Home Blog Page 106

ตลท. ขึ้น SP หุ้น MORE สั่งหยุดซื้อขายยาว 15-18 พ.ย. 65

รายงานข่าว เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีคำสั่งหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) (MORE) ในวันที่ 15-18 พฤศจิกายน 2565 เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พบว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 หลักทรัพย์บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) (MORE) ได้มีการซื้อขายที่ผิดปกติไปจากช่วงก่อนหน้า ต่อมาเมื่อมีการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ MORE ของธุรกรรมที่ได้มีการซื้อขายในวันดังกล่าวเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 แม้ว่าสำนักหักบัญชีจะได้รับการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์จากบริษัทสมาชิกทุกรายที่มีภาระผูกพันตามธุรกรรมที่เกิดขึ้นในวันแต่ในส่วนของบริษัทสมาชิกบางราย ได้พบการผิดนัดชำระหนี้ในจำนวนที่มีนัยสำคัญจากผู้ลงทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการซื้อหลักทที่ผิดปกติดังกล่าว

ด้วยเหตุผิดนัดดังกล่าวข้างต้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่ต้องสงสัย และได้รับการหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE เป็นการชั่วคราว จะเป็นประโยชน์ต่อการรวบรวมข้อเท็จจริงของธุรกรรมเกี่ยวกับหลักทรัพยที่มีการซื้อขายอย่างผิดปกติ อีกทั้ง การเปิดให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE

ในขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนของข้อเท็จจริงดังกล่าวซึ่งถือเป็นสาระสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ MORE จะทำให้ผู้ลงทุนที่ซื้อขายโดยไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ อาจเกิดความเสียหายจากการซื้อขายได้ ดังนั้น ตลาดหลักทรัพยจึงเห็นควรหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ตั้งแต่วันที่ 15-18 พฤศจิกายน 2565

ซีพีเอฟ โชว์กำไรไตรมาส 3 พุ่ง 195% ราคาหมูในจีนฟื้นตัว แนวโน้มดีต่อเนื่อง

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า รายงานยอดขายไตรมาส 3 ปี 2565 อยู่ที่ 160,266 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,108 ล้านบาท เติบโต 195% จากปีก่อน โดยผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น มีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจเนื้อสัตว์ในประเทศไทยและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ดีขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ปี 2565 มียอดขายรวม 455,149 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิรอบ 9 เดือนรวม 12,158 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93% จากระยะเวลาดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง

ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ

ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น มาจากยอดขายของกิจการในหลายประเทศปรับตัวดีขึ้น จากกำลังซื้อทั้งการบริโภคในประเทศและการส่งออก ที่เป็นผลจากการผ่อนคลายของมาตรการต่างๆ ในการป้องกันโควิด-19 และมีการเปิดประเทศมากขึ้น นอกจากนั้น ประเทศไทยประสบปัญหาภาวะสุกรขาดแคลนอย่างมากจากโรคระบาดในการเลี้ยงตั้งแต่ปลายปี 2564 ซึ่งส่งผลให้ราคาสุกรอยู่ในระดับที่สูงกว่าปีก่อน รวมทั้งทำให้ราคาไก่เนื้อปรับตัวสูงขึ้นด้วย จากความต้องการบริโภคทดแทนเนื้อสุกรที่ขาดแคลน นอกจากนั้น ภาวะราคาสุกรในประเทศจีนที่อยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ปรับตัวสูงขึ้นจากปริมาณสุกรในตลาดที่ลดลง ทำให้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนของซีพีเอฟเพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาส 3 ของปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ และคาดว่าจะสามารถคงระดับที่ดีนี้ได้อย่างต่อเนื่องจนถึงปีหน้า

นอกจากนั้น ท่ามกลางความท้าทายในภาพรวมของเศรษฐกิจ ซีพีเอฟให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ อันรวมถึงการให้ความสำคัญด้านมาตรฐานการควบคุมความปลอดภัยทางชีวภาพที่เคร่งครัด การบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและการดำเนินงานให้มีความสามารถในการแข่งขัน การคำนึงถึงการสร้างคุณค่าร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียที่จะเติบโตด้วยกันอย่างยั่งยืน รวมทั้งการสร้างสรรค์นวัตกรรมทั้งด้านการผลิต และการเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า

นายประสิทธิ์ กล่าวตอนท้ายว่า ซีพีเอฟ ได้ประกาศแผนงานการขับเคลื่อนองค์กรมุ่งสู่เป้าหมาย Net-Zero ภายในปี 2050 โดยได้วางกลยุทธ์เชิงรุกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่การผลิต เช่น การผลิตผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำเพิ่มขึ้น ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน และยกเลิกการใช้เชื้อเพลิงจากถ่านหิน 100% สำหรับกิจการในประเทศไทย

PTT Station และ Café Amazon คว้ารางวัล World Branding Awards แบรนด์แห่งปีระดับโลก 6 ปีซ้อน

รายงานข่าว เปิดเผยว่า นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) และ นายสมยศ คงประเวช รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจไลฟ์สไตล์ โออาร์ ร่วมรับรางวัล World Branding Awards ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ในฐานะแบรนด์แห่งปี (Brand of the Year: National Tier 2022 – 2023) ณ พระราชวังเค็นซิงตัน กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

สุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ โออาร์

โดยแบรนด์ของโออาร์ที่ได้รับรางวัล ได้แก่ พีทีที สเตชั่น ได้รับรางวัลในหมวด Petrol/Gas Stations และ คาเฟ่ อเมซอน ได้รับรางวัลในหมวด Retailer – Coffee ตามลำดับ งานดังกล่าวจัดขึ้นโดย World Branding Forum เพื่อมอบรางวัลให้กับแบรนด์ชั้นนำจากทั่วโลกที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยพิจารณาจากการประเมิณคุณค่าของแบรนด์ (Brand Valuation) การได้รับการยอมรับจากสาธารณชน ผ่านการโหวตออนไลน์ (Public Online Voting) และการวิจัยผู้บริโภคในตลาดนั้น ๆ (Consumer Market Research) มีแบรนด์ที่ผ่านการคัดเลือกเพียง 250 แบรนด์ เสนอชื่อเข้ามามากกว่า 3,500 แบรนด์

นายสมยศ คงประเวช รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจไลฟ์สไตล์ โออาร์

นายสุชาติ กล่าวว่า การได้รับรางวัล World Branding Awards อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของ โออาร์ ในการมุ่งมั่นพัฒนาต่อยอดความสำเร็จของโมเดลธุรกิจในประเทศเพื่อก้าวสู่สากลจนเป็นที่ยอมรับในเวทีชั้นนำระดับโลก และแสดงถึงศักยภาพและความพร้อมของ โออาร์ ในการนำพาแบรนด์ไทยไปเติบโตในต่างประเทศ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทย โดย คาเฟ่ อเมซอน เป็นแบรนด์กาแฟของคนไทย ที่อยู่คู่สังคมไทยมาอย่างยาวนานถึง 20 ปี และ โออาร์ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพของเครื่องดื่ม การบริการ และการขยายสาขา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้คนทุกพื้นที่สามารถเข้าถึง คาเฟ่ อเมซอน ได้อย่างสะดวกสบาย รวมไปถึงการขยายสาขาไปในต่างประเทศ เช่นเดียวกับที่ พีทีที สเตชั่น ที่มุ่งก้าวสู่การเป็น Living Community หรือ ศูนย์กลางที่จะร่วมเติมเต็มทุกความสุขให้กับทุกคน พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตที่มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าความสุขและพลังบวกให้กับลูกค้า สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมเพื่อเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

ซีพีเอฟ ส่งเสริมสังคมแห่งความกตัญญู เดินหน้า “คืนสุขผู้สูงวัย” เติมกำลังใจผู้สูงอายุในชุมชน

บ้านพักหลังน้อยของ ลุงบุญชม แกมรัมย์ วัย 64 ปี ชาวตำบลบ้านกลับ อ.หนองโดน จ.สระบุรี วันนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นจากน้ำใจของลูกหลาน ที่เป็นตัวแทนจากหน่วยงานราชการ และภาคเอกชน เข้ามาเยี่ยมเยียน

ลุงชม เล่าว่า ก่อนที่จะมาอยู่ที่นี่ รอนแรมจากจังหวัดบุรีรัมย์บ้านเกิด เข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ จนได้พบกับ ป้าสุนีย์ อยู่สบาย ที่กลายเป็นคู่ทุกข์คู่ยากกันจนถึงปัจจุบัน สองคนช่วยกันทำมาหากิน หนักเอาเบาสู้ทั้งรับจ้างทั่วไป หักข้าวโพด เกี่ยวข้าวฟ่าง กระทั่งงานสุดท้ายคืองานก่อสร้าง ก่อนที่ลุงชมจะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่ก็ไม่ได้ไปหาหมอเพื่อรักษาในทันที เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ลุงชมต้องกลายเป็นอัมพฤกษ์ แม้จะช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง แต่ไม่สามารถประกอบอาชีพใดๆ จึงขาดรายได้ มีเพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยยังชีพสำหรับผู้พิการ บัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยรวม 1,700 บาท และมีสิทธิบัตรทอง แม้จะมีป้าสุนีย์คอยดูแล แต่ป้าเองก็เจ็บป่วยไม่ต่างกัน ทั้งโรคเบาหวาน ต้อกระจก และการเคลื่อนไหวไม่สะดวก จึงทำอาชีพรับจ้างอย่างแต่ก่อนไม่ได้ ทุกวันนี้ได้รับความช่วยเหลือจาก คำนึง หลักเมือง เพื่อนบ้าน ที่ให้พื้นที่ในการปลูกบ้านแบบไม่คิดค่าเช่า

“ความยากลำบากของลุง ทำให้บริษัทซีพีเอฟยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เลือกให้เข้าร่วมโครงการ “ซีพีเอฟ คืนสุขผู้สูงวัย” โดยมอบเงินช่วยเหลือให้ทุกเดือน ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ได้กินอิ่ม นอนหลับ ทีมงานจากฟาร์มซีพีเอฟพระพุทธบาท กับ ทีม อสม. เข้ามาดูแลสุขภาพ ตรวจวัดความดัน มาให้กำลังใจ ทำให้มีความสุข ขอขอบคุณทีมงานทุกๆคนที่คอยห่วงใยไปมาหาสู่ถามข่าวคราว และจัดโครงการดีๆแบบนี้ให้กับผู้สูงอายุ” ลุงชม กล่าวด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มใจ

มนัสพันธ์ ดอนก้อนไพร นายอำเภอหนองโดน จ.สระบุรี กล่าวว่า ในช่วงที่ร่างกายยังปกติ ลุงชมเป็นผู้มีจิตอาสา สมัครเป็นตำรวจบ้านออกตรวจความเรียบร้อยร่วมกับเจ้าหน้าที่ โดยไม่มีสิ่งตอบแทน จึงกลายเป็นที่รักของคนในชุมชน เมื่อเจ็บป่วยก็ได้รับการดูแลอย่างดี การที่ซีพีเอฟคัดเลือกลุงชมเข้าร่วมโครงการฯนี้ เพื่อเป็นตัวแทน “ความกตัญญู” ตอบแทนความดีที่เคยสร้างมา ถือเป็นแบบอย่างด้านการส่งเสริมการทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน ซึ่งที่ผ่านมาทีมงานจิตอาสาจากธุรกิจสุกรของซีพีเอฟ ได้ร่วมกับภาครัฐ หน่วยงานบริหารส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร เข้ามาดูแลผู้สูงวัยไม่ทิ้งคนดีของสังคมให้โดดเดี่ยวและจะช่วยจนถึงที่สุดต่อไป

ส่วนที่บ้าน ยายสำลี โอภาพ วัย 74 ปี ชาวตำบลท่าคล้อ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ที่อาศัยอยู่เพียงลำพังบนพื้นที่สาธารณะของหมู่บ้าน ปลูกกระท่อมเพิงพักเล็กๆกันแดดฝน หลังจากที่ย้ายมาอยู่กับสามีที่ท่าคล้อเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา จนกระทั่งสามีเสียชีวิต ยายสำลีต้องกลายเป็นผู้สูงอายุไร้ที่พึ่ง เพราะพื้นเพไม่ใช่คนที่นี่ เมื่อไม่มีทรัพย์สมบัติติดตัว ขาดคนดูแล ก็ต้องอาศัยชาวชุมชนช่วยเหลือ ได้พื้นที่ปลูกสร้างที่พักพอให้ปลูกผักกินอยู่ในแต่ละวัน มีเพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 700 บาทต่อเดือน และสิทธิบัตรทองเท่านั้น เมื่อซีพีเอฟรู้ถึงความเดือดร้อน ได้เร่งเข้ามาดูแลให้ร่วมโครงการ “ซีพีเอฟ คืนสุขผู้สูงวัย” โดยมีทีมงานจิตอาสาจากฟาร์มท่าคล้อ ของธุรกิจไก่เนื้อ สระบุรี มาดูแล

“ดีใจมากที่บริษัทเข้ามาให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง มามอบเงิน 2,000 บาททุกเดือน เพื่อช่วยด้านสุขภาพ เครื่องอุปโภคบริโภค เพราะยายอายุมากแล้ว ถึงจะช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง แต่ก็ทำอาชีพไม่ได้เหมือนแต่ก่อน ทำให้ไม่มีรายได้ ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่เหงาเพราะมีทีมงานซีพีเอฟ กับ อบต. และอสม. มาเยี่ยมและตรวจสุขภาพเป็นประจำ ทุกคนเหมือนลูกหลานที่คอยห่วงใยใส่ใจ ทำให้คนแก่ที่ไม่มีที่พึ่งพิงได้กลับมามีกำลังใจต่อสู้ชีวิต” ยายสำลีกล่าว

จิราภรณ์ กิ่งสีดา ปลัดอำเภอแก่งคอย จ.สระบุรี บอกว่า ยายสำลี คือภาพสะท้อนของผู้สูงอายุที่เป็นคนดี มีจิตอาสา ในช่วงที่ร่างกายสมบูรณ์ก็มีส่วนร่วมในงานชุมชนไม่เคยขาด จึงเป็นที่รักของคนในชุมชน แม้ปัจจุบันจะต้องอาศัยเพียงลำพังไร้ญาติ แต่ยังคงเข้าวัดฟังธรรม ทำบุญอยู่ตลอด เมื่อถูกทอดทิ้งชุมชนก็ช่วยกันดูแลเป็นอย่างดี เช่นเมื่อต้นปี 2565 ชาวชุมชนได้ช่วยกันปรับปรุงที่พักอาศัยให้คุณยาย และการที่ซีพีเอฟเข้ามาร่วมดูแลยายสำลี ในฐานะตัวแทน “ความกตัญญู” ที่มอบให้เพื่อตอบแทนความดี โดยไม่หวังผลตอบแทนที่ยายสำลีเคยสร้างไว้ ถือเป็นตัวอย่างของการส่งเสริมการทำความดีอีกรูปแบบหนึ่ง ขอขอบคุณโครงการดีๆ ที่มอบโอกาสให้ประชาชน และขอให้ดำเนินการเช่นนี้ตลอดไป

“ซีพีเอฟ ขอขอบคุณผู้สูงอายุทุกคนในโครงการฯ ที่เป็นเหมือนผู้เปิดโอกาสให้เราชาวฟาร์มและโรงงานที่กระจายอยู่ในชุมชนทั่วประเทศ ได้ทำความดีด้วยการเข้ามาดูแลผู้สูงวัยที่ไม่มีอาชีพ ขาดรายได้ บางรายมีความพิการของร่างกาย ถูกทอดทิ้งขาดคนเหลียวแล หรือบางรายก็ไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เราอาสามาช่วยส่งเสริมให้ความเป็นอยู่และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ให้คลายความทุกข์ยากในเบื้องต้นไปได้” สมบูรณ์ สุชาติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กิจการไก่เนื้อ 3 บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าว

ด้าน นิรัตน์ ฮ่อยี่ซี่ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านระบบมาตรฐานและบริหารงานคุณภาพ ธุรกิจสุกร ซีพีเอฟ เล่าว่า โครงการ “ซีพีเอฟ คืนสุขผู้สูงวัย” เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 ภายใต้กลยุทธ์ด้าน”สังคมพึ่งตน” ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ 3 เสาหลักสู่ความยั่งยืนของซีพีเอฟ คือ อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดินน้ำป่าคงอยู่ เพื่อช่วยเหลือผู้สูงวัยรอบสถานประกอบการของบริษัทที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างจากโรงงาน ฟาร์ม หรือสาขาของบริษัท ไม่เกิน 5 กิโลเมตร ซึ่งมีฐานะยากจน ไม่มีรายได้ ถูกทอดทิ้ง ไม่มีผู้ดูแล หรือไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เป็นการให้ความช่วยเหลือตลอดชีวิต โดยร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นเครือข่าย อาทิ อบต. เทศบาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ดูแลทั้งความเป็นอยู่ สุขภาพร่างกาย และจิตใจ สร้างสังคมแห่งความกตัญญู และลดความเหลื่อมล้ำ

ซีพีเอฟ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยยึดค่านิยม 3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืน คือ ประโยชน์ต่อประเทศ ประชาชน และองค์กร รวมทั้งปลูกฝังพนักงานรู้จักการกตัญญู เกื้อกูล ร่วมกันดูแลผู้สูงอายุในชุมชน โดยตลอด 12 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2554 – 2565 ที่บริษัทฯดำเนินโครงการ “ซีพีเอฟ คืนสุขผู้สูงวัย” ได้ร่วมสร้างรอยยิ้ม เติมกำลังใจให้แก่ผู้สูงอายุ รวมทั้งสิ้น 874 ราย ในภูมิภาค 52 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมีจิตอาสาของซีพีเอฟหลากหลายกลุ่มธุรกิจ อาทิ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์แก่เกษตรกร โรงฟักไข่และศูนย์คัดไข่ โรงเพาะฟักลูกกุ้ง โรงงานแปรรูปอาหาร กิจการสาขาและเครือข่ายการขาย ศูนย์ผลิตและปรับปรุงพันธุ์ปลาน้ำจืด เข้าดูแลผู้สูงวัย เสมือนเป็นคนในครอบครัว ตอกย้ำสังคมแห่งความกตัญญู และสร้างแรงบันดาลใจในการกระตุ้นให้คนในสังคมตระหนักถึงความสำคัญของผู้สูงวัยให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

รู้เก็บรู้ออม : PVD Space by SET

ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

วันเวลานั้นผ่านไปแสนรวดเร็ว ฉะนั้นแล้วหากใครเผลอไผล ปล่อยให้กระแสแห่งกาลเวลาพัดผ่านตัวเองไปในแต่ละวันแบบเปล่าๆ นั่งทำงานอยู่งกๆ เงยหน้าจากกองงาน รู้ตัวอีกที ก็เข้าสู่วัยเกษียณเสียแล้ว

ยามเราเป็นหนุ่มสาว เพิ่งเริ่มวัยทำงาน ก็คงไม่เห็นความสำคัญของชีวิตเกษียณเสียเท่าไร เพราะคิดว่ายังอีกไกลกว่าตัวเองจะไปถึงจุดนั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของคนเราที่มักจะไม่เห็นและไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ยังอยู่ไกลตัว และยังมาไม่ถึง แต่เมื่อเราโตขึ้น และวันเวลาติดสปีดความเร็วขึ้นมา ก็จะพบว่าชีวิตเกษียณอาจไม่ได้เป็นความสุขของหลายๆคนนัก เพราะไม่ได้มีการเตรียมตัว ขาดการวางแผนการเงินรองรับ หรือมีเวลาไม่พอเสียแล้ว

“คุณนายพารวย” อยากให้เปลี่ยนความคิดเรื่องการวางแผนเกษียณเสียใหม่ว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ต้องรอให้ตัวเองแก่ หรือใกล้แก่ เสียก่อน จึงค่อยคิดค่อยทำ

เพราะถึงตอนนั้นแล้ว อะไรๆก็มีแต่ห่อเหี่ยว ถดถอยไปเสียหมด ไม่ทันการณ์ไปเสียแล้ว ยิ่งวันเวลาผ่านไปเร็วขึ้นเท่าไร คนไหนที่เริ่มออมช้า ก็คงต้องเหนื่อยตอนแก่ ไหนจะต้องพยายามเก็บเงินก้อนที่ใหญ่ขึ้น ขณะที่เวลาแห่งการทำงานลดน้อยถอยลง ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเก็บเงินได้ไม่ถึงและไม่ทันเป้า

คนที่รู้ตัวเร็ว เริ่มต้นก่อน ย่อมได้เปรียบ ยิ่งตอนนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กำลังเปิดคลังความรู้ออนไลน์ PVD Space by SET ส่งเสริมความรู้ทางการเงินและสร้างวินัยการออมเพื่อการเกษียณ

“คุณนายพารวย” อยากชวนเหล่ามนุษย์เงินเดือนให้มาเรียนรู้เรื่อง “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” แบบครบวงจร เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการออมผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เลือกนโยบายลงทุนที่เหมาะกับตัวเองและเหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบัน สามารถบริหารจัดการการเงินและการลงทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงินรองรับการเกษียณได้อย่างมีคุณภาพ

เรียนรู้ผ่านเครื่องมือและสื่อความรู้ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในรูปแบบดิจิทัลต่างๆ ทั้งอินโฟร์กราฟิก บทความ โปรแกรมคำนวณ คลิปความรู้ และหลักสูตรอีเลิร์นนิ่ง รวบรวมเนื้อหาอัดแน่นๆแบบคนทั่วไปก็สามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ง่าย

ผู้เรียนจะได้รู้เคล็ดลับสร้างสุขทางการเงิน ว่าด้วยการวางแผนเกษียณ พร้อมทดสอบแผนลงทุนเพื่อเกษียณของตัวเอง เพื่อจะได้รู้ล่วงหน้าว่าเรามีโอกาสที่จะเกษียณสุข หรือเกษียณทุกข์ เพื่อจะได้หาทางแก้ไข และวางแผนได้อย่างถูกต้อง

นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมคำนวณออมเท่าไรพอใช้เกษียณ เพื่อทำให้เรารู้ว่า ควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ ถึงจะพอใช้กับชีวิตหลังวัยเกษียณให้มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย และพึ่งพาตัวเองได้

และเจาะลึกเรื่องกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ผ่านหลักสูตร SET e-Learning ชุด PVD Space ว่าด้วยการวางแผนออม PVD ตามช่วงวัย และวางแผนจัดการ PVD รับมือวิกฤติ

ตอบโจทย์ทุกเรื่องที่มนุษย์เงินเดือนต้องรู้เกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ!!

ใครอยากเกษียณสุขสามารถเข้าไปติดตามสื่อความรู้ PVD Space by SET ได้ที่ https:// www.set.or.th/th/education-research/education/happymoney/pvd#pvd ได้เลย

คุณนายพารวย

ทิพยประกันภัย กำไรไตรมาส 3 พุ่ง 253% ติดปีกลุยหลังหมดเคลมโควิด

ทิพยประกันภัย หรือ TIP โชว์กำไรไตรมาส 3 ที่ 470.05 ล้านบาท เติบโต 253.40% จากไตรมาสก่อนหน้า พร้อมโชว์เบี้ยประกันภัยรับ 9 เดือน แตะ 2.2 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งในทุกประเภทผลิตภัณฑ์ พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงช่องทางการขายร่วมกับพันธมิตร สนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ขณะที่ TIPH เตรียมส่งบริษัท มีที่ มีเงิน และ InsurVerse สร้างมิติใหม่ให้กับธุรกิจ Non-Bank และธุรกิจประกันภัยดิจิทัล ภายในสิ้นปีนี้

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยผลการดำเนินงานของ ทิพยประกันภัย ในไตรมาส 3/2565 เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีกำไรสุทธิ 470.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 776.47 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 253.40 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ เพิ่มขึ้นจำนวน 85.43 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22.21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเบี้ยประกันภัยรับของบริษัทฯ ยังคงขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง ประกอบกับผลกระทบจากค่าสินไหมทดแทนสำหรับประกันภัยโควิดได้สิ้นสุดลงแล้ว

ทั้งนี้ TIP มีเบี้ยประกันภัยรับรวมในไตรมาส 3/2565 ถึง 7,307.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 917.94 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.37 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 1,248.11 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.60 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรับรวมของบริษัทฯ สำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 เพิ่มขึ้น 2,392.34 ล้านบาท มาอยู่ที่ 21,790.15 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12.33 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันภัยรับในทุกผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วยเบี้ยประกันอัคคีภัย เติบโตร้อยละ 43.51 เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง เติบโตร้อยละ 24.95 เบี้ยประกันภัยรถยนต์ เติบโตร้อยละ 23.65 และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด เติบโตร้อยละ 4.87

ดังนั้น จากผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 3/2565 ส่งผลให้กำไรสุทธิของ TIP สำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 อยู่ที่ 806.25 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ซึ่งมีกำไรสุทธิ จำนวน 336.21 ล้านบาท

ทั้งนี้ในส่วนของการดำเนินงานภายใต้แผนธุรกิจของ TIP บริษัทฯจะยังคงเดินหน้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่ตอบสนองและตรงกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการพัฒนาช่องทางการขายร่วมกับพันธมิตรและยกระดับการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการขยายตัว และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืนในธุรกิจรับประกันภัย

ด้าน ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ TIPH การลงทุนที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 เริ่มสะท้อนผลการดำเนินงานที่โดดเด่นตามที่บริษัทฯตั้งเป้าหมายไว้แล้ว โดยที่ผลการดำเนินงานปกติของบริษัทย่อยภายใต้กลุ่มธุรกิจสนับสนุนประกันภัย (Insurance Supported Business) ได้แก่บริษัท อะมิตี้ อินชัวร์รันซ์ โบรคเกอร์ จำกัด หรือ Amity มีกำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 อยู่ที่ 11.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 83.07 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหญ่ ในการขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น และบริษัท ดีพี เซอร์เวย์ แอนด์ลอว์ จำกัด หรือ DP Survey มีกำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 อยู่ที่ 19.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 140.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากรายได้จากการสำรวจภัยเพิ่มขึ้นและการจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

ขณะที่ภายในสิ้นปีนี้ บริษัทที่ TIPH ได้เข้าลงทุนในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมาได้แก่ บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด และ บริษัท เอราวัณประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถเริ่มสร้างมิติใหม่ให้กับธุรกิจบริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) และธุรกิจประกันวินาศภัยได้

โดยที่บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนระหว่าง TIPH กับธนาคารออมสิน และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่ง TIPH ถือหุ้น 31% คาดว่าจะเริ่มให้บริการธุรกิจแรก คือ สินเชื่อที่ดิน รับจำนองและขายฝาก ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งภายใต้ Business Model ของบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด จะช่วยให้ประชาชน และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มีทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนถูกลงด้วยอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่เป็นธรรมอย่างแท้จริง โดยจะนำร่องเปิดให้บริการ สินเชื่อที่ดิน ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และสมุทรปราการ

ในส่วนของ เอราวัณประกันภัย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรและพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อประกอบธุรกิจประกันภัยดิจิทัล 100% แห่งแรกในประเทศไทยภายใต้ชื่อ InsurVerse โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ 100% ได้ภายในสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการเกิดขึ้นของ โควิด-19 และแนวโน้มของเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวในหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นการบริโภค การลงทุน และการท่องเที่ยว จะส่งผลให้บริษัทฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการปรับตัวทั้งในแง่ของ Business Model และบุคลากรเพื่อรองรับกับสถานการณ์ดังกล่าวไว้แล้ว เพื่อที่จะสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจ และยังคงรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจวินาศภัยของไทยควบคู่ไปกับการช่วยเหลือสังคมในมิติต่างๆ สอดคล้องกับแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่ต้องการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่คำนึงถึงความรับผิดชอบ 3 ด้านหลัก คือ สิ่งแวดล้อม สังคม การกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นต่อไป

ตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่งหยุดพักการซื้อขายหุ้น MORE วันนี้ (14 พ.ย. 2565)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกหนังสือชี้แจงแนวทางดำเนินการกรณีหลักทรัพย์ MORE มีเนื้อหาว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พบว่าหลักทรัพย์บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) (MORE) มีการซื้อขายที่ผิดปกติไปจากช่วงก่อนหน้า และได้ติดตามให้ MORE ชี้แจงข้อมูล รวมทั้งได้แจ้งเตือนให้ผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา รวมถึงขอให้บริษัทสมาชิกเพิ่มมาตรการในการกำกับดูแลการซื้อขายในหลักทรัพย์ดังกล่าวนั้น
ต่อมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้หารือร่วมกับบริษัทสมาชิก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อตรวจสอบธุรกรรมเกี่ยวกับหลักทรัพย์ MORE ที่อาจเข้าข่ายเป็นรายการที่ผิดปกติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทสมาชิกบางรายในระดับที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับขนาดของบริษัทสมาชิกและปริมาณธุรกรรมที่เกิดขึ้นผ่านบริษัทสมาชิกรายนั้น โดยปัจจุบันบริษัทสมาชิกทุกรายยังสามารถให้บริการกับผู้ลงทุนได้ตามปกติ

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอเรียนว่า แม้จะมีเหตุการณ์ผิดปกติดังกล่าว แต่การชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ทุกหลักทรัพย์ระหว่างบริษัทสมาชิกและสำนักหักบัญชียังคงดำเนินการไปตามปกติ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวเกี่ยวกับหลักทรัพย์ MORE เป็นจำนวนมาก และมีความคลาดเคลื่อน จนอาจทำให้เกิดความสับสน ดังนั้น เพื่อให้ผู้ลงทุนได้มีโอกาสรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับหลักทรัพย์ MORE จากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องและครบถ้วน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเห็นควรหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ในวันนี้ (14 พฤศจิกายน 2565)

จ.ชลบุรี-ซีพีเอฟ จัดวิ่งการกุศล ‘CPF ZOO RUN’ นำรายได้ช่วย รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ โดยชมรม CPF Running Club จัดงาน เดิน-วิ่ง เพื่อการกุศล “CPF ZOO RUN” RUN FOR CHARITY SEASON #3 นำผู้ที่ชื่นชอบการวิ่ง จำนวน 2,200 คน ร่วมเสริมสร้างสุขภาพที่ดี และส่งต่อน้ำใจสู่ชาวศรีราชา โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวฐิติลักษณ์ คำพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายเทวินทร์ รัตนะวงศ์ศะวัต ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว และนายเรวัติ หทัยสัตยพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ ร่วมด้วย ณ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

รองผู้ว่าฯ จ.ชลบุรี กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนคนพื้นที่ อ.ศรีราช จ.ชลบุรี ขอขอบคุณ ซีพีเอฟที่จัดงาน ZOO RUN ขึ้นในครั้งนี้ เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและสนับสนุนการวิ่งออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี พร้อมทั้งยังมอบรายได้สมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย นับว่าเป็นประโยชน์ต่อชาวชลบุรีอย่างมาก

ด้าน นายเรวัติ หทัยสัตยพงศ์ กล่าวว่า CPF ZOO RUN เป็น 1 ในกิจกรรมหลักของชมรม CPF Running Club ซึ่งในครั้งนี้ได้ร่วมมือกับทาง จ.ชลบุรี และสวนสัตว์เขาเขียว เพื่อกระตุ้นให้พนักงาน ชุมชน และประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงหันมาวิ่งออกกำลังกายและใส่ใจสุขภาพมากขึ้น พร้อมกับตอบแทนคุณสังคม นอกจากนี้ซีพีเอฟยังคำนึงถึงการจัดการและใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม รูปแบบการจัดงานเน้นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) รวมถึงการคัดแยกขยะ และลดการใช้พลาสติก เน้นการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลและย่อยสลายง่าย สอดคล้องกับนโยบายบริษัทฯ

สำหรับรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายงาน เดิน-วิ่ง เพื่อการกุศล “CPF ZOO RUN” RUN FOR CHARITY SEASON #3 แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก สมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ อาคารศรีสวรินทิรานุสรณ์ 150 ปี โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย ส่วนที่ 2 มอบแก่องค์กรสวนสัตว์ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เพื่ออนุรักษ์และวิจัยนกกลับคืนสู่ธรรมชาติ และส่วนที่ 3 มอบแก่โรงเรียนวัตตโปทาราม จ.ชลบุรี เพื่อสร้างสนามเด็กเล่น สำหรับเด็กชั้นอนุบาล ครั้งต่อไป ชมรม CPF Running Club จะจัดขึ้นในต้นปีหน้า ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตือนนักลงทุน ระมัดระวังก่อนเข้าซื้อขายหุ้น MORE


รายงานข่าว เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตือนผู้ลงทุนให้ระมัดระวังก่อนตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) (MORE) เนื่องจากเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 สภาพการซื้อขายมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างผิดปกติ โดยเปิดตลาดที่ราคา 2.90 บาท จากนั้นราคาปรับตัวลดลงต่อเนื่องจนราคาต่ำสุด (Floor) ที่ราคา 1.95 บาท โดยตลอดทั้งวันมีมูลค่าซื้อขายสูงถึง 7,142 ล้านบาท เป็นอันดับ 1 ของมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งตลาด (SET และ mai) ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สอบถามพัฒนาการที่อาจส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย โดย MORE ได้ชี้แจงผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงก่อนเปิดการซื้อขายภาคบ่ายว่าไม่มีพัฒนาการสำคัญ

อย่างไรก็ตาม เช้าวันนี้ (11 พฤศจิกายน 2565) ราคาลดลงต่อเนื่อง เปิดตลาดที่ราคา Floor 1.37 บาท และปิดตลาดภาคเช้าที่ราคาดังกล่าว หากราคามีความผันผวน ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงในการซื้อขายได้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและสารสนเทศที่แจ้งผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และขอให้บริษัทสมาชิกกำกับดูแลการซื้อขายและการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ MORE อย่างใกล้ชิดและเคร่งครัด เพื่อป้องกันการส่งคำสั่งซื้อขายที่อาจไม่เหมาะสม หรือไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

ผู้บริหารซีพีเอฟ รับรางวัล “สัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรเกียรติยศ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.สพ.ดำเนิน จตุรวิธวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สัตวแพทย์บริการวิชาการสุกร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ รับรางวัล “สัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มเกียรติยศ” (Life-time Achievement Award) จาก สมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรไทย ที่มอบให้แก่สัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรที่สร้างคุณประโยชน์ ชื่อเสียง และเกียรติยศอันดี แก่สังคมและประเทศชาติ เนื่องในวาระครบรอบ 20 ปี การก่อตั้งสมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรไทย

น.สพ.ดำเนิน จตุรวิธวงศ์ กล่าวว่า รางวัล “สัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มเกียรติยศ” เป็นรางวัลใหญ่ที่มอบให้แก่สัตวแพทย์ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในวงการสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกร โดยได้รับความไว้วางใจและการยอมรับจากองค์กร หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งเป็นผู้รักษาจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพของตนเอง และมีการแสดงออกเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งชีวิตส่วนตัวและการงาน ทำประโยชน์ต่อองค์กรและวิชาชีพของตนเอง

น.สพ.ดำเนิน จตุรวิธวงศ์

“ขอบคุณสมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรไทย ที่ได้มอบรางวัลนี้ถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติ ขอให้สัตวแพทย์ทุกท่านมุ่งมั่นในวิชาการทางด้านสัตวแพทย์ ยึดมั่นในความรู้ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ และขอให้รับผิดชอบในคำแนะนำรวมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับเจ้าของฟาร์ม ที่สำคัญต้องทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในการผลิตเนื้อสุกรที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และเชื่อมั่นว่า ทุกความสำเร็จมักจะเกิดจากความรู้พื้นฐานทางด้านสัตวแพทย์ที่มีอยู่ทั้งสิ้น” น.สพ.ดำเนิน กล่าว

ทั้งนี้ น.สพ.ดำเนิน จตุรวิธวงศ์ มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ อันเป็นที่ยอมรับ อาทิ 1. กำจัดโรค Aujeszky’s disease 2. ขยายฟาร์มปลอดโรค PRRS 3. เป็นผู้สอนหลักสูตรพัฒนาผู้นำ ณ สถาบันผู้นำซีพี (CPLI) 4. ได้รับรางวัลโล่ประกาศเกียรติคุณ จากสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และ 5. เป็นวิทยากรให้ความรู้การป้องกันและควบคุมโรคให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ประเทศฟิลิปปินส์ ส่วนบทบาทต่อสังคม เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในองค์กรต่างๆ อาทิ ที่ปรึกษาสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ด้านผลงานวิชาการและงานวิจัย รวมทั้งรางวัลที่ได้รับ ตัวอย่างเช่น 1. รางวัลโล่ประกาศเกียรติคุณ ผู้ให้ความรู้ แนะนำการเฝ้าระวังโรค African Swine Fever (ASF) จากสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ 2. โครงการการตรวจหายีนดื้อยาที่สำคัญของคนในฟาร์มสุกร รวมทั้งในโปรไบโอติกที่ให้ในฟาร์มสุกร และโครงการผลิตเนื้อสุกรปลอดยาปฏิชีวนะตลอดการเลี้ยง (Raised without Antibiotics : RWA) “หมูชีวา” หรือ Cheeva Pork นวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ จากแบรนด์ยูฟาร์ม ของซีพีเอฟ นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัล Chairman Award 2022 จากเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในด้านการจัดการโรค ASF แบบบูรณาการ อีกด้วย