Home Blog Page 434

ไปทำงานเกาหลี ต้องตรวจสุขภาพก่อนยื่นขอวีซ่า และกักตัว 14 วันหลังไปถึง

0

นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ได้แจ้งเพิ่มเติมเอกสารเพื่อประกอบการยื่นขอตรวจลงตรา (วีซ่า) ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แก่แรงงานต่างชาติที่จะเข้าไปทำงานในเกาหลี  คือ

สุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน

1.ใบรับรองแพทย์ (Medical Certificate) ที่มีระยะเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง ในวันยื่นคำร้องขอวีซ่านอกเหนือจากหนังสือรับรองการตรวจสุขภาพ แบบ ค ตามประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง การตรวจสุขภาพคนหางานที่จะไปทำงานต่างประเทศ ลงวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2560

2.แบบรายงานสุขภาพ  (Health Condition Report Form) และหนังสือแสดงความยินยอมการกักตนเอง โดยคนหางานต้องเข้ารับการสัมภาษณ์เกี่ยวกับสุขภาพ พร้อมลงลายมือชื่อรับรองตนเองในวันรับวีซ่า 

โดยสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย จะใช้เวลาพิจารณาออกวีซ่า ไม่น้อยกว่า 14 วัน ตามมาตรการเฝ้าระวัง  และขอให้แรงงานไทยตรวจสุขภาพตามที่สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ระบุไว้  ซึ่งหากสถานการณ์การแพร่ระบาด คลี่คลายลงหรือเข้าสู่ภาวะปกติ กรมการจัดหางานจะแจ้งยกเลิกการตรวจสุขภาพแรงงานไทยให้ทราบอีกครั้ง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ โทร.022456706 สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10

โออาร์ ทุ่ม 30 ล. รวมพลังร่วมใจสู้ภัยโควิด-19 ทั่วประเทศ

0

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ในไทย แม้ว่าปัจจุบันจะเริ่มมีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น จากตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดน้อยลง และตัวเลขผู้ที่ได้รับการรักษาจนหาย นำไปสู่การผ่อนปรนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้ดำเนินไปเป็นระยะที่สองแล้ว ไม่ว่าจะการอนุญาตให้ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการได้ โดยต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลที่รัดกุม เพื่อป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดกลับมาหนักอีก

หากมองย้อนกลับไปประมาณเดือนมีนาคม ซึ่งเริ่มมีการออกมาตรการควบคุม สั่งปิดร้าน ปิดสวนสาธารณะ ปิดสถานประกอบการต่างๆ รณรงค์ให้คนอยู่กับบ้านเพื่อชาติ และหลายบริษัทก็ให้ความร่วมมือโดยให้พนักงานที่สามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ โดยไม่ต้องมาที่ที่ทำงาน และหลายภาคส่วนเริ่มเอาจริงเอาจังกับการคัดกรองคนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้กรอกข้อมูลก่อนเข้าอาคาร, การให้ใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า, การติดตั้งแอลกอฮอล์ เจลล้างมือ ตามจุดต่างๆ, การทำความสะอาดจุดหรือบริเวณที่มีการสัมผัสร่วม

แน่นอนว่า บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ก็เช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งในส่วนที่ต้องดูแลสวัสดิภาพของพนักงานบริษัท และการขับเคลื่อนธุรกิจของ โออาร์

ด้านการรับผิดชอบต่อผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการต่าง ๆ ของธุรกิจของ โออาร์ ทั้งสถานีบริการน้ำมัน PTT Station และร้านค้าต่าง ๆ ของ โออาร์  ได้มีนโยบายเพิ่มมาตรการด้านสุขอนามัย และปรับรูปแบบการให้บริการ เพื่อลดโอกาสการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ ให้พนักงานทุกคนล้างมือและสวมหน้ากากอนามัยระหว่างปฏิบัติหน้าที่ การติดตั้งเจลแอลกอฮอล์สำหรับลูกค้าไว้ล้างมือ

ทุกธุรกิจของ โออาร์  เปิดดำเนินการตามปกติ เพื่ออยู่เคียงข้างคนไทยทุกคน และพร้อมผ่านวิกฤตไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสถานีบริการน้ำมัน PTT Station, ร้านกาแฟ Café Amazon, ร้าน Texas Chicken, ร้านฮั่วเซ่งฮง ติ่มซำ, ร้านค้าสะดวกซื้อ Jiffy, ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto เพียงแต่ต้องปรับรูปแบบการบริการให้เข้ากับระเบียบต่าง ๆ ที่ทางภาครัฐออกมา

นอกจากนี้ โออาร์ ยังช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของคนไทย ผ่านมาตรการความช่วยเหลือต่างๆ ทั้งในส่วนของโออาร์ เอง ไม่ว่าจะเป็น

  • การจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์มอบให้รพ.ราชวิถี
  • มอบแอลกอฮอล์ทำความสะอาดให้โรงพยาบาล 44 แห่งทั่วประเทศ
  • มอบหน้ากากผ้ามัสลินให้กับสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย

และ ธุรกิจต่าง ๆ ของโออาร์ ก็ร่วมแรงกัน ออกมาช่วยเหลือเช่นกัน

  • สถานีบริการน้ำมัน PTT Station แจกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ 1 ล้านชิ้น จัดหาแอลกฮอล์ ขวด 1 ลิตร มาจำหน่ายในราคาพิเศษ, เปิดพื้นที่ในสถานีให้เกษตรกรนำมะม่วงน้ำดอกไม้มาขาย, แจกน้ำดื่มให้เดลิเวอรี่แมน 1 ล้านขวด

  • ร้านกาแฟ Café Amazon, ร้าน Texas Chicken ช่วยสนับสนุนอาหาร เครื่องดื่ม ให้กับบุคคลากรการแพทย์
  • ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto พ่นยาฆ่าเชื่อทำความสะอาดห้องโดยสารรถยนต์ให้บุคลากรทางการแพทย์ ฟรี
  • บัตร Blue Card เปลี่ยนคะแนนสะสมเป็นเงินบริจาค ยอดรวมกว่า 1 ล้านบาท

และ ล่าสุด โออาร์ มีโครงการสมทบทุนให้กองทุนชัยพัฒนาสู้โควิด-19 และโรคระบาดต่าง ๆ ผ่าน 2 กิจกรรม คือ

1. ซื้อเครื่องดื่มร้านกาแฟ Café Amazon ทุกแก้ว หัก 1 บาทให้กองทุนนี้ ซึ่งสามารถเปลี่ยนพลังใจเป็นเงินสมทบทุนเข้ากองทุน

2. สมัครสมาชิก Blue Card โออาร์ บริจาคให้เลย 10 บาทต่อราย ให้กองทุนนี้ ตั้งแต่ 1 พ.ค.- 30 มิ.ย. นี้

ไม่เพียงแต่ความช่วยเหลือในประเทศเท่านั้น อย่างที่ทราบ โออาร์ เอง มีธุรกิจในต่างประเทศด้วย ซึ่งทาง โออาร์ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผ่านบริษัทในเครือด้วยเช่นกัน

  • Brighter Energy, Brighter Energy Brighter PTT Oil and Retail Business และ PTT Oil Myanmar แจกเจลแอลกอฮอล์ ให้กับลูกค้า Café Amazon ที่เมียนมาร์ 1,500 ชิ้น
  • PTT Cambodia แจกเจลแอลกอฮอล์ให้กับผู้มาใช้บริการที่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station, ร้านกาแฟ Café Amazon, ร้านค้าสะดวกซื้อ Jiffy ในกัมพูชา รวม 1.4 แสนชิ้น
  • PTT Philippines แจกหน้ากากอนามัย และเฟซชิลด์ ให้บุคคลากรทางแพทย์ และตำรวจฟิลิปปินส์ 9,000 ชิ้น แอลกอฮอล์น้ำ 70% กับเครื่องดื่ม Café Amazon ให้กับบุคคลากรแพทย์ของฟิลิปปินส์

ถือเป็นการรวมพลังครั้งยิ่งใหญ่ทุกธุรกิจและทุกภาคส่วนของ โออาร์ เพื่อกระจายและส่งต่อความช่วยเหลือสู่วงกว้างให้ได้มากที่สุด และการร่วมใจ สู้วิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ของ โออาร์ ใช้งบรวมกว่า 30 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้คนไทยผ่านวิฤกตครั้งนี้ไปด้วยกัน

คุณนายพารวย : จดแก้จน!!

0

สัปดาห์ที่แล้ว แนะนำให้แบ่งเงินออม เป็น 4 ก้อนหรือ 4 บัญชี ตามวัตถุประสงค์ของการออมเงิน คือ  1.บัญชีเงินออมไว้ใช้ยามฉุกเฉิน 2.บัญชีเงินออมระยะสั้น-ปานกลาง 3.บัญชีเงินออมระยะยาว 4. บัญชีเงินออมเพื่อการลงทุน

          มีบางคนโอดโอยว่า ปฎิบัติตามคาถาแก้จนคือ  “ออมก่อนใช้” แล้ว แต่เมื่อถึงเวลา เงินที่กันไว้ใช้จ่าย กลับไม่พอใช้.. ไม่รู้ว่าเงินหายไปกับอะไร!! ยังไม่ทันสิ้นเดือน.. มารู้ตัวอีกที.. เงินหมดแล้ว   เงินหายไปไหน??!!   ใครเป็นอย่างนี้บ้าง…..!!

          บทเรียนสู่ความร่ำรวยมั่งคั่งที่สำคัญอีกอย่าง คือ ต้องวางแผนการใช้จ่ายวิธีปฎิบัติที่ทุกคนต้องทำคือ การจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย มีรายรับจากเงินเดือนเท่าไร เงินจากค่าล่วงเวลา เงินจากจ็อบพิเศษ เงินขายของออนไลน์ รับมาเท่าไรจดไว้

          ส่วนรายจ่ายอันนี้ สำคัญมาก  ต้องจดบันทึกไว้ทุกวันทุกครั้งว่าใช้จ่ายเงินซื้ออะไรไปบ้าง ค่าใช้จ่ายเล็กน้อย ที่ควักออกจากกระเป๋าต้องจดไว้ให้หมด พกสมุดเล็กๆติดตัวไว้เลย จะจดทันทีหรือมาจดตอนสิ้นวันก็ได้

          พอสิ้นเดือน มาพิจารณาดูว่ามี “รูรั่ว” ตรงไหน เงินที่จ่ายไป มีสิ่งฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็นต้องซื้อ หรือควรซื้อให้น้อยลงได้หรือไม่  เช่น กาแฟร้านหรู-ชานมไข่มุกแบรนด์ดัง ดูหนังฟังเพลง เที่ยวเตร่ ปาร์ตี้ กินข้าวนอกบ้าน

          เมื่อหาสาเหตุได้ว่าทำไมเงินถึงไม่พอใช้  ก็จัดการควบคุมหรือตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเหล่านี้ในเดือนถัดไป เมื่ออุด “รูรั่ว”ได้แล้ว  จะทำให้เรามีเงินเหลือ มาออมได้เพิ่มขึ้นทันที!!

          เช่น ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ 5 วัน ที่มาทำงานต้องกินชานมไข่มุกแก้วละ 40 บาท(บางยี่ห้อแก้วนึงเป็นร้อยบาท) สัปดาห์ละ 200บาท  หนึ่งเดือน  4 สัปดาห์ ลดค่าใช้จ่ายได้ 800 บาทแล้ว

          นี่คือความสำคัญของการจดบันทึกรายรับรายจ่าย นอกจากจะทำให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เป็นต้นเหตุปัญหา “กระเป๋ารั่ว” ของตัวเองแล้ว ยังช่วยให้เราปรับวิธีใช้จ่ายและคุมค่าใช้จ่ายได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ

          นอกจากการจดรายจ่าย ที่เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน คือ ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเสื้อผ้า ค่าเดินทาง ค่ากิจกรรมบันเทิงฟุ่มเฟือย ต่างๆแล้ว

           ยังมีค่าใช้จ่ายประเภทอื่นด้วย คือ ค่าใช้จ่ายเพื่อการออมและการลงทุน อันนี้จดเสร็จแล้วต้องกันเงินทุกเดือนแยกเงินใส่บัญชีเงินออมและเงินลงทุนไว้ต่างหากเลย  อีกค่าใช้จ่ายคือ “ค่าใช้จ่ายคงที่”  ที่ต้องจ่ายแน่นอนทุกเดือน เช่น ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือค่าเช่าบ้าน ค่าเบี้ยประกัน  เป็นต้น

          หากเบื่อการจดใส่กระดาษแบบเดิมๆ ลองโหลดแอปทำบัญชีรายรับรายจ่าย “SET Happy Money จดอย่างมีวินัย” ของตลาดหลักทรัพย์มาใช้ดู นอกจากบันทึกรายรับรายจ่ายแล้ว ยังมีบันทึกรายการสินทรัพย์และหนี้สิน และวิเคราะห์สุขภาพการเงิน และฟีเจอร์อื่นๆให้ด้วย ลองไปดูกัน ถ้าไม่ถนัดก็กลับมาจดใส่สมุดบันทึกเหมือนเดิม

          เริ่ม “จดแก้จน” ตั้งแต่วันนี้ แล้วเราจะรวยไปด้วยกัน!!

ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

คาเฟ่ อเมซอน มอบเงิน 4.5 ล้านบาท สนับสนุนกองทุนชัยพัฒนา ร่วมฝ่าวิกฤต สู้ภัยโควิด-19

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ให้เกียรติรับมอบเงินจำนวน 4,500,000 บาท จากโครงการ “1 แก้ว 1 กำลังใจ ร่วมสร้างพลังที่ยิ่งใหญ่” จาก นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ คาเฟ่ อเมซอน จัดขึ้นเพื่อเชิญชวนให้ผู้บริโภคได้ร่วมแบ่งปันน้ำใจ และส่งต่อน้ำใจให้บุคลากรทางการแพทย์ผ่าน กองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด 19 (และโรคระบาดต่าง ๆ ) 

กองทุนดังกล่าว อยู่ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิชัยพัฒนาที่จัดตั้งขึ้นเพื่อมอบความช่วยเหลือแก่โรงพยาบาล และสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ตลอดจนสาธารณสุขทั่วประเทศ

โดยเมื่อผู้บริโภคซื้อเครื่องดื่มคาเฟ่ อเมซอนทุกแก้ว ทั้งการซื้อที่ร้านคาเฟ่ อเมซอน หรือการสั่งซื้อผ่านเดลิเวอรี่แอพพลิเคชั่นทุกช่องทาง ระหว่างวันที่ 1 – 7 พฤษภาคม 2563  คาเฟ่ อเมซอน จะหักรายได้ 1 บาทต่อแก้ว เข้าสมทบทุนกองทุนฯ ดังกล่าว นอกจากนี้ คาเฟ่ อเมซอนยังได้มอบหน้ากากผ้ามัสลิน จำนวน 10,000 ชิ้น เพื่อให้มูลนิธิฯ นำไปมอบให้ประชาชนใช้ป้องกันและลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายของเชื้อโรคโควิด-19 ด้วย

เริ่มแล้ว “สิงห์อาสาสู้น้ำท่วม” บุญรอดฯ ช่วยสร้างงานคนในพื้นที่

0

บุญรอดฯ” เริ่มโครงการ 3 “สิงห์อาสาสู้น้ำท่วม” เร่งจ้างงานอาสาสมัครในพื้นที่   

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2563 บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับเทศบาลตำบลสามเมือง อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา และองค์การบริหารส่วนตำบลบัวปากท่า  อ. บางเลน จ. นครปฐม  กรมชลประทาน และ เครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสา จัดโครงการ “สิงห์อาสาสู้น้ำท่วม” เพื่อจ้างงานเป็นการสร้างงานสร้างเม็ดเงินให้กับชาวบ้านในชุมชน ด้วยการร่วมกันกำจัดผักตบชวา ในลำคลองหนองบึงของพื้นที่ตำบลสามเมือง อ.ลาดบัวหลวง  จ.พระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ตำบลบัวปากท่า อ.บางเลน จ.นครปฐม

โดยมี นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหารอาวุโส พร้อมด้วย นายสุชิน อิงคะประดิษฐ์ และคณะผู้บริหาร บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกันเปิดโครงการ  พร้อมด้วยเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาจาก 3 มหาวิทยาลัย คือ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ กับชาวบ้านในพื้นที่รวมทั้งหมด 150  คนดำเนินกิจกรรมกำจัดผักตบชวาในพื้นที่

การกำจัดผักตบชวาเก็บกวาดลอกทิ้งไป  เพื่อไม่ให้เป็นวัชพืชกีดขวางทางน้ำไหลในคูคลอง อันเป็นต้นเหตุของปัญหาน้ำท่วมในแต่ละปี  นอกจากจะได้ลำคลองหนองบึงที่สะอาดปราศจากผักตบแล้ว กิจกรรมนี้ยังเป็นการช่วยให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้ร่วมกันดูแลชุมชนของตนเองอีกด้วยและผักตบทั้งหมดที่ลอกขึ้นมานั้น ทางเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลที่รับผิดชอบพื้นที่นั้นๆ จะส่งมอบให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จักสานจัดจำหน่าย บางส่วนจะนำไปทำเป็นปุ๋ยต่อไป  โดยชาวบ้านที่เข้าร่วมกิจกรรมกำจัดผักตบชวาในครั้งนี้จะได้รับเบี้ยเลี้ยงคนละ 200 บาทต่อวัน ข้าวสารตราพันดีขนาด 5 กิโลกรัม 1 ถุง และน้ำดื่มสิงห์ขนาด 1.5 ลิตร  จำนวน 1 แพ็ค


โครงการ “สิงห์อาสาสู้น้ำท่วม” กำจัดผักตบชวาครั้งนี้   เป็นโครงการเร่งด่วนโครงการที่ 3 ของนโยบายการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด-19  ผ่านโครงการสิงห์อาสาทั่วประเทศ ที่บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด  เดินหน้าเร่งจ้างงานสร้างอาชีพอย่างต่อเนื่อง เป็นการบรรเทาความเดือดร้อน โดยหลังจากนี้จะกระจายโครงการไปยังในพื้นที่ภาคกลางอีกหลายจังหวัด ซึ่งสองโครงการก่อนหน้านี้คือ โครงการ “สิงห์อาสาสู้ไฟป่า” และโครงการ “สิงห์อาสาสู้ภัยแล้ง” มีการจ้างงานสร้างเงินให้กับคนในพื้นที่ โดยจัดเป็นโครงการทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพื่อการช่วยเหลืออย่างยั่งยืน

โดยโครงการจ้างงานสร้างอาชีพทั้ง 3 โครงการนั้น จะดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ยังมีโครงการที่เตรียมจะทำทั้งในส่วนของการสร้างรายได้และสร้างอาชีพในระยะยาวต่อไป

นายสุชิน อิงคะประดิษฐ์ ผู้บริหาร บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่มีโควิด – 19 ระบาด ส่งผลกระทบต่อชุมชนและคนในสังคมไทย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ ได้เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนต่างๆ และได้มีการส่งมอบช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากการมอบเงินให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศทั้ง 26 แห่งเป็นจำนวน 50 ล้านบาท เพื่อช่วยสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ให้กับคุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ นอกจากนั้นแล้วยังมีโครงการเร่งด่วนที่ทางบุญรอดฯได้ทำต่อมาคือการเร่งจ้างงานสร้างอาชีพ โดยมีทั้งหมด 3 โครงการ คือโครงการสิงห์อาสาสู้ไฟป่าซึ่งได้เริ่มไปแล้วเมื่อต้นเดือนพ.ค. ที่จ.เชียงราย โครงการสิงห์อาสาสู้ภัยแล้ง ที่จ.ขอนแก่น และในวันนี้เป็นโครงการที่ 3 โครงการสิงห์อาสาสู้น้ำท่วม โดยได้ร่วมมือกับชุมชน เทศบาลตำบลสามเมือง องค์การบริหารส่วนตำบลบัวปากท่า และเครือข่ายสิงห์อาสา รวมถึงประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลป้องกันน้ำท่วมและดูแลชุมชนของตัวเอง

ส่วนชาวบ้านในพื้นที่คลองพระยาบันลือบอกว่า ดีใจมากที่วันนี้ทางบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้มาจัดกิจกรรมที่นี่ทำให้พวกเขาได้มีรายได้ในช่วงนี้ และยังได้มอบข้าวสารและน้ำดื่มไว้ให้พวกเขาอีกด้วย ทั้งยังดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยกันดูแลพื้นที่ในชุมชน เนื่องจากพื้นที่ตรงนี้มีผักตบชวาเป็นจำนวนมาก ทำให้น้ำในคลองไหลได้ไม่คล่องตัวนัก วันนี้ที่ได้มาช่วยกันเก็บผักตบทำให้ได้ช่วยป้องกันในเรื่องของน้ำท่วมในพื้นที่นี้ได้อีกด้วย

ประวิตร ลงพื้นที่ ตรวจการกำจัดผักตบชวาในแม่น้ำท่าจีน

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาผักตบชวาและวัชพืช พร้อมตรวจเยี่ยมการทำงานเพื่อเตรียมรับน้ำหลากในฤดูฝนปี 2563 โดยมี ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมชลประทาน(ด้านบำรุงรักษา) และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมโรงเรียนวัดทรงคะนอง ตำบลทรงคะนอง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

โดยกรมชลประทาน ได้ร่วมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและประชาชน นำเรือแบ๊คโฮลลงโป๊ะ จำนวน 1 ลำ เข้าร่วมการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในแม่น้ำท่าจีน บริเวณสะพานวัดทรงคะนอง โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่าน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือน้ำหลากในฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง

ทั้งนี้ กรมชลประทาน มีแผนการดำเนินการกำจัดผักตบชวาและวัชพืช เพื่อเตรียมการรับน้ำหลากในฤดูฝน ปี2563 ตามแม่น้ำสายหลักและสายรองลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำป่าสัก รวมทั้งสิ้น 16 จุด โดยกำหนดเป้าหมายในการกำจัดไว้ประมาณ 77,400 ตัน ปัจจุบัน(12 พ.ค.63) ได้ดำเนินการไปแล้วประมาณ 53,973 ตัน ส่วนในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ได้กำหนดเป้าหมายในการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชทางน้ำไว้ประมาณ 2,585,141 ตัน

นายกฯ โพสเฟสบุ๊ค บอกเหตุผลตัดสินใจให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของศาล ไม่อุ้มเพราะต้องรักษาเงินตราของประเทศ

0

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสลงเฟสบุ๊ค มีเนื้อหากล่าวถึงมติที่ประชุมครม. วันนี้ (19 พ.ค.) ที่อนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) โดยใช้แนวทางเข้าสู่กระบวนการศาลล้มละลายกลาง

โดยมีเนื้อหาดังนี้

ไม่อุ้มครับ “เราจำเป็นจะต้องรักษาเงินตราของประเทศไทยเอาไว้ เพื่อใช้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาข้างหน้าต่อจากนี้ “

“วันนี้ ผมขอแจ้งให้ทราบถึงการตัดสินใจเรื่องการบินไทยนะครับ มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ทั้งนี้ ก็เป็นการตัดสินใจที่ผมรู้ว่า เราจะช่วยกันรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนทุกคนได้อย่างไร
ในส่วนของปัญหาเรื่องนี้ ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ในเรื่องของการมีหนี้สินต่างๆ มากพอสมควรในขณะนี้ เพราะฉะนั้นมีอยู่ 3 ทางเลือก คือ

(1) หาเงินให้การบินไทยดำเนินการต่อไป

(2) ปล่อยให้เข้าสู่สถานการณ์ล้มละลาย และ

(3) เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของศาล

ที่ผ่านมาอาจจะมีปัญหาการฟื้นฟูไม่ได้ประสิทธิภาพมากนัก เพราะมีข้อกฎหมายอยู่หลายประการด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ.ร.บ. แรงงาน และ พ.ร.บ. รัฐวิสาหกิจ เพราะฉะนั้นวันนี้เราจำเป็นที่จะต้องหามาตรการที่เหมาะสม และเราได้มีการพิจารณาร่วมกันใน คนร. และ ครม. แล้ว พวกเราทุกคนตัดสินใจว่า เราจะเลือกหนทางแบบที่ 3 ซึ่งเป็นหนทางปฏิบัติที่ดีที่สุด และจะต้องมีขั้นตอนในการดำเนินการอีกหลายขั้นตอนต่อไป เพื่อจะแก้ปัญหาภายในขององค์กร และในเรื่องของการประกอบการเพื่อให้ฟื้นฟูขึ้นมาอย่างที่พวกเราทุกคนวาดหวังไว้นะครับ

ผมอยากให้พวกเราทุกคนได้กลับไปคิดดูว่า เรามีการบินไทยเพื่ออะไร ในช่วงที่ผ่านมา การบินไทยควรจะเป็นองค์กรที่ช่วยสร้างชื่อเสียง และรายได้ให้กับคนไทย และมีความสามารถในการแข่งขัน มีความเข้มแข็งในตัวเอง อันนี้คือพื้นฐานการตัดสินใจของผม และนำสู่การพิจารณาใน ครม. ในวันนี้ครับ
วันนี้ถึงเวลาแล้วนะครับ ที่เราจะต้องกล้า ที่จะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูโดยการยื่นขอเข้ากระบวนการต่อศาล ได้มีการหารือกันอย่างรัดกุมในรายละเอียดต่างๆ ทั้งหมด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลานี้ เป็นเวลาที่ประเทศไทยและทั้งโลกกำลังเผชิญวิกฤต รายได้ของทุกคนกำลังหายไป กับหายนะจากโควิด เราก็จำเป็นจะต้องรักษาเงินตราของประเทศไทยเอาไว้ เพื่อใช้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาข้างหน้าต่อจากนี้ ในการช่วยเหลือทั้งเกษตรกรที่กำลังทุกข์ยาก ผู้ประกอบการ SME ต่างๆ ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตทางธุรกิจ หรือ ช่วยเหลือคนหาเช้ากินค่ำ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือประชาชนทั่วไปที่ทำงานหนักอยู่ในขณะนี้เพื่อจะมีเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวของตัวเอง รัฐบาลต้องมองอย่างรอบคอบ ในทุกมิติ

วันนี้ ถึงแม้เรามาถึงจุดที่สามารถควบคุมวิกฤตทางด้านสุขภาพได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับหลายๆ ประเทศ แต่ปัญหาจากโควิดจะยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะปัญหาที่หนักยิ่งกว่านั้น ที่รัฐบาลกำลังหาหนทางปฏิบัติในการแก้ปัญหาดังกล่าว ก็คือ ปัญหาเรื่องการทำมาหากิน การหารายได้เลี้ยงปากท้องของประชาชน ที่ทุกคนในประเทศไทยล้วนได้รับผลกระทบทั้งสิ้น และยังไม่รู้ว่า เมื่อไหร่ถึงจะสามารถกลับมาทำมาหากินสร้างรายได้ ได้เหมือนปกติอย่างเคย นี่คือวิกฤตทางเศรษฐกิจที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคตนะครับ เราจำเป็นต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนในการใช้จ่ายงบประมาณ ยิ่งเป็นจำนวนมากหลังจากวิกฤตโควิดต่อจากนั้นก็เพื่อจะให้ประชาชนอยู่รอดได้ สร้างชีวิต สร้างรายได้ ทุกอย่างมาสู่ภาวะปกติ และมีการสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมา และเข้มแข็งในระยะต่อไปนะครับ เราต้องมองทุกมิตินะครับ

ผมเองรู้สึกว่า การที่ผมตัดสินใจให้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูนั้น โดยไม่ปล่อยให้การบินไทยต้องเข้าสู่สถานะล้มละลาย ซึ่งมันอาจจะทำให้พนักงานมากกว่า 2 หมื่นคน ต้องถูกลอยแพ พวกเราทุกคนคงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นนะครับ

เพราะฉะนั้น รัฐบาลก็ยืนยันว่าจะสนับสนุนในการดำเนินการดังกล่าวอย่างเต็มที่ เพื่อจะให้การบินไทยยังสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ แม้ไม่ได้รับเงินจากรัฐบาล ผมจึงอนุญาตให้การบินไทยเข้าไปอยู่ภายใต้การคุ้มครองของศาล และเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูภายใต้คำสั่งของศาล ซึ่งศาลจะแต่งตั้งมืออาชีพเข้ามาช่วยบริหารจัดการการฟื้นฟูการบินไทย

ผมเอง และพี่น้องประชาชนทุกคนก็คงคาดหวังเช่นเดียวกันว่า เมื่อมีมืออาชีพเข้ามาช่วยบริหารจัดการแล้ว การบินไทยจะสามารถกลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติที่คนไทยเคยภาคภูมิใจ และกลับมาเป็นองค์กรที่ช่วยสร้างความรุ่งเรืองให้กับประเทศไทยได้

ด้วยวิธีการเช่นนี้ เป็นวิธีการเดียวที่การบินไทยจะยังสามารถดำเนินกิจการต่อได้ พนักงานของการบินไทยก็จะยังมีงานทำต่อไป ในขณะเดียวกัน การปรับโครงสร้างของการบินไทยที่ควรจะทำสำเร็จมาตั้งนานแล้ว ก็จะเกิดขึ้นได้ด้วย ในการเข้าสู่มาตรการฟื้นฟูขณะนี้นะครับ

นั่นคือการตัดสินใจของผม และเป็นทิศทางที่รัฐบาลจะยึดปฏิบัติกับกรณีของการบินไทย ส่วนในรายละเอียดต่างๆ จะเป็นไปตามที่ศาลกำหนด และคาดว่าจะสามารถแจ้งให้ทุกท่านทราบในโอกาสต่อไป ผมให้ทางกระทรวงคมนาคมและหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการแถลงข่าวในเรื่องนี้ในรายละเอียดอีกครั้งครับ
การบินไทย เราถือว่าเป็นทูตที่ดีทางวัฒนธรรมที่ช่วยโปรโมทประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนาน 60 ปี ผ่านการทุ่มเททำงานของคนจำนวนมาก จากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน นักบิน วิศวกร ช่าง พนักงานภาคพื้น รวมทั้งพนักงานในส่วนงานอื่นๆ ของการบินไทย ผมเองก็หวังเช่นเดียวกับคนไทยทุกคนว่า การช่วยเหลือให้การบินไทยได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูภายใต้คำสั่งศาล จะช่วยให้การบินไทยสามารถกลับมาเป็นสายการบินที่มีความแข็งแกร่งได้อีกครั้ง

ขอบคุณมากครับ นี่คือการตัดสินใจของผมและคณะรัฐมนตรีในวันนี้นะครับ

การบินไทยแจ้งหยุดบินชั่วคราว มิ.ย.ต่ออีก 1 เดือน

0

รายงานข่าวจาก บริษัท การบินไทย เปิดเผยว่า การบินไทยแจ้งเหตุจำเป็นต้องขยายเวลาหยุดทำการบินชั่วคราวต่ออีก 1 เดือน ในเดือนมิถุนายน 2563 ภายหลังจากที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) มีคำสั่งขยายเวลาห้ามอากาศยานขนส่งผู้โดยสารทำการบินเข้ามายังท่าอากาศยานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 นั้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับในเดือนกรกฎาคม 2563 การบินไทยยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและประเมินสถานการณ์ เพื่อกลับมาทำการบินทันทีเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง โดยบริษัทได้ติดตามสถานการณ์จากทั่วโลกอย่างใกล้ชิด และยังพิจารณามาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ของแต่ละประเทศ มาตรการปิดประเทศ (Lock Down) และความต้องการในการเดินทางของผู้โดยสาร ซึ่งขณะนี้บริษัทได้มีแผนเตรียมความพร้อมในการให้บริการไว้แล้ว และจะแจ้งกำหนดการที่แน่นอนให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป

ทั้งนี้ บริษัทยังคงทำการบินในเที่ยวบินพิเศษในเส้นทางระหว่างประเทศเพื่อรับคนไทยกลับบ้าน รวมทั้งให้บริการเที่ยวบินขนส่งสินค้าและผลผลิตทางการเกษตรเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทย

คนร.เห็นชอบ ยื่นศาลล้มละลาย ฟื้นฟูกิจการการบินไทย รอเสนอครม.พรุ่งนี้ (19 พ.ค.)

0

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ยื่นศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอฟื้นฟูกิจการ

โดยคนร. จะเสนอมตินี้ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ค.) เนื่องจาก บริษัท การบินไทย เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

ส่วนจะเป็นการยื่นทำแผนฟื้นฟูต่อศาลล้มละลายกลางของไทยหรือไม่นั้น โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ตอบว่า น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ยังไม่ได้หารือรายละเอียด ในการประชุมวันนี้ มีเพียงหลักการให้การบินไทยเดินตามแผนฟื้นฟู โดยในที่ประชุม ไม่มีผู้ใดขัดแย้ง ส่วนแนวทางค้ำประกันเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง คงไม่นำมาพิจารณาแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น ว่า คนร.เห็นชอบให้ดำเนินการฟื้นฟูกิจการของบริษัทการบินไทย และขอให้เข้าใจว่า เป็นคนละเรื่องกับการล้มละลาย ทั้งนี้ ต้องให้เรื่องเข้าสู่การพิจารณาของครม.เสียก่อน ยังเปิดรายรายละเอียดอะไรไม่ได้

กรมชลฯ รับมือฤดูฝน สั่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยมีดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน และนายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมชลประทาน(ด้านบำรุงรักษา) เข้าร่วมประชุมผ่านระบบ VDO Conference จากทำเนียบรัฐบาลมายังศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) กรมชลประทาน สามเสน  

อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงการบริหารจัดการน้ำและการเตรียมการรับมือฤดูฝนปีนี้ว่า กรมชลประทานได้สั่งการให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ ตรวจสอบอาคารชลประทานทุกแห่ง ให้สามารถใช้งานได้เต็มศักยภาพ รวมทั้งสำรวจสิ่งกีดขวางทาง และการกำจัดวัชพืชในแม่น้ำสายหลัก คู คลองต่างๆ การติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆเป็นไปตามเกณฑ์การเก็บกักที่วางไว้ ที่สำคัญได้เน้นย้ำให้มีการแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม หรือน้ำล้นตลิ่ง อีกทั้ง ยังได้จัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ ประจำไว้ในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว หากต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ชลประทานบริการประชาชน

ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศจำนวน 447 แห่ง มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 34,100 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 45 %  ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 10,436 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) มีรวมกันประมาณ 8,276 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 33% ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,580 ล้าน ลบ.ม.

ล่าสุด มีการจัดสรรน้ำทั้งประเทศไปแล้ว 1,481 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 12% ของแผนจัดสรรน้ำฤดูฝน เฉพาะลุ่มเจ้าพระยา มีการจัดสรรน้ำไปแล้ว 485 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 15% ของแผนฯ ด้านผลการเพาะปลูกข้าวนาปี 2563 ปัจจุบันทั้งประเทศเพาะปลูกแล้วรวมทั้งสิ้น 0.65 ล้านไร่ จากแผนที่กำหนดไว้ 16.79 ล้านไร่ เฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา เพาะปลูกแล้ว 0.43 ล้านไร่ จากแผนที่กำหนดไว้ 8.10 ล้านไร่ ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ ค่อนข้างจำกัด สำรองไว้ใช้ได้เฉพาะอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศ เท่านั้น ส่วนการทำนาปี ขอให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกโดยใช้น้ำฝนเป็นหลัก และแม้ว่าขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศว่าไทยเข้าสู่ฤดูฝนแล้วก็ตาม แต่ขอให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกเมื่อเห็นว่ามีปริมาณฝนตกชุกหรือมีปริมาณน้ำเพียงพอในพื้นที่