Home Blog Page 473

ออมสิน ช่วยลูกค้าเงินกู้ พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยอัตโนมัติ 3 เดือน ไม่ต้องลงทะเบียนหรือแจ้งเข้าร่วม

0

ลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน ธนาคารจัดให้ทันที เริ่ม 1 เม.ย. ถึง 30 มิ.ย.63

ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน

ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ธนาคารจะดำเนินการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้โดยอัตโนมัติเป็นเวลา 3 เดือน ให้กับลูกค้าเงินกู้ทุกรายที่มีสถานะชำระปกติจนถึงที่มีหนี้ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 สำหรับลูกค้าสินเชื่อบุคคล สินเชื่อเคหะที่มีเงินต้นคงเหลือไม่เกิน 3 ล้านบาท และสินเชื่อSMEsที่มีเงินต้นคงเหลือไม่เกิน 20 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง วันที่ 30 มิถุนายน 2563

สำหรับลูกค้าที่ถือบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด ธนาคารออมสินช่วยลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำในปี 2563 ถึงปี 2564 จากเดิม 10% ของยอดเงินที่เรียกเก็บ เหลือ 5% ของยอดเงินที่เรียกเก็บ จากนั้นในปี 2565 ให้ชำระในอัตรา 8% ของยอดเงินที่เรียกเก็บ และปี 2566 อัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำอยู่ที่ 10% ของยอดเงินที่เรียกเก็บ
ทั้งนี้ หลังจากครบกำหนดระยะเวลาการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยดังกล่าวแล้ว ให้ลูกค้าชำระงวดค้างเดิมก่อนเข้ามาตรการ (ถ้ามี) แล้วจึงผ่อนชำระตามเงื่อนไขเดิม แต่หากไม่สามารถชำระได้ สามารถใช้วิธีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้หรือเลือกเข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ที่ธนาคารฯ ได้ประกาศไปแล้วก่อนหน้าได้เลย ซึ่งเป็นมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย


จำหน่ายแอลกอฮอล์ทำความสะอาดราคาพิเศษที่สถานีบริการ PTT Station ทั่วประเทศ

0
พีทีทีสเตชั่น

PTT Station ร่วมดูแลคนไทยทั้งประเทศ ก้าวผ่านวิกฤต Covid -19 ไปด้วยกัน โดยจำหน่าย แอลกอฮอล์ทำความสะอาด ที่สามารถใช้ทำความสะอาดมือโดยไม่ต้องล้างน้ำออก แห้งเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ และยังใช้ทำความสะอาดพื้นผิวทั่วไป พร้อมลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียได้ 99.99% ขนาด 1,000 มล. ต่อ 1 ขวด ในราคาพิเศษเพียง 110 บาท โดยเริ่มจำหน่าย ณ สถานีบริการ PTT Station ทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลา 9.00-12.00 น. รายละเอียดดังนี้ 

วันที่เริ่มการจำหน่าย

  • 4 เมษายน จำหน่าย ณ สถานีบริการในเขตกรุงเทพ
  • 15 เมษายน จำหน่าย ณ สถานีบริการปริมณฑล (นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี)
  • 17 เมษายน จำหน่าย ณ สถานีบริการภาคตะวันออก
  • 23 เมษายน จำหน่าย ณ สถานีบริการภาคใต้
  • 29 เมษายน จำหน่าย ณ สถานีบริการภาคอีสาน
  • 1 พฤษภาคม จำหน่าย ณ สถานีบริการภาคกลาง
  • 3 พฤษภาคม จำหน่าย ณ สถานีบริการภาคเหนือ และ ภาคตะวันตก

ตรวจสอบรายชื่อสถานีบริการ PTT Station ที่ร่วมรายการ ได้ที่นี่ 

รายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 1365 Contact Center

หมายเหตุ

  • การตั้งโต๊ะจุดจำหน่ายบริเวณหน้าสำนักงานของแต่ละสถานี และบริเวณร้านค้า Jiffy 
  • จำกัดการจำหน่าย 1 คน ต่อ 1 ขวด โดยไม่ต้องมีการเติมน้ำมัน

สำนักโฆษก ส่งหนังสือถึงบก.งดให้นักข่าวปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล

0
ทำเนียบรัฐบาล

รายงานข่าว เปิดเผยว่า นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ได้มีหนังสือแจ้งถึงการทำงานของสื่อมวลชนในทำเนียบรัฐบาล ในขณะที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ โดยมีข้อความว่า

เรียน ผู้บริหารและบรรณาธิการสำนักข่าวทุกสำนัก
ด้วยขณะนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการต่างๆ ที่เข้มข้นเพื่อสกัดกั้นและหยุดยั้งการแพร่ระบาดที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของชีวิตทุกคน

วิธีการหนึ่งที่สำคัญ ที่จะสามารถหยุดยั้ง ชะลอเชื้อได้คือ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” โดยผ่านมาตรการ Work from home และที่สำคัญที่ได้ผลอีกประการหนึ่งคือ Social Distancing หรือการเว้นระยะห่างทางสังคม เช่น นั่งห่างกัน 2 เมตร ไม่ใช้ของร่วมกัน ไม่อยู่ในที่แออัด แต่ทั้งนี้ สภาพที่ทำงานของสื่อในทำเนียบรัฐบาลไม่สามารถตอบสนองมาตรการดังกล่าวได้ สื่อมวลชนต้องอยู่ในภาวะเสี่ยงการติดเชื้อสูงมาก ในการนี้ สำนักโฆษก ได้พยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาความปลอดภัยจากเชื้อของสื่อ โดยที่ผ่านมาได้ออกข้อกำหนด ห้ามรุมสัมภาษณ์ กำหนดจุดให้สัมภาษณ์ แต่ในการปฏิบัติจริงยังไม่สามารถยืนยันว่าปลอดภัยได้

ดังนั้น จึงขอความร่วมมือจากบรรณาธิการสำนักข่าวต่างๆ ในการดูแลชีวิต ความปลอดภัยของสื่อในสังกัด ที่จะส่งมาปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ หากกังวลว่า จะไม่ได้ข่าวหรือตกข่าว ขอแจ้งว่า สำนักโฆษกได้มีช่องทางสื่อสารกับสื่อของท่านเพื่อส่งข่าว ข้อมูล จนถึงการส่งภาพนิ่ง ภาพวีดีโอ และการ Live ผ่าน “เพจไทยคู่ฟ้า” และการส่งคลิปผ่าน Google Drive เพื่อความสะดวกรวดเร็วและครบถ้วน

ปัจจุบัน ทำเนียบฯ มีการแถลงหลัก คือ การแถลงของ ศบค. ซึ่งถ่ายทอดสดจากตึกสันติไมตรี ผ่าน NBT ซึ่งไม่อนุญาตช่างภาพเข้าบันทึกภาพและอีกหลายเครือข่าย สื่อสามารถส่งคำถามได้โดยไม่จำเป็นต้องมาที่ทำเนียบและการแถลงหลังการประชุม ครม โดยนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ยังไม่แน่นอนว่าจะมีการแถลงหรือไม่ หากมี จะกำหนดให้เฉพาะสื่อพูล ของทำเนียบ ส่วนช่างภาพ ไม่อนุญาต แต่สามารถติดตามได้ทาง Live ไทยคู่ฟ้า

สำหรับภารกิจอื่นๆ ของนายกรัฐมนตรีและผู้บริหารอื่น ไม่อนุญาตสื่อทั้งช่างภาพ และสื่อเข้าทำข่าว สำนักโฆษกจะดำเนินการการส่งให้อย่างรวดเร็ว ครบถ้วน

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และคำนึงถึงความปลอดภัยจากเชื้อโควิด 19 ของสื่อในสังกัดท่านด้วย จักขอบคุณยิ่ง

ซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจให้รพ.รัฐ 70 แห่งทั่วประเทศ ร่วมต้านภัยโควิด-19

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ทั่วไทย เดินหน้าส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารปลอดภัยให้โรงพยาบาลของรัฐอย่างต่อเนื่อง ตามโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัย COVID-19” ไปแล้วกว่า 70 แห่งทั่วประเทศ เช่น นราธิวาส ปัตตานี ยะลา ภูเก็ต นครราชสีมา ขอนแก่น นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่ เป็นต้น เพื่อร่วมสนับสนุนให้แพทย์ พยาบาล ตลอดจนเจ้าหน้าที่ในต่างจังหวัด ได้มีกำลังกายและกำลังใจในการดูแลผู้ป่วยและสามารถเอาชนะไวรัสร้ายนี้ได้ ตลอดจน และขอบคุณในความทุ่มเท-เสียสละ ช่วยแบ่งเบาภาระในการจัดเตรียมอาหาร ของทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์

ซีพีเอฟ จึงได้ริเริ่มจัดโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัย COVID-19” ส่งมอบอาหารเพื่อบุคลากรทางการแพทย์มาระยะหนึ่ง และได้ขยายผลส่งมอบอาหารปลอดภัยไปยังโรงพยาบาลรัฐในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยได้เตรียมความพร้อมในเรื่องการผลิตอาหารคุณภาพ ปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการ โดยให้ซีพีเฟรชมาร์ท ซึ่งมีสาขากระจายในจังหวัดต่างๆทั่วทุกภาคของไทยและเครือข่าย ทำการจัดส่งผลิตภัณฑ์อาหารให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในแต่ละจังหวัดเป็นประจำทุกวัน ตลอด 1 เดือน เพื่อแบ่งเบาภาระของกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลต่างๆ ให้สามารถใช้เวลาทุ่มเทดูแลผู้ป่วยและป้องกันโรคได้มากขึ้น

นอกเหนือไปจากการสนับสนุนด้านอาหาร บริษัทยังลดภาระแพทย์-พยาบาล ด้วยการสนับสนุนให้คนไทยกักตัวหลังกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงไปแล้วกว่า 1 หมื่นคน เป็นการช่วยลดโอกาสแพร่เชื้อ เพื่อให้จำนวนผู้ป่วยไม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป ช่วยแบ่งเบาภาระแพทย์ได้อีกทางหนึ่ง

ซีพีเอฟขอยืนยันว่าจะจับมือเดินเคียงข้างกับคนไทยทุกคนเพื่อก้าวฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน

นายกฯ สั่งตั้ง 10 หน่วยงาน ปฏิบัติงาน 24 ชม. ดูแลปชช. คุมสถานการณ์ไวรัสโควิด-19

0

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงนามแต่งตั้งหน่วยงานภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19  ขณะนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 

การจัดตั้งหน่วยปฏิบัติงาน ทั้ง 10 หน่วย ก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่ในแต่ละด้านภายในโครงสร้าง แต่ละกลุ่มสามารถปฏิบัติหน้าที่เพื่อช่วยเหลือประชาชน แก้ปัญหา รวมทั้งสกัดกั้น หรือหยุดการแพร่ระบาดขอโควิด -19 เป็นไปด้วยความราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

โดยโครงสร้างงาน ประกอบด้วย

1 สำนักเลขาธิการ

2 สำนักประสานงานกลาง

3 ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข

4 ศูนย์ปฏิบัติการด้านมาตรการป้องกันและช่วยเหลือประชาชน

5 ศูนย์ปฏิบัติการกระจายหน้ากากและเวชภัณฑ์สำหรับประชาชน

6 ศูนย์ปฏิบัติการด้านการควบคุมสินค้า

7 ศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศ

8 ศูนย์ปฏิบัติการด้านการสื่อสารโทรคมนาคม

9 ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง

10 ศูนย์ปฏิบัติการด้านข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อโควิด-19

ศูนย์ดังกล่าว จะรายงานตรงต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อสามารถติดตามสถานการณ์และสั่งการได้ทันที ทั้งนี้ นายกฯ ขอให้ประชาชนมั่นใจและอุ่นใจว่ารัฐบาลดูแลตลอด 24 ชั่วโมงและแก้ปัญหาทุกปัญหา ไม่ปล่อยให้ส่งผลกระทบกับประชาชน เพราะขณะนี้ เรากำลังเผชิญวิกฤตที่ส่งผลกับชีวิตของประชาชน โดยนายกฯ จะดูแล แก้ปัญหาอย่างรอบด้านอย่างเต็มที่ด้วยกลไกทุกอย่างที่มีอยู่ แต่ทั้งนี้ ขอความร่วมมือจากประชาชนในการดูแลตนเอง และสังคม ตามมาตรการที่รัฐกำหนดและแนะนำไว้ด้วย

สวนดุสิตโพล เผยข่าวโควิด-19 แพร่ระบาดทำคนไทยจิตตกมากที่สุด

0
โควิด-19

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,033 คน (สำรวจทั้งภาคสนามและออนไลน์) ระหว่างวันที่ 25-28 มีนาคม 2563 ข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สะท้อนความคิดเห็นของประชาชน กรณี การรับข่าวสารโควิด-19 ของคนไทย

พบว่า ประชาชนรับข่าวสารเรื่องโควิด-19 จากสื่อออนไลน์มากที่สุด ถึง 79.30% ขณะที่ด้านความเชื่อถือข่าวสาร พบว่า แหล่งข่าวสารที่เป็นสถานีโทรทัศน์ มีคนเชื่อถือมากเป็นอันดับแรก 89%

ขณะที่ประเด็นนำเสนอกรณีโควิด-19 ที่ทำให้ประชาชนจิตตกมากที่สุด อันดับแรก คือ สถานการณ์แพร่ระบาดที่รุนแรง 36.08% รองลงมาคือประเด็น ยอดผู้ป่วยและเสียชีวิต, การบริหารจัดการของภาครัฐ , ผู้ติดเชื่้อไ่ยอมกักตัว และเฟคนิวส์

คลัง ยันพร้อมจ่ายเงินเยียวยา 5 พันบาทในวันที่ 8 เม.ย.

0

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ผู้ที่ลงทะเบียนในมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ มาตรการเยียวยา 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน จากการเปิดให้ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ผ่าน www.เราไม่ทิ้งกัน.com พบว่าจนถึงเที่ยงคืน ของวันที่ 28 มีนาคม มีผู้ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว 8.5 ล้านคน

นาย ลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

หลังจากนี้กระทรวงการคลัง ใช้เวลาตรวจสอบและจ่ายเงินให้ผู้ผ่านเกณฑ์ภายใน 7 วันทำการ ดังนั้น ผู้ที่ผ่านการลงทะเบียนเมื่อวันที่ 28 มีนาคม จะได้รับเงิน 5 พันบาทเดือนแรกภายในวันที่ 8 เมษายน

โดยเมื่อลงทะเบียนสำเร็จแล้ว จะมีข้อความแจ้งไปยังเบอร์โทรศัพท์มือถือ แจ้งว่าผ่านหรือไม่ ภายใน 7 วัน

แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ

1.กลุ่มผ่านเกณฑ์ จะได้รับ SMS ยืนยัน ให้รอรับเงินที่จะโอนผ่านพร้อมเพย์ หรือบัญชีธนาคารที่ลงทะเบียนไว้

2. กลุ่มไม่ผ่าน จะแจ้งให้ทราบพร้อมเหตุผล และสามารถอุทธรณ์ได้

3. กลุ่มขอข้อมูลเพิ่มเติม เช่น กลุ่มที่ไม่ชัดเจนเรื่องสถานที่ทำงาน

ผู้ที่จะได้รับเงินเยียวยา ต้องผ่านคุณคุณสมบัติของกระทรวงการคลัง คือ ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม และไม่ได้รับการดูแลหรือเยียวยาจากระบบประกันสังคม คือต้องไม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็นผู้มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปี ขึ้นไป ไม่มีสถานะนักเรียนหรือนักศึกษา ณ วันลงทะเบียน ไม่เป็นข้าราชการ ไม่เป็นอาชีพเกษตรกรรม ต้องเป็นผู้มีงานทำ ที่สำคัญต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

กรณีลูกจ้างร้านหมูปิ้ง ไม่ได้มีการจดทะเบียนบริษัท ต้องมีหลักฐานว่าร้านปิดกิจการ และแสดงได้ว่าเป็นลูกจ้างร้านหมูปิ้ง เช่น รูปถ่าย หรื หลักฐานอื่นๆ ที่ระบุสถานะลูกจ้างร้าน ส่วนคนขับรถแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซด์ ต้องมีใบขับขี่สถานะมายืนยัน ส่วนคนขายอาหาร ไม่ว่าในห้างหรือแผงลอยข้างถนน ในเมื่อรัฐไม่ให้รับประทานที่ร้านแต่ซื้อกลับไปกินที่บ้าน ก็อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ ต้องมีหลักฐานมายืนยันว่าเป็นลูกจ้าง หรือเจ้าของร้าน และได้รับผลกระทบจากโควิด-19

ซีพีเอฟ เปิดสถานีไข่สด ช่วยลดความเดือดร้อนปชช.

0
ไข่ไก่

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า จากความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 และนำไปสู่ความต้องการซื้อไข่เป็นจำนวนมากกว่าช่วงเวลาปกตินั้น เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าว ซีพีเอฟ จึงได้จัดเตรียม ร้านซีพี เฟรชมาร์ท ให้เป็น “สถานีไข่สด” จัดจำหน่ายไข่ไก่ แบบแผง 30 ฟอง เบอร์ 3 ในราคาเพียง 98.- บาท เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของการบริโภคในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งทุกท่านสามารถหาซื้อได้ที่ร้านซีพี เฟรชมาร์ท ทุกสาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังส่งเพิ่มไปยังเซเว่น อีเลฟเว่น และแม็คโครด้วย

ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ

นอกจากนี้ ยังมีขนาดอื่นๆให้เลือกอีก ขนาดเล็กเบอร์ 4 แผงละ 95.- บาท และขนาดใหญ่เบอร์ 1 แผงละ 111.- บาท รวมทั้ง ยังมีไข่กล่องที่บรรจุในแพ็คแบรนด์ CP ที่สวยงาม ขนาด 4 ฟอง และ 10 ฟอง ซึ่งจัดเป็นไข่ในบรรจุภัณฑ์พิเศษที่จะอำนวยความสะดวกตามความต้องการของผู้บริโภคในครอบครัวขนาดเล็ก รวมถึง ไข่โอเมก้า และ ไข่เคจฟรี ที่เป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้าเพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ราคาไข่ไก่ เป็นราคาที่สมาคมผู้ผลิตไข่มีการกำหนดร่วมกันในแต่ละสัปดาห์ตามความเป็นจริง ขณะเดียวกัน กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้ขอความร่วมมือให้ยืนราคาไข่คละหน้าฟาร์มที่ 2.80 บาท โดยบริษัทยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

เลื่อนกำหนดการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการกองประจำการ ประจำปี 2563

0

ตามที่ กองทัพบกได้กำหนดให้มีการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการกองประจำการประจำปี 2563 ในระหว่างวันที่ 1- 12 เม.ย. 63 นั้น เนื่องจากปัจจุบันเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโรคโควิด 19 ในประเทศไทย นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจึงได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 63 จนถึงวันที่ 30 เม.ย. 63

ดังนั้นเพื่อเป็นการควบคุม ป้องกัน และลดความเสี่ยง ของทหารกองเกินและประชาชน ในการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการกองประจำการจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว กระทรวงกลาโหมจึงได้เลื่อนกำหนดการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการกองประจำการ ประจำปี 2563 จากเดิมออกไป เป็นระหว่างเดือน ก.ค.- ส.ค. 63 ทั้งนี้ ทหารกองเกินที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (สด.35) เพื่อเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการกองประจำการ ประจำปี 2563 ไม่สามารถอ้างเหตในการเลื่อนการตรวจเลือกตามประกาศนี้ ที่จะไม่มาทำการตรวจเลือกตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนดวันตรวจเลือกครั้งใหม่ได้

อุปสงค์-อุปทาน สะท้อนราคาไข่ไก่

0
ไข่ไก่

โดย อุษณีย์ รักษ์กสิกิจ : [email protected]

การเลี้ยงไก่ไข่ถือเป็นอาชีพของเกษตรกรไทยมาเป็นเวลายาวนาน ในจำนวนฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ 2,915 ฟาร์มทั่วประเทศ มีเกษตรกรผู้เลี้ยงรายเล็กและรายย่อยถึง 1,830 ฟาร์ม รายกลางจำนวน 923 แห่ง และอีก 162 ฟาร์มที่เหลือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ ซึ่งผู้เลี้ยงในแต่ละกลุ่มเหล่านี้จะมีการรวมตัวกันในลักษณะของชมรม สหกรณ์ หรือสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ เพื่อคอยดูแลช่วยเหลือในการประกอบอาชีพการเลี้ยงไก่ไข่ซึ่งกันและกัน ช่วยสร้างความมั่นคงในอาชีพเป็นไปตามนโยบายของรัฐ

หากแต่ช่วงเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา จะพบว่า เกษตรกรต่างต้องเผชิญกับภาวะราคาตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง จากสถิติราคาไข่ไก่ตั้งแต่ปี 2557 – 2562 ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้นั้นต่ำกว่าต้นทุนมาโดยตลอด โดยในปี 2557 ขาดทุน 0.12 บาทต่อฟอง ปี 2558 ขาดทุน 0.14 บาทต่อฟอง ปี 2559 เป็นปีเดียวที่มีกำไรอยู่ที่ 0.06 บาทต่อฟอง ปี 2560 ขาดทุน 0.21 บาทต่อฟอง ปี 2561 ขาดทุน 0.30 ต่อฟอง

ที่มาของข้อมูล : กรมปศุสัตว์ / สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

อาจมีคำถามว่าขาดทุนทุกปีแล้วเกษตรกรอยู่ได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า สถานการณ์ไข่ไก่ในรอบหนึ่งปีนั้น จะมีการขึ้นลงของราคาตลอดทั้งปี พบว่าในแต่ละปีจะมีช่วงที่ราคาไข่ไก่สูงเพียง 4-5 เดือน ขณะที่ช่วงราคาตกต่ำมีมากถึง 7-8 เดือน โดยมีระดับของอุปสงค์-อุปทาน หรือกลไกตลาด เป็นตัวกำหนด เมื่อใดที่ปริมาณไข่มีน้อย ความต้องการบริโภคมีมาก ราคาก็จะสูง เมื่อใดที่ไข่ไก่มีปริมาณมากเกินกว่าความต้องการ ราคาไข่ไก่ก็จะตกต่ำลง และยังมีปัจจัยอื่นที่เป็นตัวกำหนดราคาในแต่ละช่วง ทั้งด้านต้นทุนการผลิต ปริมาณการเลี้ยงแม่พันธุ์ไก่ไข่ ภาวะโรค ฤดูกาล สภาวะอากาศ และช่วงเทศกาลต่างๆ

การเลี้ยงไก่ไข่ของเกษตรกรที่ผ่านมาในแต่ละปีจึงมีทั้งช่วงขาดทุน และบางช่วงที่ไข่ไก่ราคาอยู่เหนือต้นทุนบ้างดังกล่าวข้างต้น ที่ผ่านมาจึงมีทั้งเกษตรกรที่ต้องเลิกเลี้ยงไปเพราะแบกรับต้นทุนกับภาวะราคาตกต่ำไม่ไหว ที่ยังเลี้ยงอยู่ก็พยายามประคับประคองอาชีพเดียวนี้ไว้ โดยต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ด้วยการปรับลดปริมาณแม่ไก่ยืนกรงให้เหมาะสม หรือแม้แต่รายย่อยที่หารายได้เสริมจากการเลี้ยงปลาคู่ควบไปด้วย จึงมีรายได้จากปลาช่วยถึงอยู่ได้ทั้งที่ขายไข่ขาดทุน ทำให้ผ่านพ้นวิกฤติมาได้

ไข่ไก่ถือว่าเป็นสินค้าอ่อนไหว เนื่องจากแม่ไก่ไข่เป็นสิ่งมีชีวิต มีผลผลิตออกมาทุกวัน แต่เมื่อใดที่มีปัจจัยมากระทบย่อมส่งผลถึงปริมาณไข่ไก่ทันที  โดยเฉพาะเรื่องของสภาพอากาศ  ที่หากอากาศร้อนจนเกินไป ไก่จะเครียด กินอาหารได้น้อย แม่ไก่จะให้ไข่น้อยไปโดยปริยาย ดังเช่นปัจจุบันนี้ที่ประเทศไทยเข้าหน้าร้อน แม่ไก่เริ่มส่งสัญญาณไข่ลดแล้ว ซึ่งก็เป็นเช่นนี้ทุกปี

ขณะที่เดือนมีนาคมของทุกปีเป็นช่วงปิดภาคเรียนที่การบริโภคของนักเรียนจะต่ำลง ผนวกกับปีนี้มีสถานการณ์ COVID-19 เข้ามาทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวหายไป คนบริโภคไข่หายไปจำนวนมาก ปริมาณไข่เหลือล้นตลาด ราคาก็ตกต่ำลงอีก เกษตรกรจึงวางแผนการผลิตด้วยการเข้าเลี้ยงแม่ไก่น้อยลง ทำให้ปริมาณไข่ไก่สมดุลขึ้น จึงเพิ่งเริ่มเห็นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มของเกษตรกรขยับขึ้นบ้าง ล่าสุดอยู่ที่ฟองละ 2.60 บาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงถึงฟองละ 2.69-2.70  บาท และเมื่อดูสถิติราคาไข่ไก่ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จะพบว่าไข่ไก่คละหน้าฟาร์มอยู่ที่ฟองละ 2.50- 2.70 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าหรือเท่ากับต้นทุนการผลิตเท่านั้น เกษตรกรยังไม่มีกำไรจากการขายไข่แต่อย่างใด

ที่มาของข้อมูล : กรมปศุสัตว์ / สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

และจากปริมาณการผลิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ที่ในแต่ละปีสามารถผลิตไข่ไก่ได้ถึงกว่า 15,000 ล้านฟอง หรือวันละประมาณ 40-41  ล้านฟอง โดยเป็นการผลิตเพื่อรองรับการบริโภคในประเทศถึง 98% ของไข่ไก่ทั้งหมด ซึ่งคนไทยบริโภคไข่วันละประมาณ 39-40 ล้านฟอง จึงมีไข่คงเหลือในระบบ 1–2 ล้านฟองต่อวันละ ปริมาณไข่ไก่ส่วนเกินนี้ผู้ประกอบการจะทำการส่งออกเดือนละไม่เกิน 60 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือเดือนละประมาณ 20 ล้านฟอง คิดเป็น  1-2% ของไข่ที่ผลิตได้ เพื่อบริหารจัดการสมดุลของอุปทานในประเทศไม่ให้ไข่ไก่ล้นตลาดนั่นเอง ขณะที่ปัจจุบันปริมาณผลผลิตไข่ไก่ 40-41 ล้านฟองยังคงออกสู่ตลาดอย่างเสมอ ประชาชนจึงไม่ต้องตื่นตระหนกกับ “ดีมานด์เทียม” ที่เพิ่มขึ้นมาถึง 3-5 เท่า ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เพราะถึงอย่างไรไข่ไก่ก็มีเพียงพอต่อการบริโภค และผู้ประกอบการก็พร้อมจัดส่งตลอดเวลา ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องซื้อไข่ไก่กักตุน  จากข้อมูลทั้งหมดนี้ สรุปได้ว่าไข่ไก่เป็นสินค้าเกษตรที่ขึ้นอยู่กับดีมานด์-ซัพพลาย ราคาขึ้นลงตามสถานการณ์ในขณะนั้น ดังเช่นวันนี้ที่ราคาขยับขึ้นก็เพราะกลไกตลาดเริ่มทำงาน จากการวางแผนการผลิตอย่างรอบคอบของเกษตรกร เพราะไม่มีใครอยากแบกรับภาระขาดทุนเหมือนอย่าง 10 ปีที่ผ่านมาอีก…วันนี้ต้องขอให้ผู้บริโภคเห็นใจเกษตรกร อย่าได้กดราคา เหมือนกดหัวเกษตรกรเลย