นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส เปิดเผยว่า บริษัทเห็นความสำคัญในการเฝ้าระวัง และติดตามกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 เข้าสู่ระบบการฟื้นฟูและรักษา เอไอเอส จึงได้ สนับสนุนโครงการ “รวมใจต้านภัย COVID-19 ในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ” ซึ่งสภากาชาดไทย สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติและยูนิเซฟ ประเทศไทย ร่วมมือกันจัดขึ้น เพื่อให้กลุ่มแรงงานข้ามชาติมีความรู้ ความเข้าใจและเกิดความตระหนักในการป้องกันการแพร่กระจายของโควิด-19 และสามารถป้องกันตนเองและครอบครัวจากการแพร่กระจายของโควิด-19 ผ่านการใช้แอปพลิเคชัน “พ้นภัย” ของสภากาชาดไทยที่ได้บูรณาการแอปฯ พ้นภัยมาใช้ในการรับมือโควิด โดยให้แรงงานข้ามชาติ ที่เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) และแกนนำหอพักแรงงานข้ามชาติที่มีส่วนร่วมในการค้นหาผู้ที่มีอาการหรือสงสัยอาการของโรคให้แจ้งข้อมูลผ่านแอปฯ พ้นภัย เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันและติดตามการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลข่าวสารและคำแนะนำต่างๆ ในการดูแลสุขภาพ ที่มีทั้งภาษาไทย เวียดนาม เมียนมาและกัมพูชา ให้ อสต. นำไปแนะนำแก่กลุ่มเพื่อนแรงงานต่างด้าวด้วยกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด
เอไอเอสได้ร่วมสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจนี้ ด้วยการให้ อสต.สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตบนแอปฯ พ้นภัยได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นเวลานาน 1 ปี พร้อมมอบสิทธิ์ประกันภัยโควิด-19 มูลค่า 100,000 บาท นาน 45 วัน สำหรับ อสต.ที่ใช้เครือข่ายเอไอเอส อย่างไรก็ตาม อสต.ที่ใช้เครือข่ายอื่น เอไอเอส ก็พร้อมที่จะมอบซิมเติมเงินวัน-ทู-คอล “Sawasdee AEC” เพื่อให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตบนแอปพลิเคชันพ้นภัย ฟรี! พร้อมมอบสิทธิ์คุ้มครองประกันภัยโควิด -19 เช่นกัน
นายแพทย์พิชิต ศิริวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า โครงการรวมใจต้านภัยโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ได้รับการสนับสนุนประกันภัยและอินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ในงานแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” จากเอไอเอส อำนวยความสะดวกอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าวและแกนนำแรงงานที่ผ่านการอบรมและได้รับสิทธิ์ในการแจ้งข่าว เพื่อพัฒนาศักยภาพของอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าวและแกนนำหอพักแรงงานข้ามชาติ ให้มีส่วนร่วมในการค้นหาผู้มีอาการของโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และค้นหาแรงงานข้ามชาติที่เข้าประเทศมาโดยยังไม่ได้ผ่านการกักกันโรค 14 วัน โดยแจ้งข่าวผ่านแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” เพื่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะได้ไปสอบสวนโรค คัดกรอง และส่งต่อเข้าสู่ระบบบริการสาธารณสุขต่อไป
โครงการนี้ มุ่งเน้นในการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มแรงงานข้ามชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยที่ผ่านมาสภากาชาดไทยและภาคีเครือข่าย ได้มอบชุดธารน้ำใจให้กับแรงงานข้ามชาติและครอบครัวที่ว่างงาน เพราะถูกเลิกจ้างและได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจังหวัดต่างๆ ไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 5,368 ชุด