Home Blog Page 105

คาเฟ่ อเมซอน คว้ารางวัล The Most Powerful Brands of Thailand 2022 ตอกย้ำแบรนด์ร้านกาแฟทรงพลังที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายองอาจ ศรีพยัคฆ์ ผู้จัดการฝ่ายบริหารธุรกิจร้านคาเฟ่อเมซอน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ รับรางวัล The Most Powerful Brands of Thailand 2022 หรือ แบรนด์ที่ทรงพลังที่สุดของประเทศไทยประจำปี 2022 จากภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้จัดอันดับให้ แบรนด์ คาเฟ่ อเมซอน ของ โออาร์ เป็นแบรนด์ที่ทรงพลังที่สุด ในหมวด Coffee Shop เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งพิจารณาจากข้อมูลการศึกษาวิจัยในด้าน Image, Awareness, Preference และ Usage ที่เก็บรวบรวมมาจากผู้บริโภคจำนวนมากกว่า 24,000 คน ทั่วประเทศ

การได้รับรางวัล The Most Powerful Brands of Thailand 2022 ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของ โออาร์ โดย คาเฟ่ อเมซอน เป็นแบรนด์กาแฟของคนไทย ที่อยู่คู่สังคมไทยมาอย่างยาวนานถึง 20 ปี ด้วยการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง และร้านที่มีอยู่ในแทบทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นใน พีทีที สเตชั่น อาคารออฟฟิศกลางเมือง หรือแม้กระทั่งศูนย์การค้าชั้นนำ ในราคาที่จับต้องได้ อีกทั้งยังมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพของเครื่องดื่ม การบริการ และการขยายสาขา เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้คนในทุกพื้นที่ รวมไปถึงการขยายสาขาไปในต่างประเทศทั่วโลกเพื่อมุ่งก้าวสู่การเป็นกาแฟชั้นนำในระดับสากลต่อไป

ทั้งนี้ ด้วยสภาพสังคมและเศรษฐกิจในช่วงที่ 2 ปีที่ผ่านมา จากทั้งการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 ภัยธรรมชาติ และความไม่สงบจากทั่วโลก ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อวิถีชีวิตของมนุษย์รวมถึงการดำเนินธุรกิจ ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่ภาคธุรกิจจะต้องก้าวผ่านไปให้ได้ หนึ่งในกลยุทธ์ที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดและเจริญเติบโตท่ามกลางความไม่แน่นอน คือ การสร้างแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ แบรนด์ยังต้องมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวและสามารถตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ในทุกขณะอีกด้วย

ซีพีเอฟ ชู “ระบบไบโอซีเคียวริตี้” ป้องกันโรคสุกร ปลอดภัย 100% หนุนนโยบาย Zero ASF

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานประชุมวิชาการนานาชาติทางสัตวแพทย์และการเลี้ยงสัตว์ ครั้งที่ 45 (The International Conference On Veterinary Science 2022 : The ICVS 2022) คณาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ชำนาญการ ที่มีความเชี่ยวชาญระดับประเทศ เข้าร่วมเป็นวิทยากรบรรยาย ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม โดยหนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจ คือ การป้องกันโรค ASF ในสุกร ด้วย “ระบบไบโอซีเคียวริตี้” ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันโรคต่างๆ ในสัตว์ได้แล้ว ยังช่วยให้ประเทศไทย ปลอดจากโรค ASF ด้วย

สำหรับตัวอย่างภาคเอกชนที่ดำเนินการด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรค ASF ในสุกร ด้วย “ระบบไบโอซีเคียวริตี้” (Biosecurity System) ระบบความปลอดภัยทางชีวภาพในการเลี้ยงสุกร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ซึ่งถือเป็นการสนับสนุน นโยบาย Zero ASF หรือ ASF เป็นศูนย์ ของกรมปศุสัตว์ ด้วยระบบดังกล่าวทำให้การป้องกันโรคระบาดในสัตว์มีประสิทธิภาพสูงสุด ได้ผลผลิตสุกรปลอดโรค เติบโตเป็นอาหารโปรตีนป้อนคนไทยได้อย่างเพียงพอ หนุนความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ให้ประเทศไทยคงสถานะครัวของโลกได้อย่างยั่งยืน

น.สพ.ดำเนิน จตุรวิธวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านบริการวิชาการสุกร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ปัจจุบันฟาร์มสุกรของซีพีเอฟ ดำเนินมาตรฐานฟาร์มตามแนวทางของกรมปศุสัตว์ และยกระดับมาตรฐานฟาร์มสุกรของบริษัทสู่ “ระบบไบโอซีเคียวริตี้” 100% รวมถึงผลักดันเกษตรกรในโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสุกรกับซีพีเอฟ หรือคอนแทรคฟาร์มมิ่ง ดำเนินการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ระบบการป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ฟาร์มดังกล่าวได้รับการยอมรับในระดับสากล ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดโรคระบาดอื่นๆ ในฟาร์มสุกร และทุกฟาร์มต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด จึงมั่นใจได้ว่าสุกรในระบบจะปลอดโรค สู่เนื้อหมูอนามัย ปลอดภัย ส่งถึงมือผู้บริโภค

“ซีพีเอฟ ให้ความสำคัญสูงสุดกับการผลิตอาหารปลอดภัยตลอดห่วงโซ่การผลิต ขั้นตอนของการเลี้ยงสุกร เป็นอีกส่วนสำคัญของความปลอดภัยทางอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการป้องกันโรคระบาดในสัตว์ โดยซีพีเอฟได้ยกระดับมาตรฐานฟาร์มสุกรของบริษัทและของเกษตรกรคอนแทรคฟาร์มมิ่ง เข้าสู่ระบบไบโอซีเคียวริตี้ทั้งหมดแล้ว 100% โดยซีพีเอฟ ยืนหยัดร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้ป้องกันโรค ASF อย่างแข็งแกร่งให้ประเทศไทยเดินหน้า สู่สถานะปลอดโรค ASF โดยเร็ว” น.สพ.ดำเนิน กล่าว

มาตรฐานฟาร์มสุกรของซีพีเอฟ ในระบบไบโอซีเคียวริตี้ ประกอบด้วย การเลี้ยงสุกรในโรงเรือนระบบปิด ป้องกันสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค อาทิ หนู นก หรือแมลงต่างๆ ในส่วนวัตถุดิบที่นำมาใช้ภายในฟาร์ม ทั้งอาหาร น้ำ ฯลฯ ต้องมีการตรวจสอบย้อนกลับไปถึงแหล่งที่มาได้ ซึ่งฟาร์มจะรับจากแหล่งที่ปลอดภัยเท่านั้น ตลอดจนควบคุมยานพาหนะขนส่งเข้า-ออกฟาร์มอย่างเข้มงวด โดยรถทุกคันและพนักงานทุกคน ต้องผ่านระบบฆ่าเชื้อ เพื่อไม่ให้คนหรือยานพาหนะ เป็นพาหะนำเชื้อโรคเข้าสู่ฟาร์ม รวมถึงกำหนดจุดส่งมอบสุกรที่แยกจากออกฟาร์ม

ระบบความปลอดภัยทางชีวภาพดังกล่าว ทำให้มั่นใจได้ในความปลอดภัยของกระบวนการผลิตสุกรตลอดห่วงโซ่การผลิต เพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยของเนื้อสุกรสู่ผู้บริโภคอย่างแท้จริง

สิงห์ ต่อสัญญา คิมี่ ไรค์โคเน่น ปั้นเด็กไทยสู่มอเตอร์สปอร์ตโลก จัด “สิงห์ คาร์ท คัพ” ปีที่ 7

คิมี่ ไรค์โคเน่นสิงห์ ดึง “ดิ ไอซ์แมน” คิมี่ ไรค์โคเน่น อดีตนักขับเอฟวันแชมป์โลกปี 2007 สานต่อโครงการ “สิงห์ คาร์ท คัพ 2022 บาย คิมี่ ไรค์โคเน่น” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 พร้อมต่อสัญญากับยอดนักขับชาวฟินแลนด์ ในฐานะ “โกลบอล แบรนด์ แอมบาสเดอร์” ของสิงห์ในต่างประเทศ

นายวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ในฐานะผู้วางนโยบายและดูแลงานด้านสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้การต้อนรับ คิมี่ ไรค์โคเน่น อดีตนักขับฟอร์มูล่าวันชาวฟินแลนด์ ดีกรีแชมป์โลกปี 2007 ที่เดินทางมาร่วมกิจกรรม “สิงห์ คาร์ท คัพ 2022 บาย คิมี่ ไรค์โคเน่น”

โดยนายวรวุฒิ เผยว่า จุดเริ่มต้นของนักขับระดับโลกคือรถคาร์ท การสร้างเยาวชนตั้งแต่จุดเริ่มต้นเป็นเหมือนบันไดขั้นแรกสู่เป้าหมายสูงสุดของนักขับคือการแข่งขันรถสูตร 1 หรือ ฟอร์มูล่าวัน เราจึงวางรากฐานของวงการมอเตอร์สปอร์ตให้กับเด็กไทยผ่านโครงการ สิงห์ คาร์ท คัพ ที่ดึง คิมี่ ไรค์โคเน่น นักขับระดับโลก ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงแชมป์ฟอร์มูล่าวัน ปี 2007 มาร่วมจัดกิจกรรม พร้อมกับแชร์เทคนิคและประสบการณ์ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆในการผลักดันตนเองและเติบโตไปสู่จุดหมายระดับโลก ซึ่งเป็นการจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ที่ผ่านมาเด็กที่ผ่านจากโครงการนี้ได้เติบโตเข้าสู่วงการแข่งรถคาร์ททั้งในประเทศและต่างประเทศมากมาย สร้างความสำเร็จได้แชมป์ในหลายรายการ ทั้งในระดับเอเชียและในระดับประเทศ อาทิ ROK CUP Asia, ROK CUP Thailand, รถคาร์ทชิงแชมป์ประเทศไทย

ขณะที่ คิมี่ ไรค์โคเน่น อดีตยอดนักขับชาวฟินแลนด์วัย 43 ปี เผยว่า รู้สึกยินดีที่ได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้งหลังต้องเว้นวรรคไปในช่วงโควิด-19 โดยทุกครั้งที่มาเมืองไทยและได้มีส่วนร่วมกับโครงการสิงห์ คาร์ท คัพ ทำให้ได้เห็นพัฒนาการและศักยภาพของนักขับเยาวชนไทยที่เติบโตขึ้นจากโครงการนี้ ซึ่งตนเองในฐานะแอมบาสเดอร์ประจำการแข่งขัน จะพยายามที่จะแชร์ประสบการณ์และเทคนิคการขับรถแข่งให้กับเด็กๆ เพราะรถคาร์ทคือพื้นฐานสำคัญของรถแข่งทุกประเภท เช่นเดียวกับลูกชายของตนวัย 7 ขวบก็กำลังเริ่มต้นด้วยการขับรถคาร์ทในยุโรปเช่นกัน เพราะเด็กทุกคนไม่ว่าจะมาจากประเทศไหนล้วนมีความฝันที่จะไปสู่ฟอร์มูล่า วัน ขึ้นอยู่กับว่าจะได้รับโอกาสและเริ่มต้นได้ถูกทางหรือไม่ ซึ่งโครงการ สิงห์ คาร์ท คัพ ถือเป็นโอกาสอันดีของเด็กไทยในการเริ่มต้น ก่อนที่จะก้าวไปสู่การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับที่สูงขึ้นต่อไป ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องสนุกกับมัน มีวินัย และขยันฝึกซ้อม ถ้าทำได้ก็มีโอกาสไปสู่เป้าหมายได้แน่นอน

พร้อมกันนี้นายวรวุฒิยังยืนยันถึงการที่สิงห์บรรลุข้อตกลงต่อสัญญากับ คิมี่ ไรค์โคเน่น ในฐานะ “โกลบอล แบรนด์ แอมบาสเดอร์ ” ของสิงห์ในต่างประเทศไปจนถึงปี 2023 ด้วยว่า ทาง สิงห์ คอร์เปอเรชั่น มีผลิตภัณฑ์สิงห์วางจำหน่ายมากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และ “คิมี่” ก็ถือเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่มีแฟนคลับติดตามมากมาย และชื่นชมในศักยภาพความเป็นนักกีฬาระดับแชมป์โลก บวกกับบุคลิคภาพที่สุขุม และความเป็นมืออาชีพอันเต็มเปี่ยม ทางสิงห์จึงรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ คิมี่ ไรค์โคเน่น มาทำหน้าที่โปรโมทกิจกรรม รวมไปถึงสื่อโฆษณาต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ

ทั้งนี้การแข่งขัน “สิงห์ คาร์ท คัพ 2022 บาย คิมี่ ไรค์โคเน่น” จะมีการแข่งขันในรอบชาเลนจ์รอบที่ 2 ที่สนามพีระ คาร์ท เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 26-27 พฤศจิกายน 2565 ซึ่ง คิมี่ ไรค์โคเน่น มีคิวเดินทางไปร่วมทำกิจกรรมร่วมแชร์ประสบการณ์ขับระดับโลก กับเหล่านักขับเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกในวันดังกล่าวด้วยเช่นกัน

AWC กวาด 10 รางวัล “อาคารโดดเด่นด้านความปลอดภัย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC สามารถคว้า 10 รางวัลอันทรงเกียรติ ในฐานะอาคารโดดเด่นด้านความปลอดภัยจาก “BSA Building Safety Awards 2022” ที่จัดขึ้นโดยสมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร (The Building Inspectors Association) ด้วยการสนับสนุนหลักจากกรมโยธาธิการและผังเมือง ตอกย้ำความเป็นเลิศในด้านการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยภายในอาคารและสถานประกอบการของกลุ่มบริษัท ที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานการรับรองความปลอดภัยระดับสากล ตามกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืน BETTER PEOPLE ในมิติของการส่งเสริมอาชีวอนามัยและความปลอดภัย 

สำหรับรางวัลที่ AWC ได้รับ ประกอบไปด้วยรางวัลในประเภทอาคารสูง/ขนาดใหญ่พิเศษ 9 รางวัล และประเภทอาคารทั่วไปขนาด 2,000 – 10,000 ตารางเมตร 1 รางวัล จากกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ที่ครอบคลุมอาคารเพื่อประกอบกิจการการค้า และอาคารสำนักงาน ซึ่งถือเป็นอสังหาริมทรัพย์คุณภาพที่อยู่ในการบริหารของทาง AWC 

  • ประเภทอาคารสูง/ขนาดใหญ่พิเศษ จำนวน 9 รางวัล แบ่งเป็น 

รางวัลระดับแพลตตินั่ม (Platinum) จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ซึ่งได้รับรางวัลเป็นครั้งที่ 5 และอาคารอินเตอร์ลิ้งค์ ทาวเวอร์ บางนา ได้รับรางวัลเป็นครั้งที่ 3 

รางวัลระดับโกลด์ (Gold) จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ อาคาร 208 แบงค๊อก ซึ่งได้รับรางวัลเป็นครั้งที่ 3 และศูนย์การค้าเกทเวย์ แอท บางซื่อ 

รางวัลระดับซิลเวอร์ (Silver) จำนวน 4 รางวัล ได้แก่ อาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ซึ่งได้รับรางวัลเป็นครั้งที่ 4 ศูนย์การค้าเกทเวย์ เอกมัย ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่ และ ศูนย์การค้าตะวันนา บางกะปิ  

รางวัลระดับบรอนซ์ (Bronze) จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน

  • ประเภทอาคารทั่วไปขนาด 2,000 – 10,000 ตารางเมตร จำนวน 1 รางวัล เป็นรางวัลระดับ บรอนซ์ (Bronze) ได้แก่ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ (โกดัง 3)

นางสาวเดฟเน่ หยวน หัวหน้าคณะกลุ่มคอมเมอร์เชียล AWC กล่าวว่า “ในฐานะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานของ AWC มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่อาคารสำนักงานทั้ง 4 แห่งของกลุ่มบริษัท ได้รับรางวัลอาคารโดดเด่นด้านความปลอดภัยจากทางสมาคมผู้ตรวจสอบอาคารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ซึ่งถือเป็นอาคารสำนักงานที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ และเป็นอาคารสำนักงานระดับ Flagship ของ AWC ที่ได้รับรางวัลจาก BSA เป็นปีที่ 5 ติดต่อกันมาตั้งแต่ พ.ศ. 2561 รวมถึงอาคารอินเตอร์ลิงค์ ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานคุณภาพบนทำเลศักยภาพย่าน CBD บางนา ที่ได้รับรางวัลในระดับแพลตตินั่ม ประเภทอาคารสูง/ขนาดใหญ่พิเศษ ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพของ AWC”    

นายภีม ลิ่วลม หัวหน้าคณะกลุ่มรีเทลและโฮลเซลล์ AWC กล่าวว่า “AWC ขอขอบคุณผู้บริหาร และพนักงาน จากทั้ง 6 ศูนย์การค้า ที่มุ่งมั่นในการดำเนินงานตามกรอบการดำเนินงานขององค์กรและให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยและชีวอนามัยแก่ลูกค้าและผู้มาใช้บริการ ด้วยพันธกิจองค์กร “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” เรามุ่งพัฒนาศูนย์การค้าในเครือ AWC ให้เป็น Lifestyle Destination ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคทุกเจเนอเรชั่นได้อย่างครอบคลุม พร้อมคำนึงถึงมาตรฐานด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้ที่มาใช้บริการทุกท่าน เราจึงเดินหน้ายกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง และตั้งเป้านำทุกโครงการในกลุ่มธุรกิจรีเทลของ AWC ให้ผ่านการรับรอง BSA ในทุก ๆ ปี” นายภีม กล่าว

สำหรับรางวัล BSA Building Safety Awards ถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่มอบให้แก่อาคารที่มีความโดดเด่นด้านความปลอดภัย ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมผู้ตรวจสอบอาคารที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยของอาคารตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง ไปจนถึงการใช้งาน การดูแลบริหารจัดการ และความปลอดภัยด้านอาชีวอนามัยในการดำเนินงาน เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่พนักงาน ลูกค้า และผู้มาใช้บริการภายในอาคาร โดยมีการจัดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 เป็นต้นมา และในปี พ.ศ. 2565 นี้ มีอาคารที่ได้รับรางวัลจากทาง BSA ทั้งหมดจำนวน 41 อาคาร

AWC ยึดมั่นในพันธกิจ “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” ด้วยการพัฒนาโครงการคุณภาพภายใต้กลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อ “สร้างคุณค่าด้านความยั่งยืนในระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน” ผ่านกรอบการดำเนินงาน 3 เสาหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น (BETTER PLANET) คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (BETTER PEOPLE) และ เศรษฐกิจที่ดีขึ้น (BETTER PROSPERITY) ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการพัฒนาโครงการ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานอาคารสีเขียว พร้อมคำนึงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว

แม็คยีนส์ เปิดตัวคอลเลคชั่น “แม็ค x แคมป์ ซาฟารี ” เอาใจลูกค้าสายแคมป์ปิ้ง

“แม็คกรุ๊ป” ผนึก แคมป์ ซาฟารี (Camp Safari) ลานกางเต็นท์ในกรุงเทพฯ กูรูสายแคมป์ปิ้ง เปิดตัวผลงานการคอลลาบอเรชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ แม็ค x แคมป์ ซาฟารี คอลเลคชั่น” เอาใจกลุ่มลูกค้านักเดินทางที่ชื่นชอบกิจกรรมแคมป์ปิ้ง พร้อมจัดงานเปิดตัว ระดมกูรู ร่วมถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากการเดินทาง พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้

นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัว คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด “แม็ค x แคมป์ ซาฟารี” (Mc x Camp Safari Collection) ผลงานการคอลลาบอเรชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ระหว่าง แม็คยีนส์ (Mc JEANS) และแคมป์ ซาฟารี (Camp Safari) ลานกางเต็นท์ในกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นความลงตัวที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนักเดินทางไปกับแบรนด์ แม็คยีนส์ แบรนด์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพของสินค้าและดีไซน์ ที่ตอบโจทย์ทุกสรีระและทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อให้คุณได้มีอิสระในการใช้ชีวิตในแบบฉบับของตัวเอง และแคมป์ ซาฟารี กูรูสายแคมป์ปิ้ง ผู้ที่ชื่นชอบแบรนด์แม็คยีนส์มายาวนาน เล็งเห็นโอกาสในการนำเสนอสินค้าที่ผลิตจากแบรนด์ไทยที่มีคุณภาพ และถูกถ่ายทอดในแบบฉบับแคมป์เปอร์สไตล์ตัวจริง

นายปรมินทร์ นิลพันธุ์ กรรมการบริหาร แคมป์ ซาฟารี เปิดเผยว่า การคอลลาบอเรชั่นครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นการเดินทางของแม็คยีนส์ และแคมป์ ซาฟารี ที่พร้อมตอบโจทย์นักเดินทางกับหลากหลายไอเท็มที่ทุกคนจะชื่นชอบ ความพิเศษของ “แม็ค x แคมป์ ซาฟารี คอลเลคชั่น” แรงบันดาลใจจาก “กูรู” ผู้ที่คร่ำหวอดในวงการแคมป์ปิ้ง ความเรียบง่ายของลายเส้น พาคุณเข้าสู่ห้วงเวลาของการเดินทางที่ได้สัมผัสธรรมชาติ สินค้าในคอลเลคชั่นพบกับเสื้อยืดลิมิเต็ดอิดิชั่น มีให้เลือกสรร 2 ลาย ได้แก่ ลายซิกเนเจอร์ที่เป็นสัญลักษณ์ของแคมป์ ซาฟารี ที่ถูกถ่ายทอดลงบนเสื้อในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ และลายเส้นและทัศนียภาพของประเทศไทย อย่าง ภูเขาในจังหวัดลพบุรี ที่นำเสนอผ่านตัวอักษรญี่ปุ่น แรงบันดาลใจจากสไตล์การแคมป์ปิ้งในประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังมีกระเป๋าใส่ของ โทนสีน้ำตาลผสมผสานโทนสีดำ ในแบบฉบับมินิมอลสไตล์ ความพรีเมียมที่ยังคงคอนเซ็ปต์ในแบบฉบับแคมเปอร์ และแอกเซสซอรีเท่ๆ อย่าง ผ้าพันคอเอนกประสงค์ 2 โทนสี 2 ลวดลาย ได้แก่ โทนสีฟ้า แรงบันดาลใจกับการเดินทางในป่าใหญ่ เข็มทิศเป็นเพื่อนคู่ใจกับกิจกรรมก่อกองไฟ จุดรวมตัวยามค่ำคืน ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศสบายๆ ภายใต้แสงเดือนและแสงดาว และโทนสีเขียว แรงบันดาลใจในการเดินทางกับตะเกียงวินเทจ อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับชาวแคมป์เปอร์ ตกแต่งด้วยลายคาโมแฟลก (Camouflage) ลายพรางทหาร ที่เพิ่มความสนุกไม่รู้จบให้ทริปสุดพิเศษของคุณ วัสดุในคอลเลคชั่นทุกชิ้นผลิตจากคอตตอน 100% สวมใส่สบายและระบายอากาศได้ดี

ทั้งนี้ เพื่อสร้างการรับรู้และกระแสในวงกว้าง ได้มีการจัดงานเปิดตัว “แม็ค x แคมป์ ซาฟารี คอลเลคชั่น” (Mc x Camp Safari Collection) ผลงานการคอลลาบอเรชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ระหว่างแม็คยีนส์ กับ แคมป์ ซาฟารี เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บรรยากาศภายในงานพบกับการรวมตัวของ กูรูสายแคมป์ปิ้งที่มีชื่อเสียง รวมทั้งเหล่าบรรดานักเดินทางที่ชื่นชอบกิจกรรมแคมป์ปิ้งร่วมถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากการเดินทาง และสัมผัสกับประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่กับ แม็ค x แคมป์ ซาฟารี สโตร์ ณ ลานกางเต็นท์ แคมป์ ซาฟารี หลากหลายไอเท็มที่ถูกคัดสรรและออกแบบเพื่อหนุ่มสาวชาวแคมป์เปอร์โดยเฉพาะ

พบกับ “แม็ค x แคมป์ ซาฟารี คอลเลคชั่น” (Mc x Camp Safari Collection) ผลงานการคอลลาบอเรชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟได้ที่ร้าน แม็ค x แคมป์ ซาฟารี ณ แคมป์ ซาฟารี หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าและกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ แคมป์ ซาฟารี https://www.facebook.com/Campsafaribkk?mibextid=LQQJ4d ติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าแม็คยีนส์ได้ที่ https://www.facebook.com/mcjeans และเว็บไซต์ www.mcshop.com

ซีพีเอฟ ร่วมงาน ‘The ICVS 2022’ โชว์แนวคิดขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

ตอกย้ำ ผู้นำด้านเกษตรอุตสาหกรรม-ปศุสัตว์ของไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน ประชุมวิชาการนานาชาติทางสัตวแพทย์และการเลี้ยงสัตว์ ครั้งที่ 45 (The International Conference on Veterinary Science 2022) หรือ “The ICVS 2022” พร้อมด้วย นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสัตวแพทย์เศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะนายกสัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และนายสมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ โอกาสนี้ ได้เยี่ยมชมบูธของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ โชว์ศักยภาพผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรของประเทศไทยและของโลก ชูแนวคิด CPF Smart Process นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีช่วยยกระดับกระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่ ควบคู่กับการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า มุ่งขับเคลื่อนสู่เป้าหมายลดคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net-Zero)

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน กล่าวว่า การจัดประชุมครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อหารือความก้าวด้านวิชาการสัตวแพทย์ รวมถึงมาตรการต่างๆ ในอนาคต ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อวงการปศุสัตว์ของประเทศไทย และยังมีหน่วยงานจากนานาชาติเข้าร่วมอีกมากมาย ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ ซึ่งจะพัฒนางานวงการเกษตรให้ยกระดับไปอีกขั้น สำหรับภาคเอกชนถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ รวมถึงกำหนดกรอบทำงานให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อวางแนวทางการทำงานให้สอดคล้องในทิศทางเดียวกัน

นายสัตวแพทย์ปราโมทย์ ตาฬวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้จัดบูธแสดงการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี มาช่วยลดการใช้ทรัพยากร และสนับสนุนให้เกิดความปลอดภัยทางอาหาร ยกระดับมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ของประเทศไทยสู่สากล ภายใต้กระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอาหารตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น การใช้ระบบเอไอ และออโตเมชัน (AI & AUTOMATION) ในกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ในรูปแบบ “SMART FEED MILL” นวัตกรรมการเลี้ยงสัตว์และระบบฟาร์มป้องกันโรค ในรูปแบบ “SMART FARM” การผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้ “SMART FACTORY” ตามแนวทางระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้าน BIO-CIRCULAR GREEN ECONOMY ของประเทศ

“ระบบฟาร์มอัจฉริยะ นับเป็นหัวใจในการเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงสัตว์ควบคู่กับการยกระดับความปลอดภัยทางชีวภาพภายในฟาร์ม มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งช่วยลดต้นทุนและร่วมสร้างสมดุลสิ่งแวดล้อม” นายสัตวแพทย์ปราโมทย์ กล่าว

นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ยังนำผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง ได้แก่ อาหารสุนัข แบรนด์ Jerhigh (เจอร์ไฮ) และ อาหารแมว แบรนด์จินนี่ (Jinny) ซึ่งวิจัยและพัฒนาสูตรร่วมกับสัตวแพทย์ โดยไม่มีผลพลอยได้จากสัตว์ อาทิ เล็บ ขน และกระดูก ผ่านกระบวนการผลิตเทียบเท่ากับอาหารมนุษย์ พร้อมทั้งเป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม มาร่วมจัดแสดงอีกด้วย

งานประชุมวิชาการนานาชาติทางสัตวแพทย์และการเลี้ยงสัตว์ ครั้งที่ 45 (The International Conference on Veterinary Science 2022) หรือ “The ICVS 2022” เป็นเวทีสำคัญที่มีสัตวแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย ในสาขาวิชาชีพต่างๆ รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจด้านการดูแลสัตว์เลี้ยง และการผลิตสัตว์เชิงอุตสาหกรรม ในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการและประสบการณ์ทางวิชาชีพ โดยมุ่งเน้นความร่วมมือกันทั้งภาครัฐและเอกชน เพิ่มขีดความสามารถของวิชาชีพสัตวแพทย์ขับเคลื่อนประเทศไทย โดยเน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาด้านการเลี้ยงสัตว์ รวมถึงสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการเพิ่มขีดความสามารถของวิชาชีพสัตวแพทย์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 พฤศจิกายน 2565 ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. ณ ชั้น 2 อิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี

AIS เลิศทุกมิติ คว้า 4 รางวัล Thailand Corporate Excellence Awards 2022

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เปิดเผยว่า AIS ได้รับ 2 รางวัลพระราชทาน และ 2 รางวัลใหญ่ จากเวที Thailand Corporate Excellence Awards 2022 จัดโดย สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย หรือ TMA ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อมอบให้กับองค์กรที่มีความเป็นเลิศทางด้านการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

รางวัลดังกล่าว สะท้อนให้เห็นความพร้อมขององค์กรในทุกมิติ ทั้งด้านบริหารจัดการ ด้านนวัตกรรม ด้านการตลาด และด้านการพัฒนาบุคลากร ถือเป็นความภูมิใจและพลังที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้มีความแข็งแกร่งต่อไป

โดย AIS ได้รับรางวัล Thailand Corporate Excellence Awards 2022 ทั้งหมด 4 รางวัล นับเป็นองค์กรในกลุ่มอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีและโทรคมนาคมแห่งเดียวที่ได้รับรางวัลความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการองค์กรในทุกมิติ ได้แก่

  • รางวัลพระราชทานในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รางวัล Thailand Corporate Excellence Awards 2022 สาขา ความเป็นเลิศด้านการพัฒนาการบริหารจัดการขององค์กร (Corporate Improvement Excellence) เป็นรางวัลที่มอบให้แก่องค์กรที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับนโยบายและเป้าหมายของ AIS ที่มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียกับองค์กรในทุกมิติ นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ AIS สามารถคว้ารางวัลในสาขานี้ได้สำเร็จ หลังจากที่เคยได้รับรางวัลมาแล้วในปี 2020
  • รางวัลพระราชทานในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รางวัล Thailand Corporate Excellence Awards 2022 สาขา ความเป็นเลิศด้านการตลาด (Marketing Excellence) ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจในการนำศักยภาพของดิจิทัลโครงข่ายมาสร้างประสบการณ์ดิจิทัลให้กับคนไทย ด้วยสินค้า และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า โดย AIS ได้รับรางวัลด้านการตลาดมาแล้วทั้งสิ้น 5 ครั้ง
  • รางวัล Thailand Corporate Excellence Awards 2022 สาขา ความเป็นเลิศด้านการจัดการทรัพยากรบุคคล (Human Resource Management Excellence) เป็นรางวัลที่สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของงานบริหารงานทรัพยากรบุคคล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรซึ่งเป็นหัวใจสำคัญต่อการขับเคลื่อนของธุรกิจ โดยมุ่งผลักดันให้พนักงานใช้ศักยภาพในการทำงานอย่างเต็มที่ พร้อมสนับสนุนการทำงานให้การดำเนินธุรกิจเกิดความคล่องตัว ทำให้ AIS สามารถคว้ารางวัลนี้มาได้แล้วถึง 5 ครั้ง
  • รางวัล Thailand Corporate Excellence Awards 2022 สาขา ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ (Innovation Excellence) อีกหนึ่งรางวัลที่ AIS ได้รับมาแล้ว 4 ปี เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพด้านการนำนวัตกรรมด้านดิจิทัล เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาทักษะบุคลากรให้มีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของธุรกิจตามเป้าหมายในฐานะผู้นำด้านการให้บริการดิจิทัล

ทั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จด้านการบริหารจัดการองค์กรในทุกมิติ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่กำลังเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะหรือ Cognitive Tech-Co

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จับมือ บสส. ส่งเสริมความรู้ทางการเงินและการบริหารจัดการหนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ ธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM ลงนาม MOU ส่งเสริมความรู้ด้านการเงินและการบริหารจัดการหนี้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินแก่บุคลากร ผู้ใช้บริการ และประชาชนทั่วไปให้มีทักษะและความรู้ทางการเงิน การบริหารจัดการหนี้ในระดับพื้นฐานที่จำเป็น ส่งผลให้การวางแผนและบริหารจัดการทางการเงินในระดับครัวเรือนมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น

โดยโครงการนำร่องของความร่วมมือในเบื้องต้น ได้ร่วมกันพัฒนาเนื้อหาและผลิตสื่อ e-Learning เรื่องหนี้จำนวน 3 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตร “รู้ก่อนเป็นหนี้ จะได้ไม่รู้งี้ทีหลัง” หลักสูตร “เป็นหนี้แล้ว จัดการยังไง” หลักสูตร “แก้ปัญหาหนี้เสียยังไงดี” ซึ่งได้รับการสนับสนุนเนื้อหาจาก บจก.บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท และธนาคารแห่งประเทศไทย เผยแพร่ผ่านระบบ SET e-Learning Platform ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง มุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนทัศนคติและปรับพฤติกรรมทางการเงิน ให้มีค่าใช้จ่ายและหนี้สินลดลง เงินออมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังร่วมกันพัฒนาเนื้อหาและเผยแพร่ความรู้ออนไลน์ผ่านคลิปสั้น การบรรยายให้ความรู้ และการสร้างพี่เลี้ยงการเงินอีกด้วย

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจเรียนรู้ด้านการเงินและการบริหารจัดการหนี้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th/happymoney

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จับมือ กบข. สร้าง “พี่เลี้ยงการเงิน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) จัดอบรมโครงการ “Happy Money พี่เลี้ยงการเงิน” แก่สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ โดยมี บุญเลิศ อันประเสริฐพร รองเลขาธิการ กลุ่มงานปฏิบัติการ รักษาการรองเลขาธิการกลุ่มงานสมาชิกสัมพันธ์ และสื่อสารองค์กร กบข. เปิดการอบรม และ เศรษฐพล ธรรมจินดา ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมแนะนำเส้นทางการเรียนรู้สู่พี่เลี้ยงการเงิน เมื่อ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา

โครงการพี่เลี้ยงการเงินจะได้รับการอบรมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ผ่าน SET e-Learning 2 หลักสูตร (10 ชั่วโมง) พร้อมการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมในกิจกรรม Workshop ฝึกปฏิบัติ (6 ชั่วโมง) และ Group Mentor (3 ชั่วโมง) เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการวางแผนการเงิน พัฒนาทักษะการให้คำแนะนำด้านการเงิน เป้าหมายเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย ให้เกิดการส่งต่อความรู้และสามารถขยายผลได้อย่างยั่งยืน องค์กรที่สนใจเข้าร่วมโครงการ “Happy Money พี่เลี้ยงการเงิน” ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th/happymoney

“แม็คกรุ๊ป” คว้ารางวัลดีเด่น “องค์กรต้นแบบความยั่งยืนตลาดทุนไทยด้านสนับสนุนคนพิการ” ปี 2565

สะท้อนจุดยืนการส่งเสริม พัฒนาอาชีพและสร้างโอกาสแก่คนพิการในสังคม

นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เข้ารับรางวัลดีเด่น “องค์กรต้นแบบความยั่งยืนตลาดทุนไทยด้านสนับสนุนคนพิการ” ปี 2565 โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ร่วมกับกระทรวงแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมการจัดหางาน กรมส่งเสริมและพัฒนาชีวิตคนพิการ สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย และสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจาก นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธานและผู้มอบรางวัลในพิธี เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ

สำหรับรางวัลดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้สถานประกอบการที่มีความพร้อมและศักยภาพในภาคตลาดทุนจ้างงานคนพิการ พร้อมสนับสนุนอาชีพคนพิการให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเพื่อเชิดชูเกียรติแก่หน่วยงานที่สนับสนุนส่งเสริมการจ้างงานและอาชีพคนพิการตามมาตรา 33 และมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ทั้งยังช่วยพัฒนาอาชีพและสร้างโอกาสแก่คนพิการให้มีส่วนร่วมพร้อมลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างเท่าเทียมและยั่งยืน