารถเข้าไปเรียนรู้ผ่าน e-Learning กับหลักสูตร “Financial Statement Analysis” ได้ฟรี ตามลิงก์นี้เลย https://elearning.set.or.th/SETGroup/courses/363/info

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ “รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง” หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

“เนื้อไก่” แหล่งโปรตีนคุณภาพดี ไม่ใช่สาเหตุของเด็กเป็นสาวก่อนวัย

0

ผู้เชี่ยวชาญ ม.มหิดล แนะ เนื้อไก่ แหล่งโปรตีนคุณภาพดี เหมาะสำหรับ ทุกเพศ ทุกวัย ราคาเข้าถึงง่าย ย้ำ เนื้อไก่ไม่ใช่สาเหตุของเด็กโตก่อนวัย ผู้บริโภคมั่นใจได้ อุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ของไทยไม่มีการใช้ฮอร์โมน

อ.สพ.ญ. พัชราภรณ์ ขำพิมพ์ อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกและการสาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เนื้อไก่ แหล่งโปรตีนที่ดี เป็นที่นิยมรับประทานกันมากที่สุด เพราะราคาถูกกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ หากเทียบในปริมาณที่เท่ากัน และสามารถรับประทานได้ทุกชาติ ทุกศาสนา โดยไม่มีข้อห้าม

อ.สพ.ญ. พัชราภรณ์ ขำพิมพ์

เนื้อไก่ มีโปรตีนสูง เห็นได้ว่า นักกีฬา หรือคนที่ออกกำลังกาย ใช้เนื้อไก่เป็นแหล่งโปรตีนเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ และยังเหมาะสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก เพราะมีแคลอรีต่ำ รสชาติดี นำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู

อ.สพ.ญ. พัชราภรณ์ ย้ำว่า สำหรับความเชื่อของผู้ปกครองหลายๆ คนที่เข้าใจว่า เด็กๆ กินไก่เยอะจะทำให้เป็นสาวก่อนวัยนั้น เป็นความเชื่อที่ “ไม่ถูกต้อง” การที่เด็กเป็นสาวไวเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ พันธุกรรม และการสร้างฮอร์โมนของต่อมใต้สมอง รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่นิยมบริโภคฟาสต์ฟู้ดมากขึ้น เพราะไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ที่นิยมบริโภคอาหารจำพวกของทอด และฟาสต์ฟู้ดแบบตะวันตก เป็นปัจจัยที่ทำให้เด็กเกิดภาวะอ้วน จากการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง และเกิดการสะสมในร่างกาย

เด็กที่มีภาวะอ้วนจะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างฮอร์โมนเพศได้เร็วขึ้น แต่ไม่สามารถกล่าวได้ว่าการกินไก่ทำให้เด็กโตไว เพราะไม่ใช่ไก่เท่านั้นที่กินแล้วจะทำให้เด็กอ้วน แต่เพราะไก่ เป็นอาหารยอดนิยม โดยเฉพาะ ไก่ทอด เด็กๆ ชอบกิน จึงทำให้คนนึกถึงไก่ก่อนอาหารอื่นๆ ว่าเป็นสาเหตุของการโตไว โดยแพทย์จะแนะนำให้งดของทอด ไก่ทอด อาหารไขมันสูงต่างๆ แต่หากงดเพียงไก่ทอดอย่างเดียว แต่ไม่งดฟาสต์ฟู้ดอื่นๆ ก็ยังทำให้เด็กอ้วนได้

สำหรับเด็กที่กินอาหารทอดแล้วไม่เกิดภาวะอ้วนอาจเป็นเพราะพันธุกรรม แต่หากเด็กที่ไม่มีภาวะอ้วนแต่ยังเป็นสาวไวอยู่นั้น เพราะไม่ว่าเด็กอ้วนหรือเด็กผอม หากกินอาหารไขมันสูง ไขมันที่สะสมในร่างกาย จะไปกระตุ้นให้เกิดภาวะเป็นสาวเร็วได้ โดยสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลเรื่องโภชนาการของเด็ก เพื่อไม่ให้เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เด็กเป็นสาวก่อนวัย

อ.สพ.ญ. พัชราภรณ์ กล่าวย้ำว่า ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ของไทย ไม่มีการใช้ฮอร์โมนในไก่แล้ว เนื่องจากฮอร์โมน Hexoestrol ที่ใช้ในสัตว์ปีก ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศเพิกถอนทะเบียนตำรับยาสำหรับสัตว์ไปตั้งแต่ปี 2529 นับถึงปัจจุบันรวมระยะเวลา 38 ปี แล้ว หากมีการลักลอบใช้ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายและมีบทลงโทษ ดังนั้นจึงไม่เป็นความจริงสำหรับความเชื่อที่ว่าการเลี้ยงไก่ มีการฉีดฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตเพื่อให้ไก่โตไว และทำให้มีฮอร์โมนตกค้างอยู่ในเนื้อไก่ เมื่อเด็กบริโภคเนื้อไก่เข้าไป จะทำให้เด็กโตเป็นสาวเร็ว

อุตสาหกรรมสัตว์ปีกที่มีมาตรฐานไม่มีการใช้ฮอร์โมน เพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ฮอร์โมนยังราคาสูงมาก ทำให้ผู้ประกอบการไม่เสี่ยงที่จะใช้และยังส่งผลต่อต้นทุนการเลี้ยง อีกทั้งอุตสาหกรรมเลี้ยงไก่ในโรงเรือนขนาดใหญ่ มีปริมาณไก่เป็นหมื่นเป็นแสนตัว การที่จะฉีดฮอร์โมนให้ทีละตัวนั้นทำไม่ได้อยู่แล้ว ฮอร์โมนในรูปแบบการฉีดจะต้องให้ทุกวัน ซึ่งไม่สามารถทำได้จริง

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ของไทย ปฏิบัติตามมาตรฐานสากลอย่างเข้มงวด การส่งออกติดอันดับโลก ซึ่งการที่ไก่ที่เลี้ยงแบบอุตสาหกรรมโตไว มาจากปัจจัยหลายด้าน เช่น มีการคัดเลือกสายพันธุ์ไก่ที่โตเร็ว เลี้ยงในโรงเรือนระบบปิดที่ควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมกับธรรมชาติของไก่ มีระบบการป้องกันโรคที่ดี รวมทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิตอาหารที่เหมาะกับช่วงวัยและการเติบโตของไก่ สามารถคำนวณและผสมอาหารสำเร็จรูปให้ได้สารอาหารตรงตามความต้องการของสายพันธุ์ ทำให้ไก่เติบโตได้เร็วตามวัยโดยไม่จำเป็นต้องเสริมสารเร่งโต./

ออมสินสนับสนุนให้ทุกคนมีบ้าน ออกสินเชื่อบ้านออมสินเพื่อคนไทยและสินเชื่อ Top Up ผ่อนนาน 40 ปี วงเงินกู้สูงสุด 7 ล้านบาท

0

ออมสินให้ คนไทยทุกคนมีบ้าน? ? ทั้งกรณีซื้อ / ปลูกสร้าง ด้วยสินเชื่อบ้านออมสินเพื่อคนไทย และสินเชื่อ Top Up สินเชื่อบ้านออมสินเพื่อคนไทย สำหรับซื้อ/ปลูกสร้าง วงเงินกู้ไม่เกิน 7 ล้านบาท

? ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี ปีแรก 1.950% ต่อปี

? ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี 2.950% ต่อปี

? ผ่อนปีแรกเริ่มต้นล้านละ 2,500 บาท/เดือน

? ผ่อนนาน 40 ปี พิเศษ!! สินเชื่อ Top Up

? กู้เพิ่มเติมเพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งบ้าน หรือสิ่งจำเป็นอื่นในการเข้าอยู่อาศัย

? ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก 3.490% ต่อปี

? ผ่อนล้านละ 4,000 บาท/เดือน 3 ปีแรก

? ระยะเวลายื่นกู้ ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 67 – 30 ธ.ค. 67 หรือจนกว่าครบวงเงินโครงการ 10,000 ล้านบาท

? อนุมัติและจัดทำนิติกรรมสัญญา ภายใน 30 ม.ค. 68

• ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.595% ต่อปี (ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป) ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น หรือลดลงได้

• อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Rate) อยู่ระหว่าง 1.950% – 6.345% ต่อปี

• อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา (EIR) อยู่ระหว่าง 4.735% – 5.264% ต่อปี คำนวณจากวงเงินกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลา 20 ปี แบบผ่อนชำระเท่ากันทุกงวด

• เงินงวดผ่อนชำระสินเชื่อเคหะปีที่ 1 ล้านละ 2,500 บาท/เดือน ปีที่ 2 ล้านละ 3,500 บาท/เดือน ปีที่ 3 ล้านละ 4,500 บาท/เดือน หลังจากนั้น 8,100 บาท/เดือนดอกเบี้ยทั้งสัญญา 563,100 บาท คำนวณจากวงเงินกู้ 1.00 ล้านบาท ระยะเวลา 20 ปี

• เงินงวดผ่อนชำระสินเชื่อ Top Up ปีที่ 1 – 3 ล้านละ 4,000 บาท/เดือน หลังจากนั้น 8,400 บาท/เดือน ดอกเบี้ยทั้งสัญญา 627,700 บาท คำนวณจากวงเงินกู้ 1.00 ล้านบาท ระยะเวลา 20 ปี

• รายละเอียดการคำนวณเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th

? สมัครขอสินเชื่อ คลิก > https://shorturl.asia/dVAwp

⚠️ รู้ก่อนกู้…กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

⚠️ เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

คู่ค้าทั่วโลกชื่นชอบ Soft Power อาหารไทย เยี่ยมชมบูธซีพีเอฟ งาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2024 คับคั่ง

0

คณะทูตนานาประเทศ คู่ค้า และผู้นำหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เยี่ยมชมและชื่นชอบบูธ ของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมแสดง ในงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2024 แนวคิด ครัวของโลกด้วยนวัตกรรมความยั่งยืน หรือ “Kitchen of the world with Sustainovation” ด้านนวัตกรรมอาหาร ตอบเทรนด์โลกทั้งด้านการส่งเสริมสุขภาพที่ดี รสชาติอร่อย พร้อมรับผิดชอบต่อสังคมและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ส่งออก Soft Power อาหารไทยสู่ผู้บริโภคทั่วโลก

ตั้งแต่วันเปิดงาน นวัตกรรมอาหารที่จัดแสดงทั้ง 6 โซน ได้สร้างความประทับใจให้กับรัฐมนตรี ผู้บริหารจากหน่วยงานรัฐ และลูกค้าจากทั่วโลกที่มาเยี่ยมชมบูธตั้งแต่วันเปิดงาน ทั้ง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต รวมทั้งผู้บริหารในเครือฯ นางมาริษา เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้งและประธานโครงการเชฟแคร์ส นายธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร ประเทศไทย เป็นต้น

นอกจากนี้ บูธซีพีเอฟได้รับเสียงตอบรับที่ดีและเป็นที่ชื่นชอบของผู้เข้าร่วมงานทั้งคู่ค้า และคณะทูตนานาชาติจากหลายประเทศ ได้แก่
นายฌ็อง-โกลด ปวงเบิฟ (Jean-Claude Poimbœuf) เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย นายปาร์ค ยงมิน (Park Yongmin) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย นายกุสตาโบ อัลแบร์โต มาร์ติโน (Gustavo Alberto Martino) เอกอัครราชทูตอาร์เจนตินา ประจำประเทศไทย นายอาร์ตูร์ ดมอฮอฟสกี (Artur Dmochowski) เอกอัครราชทูตโปแลนด์ประจำประเทศไทย นายเปาโล ดีโอนีซี (Paolo Dionisi) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย นายโจนาธาน เดล คิงส์ (HE. Mr. Jonathan Dale Kings) เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย นายเดวิด แฮนเซ็น (David Hansen) อุปทูตฯ สถานเอกอัครราชทูตชิลีประจำประเทศไทย พร้อมด้วยท่านทูตพาณิชย์จากสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมชมบูธเพื่อร่วมหารือโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ทั้งการส่งออกอาหารไทยไปทั่วโลก และนำเข้าผลิตภัณฑ์รสชาติอร่อยจากนานาประเทศ

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า อรมน ทรัพย์ทวีธรรม กล่าวว่า “นวัตกรรมอาหารของซีพีเอฟ มีความน่าสนใจ ด้วยการเป็นSuperfood ที่คัดสรรมาอย่างดี ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงมีบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้รับตราสัญลักษณ์ไทยซีเล็คซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่กระทรวงพานิชย์มอบให้กับผลิตภัณฑ์อาหารที่จะสามารถช่วยส่งเสริมชื่อเสียงให้กับประเทศ และเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก”

บูธซีพีเอฟ ให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีทันสมัย ผลิตอาหารได้มาตรฐาน มีคุณภาพ รสชาติอร่อย และหลากหลายเมนู ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจถึงสุขภาพ และความยั่งยืนมากขึ้น โดยมีผลิตภัณฑ์อาหารโดดเด่นหลากหลาย นำโดย ผลิตภัณฑ์ไก่ซีพีมาตรฐานระดับอวกาศ Space Safety Standard ซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ความปลอดภัยด้านอาหารขององค์การ NASA รวมถึงสินค้า Thai Cube จากแบรนด์ Kitchen Joy สินค้าแบรนด์ CP Authentic Asia ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของซีพีเอฟ ในการโปรโมตสินค้าอาหารไทย และอาหารเอเชีย สู่ผู้บริโภคทั่วโลก

งาน THAIFEX – Anuga Asia 2024 จัดถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2567 นี้ โดยในงานวันสุดท้ายจะเปิดให้ประชาชนและผู้สนใจไปเลือกซื้อสินค้าคุณภาพราคาพิเศษ ที่บูธซีพีเอฟ ได้ที่หมายเลข 2-U01 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 ศูนย์การค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี ในเวลา 10.00-20.00 น.

วอนเข้าใจราคาไข่ไก่ขึ้น​ เหตุผลผลิตน้อย​จากอากาศแปรปรวน​ คาดอีกไม่นานกลับสู่ภาวะปกติ

0

เกษตรกรวอนผู้บริโภคเข้าใจ ไข่ไก่มีขึ้นมีลง ช่วงนี้ผลผลิตน้อยจากอากาศแปรปรวน คาดอีกไม่นานเข้าสู่ภาวะปกติ พร้อมขอบคุณกรมปศุสัตว์ – ก.พาณิชย์ ดูแลทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค

นายพัสธนภูมิ แตงอ่อน เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ สมาคมการค้าผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง เปิดเผยว่า ปัจจุบันราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มอยู่ที่ฟองละ 4 บาท เป็นราคาเดียวกับช่วงกลางปีของปีก่อน ซึ่งเกิดจากปัจจัยที่มากระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาวะอากาศแปรปรวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝน ทำให้แม่ไก่สุขภาพไม่ดี ออกไข่น้อยลงและมีขนาดเล็กลง บางฟาร์มของเกษตรกรรายย่อยมีแม่ไก่ไข่เสียหาย 7-10%

“แม่ไก่ไข่ในฟาร์มเกษตรกรรายย่อยหลายรายเสียหายไปพอสมควรจากอากาศแปรปรวน ส่วนแม่ไก่ที่ยังออกไข่ได้ก็ให้ผลผลิตลดลงและฟองเล็กลง นับเป็นเรื่องปกติของการเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิต หากสภาพอากาศดีขึ้น แม่ไก่ปรับตัวได้ดีขึ้น ผลผลิตไข่จะออกมามากขึ้น ขณะที่ราคาที่เพิ่มขึ้นเพียง 20 สต./ฟอง เมื่อคำนวณจากอัตราบริโภคของคนไทยที่ 240 ฟอง/คน/ปีนั้น พบว่าเป็นรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นในครอบครัวเพียงคนละ 4 บาท/เดือนเท่านั้น ดังนั้น ขอผู้บริโภคอย่ากังวล” นายพัสธนภูมิกล่าว

อย่างไรก็ตาม ราคาไข่ไก่มีขึ้นมีลงตามกลไกตลาด ดังเช่นที่ช่วงนี้เป็นช่วงการเปิดเทอมของเด็กนักเรียน ซึ่งมีความต้องการบริโภคไข่ไก่เพิ่มขึ้น สวนทางผลผลิตที่น้อยลง เมื่อผนวกกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งค่าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ตลอดจนค่าแรงในภาคเกษตร จึงทำให้ราคาไข่ขยับขึ้น ขอวอนผู้บริโภคเข้าใจกลไกตลาด เมื่อเข้าสู่ภาวะปกติหรือผลผลิตออกมามาก ระดับราคาไข่ไก่จะลดลงเอง

ทั้งนี้ ราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มที่ฟองละ 4 บาท ไม่ใช่ราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากเป็นราคาเดียวกันกับช่วงกลางปีของปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่าราคาไข่มีขึ้นมีลงเสมอ โดยราคาไข่ไก่จะอ่อนไหวกับทุกสิ่งที่มากระทบ ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาล สภาพภูมิอากาศ และเทศกาล นอกจากนี้ราคาของวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็เป็นอีกปัจจัยต้นทุนสำคัญ รวมถึง ค่าไฟฟ้า ค่าพลังงาน และค่าแรงที่มีข่าวว่าจะปรับขึ้นเป็น 400 บาททั่วประเทศในเดือนตุลาคมนี้ ล้วนมีผลต่อราคาไข่ไก่ทั้งสิ้น

นายพัสธนภูมิกล่าวอีกว่า การเลี้ยงไก่ไข่ของเกษตรกรและการซื้อไข่ไก่ของผู้บริโภค มีกรมปศุสัตว์ และกระทรวงพาณิชย์กำกับดูแล ซึ่งต้องขอบคุณทั้งสองหน่วยงานรัฐที่ดูแลเกษตรกรและผู้บริโภคเป็นอย่างดีด้วยความเข้าใจกลไกตลาด ทำให้เกษตรกรสามารถผลิตอาหารเพื่อคนไทยได้ต่อไป ขณะเดียวกันก็ช่วยดูแลค่าครองชีพผู้บริโภค จัดหาสินค้าราคาสมเหตุสมผลแก่การบริโภค-อุปโภคได้อย่างเหมาะสม

เมืองไทยประกันชีวิต เปิดศูนย์บริการ “MTL Smile Contact Center” ร่วมสร้างอาชีพให้ผู้พิการ

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าเพื่อตอกย้ำการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนแก่สังคม โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุล ในทุกๆ มิติ ทั้งในมิติขององค์กร พนักงานภายใน พาร์ตเนอร์ ลูกค้า สิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (ESG) เพื่อสร้างรอยยิ้ม และความสุขให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

ล่าสุด บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกับ บริษัท เรย์วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด หน่วยงานภายใต้มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เปิดศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์MTL Smile Contact Center เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมสร้างอาชีพเพื่อคนไทย” ณ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ จ.ชลบุรี เพื่อร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาความสามารถและทักษะวิชาชีพให้กับผู้พิการ เพื่อให้ผู้พิการเหล่านี้สามารถใช้ศักยภาพที่ตนมีอยู่ในการประกอบอาชีพที่เหมาะสม สามารถเลี้ยงดูตนเอง ครอบครัว และมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียมกับบุคคลทั่วไป และได้รับความสำเร็จในสังคมที่ดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน

โดยศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์  MTL Smile Contact Center เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมสร้างอาชีพเพื่อคนไทย” บริษัทฯ ได้เข้าไปพัฒนาและจัดเตรียมอุปกรณ์ในการทำงาน ปรับพื้นที่ในการทำงานต่างๆ ให้มีความสะดวกสบาย และมีความเหมาะสมสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้พิการ รวมถึงการติดตั้งระบบโทรศัพท์ที่ทันสมัย เชื่อมโยงกับระบบหลักในการบริการลูกค้าของบริษัทฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้พิการสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างเท่าเทียม พร้อมด้วยการอบรมให้ความรู้ ทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็นเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานซึ่งพิการทางร่างกาย มีความรู้ ความชำนาญ และเข้าใจในวิธีปฏิบัติงานในวิชาชีพ สามารถใช้เครื่องมือที่ทันสมัยในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์ได้ รวมถึงการจัดกิจกรรมสร้างความรู้เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับเจ้าหน้าที่ผู้พิการตลอดจนการให้คำแนะนำและการสนับสนุนด้านการศึกษา การพัฒนาทักษะ และการทำงานร่วมกับผู้มีความรับผิดชอบในการดูแลและส่งเสริมการทำงานของเจ้าหน้าที่ผู้พิการทุกคน เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่าง  เป็นมืออาชีพ ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งยังเป็นไปตามแนวทางที่บริษัทฯ ได้ตั้งไว้ในการสร้างสังคมสู่ความยั่งยืน โดยยึดหลักธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างสังคมที่เท่าเทียม

“สิ่งสำคัญที่สุดของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนคือ การประสานความยั่งยืนให้เป็นหนึ่งเดียวกับการดำเนินธุรกิจในทุกๆ วัน บริษัทยึดมั่นการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี และการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุลทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ  (ESG)  เพื่อสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย”  นายสาระ กล่าว

โดยเมื่อเร็วๆ นี้  นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บาทหลวงสุขุม ธนะสิงห์ ประธานมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ บาทหลวงก่อเกียรติ ดีศรี ประธานบริหาร บริษัท เรย์วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด และคณะผู้บริหาร ได้ร่วมทำพิธีเปิด ศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ “MTL Smile Contact Center เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมสร้างอาชีพเพื่อคนไทย” ณ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ จ.ชลบุรี อย่างเป็นทางการ

เอไอเอส ปลื้ม ส่งแอป AIS E-Waste+ คว้ารางวัลสุดยอดเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม WSIS Prize 2024

0

AIS ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ที่มุ่งสร้างการเติบโตร่วมกันใน 3 ด้าน ทั้งการขับเคลื่อนดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ สร้างการเข้าถึงดิจิทัลให้ทุกคนในสังคม และในด้านสิ่งแวดล้อม ที่นอกเหนือจากการบริหารจัดการการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการนำพลังงานทดแทน และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการโครงข่ายให้เหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้าเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว

วันนี้ AIS ยังสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste ผ่านโครงการ “คนไทยไร้ E-Waste” ที่ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์กว่า 200 องค์กร สู่การเป็นศูนย์กลางการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์หรือ Hub of E-Waste นอกจากนี้ AIS ยังก้าวไปอีกขั้นด้วยการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (blockchain) มายกระดับกระบวนการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ บนแพลตฟอร์ม AIS E-Waste+ ทำให้ขยะ E-Waste ทุกชิ้นที่ถูกทิ้งผ่าน AIS E-Waste+ สามารถตรวจสอบสถานะได้ทั้งกระบวนการตั้งแต่ต้นทางไปถึงการกำจัดและรีไซเคิลแบบปราศจากการฝังกลบหรือ Zero E-Waste to Landfill จนได้รับการยอมรับในเวทีระดับโลกเป็นองค์กรไทยหนึ่งเดียว ที่คว้ารางวัลอันดับที่ 1 ในสาขาสุดยอดเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม (WSIS Action Lines C7 E-Environment) จากเวที WSIS Prize 2024 ที่จัดขึ้นโดย สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union: ITU) และองค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN)

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า กล่าวว่า “ต้องขอขอบคุณสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือ ITU และองค์การสหประชาชาติ หรือ UN ที่ได้มอบรางวัลอันทรงคุณค่า Winner of WSIS Prize 2024 ในสาขาสุดยอดเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม (WSIS Action Lines C7 E-Environment) ให้แก่โครงการคนไทยไร้ E-Waste ศูนย์กลางการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะด้วย AIS E-Waste+ แพลตฟอร์มที่นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ AIS ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ และส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี ดังนั้นเราขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ใช้แอปพลิเคชัน E-Waste+ เพื่อมีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านเทคโนโลยี ที่เรา AIS ตั้งใจออกแบบ เพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืนที่ให้กับทุกคน”

สำหรับเวที WSIS Prize  เป็นรางวัลระดับโลกจัดตั้งขึ้นโดย สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union :ITU) และองค์การสหประชาชาติ (United Nations :UN) ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญในการสนับสนุนให้องค์กรทั่วโลกนำเทคโนโลยีมายกระดับคุณภาพชีวิตของสังคมตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ SDGs โดยในปีนี้มีองค์กรต่างๆ ทั่วโลกส่งโครงการเข้าร่วมการคัดเลือกและพิจารณาตัดสินกว่า 2,000 โครงการ และ AIS  เป็นองค์กรไทยหนึ่งเดียวที่ได้รับรางวัลที่ 1 ระดับโลก หรือรางวัล  Winner of WSIS Prize 2024 ในสาขาสุดยอดเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม (WSIS Action Lines C7 E-Environment) จาก โครงการ “คนไทยไร้ E-Waste” ศูนย์กลางการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะด้วย AIS E-Waste+  ถือเป็นอีกครั้งที่เอไอเอสได้รับรางวัลระดับสูงสุดจากเวที WSIS Prize ในเวทีระดับโลกนี้

แน่นอนว่าแพลตฟอร์ม AIS E-Waste+ เป็นโครงการที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ เป้าหมายที่ 13 การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป้าหมายที่ 17 การยกระดับหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้สามารถช่วยทำให้กระบวนการในการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์มีประสิทธิภาพ ทั้งฟังก์ชั่นในการติดตามสถานะของขยะทุกชิ้น หรือแม้แต่การคำนวณออกมาเป็น Carbon Score หรือปริมาณการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ภายหลังจาก E-Waste ถูกกำจัดและรีไซเคิลแบบ Zero E-Waste to Landfill ได้แบบ Real Time และที่สำคัญคือ AIS ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์กว่า 200 องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ HUB of E-Waste หรือศูนย์กลางการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะของไทย จึงส่งผลให้ AIS E-Waste+ สามารถคว้ารางวัลทรงคุณค่า Winner of WSIS Prize 2024 ในสาขาสุดยอดเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม (WSIS Action Lines C7 E-Environment) ได้สำเร็จ