Home Blog Page 403

ยกเลิก Shuttle Bus 3 เส้นทาง หลังครบกำหนดทดลองเดินรถ

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า ตามที่ กทม. มีโครงการความร่วมมือทดลองให้บริการเดินรถ Shuttle Bus เพื่อนำส่งผู้โดยสารเข้าสู่ระบบขนส่งมวลชนหลัก(ระบบราง) “BMA FEEDER” ประกาศ หลังจากได้ดำเนินการทดลองเดินรถ โดยไม่จัดเก็บค่าโดยสาร เพื่อแก้ปัญหาการจราจร ซึ่งได้มีการทดลองเป็นระยะเวลา 6 เดือน ปัจจุบันการดำเนินการทดลองได้ครบระยะเวลาในการศึกษาทดลอง ขณะนี้ได้มีการยกเลิก 3 เส้นทางของบริการรถ Shuttle Bus ของ กทม. ที่เชื่อมต่อการเดินทางจากสถานที่สำคัญ ไปยังระบบขนส่งอื่น ๆ ได้แก่

1. เส้นทางเดินรถ สาย B1 สถานีขนส่งมวลชนสายใต้ใหม่-สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสบางหว้า หยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2563 เป็นต้นไป

2. เส้นทางเดินรถ สาย B2 ดินแดง-สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสนามเป้า หยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป

และ 3.  เส้นทางเดินรถ สาย B3 ชุมชนเคหะร่มเกล้า-ARL ลาดกระบัง หยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2563 เป็นต้นไป

ที่มา เฟสบุ๊ค รถไฟฟ้าบีทีเอส

ก.ล.ต. ทำเอ็มโอยูกับอัยการสูงสุด ลงโทษทางแพ่งกับผู้ทำผิดในตลาดทุน

0

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับสำนักงานคดีแพ่ง สำนักงานอัยการสูงสุด (สำนักงานคดีแพ่ง) ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อประโยชน์ในการบังคับใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดในตลาดทุน รวมทั้งสนับสนุนด้านวิชาการ บุคลากร และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน ณ สำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้จะช่วยให้ ก.ล.ต. และสำนักงานคดีแพ่งร่วมมือในการจัดเตรียมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน รวมทั้งการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ของการฟ้องคดีและการยื่นคำร้องต่อศาล ตลอดจนแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจด้านการดำเนินคดี กฎหมาย และการกระทำความผิดในตลาดทุนระหว่างกัน เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการลงโทษทางแพ่งมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ความสำคัญกับกระบวนการดำเนินมาตรการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม รวมถึงยับยั้งและป้องปรามการกระทำผิดในตลาดทุน ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในตลาดทุน  

นายกฤษฎา วิชพันธุ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีแพ่ง สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ปัจจุบันได้มีการแก้ไขพรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้มีการนำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับแก่ผู้กระทำความผิดแทนมาตรการลงโทษทางอาญาได้ในบางกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งมีข้อเท็จจริงยุ่งยากสลับซับซ้อน ดังนั้น สำนักงาน ก.ล.ต. และสำนักงานคดีแพ่งจึงได้ร่วมกันจัดทำบันทึกข้อตกลงนี้ขึ้นเพื่อประสานความร่วมมือในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด สร้างความเข้าใจในขั้นตอนการดำเนินการตามภารกิจของหน่วยงานทั้งสอง รวมทั้งให้ความร่วมมือกันในทางวิชาการเพื่อประโยชน์ในการบังคับใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด และทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดความเป็นธรรมในตลาดทุนและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนในตลาดมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ การดำเนินการตามที่ตกลงกันในบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ สอดคล้องกับภารกิจของ ก.ล.ต. ที่ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับบุคคลที่กระทำความผิดซึ่งรวมถึงการดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่ง และยังสอดคล้องกับภารกิจของสำนักงานคดีแพ่งที่ดำเนินคดีแพ่งทั้งปวงแทนหน่วยงานของรัฐซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย

ก.ล.ต. เปิดศูนย์ประสานงานหุ้นกู้การบินไทย ช่วยผู้ถือหุ้นตรวจสอบยอดหนี้

0

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. ได้เปิดให้บริการศูนย์ประสานงานหุ้นกู้การบินไทยสำหรับผู้ถือหุ้นกู้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา ที่สำนักงาน ก.ล.ต. โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมบังคับคดีร่วมอำนวยความสะดวกในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2563 ถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 ที่ชั้น G อาคารสำนักงาน ก.ล.ต. ถนนวิภาวดีรังสิต ตามวันและเวลาราชการ

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้ร่วมกับบริษัท การบินไทย พัฒนาเว็บไซต์ www.tgbondinfo.com เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ถือหุ้นกู้ของ บริษัท การบินไทย สามารถตรวจสอบข้อมูลยอดหนี้ของตนได้ หรือสามารถโทรสอบถามได้ที่ “สายด่วนผู้ถือหุ้นกู้การบินไทย” 1207 กด 9 โดย ก.ล.ต. พร้อมตอบข้อซักถามและรับประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป

เครือซีพี ร่วมภูมิใจ 2 ชุมชนเครือข่ายอนุรักษ์ทะเลไทย คว้ารางวัลสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ เร่งฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล และพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน

0

รายงานข่าวเปิดเผยว่า กรมประมงได้จัดงานวันสถาปนากรมประมงครบรอบปีที่ 94 และวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2563 โดยมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานและมอบรางวัลแก่เกษตรกรดีเด่น โดยในปีนี้ มีชุมชนเครือข่ายที่บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ได้ส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานด้านอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลตั้งแต่ปีพ.ศ. 2560 ได้แก่ ชมรมประมงพื้นบ้านตำบลปะนาเระ  อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้รับรางวัลชนะเลิศ สถาบันเกษตรกรดีเด่น กลุ่มเกษตรกรทำการประมง หรือกลุ่มเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ประจำปี 2563 และ สมาคมประมงพื้นบ้านหัวไทร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 สถาบันเกษตรกรดีเด่นฯ

นายสุไลมาน ดาราโอะ ประธานชมรมประมงพื้นบ้านต.ปะนาเระ   เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ ต้องขอยกความดีให้ชาวประมงในชุมชนทุกคน ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน สิ่งหนึ่งที่เราตระหนักมากที่สุดคือการป้องกันทรัพยากรธรรมชาติและการฟื้นฟูที่เราสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำธนาคารสัตว์น้ำ การสร้างเขตอนุรักษ์ตามแนวประมงชายฝั่ง โดยได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ กรมประมง  และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่เข้ามาช่วยส่งเสริมด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูประมงชายฝั่ง รวมถึงองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการร้านอวนชาวเล ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องมือประมงโดยชาวประมงเพื่อชาวประมง ที่มีโครงสร้างหน้าที่ชัดเจนและเป็นระบบ ทั้งการเช็คสต๊อกสินค้า การทำบัญชีรายรับรายจ่าย ทำให้เกิดการดำเนินงานที่โปร่งใส จนสามารถขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ได้สำเร็จ ถือเป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วนและทำให้ชุมชนประมงเล็กๆ ที่ทำการประมงแบบยั่งยืน เติบโตและก้าวต่อไปอย่างมั่นคงได้เช่นทุกวันนี้

ด้านนายวิรชัช เจะเหล็ม นายกสมาคมประมงพื้นบ้านหัวไทร กล่าวว่า ความสำเร็จครั้งนี้ เกิดจากแรงบันดาลใจของชุมชนที่เกิดปัญหา การต่อสู้ของชุมชนและหลายหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือให้ชุมชนพัฒนาและมีแรงสู้ต่อ ซึ่งจุดประกายขึ้นมาจากทั้งกรมประมงที่เข้ามารับรู้ปัญหาที่แท้จริงของชาวบ้านและทีมชุมชนสัมพันธ์ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่ลงพื้นที่สอบถามความต้องการของชาวบ้าน และ ร่วมส่งเสริมโดยการนำนวัตกรรมธนาคารสัตว์น้ำมาใช้ในชุมชน ทั้งยังนำเทคโนโลยีพลังงานทดแทน (โซล่าเซลล์ และกังหันลม) เข้ามาผสมผสานจนเกิดเป็นระบบอนุรักษ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  รวมถึงถอดบทเรียนงานอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรจนเกิดแนวคิดการบริหารจัดการซั้ง (บ้านปลา) ในรูปแบบหมุนเวียน เพราะการวางซั้งบ้านปลาในแต่ละครั้ง บริเวณตามแนวเชือกซั้งจะมีหอยแมลงภู่มาเกาะ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการอนุรักษ์ ชาวประมงสามารถนำหอยแมลงภู่ไปบริโภคหรือสร้างรายได้ และเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน และเพิ่มทรัพยากรสัตว์น้ำ ยังทำให้งานอนุรักษ์ดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังร่วมกันต่อยอดการเพิ่มมูลค่า การเพิ่มผลิตภาพให้กับทรัพยากรสัตว์น้ำที่จับมาได้ ภายใต้ชื่อ “รอยยิ้มชาวเล” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวชุมชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นำไปสู่การพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ถือเป็นการต่อยอดงานอนุรักษ์ไปสู่การสร้างรายได้ ตามแนวคิด “อนุรักษ์เพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ อนุรักษ์กินได้ อนุรักษ์มีรายได้”

ดร.อธิป อัศวานันท์ ผู้บริหารสำนักบริหารความยั่งยืนธรรมาภิบาลบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์จำกัด เปิดเผยว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ รู้สึกยินดีกับชุมชนประมงเครือข่าย ทั้ง 2 พื้นที่ที่ได้รับรางวัลสถาบันเกษตรกรดีเด่นในครั้งนี้ ซึ่งเครือซีพีให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล และการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนประมงชายฝั่งอย่างยั่งยืน ตามกรอบการทำงานอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลเชิงบรูณาการร่วมกับทุกภาคส่วน โดยเริ่มส่งเสริมงานอนุรักษ์ในพื้นที่ตำบลปะนาเระด้วยการวางปะการังเทียมร่วมกับกรมประมงเมื่อปี 2560 และนำนวัตกรรมธนาคารสัตว์น้ำมาใช้ในพื้นที่ แบ่งปันองค์ความรู้ โดยคำนึงถึงวัฒนธรรม ภาษาท้องถิ่นเป็นหลัก ทำให้สมาชิกทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูล ความรู้ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงส่งเสริมการบริหารจัดการ ร้านอวนชาวเล ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องมือประมงโดยชาวประมงที่สร้างรายได้ให้แก่สมาชิกชุมชนชาวประมง

นอกจากนี้ยังได้ร่วมดำเนินการอนุรักษ์สัตว์น้ำกับสมาคมประมงพื้นบ้านหัวไทร และร่วมพัฒนารูปแบบการอนุรักษ์ ซั้งหมุนเวียน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนทรัพยากรร่วมกับเครือข่ายการทำงานด้านการอนุรักษ์ท้องทะเลไทย อีกทั้งยังพัฒนาต่อยอดงานอนุรักษ์ไปสู่การสร้างรายได้ โดยการเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป ภายใต้ชื่อ รอยยิ้มชาวเล เกิดเป็นรายได้ที่ยั่งยืนสู่ชุมชน ทั้งนี้ เครือซีพีมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงที่จะต่อยอดการดำเนินงานอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลร่วมกับชุมชนในเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง พร้อมร่วมจับมือกันพัฒนาทะเลไทยอย่างยั่งยืนต่อไป

ซีพีเอฟ ลงนามเอ็มโอยูกับกระทรวงแรงงาน รับนักศึกษาจบใหม่ 8,000 อัตรา

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการรับสมัครนักศึกษาจบใหม่”, “โครงการสนับสนุนแฟรนไชส์ธุรกิจร้านอาหาร” และ “โครงการคูปองแทนใจให้ผู้ประกันตน” เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแก้ปัญหาคนว่างงานจากผลกระทบโควิด-19 โดยมี นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน และนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ เป็นผู้ลงนาม ที่อาคาร ซี.พี. ทาวเวอร์ สีลม โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ นายอดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร ซีพีเอฟ ร่วมเป็นสักขีพยาน

รมว.กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้ จะส่งผลให้แรงงานจบใหม่ของไทยมีงานทำ มีความมั่นคง ทั้งยังช่วยสร้างผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดเล็ก-กลาง ซึ่งเป็นพื้นฐานด้านเศรษฐกิจอันเข้มแข็งของชาติ ขณะเดียวกัน ภาระค่าครองชีพที่กระทบถึงแรงงานเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ควรได้รับการแบ่งเบา การมอบคูปองส่วนลดพิเศษในการซื้ออาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสี่ของการดำรงชีพ ให้แก่ผู้ประกันตนทุกคน จึงน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งต้องขอขอบคุณซีพีเอฟที่มอบส่วนลดพิเศษนี้ให้แก่ผู้ประกันตน

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐในการช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญา 3 ประโยชน์ของประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ และเป็นไปตามนโยบายของนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ต้องการให้ บริษัทมีส่วนร่วมแก้ปัญหาการว่างงานของนักศึกษาจบใหม่ อันเป็นการสร้างโอกาส สร้างความมั่นคงทางอาชีพ และสร้างประโยชน์ต่อประเทศในการร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วงวิกฤติโควิด-19

ซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร จึงเปิดรับตำแหน่งงานได้อย่างหลากหลายตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ครอบคลุมหลายสาขาอาชีพ อาทิ สัตวแพทย์ สัตวบาล วิศวกร นักวิจัยพัฒนาอาหาร นักวิทยาศาสตร์ รวมถึง IT ที่จะเข้ามาช่วยพัฒนางานด้าน Smart Farming , Smart Factory ตลอดจน งานด้านโลจิสติกส์ และงานบริการในร้านซีพีเฟรชมาร์ทและร้านอาหาร การรับนักศึกษาจบใหม่นี้ ตั้งเป้าเปิดรับจำนวนสูงถึง 8,000 อัตรา แบ่งเป็นงานในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลจำนวน 4,000 อัตรา และต่างจังหวัดในทุกภูมิภาคทั่วประเทศอีก 4,000 อัตรา ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ www.cpfwolrdwide.com หรือ พบบูธ CPF ได้ในงาน JOB EXPO THAILAND 2020 จัดโดยกระทรวงแรงงาน วันที่ 26 -28 กันยายน 2563 ณ ศูนย์การประชุมไบเทค บางนา

นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการสร้างผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดเล็ก-กลาง ผ่าน “โครงการสนับสนุนแฟรนไชส์ธุรกิจร้านอาหาร” เช่น ธุรกิจห้าดาวและสตาร์คอฟฟี่ โดยอบรมเสริมความรู้ยกระดับการเป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร สร้างความเข้มแข็งให้ SMEs ไทยกว่า 4,500 ราย ทั้งสองธุรกิจนี้ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียงหลักหมื่นและพื้นที่ขนาดเล็กกะทัดรัดในทุกๆพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ก็สามารถประกอบอาชีพธุรกิจห้าดาวและสตาร์คอฟฟี่ได้ทันที โดยบริษัทมีหลักสูตรอบรมและเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษา เพื่อช่วยยกระดับทักษะฝีมือให้ทุกท่านเป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร-ร้านกาแฟได้อย่างเป็นรูปธรรม นับเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพที่เป็นพื้นฐานการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดี ผู้สนใจเข้าเป็นแฟรนไชส์ธุรกิจห้าดาว สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ http://fivestar.in.th และหากสนใจธุรกิจสตาร์คอฟฟี่ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://Starcoffee.in.th

สำหรับ “โครงการคูปองแทนใจให้ผู้ประกันตน” จะเป็นการมอบคูปองส่วนลดสินค้าจากร้านซีพีเฟรชมาร์ทให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของแรงงานในระบบ โดยมอบเป็นส่วนลดมูลค่ากว่า 2,000 บาทต่อคน ซึ่งผู้ประกันตนสามารถเข้าไปดูรายละเอียดส่วนลดได้ที่ Line : @CPFreshmart ตั้งแต่ 25 กันยายน-30 พฤศจิกายน 2563 นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังมอบซิมทรูโซเชี่ยลพลัส มูลค่า 49 บาท ให้แก่ผู้ประกันตนด้วย ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 1788

30 ปี เอไอเอส เปิด ‘ภารกิจคิดเผื่อ’ ช่วยคนไทยพ้นวิกฤต

0
กานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล เอไอเอส

ชู 3 โมเดล ติดเครื่องนวัตกรรม เอาชนะความท้าทาย ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง
ในงาน AIS Academy for Thais: JUMP THAILAND

รายงานข่าวจาก บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า AIS Academy เปิดภารกิจคิดเผื่อเพื่อคนไทย ขนทัพองค์ความรู้พร้อมสู้ศึกใหญ่หลังวิกฤตที่คนทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ สู่การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยี โดยชู 3 โครงการ ได้แก่

  1. JUMP to Innovation กระโดดสู่ความเหนือกว่าด้วยนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนของประเทศ
  2. JUMP over the Challenge กระโดดสู่ความท้าทาย บนเส้นทางอาชีพใหม่ที่สร้างได้เอง
  3. JUMP with EdTech กระโดดสู่ความรู้ด้วยการเรียนทาง Digital ในวันที่ต้อง Re-Skill

ในงาน AIS Academy for Thais: JUMP THAILAND รูปแบบ Virtual LIVE Event ในวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 13.00 – 16.15 น. ลงทะเบียนฟรีได้แล้วทาง https://register.aisacademyforthais2020.com

นางสาวกานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล เอไอเอส กล่าวว่า ภารกิจคิดเผื่อ โดย AIS Academy ในครั้งนี้ ไม่เพียงชวนคนไทยให้ลุกขึ้นเดินหน้าใหม่อีกครั้ง แต่ก้าวกระโดดให้เร็วกว่าที่เคย เพื่อฝ่าวิกฤตไปให้ได้ ด้วยการทลายกรอบความคิด ความคุ้นเคยเก่าๆ ออกไปให้หมด พร้อมกับการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนเป็นตัวช่วยให้รับมือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพัฒนาตัวเองให้เหนือขีดจำกัดความสามารถเดิมๆ พร้อมเปิดรับประสบการณ์ การเรียนรู้ เพิ่มทักษะใหม่ๆ ที่มีเทคโนโลยีเป็นแรงขับเคลื่อน จะช่วยให้ทุกคนอยู่รอดได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ดังนั้นการจัดงานครั้งนี้ นอกจากจะตอกย้ำหน้าที่ขององค์กรที่มุ่งสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมมาอย่างต่อเนื่องตลอด 30 ปี แล้ว ยังถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องการคัดกรององค์ความรู้ที่ใช่ เพื่อให้คนไทยสามารถนำไปปรับใช้งานให้กระโดดก้าวผ่านความท้าทายได้อย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย

งานในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากวิทยากรหลายวงการทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคธุรกิจ นำโดย คุณชาคริตย์ เดชา รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน / ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง / ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) / คุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) / คุณอราคิน รักษ์จิตตาโภค หัวหน้าฝ่ายขับเคลื่อนนวัตกรรม เอไอเอส / คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เทคซอส มีเดีย / คุณพิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร และคุณศิรพันธ์ วัฒนจินดา ผู้ก่อตั้งบริษัท คิดคิด จำกัด / คุณสุดารัตน์ สุขแสงรัตน์ อดีตผู้ช่วยบรรณาธิการบริหารฝ่ายข่าว ปัจจุบันเป็นเจ้าของร้าน แซ่บ..ซดโฮก by พี่หน่อง / คุณสุธี อัสววิมล ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริหาร บริษัท เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด / คุณศวรรยา ไพศาลพยัคฆ์ (นาน่า) นิสิต และนักแสดงจาก นาดาว บางกอก และ ดร.ปรง ธาระวานิช หัวหน้าสถาบันพัฒนาทรัพยากรบุคคล เอไอเอส ที่จะมาถ่ายทอดสถานการณ์และเทคนิคเพื่อร่วมเสริมศักยภาพให้คนไทยพร้อมเผชิญกับทุกความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล


สิงห์อาสา ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพายุโนอึล

0


รายงานข่าว เปิดเผยว่า สิงห์อาสา เร่งลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากพายุโนอึล โดยได้มอบน้ำสิงห์-ข่าวพันดี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พายุโซนร้อน “โนอึล” ที่ได้เคลื่อนตัวเข้าปกคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำให้ภาคอีสานของประเทศไทย โดยเฉพาะอีสานตอนบนมีฝนตกหนักถึงหนักมาก พร้อมทั้งมีลมพัดแรง โดยช่วงระหว่างวันที่ 18-20 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้เคลื่อนเข้าพัดถล่มในพื้นที่ ต.หนองไฮ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม และ  ต.บ้านเพชร อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ  ทำให้เกิดฝนตกตลอดทั้งคืน ส่งผลให้น้ำท่วมฉับพลันหลายพื้นที่ รวมถึงแรงลมที่พัดโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนประชาชนภายในชุมชน อีกทั้งประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ อีกทั้งยังเกิดเหตุเสาไฟฟ้าล้มขวางหลายเส้นทาง กระแสไฟฟ้าดับในหลากพื้นที่  ชาวบ้านได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก ล่าสุด สิงห์อาสา โดยมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น  ลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่เมื่อวันที่ 20 – 21 กันยายน ที่ผ่านมา โดยเดินเท้าย่ำน้ำนำน้ำดื่มสิงห์พร้อมข้าวสารพันดี ไปมอบให้กับประชาชนที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมสอบถามความเดือดร้อนสารทุกข์สุขดิบและให้กำลังใจชาวบ้านอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ เครือข่ายสิงห์อาสาทั่วประเทศยังเกาะติดภัยพิบัติที่เกิดจากพายุโนอึล และจะเดินทางไปยังพื้นที่  จ.ขอนแก่น จ.บุรีรัมย์ จ.นครราชสีมา และจังหวัดอื่นๆ เพื่อลงพื้นที่ค้นหาความเสียหายในพื้นที่ พร้อมเดินทางเข้าพื้นที่ไปช่วยอย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไป

ราชกิจนานุเบกษา ประกาศแล้ว ขายของออนไลน์ ห้ามให้อินบ็อกซ์ถามราคา มีโทษปรับ 1 หมื่นบาท ผู้แจ้งเบาะแสได้ค่านำจับ 25%

0

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ ฉบับที่ 70 พ.ศ. 2563 เรื่อง การแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 (5) มาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ


โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจแสดงราคาจำหน่าย ค่าบริการ รวมถึงประเภท ชนิด ลักษณะขนาด น้ำหนัก และรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ โดยการเขียน พิมพ์ หรือกระทำให้ปรากฏด้วยวิธีอื่นใดในระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบออนไลน์ของผู้ประกอบธุรกิจนั้น ในลักษณะที่ชัดเจน ครบถ้วน เปิดเผย สามารถอ่านได้โดยง่าย ที่สำคัญการแสดงราคาจำหน่ายสินค้า ค่าบริการตามวรรคหนึ่ง ให้แสดงราคาต่อหน่วย ราคา หรือ ค่าบริการนั้นจะมีตัวเลขภาษาใดก็ได้ แต่ต้องมีตัวเลขอารบิคอยู่ด้วย สำหรับข้อความ หรือรายการที่แสดงควบคู่กับราคาจำหน่ายหรือค่าบริการต้องเป็นภาษาไทย แต่จะมีภาษาอื่นด้วยก็ได้


กรณีที่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากราคาจำหน่ายสินค้า หรือค่าบริการที่ให้บริการที่แสดงไว้ตามข้อ 4 ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องแสดงค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้ชัดเจนครบถ้วน และเปิดเผย โดยแสดงไว้ควบคู่กับการแสดงราคาจำหน่ายสินค้า หรือค่าบริการที่ให้บริการ ข้อ 6 การแสดงราคาจำหน่ายปลีกสินค้าหรือค่าบริการที่ให้บริการตามข้อ 4 ต้องแสดง ให้ตรงกับราคาที่จำหน่าย หรือค่าบริการที่ให้บริการ ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจจำหน่าย หรือให้บริการแก่ผู้ซื้อต่ำกว่าราคาจำหน่าย หรือค่าบริการที่แสดงไว้


รายงานข่าว เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในได้กำหนดว่า กรณีผู้ขายสินค้าออนไลน์ ไม่แจ้งราคาผ่านช่องทางที่จำหน่าย เฟสบุ๊ก, อินสตาแกรม, ไลน์ และเว็บไซต์ แต่จะให้อินบ็อกซ์เข้ามาสอบถามราคาแทนนั้น จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับสินบนนำจับ 25% ของค่าปรับ โดยหลักฐานที่ต้องเตรียม ได้แก่ ข้อความที่พูดคุยกัน, การแจ้งราคาทางอินบ็อกซ์ รวมถึงบัญชีธนาคารของคนขาย เพื่อความสะดวกต่อการนำจับ หากพบผู้กระทำความผิดดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูล หรือร้องเรียนได้ที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์, อีเมล [email protected] หรือสายด่วน 1569

เกษตรกรเลี้ยงไก่ โอดราคาไข่ตก ขายขาดทุน แถมต้นทุนอาหารสัตว์สูงซ้ำเติม

0
มงคล พิพัฒสัตยานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่

นายมงคล พิพัฒสัตยานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาไข่ไก่ในปัจจุบัน ว่า ไข่ไก่คละ ณ หน้าฟาร์มเกษตรกรขณะนี้ราคาลดลง ตามประกาศของสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้า และส่งออกไข่ไก่ ปรับตัวลงจากฟองละ 2.90 บาท เป็น ฟองละ 2.70 บาท ขณะที่ราคาขายจริงของเกษตรกรลดลงไปอยู่ที่ 2.40 บาทต่อฟองเท่านั้น เนื่องจากการบริโภคและการจับจ่ายที่ลดลงจากภาวะฝนตกชุก ประกอบอาหารธรรมชาติออกผลผลิตตามฤดูกาลออกมาขึ้น ขณะที่เกษตรกรต้องแบกรับภาระต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะวัตถุดิบสำคัญทั้งกากถั่วเหลืองและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยกากถั่วเหลืองจากเมล็ดถั่วเหลืองนำเข้าราคาปรับเพิ่มขึ้น จากกก. ละ 13.75 บาท เป็นกก.ละ 15.55 บาทในปัจจุบัน หรือเพิ่มขึ้น 13.09% เนื่องจากสภาพอากาศในประเทศผู้ผลิตสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกา ยังคงได้รับผลกระทบสภาวะอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้คาดการณ์ผลผลิตลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณซื้อโดยเฉพาะจากจีนยังคงมีสูง ทำให้ราคาขายปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนราคาซื้อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ณ ไซโลโรงงานอาหารสัตว์ของไทย จากราคากิโลกรัมละ 9.25 บาทเมื่อสัปดาห์ก่อน เพิ่มเป็นหาบละ 9.65 บาทในปัจจุบัน หรือปรับเพิ่มขึ้นถึง 4.32% เนื่องจากมีพายุเข้าทำให้เกิดภาวะฝนตกอีกระลอก ทำให้คุณภาพข้าวโพดเริ่มเสียหาย และการเก็บเกี่ยวผลผลิตลดลง ส่งผลให้ราคาในช่วงนี้ผันผวน คาดว่าจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 

“ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้จริงที่ 2.40 บาทต่อฟองนั้น สวนทางกับต้นทุนการผลิตไข่ไก่ไตรมาส 3/2563 ที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดการณ์ว่าอยู่ที่ฟองละ 2.54 บาท สำหรับฟาร์มที่เลี้ยงไก่ในโรงเรือนแบบปิด หรืออีแวป ขณะที่เกษตรกรรายย่อยที่เลี้ยงไก่ในโรงเรือนแบบเปิดนั้นจะมีต้นทุนการเลี้ยงที่สูงกว่านี้ เท่ากับเกษตรกรต้องแบกรับภาระขาดทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมานานกว่า 1 เดือนแล้ว จึงอยากขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่ ขอให้รัฐเดินหน้ากิจกรรม PS Support ผลักดันส่งออกไข่ไก่ส่วนเกินไปตลาดต่างประเทศ และเกษตรกรผู้เลี้ยงก็ต้องให้ความร่วมมือช่วยแก้ไขด้วยการปลดแม่ไก่แก่ยืนกรงตามกำหนดของภาครัฐ เพื่อไม่ให้ผู้เลี้ยงทั้งประเทศประสบภาวะขาดทุนจนต้องเลิกอาชีพ ซึ่งจะกระทบกับอุตสาหกรรมการผลิตไข่ไก่ในภาพรวม” นายมงคล กล่าว

ซีพีเอฟ สยามแม็คโคร ร่วมกับบก.ทท. ตั้งร้านค้าสวัสดิการ ช่วยสร้างงานให้ครอบครัวทหาร

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ และ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ แม็คโคร ร่วมกับ กองบัญชาการกองทัพไทย เปิดร้านค้าสวัสดิการกองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.)่ โดยมี พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธี ร่วมด้วย นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ และ นายริคาร์โด้ เบารอตโต้ ประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร หน่วยธุรกิจแม็คโครประเทศไทย ที่ร้านค้าสวัสดิการ กองบัญชาการกองทัพไทย ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ

นายประสิทธิ์ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ซีพีเอฟ ได้มีส่วนร่วมกับกองทัพ ในการป้องกันโควิด-19 เว้นระยะห่างทางสังคม ลดความเสี่ยงจากการเดินทางไปซื้อสินค้าภายนอก นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมอาชีพ สร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัวของทหาร และช่วยให้ผู้บริโภคคนไทยสามารถเข้าถึงอาหารปลอดภัย คุณภาพสูง สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ในทุกขั้นตอน โดยเป็นร้านค้าสวัสดิการลำดับที่ 33 ที่บริษัทร่วมสนับสนุน

โครงการนี้ ซีพีเอฟ ได้สนับสนุนตู้เย็น-แช่แข็ง จำนวน 5 ตู้ และสื่อสนับสนุนแก่ร้านค้า มูลค่ารวมทั้งสิ้น 100,000 บาท นอกจากนี้ ร้านค้าสวัสดิการบก.ทท. ยังนำอาหารสด ทั้งเนื้อหมู  ไก่  ไข่ไก่ และกุ้ง    รวมทั้งอาหารพร้อมปรุงและอาหารพร้อมทาน   จาก   ซีพีเอฟ และสินค้าอุปโภคจากแม็คโคร มาจัดจำหน่ายในราคาพิเศษ เปิดให้บริการทุกวันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่ 6.30-18.00 น.