รู้เก็บรู้ออม : ETF โอกาสแห่งโลกการลงทุน

มีคนถาม “คุณนายพารวย” ว่า ETF คืออะไร ต่างจากการลงทุนหุ้นและกองทุนรวมอย่างไร วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ ETF กันดีกว่า…

ETF ย่อมาจาก Exchange Traded Fund โดย E=Exchange คือหลักทรัพย์ที่สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ T=Traded สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนผ่านบริษัทหลักทรัพย์ได้เหมือนหุ้น F=Fund คือมีการจัดตั้งเป็นกองทุนรวม

สรุปง่ายๆ ETF คือ กองทุนรวมประเภทหนึ่ง แต่มีความพิเศษที่สามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเห็นราคาซื้อขายแบบ Real-Time ได้ เหมือนหุ้นตัวหนึ่งและผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผล และส่วนต่างจากราคาหลักทรัพย์ (Capital Gain)

ถือเป็นการลงทุน ที่ตอบโจทย์มือใหม่ที่ต้องการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว แต่ไม่มีเวลาศึกษาข้อมูลเพื่อเลือกลงทุนหุ้นด้วยตัวเอง รวมถึงนักลงทุนมือเก่า ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้พอร์ต เพราะกองทุน ETF ส่วนใหญ่เน้นลงทุนแบบ Passive มีนโยบายลงทุนตามดัชนีต่างๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงการเคลื่อนไหวของดัชนีที่อ้างอิงมากที่สุด เช่น ดัชนีหุ้นในประเทศ, ดัชนีหุ้นต่างประเทศ, ดัชนีตราสารหนี้, ดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์

ETF จึงเป็นการรวมเอาจุดเด่นของ “กองทุนรวมดัชนี” เรื่องการกระจายความเสี่ยงได้ดี โดยใช้เงินลงทุนน้อย ประกอบกับข้อดีของ “หุ้น” ที่ซื้อขายได้ Real-Time โดยไม่ต้องรอให้ถึงสิ้นวัน ถึงจะรู้ราคาซื้อขาย ซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนจับจังหวะซื้อขายได้แม่นยำขึ้น ในเว็บไซต์ http://www.setinvestnow.com หน้าคลังความรู้ บทความเรื่อง “ETF โอกาสแห่งโลกการลงทุน” ได้ ชู 5 จุดเด่น ที่ทำให้ ETF น่าสนใจลงทุนคือ

1.มีเงินน้อยก็กระจายความเสี่ยงได้ เพราะซื้อ ETF เหมือนกระจายเงินไปลงทุนในหุ้นทั้งหมด ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงนั้นๆ เช่น ลงทุนใน ETF ดัชนี SET50 ก็จะเท่ากับเราซื้อหุ้น 50 ตัวเฉลี่ยกันไปตามดัชนี ช่วยลดความเสี่ยงจากการเลือกหุ้นผิดตัว โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก

2.เงินลงทุนงอกเงยไม่แพ้ตลาดในระยะยาว เพราะ ETF มีกลยุทธ์ลงทุนแบบ Passive ผลการดำเนินงานจะวิ่งล้อไปกับดัชนี เหมาะกับผู้ที่มีเป้าหมายลงทุนระยะยาว และต้องการให้เงินโตตามตลาดไปเรื่อยๆ

3.ซื้อขายได้ด้วยราคา Real-Time ถือเป็นความพิเศษของ ETF ที่เข้ามาปลดล็อกข้อจำกัดของการซื้อขายกองทุนรวมแบบเดิมๆ เพราะผู้ลงทุนสามารถเห็นราคา ETF แบบ Real-Time และซื้อขาย ETF ได้ตลอดเวลา ไม่ต้องรอราคา NAV ณ สิ้นวัน

4.ราคาซื้อขายในตลาดฯ ใกล้เคียงมูลค่าที่แท้จริง ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) จะทำหน้าที่ส่งคำสั่งเสนอซื้อเสนอขายหน่วยลงทุน ETF เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถซื้อขาย ETF ได้ และราคาของ ETF จะเคลื่อนไหวสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของหน่วยลงทุน

5.ค่าธรรมเนียมต่ำ เมื่อเทียบกับกองทุนส่วนใหญ่ที่ลงทุนแบบ active เนื่องจาก ETF ลงทุนแบบ Passive ไม่ได้เน้นการเอาชนะตลาด ค่าธรรมเนียมซื้อขาย ETF จะเหมือนกับหุ้น เพราะเป็นการซื้อขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์

ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุน ETF เข้าไปศึกษาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ http://www.setinvestnow.com มีหัวข้อที่น่าเรียนรู้เช่น “ลงทุน ETF เริ่มต้นอย่างไร” หรือ “5 สิ่งต้องรู้ก่อนเลือกซื้อ ETF” โอกาสแห่งโลกการลงทุนเปิดแล้ว จะมัวรออะไร…ลุย!!!

คุณนายพารวย

ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ