Home Blog Page 106

เกษตรกรเลี้ยงหมู กระทุ้งก.สาธารณสุข เร่งตรวจสารเร่งเนื้อแดงบนห้าง-เขียงหมู

0

นายสุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ เปิดเผยว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศมีความเป็นห่วงความปลอดภัยในอาหารของผู้บริโภค นอกจากการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนจากต่างประเทศ ที่ปัจจุบันยังคงมีสินค้าตกค้างออกสู่ตลาดแล้ว ยังมีปัญหาสารเร่งเนื้อแดงที่กำลังระบาดอยู่ในช่วงนี้ เนื่องจากมีกลุ่มผู้เลี้ยง อาศัยจังหวะหมูเถื่อนระบาด ในการใช้สารอันตรายนี้ในการเลี้ยงหมู เพื่อให้หมูมีเนื้อแดงเพิ่มขึ้น ซึ่งสารอันตรายนี้ส่งผลกระทบกับสุขภาพของผู้บริโภคโดยตรง จึงอยากขอให้ กระทรวงสาธารณสุข ที่กำกับดูแลเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพอนามัยแก่คนไทย เข้ามามีส่วนช่วยปกป้องพี่น้องประชาชนจากสารเร่งเนื้อแดง ด้วยการเข้าตรวจตรวจสอบสารเร่งเนื้อแดงในแหล่งจำหน่ายต่างๆอย่างเข้มงวด ถือเป็นการผนึกกำลังร่วมกันกับกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ปัจจุบันได้เร่งปราบหมูเถื่อนอย่างเข้มข้น

สุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์

“กระทรวงสาธารณสุข และกรมปศุสัตว์ มีข้อกำหนดให้อาหารทุกชนิดในประเทศไทยต้องปลอดจากการใช้สารเร่งเนื้อแดง คนเลี้ยงหมูขอให้ กระทรวงสาธารณสุข เร่งตรวจสอบสารอันตรายนี้ ทั้งที่ห้างโมเดิร์นเทรด ร้านจำหน่ายเนื้อสัตว์ และเขียงหมู ที่จำหน่ายหมูในลักษณะวางกระบะ ซึ่งผู้บริโภคไม่อาจรู้แหล่งที่มาได้ เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคต้องเสี่ยงกับสารนี้ ถือเป็นการคุ้มครองคนไทย และยังเป็นการช่วยปกป้องเกษตรกรที่ดำเนินการถูกต้อง เพื่อให้อุตสาหกรรมการเลี้ยงหมูสามารถเดินหน้าต่อ และเป็นฟันเฟืองในการสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงทางอาหารให้กับคนไทยต่อไป”

นายสุนทราภรณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยประกาศห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงสัตว์มานานกว่า 20 ปี แล้ว การใช้สารนี้จึงถือว่าผิดกฎหมายมีโทษทั้งจำทั้งปรับ และอาจถูกศาลพิจารณาให้ยึดใบอนุญาตประกอบกิจการ ซึ่งที่ผ่านมามีการแอบใช้อยู่เป็นระยะ ดังนั้นการที่กลุ่มผู้เลี้ยงทำผิดเสียเอง และยังผนวกกับสารอันตรายที่แฝงมากับหมูเถื่อนที่มาจากต่างประเทศซึ่งใช้สารเร่งเนื้อแดงได้อย่างเสรีด้วยแล้ว ย่อมเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และยังส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของประเทศไทย

เกษตรกรเฮ! ได้นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรคนใหม่ “สิทธิพันธ์” รับไม้ต่อ “สุรชัย” พัฒนาวงการหมูยั่งยืน

0
สิทธิพันธ์ ธนาเกรียรติภิญโญ

รายงานข่าว เปิดเผยว่า การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ มีวาระพิจารณาการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ คนใหม่ โดยสมาชิกสมาคมฯ จากทั่วประเทศ จำนวน 438 คน มีมติเป็นเอกฉันท์ลงคะแนนเสียงให้ นายสิทธิพันธ์ ธนาเกรียรติภิญโญ เป็นนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ วาระปี 2566-2568

ทั้งนี้ นายสิทธิพันธ์ ธนาเกรียรติภิญโญ มีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถือว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในด้านการบริหารจัดการ และมีคุณูปการต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรไทย จากความทุ่มเทเพื่อพัฒนาและยกระดับภาคอุตสาหกรรมฯนี้ ให้มีมาตรฐาน ความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เกิดปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ในประเทศไทย นายสิทธิพันธ์ เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันการแก้ปัญหาและดำเนินการจัดเวทีสัมมนาให้ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับปัญหารวมถึงวิธีการป้องกันโรค และการบริหารจัดการฟาร์มให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย ทั้งในเขตภาคอีสานและในภูมิภาคต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นแกนนำในการต่อต้านการนำเข้าหมูจากอเมริกา เป็นแกนหลักในการติดตามการปราบปรามการลักลอบนำเข้าหมู่เถื่อน รวมถึงเป็นส่วนสำคัญในการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคเกษตรกร เพื่อผลักดันให้สุกรเป็นสินค้าปศุสัตว์เรือธงที่จะสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับคนไทย และพัฒนาอาชีพเกษตรกรเลี้ยงหมูอย่างยั่งยืน

สำหรับนายสุรชัย สุทธิธรรม ซึ่งเป็นอดีตนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ รั้งตำแหน่งนี้มานานกว่า 23 ปี ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญของวงการหมูของไทย ที่มุ่งมั่นทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศ ในการผลักดันอาชีพการเลี้ยงหมูให้ก้าวหน้า มีคุณภาพ มาตรฐานเป็นอันดับต้นๆของภูมิภาค สร้างอาหารปลอดภัยให้กับคนไทยมาตลอด ที่สำคัญยังสร้างผลงานอันโดดเด่น ทั้งการพัฒนาการเลี้ยงหมูด้วยเทคโนโลยี การขับเคลื่อนนโยบายการยกเลิกการใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงหมู จนกระทั่งกลายเป็นกฎหมายมานานกว่า 20 ปี รวมถึงการแก้ปัญหา ASF ร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และพี่น้องเกษตรกรอย่างเข้มแข็ง นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำในการต่อสู้กับกระบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนจากต่างประเทศ เพื่อปกป้องผู้เลี้ยงหมูให้มีความมั่นคงในอาชีพ

ที่สำคัญ การทำงานเพื่อเกษตรกรไทยทั้งหมด ยังเป็นการทำงานเคียงข้างกับนายกสมาคมฯคนใหม่มาโดยตลอด หลังจากนี้อุตสาหกรรมการเลี้ยงหมูภายใต้การนำของ นายสิทธิพันธ์ จากการส่งไม้ต่อของอดีตนายกฯ จึงเป็น “การทำงานอย่างไร้รอยต่อ”

ในงานนี้ได้รับเกียรติจาก น.สพ. สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานเปิดการประชุมฯ โดยเกษตรกรทั่วประเทศใช้โอกาสนี้ ขอบคุณอธิบดีสมชวน ที่สนับสนุนและผลักดันเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูมาโดยตลอด โดยเฉพาะการเดินหน้าปราบปรามหมูเถื่อนมาอย่างต่อเนื่อง จนสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย พร้อมให้กำลังใจในการทำงานเพื่อเกษตรกรไทยต่อไป

เกษตรกร ยันไม่ปรับราคาไข่ไก่ ขอราคาเป็นธรรม​ ยอมแบกต้นทุนวัตถุดิบสูง

0

ผู้เลี้ยงไก่ไข่ยืนยันไม่ปรับราคา แม้ความต้องการตลาดในประเทศและต่างประเทศสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเทศกาล มั่นใจปริมาณเพียงพอต่อการบริโภค พร้อมช่วยแบ่งเบาภาระคนไทยและช่วยเกษตรกรได้ราคาเป็นธรรมพออยู่ได้

มงคล พิพัฒสัตยานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้า และส่งออกไข่ไก่

นายมงคล พิพัฒสัตยานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้า และส่งออกไข่ไก่ กล่าวว่าสถานการณ์ไข่ไก่หน้าฟาร์มขณะนี้ทรงตัวที่ 4 บาทต่อฟองมานานกว่า 4 เดือนแล้ว ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยสมาคมฯ และผู้เลี้ยงไก่ไข่จะไม่มีการปรับราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มช่วงนี้ แม้ปัจจัยการผลิตทั้งวัตถุดิบอาหารสัตว์ ต้นทุนพลังงาน ยังไม่มีเสถียรภาพ ปรับขึ้นสูง ปรับลงต่ำ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของเกษตรกร แต่ราคาในปัจจุบันเป็นราคาที่สมเหตุผลพออยู่ได้แม้จะปริ่มๆ กับต้นทุน

นอกจากนี้ ช่วงปลายปีเป็นฤดูท่องเที่ยวและมีงานเทศกาลเฉลิมฉลอง ประกอบกับการส่งออกไข่ไก่ไป ฮ่องกง สิงคโปร์ รวมถึงการส่งออกไข่เหลวไปญี่ปุ่น มีการสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการสูง ราคาควรจะขยับขึ้นตามกลไกตลาด แต่ไทยมีการบริหารจัดการอุปสงค์-อุปทานในประเทศเป็นอย่างดี โดยเฉพาะคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) ที่ขอความร่วมมือผู้เลี้ยงไก่ไข่ ให้มีการปลดแม่ไก่ตามอายุที่เหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรภาพไข่ไก่ทั้งระบบ ทั้งยังเป็นการป้องกันสภาวะไข่ไก่ล้นตลาด ขณะเดียวกันกองทุนพัฒนาอุตสาหกรรมไก่ไข่ มีการซื้อไข่ไก่ออกจากระบบ เพื่อนำไปแปรรูปและส่งออกไปต่างประเทศ ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ราคาขณะนี้จึงอยู่ในสภาวะสมดุล

“กลุ่มผู้เลี้ยงและสมาคมฯ จะตรึงราคาไข่ไว้ หวังช่วยลดภาระค่าครองชีพของผู้บริโภค ขณะที่เกษตรกรขายได้ราคาที่อยู่ได้ ไม่ขาดทุน สร้างความมั่นคงทางอาหาร ให้ไข่ไก่มีเพียงพอต่อการบริโภค และขอยืนยันราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มขณะนี้ เป็นราคาที่ใกล้เคียงกับต้นทุนการผลิตมากไม่ได้กำไรสูง เหมือนสินค้าอื่นๆ เป็นราคาที่เป็นธรรมพออยู่ได้ ไม่ทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนก็พอ” นายมงคล กล่าว

นายมงคล กล่าวย้ำว่า ไข่ไก่เพิ่งจะพอขายได้ราคาสอดคล้องกับต้นทุนการผลิตช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากไข่ไก่เป็นสินค้าที่ราคาขึ้นลงตามกลไกตลาด ดังนั้นช่วงปิดเทอมและเทศกาลกินเจความต้องการจะลดลงมาก ทำให้ราคาในตลาดลดลงมากเพราะผลผลิตเกินความต้องการ ปัจจุบันต้นทุนไข่ไก่อยู่ที่ 3.80 บาทต่อฟอง ขณะที่ราคาหน้าฟาร์มอยู่ที่ 4 บาทต่อฟอง เห็นได้ว่าต้นทุนและราคาไข่ใกล้เคียงกันมาก จึงขอความเห็นใจจากผู้บริโภคให้เข้าใจภาระของเกษตรกรในส่วนนี้ด้วย

ซีพี เปิดช่องทางแจ้งเบาะแสเผาข้าวโพด ชวนคนไทยร่วมยุติการเผาแปลง พิชิตปัญหาฝุ่น PM 2.5

0

บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) หรือ บีเคพี ผู้จัดหาวัตถุดิบหลักทางการเกษตรให้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ หนุนทุกคนมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 และหมอกควัน โดยเปิดช่องทางการร้องเรียนพบการเผาแปลงข้าวโพด ผ่านแอปพลิเคชั่น “ฟ.ฟาร์ม” และเว็บไซต์ระบบตรวจสอบย้อนกลับข้าวโพด ชวนเกษตรกรและประชาชนทั่วไปร่วมมือป้องกันเผาแปลงเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สู้ปัญหาฝุ่นควัน สร้างอากาศสะอาดให้คนไทย พร้อมออกมาตรการหากพบเกษตรกรในเครือข่ายเผาซ้ำจะหยุดซื้อ 1 ปี

นายวรพจน์ สุรัตวิศิษฎ์ รองกรรมการผู้จัดการ บีเคพี กล่าวว่า บริษัทฯ เดินหน้าเชิงรุกแก้ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยเชิญชวนเกษตรกรและประชาชนสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมกำกับดูแลและป้องกันการเผาแปลงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผู้ที่พบเห็นการเผาแปลงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สามารถแจ้งข้อมูล ถ่ายรูปและระบุตำแหน่งแปลงที่พบ มาที่แอปพลิเคชั่น “ฟ.ฟาร์ม” ดาวน์โหลดแอปฯ http://bit.ly/3DWDwKi หรือทางเว็บไซต์ระบบตรวจสอบย้อนกลับของกลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ( https://traceability.fit-cpgroup.com/complaint) หรือผ่านช่องทางเว็ปไซต์ https://www.cpfworldwide.com เพื่อช่วยกันลดการเผาแปลงเพาะปลูกอันเป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5” นายวรพจน์กล่าว

เมื่อมีการแจ้งร้องเรียน บริษัทฯ จะดำเนินการตรวจสอบว่าแปลงข้าวโพดที่ถูกร้องเรียนมีการจำหน่ายให้กับซีพีหรือไม่ ในกรณีที่เกิดการเผาจากแปลงข้าวโพดที่จำหน่ายให้กับชีพี บริษัทฯหรือคู่ค้าธุกิจพันธมิตร จะเข้าไปสร้างความเข้าใจ และแนะนำการจัดการที่เหมาะสม หากตรวจพบแปลงข้าวโพดมีการเผาแปลงซ้ำ ทางซีพีจะหยุดรับซื้อผลผลิตจากแปลงนั้นเป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเศษวัสดุที่เหมาะสม

สำหรับแปลงข้าวโพดที่ถูกร้องเรียนแต่ไม่ได้จำหน่ายให้กับซีพี เจ้าหน้าที่ซีพีจะช่วยประสานหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมด้วยช่วยกันกำกับดูแล โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความตระหนักของเกษตรกรถึงพิษภัยของฝุ่นควัน PM 2.5 และส่งเสริมการลด-เลิกการเผาแปลง ภายใต้มาตรฐานเกษตรยั่งยืน GAP

ปัจจุบัน บริษัทลงพื้นที่พูดคุยกับเกษตรกรในเครือข่ายสร้างความเข้าใจถ่ายทอดองค์ความรู้การปลูกแบบไม่เผาตอซัง และยังได้ริเริ่มการมีส่วนร่วมของคู่ค้าข้าวโพดในพื้นที่ผ่านโครงการ Partner to Green คู่ค้าข้าวโพดพันธมิตร พิชิตหมอกควัน โดย บีเคพี ร่วมกับคู่ค้าข้าวโพด ซึ่งอยู่ในพื้นที่เพาะปลูก ช่วยติดตามดูแลเกษตรกรในเครือข่าย จูงใจเกษตรกร ลด เลิก การเผาแปลง และ แจ้งเบาะแสการเผามายังบริษัท

การผนึกพลังกันของทุกภาคส่วนคู่ค้าธุรกิจ เกษตรกร ประชาชน เพื่อเป็นหูเป็นตาป้องกันการเผาแปลงข้าวโพด ลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 สร้างห่วงโซ่การผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่รับผิดชอบต่อโลก สอดคล้องตามนโยบายการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของซีพีเอฟ ผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งปลูกไม่บุกรุกพื้นที่ป่า และไม่เผาหลังเก็บเกี่ยว ตามแนวทาง “ไม่เขา ไม่เผา เราซื้อ”

เมืองไทยประกันชีวิต จัดกิจกรรม “Muang Thai Smile Exclusive Movie” พาสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับดูหนังฟอร์มยักษ์

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดย เมืองไทยสไมล์คลับ  จัดกิจกรรมพาสมาชิกฯ ที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบกิจกรรมด้านความบันเทิง (Entertainment) และชื่นชอบติดตามภาพยนตร์ค่ายหนัง Marvel Studios’  ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ  “Muang Thai Smile Exclusive Movie”  รับชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์  3  ซูเปอร์ฮีโร่หญิง  Marvel Studios’ The Marvels  ในวันแรกที่เข้าฉาย ด้วยที่นั่งระดับ VIP ออกแบบพิเศษอย่างพิถีพิถัน กว้าง นุ่ม นั่งสบาย รองรับทุกสรีระ พร้อมป๊อปคอร์นและเครื่องดื่ม เต็มอารมณ์ความสุขตลอดระยะเวลาการนั่งชมภาพยนตร์ 1 ชั่วโมง 45 นาที  ในโรงภาพยนตร์สุดหรู AEON Theatre @Quartier CineArt    ณ เอ็มควอเทียร์ ชั้น 4  ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความประทับใจ โดยในงานมีนางสาวพรทิวา พฤกสถิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ เมืองไทยสไมล์คลับ พร้อมดูแลและยืนอยู่เคียงข้างสมาชิกฯ  ในทุกวัน สำหรับสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับท่านใดที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดีๆ แบบนี้ สามารถติดตามข่าวสารสิทธิพิเศษและกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ www.muangthai.co.th/th/smileclub  ตลอดจนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 1766 กด 4 เมืองไทยประกันชีวิต หรือศูนย์บริการลูกค้าทั่วประเทศ

ซีพีเอฟ ดันพนง.คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เดินหน้าสู่ต้นแบบองค์กรแห่งนวัตกรรม

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ มุ่งมั่นก้าวสู่องค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืนขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ส่งเสริมพนักงานมีส่วนร่วมยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน สร้างโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เปิดเวที Feed Innovation Week 2023 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และแบ่งปันประสบการณ์ ผลักดันการสร้างนวัตกรเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมในองค์กร ชูอุตสาหกรรมอาหารหนุนเศรษฐกิจเติบโต

นายเรวัติ หทัยสัตยพงศ์ ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ ให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ ตามแนวทางและวิสัยทัศน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ผนวกกับค่านิยมองค์กร CPF WAY สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและองค์กรอย่างยั่งยืน ซึ่งการจัดงาน Feed Innovation Week อย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานนำเสนอผลงานที่สร้างคุณค่าเพิ่มให้องค์กร แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน ส่งเสริมให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อต่อยอดและยกระดับผลงานให้เกิดประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่สูงขึ้น สามารถส่งมอบสินค้าและบริการที่ดีขึ้น ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และตอบรับกับการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งความท้าทายใหม่ๆ

“ตลอด 15 ปีที่ซีพีเอฟจัดงาน Feed Innovation Week โดยสายธุรกิจอาหารสัตว์บก ส่งเสริมบุคลากรให้เป็นนวัตกรและผู้ช่วยนวัตกรรวม 1,147 คน และทุกๆปี มีจำนวนผลงานส่งเข้ามาประกวดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผลสำเร็จในการสร้างบรรยากาศองค์กรแห่งนวัตกรรม จุดประกายให้คนในองค์กรคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กร ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรที่ใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนี้ถือเป็นปีที่สองที่ได้รับเกียรติจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติเข้าร่วมงาน เป็นโอกาสของการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ประสบการณ์ระหว่างซีพีเอฟและหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม” นายเรวัติ กล่าว

ดร.ชัยธร ลิมาภรณ์วณิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์นวัตกรรม สำนักนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า นวัตกรรมมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในทุกๆด้าน หนึ่งในนั้นคืออุตสาหกรรมอาหาร ที่ภาครัฐสนับสนุนให้มีการพัฒนาทั้งนวัตกรรมอาหารและนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตสู่ความยั่งยืน ซึ่งนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัย “ความรู้” เป็นองค์ประกอบ โดยมีการบริหารจัดการความรู้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรนวัตกรรม ทั้งในระดับบุคคลและในระดับองค์กร สำหรับซีพีเอฟ ถือเป็นต้นแบบของการสร้าง “องค์กรแห่งนวัตกรรม” ที่มีพัฒนาการในด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อยกระดับภาคเกษตรอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงาน Feed Innovation ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาถึง 15 ปี ที่เปิดกว้างให้บุคลากรคิดสร้างสรรค์ผลงาน และผลักดันสู่นวัตกรและผู้ช่วยนวัตกรมากกว่าหนึ่งพันคน

สำหรับผลงานที่รับรางวัลในปีนี้ ประกอบด้วย รางวัลชนะเลิศ ผลงาน Ai Prediction End Products Price Forecast การใช้ AI ในการพยากรณ์ demand supply ของผู้ที่ต้องการซื้ออาหารสัตว์ โดย สำนักกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ผลงาน PDI Auto การประดิษฐ์เครื่องจักรที่จะช่วยลดการทำงานของบุคลากรในการจัดเก็บตัวอย่างและตรวจสอบความเข็งของอาหารก่อนบรรจุ โดย โรงงานผลิตอาหารสัตว์บกธารเกษม และรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 Application Ai พยากรณ์ราคาข้าวโพด โดยสำนักวิเคราะห์ข้อมูล และเทคโนโลยีสารสนเทศ

งาน Feed Innovation Week 2023 จัดขึ้นเป็นครั้งที่15 ภายใต้แนวคิด “Adapt to Change with Digitalization and Innovation : ทำสิ่งเดิมด้วยวิธีการใหม่ ทำสิ่งใหม่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า ด้วยดิจิทัลและนวัตกรรมอย่างสมบูรณ์แบบ” โดยปีนี้ มีผลงานได้รับคัดเลือกเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรวม 9 ผลงาน จากจำนวนผลงานที่นวัตกรส่งเข้าประกวด 83 ผลงาน ทั้งประเภท Technology, Economic, Social and Environment สอดคล้องกับ 3i ได้แก่ การรักษาสภาพ (Internal Correction) การปรับปรุงงาน (Improvement) และนวัตกรรม (Innovation) และในงานนี้ มีการจัดแสดงผลงานที่โดดเด่น 50 ผลงาน และยังเป็นเวทีคัดเลือกผลงานที่จะนำไปประกวดในงาน “มหกรรมนวัตกรรมบัวบาน” ซึ่งเป็นการประกวดผลงานนวัตกรรมดีเด่นของเครือซีพี ทั้งกลุ่มธุรกิจในประเทศไทยและต่างประเทศด้วย

CPF คว้า 2 รางวัลสูงสุด SET AWARDS 2023 มุ่งสู่องค์กรแห่งความเป็นเลิศด้านนวัตกรรม และความยั่งยืน

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ คว้ารางวัล SET AWARDS ประจำปี 2566 จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ กลุ่มรางวัล Business Excellence ได้รับรางวัล บริษัทยอดเยี่ยมด้านนวัตกรรม (Best Innovative Company Awards) และ กลุ่มรางวัล Sustainability Excellence ได้รับรางวัล Best Sustainability Awards ตอกย้ำความเป็นผู้ผลิตอาหารชั้นนำระดับโลก มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อหมู ไก่ กุ้ง ที่เลี้ยงด้วยนวัตกรรมโปรไบโอติก ทำให้เนื้อสัตว์ปลอดภัย ปลอดสาร และสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย สังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยมี นายพีรพงศ์ กรินชัย ผู้บริหารสูงสุด สายงานวิศวกรรมกลาง รับรางวัล Best Innovative Company Awards และ นางกอบบุญ ศรีชัย ผู้บริหารสูงสุด สายงานกิจการองค์กรและลงทุนสัมพันธ์ รับรางวัล Best Sustainability Awards จาก ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในพิธีประกาศผลและมอบรางวัล SET AWARDS ประจำปี 2566 ได้รับเกียรติจาก ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นประธานในพิธี

ซีพีเอฟ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการผลิตอาหารที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการ รสชาติอร่อย ดีต่อกายและดีต่อใจ ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล เพื่อส่งมอบให้กับผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยได้คิดค้นสูตรอาหารสัตว์ด้วยนวัตกรรมโปรไบโอติก ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ดีที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของสัตว์ให้มีสุขภาพแข็งแรงตามธรรมชาติ ไม่เจ็บป่วย จึงไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ บริษัทฯนำโปรไบโอติกมาใช้ในอาหารสัตว์ ทั้งไก่เนื้อ ไก่ไข่ เป็ดเนื้อ สุกร และกุ้ง เพื่อพัฒนาสินค้าอาหารสด เนื้อหมู และเนื้อไก่สด ภายใต้แบรนด์ CP ที่ได้รับรองมาตรฐาน Probiotic Fed เป็นอีกหนี่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่นำนวัตกรรมโปรไบโอติกมาใช้ในอาหารสัตว์ โดยร่วมมือกับสถาบันวิจัยระดับโลก คัดเลือกสายพันธุ์โปรไบโอติกกว่า 125,000 สายพันธุ์ จนได้โปรไบโอติกที่แข็งแรงที่สุดเพียง 10 สายพันธุ์ ในอาหารไก่เนื้อ การใช้โปรไบโอติกในการเลี้ยงกุ้ง ทั้งโปรไบโอติกที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงจุลินทรีย์ภายในทางเดินอาหารของสัตว์เพื่อช่วยย่อยอาหาร ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และยังเน้นการคัดเลือกโปรไบโอติกที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำและพื้นบ่อเลี้ยงให้เหมาะสมกับการอยู่อาศัยของสัตว์น้ำ เป็นแนวทางการเลี้ยงกุ้งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

ด้วยกระบวนการเลี้ยงสัตว์ที่ใส่ใจในสุขภาพของสัตว์ และการคิดค้นนวัตกรรมโปรไบโอติกมาใช้ ทำให้ผลิตภัณฑ์เนื้อไก่สดของซีพี ปลอดสาร ปลอดภัย สามารถส่งไปพิสูจน์มาตรฐานที่สูงที่สุดให้แก่ผู้บริโภค ประกาศภารกิจเตรียมส่งไก่ไทยไปพิชิตอวกาศ ในโครงการ Thai Food-Mission to Space สะท้อนความปลอดภัยขั้นสูงสุดของผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ซีพี ที่ผ่านการทำวิจัยตรวจสอบความปลอดภัยตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ร่วมกันกับ Johnson Space Food Lab เพื่อชี้ชัดว่าเนื้อไก่ แบรนด์ ซีพี ของไทยมีความปลอดภัยด้านอาหารขั้นสูงระดับเดียวกับนักบินอวกาศทานได้ เป็นความปลอดภัยระดับอวกาศ(Space Food Safety Standard) ตามหลักเกณฑ์ความปลอดภัยด้านอาหารขององค์การ NASA

นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์เป็น”ครัวของโลก” เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร ยึดมั่นในการดำเนินงานด้วยค่านิยมองค์กร 6 ประการ หรือ “CPF Way” ที่นำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ (Innovativeness) ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและนวัตกรรมมาใช้ตลอดกระบวนการผลิตต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมไปถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนการคิดค้น วิจัย สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารที่ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนการ เพื่อร่วมดูแลสุขภาพของผู้บริโภคทั่วโลก

ภายใต้การดำเนินธุรกิจที่มุ่งสู่การเป็นองค์กรยั่งยืน ซีพีเอฟ ยึดมั่นในปรัชญาสามประโยชน์ คือ ไม่ว่าจะไปทำธุรกิจที่ไหน ต้องคำนึงถึงประโยชน์ต่อประเทศนั้นๆ ประชาชน และบริษัท ควบคู่ไปกับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม การกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social and Governance : ESG) และผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน มุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาสิ่งใหม่ๆเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืนของพันธมิตรคู่ค้าธุรกิจ และเกษตรกรตลอดห่วงโซ่อุปทาน อาทิ ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกรคอนแทรคฟาร์มก้าวสู่การเป็นเกษตรอัจฉริยะ ตอบโจทย์การผลิตอาหารที่ปลอดภัย ส่งเสริมศักยภาพของคู่ค้าธุรกิจมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เดินเคียงข้างและเติบโตไปพร้อมๆกัน

งานมอบรางวัล SET AWARDS 2023 จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ วารสารการเงินธนาคาร จัดขึ้นเป็นปีที่ 20 ภายใต้แนวคิด “Benchmark of Excellence” เป็นรางวัลแห่งมาตรฐานสู่ความเป็นเลิศ ที่สะท้อนความสามารถของบริษัทในการดำเนินธุรกิจที่มีศักยภาพและโดดเด่น ควบคู่กับการให้ความสำคัญด้านความยั่งยืน

เซเว่น อีเลฟเว่น ส่งเสริมคู่ค้ามอบรางวัลสโตร์พาร์ทเนอร์ยอดเยี่ยมปี 2566

0

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ จัดงานมอบรางวัลสโตร์ พาร์ทเนอร์ หรือผู้ร่วมธุรกิจร้านเซเว่น อีเลฟเว่นยอดเยี่ยม ประจำปี 2566 เพื่อประกาศความสำเร็จให้คู่ค้าที่บริหารจัดการร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม

ทัพพ์เทพ จีระอดิศวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานปฏิบัติการ

ภายในงานมีการแถลงนโยบายการดำเนินงานในปี 2567 ของบริษัทที่จะมุ่งเน้นการสร้างมาตรฐานการดำเนินงาน โดยเน้นนำนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารจัดการ เพื่อให้บริการผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว มีคุณภาพ พร้อมย้ำแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ทั้ง ผู้บริโภค สังคม ชุมชน รวมถึงสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ

ทั้งนี้ เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่เซเว่น อีเลฟเว่น เดินหน้าส่งเสริมผู้ประกอบการ ได้ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับปณิธานองค์กร “Giving and Sharing”

AWC ทุบสถิติ กวาด 23 รางวัล “อาคารโดดเด่นด้านความปลอดภัย” และ “อาคารที่มีการบริหารงานเพื่อความยั่งยืน”

0

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการคว้า 23 รางวัลด้านความเป็นเลิศในการบริหารจัดการอาคาร แบ่งเป็น รางวัลอาคารโดดเด่นด้านความปลอดภัย “BSA Building Safety Awards 2023” จำนวน 17 รางวัล จากสมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร (The Building Inspectors Association หรือ BSA) ด้วยการสนับสนุนหลักจากกรมโยธาธิการและผังเมือง และรางวัลอาคารที่มีการบริหารงานเพื่อความยั่งยืน จำนวน 6 รางวัล จากสมาคมวิชาชีพบริหารทรัพยากรอาคาร (Thailand Facility Management Association หรือ TFMA) ตอกย้ำการบริหารจัดการอาคารและสถานประกอบการภายใต้เครือ AWC ที่มีมาตรฐานระดับสากล เพื่อร่วมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

การได้รับรางวัลเกียรติยศ 23 รางวัล จาก 2 สมาคม สะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการอาคารและสถานประกอบการภายใต้เครือ AWC ในการยกระดับมาตรฐานโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ อย่างต่อเนื่องด้วยการตระหนักถึงความปลอดภัยและความต้องการของผู้ใช้อาคารเป็นอันดับแรก ตั้งแต่กระบวนการการบริหารอาคารเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการรับรองอาคารสีเขียว การพัฒนาด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย ตลอดจนสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนในระยะยาวให้แก่ผู้ใช้อาคารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน สอดรับกับการดำเนินธุรกิจตามกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืน 3BETTERs ของ AWC โดยเฉพาะในด้าน โลกที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น (BETTER PLANET) ในมิติการพัฒนาอาคารอย่างยั่งยืน และผู้คนที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (BETTER PEOPLE) ในมิติการส่งเสริมอาชีวอนามัยและความปลอดภัยซึ่งนับว่าเป็นส่วนสำคัญของกรอบ BETTER PEOPLE เนื่องจากการส่งเสริมทรัพยากรบุคคลทางด้านความปลอดภัยจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาทรัพย์สินดำเนินงานและทรัพย์สินที่กำลังพัฒนาของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างยั่งยืน

รางวัลอาคารโดดเด่นด้านความปลอดภัย “ BSA Building Safety Awards 2023” เป็นรางวัลที่มอบให้แก่อาคารที่มีความโดดเด่นด้านความปลอดภัยทั้งในเชิงการออกแบบ การก่อสร้าง รวมถึงการดูแลบริหารจัดการและการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัย โดยอาคารและสถานประกอบการภายใต้เครือ AWC ได้รับรางวัลทั้งหมด 17 รางวัล แบ่งเป็น

  • รางวัลระดับแพลตตินั่ม (Platinum) ได้แก่ 1.อาคาร ‘เอ็มไพร์’ 2. อาคารอินเตอร์ลิ้งค์ ทาวเวอร์  บางนา 3. โรงแรม เลอ เมอริเดียน กรุงเทพ
  • รางวัลระดับโกลด์ (Gold) ได้แก่ 1.อาคารแอทธินี ทาวเวอร์ 2. อาคาร 208 แบงค๊อก 3. ศูนย์การค้าเกทเวย์ แอท บางซื่อ 4. โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์
  • รางวัลระดับซิลเวอร์ (Silver) ได้แก่ 1.ศูนย์การค้าตะวันนา บางกะปิ 2. ศูนย์การค้าเกทเวย์ เอกมัย 3. โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพ สาทร
  • รางวัลระดับบรอนซ์ (Bronze) ได้แก่ 1.ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ เชียงใหม่ 2. ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ แอท งามวงศ์วาน 3. ศูนย์การค้าลาซาล อเวนิว 4. โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล 5. โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค 6. โรงแรม ฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ 7. โรงแรม ดับเบิ้ลทรี บาย ฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ

นอกจากนี้ อาคารและสถานประกอบการภายใต้เครือ AWC ยังได้รับอีก 6 รางวัลพิเศษในฐานะอาคารที่มีการบริหารงานเพื่อความยั่งยืน อันเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงการจัดการทรัพยากรอาคารอย่างยั่งยืนและมีผลลัพธ์เป็นรูปธรรม โดย AWC ได้มีการยกระดับมาตรฐานอาคารในด้านพลังงานอย่างต่อเนื่องเพื่อการดำเนินงานที่ยั่งยืน และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การจัดโครงการอนุรักษ์พลังงาน (Energy Saving Initiatives : ESI) และการจัดมาตรการอนุรักษ์พลังงาน (Energy Efficiency Plan: EEP) โดยได้รับ6 รางวัลในฐานะอาคารที่มีการบริหารงานเพื่อความยั่งยืน ประกอบด้วย

  • ระดับรางวัล FM Gold ได้แก่ 1. ศูนย์การค้าเกทเวย์ แอท บางซื่อ 2. ศูนย์การค้าตะวันนา บางกะปิ
  • ระดับรางวัล FM Silver ได้แก่ 1. ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ เชียงใหม่ 2. ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ แอท งามวงศ์วาน
  • ระดับรางวัล Certificate of Appreciation (COA) ได้แก่ 1. ศูนย์การค้าเกทเวย์ เอกมัย 2. ศูนย์การค้าลาซาล อเวนิว

สำหรับรางวัลอาคารโดดเด่นด้านความปลอดภัย BSA Building Safety Awards เป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่ได้ยกย่องอาคารที่มีการบริหารและการกำหนดมาตรการทางด้านความปลอดภัยชัดเจน จากการตรวจสอบของสมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร โดยมีการจัดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 และปี พ.ศ. 2566 นี้ มีอาคารที่ได้รับรางวัลอาคารโดดเด่นด้านความปลอดภัย จำนวนทั้งหมด 58 อาคาร สำหรับ รางวัลอาคารที่มีการบริหารงานเพื่อความยั่งยืน เป็นรางวัลพิเศษที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 โดยมีอาคารที่ได้รับรางวัลจำนวนทั้งหมด 20 อาคาร จากการคัดเลือกของสมาคมวิชาชีพบริหารทรัพยากรอาคารที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาและการบริหารจัดการอาคารเพื่อความยั่งยืนตามหลักการสากล โดยให้ความสำคัญกับการจัดตั้งนโยบายและแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยง รวมถึงการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการบริหารทรัพยากรอาคาร และการจัดกิจกรรมสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้ใช้อาคารเพื่อพัฒนาการจัดการทรัพยากรอาคารอย่างยั่งยืน

ด้วยความมุ่งมั่นในการ “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” AWC ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอาคารและสถานประกอบการในเครือให้มีมาตรฐานระดับสากลและมุ่งเน้นการจัดการทรัพยากรอาคารเพื่อความปลอดภัยและความยั่งยืนเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการ และส่งมอบคุณค่าแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน พร้อมมุ่งสู่การเป็นกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ก้าวหน้าและเติบโตอย่างยั่งยืน และมีส่วนร่วมในการสนับสนุนอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

AIS เปิดตัว “AIS – 3BB FIBRE 3” หลังควบรวม 3ฺฺBB สำเร็จ

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS จัดแถลงข่าวเปิดตัว “AIS – 3BB FIBRE 3” หลังการควบรวม AIS FIBRE และ 3BB สำเร็จ  ดึงจุดแข็งยกระดับอุตสาหกรรมเน็ตบ้านของประเทศ ชูแนวคิด “รวมกันเพื่อชีวิตที่ดีมากกว่า BOOST YOUR BRIGHTER FUTURE” เชื่อมต่อทุกการใช้งานด้วยโครงข่ายไฟเบอร์ กับสุดยอดนวัตกรรมที่มากกว่าบนความเร็วแรงและมาตรฐานการให้บริการที่รู้ใจ  และย้ำภารกิจสำคัญในการดูแลลูกค้าทั้ง AIS FIBRE 2.38 ล้านราย และ 3BB 2.3 ล้านราย รวมถึงภาคธุรกิจ ร้านค้า ผู้ประกอบการ องค์กรภาครัฐและเอกชนจากทุกภาคส่วน ให้ได้รับประโยชน์ที่มากกว่า พร้อมเป็นแรงขับเคลื่อนสนับสนุนอุตสาหกรรมและระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศในทุกรูปแบบให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

  • MORE CONNECTIVITY ครอบคลุมและเข้าถึงทุกคนได้มากกว่า โครงสร้างพื้นฐานของบรอดแบนด์ไฟเบอร์ที่วันนี้มีความเร็ว แรง เสถียร และเข้าถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศได้มากที่สุด
  • MORE OPPORTUNITY เพิ่มโอกาสและศักยภาพที่มากกว่า ปลดล็อกประตูสู่โอกาส เพื่อให้ทุกบ้าน ทุกร้าน ทุกธุรกิจ ก้าวไปถึงอนาคตที่ต้องการได้ทุกเวลา ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำที่จะทำให้ทุกการใช้งานเป็นไปได้และมากกว่าเดิม
  • MORE HAPPINESS ความสุขที่ได้มากกว่า กับความบันเทิงทุกระดับเพื่อทุกคนในบ้าน จากคอนเทนต์และเกมส์ รวมไปถึงสิทธิพิเศษที่พร้อมใช้ทุกวัน

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า “เราขอประกาศถึงความสำเร็จของ AIS ในการผสานพลังระหว่าง AIS FIBRE และ 3BB โดยใช้จุดแข็งร่วมกันภายใต้ AIS – 3BB FIBRE 3 ที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจสำคัญเพื่อพัฒนา FIBRE Broadband Infrastructure หรือ โครงสร้างพื้นฐานด้านบรอดแบนด์ไฟเบอร์ของประเทศให้มีความแข็งแกร่งและครอบคลุมการใช้งานให้เข้าถึงคนไทยอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เพราะวันนี้อุตสาหกรรมเน็ตบ้านมีตัวเลขการเข้าถึงบ้านของคนไทยเพียง 50% นั่นหมายความว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ซึ่งไม่ใช่แค่ลูกค้าในระดับครัวเรือนที่จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ดิจิทัลที่มากกว่าเดิมเท่านั้น ภาคธุรกิจอย่างผู้ประกอบการตั้งแต่ร้านค้ารายย่อยไปจนถึง SME ทุกธุรกิจก็จะได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมและเครื่องมือใหม่ๆ ที่จะเข้ามาช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน เสริมศักยภาพการทำงานสู่อนาคต ซึ่งจะเป็นแรงกระเพื่อมสำคัญต่อการแข่งขันอุตสาหกรรมเน็ตบ้านและนำไปสู่สร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจแบบร่วมกัน หรือ ECOSYSTEM ECONOMY”

ธีร์ สีอัมพรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจบรอดแบนด์ AIS

นายธีร์ สีอัมพรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจบรอดแบนด์ AIS กล่าวว่า “AIS – 3BB FIBRE 3 คือการหลอมรวมพลังความแข็งแกร่งของทั้ง AIS FIBRE และ 3BB เพื่อชีวิตที่ดีมากกว่า ภายใต้แนวคิด BOOST YOUR BRIGHTER FUTURE ที่นอกเหนือจากจะทำให้เราขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจเน็ตบ้านอย่างสมบูรณ์แล้ว ยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมและสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้า คนไทย และประเทศ ที่มากกว่าเดิมใน 3 ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความครอบคลุมและเข้าถึงได้มากกว่า MORE CONNECTIVITY การรวมกันครั้งนี้ทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านบรอดแบนด์ไฟเบอร์และอินเทอร์เน็ต มีความเร็ว แรง และเสถียรมากที่สุด อีกทั้งยังเข้าถึงทุกพื้นที่ครอบคลุมกว่า 131,000 ตารางกิโลเมตร เข้าถึง 77 จังหวัด 923 อำเภอ 5,849 ตำบล และความสามารถในการรองรับการให้บริการมากกว่า 9.5 ล้านพอร์ท ทั่วประเทศ รวมถึงสุดยอดเทคโนโลยี FibreLAN พร้อมเชื่อมต่อ สร้างโครงข่ายอินเทอร์เน็ตให้ลูกค้าสัมผัสความเร็ว 1Gbps ทุกห้องในบ้าน และมาตรฐานการให้บริการที่ลูกค้าจะได้รับตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ยัง สร้างโอกาสที่มากกว่า MORE OPPORTUNITY ผ่านนวัตกรรมเน็ตบ้านและโซลูชันที่จะตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกบ้าน ทุกร้าน ทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นบริการ Cloud PC ที่พร้อมใช้งานสำหรับทุกคนในบ้าน หรือแม้แต่แพ็กเกจที่ออกแบบสำหรับ SME โดยเฉพาะด้วยความปลอดภัยของโครงข่าย (Secure Net) และบริการแบบ Fast Lanes Customer Service ที่ตอบโจทย์ทุกธุรกิจให้เติบโตได้แบบก้าวกระโดด

พร้อมกันนี้ AIS – 3BB FIBRE 3 ยังมอบประสบการณ์ความสุขให้ทุกคนกับ MORE HAPPINESS เซอร์ไพรส์สุขได้มากกว่า เริ่มจากสุดยอดคอนเทนต์ความบันเทิงที่มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น หนัง ซีรีส์ กีฬา คอนเสิร์ต วาไรตี้ สารคดี เกมโชว์ และอีกมากมาย ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ผู้ผลิตสื่อและความบันเทิงยักษ์ใหญ่ระดับโลก หรือแม้แต่ประสบการณ์สำหรับเกมเมอร์ด้วย GAMING PLATFORMS ที่มาพร้อมกับแพ็กเกจและเราท์เตอร์อัจฉริยะ SMART AI GAMER ที่ช่วยเพิ่มความเร็วของสัญญาณ ลดค่าความหน่วง เพิ่มความเสถียร เพื่อให้ทุกการเล่นเกมมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า

และสุดท้ายกับกองทัพสิทธิพิเศษที่จะมอบทั้งความสุขและความสะดวกให้ลูกค้าของทั้ง AIS FIBRE และ 3BB ผ่าน  Point Platform ที่สามารถแลกรับความพิเศษผ่านพาร์ทเนอร์ได้ทั้งร้านค้าถุงเงิน 1.8 ล้านร้านค้า และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงร้านค้าพาร์ทเนอร์ทั่วประเทศกว่า 30,000 แห่ง”

“AIS – 3BB FIBRE 3 พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจผ่านแบรนด์ AIS FIBRE 3 และ 3BB FIBRE 3ในฐานะผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอันดับหนึ่งของไทย ด้วยการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด ทั้งในมิติของคุณภาพ บริการ นวัตกรรม และสิทธิพิเศษ ควบคู่ไปกับการสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมบรอดแบนด์ ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดขีดความสามารถทางการเติบโตและการแข่งขันของประเทศ ให้พร้อมรองรับความต้องการของลูกค้าและทุกภาคส่วน รวมถึงเดินหน้าทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับโลก เพื่อนำนวัตกรรมและโซลูชันเน็ตบ้านเข้ามายกระดับคุณภาพชีวิตภายในบ้าน ผสมผสานกับ 5G เมื่ออยู่นอกบ้าน อันจะเป็นการเสริมศักยภาพให้กับภาคธุรกิจ ที่จะเป็นฟันเฟืองสำคัญหนุนการเติบโตของประเทศอย่างยั่งยืน (Sustainable Nation) ต่อไป”