Home Blog Page 107

OR ปลื้มกำไรเติบโตไตรมาส 3 ปี 65 เดินตามพันธกิจ และร่วมบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบอุทกภัย

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เผยผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 11,114 ล้านบาท สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 21.9% จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ยังคงดำเนินการตามพันธกิจ พร้อมร่วมบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

วิศาล ชวลิตานนท์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR

นายวิศาล ชวลิตานนท์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2565 OR มีกำไรสุทธิ จำนวน 11,114 ล้านบาท สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 1,993 ล้านบาท เนื่องจากทั้งรายได้ขายและบริการและ EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 229,557 ล้านบาท และ 3,437 ล้านบาทตามลำดับ เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ภาครัฐใช้มาตรการผ่อนคลายมากกว่า ทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ เช่นเดียวกันกับด้านปริมาณขายก็ปรับเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ แต่หากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน ในด้านของรายได้ขายและบริการในไตรมาส 3 กลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Global มีรายได้จากการขายและบริการลดลงจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกและปริมาณการขายที่ลดลง ส่วนกลุ่มธุรกิจ Lifestyle มีรายได้ขายใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากมาตรการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ผ่อนคลายขึ้น ส่วน EBITDA ในไตรมาส 3 ลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน อย่างไรก็ดี ด้วยความแข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญของทีมงานของ OR ทำให้ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายจากปัจจัยต่างๆ ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลหรือภัยพิบัติที่เกิดขึ้น แต่ผลการดำเนินงานของ OR ยังคงมีกำไรสุทธิจำนวน 701 ล้านบาทในไตรมาส 3 คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.06 บาท

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา OR ได้เข้าลงทุนใน บริษัท ดุสิต ฟู้ด จำกัด เพื่อเสริมสร้างศักยภาพธุรกิจ Lifestyle ของ OR โดยเพิ่มความหลากหลายของการดำเนินธุรกิจอาหาร รวมทั้งสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกับพันธมิตร รวมทั้งได้เข้าลงทุนในบริษัท Traveloka ผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์ดิจิทัล ด้านการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีบริการที่หลากหลาย เพื่อให้ OR เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ตลอดจนเป็นการสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกันของ Traveloka และ OR ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับหลากหลายพันธมิตรในการพัฒนาธุรกิจเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการ Platform ของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ยกระดับการให้บริการการเคลื่อนที่ หรือ Mobility as a Service (MaaS) ตามพันธกิจการสร้าง Seamless Mobility อีกทั้งยังได้เปิดร้าน Café Amazon สาขาแรกที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดิอารเบีย และเปิดสาขาที่ 14 ในประเทศเวียดนาม นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ Café Amazon จะขยายธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น และมุ่งสู่การเป็น Global Brand ต่อไป นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาหลายพื้นที่ต้องประสบอุทกภัยส่งผลกระทบกับการดำเนินชีวิตของประชาชน OR จึงได้จัดทำและมอบถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบอุทกภัย อีกทั้งยังได้ร่วมกับผู้แทนจำหน่าย พีทีที สเตชั่น เปิดพื้นที่ในสถานีบริการให้เป็นจุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ 20 จังหวัดทั่วประเทศอีกด้วย

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 4 OR ยังคงมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อต่อยอดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Mobility & Lifestyle มุ่งตอบสนองผู้บริโภค อำนวยความสะดวกให้ทุกการเดินทางเพื่อตอบโจทย์คนเดินทางในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตที่ครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ตามพันธกิจของ OR ต่อไป

AIS เตือนภัย มิจฉาชีพปลอมบัญชี LINE หลอกให้จ่ายค่าบริการ

รายงานข่าว เปิดเผยว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เตือนลูกค้า และประชาชน อย่าหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพ ที่มีการแอบอ้างโดยปลอมบัญชี LINE Official Account ของ AIS ซึ่งในขณะนี้มีกลุ่มมิจฉาชีพใช้วิธีการดังกล่าวสร้างความเสียหายหลอกลวงประชาชนให้ชำระค่าบริการหรืออื่นๆ พร้อมแนะนำให้เช็กบัญชี LINE ให้ละเอียด อย่าดูแค่ชื่อหรือรูปโปรไฟล์ มองหาสัญลักษณ์โล่สีเขียวที่ผ่านการรับรองจาก LINE และหากพบว่าเป็นบัญชี AIS ปลอมให้กดรีพอร์ตและบล็อกในทันที

บริษัทขอยืนยันว่า AIS ไม่มีนโยบายในการติดตามค่าบริการ การขอข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านโซเชียลมีเดียในทุกช่องทางกับลูกค้า รวมถึงจะไม่มีการทักลูกค้าไปก่อน หากมีการให้ลูกค้ากรอกข้อมูลควรตรวจสอบก่อนว่าเว็บไซต์ จะต้องเป็นโดเมนของบริษัทซึ่งเป็นเว็บไซต์จริงคือ ais.th หรือ ais.co.th เท่านั้น และบัญชี LINE ปลอมที่แอบอ้างชื่อ AIS ไปใช้ในการหลอกลวงประชาชนและลูกค้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ในทุกกรณี

ทั้งนี้การสังเกตบัญชี LINE Official Account ของ AIS สามารถดูเบื้องต้นได้จากสัญลักษณ์โล่สีเขียว เพื่อแสดงว่าเป็นบัญชีทางการ หรือบัญชีที่ได้รับการรับรองจาก LINE ประเทศไทยแล้ว  สำหรับบัญชี LINE หลักของ AIS สามารถกดเพิ่มเพื่อนได้ที่นี่
LINE: @aisthailand URL: https://page.line.me/aisthailand
LINE: @aisshop  URL : https://page.line.me/aisshop
LINE: @aisprivilege URL : https://page.line.me/aisprivilege

“ซีพีเอฟ กรีนฟาร์ม” นวัตกรรมการเลี้ยงสัตว์ ช่วยลดโลกร้อน

BCG Economy หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) ถือเป็นโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ที่รัฐบาลและภาคธุรกิจทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ หนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมาย คือ การมุ่งแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission)

นิวซีแลนด์ ผู้ส่งออกเนื้อสัตว์และปศุสัตว์รายใหญ่ระดับโลก นับเป็นประเทศแรกๆของโลก ที่ดำเนินการเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเตรียมจัดเก็บภาษีการปล่อยก๊าซจากฟาร์มปศุสัตว์ รวมไปถึงก๊าซที่เกิดจาก ‘เรอ-อึ-ฉี่’ ของปศุสัตว์ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายที่รัฐบาลนิวซีแลนด์กำหนดไว้ในปี 2025

สำหรับไทยหากย้อนไปดูความเคลื่อนไหวในภาคปศุสัตว์แล้ว จะเห็นได้ชัดเจนถึงการพัฒนารูปแบบกระบวนการและการนำนวัตกรรมการเลี้ยงสัตว์มาปรับใช้เพื่อตอบโจทย์ “การลดภาวะโลกร้อน” โดยเฉพาะผู้นำเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร อย่าง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ที่ผลักดันโมเดลธุรกิจสีเขียว ตามนโยบาย BCG ทั้งการพัฒนากระบวนการเลี้ยงสัตว์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำอย่างต่อเนื่อง

มาตรฐานฟาร์มสีเขียว หรือกรีนฟาร์ม (CPF Greenfarm) คือหนึ่งในโมเดลธุรกิจสีเขียวอันโดดเด่น ด้วยการพัฒนาให้ฟาร์มสุกรของบริษัททั้ง 98 แห่ง เป็นต้นแบบฟาร์มรักษ์โลก “เป็นมิตรกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม” พร้อมผลักดันสู่เกษตรกรในโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสัตว์ หรือคอนแทรคฟาร์มมิ่ง กับบริษัท นายสมพร เจิมพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ซีพีเอฟ เล่าว่า บริษัทดำเนินการตามมาตรฐาน Greenfarm อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2552 ทั้งฟาร์มเลี้ยงสุกรของบริษัทและฟาร์มของเกษตรกร ทั้งหมดอยู่ภายใต้มาตรฐานฯเดียวกัน โดยมุ่งเน้นการจัดการของเสียภายในฟาร์ม ด้วยระบบ Biogas ที่ส่งผลดีทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ควบคู่กับการทำระบบฟอกอากาศท้ายโรงเรือนเลี้ยงสุกร จึงช่วยลดกลิ่นรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการปลูกไม้ยืนต้นในบริเวณฟาร์มและพื้นที่ว่างระหว่างโรงเรือน ที่ช่วยเพิ่มความร่มรื่นและลดความร้อนให้กับโรงเรือนสุกรช่วยลดการใช้พลังงานในระบบ EVAP สำหรับทำความเย็นในโรงเรือน

ที่สำคัญยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ด้วยการต่อยอดความสำเร็จจากระบบ Biogas ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของกรีนฟาร์ม ที่สามารถผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้ภายในฟาร์ม ช่วยลดต้นทุนด้านไฟฟ้าได้ถึง 50-80% ของค่าไฟฟ้าทั้งหมด และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศได้ประมาณ 370,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เป็นผลดีทั้งในด้านการประหยัดพลังงานและลดภาวะโลกร้อน

นอกจากนี้ ยังนำระบบโซล่าเซลล์ มาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้ในฟาร์ม เกิดผลประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และต่อยอดสู่ “โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ : SOLAR CELL” ในรูปแบบ “โซลาร์ฟาร์ม” โดยฟาร์มนำร่องที่ได้ติดตั้งและเดินระบบจ่ายไฟฟ้าแล้ว 5 ฟาร์ม ได้แก่ ฟาร์มกาญจนบุรี ฟาร์มวิเชียรบุรี ฟาร์มศรีเทพ ฟาร์มเพชรบูรณ์ และฟาร์มท่าจะหลุง รวมกำลังผลิตไฟฟ้า 1.3 เมกะวัตต์ และขยายสู่โครงการเฟส 2 ในอีก 6 ฟาร์ม ได้แก่ ฟาร์มจันทบุรี1 ฟาร์มหนองคาย ฟาร์มโคกปี่ฆ้อง ฟาร์มคลองอุดม ฟาร์มศิลาทิพย์ และฟาร์มลพบุรี ซึ่งกำลังทำการติดตั้งระบบ รวมกำลังผลิตไฟฟ้า 1.25 เมกะวัตต์ และวางแผนขยายโครงการไปยังฟาร์มอื่นๆต่อไป

ขณะเดียวกัน ฟาร์มสุกรของซีพีเอฟทุกแห่ง มุ่งพัฒนากระบวนการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ตลอดห่วงโซ่การผลิต ด้วยหลักการ 3Rs คือ “Reduce” ลดปริมาณการใช้น้ำ “Recycle” นำน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้วกลับมาใช้ใหม่ และ “Reuse” นำน้ำมาใช้ซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น การนำน้ำที่ออกจากระบบ Biogas และผ่านการบำบัดจนเป็นน้ำที่มีคุณภาพนำกลับมาใช้ ช่วยลดการใช้น้ำดิบจากแหล่งธรรมชาติ และยังนำน้ำมาผ่านการฆ่าเชื้ออีกครั้งสำหรับใช้ล้างโรงเรือน นอกจากนี้ ยังนำน้ำสุดท้ายหลังการบำบัด ที่เรียกว่า “น้ำปุ๋ย” ที่มีธาตุอาหารสำคัญที่เหมาะสมกับต้นพืชกลับไปใช้ประโยชน์ ทั้งรดสนามหญ้า ต้นไม้ และแปลงปลูกผักปลอดสารสำหรับบุคลากรในฟาร์ม พร้อมจัด “โครงการปันน้ำปุ๋ยสู่ชุมชน” ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบ 20 ปี เพื่อแบ่งปันน้ำให้แก่เกษตรกรในบริเวณใกล้เคียง ช่วยให้พืชเจริญเติบโตเร็ว ได้ผลผลิตคุณภาพดีและมีปริมาณเพิ่มขึ้น ช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมี สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของซีพีเอฟ ที่ขอเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ช่วยลดใช้พลังงาน ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ มุ่งเน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นมิตรชุมชน

ความมุ่งมั่นในการพัฒนาฟาร์มที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน โดยมีฟาร์มของบริษัทเป็นต้นแบบ แล้วจึงถ่ายทอดความสำเร็จไปสู่ฟาร์มของเกษตรกร ทั้งมาตรฐานกรีนฟาร์ม การนำระบบ Biogas และโซลาร์ฟาร์ม จากพลังงานธรรมชาติที่กลายเป็นขุมพลังสำคัญสามารถป้อนไฟฟ้าเข้ากระบวนการเลี้ยง เป็นพลังงานสะอาดที่ฟาร์มสามารถผลิตใช้เองได้ ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้า บางฟาร์มสามารถทดแทนการใช้พลังงานจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ 100% และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตได้เป็นอย่างดี

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อให้ภาคปศุสัตว์ เป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนให้กับโลกใบนี้ได้อย่างแท้จริง

“รู้ทันปากท้อง” กับตลาดหลักทรัพย์ : ข้อสังเกตแอดปลอมหลอกลงทุน

“อาซี” พุฒิพงศ์ สกนธวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด

กูรูไฮเทค บอกว่า การที่จะตรวจสอบโฆษณา (AD) ที่เราเห็นในโซเชียลมีเดียนั้นว่าจริงหรือปลอม ค่อนข้างทำได้ยาก ต้องดูเจตนา ถ้าชักชวนให้เราเกิดความโลภ ก็ควรระวังไว้ครับ

ติดตามรายการ #รู้ทันปากท้อง กับ #ตลาดหลักทรัพย์ ครบทุกตอนได้ที่ LINE “SET ทั่วไทย”

กดเพิ่มเพื่อน https://lin.ee/8XMjNPQ

รู้เก็บรู้ออม : SET Awards 2022

ที่มา คอลัมน์รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับ พิธีประกาศและมอบรางวัล SET Awards 2022 ซึ่งจัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับวารสารการเงินธนาคาร โดยงานจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา

ถือว่าเป็นงานสำคัญที่จัดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 จนถึงปัจจุบัน เพื่อยกย่อง เชิดชู สร้างความภาคภูมิใจกับบริษัทจดทะเบียนและผู้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน ซึ่งได้สร้างแรงจูงใจต่อบุคลากรในการร่วมกันพัฒนาองค์กร

และคงไม่เป็นการกล่าวเกินจริงที่จะบอกว่า รางวัล SET Awards ได้กลายเป็นรางวัลเกียรติยศที่ทรงคุณค่าสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความยั่งยืนของตลาดทุนไทยไปแล้ว!!

ด้านบริษัท และซีอีโอที่ได้รับรางวัลนี้ ย่อมมีความรู้สึกยินดี และภาคภูมิใจ เพราะเป็นการการันตีถึงความมุ่งมั่น ความเพียรพยายาม ทุ่มเทแรงกายแรงใจ สร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ จนเข้าตาคณะกรรมการตัดสินรางวัล

สำหรับรางวัลปีนี้ แบ่งเป็น 2 กลุ่มรางวัล ได้แก่ 1.กลุ่มรางวัล Business Excellence มอบให้กับบริษัทจดทะเบียน, ซีอีโอ, บริษัทหลักทรัพย์, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน, บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่มีความยอดเยี่ยมและโดดเด่น ปีนี้มีบริษัทได้รับรางวัล 37 บริษัท แบ่งเป็น บจ. ใน SET 21 บริษัท, mai 6 บริษัท, บริษัทหลักทรัพย์ 6 บริษัท (รวมบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน), บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน 3 บริษัท และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 1 กอง

และ 2.กลุ่มรางวัล Sustainability Excellence มอบให้กับบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดดเด่น มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน ดำเนินธุรกิจเติบโตควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม ปีนี้มีบริษัทจดทะเบียน จำนวน 47 บริษัทได้รับรางวัลนี้

นอกจากนี้ ยังมีรางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จ SET Awards of Honor และ Sustainability Awards of Honor สำหรับบริษัทหรือบุคคลที่สามารถรักษาความยอดเยี่ยมได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป

คุณภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีกับบริษัทและผู้บริหารที่ได้รับรางวัล SET Awards 2022 เพราะเป็นการแสดงถึงศักยภาพและความโดดเด่นทั้งทางด้านธุรกิจและด้านความยั่งยืน ถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาตลาดทุนไทย

ซึ่งการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสีย โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะพัฒนาตลาดทุนไทยให้เป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน “To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone”

ด้านคุณสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานบรรณาธิการ วารสารการเงินธนาคาร บอกว่า ปีนี้ได้มีการเพิ่มรางวัลใหม่ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนและรางวัลสำหรับทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้บริษัทและทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หน้าใหม่ มีแรงผลักดันที่จะเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและยกระดับการดำเนินงานอย่างยั่งยืน ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดทุนไทยในภาพรวมยิ่งขึ้นไป

ผู้สนใจสามารถดูรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัล SET Awards 2022 และรายละเอียดได้ที่ www.set.or.th/setawards

คุณนายพารวย

พีรณัฐ เจ๋ง คว้าที่ 3 รุ่นโอเพ่น รายการเวคบอร์ด-เวคสเก็ต ชิงแชมป์โลก 2022

“พีพี” พีรณัฐ ฟักทองอยู่ คว้าที่ 3 โลก ในเวคบอร์ด รุ่นทั่วไปชาย มาครองได้สำเร็จ การแข่งขันเวคบอร์ด-เวคสเก็ต ชิงแชมป์โลก 2022 “Singha IWWF World Cable Wakeboard and Wakeskate Championships 2022” ด้าน “น้อง” ธัญชนก การสมมุติ ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ผงาดที่สอง เวคบอร์ด รุ่นอาวุโส หญิง ขณะที่ “โชกุน” พิสิษฐ์ มหัทธนาจาตุภัทร คว้าอันดับ 3 รุ่นอายุต่ำกว่า 14 ปี ชาย และ “โถ่งโถง” ลดา หลิว ยึดอันดับ 3 รุ่นอายุต่ำกว่า 14 ปี หญิง ปิดฉากผลงานทีมไทยด้วยผลงาน 1 เหรียญเงิน กับ 3 เหรียญทองแดง

การแข่งขันเวคบอร์ด-เวคสเก็ต ชิงแชมป์โลก 2022 รายการ “Singha IWWF World Cable Wakeboard and Wakeskate Championships 2022” ซึ่งสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย ได้รับเกียรติจากสหพันธ์วอเตอร์สกีและเวคบอร์ดนานาชาติ (International Waterski & Wakebord Federation) หรือ IWWF ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนของ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น, การกีฬาแห่งประเทศไทย และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จัดแข่งขันที่สนามเอส ไทย เวคปาร์ค (ESC Thai wake park) อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม-6 พฤศจิกายน 2565 มีนักกีฬาเวคบอร์ดและเวคสเก็ตระดับโลก และนักกีฬาทีมชาติไทย รวม 32 ประเทศ เข้าร่วมอย่างคับคั่งกว่า 300 คน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในวันสุดท้าย ในพิธีปิดการแข่งขันได้รับเกียรติจาก นายภูริต ภิรมย์ภักดี นายกสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย เป็นประธานมอบรางวัล โดยมี มร.โฆเซ อันโตนิโอ เปเรซ ประธานสหพันธ์เวคบอร์ดนานาชาติชาวสเปน คณะผู้บริหารจากสหพันธ์วอเตอร์สกีและเวคบอร์ดนานาชาติ และกรรมการบริหารสมาคมฯ ร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง

ลดา หลิว

ในรอบชิงชนะเลิศ มีนักกีฬาไทย ผ่านเข้ารอบมาลุ้นแชมป์ รวมทั้งหมด 10 คน ประกอบด้วย ประเภทเวคบอร์ด รุ่นอายุต่ำกว่า 14 ปี หญิง ลดา หลิว กับ แพรพิมพ์ พิพัฒน์สวัสดิ์, รุ่นอายุต่ำกว่า 14 ปี ชาย พิสิษฐ์ มหัทธนาจาตภัทร กับ นิโคลัส สโตนคิง, รุ่นอาวุโส หญิง (อายุมากกว่า 40 ปี ขึ้นไป) ธัญชนก การสมมุติ กับ อนงนาฏ นาคปาน, รุ่นมาสเตอร์ หญิง (อายุมากกว่า 30 ปี) ศีรสินธุ์ ขำกล่อม, รุ่นมาสเตอร์ ชาย (อายุมากกว่า 30 ปี) พิรัฐพงศ์ กิตติวีระภัค และรุ่นทั่วไป ชาย พีรณัฐ ฟักทองอยู่ และประเภทเวคสเก็ตรุ่นเยาวชน อายุต่ำกว่า 18 ปี ชาย ตุนณ์ณภี กิตติพยัคฆ์

สำหรับไฮไลต์ของนักกีฬาไทย อยู่ที่รุ่นใหญ่สุด รุ่นทั่วไป หรือ รุ่นโอเพ่น ชาย “พีพี” พีรณัฐ ฟักทองอยู่ หนึ่งเดียวของไทยที่ทะลุเข้ามาแข่งขันในรอบไฟนอล โชว์ลีลายอดเยี่ยม ทำไป 70.00 คะแนน คว้าอันดับที่สามมาครองได้สำเร็จ โดยแชมป์เป็นของ แม็กซ์ ไมล์ด จากเยอรมนี ทำได้ 87.00 คะแนน และ อันดับ 2 ราฟาเอล ตรินิแดด ชาวฟิลิปปินส์ ทำได้ 85.67 คะแนน

ด้านประเภทเวคบอร์ด รุ่นอาวุโส หญิง (อายุมากกว่า 40 ปี ขึ้นไป) ปรากฏว่า “น้อง” ธัญชนก การสมมุติ โชว์ลีลาทำได้ 64.00 คะแนน คว้ารองแชมป์มาครองได้สำเร็จ ส่วนแชมป์รุ่นนี้เป็นของ เอลซ์เบียตา นิตส์เซ จากโปแลนด์ ทำได้ 82.00 คะแนน อันดับ 3 เจียนนา ตอร์เร จากฟิลิปปินส์ ทำได้ 48.33 คะแนน ส่วน “ตุ๊ก” อนงนาฏ นาคปาน จบอันดับ 4 ทำได้ 41.67 คะแนน

ขณะที่ รุ่นอายุต่ำกว่า 14 ปี ชาย แชมป์เป็นของ แยน-ลูกา ชูลซ์ จากเยอรมนี ทำได้ 74.33 คะแนน อันดับ 2 อีธาน เบอร์โตกัล ทำได้ 60.67 คะแนน อันดับ 3 “โชกุน” พิสิษฐ์ มหัทธนาจาตุภัทร ทำได้ 58.33 คะแนน ส่วน “นิค” นิโคลัส สโตนคิง จบอันดับ 5 ทำได้ 35.33 คะแนน

ส่วนรุ่นอายุต่ำกว่า 14 ปี หญิง แชมป์เป็นของ โลวา แวนคัสเซม จากเบลเยียม ทำได้ 67.33 คะแนน อันดับ 2 ซอนยา โซสตรอม จากสวีเดน 65.33 ทำได้ คะแนน อันดับ 3 “โถ่งโถง” ลลดา หลิว ทำได้ 64 คะแนน ส่วน “แพรพิมพ์” แพรพิมพ์ พิพัฒน์สวัสดิ์ ทำได้ 59.33 คะแนน จบอันดับ 6

ส่วนผลรุ่นอื่นๆ ของนักกีฬาไทย มีดังนี้ ประเภทเวคบอร์ด รุ่นมาสเตอร์ หญิง (อายุมากกว่า 30 ปี) “นุ้ย” ศีรสินธุ์ ขำกล่อม คว้าอันดับ 4 ทำได้ 52.67 คะแนน แชมป์รุ่นนี้เป็นของ แม็กซิน ซาพูเล็ตต์ จาดเนเธอร์แลนด์ ทำได้ 80.33 คะแนน, รุ่นมาสเตอร์ ชาย (อายุมากกว่า 30 ปี)

“เจ” พิรัฐพงศ์ กิตติวีระภัค ทำได้ 33.67 คะแนน จบอันดับ 6 ส่วนแชมป์รุ่นนี้เป็นของ ดาเนียล เฟตซ์ จากออสเตรีย ทำได้ 69.00 คะแนน

ประเภทเวคสเก็ต รุ่นเยาวชน อายุต่ำกว่า 18 ปี ชาย แชมป์เป็นของ แม็กซ์ อัลฟองส์ เคลเลอร์ จากเยอรมนี ทำได้ 76.00 คะแนน อันดับ 2 อเลสซานโดร ดิกอสติโน จากอิตาลี ทำได้ 71.33 คะแนน อันดับ 3 คามิลล์ ชาร์รุด จากฝรั่งเศส ทำได้ 59.67 คะแนน ส่วน “โมตุน” ตุนณ์ณภี กิตติพยัคฆ์ ได้อันดับ 4 ทำได้ 54.00 คะแนน พลาดคว้าเหรียญรางวัล

สรุปศึกเวคบอร์ด-เวคสเก็ต ชิงแชมป์โลก 2022 “Singha IWWF World Cable Wakeboard and Wakeskate Championships 2022” นักกีฬาไทย คว้ามาได้ 1 เหรียญเงิน กับ 3 เหรียญทองแดง

หลังจบการแข่งขัน พีรณัฐ ฟักทองอยู่ ที่คว้าอันดับสามโลก มาครอง กล่าวว่า เป็นการแข่งขันชิงแชมป์โลกครั้งแรกของตนเองและแข่งในบ้าน ทำให้กดดันพอสมควร แต่ก็ทำออกมาได้เต็มที่และรู้สึกภูมิใจกับผลงานของตัวเองมากเพราะต้องยอมรับคู่แข่งอีกสองคนก็สุดเหมือนกัน ต้องไปวัดกันในครั้งหน้าอีกครั้ง ส่วนภาพรวมการแข่งขันออกมาดีมาก เป็นมืออาชีพมาก ดีใจที่เราได้นำเสนอศักยภาพของประเทศไทย จนเป็นที่ยอมรับของต่างชาติ ส่วนการคว้าอันดับสามมาได้ก็ต้องขอบคุณกองเชียร์ที่มาให้กำลังใจถึงขอบสนาม รวมทั้งสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย และสิงห์ ที่สนับสนุนพวกเราอย่างเต็มที่ พวกเราจะพัฒนาฝีมือ มั่นใจว่าจะทำผลงานได้ดีขึ้นแน่นอน

ส่วน “น้อง” ธัญชนก การสมมุติ กล่าวว่า รู้สึกดีใจแทนคนไทย ที่มีแมตช์ระดับโลกมาจัดแข่งขันที่ประเทศไทย ส่วนตัวรู้สึกตื่นเต้น ดีใจและภูมิใจ ที่ได้อยู่ในทีมชาติไทย ส่วนภาพรวมของการแข่งขันถือว่าดีมากๆ นักกีฬาเองก็ได้รู้จักกัน ส่วนผลงานที่ได้อันดับ 2 ของโลก ก็ดีใจมากๆ ค่ะ อยากให้วงการเวคบอร์ดของไทยพัฒนายิ่งๆ ขึ้นไป และอยากฝากถึงน้องๆ เยาวชนที่สนใจก็สามารถเข้ามาได้เลย อย่างในกรุงเทพฯ มีบึงหรือสนามให้เล่นจำนวนมาก แต่ละที่จะมีคนแนะนำและฝึกสอนการเล่นให้ สุดท้ายนี้ก็ต้องขอบคุณทางสิงห์ คอร์เปอเรชั่นฯ รวมทั้งการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่สนับสนุนให้มีการแข่งขันระดับโลกในครั้งนี้

ขณะที่ “น้องโชกุน” พิสิษฐ์ มหัทธนาจาตุภัทร กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้น ภูมิใจและดีใจมากที่คว้าอันดับ 3 ของโลกมาได้สำเร็จ แต่กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ตนเองก็ต้องฝึกซ้อมอย่างหนัก ผ่านอุปสรรคมาเยอะมาก เพราะมีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าและหลัง แต่ก็สู้เต็มที่ ไม่เคยคิดยอมแพ้แต่อย่างใด

“ผมเล่นกีฬาเวคบอร์ดมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เพราะเพื่อนชวนมาเล่น เลยชอบมากเพราะเป็นกีฬาที่น่าตื่นเต้นและหวาดเสียว แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป เป้าหมายในอนาคตผมอยากจะคว้าแชมป์รายการระดับนานาชาติให้ได้สักครั้ง ส่วนความสำเร็จครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ ที่ส่งเสริมสนับสนุนมาตลอด ที่ลืมไม่ได้คือสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย ที่จัดแข่งขันรายการระดับโลก ถือเป็นเวทีที่ทำให้พวกเราได้มีโอกาสแสดงฝีมือและเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากนักกีฬาระดับโลก เพื่อที่จะพัฒาศักยภาพของตัวเองต่อไป

ทางด้าน “น้องโถ่งโถง” ลลดา หลิว นักเวคบอร์ดหญิงทีมชาติไทย ลูกครึ่งไทย-มาเลเซีย กล่าวว่า หนูเล่นกีฬาชนิดนี้มาประมาณ 2-3 ปี เป็นกีฬาที่เล่นแล้วสนุก คลายเครียดได้ การได้อันดับ 3 ของโลก ก็ดีใจมากค่ะ ไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ จากนี้ก็จะเล่นไปเรื่อยๆ เพื่อพัฒาฝีมือ อยากได้แชมป์โลกสักครั้ง แชมป์รุ่นไหนก็ได้ค่ะ สุดท้ายนี้ก็ต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่และสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมฯ ตลอดจน “สิงห์” ที่ให้การสนับสนุนนักกีฬาไทยทุกคนเป็นอย่างดีด้วยค่ะ

ขณะเดียวกัน ได้เกิดเรื่องฮือฮาในระหว่างการแข่งขันครั้งนี้ เมื่อ เดล ครอสลีย์ นักเวคบอร์ดหนุ่มจากสหราชอาณาจักร ได้ทำเซอร์ไพร้ส์ครั้งใหญ่ เมื่อคุกเข่าขอแฟนสาวแต่งงาน ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องของเพื่อนนักกีฬาที่ต่างร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง

CPF รับรางวัล “UN Women 2022 Thailand WEPs Awards” ตอกย้ำต้นแบบองค์กรส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ

รายงานข่าว เปิดเผยว่า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 “UN Women 2022 Thailand WEPs Awards” ในสาขาสถานที่ทำงานที่มีความเท่าเทียมทางเพศ จาก องค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Women สะท้อนความโดดเด่นของบริษัทฯ ที่บริหารจัดการด้านความเสมอภาคทางเพศอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมการเคารพความแตกต่างหลากหลาย และการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมอย่างต่อเนื่อง โดยมี นางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานผู้บริหารทรัพยากรบุคคล ซีพีเอฟ รับรางวัลในงานประกาศรางวัลจัดขึ้นที่ ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

นางสาวพิมลรัตน์ กล่าวว่า การได้รับรางวัล “UN Women 2022 Thailand WEPs Awards” ในสาขาสถานที่ทำงานที่มีความเท่าเทียมทางเพศ จาก UN Women เป็นผลจากการดำเนินงานและมีการปฏิบัติด้านความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้นโยบาย Diversity and Inclusion (D&I) เสริมสร้างวัฒนธรรมและบรรยากาศการทำงานแบบมีส่วนร่วม ยอมรับและเคารพในความแตกต่างของพนักงานในองค์กร โดยเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคน ทุกระดับ ทุกรุ่น ได้สามารถพัฒนาตนเองและก้าวสู่ความเป็นผู้นำอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติ

“ซีพีเอฟ ภูมิใจมากที่ได้รับรางวัลครั้งนี้ เป็นรางวัลที่ยกย่ององค์กรธุรกิจที่มีแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ เป็นสิ่งที่ช่วยสะท้อนผลสำเร็จของบริษัทฯ ในการขับเคลื่อนความเท่าเทียมทางเพศและหลักการเสริมสร้างศักยภาพสตรีตลอดทั่วทั้งองค์กร โดยบริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าความแตกต่างจะช่วยสร้างสรรค์คุณค่าและเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายการเป็น “ครัวของโลก” บนพื้นฐานของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเติบโตยั่งยืนไปพร้อมกัน ซึ่งตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (UN SDGs)”

บริษัทฯ แสดงจุดยืนในเรื่องของการส่งเสริมความหลากหลายในองค์กรวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม ความเสมอภาค การบริหารความหลากหลาย และยอมรับความแตกต่าง ผ่านการบริหารงานด้านทรัพยากรบุคคลขององค์กร และริเริ่มโครงการในรูปแบบต่างๆ อาทิ การบริหารค่าตอบแทนและให้โอกาสความก้าวหน้าแก่พนักงานอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ การปรับปรุงสวัสดิการที่ยืดหยุ่นตามความหลากหลายของพนักงาน การพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ผ่านโครงการเถ้าแก่โดยเปิดเวทีให้ลงมือทำธุรกิจจริง การจัดตั้งชมรมที่เปิดโอกาสให้พนักงานร่วมคิดและจัดกิจกรรมตามความสนใจ รวมไปถึงการจัดตั้งชมรม LGBTQ+ การจัดห้องให้นมบุตรที่ถูกสุขอนามัยในสถานประกอบการ เป็นต้น ทั้งนี้ ช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข ก่อให้เกิดเป็นวัฒนธรรมคู่กับองค์กร โดยซีพีเอฟยังได้นำหลักการนี้ไปใช้กับกิจการในต่างประเทศ และได้ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ส่งเสริมให้คู่ค้าธุรกิจตลอดจนเกษตรกรในห่วงโซ่อุปทาน ดำเนินงานบนพื้นฐานเรื่องความเท่าเทียมและการยอมรับความแตกต่างหลากหลาย เพื่อร่วมยกระดับห่วงโซ่อุปทานอาหารสู่มาตรฐานสากล

การประกาศรางวัล UN Women 2022 Thailand WEPs Awards ในปีนี้ มีองค์กรธุรกิจชั้นนำที่มีการดำเนินการเพื่อความเท่าเทียมทางเพศกว่า 500 บริษัทจาก 19 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสมัครเข้าร่วมรับการคัดเลือก

ในปีนี้ ซีพีเอฟ ยังได้รับรางวัลด้านสิทธิมนุษยชนจากองค์กรระดับประเทศและระดับภูมิภาค อาทิ รางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ระดับดีเด่น ประจำปี 2565 ประเภทองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ (Human Rights Award 2022) จากกระทรวงยุติธรรม และรางวัล HR Asia Best Companies to work for in Asia 2022 หรือ รางวัลองค์กรดีเด่นที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ในปี 2022″ จากนิตยสาร HR Asia และคว้ารางวัลสูงสุดระดับ Gold ด้านสิทธิมนุษยชน ใน “รายงานความยั่งยืนยอดเยี่ยมระดับเอเชีย” จากเวที ASRA 2021 อีกด้วย

ซีพีเอฟ หนุน “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” ก้าวสู่ปีที่ 35

ตลอดระยะเวลากว่า 3 ทศวรรษ ที่ผ่านมา “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ และมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ร่วมกันดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนและเกษตรกรในชนบทห่างไกลทั่วประเทศ กลายเป็นหนึ่งในโครงการที่ร่วมบรรเทาปัญหาขาดแคลนโปรตีน สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโต ทั้งร่างกายและสมองของเยาวชนในชนบทได้อย่างเป็นรูปธรรม ช่วยสนับสนุนความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการที่ดีแก่เด็กนักเรียน และเดินหน้าสู่เป้าหมายโรงเรือน 1,000 แห่งในโรงเรียนในพื้นที่ชนบทห่างไกลทั่วประเทศ เพื่อผลักดันสู่ห้องเรียนอาชีพจากการเรียนรู้การเลี้ยงไก่ไข่ ขยายผลสู่ชุมชนเป็นคลังเสบียงในวิกฤตโควิด-19

นายสมคิด วรรณลุกขี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจไก่ไข่ ซีพีเอฟ เล่าว่า เครือซีพี ซีพีเอฟ ร่วมกับมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท น้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตาม “โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน” สานต่อเป็น “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” มาตั้งแต่ปี 2532 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกลในถิ่นทุรกันดาร ได้บริโภคไข่ไก่โปรตีนคุณภาพดี ช่วยแก้ปัญหาทุพโภชนาการในเด็กนักเรียน ช่วยเสริมสร้างโภชนาการที่ดี และการเติบโตสมวัยทั้งด้านร่างกายและสติปัญญา จนถึงปัจจุบันมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ 930 โรงเรียน มีนักเรียนมากกว่า 180,000 คน และยังพัฒนาสู่แหล่งเรียนรู้การจัดการอาชีพเกษตรเชิงธุรกิจให้กับครู 12,000 คน และมีชุมชน 1,900 แห่ง ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ จากการได้บริโภคไข่ไก่สดใหม่ในราคาย่อมเยา ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิกฤตโควิด 3 ปีที่ผ่านมา โครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ กลายเป็นคลังเสบียงอาหารของชุมชน ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี

อีกเป้าหมายสำคัญของโครงการฯ คือการมุ่งสนับสนุนให้โรงเรียนสามารถสร้างแหล่งอาหารโปรตีนคุณภาพดีโดยฝีมือของนักเรียน เกิดการพัฒนาระบบการบริหารจัดการผลผลิต นำไปสู่ความยั่งยืนของโครงการฯ โดยมีเป้าหมายขยายโรงเรียนเพิ่มขึ้นปีละ 25 แห่ง คาดว่าภายในปี 2568 จะมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการฯ 1,000 โรงเรียน ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟมุ่งถ่ายทอดเทคโนโลยีตอบรับยุคดิจิทัล ทั้งในระบบการเลี้ยง องค์ความรู้การจัดการมาตรฐาน รวมถึงการสื่อสารและการจัดการข้อมูล อย่างเช่นการใช้แอปพลิเคชันไลน์ (LINE) ในการสื่อสารกับโรงเรียนต่างๆเพื่อความสะดวกรวดเร็วและลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการใช้กูเกิลฟอร์ม (Google Form) รวบรวมข้อมูลทางออนไลน์ ทำให้ทราบข้อมูลที่รวดเร็วสามารถการวางแผนการผลิตได้อย่างเหมาะสม ถือเป็นการผลักดันเกษตรแผนใหม่และติดตามผลแบบออนไลน์อย่างเป็นรูปธรรม

ความมุ่งมั่นเพื่อเยาวชนไทยดังกล่าวทำให้หน่วยงานและองค์กรอื่นๆ เห็นความสำคัญของโครงการและเข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่าย อาทิ หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (Japanese Chamber of Commerce, Bangkok) หรือ JCC ที่สนับสนุนโครงการฯอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2543 รวมถึง บมจ.สยามแม็คโคร ที่ร่วมสนับสนุนโครงการฯ เดินหน้าสู่เป้าหมายการผลักดันให้โครงการฯนี้ กลายเป็นศูนย์เรียนรู้และคลังความรู้ในโรงเรียน ที่พร้อมเปิดรับชุมชนและโรงเรียนที่มีความสนใจ เข้ามาเรียนรู้อาชีพเกษตร เทคโนโลยีการจัดการฟาร์ม และการตลาด เพื่อนำโมเดลธุรกิจเกษตรฉบับย่อไปประยุกต์ใช้ในอาชีพต่อไป

“โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ซีพีเอฟดำเนินการภายใต้ 3 เสาหลัก คือ อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดินน้ำป่าคงอยู่ ซึ่งสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) ในข้อ 2 การขจัดความหิวโหย บรรลุความมั่นคงทางอาหาร และข้อ 3 การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน ทุกช่วงอายุ โดยซีพีเอฟสนับสนุนโรงเรือน อุปกรณ์การเลี้ยง พันธุ์สัตว์ และอาหารสัตว์สำหรับการเลี้ยงรุ่นแรก (ระยะเลี้ยงประมาณ 60 สัปดาห์) โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย มีผู้เชี่ยวชาญของบริษัทให้ความรู้ ด้านเทคโนโลยีการเลี้ยงไก่ไข่ การติดตามผล การดูแลสุขภาพสัตว์ การจัดการโรงเรือน ตามหลักวิชาการและสุขาภิบาล เพื่อให้โครงการฯมีผลประกอบการที่ดี พร้อมให้คำแนะนำการบริหารจัดการผลผลิตและบัญชี พร้อมช่วยบริหารจัดการฟาร์มให้มีกำไรต่อเนื่อง มีเงินเข้ากองทุนสำหรับการเลี้ยงเองในรุ่นถัดไป ส่วนการเลี้ยงไก่ตั้งแต่รุ่นที่ 2 เป็นต้นไป โรงเรียนสามารถซื้อพันธุ์ไก่ไข่และอาหารในราคาพิเศษ โดยส่วนต่างราคาที่เกิดขึ้นมีซีพีเอฟเป็นผู้ให้การสนับสนุน

สำหรับโรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถติดต่อขอข้อมูลได้ที่ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท โทรศัพท์ 02-766-7340/4310 โทรสาร 0-2638-2716

“แม็คยีนส์” จัดโปรฯ ลดสูงสุด 50% ร่วมงานแฟร์ยีนส์ยิ่งใหญ่แห่งปี “ROBINSON JEANS 2022”

รายงานข่าวเปิดเผยว่า บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC ผนึกห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ร่วมงานบิ๊กแฟร์เอาใจคนรักยีนส์แห่งปี “ROBINSON JEANS 2022” พร้อมแฟชั่นโชว์สุดพิเศษจาก “มีน พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร” ดาราหนุ่มสุดฮอต ที่มาในลุคสุดเท่ จากแม็คยีนส์ 

นายนพดล ตั้งเด่นชัย ประธานเจ้าหน้าที่ ด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศและผู้บริหารด้านธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไฮไลท์ในงานนี้ แม็คยีนส์ จัดเต็มกับ ยีนส์ยอดนิยม                     ของ Mc Jeans 40 รุ่น ที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ทุกสรีระและทุกไลฟ์สไตล์ มีมาให้คุณเลือกสรร พร้อมกับคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด แม็ค ไบค์เกอร์ คอลเลคชั่น (Mc Biker Collection) 

พบกับยีนส์คุณภาพ และเสื้อผ้าหลากสไตล์จากแม็คยีนส์ พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ เฉพาะงานนี้เท่านั้น! โดยสินค้าจากแม็คยีนส์ ลดทุกชิ้น 30% และ สินค้าราคาพิเศษ ลด 50% (เฉพาะรุ่น)

เลือกยีนส์ที่ใช่ …ใช้ชีวิตที่ชอบ ไปกับแม็คยีนส์ ที่ลาน CASCATA ชั้น G ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และแผนกยีนส์ โรบินสัน รังสิต ได้ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม – 6 พฤศจิกายน 2565 กับโปรโมชั่นสุดพิเศษ หรือร่วมอัพเดทสินค้าได้ที่ร้านแม็คยีนส์ สาขา ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชั้น 1 และชั้น G (บริเวณทางเข้าบิ๊กซี) สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/mcjeans 

“รู้ทันปากท้อง” กับตลาดหลักทรัพย์ : เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อการเกษียณ

“อาแปะ” สาธิต บวรสันติสุทธิ์ นักวางแผนการเงิน CFP®

กูรูปลดหนี้ บอกว่า คนเราจะมีวัยเกษียณราว 1 ใน 3 ของทั้งชีวิต เพราะฉะนั้นต้องเตรียมตัวให้พร้อม

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF ก็เป็นอีกทางเลือกของการออมเพื่อวัยเกษียณ และยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย พยายามทำให้ได้ตามเงื่อนไขเพื่อประโยชน์สูงสุดนะครับ

ติดตามรายการ #รู้ทันปากท้อง กับ #ตลาดหลักทรัพย์ ครบทุกตอนได้ที่ LINE “SET ทั่วไทย” กดเพิ่มเพื่อน https://lin.ee/8XMjNPQ