บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ มองผลกระทบต่อหุ้น MAJOR หลังแจ้งปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ ทุกสาขา ทั่วประเทศ 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 – 31 มี.ค. โดยจะเปิดให้บริการตามปกติในวันที่ 1 เม.ย. ตามประกาศมาตราการด้านการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 จากทางรัฐบาล
ผลกระทบต่อบริษัท
คาดส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานที่จำกัด เพราะปัจจุบันก็แทบจะไม่มีผู้เข้าชมภาพยนต์บนสถานการณ์ปัจจุบันอยู่แล้ว โดยบริษัทได้ชึ้แจงข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้
- โรงหนังในพื้นที่กทม. 70% เป็นสัญญาแบบส่วนแบ่งรายได้ การปิดโรงหนังจึงไม่ส่งผลกระทบในเชิงต้นทุนค่าเช่าพื้นที่ ในขณะที่อีก 30% เป็นสัญญาเช่าแบบคงที่ ซึ่งบริษัทแจ้งว่าจะมีการเจรจากับเจ้าของพื้นที่ เพื่อขอละเว้นค่าเช่าในช่วงเวลาที่ปิดโรงหนัง
- แผนการเปิดสาขาใหม่ของบริษัทในปี 2020 13 แห่ง จำนวนโรงภาพยนต์ 30-40 โรง ต้องชะลอออกไปเกือบทั้งหมด โดยเป็นการชะลอไปในช่วงครึ่งปีหลังหรือต้นปีหน้า
- หนังไทยของบริษัทมีการเลื่อนฉายเป็นช่วงครึ่งปีหลัง ในขณะที่หนัง Hollywood เองก็มีการเลื่อนฉายหลายเรื่องเช่นกัน
- รายได้จากธุรกิจโฆษณาคาดจะชะลอตัวจากการปิดโรงหนัง และจากหนังที่มีการเลื่อนฉาย ทำให้บริษัทจำเป็นต้องเข้าไปเจรจาเพื่อชดเชยกับลูกค้าอีกครั้งหนึ่ง
ยังไม่น่าสนใจ แนะนำรอ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” เช่นเดิม
การปิดโรงภาพยนตร์เป็นระยะเวลาเพียง 14 วันนั้นเป็นเพียงการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในขั้นต้นเท่านั้น ทรินีตี้มองว่าหากยังไม่สามารถควบคุมได้ บริษัทอาจจะมีโอกาสต้องยืดเวลาการปิดโรงหนังต่อไปอีก ส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไรของบริษัทมากขึ้น จึงมองว่า ยังไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมในการเข้าสะสมหุ้น MAJOR ถึงแม้ราคาจะตอบรับในเชิงลบไปบ้างแล้วก็ตาม
แนะนำให้รอเข้าซื้อเมื่อระดับราคาอยู่บริเวณ 11-13 บาท ตามสมมุติฐานเดิม หรือรอจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 จะควบคุมได้ ทั้งนี้ บริษัทแจ้งว่า มีโอกาสที่บริษัทจะออกมาตรการซื้อหุ้นคืนในอนาคตอีกด้วย