Home Blog Page 358

เมืองไทยประกันชีวิต จัดพิธีสักการะเจ้าแม่กวนอิม และเทพเจ้ากวนอู ฉลองเชิดมังกรชมพู

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดยนายโพธิพงษ์ ล่ำซำ ประธานกรรมการ นางยุพา ล่ำซำ นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดร.สุธี  โมกขะเวส รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส นายภูมิชาย ล่ำซำ ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการ คณะผู้บริหาร และพนักงาน ร่วมจัดพิธีสักการะองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม และเทพเจ้ากวนอู เชิดมังกรชมพู เฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2564 เพื่อแสดงความเคารพกราบสักการะองค์เทพและ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงขอพรเสริมความเป็นสิริมงคลตลอดปี โดยมี นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดิ เอ็มโพเรี่ยม กรุ๊ป และกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมด้วย ณ สวนสุขภาพเมืองไทยประกันชีวิต ถนนรัชดาภิเษก

ทั้งนี้ ภายในงาน เริ่มลำดับพิธีด้วยคณะผู้บริหารอัญเชิญเทพฯ มา ณ ปรำพิธี ถวายเครื่องสักการะพระโพธิสัตว์กวนอิม และเทพเจ้ากวนอู ตามด้วยคณะผู้บริหาร ผู้มีเกียรติร่วมงาน และพนักงาน ร่วมสักการะองค์เทพ และการแสดงเชิดมังกรชมพู ปิดท้ายด้วยคณะผู้บริหาร ผู้มีเกียรติ และพนักงานร่วมพิธีลอดใต้ท้องมังกรชมพู

CPF ร่วมกับมูลนิธิ LPN ยื่นมือช่วยแรงงานต่างชาติ ฝ่าวิกฤติโควิดต่อเนื่อง

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมกับ มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN)  ส่งมอบความช่วยเหลือแก่แรงงานข้ามชาติให้สามารถดำรงชีวิตสู้วิกฤตโควิดได้ โดยส่งมอบไข่ไก่สด 30,000 ฟอง จากโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” สำหรับนำไปจัดทำถุงยังชีพเพิ่มเติม ช่วยเหลือพี่น้องแรงงานต่างชาติได้มีอาหารปลอดภัยอย่างเพียงพอและสามารถผ่านวิกฤต โดยมีนายสมพงค์ สระแก้ว ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้งมูลนิธิ LPN เป็นผู้รับมอบจาก นายศรกฤษณ์ วัตตศิริ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ ที่สำนักงานมูลนิธิฯ ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี   

นายสมพงค์ กล่าวว่า แม้สถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่จะคลี่คลายขึ้นแล้ว แต่ยังมีกลุ่มคนประชากรจากประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาอาศัยและทำงานอยู่ในประเทศไทยจำนวนไม่น้อยกำลังเผชิญกับความยากลำบากต้องการความช่วยเหลือ เพราะขาดแคลนรายได้ ยังไม่มีงานทำ หรือมีรายได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยจากสถานประกอบการหลายแห่งที่ชะลอการจ้างงาน ตลอดจนหยุดหรือปิดกิจการ มูลนิธิ LPN จึงยังดำเนินการโครงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่พี่น้องแรงงานต่างชาติต่อเนื่อง โดยได้รับความร่วมมือที่ดีจากพันธมิตรต่างๆ อย่าง ซีพีเอฟ ในการสนับสนุนอาหารและไข่ไก่สด เพื่อให้มูลนิธิฯ จัดทำเป็นถุงยังชีพสำหรับนำไปแจกจ่ายให้พี่น้องแรงงานต่างชาติในพื้นที่เป้าหมายในจังหวัดสมุทรสาคร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้ง ผู้ที่อยู่ในจังหวัดตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา เชียงใหม่ และตาก เพื่อให้กลุ่มคนเปราะบางในสังคมไทยได้รับการดูแลอย่างเสมอภาคและทั่วถีงมากที่สุด  สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมั่นคง และปลอดภัย   

โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ที่ซีพีเอฟดำเนินตามนโยบายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี เพื่อช่วยเหลือสังคมให้ผ่านพ้นความยากลำบาก โดยนำความเชี่ยวชาญของการเป็นผู้ผลิตอาหารชั้นนำ ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานภาครัฐ ชุมชน และ NGO ส่งมอบอาหารปลอดภัยอย่างเพียงพอให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มคนเปราะบางในสังคมไทยตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน  

นับตั้งแต่มีการระบาดระลอกใหม่ ซีพีเอฟ ได้ร่วมสนับสนุนมูลนิธิ LPN ซึ่งเป็นองค์กรพันธมิตรที่ดีและมีศักยภาพในการเข้าถึงพี่น้องแรงงานต่างชาติในพื้นที่ต่างๆ  โดยมอบ ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานของซีพีเอฟ จำนวน 30,800 แพ็ค และไข่ไก่สด รวมทั้งสิ้น 40,000 ฟอง ไปช่วยบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องแรงงานข้ามชาติในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดใกล้เคียง  

ทั้งนี้ CPF และเครือซีพี ได้ส่งมอบความช่วยเหลือผ่านหน่วยงานต่างๆ เพื่อสนับสนุนอาหารทีมแพทย์ พยาบาล กลุ่มแรงงานต่างชาติและกลุ่มเปราะบางแล้วหลายครั้ง อาทิ มอบอาหารพร้อมทานให้ทีมแพทย์ใน 15 โรงพยาบาลใน 6 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด โรงพยาบาลสนาม “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร”   มอบอาหาร และหน้ากากอนามัยซีพี ให้แรงงานต่างชาติและคนกลุ่มเปราะบาง ผ่านกรุงเทพมหานคร ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. รวมถึงสถานทูตเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม เป็นต้น

มูลนิธิเชฟแคร์ส จับมือกรมพินิจฯ – มสธ.- PIM ร่วม “สานฝันปั้นเชฟ” สร้างคนดีคืนสังคม

0
มาริ ษา เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเชฟแคร์ส

นางมาริษา เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเชฟแคร์ส เปิดเผยว่า มูลนิธิได้ร่วมกับ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ศูนย์วิจัยการจัดการความรู้การสื่อสารเพื่อการพัฒนา (CCDKM) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ดำเนินโครงการสานฝันปั้นเชฟ (Chef Cares Dream Academy) มอบ “โอกาส” ให้เยาวชนที่เคยหลงผิดและเยาวชนด้อยโอกาส รวม 12 คน ได้เรียนรู้วิธีการประกอบอาหารทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ตลอดจนได้ฝึกงานจริงกับเชฟมืออาชีพที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของประเทศ ควบคู่การพัฒนาศักยภาพของตนเองภายใต้การดูแลของนักจิตวิทยา เพื่อประกอบอาชีพเชฟตามความฝันของตน ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของ มูลนิธิเชฟแคร์ส

โครงการนี้เป็นการต่อยอดเรื่องการทำอาหารให้กับเด็กๆที่มีความฝันอยากเป็นเชฟแต่ขาดโอกาสทางการศึกษา มูลนิธิเชฟแคร์สซึ่งดำเนินกิจกรรมทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับอาหาร จึงต้องการสานฝันให้เด็กๆ ได้มีโอกาสที่ดี มีอาชีพที่มั่นคง

“เป็นความตั้งใจที่จะให้โอกาสกับเด็กด้อยโอกาสกลุ่มนี้ได้มีอาชีพที่ดี โดยโครงการจะให้ทั้งความรู้และการบ่มเพาะแนวคิดด้านบวกให้เขากลับตัวได้และมีงานทำ น้องๆทุกคนจะได้รับแรงบันดาลใจจากท็อปเชฟที่เขาได้ใกล้ชิด และจะเป็นคนคุณภาพกลับคืนสู่สังคมได้ในที่สุด” นางมาริษากล่าว

ทั้งนี้ มูลนิธิเชฟแคร์ส เป็นผู้ให้ทุนการศึกษา โดยมีสมาชิกเชฟแคร์ส อาทิ นายชุมพล แจ้งไพร (เชฟชุมพล) นายณัฏฐพล ภวไพบูลย์ (เชฟนิค) เชฟแอนดี้ ยัง (เชฟแอนดี้) ซึ่งล้วนเป็นเชฟระดับแนวหน้าของประเทศ หมุนเวียนกันเข้าร่วมเป็นอาจารย์พิเศษ สอนเทคนิคการปรุงอาหารและการดำเนินชีวิตเพื่อเป็น Role Model ให้เด็กๆ อันจะก่อให้เกิดแรงบันดาลใจและมีความเชื่อมั่นในการประกอบอาชีพเชฟได้ในอนาคต ตลอดจนรับเด็กเข้าฝึกงานจริงในร้านอาหารของเชฟแต่ละท่าน ขณะเดียวกันมูลนิธิฯยังได้รับเกียรติจาก ดร.พงษ์รพี บูรณสมภพ Co-Founder Robb Report Thailand นักจิตวิทยาการให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ เข้ามาเป็นจิตอาสาร่วมพัฒนาและสานฝันให้เยาวชนทุกคนได้บ่มเพาะทัศนคติเชิงบวกและความภาคภูมิใจในตนเอง พร้อมๆกับการพัฒนาศักยภาพของตน

พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า กรมได้คัดเลือกเยาวชนที่มีความประพฤติดี ใกล้พ้นโทษ และรักการปรุงอาหาร จำนวน 6 คน จากศูนย์ฝึกและอบรมฯบ้านกรุณา, บ้านปรานี และบ้านอุเบกขา ให้เข้าร่วมโครงการสานฝันปั้นเชฟ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่ดีมาก ในการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนสามารถพัฒนาตนเองสู่การเป็นเชฟหรือผู้ประกอบการอาหารในอนาคตหลังจากได้รับการปล่อยตัว สิ่งนี้จะช่วยให้เขาไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ นับเป็นโครงการที่จะสามารถปั้นคนดีมีคุณภาพให้กลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข

ด้าน รศ.ดร.กมลรัฐ อินทรทัศน์ ผู้อำนวยการศูนย์ CCDKM กล่าวว่า เยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกจาก CCDKM จำนวน 6 คน เป็นเด็กด้อยโอกาสในพื้นที่ห่างไกลที่รักการทำอาหาร ทุกคนเขียนบรรยายถึงความฝันในการเป็นเชฟอย่างน่าประทับใจ และโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตที่เด็กทุกคนได้รับจาก มูลนิธิเชฟแคร์สในครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนพวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น มั่นคงขึ้น และมีอนาคตที่สวยงาม

รศ.ดร.เปรมฤทัย แย้มบรรจง รองคณบดี คณะการจัดการธุรกิจอาหาร และรักษาการรองผู้อำนวยการ PIM FOOD ACADEMY กล่าวว่า สถาบันออกแบบหลักสูตรเป็นพิเศษสำหรับน้องๆในโครงการ โดยมีระยะเวลาศึกษา 5 เดือน แบ่งเป็นการเรียนรู้ในภาคทฤษฎีกับปฏิบัติ เป็นเวลา 2 เดือน ณ สถาบันสอนอาหารและการจัดการธุรกิจอาหาร (PIM Food Academy) และอีก 3 เดือน จะเป็นการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ณ ร้านอาหารของเชฟระดับแถวหน้าของเมืองไทย (Top Chef ) โดยที่เยาวชนทุกคนมีโอกาสได้รับการจ้างงาน ทั้งจากร้านอาหารของ Top Chef และ/หรือ ธุรกิจอาหารของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ตลอดจนสามารถเป็นผู้ประกอบการร้านอาหารของตนเองได้ในอนาคต

ทั้งนี้ PIM Food Academy เป็นส่วนหนึ่งของสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้โอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชน ซึ่งเป็นเจตนารมณ์เดียวกันกับโครงการสานฝันปั้นเชฟของมูลนิธิเชฟแคร์ส ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนไทย

เชฟแคร์ส เริ่มต้นดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เพื่อส่งมอบความห่วงใยแทนคำขอบคุณให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในสถานการณ์โควิด-19 ผ่านเมนูอาหารกลางวัน ที่รังสรรค์โดยเชฟยอดฝีมือระดับแถวหน้าของเมืองไทยหมุนเวียนกันเสิร์ฟเมนูรสชาติดีมีคุณค่าทางโภชนาการ และได้ต่อยอดสู่การจัดตั้ง “มูลนิธิเชฟแคร์ส์” ซึ่งมีเจตนารมณ์ในการส่งเสริมศาสตร์แห่งอาหารไทยที่ปรุงด้วยความพิถีพิถัน ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับโลก และจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคมได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนที่รักการปรุงอาหารได้เรียนรู้และเติบโตเป็นเชฟระดับแนวหน้าเช่นเดียวกับเชฟแคร์ส์ต้นแบบ โดย เชฟแคร์ส ยังคงเดินหน้าตามเจตนารมณ์ที่จะต่อยอดการทำความดีเพื่อสังคมอย่างยั่งยืน ด้วยการเตรียมรังสรรค์เมนู “อาหารสุขภาพ” ในรูปแบบอาหารนานาชาติ โดยปรุงจากวัตถุดิบคุณภาพที่มีรสชาติอร่อยล้ำจากฝีมือสุดยอดเชฟชั้นนำของเมืองไทย สำหรับจัดจำหน่ายแก่ผู้รักสุขภาพ โดยนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไปสร้างประโยชน์เพื่อสังคมต่อไปไม่สิ้นสุด

เตือนภัย ระวังช่อง AIS PLAY ปลอมบนยูทูป

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ผู้ให้บริการ แอปพลิเคชั่น AIS PLAY และ กล่อง AIS PLAY BOX วีดีโอแพลตฟอร์ม ที่เป็นช่องทางรับชมคอนเทนต์ความบันเทิง เช่นรายการแข่งขันฟุตบอลแมตช์สำคัญต่างๆ แจ้งเตือนว่า พบมีกลุ่มมิจฉาชีพสร้างช่อง AIS PLAY ปลอมบนแอปพลิเคชั่นยูทูป (YouTube) ขึ้น ในชื่อ AIS PLAY TV  ซึ่งหากประชาชนเข้าใจผิดกดใช้งานเข้าไปชมคอนเทนต์ อาจเสี่ยงทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลหลุดไปอยู่ในมือมิจฉาชีพ หรือ มีส่วนกับการเผยแพร่คอนเทนต์ผิดลิขสิทธิ์ได้

ทางเอไอเอส จึงขอให้ระมัดระวังและตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนกดเข้าชมทุกครั้ง  โดยช่อง ที่ถูกต้องบน YouTube จะใช้ชื่อ AIS PLAY ไม่ใช่ AIS PLAY TV ทั้งนี้ขอแนะนำให้ดาวน์โหลด แอปพลิเคชั่น AIS PLAY ที่ถูกต้อง ทั้งบน play store และ apple store เพื่อการรับชมคอนเทนต์คุณภาพ มีลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องและหลากหลาย

สิงห์อาสา ประกาศภารกิจดูแลทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ผนึกกำลังเครือข่ายทั่วประเทศ

0
ปิติ ภิรมย์ภักดี กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด

นาย ปิติ ภิรมย์ภักดี กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า “สิงห์อาสา” โดย มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ประกาศเดินหน้าภารกิจดูแลทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนในวาระครบรอบ 10 ปีสิงห์อาสา ประสานความร่วมมือเครือข่ายสิงห์อาสาทั้งหมดที่กระจายอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ลงมือทำจริง 4 โครงการ ทั้งต้นน้ำ แหล่งน้ำ สายน้ำ และ ความยั่งยืน โดยครอบคลุมภาคเหนือ อีสาน กลาง ตะวันออก และใต้ เริ่มต้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ ระดมพลังเครือข่ายปกป้องผืนป่าต้นน้ำ

“ทุกวันนี้ปัญหาทรัพยากรน้ำไม่ได้เป็นปัญหาของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของโลกที่ทุกคนต้องช่วยกัน สำหรับในประเทศไทยแล้วปัญหา ”น้ำ” ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนเป็นอย่างมาก ทั้งน้ำที่ใช้เพื่อการเกษตร น้ำที่ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค ด้วยเหตุนี้ในโอกาส 10 ปีสิงห์อาสา เรามีความตั้งใจที่จะรวมพลังเครือข่ายทั้งหมดที่เรามี ทั้งเครือข่ายบริษัทในเครือบุญรอดฯ และเครือข่ายภายนอกทั้งกลุ่มของสถาบันการศึกษา อาสากู้ภัย และส่วนราชการต่างๆ ช่วยผลักดันภารกิจดูแลทรัพยากรน้ำผ่าน 4 โครงการ โดยทั้งหมดจะลงมือทำในปีนี้ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทั้งการดูแลป่าต้นน้ำในเขตจังหวัดภาคเหนือ การดูแลแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภคในจังหวัดภาคอีสาน การดูแลสายน้ำในจังหวัดภาคกลาง และการลดปัญหาขยะลงสู่ทะเลในจังหวัดภาคตะวันออกและภาคใต้เพื่อสร้างความยั่งยืน ซึ่งโครงการทั้งหมดนี้จะทำคู่ขนานกันกับภารกิจหลักที่กลุ่มสิงห์อาสาดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติเร่งด่วนต่างๆ รวมทั้งโครงการสร้างงานสร้างอาชีพบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหา Covid-19 ตามที่บริษัทฯได้ประกาศไว้”

นายปิติ กล่าวว่า โครงการ 10 ปี สิงห์อาสา กับการดูแลทรัพยากรน้ำ จะเริ่มด้วยการดูแลพื้นที่ “ต้นน้ำ” ในเขตภาคเหนือ “สิงห์อาสาสู้ไฟป่า รักษาต้นน้ำ” โดยร่วมกับ บริษัท เชียงใหม่ เบเวอเรช จำกัด, บริษัท สิงห์ปาร์คเชียงราย จำกัด และเครือข่ายสถาบันการศึกษาภาคเหนือ 10 สถาบัน พร้อมด้วย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดูแลป่าต้นน้ำ ป้องกันการเกิดไฟป่า โดยจะจัดกิจกรรมทำแนวกันไฟป่า อบรมให้ความรู้กับชาวบ้านในพื้นในการเตรียมรับมือกับปัญหาไฟป่า และสร้างฝายต้นน้ำ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของป่าต้นน้ำ ให้มีน้ำใช้ตลอดปี

ต่อด้วยโครงการ “สิงห์อาสา แหล่งน้ำชุมชน” ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยร่วมกับ บริษัท ขอนแก่น บริวเวอรี่ จำกัด, บริษัท มหาสารคาม เบเวอเรช จำกัด และเครือข่ายสถาบันการศึกษาภาคอีสาน 16 สถาบัน ร่วมบริหารจัดการน้ำในชุมชนเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค รวมถึงใช้ในการเกษตร ในช่วงประสบปัญหาภัยแล้ง สร้างธนาคารน้ำสิงห์แก้ปัญหาเรื่องน้ำบริโภค และนำองค์ความรู้เรื่องการขุดบ่อน้ำชุมชน สร้างธนาคารน้ำใต้ดินมาถ่ายทอดให้ประชาชน เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้อย่างยั่งยืน

ด้านการดูแล “สายน้ำ” ในเขตภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง ร่วมกับ บริษัท วังน้อย เบเวอเรช จำกัด, บริษัท ปทุมธานี บริวเวอรี่ จำกัด บริษัท บุญรอดเอเซีย เบเวอเรชจำกัด, บริษัท สิงห์ เบเวอเรช จำกัด, บริษัท สามเสน บริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับ กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานกู้ภัย และเครือข่ายสถาบันการศึกษาภาคกลาง 10 สถาบัน ทำโครงการ “สิงห์อาสา ฟื้นฟูสายน้ำ” แก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการปล่อยน้ำเสียและทิ้งขยะลงในแหล่งน้ำ ทำให้ไม่สามารถนำน้ำมาใช้อุปโภคได้ และส่งผลกระทบต่อปัญหาน้ำท่วม เป็นโครงการที่มุ่งเน้นในการปลูกจิตสำนึกให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของปัญหานี้ โดยจะมีกิจกรรมเก็บขยะร่วมกับคนในท้องถิ่น รักษาความสะอาดของแม่น้ำลำคลองก่อนไหลลงสู่ทะเล

และปิดท้ายด้วยโครงการ “สิงห์อาสา ซี ยู สตรอง” สร้างความยั่งยืนให้ทะเลไทยในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ ร่วมกับ บริษัท สุราษฎร์ธานี เบเวอเรช จำกัด,  กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ และเครือข่ายสถาบันการศึกษาภาคใต้และตะวันออก 12 สถาบัน ร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ตลอดจนระบบนิเวศที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยจะมีกิจกรรมเก็บขยะ สร้างแนวปะการังเทียม ปลูกจิตสำนึกให้เยาวชนในท้องถิ่นตนเองเพื่อการพัฒนาทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ สิงห์อาสา เริ่มต้นจากการรวมตัวกันของพนักงานบุญรอดฯ เมื่อปี 2554 ในช่วงเกิดมหาอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดของประเทศไทยในรอบ 70 ปี จากปณิธานการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมของ “พระยาภิรมย์ภักดี” จนปัจจุบันขยายสู่กลุ่มนิสิตนักศึกษาทั้งคนไทยและต่างชาติ เครือข่ายสถาบันการศึกษาต่างๆ รวมถึงมูลนิธิอาสา หน่วยงานราชการต่างๆ โดยถือเป็นเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ที่พร้อมทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง

FSMART พบนักลงทุน เผยแผนทุ่มงบ 500 ล้าน พร้อมดันตู้บุญเติมเป็นธนาคารชุมชน

0
ณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี (ขวา) กรรมการผู้จัดการ และ ธีมนัส เกียรติเดชปัญญา (ซ้าย) ผู้อำนวยการสายการเงินและบัญชี บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส

รายงานข่าว เปิดเผยว่า ผู้บริหารบมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) โดยนายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ และนายธีมนัส เกียรติเดชปัญญา ผู้อำนวยการสายการเงินและบัญชี เข้าร่วมงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) เพื่อนำเสนอข้อมูลงบการเงินปี 2563 และแผนการดำเนินงานปี 2564

ทั้งนี้ FSMART ได้วางเป้าหมายยอดใช้งานบริการทางการเงินเพิ่ม 30% จากปีก่อน โดยมีแผนเปิดตัวตู้ถอนเงิน Mini ATM ผลักดันตู้บุญเติมให้มีบริการทางการเงินครบวงจร ฝาก-โอน-ถอน-เปิดบัญชี และการให้สินเชื่อ พร้อมเพิ่มพันธมิตรตัวแทนธนาคารทั้ง Bank และ Non-bank รวมถึงมุ่งขยายฐานลูกค้าคนไทยและต่างด้าว

นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดช่องทางและบริการใหม่ รวมทั้งติดตั้งตู้รูปแบบใหม่อีก 5,000 ตู้ ภายใต้งบลงทุน 500 ล้านบาท และยังเดินหน้าขยายตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ทุกรูปแบบรวม 10,000 จุด มุ่งเน้นขยายคาเฟ่อัตโนมัติที่สามารถชงกาแฟและเครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็นได้มากกว่า 80 เมนู ในทำเลคุณภาพที่หลากหลาย รวมทั้งจัดกิจกรรมทางการตลาดผ่านแคมเปญ “บุญเติม รีวอร์ด” ต่อเนื่องทั้งปี  ตั้งเป้ายอดเติมบริการรวมปีนี้เติบโต 20%

คัดมาให้ 13 หุ้น PE ต่ำ น่าลงทุน ปลอดภัย รับ Bond yield พุ่ง

0
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด

“ทรีนีตี้” แจกคัมภีร์ลงทุนหุ้นเดือน มี.ค.คัด 7 กลุ่ม 13 หุ้นปลอดภัยรับ Bond yield ขาขึ้น แนะกลยุทธ์ขึ้นขาย-ลงซื้อตามกรอบ ประเมินแนวต้านสำคัญที่ 1,540 จุด ส่วนแนวรับแรกมองที่ 1,480 จุด และแนวรับสำคัญมองที่ 1,450 จุด ครึ่งเดือนหลังถึงเวลาพิจารณาหุ้นขนาดใหญ่ หลังประมาณการ EPS  ทรงตัวได้ และแรงขายปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติเตรียมจบลง

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยทิศทางการลงทุนเดือน มี.ค.ว่า มองว่าตลาดหุ้นไทยจะผันผวนน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเติบโตเช่น สหรัฐฯ และเอเชียเหนือ ซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่ Sensitive ต่อการปรับเปลี่ยนของ Bond yield  

 “ดัชนีที่แนวรับ 1,450 – 1,480 จุด จะเป็นบริเวณดัชนีที่สามารถเข้าซื้อเพื่อรองรับกับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ภายนอกได้ โดยเฉพาะประเด็นการปรับตัวสูงขึ้นของ Bond yield ทั่วโลก ในขณะเดียวกัน ประเมินแนวต้านสำคัญของดัชนีในเดือนนี้ที่ 1,540 จุด ซึ่งจะเป็นระดับที่ทำให้ค่า Earning yield gap     ของตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงสู่ระดับ -1SD สะท้อนถึงความตึงตัวในมิติ Valuation หากเห็นระดับดังกล่าว แนะนำเน้นขายทำกำไรออกมาก่อน”

สำหรับธีมการลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์  Bond yield พุ่งแรง และคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้นนั้น แนะนำลงทุนใน ธีม Reflation / Recovery / Reopening โดยจะต้องเป็นหุ้นที่ยังคงซื้อขายด้วย Valuation (PE) ในระดับต่ำด้วย เนื่องจากหุ้นเหล่านี้มีค่า Earning yield gap ในระดับสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย จึงสามารถทนทานต่อความเสี่ยงที่ Bond yield อาจปรับสูงขึ้นอีก

ทั้งนี้หุ้นที่น่าสนใจใน 7 กลุ่ม 13 หุ้น มีดังนี้

  • 1.กลุ่ม Hard commodities หุ้นที่เลือกคือ  PTTGC, TOP, SPRC, ESSO
  • 2.กลุ่ม Soft commodities หุ้นที่เลือกคือ STA 
  • 3.กลุ่มธนาคารหุ้นที่เลือกคือ KBANK, BBL  
  • 4.กลุ่มอาหารหุ้นที่เลือกคือ  CPF, TU 
  • 5.กลุ่มอสังหาฯ หุ้นที่เลือกคือ AP, ORI  
  • 6.กลุ่มเดินเรือ หุ้นที่เลือกคือ RCL
  • 7.กลุ่มสินค้า Consumer หุ้นที่เลือกคือ STGT

“Bond yield ที่ปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น เรายังคงมุมมองเป็นกลางและไม่ได้เป็นกังวลมากนัก เนื่องจากความผันผวนที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก เมื่อเทียบหลายช่วงในอดีต ส่วนคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐ ฯ        ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่น่ากังวลต่อการเข้มงวดนโยบายการเงินของ Fed เช่นกัน จึงมองเหตุการณ์ปัจจุบันยังคงห่างไกลกับสภาวะ Bond shock ในอดีต ที่มักมาพร้อมกับการปรับฐานของตลาดหุ้นครั้งใหญ่ ทั้งนี้ มองว่าการลงทุนในหุ้นยังคงเป็นสิ่งที่ดำเนินต่อไปได้ ตราบใดที่ Bond yield สหรัฐฯ รุ่น 10  ปียังปรับขึ้นไม่ถึงระดับ 2.0% และคาดการณ์เงินเฟ้อ 10 ปี ของสหรัฐฯ  ยังไม่แตะระดับ 2.5%”

สำหรับในช่วงครึ่งหลังของเดือนมี.ค.นี้ น่าจะเริ่มเป็นช่วงเวลาที่ดีของหุ้นขนาดใหญ่มากขึ้น หลังจากปรับตัว Underperform หุ้นขนาดกลาง-เล็ก มาตลอดนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติน่าจะเริ่มหมดลง หลังผ่านพ้นการปรับตะกร้าของดัชนี FTSE ที่มีการลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยในรอบนี้ ประกอบกับในแง่ของปัจจัยพื้นฐานเริ่มเห็นประมาณการกำไรของหุ้นใหญ่ทรงตัวได้แล้ว จึงเป็นที่มาที่หุ้นแนะนำส่วนใหญ่ประจำเดือนนี้ค่อนข้างโน้มเอียงไปยังหุ้นขนาดใหญ่มากกว่า

ซีพีเอฟ หนุนชุมชนบ้านซับรวงไทร จ.ชัยภูมิ สร้างความมั่นคงทางอาหาร พึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน

0

นายปราโมทย์ รู้ทวีผล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคม ภายใต้กลยุทธ์สู่ความยั่งยืน 3 เสาหลัก คือ อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดินน้ำป่าคงอยู่ พร้อมทั้งปลูกฝังให้พนักงานคิดสร้างสรรค์โครงการเพื่อตอบแทนสังคมและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนในพื้นที่ที่บริษัทตั้งอยู่ ซึ่งโครงการ สร้าง สาน สุข วิถีชุมชน ศูนย์เรียนรู้เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง บ้านซับรวงไทร จังหวัดชัยภูมิ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สนับสนุนเกษตรกรและชุมชน หมู่ที่ 4 ต.นาเสียว อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ รวมตัวกันปลูกผักปลอดภัยปราศจากสารเคมี 100 % เป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารในระดับชุมชน ผลิตอาหารปลอดภัย สร้างอาชีพ และส่งเสริมการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ( Sustainable Development Goals : SDGs) ในประเด็นขจัดความยากจน การมีสุขภาพที่ดี และมีแบบแผนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน

ซีพีเอฟ ร่วมกับเกษตรกร ชุมชนในพื้นที่ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง แก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร โดยตั้งแต่ปี 2561 ซีพีเอฟสนับสนุนการทำหอกระจายน้ำ หอพักน้ำเพื่อการเกษตร ระบบจ่ายน้ำด้วยท่อ PE เพื่อกระจายน้ำใช้ในการเกษตรได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งหาแนวทางช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยของเกษตรกร ด้วยการทำโครงการ “ปุ๋ยเปลือกไข่ สู่ชุมชน และเกษตรกร” โดยซีพีเอฟสนับสนุนมูลไก่และเปลือกไข่ภายใต้การผลิตร่วมกับชุมชน เพื่อนำไปทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ใส่ในแปลงเกษตร เป็นการบริหารจัดการของเสียแบบบูรณาการด้วยการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ชุมชนในพื้นที่สามารถเข้าถึงการบริโภคผักปลอดภัยและนำมาสู่การมีสุขภาพที่ดี เกษตรกรที่ปลูกผักมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลังจากที่บริษัทฯเข้าไปดูแลเรื่องการจัดการระบบน้ำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางการเกษตร สามารถผลิตผักปลอดภัยตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างสม่ำเสมอ

นายชูชีพ ชัยภูมิ ประธานศูนย์เรียนรู้เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง บ้านซับรวงไทร กล่าวว่า ปัจจุบัน กลุ่มปลูกผักปลอดภัยบ้านซับรวงไทร มีสมาชิก 44 ราย ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 29 ไร่ ได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟดูแลระบบการจัดการน้ำเพื่อใช้ในการเพาะปลูกมาตั้งแต่ปี 2561 ทำให้มีน้ำใช้ในการเพาะปลูกพืชได้ตลอดทั้งปี รวมทั้งได้รับการสนับสนุนมูลไก่และเปลือกไข่เพื่อทำปุ๋ย ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ย และจากการวิเคราะห์ทางเคมีพบว่าปุ๋ยที่เกิดจากการผสมด้วยมูลไก่และเปลือกไข่ มีธาตุไนโตรเจนและฟอสฟอรัสสูง เป็นธาตุอาหารที่ทำให้พืชผักโตเร็ว และผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ทำให้ชุมชนมีรายได้จากการจำหน่ายผักอย่างน้อย 15,000 บาทต่อเดือน เป็นรายได้เสริมจากอาชีพหลัก คือ ทำนา ทำไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นพืชที่ราคาผันผวน

“ ขอขอบคุณซีพีเอฟ ที่เห็นประโยชน์และความสำคัญของการที่คนในชุมชนรวมตัวกันเป็นกลุ่มปลูกผักบ้านซับรวงไทร พร้อมกับเข้ามาสนับสนุนในทุกๆด้านอย่างเต็มกำลัง อาทิ สนับสนุนอุปกรณ์เก็บน้ำและกระจายน้ำ หาแนวทางเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ยของเกษตรกร ร่วมกันก่อตั้งและสร้างตลาดชุมชน ดูแลวางแผนการตลาด ช่องทางการจำหน่าย ทำให้ชุมชนของเราก้าวไกลและก้าวหน้ายิ่งขึ้น ผู้สูงอายุที่ไม่มีกำลังไปทำไร่ทำนา สามารถปลูกผักปลอดภัยไว้บริโภคเองและนำผลผลิตมาจำหน่ายสร้างรายได้ ”

นางเมืองพร ชนะพาล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.นาเสียว อายุ 48 ปี มีอาชีพทำการเกษตร ทำนาข้าว สวนอ้อยและไร่มันสำปะหลัง กล่าวว่า ตนเป็นรุ่นบุกเบิกที่มีการรวมตัวของคนในชุมชนเพื่อปลูกผักปลอดภัย จากนั้นทางซีพีเอฟเข้ามาช่วยเหลือและสนับสนุนอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับพักน้ำไว้ใช้เพาะปลูก และยังสนับสนุนมูลไก่ เปลือกไข่ และน้ำหมักเพื่อนำมาทำเป็นปุ๋ยให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์แทนการใช้ปุ๋ยเคมี ลดค่าใช้จ่ายของครัวเรือนลงได้อย่างมาก ส่วนผลผลิตผักที่ได้ ทางซีพีเอฟเข้ามาช่วยดูแลเรื่องการตลาด การจำหน่าย แนะนำลูกค้าให้ ขอบคุณซีพีเอฟที่เข้ามาช่วยเหลืออย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง คนในชุมชนเองก็มีโอกาสได้ทำงานกับซีพีเอฟ ไม่ต้องเดินทางไปทำงานต่างฟื้นที่ไกลๆ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ซึ่งไม่สามารถทำงานหนักได้ สามารถทำหน้าที่ดูแลแปลงผักและมีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตผัก

โครงการสร้าง สาน สุข วิถีชุมชน ศูนย์เรียนรู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง บ้านซับรวงไทร จังหวัดชัยภูมิ เป็นโครงการที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจากการประกวดรางวัลสามประโยชน์สู่ความยั่งยืน ปี 2563 ( CPF CSR Awards 2020) และรางวัลซีพีเพื่อความยั่งยืน ประจำปี 2563 สามารถเป็นต้นแบบและเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับชุมชนอื่นๆต่อไป เพื่อส่งเสริมการสร้างความมั่นคงทางอาหารระดับชุมชนและพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน

ทำศัลยกรรมแล้วรถเกิดอุบัติเหตุ ประกันรถยนต์คุ้มครองไหม?

0

เมื่อคุณเป็นคนที่ทำศัลยกรรมแต่ในขณะที่ขับรถดันเกิดอุบัติเหตุอย่างไม่คาดฝัน ประกันรถยนต์ที่ทำนั้นคุ้มครองไหม? ทิพยประกันภัยจะพาคุณมารู้จักกับ ประกันรถยนต์ชั้น 1 TIP Lady ที่เหนือกว่าด้วยบริการพิเศษสำหรับคุณผู้หญิงโดยเฉพาะ เหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มครองที่ยิ่งกว่าครอบจักรวาล เพราะสามารถเคลมเรื่องการผ่าตัดศัลยกรรมได้

การผ่าตัด ศัลยกรรม คุ้มครองแบบไหน?

            ประกันรถยนต์ชั้น 1 TIP Lady จะคุ้มครองให้คุณได้รับการรักษาและผ่าตัดศัลยกรรมให้กลับมาเหมือนเดิมมากที่สุด หากเทียบกับประกันชั้น 1 แบบปกติก็จะให้แค่การผ่าตัดเย็บรักษาแผล แต่หากคุณต้องการให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แน่นอนว่าคุณต้องจ่ายเองอีกครั้งซึ่งนั่นเป็นเรื่องใหญ่สำหรับการที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ หรือแม้แต่ไม่เคยผ่านศัลยกรรมแต่ใบหน้าหรือส่วนใดส่วนหนึ่งเสียหายจนต้องได้รับการผ่าตัดศัลยกรรม ก็ไร้กังวลในเรื่องค่าใช้จ่าย

            เพียงแค่คุณตัดสินใจทำประกันรถยนต์ชั้น 1 TIP Lady ก็หมดห่วง คุณก็จะได้รับการรักษาจนกลับคืนสู่สภาพเดิมก่อนเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด โดยอยู่ในวงเงินความคุ้มครองสูงสุดถึง 1 ล้านบาท*!! วงเงินนี้รวมไปถึงค่าห้องผ่าตัด ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ ค่าอุปกรณ์วางยาสลบ ค่าห้องพักฟื้นหลังผ่าตัด ค่าเจ้าหน้าที่ในห้องผ่าตัด ค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัด แพทย์วิสัญญี ก็อยู่ในวงเงินความคุ้มครองนี้ได้ทั้งหมด

อยากจะเคลมทั้งหมด ทำได้ไหม หรือมีเงื่อนไขยังไง?

            เมื่อผู้ขับขี่ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยได้รับบาดเจ็บจากการเกิดอุบัติเหตุจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน และทำการรักษาด้วยการผ่าตัดในโรงพยาบาลภายใน 180 วันนับจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ ก็หมดกังวลได้เลยเพราะทิพยประกันภัยจะจัดการให้ตามจำนวนที่ต้องจ่ายจริง

            หากคุณอ่านมาถึงประโยคนี้ก็อย่าเพิ่งมองข้ามประกันรถยนต์ชั้น 1 TIP Lady ที่พิเศษเหนือกว่าใคร เพียงซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์กับ TIPINSURE.com ก็ได้รับสิทธิพิเศษแบบนี้ไปได้เลยทันที อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นอื่น ๆ ที่จะช่วยเซฟเงินในกระเป๋าให้คุณอีกด้วย เช็คราคาเลย คลิกที่นี่ หรือ อ่านรายละเอียดความคุ้มครองอื่น ๆ ได้อีกมากมายที่ https://bit.ly/3rnrXD7  

ซีพี มอบหน้ากากอนามัยฟรีแก่มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการและสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย

0

เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดย ดร.อธิป อัศวานันท์  ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาความยั่งยืนภาคกิจกรรมสัมพันธ์และการศึกษา  สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาลและสื่อสารองค์กร  และ นางสาวอรดา วงศ์อําไพวิทย์  รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาความยั่งยืนภาคกิจกรรมสัมพันธ์และการศึกษา  สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาลและสื่อสารองค์กร  เป็นผู้แทนมอบหน้ากากอนามัยฟรีจำนวน 36,000 ชิ้น ให้แก่ มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ เพื่อส่งมอบให้กับผู้พิการที่อยู่ในเครือข่ายทั่วประเทศ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 ระลอกใหม่  ที่ขณะนี้ยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  โดยมี  ศาสตราจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์  ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ  เป็นผู้แทนในการรับมอบ  

นอกจากนี้ เครือซีพียังได้มอบหน้ากากอนามัย  ให้แก่  สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย จำนวน 12,000 ชิ้น    โดยมี นายเอกกมล แพทยานันท์  นายกสมาคมฯ นายต่อพงศ์ เสลานนท์  อุปนายกสมาคมฯ  และ นายชัชชัย วิจิตรจรรยา  คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ  ประธานฝ่ายวิสาหกิจและโครงการจัดหารายได้สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย  เป็นผู้แทนในการรับมอบ  

ศาสตราจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์  ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ กล่าวว่า  จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่นี้  ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก  โดยเฉพาะกลุ่มคนเปราะบางที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด– 19 ซึ่งขอขอบคุณเครือซีพีที่ให้การสนับสนุนหน้ากากอนามัยเพื่อใช้ในการป้องกันและเล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพอนามัยของกลุ่มคนเปราะบาง  โดยทางมูลนิธิฯจะดำเนินการจัดสรรให้กับเครือข่ายของผู้พิการที่อยู่ตามศูนย์ฝึกอาชีพทั่วประเทศ  เพื่อใช้ป้องกันโควิด – 19 ต่อไป

นางสาวอรดา วงศ์อําไพวิทย์  รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาความยั่งยืนภาคกิจกรรมสัมพันธ์และการศึกษา  สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาลและสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า  เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความตระหนักและห่วงใยถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน  ต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่  โดยเฉพาะกลุ่มคนเปราะบาง  ซึ่งที่ผ่านมาเครือซีพีได้ส่งมอบหน้ากากอนามัยให้แก่กลุ่มผู้เปราะบาง ผ่านทางมูลนิธิและองค์กรต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือกลุ่มที่มีความยากลำบากในการเข้าถึงและมีโอกาสเทียบเท่ากับบุคคลทั่วไป