AIS ครองตำแหน่ง เครือข่ายมือถือเร็วที่สุด 5 ปีซ้อน

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS เปิดเผยว่า  AIS สามารถครองตำแหน่ง เครือข่ายมือถือ 5G ที่เร็วที่สุดในไทย จาก Ookla® ผู้ให้บริการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตที่มีผู้นิยมใช้งานทั่วโลก เป็นการสอดรับกับพันธกิจในการส่งมอบ Digital Service ที่เหนือกว่าเพื่อการสร้างประโยชน์และเสริมขีดความสามารถให้กับผู้ใช้บริการชาวไทย ทำให้ AIS เป็นผู้นำในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งในมิติของผู้ใช้บริการและรายได้ เป็นผู้เล่นที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในตลาดอินเตอร์เน็ตบ้านความเร็วสูง และยังต่อยอดศักยภาพความแข็งแกร่งด้วยบริการ Digital Service ตั้งแต่บริการด้านโครงข่ายแพลตฟอร์มการให้บริการ และโซลูชันด้านดิจิทัล เพื่อสร้างบริการดิจิทัลให้แก่ทั้งลูกค้าทั่วไปและลูกค้าองค์กร ผ่านความร่วมมือที่เชื่อมโยงร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนที่หลากหลาย

“ผลลัพธ์จากการทำงานอย่างหนักของพวกเราชาว AIS กว่า 12,000 คน จึงทำให้ Ookla® ผู้ให้บริการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ได้รับการยอมรับจากการมีผู้ใช้งานทดสอบความเร็วของอินเตอร์เน็ตจากทั่วโลก ได้การันตีให้ AIS เป็นผู้ให้เครือข่ายมือถือ 5G ที่เร็วที่สุดในไทย โดยมีคะแนนในการทดสอบสูงถึง 308.32 คะแนน ทิ้งห่างผู้ให้บริการอันดับสองกว่าเท่าตัว โดยมีค่ากลางของความเร็วในการดาวน์โหลดอยู่ที่ 333.34 Mbps ในขณะการอัพโหลดอยู่ที่ 50.44 Mbps”

ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS

นายปรัธนา กล่าวอีกว่า การที่จะส่งมอบ Digital Service ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำ และเสริมขีดความสามารถการบริหารจัดการในทุกอุตสาหกรรม ได้อย่างตอบโจทย์ประเทศ จำเป็นต้องมีโครงข่ายอัจฉริยะ ที่นอกจากจะเป็นช่องทางหลักเชื่อมโยงการสื่อสาร และโซลูชั่นส์ต่างๆ แล้ว ยังต้องสามารถต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ทั้งระบบนิเวศน์ของโลกดิจิทัลอีกด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ AIS เป็นเพียงรายเดียวในอุตสาหกรรมที่มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพโครงข่ายมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 31 ปีที่ผ่านมาด้วยงบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท

“ AIS ยังคงเชื่อมั่นเสมอว่า อุตสาหกรรมสื่อสารและโทรคมนาคมจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศและรับมือกับความท้าทายจากบริบททางสังคม ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เราจึงยืนยันในฐานะภาคเอกชนที่จะผลักดันเทคโนโลยีดิจิทัลผ่านโครงข่ายอัจฉริยะ AIS 5G และ AIS Fibre เพื่อเสริมศักยภาพพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน”