Home Blog Page 442

สุดเศร้า เจ้าของภัตตาคารไทยในอเมริกา ติดโควิด-19เสียชีวิต หมอไม่รับรักษาเพราะอายุเกิน

0

นายตวง อันทะไชย สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว Tuang Untachai มีเนื้อหาว่า

ตวง อันทะไชย สมาชิกวุฒิสภา

เพื่อนของอดีตทูตอเมริกา เป็นสมาชิกวุฒิสภา รุ่นเดียวกับผม ส่งมาให้ผมเมื่อวานนี้ เป็นสำนวนภาษาของเขา ผมไม่ได้เขียนอะไรเพิ่มเติมเลยครับ เล่าให้ฟังว่า

“…ปกติผมไม่เคยเชียร์ลุงตู่เลยครับ กลับมีความเห็น negative ด้วยซ้ำว่ารัฐบาลของลุงตู่บริหารเศรษฐกิจไม่ค่อยได้เรื่อง แต่พอเจอไวรัสโควิด-19 ระบาดใหญ่ในขณะนี้ ผมกลับคิดว่าพวกเราโชคดีที่อยู่เมืองไทยภายใต้รัฐบาลของลุงตู่

เหตุผลคือเพื่อนนักเรียนเก่า AC ของผมคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของภัตตาคารไทย ที่เมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ภรรยาของเขาส่งไลน์มาแจ้งว่า พอรู้ตัวว่าป่วย เพื่อนผมก็รีบไปเข้าโรงพยาบาลในเมืองนั้น ผลตรวจออกมาว่า positive คือแกติดไวรัสโควิดแน่ๆ หมอก็ไม่รับรักษาเลย เพราะแกอายุ 71 ปีแล้ว (ถ้าอายุเกิน 70 ปีเขาไม่ยอมรักษา) หมออ้างว่าไม่มีเตียงที่โรงพยาบาล แล้วไล่ให้แกกลับไปตายที่บ้าน ซึ่งไม่ถึงสัปดาห์แกก็เสียชีวิตจริงๆ

ภรรยาแกโอดครวญว่า สามีเสีย tax จำนวนมากให้รัฐบาลสหรัฐฯ แต่เจ็บไข้ไม่ยอมเหลียวแล พอภรรยาแกโทรแจ้ง 911 เขาก็มารับศพแกไปเผาทันทีเพราะเป็นศพติดเชื้อ โดยไม่มีพิธีศพอะไรทั้งสิ้น แม้แต่เถ้ากระดูกก็เอาไปกลบฝังหมด ภรรยาแกบอกว่ารอให้โควิดซาลงก่อนถึงจะจัด memorial service ให้

เมื่อเทียบกับคนไทยที่หนีตายมาจากต่างประเทศ รัฐบาลจัดรถตู้/รถบัส รับไปอยู่โรงแรมชั้นหนึ่ง (โห รร.แอมบาสซาเดอร์จอมเทียน) มีคนส่งข้าวปลาอาหารให้ทานวันละ 3 มื้อ มีหมอ/พยาบาลมาตรวจรักษา มียาแก้ไข้มาให้กิน พอครบกำหนดกักตัว 14 วันก็มีรถส่งกลับภูมิลำเนา เพื่อนๆที่อยู่อเมริกาฟังแล้วอิจฉาพวกเราที่อยู่เมืองไทยครับ

ที่เยอรมันไม่มีการลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำในช่วงโควิด ไม่มีการคืนเงินค่ามิเตอร์ไฟฟ้า ไม่มีธนาคารไหนผ่อนผันชะลอเวลาการใช้หนี้ หรือ พักหนี้ให้ชั่วคราว

คนไทยยังไม่สำนึกในกะโหลก ว่ามีรัฐบาลที่ดี อยากให้คนพวกนี้ ที่ด่านายกทุกวันไปอยู่ต่างประเทศจัง ไม่ว่ายุโรป อเมริกา พวกระบบทุนนิยมสามานย์เหมือนกันหมด ถ้าอยู่ในประเทศพวกนี้แล้วอยู่ในกลุ่มคนจน มีแต่ตายห่าอย่างเดียว รัฐบาลมันไม่ช่วยอะไรทั้งสิ้น ที่อเมริกาตายเป็นเบือน่ะ คนจนและคนไร้บ้านทั้งนั้น รัฐบาลมันปล่อยให้ตาย คงขอบใจโควิดมากที่มาล้างบางให้ !!”

ซีพีเอฟ จับมือกองทัพภาคที่ 1 ลงพื้นที่คลองเตย มอบอาหารคุณภาพให้ชุมชน

0
ซีพีเอฟ

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา พลโทธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 และ นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) เดินทางมามอบอาหารปลอดภัยให้แก่ชาวบ้านในชุมชนคลองเตย ตามโครงการ “กองทัพภาคที่ 1 ร่วมกับ CPF ส่งอาหารคุณภาพจากใจ…สู่ชุมชน” ซึ่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด19 โดยมี นายชาติชาย กุละนำพล ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตคลองเตย ร่วมงานด้วย

พลโทธรรมนูญ วิถี เปิดเผยว่า กองทัพและซีพีเอฟ ยินดีที่ได้ร่วมมือกันแบ่งปันความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้ยากไร้ ในสถานการณ์ที่ประเทศกำลังต้องการความสามัคคีและร่วมแรงร่วมใจกัน “โครงการกองทัพภาคที่ 1 ร่วมกับ CPF ส่งอาหารคุณภาพจากใจ…สู่ชุมชน” เป็นอีกบทบาทหนึ่งที่กองทัพและซีพีเอฟได้ดำเนินการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาหารการกินของพี่น้องประชาชนในชุมชนคลองเตย ช่วยให้ทุกคนได้อิ่มท้องและรับมือวิกฤตไวรัสนี้ได้อีกทางหนึ่ง

ด้าน นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ กล่าวว่า ในวันนี้ได้ลงพื้นที่ชุมชนพัฒนาใหม่ (คั่วพริก) ซึ่งเป็นชุมชนหนึ่งของเขตคลองเตย และได้ส่งกำลังใจให้พี่น้องด้วยอาหารแกงถุงที่รับประทานง่าย เพียงอุ่นร้อนโดยต้มทั้งถุงแกงในหม้อน้ำเดือด 5-7 นาทีก็พร้อมรับประทานได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องใช้ไมโครเวฟ

การส่งมอบอาหารให้ชาวบ้างครั้งนี้ ประกอบด้วยชุมชนพัฒนาใหม่ (คั่วพริก) ชุมชนริมคลองไผ่สิงห์โต ชุมชนริมคลองสามัคคี ชุมชนตลาดปีนัง ชุมชนน้องใหม่ รวม 1,058 หลังคาเรือนในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินโครงการ “กองทัพภาคที่ 1 ร่วมกับ CPF ส่งอาหารคุณภาพจากใจ…สู่ชุมชน” ซึ่งมอบอาหารแก่ประชากรทุกครัวเรือนในชุมชนแออัดเขตคลองเตยทั้ง 22 ชุมชน จำนวน 8,499 ครัวเรือน เพื่อช่วยเหลือประเทศชาติ ประชาชน ให้ก้าวผ่านวิกฤตไวรัสโควิด19 ไปด้วยกัน ภายใต้หลักคิด Good Citizen Organization กล่าวคือเป็นบริษัทที่ร่วมสร้างและดูแลสังคม ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างคุณค่าให้กับประเทศ


ท่าเรือให้ชาวคลองเตยอยู่ฟรี อาคารพาณิชย์ลด 50% นาน 3 เดือน เยียวยาโควิด-19

0

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด19 และภาครัฐได้กำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพและรายได้ของประชาชนโดยเฉพาะ ในภาคแรงงาน รับจ้าง ตนได้สั่งการให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กำหนดมาตรการเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย-ผู้เช่าอาคารพาณิชย์ และ ประชาชนที่เช่าพื้นที่ของการท่าเรือเพื่อการอยู่อาศัย 

กทท.จึงได้ออกมาตรการลดค่าเช่าเพื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่

  • ผู้เช่าอาคารพาณิชย์และร้านค้ารายย่อย มีจำนวนรวม 1,628 ราย โดยการ กทท.จะลดค่าเช่าลง 50 % เป็นระยะเวลา 3 เดือน คิดเป็นจำนวนเงิน 31,941,441 บาท
  • ผู้เช่าที่พักอาศัยในพื้นที่โดยรอบของ กทท. มีจำนวน 466 ครัวเรือน โดยยกเว้นค่าเช่าเป็นระยะเวลา 3 เดือน คิดเป็นจำนวนเงิน 365,754 บาท ซึ่งความช่วยเหลือในครั้งนี้คิดเป็นจำนวนเงินรวม 32,307,196 บาท

ทั้งนี้ มาตราการดังกล่าวจะเริ่มมีผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป เพื่อให้พี่น้องประชาชนและครอบครัว สามารถผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้

ศธ. ย้ำเปิดเทอม 1 ก.ค.ทุกโรงเรียน

0
ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ

“ณัฏฐพล” ย้ำเปิดเรียน 1 ก.ค.ทุกโรงเรียน พร้อมพิจาณาอีกครั้ง หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย

ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า ในการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ ร่วมกับผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนเอกชนในระบบ ประเภทนานาชาติ ตนได้ชี้แจงเรื่อง การเลื่อนเปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2563 แบบเต็มรูปแบบต้องเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เท่านั้น

แต่หากถึงเวลาดังกล่าวแล้วสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังไม่คลี่คลายก็คงต้องพิจารณากันอีกครั้ง เพราะโรงเรียนจะเป็นสถานที่สุดท้ายที่รัฐบาลจะตัดสินใจปลดล็อก

ส่วนเรื่องจัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ ที่โรงเรียนนานาชาติส่วนใหญ่ถือว่ามีศักยภาพในการดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้ว ทุกโรงเรียนต้องเตรียมพร้อมเรื่องการสอนออนไลน์

กลุ่มโรงเรียนนานาชาติที่มีข้อจำกัดในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ ที่มีจำนวน 17 โรงเรียนได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) ดำเนินการช่วยเหลือ พร้อมทั้งได้แนะนำให้โรงเรียนชาติที่มีความพร้อมสามารถเข้าช่วยในลักษณะสร้างความร่วมมือได้ด้วย

กำลังซื้อไข่ไก่ชะลอตัว สวนทางผลผลิตมาก ทำราคาลดฮวบ

0
ไข่ไก่

นายสุเทพ สุวรรณรัตน์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ เปิดเผยว่า ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเกษตรกรปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 2.60 บาทต่อฟอง ลดลงจาก 2.80 บาทเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา เป็นผลมาจากปริมาณผลผลิตไข่ไก่ส่วนเกินสะสมมากนานกว่า 3 สัปดาห์แล้ว หลังจากสถานการณ์ไข่ขาดแคลนในช่วงก่อนนี้จากการเร่งกักตุนของประชาชนและพ่อค้าคนกลางคลี่คลายลง ขณะที่ผู้บริโภคต่างทยอยเคลียร์สต๊อกไข่ด้วยการบริโภคในครัวเรือนให้หมดก่อน บวกกับกำลังซื้อที่ลดลง ส่งผลให้ตลาดไข่ไก่ซบเซาเป็นอย่างมาก กระทบโดยตรงกับเกษตรกรที่ต้องขายไข่ไก่ในราคาต่ำลง ปัจจุบันเกษตรกรและผู้ประกอบการยังคงดำเนินการตามมาตรการของภาครัฐ ทั้งการยืดอายุการเลี้ยงแม่ไก่ไข่จากเดิม 80 สัปดาห์ออกไป  และการงดส่งออกไข่ไปจนถึงวันที่ 30 เมษายนศกนี้ ส่งผลให้ปริมาณไข่ไก่เพิ่มมากเกินความต้องการทุกวัน

สุเทพ สุวรรณรัตน์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้

“ในห่วงโซ่การผลิตไข่ไก่นอกจากเกษตรกรในฐานะผู้ผลิตแล้ว ยังมีพ่อค้าคนกลางเป็นตัวแปรสำคัญในการปล่อยไข่ไก่ออกสู่ตลาด หรือเก็บกักไข่ในห้องเย็นเพื่อเก็งกำไร หรือเทขายหากคาดการณ์ว่าราคาไข่จะตกลง จึงอยากขอให้กรมการค้าภายในตรวจสอบกลุ่มพ่อค้าคนกลางหรือล้งไข่อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้เกษตรกรภาคใต้ยังกังวลกับปัญหาการส่งไข่ไก่มาดั๊มพ์ตลาดของพ่อค้าอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ที่เมื่อไข่ราคาถูกก็จะขนไข่ลงใต้จำนวนมากเกินความต้องการในพื้นที่ กระทบเกษตรกรใต้อย่างรุนแรง” นายสุเทพ กล่าว

ทั้งนี้ ไข่ไก่เป็นสินค้าอ่อนไหว เมื่อมีอะไรมากระทบมักเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งถ้าปัจจัยที่กระทบนั้นไม่ใช่วิถีปกติตามธรรมชาติ เช่นเกิดความตระหนกของประชาชน หรือการกักเก็บเพื่อทำกำไรของพ่อค้าคนกลาง หรือการแทรกแซงกลไกตลาดไข่ไก่ ล้วนก่อให้เกิดผลเสียต่อเกษตรกรผู้ผลิตไข่ไก่มากขึ้น การห้ามระบายผลผลิตส่วนเกินออกนอกประเทศ ทำให้เกิดภาวะไข่ล้นตลาด ทั้งที่การระบายไข่ไก่ไปขายต่างประเทศต้องขายในราคาขาดทุน เช่นในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ ปีนี้ ไทยส่งออกไข่ลดลงไปกว่าครึ่งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยราคาส่งออกเฉลี่ยฟองละ 2 บาท ยังไม่รวมต้นทุนค่าจัดการต่างๆ ถือเป็นการขายขาดทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาในประเทศ ไม่ให้ตกต่ำจนเกษตรกรต้องเดือดร้อน

ทลายโกดังแถวปทุมฯ แหล่งพักของ พบหน้ากากอนามัย อุปกรณ์การแพทย์ กว่า 10 ล้านบาท

0

จับล็อตใหญ่ อย. ร่วมกับตำรวจ ทลายโกดังแหล่งพักสินค้าจำพวกหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ ทางการแพทย์ รวมของกลางกว่าแสนชิ้น มูลค่านับ 10 ล้านบาท พบเจ้าของเป็นชิปปิ้งชาวจีนนำมาพักสินค้าก่อนเร่งตัดวงจรก่อนกระจายไปรายย่อย ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกับพล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.    ชยุต มารยาทตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี (ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี) , พ.ต.อ. วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.ตร.มหด.904 สนธิกำลังตำรวจ บก.ปคบ. , บก. บก.ตร.มหด.904 , ตำรวจภูธรปทุมธานี  และกรมการค้าภายใน นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญาเลขที่ ค 64/2563 ลงวันที่ 23 เมษายน 2563 เข้าตรวจค้นโกดังไม่มีเลขที่ ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนรังสิต-ปทุมธานี ต.บางพูน อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี หลังสืบทราบว่าโกดังดังกล่าวเป็นแหล่งพักสินค้าจำพวกหน้ากากอนามัย และอุปกรณ์ทางการแพทย์

พบโกดังขนาดใหญ่ 5 ไร่ ตั้งอยู่ริมถนน จากการตรวจค้นพบหน้ากากอนามัย ไส้กรองหน้ากากอนามัย ชุดป้องกัน PPE เจลแอลกอฮอล์ ชุดตรวจเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ รวมของกลางมากกว่าแสนชิ้น นอกจากนี้ ยังพบแกลลอนเจลแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ ภายในบรรจุเจลแอลกอฮอล์กว่า 600 ลิตร จำนวน 3 แกลลอน อุปกรณ์การผลิต และบรรจุภัณฑ์ จำนวนมาก มูลค่าของกลางรวมกว่า 10 ล้านบาท

สืบเนื่องจาก ชุดสืบสวนแกะรอยจากเว็บไซต์ที่มีการลักลอบจำหน่ายสินค้านี้ จนพบว่ามีการใช้โกดังนี้เป็นที่พักของ ก่อนกระจายสินค้าให้ผู้ค้ารายย่อย จากการสอบสวนผู้ดูแล รับสารภาพว่า เจ้าของบริษัทซิปปิ้งเป็นชาวจีน มีหน้าที่รับสินค้าที่สั่งมาจากประเทศจีนมาเก็บไว้ที่โกดัง ก่อนจะทำการกระจายสินค้า อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนจากนี้ กรมการค้าภายใน และ อย. จะคัดแยกของกลางว่าจัดอยู่ในประเภทที่ได้คุณภาพหรือไม่ รวมทั้งอยู่ในการกำกับดูแลในส่วนของกรมการค้าภายในหรือไม่ จากนั้นในส่วนของการสืบสวนขยายผลทาง บก.ภ.จว.ปทุมธานี ได้ตั้งชุดพนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำที่มาที่ไป พร้อมดำเนินคดีในทุกความผิดที่พบ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาตามความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ และพ.ร.บ.เครื่องสำอาง

ภญ.สุภัทรา บุญเสริม เปิเผยว่า อย. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันสอดส่องดูแลเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค และหากพบเห็นการลักลอบผลิต/จำหน่าย ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ต้องสงสัย ขอให้แจ้งมาได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือ ร้องเรียน ผ่าน Oryor Smart Application หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ม็อบคนพิการ บุกคลัง ยื่นหนังสือขอให้ช่วยเงินเยียวยา 5 พันบาท เป็นเวลา 3 เดือน

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เช้าวันที่ 24 เม.ย. 2563 ผู้แทนสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ผู้แทนสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย ผู้แทนสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ผู้แทนสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย ผู้แทนสมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม (ไทย) ผู้แทนสมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย และผู้แทนสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิต แห่งประเทศไทย เดินทางมายื่นหนังสือต่อกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้คนพิการเข้าถึงมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 โดยเฉพาะเงินชดเชยรายได้ 5,000 บาท 3 เดือน เนื่องจากคนพิการส่วนใหญ่จำนวนทั้งหมด 2 ล้านคน ไม่สามารถเข้าถึงมาตรการเงินเยียวยา 5,000 บาท

โดยเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือ คือ

  • 1.ขอให้รัฐบาลปรับปรุงมาตรการชดเชยรายได้รายละ 5,000 บาท ปรับเปลี่ยนวิธีการที่คัดครองคนที่ไม่ควรได้รับความช่วยเหลืออออก เป็นการใช้วิธีที่จะทำให้ประชาชนทุกคนทุกกลุ่มเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด ที่สำคัญต้องสร้างหลักประกันให้คนพิการสามารถเข้าถึงมาตรการดังกล่าวได้เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป  ไม่ถูกเลือกปฏิบัติ  โดยการจ่ายเงินชดเชยรายได้ให้แก่ คนพิการทุกคนรายละ 5,000 บาทต่อเนื่อง 3 เดือน (คนพิการ 2 ล้านคน งบประมาณ 30,000 ล้านบาท)
  • 2. ขอให้รัฐบาลสร้างหลักว่า มาตรการดูแลและเยียวยาฯ ระยะที่ 3 รวมทั้งแผนงานและโครงการตามบัญชีท้ายพระราชกำหนด ของพ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับ จะต้องมีการวางแผนใช้งบประมาณให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด และโปร่งใสที่สุด โดยเฉพาะคมคนพิการจะต้องสามารถเข้าถึงได้อย่างถ้วนหน้าทั่วถึง สะดวก รวดเร็ว และต่อเนื่อง รวมทั้งให้องค์กรด้านคนพิการ มีส่วนร่วมออกแบบและติดตามมาตรการ แผนงาน และโครงการดังกล่าวด้วย
  • 3.ขอให้รัฐบาลอกมาตรการช่วยลดค่าไฟฟ้า 3 เดือนให้แก่คนพิการทุกครัวเรือน ทั้งกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีมิเตอร์ไฟขนาดไม่เกิน 5 แอมป์และเกิน 5 แอมป์ หากใช้ไม่เกิน 3,00 หน่วย ให้ใช้ไฟฟ้าฟรี
  • 4.ขอให้รัฐบาลออกมาตรการให้คนพิการสามารถรับเบี้ยความพิการล่วงหน้าได้จำนวน 10 เดือนตามความสมัครใจ 
  • 5.ขอให้กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เร่งปฏิบัติตามมติคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ โดยการโอนเงินจากกองทุนคนพิการให้คนพิการที่มีบัตรทุกคน คนละ 1,000 บาท โดยเร็ว

นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในส่วนของคนพิการนั้น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)​ สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ เพราะมีตัวตนอยู่ในระบบแล้ว  จึงได้ประสานให้พม.ไปพิจารณาช่วยเหลือกลุ่มบุคลคลพิการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19  และกลุ่มคนเร่ร่อนที่อาซัยอยู่ตามที่สาธารณะ เช่น  สวนลุมพินี หัวลำโพง ด้วย

สำหรับคนพิการขายสลากกินแบ่ง เมื่อลงทะเบียนรับเงินเยียวยาแล้วไม่ได้รับเงิน ก็สามารถเข้า www.เราไม่ทิ้งกัน.com  เพื่อขอทบสวนสิทธิ์ได้  เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่เตรียมลงพื้นที่นัดหมายเพื่อดูสถานที่ประกอบการแล้ว​ ทั้งนี้หากได้รับผลกระทบจริง จะได้รับการดูแลทั้งหมด โดยกระทรวงการคลังจะเร่งตรวจสอบข้อมูล เพื่อเร่งจ่ายเงินเยียวยาให้โดยเร็ว

มั่นใจเชียงใหม่มีน้ำกินน้ำใช้พอตลอดแล้ง วอนทุกฝ่ายร่วมกันประหยัดน้ำ

0
กรมชลประทาน
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน

กรมชลประทาน ย้ำเมืองเชียงใหม่ มีน้ำอุปโภคบริโภคเพียงพอตลอดแล้งนี้ พร้อมเดินหน้ามาตรการรับมือภัยแล้ง วอนหากทุกฝ่ายร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดน้ำที่สุด จะรอดพ้นวิกฤตขาดแคลนน้ำได้อย่างแน่นอน

ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ว่า สืบเนื่องจากในช่วงฤดูฝนปี 2562 ที่ผ่านมา มีปริมาณฝนตกเฉลี่ยทั้งจังหวัดเพียง 911 มิลลิเมตร น้อยกว่าค่าเฉลี่ยถึง 22 %        (ฝนเฉลี่ย 1,168 มิลลิเมตร) ส่งผลให้อ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำธรรมชาติ รวมไปถึงแม่น้ำสายต่างๆ มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย กระทบต่อปริมาณน้ำดิบที่จะใช้ในการผลิตประปาหลายแห่ง นั้น

กรมชลประทาน ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคตลอดฤดูแล้งนี้ โดยใช้น้ำต้นทุนจาก 2 เขื่อนใหญ่ คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 46.56 ล้านลูกบาศก์เมตร(ล้าน ลบ.ม.) หรือ 18% ของความจุอ่าง และเขื่อนแม่กวงอุดมธารา มีปริมาณน้ำ 60.60 ล้าน ลบ.ม. หรือ 23% ของความจุอ่าง รวมทั้งใช้น้ำจากอ่างขนาดกลางอีก 12 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 22 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งได้มีการวางแผนจัดสรรน้ำเฉพาะการอุปโภคบริโภคในเขตชลประทานไว้อย่างเพียงพอไปจนถึงต้นฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ภายใต้เงื่อนไขที่ทุกฝ่ายต้องร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดที่สุด

ด้านการรับมือภัยแล้ง ได้ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้ปฏิบัติตามแผน อาทิ ขอความร่วมมือจากกลุ่มผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการและแผนการใช้น้ำชลประทานอย่างเคร่งครัด, กำหนดให้ใช้น้ำในคลองส่งน้ำได้ตั้งแต่วันจันทร์ เวลา 09.00 น. ถึงวันศุกร์ เวลา 18.00 น. และหยุดใช้น้ำในวันเสาร์ถึงวันอาทิตย์ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าสามารถสูบน้ำได้ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ไม่เกินวันละ 10 ชั่วโมง และให้งดสูบน้ำในวันเสาร์และอาทิตย์ สถานีสูบน้ำของการประปาส่วนภูมิภาคและการประปาส่วนท้องถิ่น สามารถทำการสูบน้ำได้ตามปกติตามแผนที่ได้เสนอกรมชลประทานไว้แล้ว พร้อมกับขอความร่วมมือให้งดการเลี้ยงปลาในกระชังทั้งในแม่น้ำปิง คลองส่งน้ำ และเหมืองส่งน้ำ ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 รวมทั้ง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและควบคุมไม่ให้มีการปล่อยน้ำเสียลงในแม่น้ำ คู คลอง หรือแหล่งน้ำต่างๆ เนื่องจากจะทำให้ต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นเพื่อเจือจางน้ำเสีย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำที่จะใช้ในการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศน์ตลอดฤดูแล้งนี้

ด้านการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติภัยแล้งของจังหวัดเชียงใหม่ มีการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติภัยแล้งไปแล้ว 10 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ฝาง อ.เชียงดาว อ.แม่อาย อ.แม่แตง อ.สันป่าตอง อ.ฮอด อ.อมก๋อย อ.ดอยหล่อ  อ.กัลยาณิวัฒนา และ อ.ดอยเต่า พื้นที่ประสบภัย 18 ตำบล 216 หมู่บ้าน 67,608 ครัวเรือน  

กรมชลประทาน ได้สนับสนุนเครื่องจักร เครื่องสูบน้ำ และรถบรรทุกน้ำ เข้าไปช่วยเหลือพื้นที่ขาดแคลนน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยรถบรรทุกน้ำ ได้มีการนำน้ำไปแจกจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภค(ตั้งแต่ 1 – 22 เม.ย. 63) รวมปริมาณน้ำกว่า 746,000 ลิตร นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 16 เครื่อง ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร(ไม้ผล ไม้ยืนต้น) รวมกว่า 5,000 ไร่ ปริมาณน้ำที่สูบสะสมรวมประมาณ 2,505,000 ลบ.ม. ทั้งนี้ จะดำเนินการช่วยเหลือไปจนกว่าจะเข้าสู่ฤดูฝนหรือมีฝนตกชุกในพื้นที่สม่ำเสมอ

สาธารณสุข แจงตัดงบบัตรทอง มาเป็นเงินเดือนขรก.ใหม่รับมือโควิด-19

0

นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตาม พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มาตรา 46 (2) ครอบคลุม ถึงค่าใช้จ่ายของหน่วยบริการในส่วนเงินเดือนและค่าตอบแทนบุคลากร รัฐบาลได้นำงบค่าใช้จ่ายรายหัวส่วนนี้มาใช้เป็นเงินเดือนค่าตอบแทนของข้าราชการบรรจุใหม่ 45,684 ตำแหน่ง เพื่อรับมือสถานการณ์โรคโควิด 19 นั้น ช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้บุคลากรสาธารณสุขที่ร่วมต่อสู้โควิด-19

นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

รัฐบาลได้สนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยจัดสรรงบกลางปี 63 ครั้งที่ 1 จำนวน 1,233 ล้านบาท และรอบ 2 จำนวน 5,488 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นของ สปสช. 3,260 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังสนับสนุนงบกลางเพื่อจัดหาหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 และชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) จำนวน 1,551 ล้านบาท เพื่อใช้ในสถานการณ์โควิด 19 และรัฐบาลยังได้เตรียมไว้สนับสนุนอีกกว่า 45,000 ล้านบาท ขอยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้ ทำให้บุคลากรกระทรวงสาธารณสุขมีขวัญกำลังใจมากขึ้น สามารถลดภาระเงินบำรุงของหน่วยบริการอีกด้วย และมีการจัดนวัตกรรมในการดูแลรักษาผู้ป่วย เช่น การส่งยาให้ผู้ป่วยที่บ้านผ่าน อสม. การขยายบริการปฐมภูมิ เพื่อประชาชนจะได้ประโยชน์จากการได้รับบริการจากโรงพยาบาลมากขึ้น 

นอกจากนี้ รัฐบาลให้การสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม ในการจัดบริการประชาชนให้กับกระทรวงสาธารณสุข และ สปสช. อย่างต่อเนื่องในทุกปี เช่นปี 2561 สปสช. ได้รับการสนับสนุน 5,186 ล้านบาท ปี 2562 จำนวน 5,000 ล้านบาท ทำให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขไม่มีปัญหาวิกฤตทางการเงินระดับ 7 ในไตรมาส 2 นี้ (มีนาคม 2563) หากงบประมาณที่ใช้ในการบริการประชาชนไม่เพียงพอ รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนเพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่ดีที่สุด

ทั้งนี้ การชี้แจงดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากมีการออกมาโพสเฟสบุคส่วนตัวของนพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา ถึงมติครม.ทีให้โอนงบประมาณ 2563 และตัดงบ “บัตรทอง” 2,400 ล้านบาท และงบของกระทรวงสาธารณสุข1,200 ล้านบาท รวมเป็น 3,600 ล้านบาท มาตั้งเป็นงบสำรองฉุกเฉิน แก้ไขปัญหา ช่วยเหลือเยียวยา และบรรเทาผลกระทบ จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า ที่ผ่านมา โรงพยาบาลต่างๆ แทบไม่เคยได้รับงบประมาณที่เป็นตัวเงินจากรัฐบาลเลย มีเพียงการส่งเป็นหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์เจล ชุด PPE เป็นต้น แต่ไม่มีงบเป็นตัวเงินมาเติมในกระเป๋าเงินบำรุงของโรงพยาบาล แต่ละโรงพยาบาลต้องใช้เงินบำรุงที่เก็บสะสมไว้เองมาเป็นเงินใช้จ่ายมากมายในช่วงน 3 เดือนที่ต่อสู้กับโควิด-19 และเกือบทุกที่ต้องเปิดรับเงินบริจาคจากประชาชน ซึ่งสามารถช่วยโรงพยาบาลได้อย่างมาก

การไม่สนับสนุนงบให่กระทรวงสาธารณสุขหรือ สปสช. เพิ่มนั้น ก็พอจะเข้าใจได้ เพราะรัฐบาลมีรายจ่ายสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจและดูแลประชาชนที่ยากลำบาก โรงพยาบาลต่างๆ จึงแทบไม่มีใครออกมาเรียกร้องว่า “เข้าเนื้อ ของบเพิ่ม” แต่การมาตัดงบของสายสุขภาพลงไป 3,600 ล้านบาทนั้น เข้าใจไม่ได้เลย และไม่เข้าใจเลยว่า “ทำไมรัฐบาลจึงเพี้ยนเช่นนี้”

กระทรวงสาธารณสุขมีโรงพยาบาลเกือบ 1,000 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) อีก 10,000 แห่ง ทุกแห่งทำงานเต็มที่สู้ศึกโควิด ทุกแห่งควรได้รับเงินสนับสนุนเพิ่ม แต่นี่ไม่เคยให้งบเราแล้วยังมาตัดงบเราอีก วิธีคิดแช่นนี้ “สอบตกโดยสิ้นเชิง”

เตรียมตั้งหน่วยงานตำรวจไซเบอร์ใหม่ จับตาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั่วประเทศ

0

พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมจัดตั้งหน่วยงาน เพื่อรับผิดชอบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีครอบคลุมทั่วประเทศ ว่า จากสภาพปัญหาการขยายตัวของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศในโลกยุคดิจิทัล ทำให้คดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศมีปริมาณเพิ่มขึ้น ทั้งคดีที่ส่งผลต่อความเดือดร้อนของประชาชนโดยตรง และคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ

รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จึงมีนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเพื่อปกป้องประชาชน เยาวชน สังคมและประเทศชาติให้มีความปลอดภัย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้มอบหมายให้ สำนักงานกำลังพล ศึกษาและพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้ง กองบัญชาการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ตลอดจนมีวิธีการปฏิบัติงานเพื่อให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันคดีอาชญากรรมจำนวนมากกระทำผ่านเครือข่าย ทางอินเตอร์เน็ต เช่น การฉ้อโกงหลอกขายสินค้าออนไลน์, การหลอกให้โอนเงิน, Fake News, Roman Scam, การเข้าถึง โจมตีหรือทำลายข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อเรียกค่าไถ่ เป็นต้น ซึ่งมีความซับซ้อน การสืบสวนสอบสวนต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน การเก็บพยานหลักฐาน การตรวจพิสูจน์ การวิเคราะห์แนวโน้มอาชญากรรม รวมถึงการพัฒนาระบบและบริหารจัดการองค์ความรู้ จำเป็นจะต้องมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มีอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ร่วมปฏิบัติหรือสนับสนุนการปฏิบัติของหน่วยงานอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ในปัจจุบัน มีขีดจำกัดในด้านกำลังพล ไม่สามารถรองรับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มจำนวนคดีที่เกิดขึ้นสูงขึ้นในอนาคตได้

ขณะนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมหารือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานต่างๆ ที่มีภารกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ ในการจัดตั้ง กองบัญชาการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยจะพิจารณาถึงขีดความสามารถในการอำนวยความยุติธรรมและการให้บริการประชาชนเป็นหลัก ขอยืนยันว่า ไม่ได้ดำเนินการเพื่อปิดกั้นเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นของประชาชนแต่อย่างใด แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมุ่งมั่นทุ่มเทและพัฒนาขีดความสามารถ เพื่อพิทักษ์ปกป้อง ประชาชน เยาวชน สังคม และประเทศชาติ ให้ปลอดภัยจากอาชญากรรมทางไซเบอร์ รวมถึงเป็นหลักประกันความยุติธรรมในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่มีมาตรฐานสากล