Home Blog Page 90

นักวิจัยอาหาร แนะ “ปลาหมอคางดำ” ทำเมนูอาหารได้หลากหลาย สร้างรายได้ไม่ยาก

0

บทความโดย นรชาติ สรงอินทรีย์ นักวิชาการอิสระด้านสัตว์น้ำ

นักวิจัยอาหาร ยืนยัน “ปลาหมอคางดำ” พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์และเมนูอาหารได้หลากหลาย แนะต้องศึกษาจุดเด่นของปลาอย่างดี เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบและแปรรูปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและความต้องการบริโภคได้กว้างขว้างขึ้น

เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีโอกาสพบนักวิจัยของสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับโครงการวิจัยผลิตภัณฑ์ปลาหมอคางดำ ซึ่งเป็นความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเนื้อปลา ตลอดจนชี้ให้เห็นถึงประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการ ตอบโจทย์การส่งเสริมให้ชุมชนบริโภคและใช้ประโยชน์จากปลาเพิ่มขึ้น หรือใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อสร้างรายได้ อันจะเป็นแรงจูงใจในการจับปลาเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการลดจำนวนการแพร่ระบาดของปลาชนิดนี้ไปยังแหล่งน้ำธรรมชาติในจังหวัดต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทีมวิจัยลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อนำตัวอย่างปลามาศึกษาและเตรียมเป็นวัตถุดิบในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ได้ข้อมูลจากชาวบ้านว่าปลาหมอคางดำทำอะไรก็ไม่อร่อย จับได้ก็ไม่กิน ที่ทำได้ คือ ปลาแดดเดียว จึงน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้มีการแพร่กระจายของปลาต่อเนื่อง

สำหรับโครงการนี้ เริ่มทำการศึกษาตั้งแต่ลักษณะทางกายภาพของปลาหมอคางดำโดยเฉพาะเนื้อและกลิ่น พบว่ามีกลิ่นคาวแรง เมือกมากและก้างปลาแข็งมากกว่าปลาชนิดอื่น รสชาติไม่อร่อยเพราะไม่มีน้ำมันหรือมันแทรกในชั้นของเนื้อปลา ทำให้คนในพื้นที่ไม่นิยมบริโภคปลาชนิดนี้ โดยเฉพาะในจังหวัดสมุทรสาครและสมุทรสงคราม ที่มีการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำมาก เนื่องจากทั้งสองจังหวัดเป็นแหล่งของอาหารทะเลสดและมีอาหารอื่นๆ หลากหลายชนิดให้เลือก

หลังจากศึกษาลักษณะทางกายภาพของปลาและพิจารณาเรื่องการใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบอย่างคุ้มค่าแล้ว ทีมนักวิจัยจึงทำการลดกลิ่นคาวของปลาลง 50% รวมถึงการหาวิธีในการเก็บรักษาเนื้อปลาให้ได้นานขึ้น เพื่อนำเนื้อปลาไปแปรรูปตามโจทย์โดยพัฒนาวัตถุดิบต้นทาง 2 รูปแบบ คือ เป็น “เนื้อปลาฟู” และน้ำปลาร้าปรุงรส (หมัก) เพื่อให้นำไปใช้ต่อยอดผลิตภัณฑ์ได้ดีและหลากหลายขึ้น

สำหรับเนื้อปลาฟู สามารถนำไปต่อยอดเป็นกลุ่มน้ำพริกชนิดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งทีมวิจัยพัฒนาเป็นผลโรยข้าวแบบญี่ปุ่น รสลาบแซ่บ ที่คนไทยคุ้นเคย ตลอดจนน้ำพริกปลากรอบและแจ่วปลาสามรส ขณะที่น้ำปลาร้าหมักและน้ำปลาร้าต้มสุกปรุงรส สามารถนำสูตรไปประยุกต์ใช้ได้กับเมนูอาหารตามความนิยม รวมถึงสร้างสรรค์เป็นเมนูปลาร้าแดดเดียวพร้อมทอด เป็นทางเลือกและตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง

ทีมนักวิจัย มั่นใจว่าปลาหมอคางดำมีศักยภาพเพียงพอในการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารได้หลายแมนู โดยสามารถปรับรสชาติให้สอดคล้องกับความนิยมของผู้บริโภคได้ จะช่วยตอบโจทย์เรื่องการนำไปส่งเสริมให้กับชุมชนนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าโดยไม่ต้องลงทุนสูงกับเครื่องมือ ขั้นตอนการผลิตไม่ซับซ้อน เก็บได้นานที่อุณหภูมิห้อง ขนส่งสะดวก ไม่เปลืองพื้นที่เก็บ ที่สำคัญสามารถนำวัตถุดิบไปผลิตนอกพื้นที่หรือจังหวัดใกล้เคียงได้ เหล่านี้จะเป็นปัจจัยส่งเสริมการบริโภคและจูงใจให้ชุมชนหันมาใช้ประโยชน์จากปลาชนิดนี้มากขึ้น ที่สำคัญจำเป็นชุมชนต้องได้รับการส่งเสริมการผลิตและการจำหน่ายอย่างเป็นระบบ

อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของปลาหมอคางดำเพิ่มเติม โดยเฉพาะโปรตีนในเนื้อปลา หากมีปริมาณสูงกว่าปกติ จะกลายเป็นจุดขายอีกหนึ่งอย่างของปลาชนิดนี้ และจะทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้นได้

สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลาหมอคางดำครั้งนี้ เมื่อพัฒนาได้สูตรสุดท้ายแล้วจะมีการนำไปจดอนุสิทธิบัตร เพื่อปกป้องความคิดสร้างสรรค์และสูตรเพื่อการพัฒนาต่อยอดในอนาคต โดยเฉพาะการถ่ายทอดให้กับชุมชนนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม เมื่อปลาสามารถสร้างรายได้ มีความต้องการเพิ่มขึ้น การจับปลาหมอคางดำก็จะเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จะช่วยลดปริมาณการแพร่ระบาดในแหล่งน้ำธรรชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม

เปิดตัว AIS EEC ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลแห่งแรก ชูศักยภาพโครงข่ายอัจฉริยะ ดันอุตสาหกรรมไทยเติบโตยั่งยืน

0

AIS Business ในฐานะผู้นำบริการด้านดิจิทัลเทคโนโลยีเพื่อองค์กรภาคธุรกิจของไทย กางแผนธุรกิจ 2024-2025 ชูแนวคิด AIS Business Digital Evolution: Sustainable Business for a Sustainable Nation พร้อมนำศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายอัจฉริยะติดสปีดการทำงานขององค์กรภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ช่วยหนุนขีดความสามารถและความได้เปรียบทางการแข่งขันให้ประเทศ รวมถึงยังสร้างแลนด์มาร์คใหม่ใจกลาง Thailand Digital Valley ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กับการเปิดตัว ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจหรือ AIS EEC ที่จะเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีโซลูชันส์เพื่อภาคธุรกิจ ทั้งในมิติด้านองค์ความรู้ การทดลองทดสอบ พร้อมสัมผัสประสบการณ์ Use Cases จริงสุดล้ำ เสริมภาพเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม

นายภูผา เอกะวิภาต รักษาการหัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS กล่าวว่า “ปี 2024 ยังเป็นปีที่ท้าทาย จากผลกระทบของสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่กระทบโดยตรงไปยังระบบเศรษฐกิจโลก และของไทย ดิจิทัลจึงกลายเป็น Norm ของการสร้างสรรค์ Business Model ที่แตกต่างในทุกธุรกิจ ดังนั้นการจะเดินหน้าได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืนนั้น จำเป็นอย่างมากที่จะต้อง Transform องค์กรด้วย ดิจิทัลเทคโนโลยี เพื่อให้องค์กรมีขีดความสามารถใหม่ๆ ที่พร้อมรับมือและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลโซลูชันส์และ ICT สำหรับองค์กรภาคธุรกิจ ด้วยแนวคิด AIS Business Digital Evolution: Sustainable Business for a Sustainable Nation จึงพร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายด้านอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ให้เติบโต อุ่นใจ อย่างยั่งยืน รับมือความท้าทาย ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับโลกและหน่วยงานหลักด้านนวัตกรรม รวมไปถึงสถาบันการศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชน ผ่าน 5 ขุมพลังด้านดิจิทัล ประกอบด้วย

  • 5G Ecosystem ขุมพลัง 5G อัจฉริยะ จากศักยภาพและคลื่นความถี่ซึ่งมีมากที่สุดในรูปแบบหลากหลายทั้ง Network Slicing, Private Network เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังเช่น ล่าสุด โรงงาน Midea Smart Factory ผู้นำการผลิตเครื่องปรับอากาศและอุปกรณ์ไฟฟ้ารายใหญ่ ได้เลือกใช้ AIS Dedicated 5G Private Network เป็นโครงข่ายหลัก นอกจากนั้นด้วยศักยภาพของ Paragon Platform แพลตฟอร์มที่รวบรวม 5G โซลูชัน อาทิ 5G Network Orchestrator, MEC, Edge, Cloud, Application Ecosystem ก็เริ่มมีกว่า 17 องค์กร ที่เริ่มใช้งานจริงแล้วเช่นกัน อาทิ Mitsubishi Electric, Schneider Electric , AI and Robotics Ventures เป็นต้น
  • Intelligent Network and Infrastructure ขุมพลังแห่งโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ เพื่อยกระดับการบริหารจัดการองค์กรและการประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็วและปลอดภัยในยุคปัจจุบัน พร้อมให้บริการตอบโจทย์ทุกองค์กร ครบครันตั้งแต่ On-Premise Cloud ไปจนถึงระดับไฮเปอร์สเกล ยืนยันด้วยรางวัล Microsoft Partner of the Year – Thailand 3 ปีซ้อน (2022-2024), ผู้ให้บริการ Broadcom’s VMware Cloud Service Provider อันดับหนึ่งในไทย พร้อมความร่วมมือกับ Oracle เพียงรายเดียวในประเทศไทย ที่จะให้บริการ Cloud ที่สนับสนุนการบริหารจัดการสำหรับองค์กรที่เติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังพร้อมแล้วที่จะให้องค์กรต่างๆ สามารถแสดงความจำนงการใช้บริการ ศูนย์ GSA ดาต้าเซ็นเตอร์ จากความร่วมมือของ Gulf, Singtel และ AIS ขนาดกว่า 20 เมกะวัตต์ ที่มุ่งนำเทคโนโลยีล้ำสมัย จากพลังงานสะอาด ได้แล้ว ก่อนเตรียมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2025
  • AI and Data Analytics ขุมพลังแห่งปัญญาประดิษฐ์เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ที่พร้อมเปิดตัวบริการ Analytic X บริการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Data Insight) ที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถนำข้อมูลไปปรับใช้ในการวางกลยุทธ์และสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อย่างตรงจุด
  • Digital Platform and APIs ขุมพลังแห่งการเชื่อมต่อ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล อย่าง AIS Open APIs มาตรฐานระดับโลกของ GSMA และ CAMARA ที่ทำให้นักพัฒนา สามารถออกแบบบริการที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และ AIS CPaaS – Communication Platform as a service แพลตฟอร์มการสื่อสารในรูปแบบบนคลาวด์ ที่ช่วยยกระดับการสื่อสารขององค์กร ให้สามารถสื่อสารได้แบบเรียลไทม์ ทั้ง เสียง วิดีโอ และ SMS โดยวันนี้ ไปรษณีย์ไทย ได้มอบความไว้วางใจเลือกใช้บริการนี้เป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างบุรุษไปรษณีย์กับผู้รับ ผ่าน ระบบสมาร์ทคอล ที่นอกจากจะช่วยให้สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการอีกด้วย
  • Industry Transformation ขุมพลังการยกระดับภาคอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนให้มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปทรานสฟอร์มองค์กร โดยเน้นให้ความสำคัญกับองค์กรในทุกระดับ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต, ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก, ธุรกิจ SME, องค์กรสาธารณะและภาครัฐ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมในเขตพื้นที่ EEC จึงเป็นที่มาของการทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด เปิดตัว AIS EEC – Evolution Experience Center หรือ ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจ AIS EEC แห่งแรกที่ตั้งอยู่ใจกลาง Thailand Digital Valley ภายในพื้นที่ EEC เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลาง การเรียนรู้เทคโนโลยีโครงสร้างดิจิทัล 5G และ Platform พร้อม สัมผัสประสบการณ์ ทดลอง ทดสอบ การใช้เทคโนโลยีกับการ Transform ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมได้เสมือนจริง พร้อมเปิดให้เยี่ยมชมได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

พร้อมกับเดินหน้ายกระดับทักษะด้านดิจิทัลเทคโนโลยีให้กับบุคลากรและตลาดแรงงานให้มีขีดความสามารถพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในทุกรูปแบบ ผ่านการทำงานร่วมกับ สำนักงานคณะทำงานด้านการพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC HDC ทั้ง 8 ศูนย์ผู้เชี่ยวชาญความเป็นเลิศด้านอุตสาหกรรม ประกอบไปด้วย 1. ศูนย์ความเป็นเลิศด้าน Automation 2. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการท่องเที่ยว 3. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านยานยนต์ไฟฟ้า 4. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านพาณิชย์นาวี 5. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านแมคคาทรอนิกส์ 6. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านอากาศยาน 7. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ และ 8. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยี Digital AI & 5G ภายใต้ 6 เครือมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตบางพระ, วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ, สถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ และสถาบันไทย-เยอรมัน

“จากการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามั่นใจว่า จะสามารถใช้ศักยภาพของดิจิทัลเทคโนโลยีมาสนับสนุนและช่วยทรานส์ฟอร์มภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านเครื่องมือ และโซลูชันส์ที่ตอบโจทย์ ซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายการทำงานครั้งนี้ไม่เพียงขับเคลื่อนการเติบโตเท่านั้น แต่ต้องเป็นการเติบโตอย่างยั่งยืน อันจะเป็นแรงส่งสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้มีขีดความสามารถใหม่ๆ สร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืนท่ามกลางความท้าทายในปัจจุบันและอนาคต” นายภูผา กล่าวทิ้งท้าย

ใครมีบำเหน็จตกทอดได้เฮ! ออมสินปล่อยสินเชื่อสำหรับข้าราชการ กู้ได้วันนี้ – 31 ส.ค. 67

0

ธนาคารออมสินออกโปรโมชัน เอาใจสายราชการ สานฝันตามความต้องการ ด้วย “สินเชื่อสวัสดิการสำหรับข้าราชการบำนาญและลูกจ้างประจำ โดยใช้บำเหน็จตกทอดเป็นหลักประกัน”

✅️ อัตราดอกเบี้ยเพิศษ 4.140% ต่อปี (MRR – 2.455%)

✅️ วงเงินกู้สูงสุด 100% ของวงเงินบำเหน็จตกทอด

✅️ ผ่อนนานสูงสุด 30 ปี

หมายเหตุ : ปัจจุบัน MRR = 6.595% ต่อปี (ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 67 เป็นต้นไป)

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ อัตราดอกเบี้ยโปรโมชัน MRR-2.455% เฉพาะลูกค้ารายใหม่ เท่านั้น อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา (EIR) อยู่ระหว่าง 4.140% ต่อปี คำนวณจากวงเงินกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระ 20 ปี เฉพาะข้าราชการ หรือ ลูกจ้างประจำ ที่ได้รับหนังสือรับรองสิทธิบำเหน็จตกทอดที่ออกโดยกรมบัญชีกลาง/สำนักงานคลังจังหวัด

⏰ สมัครได้ตั้งแต่ วันที่ 8 มี.ค. 67 – 31 ส.ค. 67

? สนใจติดต่อธนาคารออมสินทุกสาขา รายละเอียดเพิ่มเติม > https://shorturl.asia/oKRUC

? เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

? *รู้ก่อนกู้…กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

AIS เตรียมยิงสด “โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024” ในฐานะ Official Broadcaster พิเศษลูกค้า AIS และ AIS 3BB Fibre3 ดูสดฟรีที่ AIS PLAY

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า AIS PLAY ตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางการถ่ายทอดคอนเทนต์กีฬาสำหรับคนไทย เตรียมถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬานานาชาติครั้งสำคัญ “โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024” และ “พาราลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024” ในฐานะ Official Broadcaster ยิงสดการแข่งขันส่งตรงจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พร้อมกับความพิเศษยิ่งกว่าสำหรับลูกค้า AIS และ AIS 3BB Fibre3 เท่านั้น สามารถรับชม ฟรี แบบเต็มอิ่มทั้งชมสด ไฮไลท์ และรีรัน จัดเต็ม 24 ช่อง โดยจัด 3 ช่องบรรยายไทยจากทีมนักพากย์กีฬามืออาชีพ พร้อมด้วยโค้ชและอดีตนักกีฬาทีมชาติ ให้ชมตลอด 24 ชม. เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมให้กับแฟนกีฬาชาวไทย เริ่มถ่ายทอดสดการแข่งขันวันแรกในวันที่ 24 กรกฎาคม และชมพิธีเปิดสุดยิ่งใหญ่บนแม่น้ำแซน ในวันที่ 26 กรกฎาคม สามารถรับชมมหกรรมกีฬาครั้งประวัติศาสตร์ และร่วมส่งกำลังใจให้นักกีฬา ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน AIS PLAY และ กล่อง AIS PLAYBOX

นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการพันธมิตรธุรกิจด้านบันเทิงและคอนเทนต์ AIS กล่าวว่า “เรารู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬาครั้งยิ่งใหญ่ของโลกมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2016 โอลิมปิกที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล โดยในปีนี้ AIS กลับมาอีกครั้งในฐานะ Official Broadcaster ในการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 โดยเรามีการเตรียมความพร้อมในการถ่ายทอดความสนุกมาสู่สายตาคนไทย มากถึง 24 ช่อง โดยมี 3 ช่องที่คัดสรรกีฬาที่ได้รับความนิยมรวมถึงการแข่งขันของนักกีฬาไทยมาพากย์เสียงบรรยายไทย เพื่อมอบประสบการณ์การรับชมที่ได้อรรถรสที่ดีที่สุดให้กับแฟนๆ ชาวไทย”

โดยทั้ง 24 ช่องที่ AIS PLAY ถ่ายทอดสด ได้ออกแบบมาเพื่อแฟนกีฬาคนไทยโดยเฉพาะ ดังนี้

3 ช่อง ที่ AIS PLAY คัดการแข่งขันของนักกีฬาไทย รวมถึงกีฬาไฮไลท์พร้อมพากย์เสียงบรรยายไทย จากทีมนักพากย์กีฬามืออาชีพ โค้ช และอดีตนักกีฬาทีมชาติไทย อย่าง คุณวีระศักดิ์ นิลกลัด นักพากย์ที่แฟนกีฬาคุ้นเคย, คุณสุริยะ กุลธำรง หรือ ‘ป๋ายาว’ กูรูฟุตบอลระดับตำนาน, คุณวิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ หรือ ‘กัปตันกิ๊ฟ’ อดีตนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยระดับตำนาน
16 ช่อง ที่ถ่ายทอดสดการแข่งขัน ส่งตรงจากกรุงปารีส ให้แฟนๆ ได้ชมแบบเรียลไทม์ ติดขอบสนาม
1 ช่อง พิเศษ กับการอัพเดทข่าวสาร สัมภาษณ์นักกีฬา
4 ช่อง สุดพิเศษ ที่ถ่ายทอดกีฬาแบบเต็มแมตช์การแข่งขัน ให้ทุกคนได้รับชมแบบเต็มอิ่ม จุใจ

ความพิเศษของโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีสในครั้งนี้นับเป็นการครบรอบ 100 ปี ที่กรุงปารีสเคยเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในปี 1924 คาดว่าจะมีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันราว 10,500 คน จาก 206 ประเทศทั่วโลก โดยมีการแข่งขัน 32 ประเภทกีฬา รวม 329 รายการ ขณะที่จะมีนักกีฬาพาราลิมปิกเข้าร่วม 4,400 คน จาก 22 ประเภทกีฬา รวม 549 รายการ นอกจากนี้มีการเพิ่มการเต้นเบรกแดนซ์ให้เป็นกีฬาชนิดใหม่ในโอลิมปิกครั้งนี้อีกด้วย และที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญที่ทั่วโลกจับตามองอย่างสนามกีฬาที่ใช้ในการแข่งขันจะเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส เช่น สนามขี่ม้าที่สวนในพระราชวังแวร์ซายส์ สนามวอลเลย์บอลชายหาดที่หน้าหอไอเฟล สนามแข่งขันยิงธนูที่ลานหน้าเลแซ็งวาลีด และสนามลู่วิ่งลอยน้ำกลางแม่น้ำแซน รวมถึงปลาส เดอ ลา กงกอร์ด และถนนช็องเซลีเซ ที่จะใช้เป็นฉากหลังของการจัดงานกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก

พิเศษสำหรับลูกค้า AIS และ AIS 3BB Fibre3 สามารถรับชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ได้ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาดกับพิธีเปิดสุดอลังการที่จัดขึ้นบนแม่น้ำแซน ณ ใจกลางกรุงปารีส ในวันที่ 26 กรกฎาคม ทุกความพิเศษนี้ AIS เสิร์ฟให้กับลูกค้าฟรี เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การรับชมที่ครบครันและเต็มอิ่มกับทุกความสนุก เตรียมพบกับประสบการณ์การรับชมกีฬาโอลิมปิกที่ไม่เหมือนใคร เต็มอิ่มกับทุกความสนุกได้ที่ AIS PLAY ทั้งแอปพลิเคชัน และกล่อง AIS PLAYBOX เท่านั้น สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ AIS PLAY Sports

นอกจากนี้ AIS ยังส่งต่อประสบการณ์การรับชมการถ่ายทอดสดโอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 ให้ลูกค้า 3BB Fibre3 ได้รับชมผ่านกล่อง GIGA TV และ GIGA TV App แบบส่งผ่านสัญญาณจาก AIS PLAY ได้ 3 ช่องบรรยายไทยจากทีมนักพากย์กีฬามืออาชีพ โค้ช และอดีตนักกีฬาทีมชาติ

บ้านพลิกชีวิต หมุนบ้านเป็นเงินก้อนพร้อมใช้ ด้วยสินเชื่อ GSB บ้านแลกเงิน

0

“บ้าน” ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงทั้งด้านราคาและคุณค่า เพราะนอกจากจะเป็นสมบัติชิ้นใหญ่และมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตในด้านที่อยู่อาศัยแล้ว ยังมีคุณค่าทางจิตใจต่อผู้เป็นเจ้าของและสมาชิกในบ้าน  จึงไม่น่าแปลกใจนักที่มีคนจำนวนมากที่ฝันอยากเป็นเจ้าของบ้าน เพื่อเริ่มต้นสร้างความมั่งคงให้กับชีวิตของตัวเอง และครอบครัว  จนเกิดความรักและห่วงแหนในสมบัติชิ้นสำคัญชิ้นนี้

อย่างไรก็ตาม ในยามที่เจ้าของบ้านต้องเผชิญกับปัญหาด้านการเงิน หมุนเงินไม่ทัน ขาดสภาพคล่อง หรือมีความต้องการใช้เงินก้อนใหญ่ ต้องยอมรับว่า การเอาบ้านเข้าธนาคาร เป็นทางออกที่สามารถช่วยทำให้เจ้าของสินทรัพย์นี้ผ่านพ้นปัญหาไปได้ เพราะเป็นหลักทรัพย์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ในยามวิกฤต อาจกล่าวได้ว่า บ้านพลิกชีวิต ก็ไม่ผิดจากความจริงนัก

ประกอบกับโปรโมชันสินเชื่อ GSB บ้านแลกเงิน” ของธนาคารออมสิน ที่ออกมาช่วยตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีความจำเป็น ต้องการใช้เงิน ก็ยิ่งช่วยสร้างความสบายใจให้กับเจ้าของบ้านที่มีความกังวลเรื่องสูญเสียบ้าน เพราะสินเชื่อ GSB บ้านแลกเงินนั้น เป็น สินเชื่ออเนกประสงค์ ที่เปลี่ยนบ้านเป็นเงินก้อนพร้อมใช้ ให้เงื่อนไขพิเศษ ทำให้ผ่อนสบายๆ คลายกังวลได้ ซึ่งสามารถนำเงินก้อนไปใช้จ่ายใช้ในการดำรงชีวิต หรือ ชำระหนี้สินเชื่อประเภทอื่นๆ โดยที่ “บ้านยังอยู่ครบ” เจ้าของและสมาชิกในบ้าน ยังสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในบ้านได้อย่างปกติสุข

ด้วยข้อเสนอพิเศษ คือ

  • วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท
  • ระยะเวลากู้ยาว 30 ปี
  • ผ่อนสบายๆ แสนละ 700 บาท/เดือน*   นาน 9 เดือนแรก  
  • และอัตราดอกเบี้ยคงที่เริ่มต้น 3.99% ต่อปี ตลอดระยะเวลา 9 เดือนแรก

โปรโมชันสินเชื่อ GSB บ้านแลกเงิน พร้อมแล้วสำหรับผู้สนใจ เพียงมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขที่กำหนด ดังนี้    

1.เป็นบุคคลที่มีอาชีพและรายได้แน่นอน

2.มีอายุครบ 20 ปีขึ้นไป  อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ ต้องไม่เกิน 70 ปี

3. กรณีเป็นผู้มีรายได้ประจำ หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ/เจ้าของกิจการต้องมีคุณสมบัติเพิ่มเติมคือ ผู้มีรายได้ประจำ ต้องมีอายุงานตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป  ส่วนผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือเจ้าของกิจการ ต้องมีอายุงาน หรือดำเนินกิจการมาแล้ว ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป

ผู้สนใจสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ และจัดเตรียมเอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ แล้วรีบยื่นสมัคร ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2567  โดยอนุมัติและจัดทำนิติกรรมสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 16 กันยายน 2567

สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครสินเชื่อออนไลน์ได้ที่ https://shorturl.asia/F4GoA

หรือติดต่อได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา และที่สำคัญควรสำรวจความจำเป็นต้องใช้เงินของตนเองก่อนทำการสมัคร กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

หรือหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center 1115 หรือ ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.gsb.or.th และ Facebook  : GSB Society

SCBX ประกาศยุติบริการแอปฯ Robinhood มีผล 31 ก.ค. 67 นี้

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) แจ้งยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood ของบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ด้วยเหตุผลบรรลุภารกิจช่วยเหลือร้านค้า ไรเดอร์ และคนตัวเล็กในช่วงวิกฤตโควิดได้ตามเป้าประสงค์ที่ตั้งไว้

ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงโควิด แอปพลิเคชัน Robinhood ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของร้านอาหารและธุรกิจต่างๆ ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองท่องเที่ยว จนผู้ประกอบการเหล่านั้นผ่านพ้นวิกฤต Robinhood ยังได้ช่วยเหลือต่อจนผ่านเข้าสู่สภาวะปกติได้ นอกจากนั้น Robinhood ยังช่วยสร้างงานให้กับไรเดอร์หลายหมื่นชีวิตในช่วงที่ยากลำบากอย่างต่อเนื่อง และดูแลอย่างเป็นธรรมจนหลายคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในส่วนของลูกค้าผู้ใช้บริการ Robinhood ได้เป็นตัวกลางช่วยให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลายในราคาที่เป็นธรรมมาโดยตลอด จนกลายเป็นแพลตฟอร์มแห่งการช่วยเหลือกันในช่วงเวลาวิกฤตของประเทศ โดยการสนับสนุนทางการเงินอย่างเต็มที่จากกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ทั้งนี้ Marketeer ได้ค้นข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา Robinhood มีผลประกอบการดังนี้
2563 รายได้รวม 0.08 ล้านบาท ขาดทุน 87.83 ล้านบาท
2564 รายได้รวม 15.79 ล้านบาท ขาดทุน 1,335.37 ล้านบาท
2565 รายได้รวม 538.24 ล้านบาท ขาดทุน 1,986.84 ล้านบาท
2566 รายได้รวม 724.45 ล้านบาท ขาดทุน 2,155.73 ล้านบาท
.
และสำหรับการยุติบริการแอปพลิเคชัน Robinhood เป็นไปอย่างราบรื่น และส่งผลกระทบน้อยที่สุดต่อลูกค้าผู้ใช้งาน ร้านค้า ไรเดอร์ ผู้ขับรถยนต์โดยสาร และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โปรดทราบถึงข้อมูลสำคัญ ดังนี้

  • ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ลูกค้าจะไม่สามารถใช้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood ได้เป็นการถาวร
  • ผู้ประกอบการร้านค้า ไรเดอร์ ผู้ขับรถยนต์โดยสาร สามารถใช้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood Shop, Robinhood Rider, Robinhood Driver เพื่อทำธุรกรรมต่างๆ ได้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เวลา 20.00 น.

กรมประมง จับไม่หยุด “ปลาหมอคางดำ” เดินหน้าฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมประมงและประมงจังหวัดสมุทรสงคราม จัดกิจกรรม “ลงแขก-ลงคลอง” ครั้งที่ 4 จับปลาไม่หยุด ขับเคลื่อนนโยบายการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศและคืนความหลากหลายทางชีวภาพสู่ธรรมชาติและชุมชน

สำนักงานประมงจังหวัดสมุทรสงคราม ขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม ตลอดจนมีการบูรณาการมาตรการแก้ไขอย่างเป็นระบบ ทั้งการควบคุมปริมาณและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติทุกแห่งที่พบการแพร่ระบาด และมีการพัฒนาเครื่องมือประมงที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดปลาหมอคางดำ ตามเป้าหมายในการลดปริมาณปลาชนิดนี้อย่างมีนัยสำคัญ

กิจกรรม “ลงแขก-ลงคลอง” ครั้งที่ 4 จัดขึ้น ณ คลองแพรกหนามแดง หมู่ที่ 4 ตำบลแพรกหนามแดง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่พบการระบาดของปลาหมอคางดำในระดับต้นๆ ตามแผนงานของกรมประมง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของคนในชุมชน อย่างไรก็ตาม ในการจับปลาแต่ละครั้งและแต่ละพื้นที่มีปัญหาและอุปสรรคแตกต่างกัน แต่เจ้าหน้าที่ไม่เคยละความพยายามในการจับปลาโดยมีการปรับเปลี่ยนวิธีการและเครื่องมือให้เหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น

สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่พบในวันนี้ คือ ในคลองมีท่อนไม้และกิ่งไม้ชิ้นใหญ่จำนวนมาก มีเศษวัสดุเหลือใช้ถูกนำมาทิ้งจมอยู่ใต้น้ำ ทำให้การลากอวนไม่ถึงหน้าดิน ปลาหมอคางดำจึงหลุดรอดออกไปได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปรับวิธีการโดยนำตาข่ายมาดักจับเพิ่มเติมอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการเล็ดลอดของปลาหมอคางดำ

สำนักงานประมงจังหวัดสมุทรสงคราม รายงานว่า จากกิจกรรมลงแขก-ลงคลอง ครั้งที่ผ่านมา พบมีสัตว์น้ำตามธรรมชาติชนิดอื่นๆ ติดขึ้นมากับการจับปลาด้วย เช่น กุ้งทะเล กั้ง ปู แมงดาทะเล นับเป็นสัญญาณที่ดีด้านความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ยังต้องรอสรุปประเมินผลสัมฤทธิ์ของกิจกรรมตามหลักวิชาการ เพื่อความถูกต้องและแม่นยำอีกครั้ง จากกิจกรรม 3 ครั้งที่ผ่านมา สามารถจับปลาหมอคางดำได้ 740 กิโลกรัม และมีการนำไปเพิ่มมูลค่าเป็นปุ๋ยชีวภาพ ผลิตภัณฑ์อาหารและเมนูอาหารต่างๆ

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการจับปลาหมอคางดำเพื่อการบริโภคและใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์และสร้างสรรค์เมนูอาหารในรูปแบบใหม่ๆ ตามแนวทางการสร้างมูลค่าเพิ่มและเป็นรายได้ให้กับคนในชุมชน เพื่อจูงใจให้มีการจับปลาหมอคางดำมากขึ้น โดยดำเนินการควบคู่ไปกับกิจกรรมลงแขก-ลงคลอง กำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติทุกพื้นที่ของจังหวัดสงคราม

ทั้งนี้ การแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ เป็นมาตรการเร่งด่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการควบคุมและลดการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ เน้นการจับด้วยเครื่องมือประมงที่มีประสิทธิภาพและเหมาะกับสภาพพื้นที่ ควบคู่กับการกำจัดปลาหมอคางดำในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมถึงการปล่อยปลาผู้ล่าเพื่อช่วยกำจัดลูกปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำซึ่งเป็นการตัดวงจรการแพร่ระบาดของปลาดังกล่าว

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินหน้าลดปริมาณปลาหมอคางดำอย่างจริงจังนำร่องใน 5 จังหวัด คือ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ เพชรบุรี และกรุงเทพมหานคร โดยมุ่งเน้นการแก้ไขแบบบูรณาการด้วยการผนึกกำลังกัน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคเอกชน เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากที่สุดในการบรรเทาความเดือดร้อนของคนในพื้นที่ ช่วยฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและความอุดมสมบูรณ์ให้กลับคืนสู่แหล่งน้ำอย่างยั่งยืน

AIS ชวนลูกค้าที่ถือ 6 – 100 เบอร์ ยืนยันตัวตนตามประกาศ กสทช. พร้อมรับสิทธิ์ร่วมลุ้นโชคปังอลังการ ก่อนโดนระงับ 13 กค. นี้

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนโยบายภาครัฐ ที่เป็นห่วงความปลอดภัยของประชาชนที่อาจถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง  หรือ ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล นำไปสู่การสูญเสียทรัพย์สิน จึงได้กำหนดมาตรการให้ประชาชนที่ครอบครองหมายเลขตั้งแต่ 6 เบอร์ขึ้นไป ดำเนินการยืนยันตัวตนให้ถูกต้อง ในช่วงที่ผ่านมานั้น

บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS จึงขอเชิญชวนลูกค้ากลุ่ม 6-100 เบอร์ (เฉพาะผู้ที่ได้รับแจ้งเตือนเมื่อมีการโทรออก) ดำเนินการยืนยันตัวตน พร้อมมอบสิทธิ์ในการเข้าร่วมแคมเปญลุ้นโชคกับ AIS POINTS 1 สิทธิ์ ต่อ 1 เบอร์ เพื่อร่วมลุ้นโชคปังอลังการกับ Samsung Galaxy S24 Ultra หรือ สร้อยคอทองคำ (ภายใน 30 มิ.ย. 67)  ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาสิทธิและป้องกันการถูกระงับใช้งานชั่วคราว ลูกค้าสามารถยืนยันตัวตน Update ข้อมูลการจดทะเบียนได้ ผ่าน AIS Shop, AIS Telewiz และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้

1.      กด*161*2*เลขบัตรประชาชน# โทรออก ฟรี (รอรับ SMS ทำตามขั้นตอน)

2.      ผ่านแอป myAIS (สำหรับลูกค้าระบบเติมเงิน)

3.      เว็บไซต์ http://kyc.cloud.ais.th/repi    

อย่างไรก็ตาม สำหรับลูกค้าที่ไม่ได้ดำเนินการยืนยันตัวตนตามกรอบเวลาที่กำหนด คือ 13 กรกฎาคม 2567 จากนโยบายของภาครัฐ  บริษัทฯ จึงจำเป็นจะต้องดำเนินการระงับการใช้งานชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยจากการถูกมิจฉาชีพลักลอบนำเบอร์ไปใช้ ตามประกาศของทาง กสทช. โดยท่านจะยังคงรับสายและใช้อินเทอร์เน็ตเข้า AIS Website และ แอป myAIS ได้ แต่ไม่สามารถโทรออกได้ (สามารถโทรหมายเลข Emergency และ AIS Call Center ได้) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/consumers/lifestyle/blog/public-relations/identity-verification-policy-for-user-registration

ตลท. เดินหน้าปรับปรุงมาตรการกำกับดูแลการขายชอร์ต และโปรแกรมเทรดดิ้ง ยกระดับความเชื่อมั่นนักลงทุน เริ่ม 1 ก.ค. 67

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เดินหน้าปรับปรุงมาตรการกำกับดูแลการขายชอร์ต และโปรแกรมเทรดดิ้งต่อเนื่อง ได้แก่ คุณสมบัติของหุ้นที่ขายชอร์ตได้ ราคาในการขายชอร์ต การขึ้นทะเบียนผู้ลงทุนที่ส่งคำสั่งซื้อขายด้วย HFT และการเปิดเผยข้อมูลผู้ลงทุนที่มีพฤติกรรมการส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสม เพื่อยกระดับการกำกับดูแลการซื้อขาย และเพิ่มความเชื่อมั่นผู้ลงทุน เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 67 เป็นต้นไป

มาตรการกำกับดูแลการขายชอร์ต
1) ปรับปรุงคุณสมบัติของหุ้นในกลุ่ม non-SET100 ที่สามารถขายชอร์ตได้ ให้เป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูงขึ้น โดยกำหนดให้หุ้นที่ขายชอร์ตได้ ต้องมีขนาด Market Capitalization เฉลี่ย 3 เดือน ไม่น้อยกว่า 7,500 ล้านบาท และมีค่าเฉลี่ยของปริมาณการซื้อขายหมุนเวียนต่อเดือน (Monthly Turnover) ในรอบ 12 เดือน ไม่น้อยกว่า 2% รวมทั้งมีการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อย (Free Float) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้ว ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประกาศรายชื่อกลุ่มหลักทรัพย์ที่ขายชอร์ตได้ตามเกณฑ์ใหม่ผ่านทางเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ

2) ปรับปรุงเกณฑ์ราคาขายชอร์ต โดยกำหนดให้ราคาเสนอขายชอร์ตต้องเป็นราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Uptick) จากเดิมที่ให้เสนอขายชอร์ตได้ในราคาที่เท่ากับหรือสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Zero-Plus Tick)

มาตรการกำกับดูแลโปรแกรมเทรดดิ้ง
3) กำหนดให้มีการขึ้นทะเบียนผู้ลงทุนที่ส่งคำสั่งซื้อขายด้วยความเร็วสูง (High Frequency Trading: HFT)* ก่อนเริ่ม
ใช้งาน เพื่อยกระดับการกำกับดูแลผู้ลงทุนกลุ่มดังกล่าวให้เข้มงวดขึ้น

การเปิดเผยข้อมูลผู้ลงทุนที่มีพฤติกรรมการส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสม
4) ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดเผยข้อมูลผู้ลงทุนที่มีพฤติกรรมการส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสมให้แก่บริษัทสมาชิกทุกรายทราบ เพื่อให้บริษัทสมาชิกสามารถกำกับดูแลผู้ลงทุนกลุ่มดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ มาตรการข้างต้นจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป

ผู้ลงทุนและผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเกณฑ์ที่ปรับปรุงดังกล่าวได้ที่เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ www.set.or.th ภายใต้หัวข้อ “กฎเกณฑ์/การกำกับ” และ “กฎเกณฑ์ – หนังสือเวียนส่วนที่เกี่ยวกับสมาชิก”

เมืองไทยประกันชีวิต จัดงานมอบรางวัล “Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2023”  ให้รพ.คู่สัญญา ยกระดับมาตรฐานบริการ

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จัดพิธีมอบรางวัลเกียรติยศ “Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2023” อย่างยิ่งใหญ่โดยในพิธีได้รับเกียรติจาก นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในฐานะประธานกิตติมศักดิ์ เป็นประธาน   ในพิธีขึ้นมอบรางวัลให้แก่โรงพยาบาลคู่สัญญา เพื่อเชิดชูเกียรติและยกย่องในความมีมาตรฐานและความมุ่งมั่นพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานในทุกด้าน นำมาซึ่งการส่งมอบการให้บริการที่เป็นเลิศในทุกมิติและสร้างความ      พึงพอใจแก่ลูกค้าคนสำคัญ โดยมี นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานบรรณาธิการ  วารสารการเงินธนาคาร          นางวิลาสินี พุทธิการันต์  Director of SCB Tech X Co., LTD. นายเผ่าทอง ทองเจือ ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้าน Environmental, Social and Governance (ESG) บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ กรรมการและกรรมการบริหาร  บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นางสาวชินตา ศรีจินตอังกูร Thailand Site Leader บริษัท นีลเส็นไอคิว (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ดร.สุธี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมในพิธี โดยงานจัดขึ้น  ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ

นายสาระ กล่าวว่า การจัดงานมอบรางวัลเกียรติยศ “Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2023” จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบริษัทฯ และโรงพยาบาลคู่สัญญาทั่วประเทศ นอกจากนี้เป็นการยกระดับการให้บริการด้านการประกันชีวิตและการประกันสุขภาพ มีการริเริ่มคิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่พร้อมรองรับและตอบโจทย์ความต้องการของผู้เอาประกันภัยได้มากขึ้น เป็นการเพิ่มขีดความสามารถและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการและยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี  ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายหลักของบริษัท ฯ ที่มุ่งมั่นสร้างความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่ต้องการขับเคลื่อนองค์กรด้วยการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติของ ESG 

ทั้งนี้ คณะกรรมการได้พิจารณาคัดเลือกและให้คะแนนผลการปฎิบัติงานของโรงพยาบาลคู่สัญญา ตามเกณฑ์การตัดสินในแต่ละด้าน รวมทั้งสิ้น 6 ประเภทรางวัล จำนวน 31 รางวัล ได้แก่

1.รางวัลเกียรติยศสูงสุด “The Pink Gold of Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2023 มาจากคณะกรรมการและผลสำรวจความพึงพอใจที่มีต่อบริการในทุกด้านโดยมีคะแนนรวมสูงสุดของรางวัลในแต่ละด้าน

2.รางวัลด้านความรวดเร็ว มีคุณภาพและเข้าใจความต้องการของลูกค้า “Customer Centric Award” มอบให้แก่โรงพยาบาลที่มีวิสัยทัศน์ มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า

3.รางวัลด้านบริหารจัดการทางการแพทย์ “Commitment to Success Award” มอบให้แก่โรงพยาบาลที่มุ่งมั่นในการให้บริการและการบริหารทรัพยากรทางการแพทย์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า

4.รางวัลด้านริเริ่ม เปิดรับ ตอบรับนวัตกรรมใหม่ “Creativity and Innovation Award”   มอบให้แก่โรงพยาบาลที่มีกระบวนการการคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง แนวทางใหม่ ๆ ในแบบที่แตกต่างให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า

5.รางวัลด้านความร่วมมือระหว่างองค์กร “Collaboration Award”   มอบให้แก่โรงพยาบาลที่มีการทำงานเป็นกระบวนการร่วมกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

6.รางวัลด้านการดูแลใส่ใจอย่างเป็นเลิศ “Caring Award” มอบให้แก่โรงพยาบาลที่มอบการดูแลการเข้ารับบริการและลดระยะเวลารอคอยการเข้ารับบริการของลูกค้าเมื่อออกจากโรงพยาบาล

“ผมขอแสดงความยินดีกับทางโรงพยาบาลคู่สัญญาที่ได้รับรางวัลในวันนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารางวัลนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการ ตลอดจนช่วยผลักดันให้ทั้งบุคลากรและองค์กรเกิดการพัฒนานวัตกรรมการบริการใหม่ ๆ ที่เข้าถึงความต้องการและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เอาประกันภัยในการเข้ารับบริการต่อไป” นายสาระ กล่าว

รายชื่อโรงพยาบาลที่ได้รับรางวัล

รางวัลเกียรติยศสูงสุด

The Pink Gold of Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2023”

ได้แก่ “โรงพยาบาล กรุงเทพ”

รางวัลด้านความรวดเร็ว มีคุณภาพ และเข้าใจความต้องการของลูกค้า  “Customer Centric Award””

โรงพยาบาลขนาดใหญ่ 

อันดับ 1  –   โรงพยาบาล พญาไท พหลโยธิน 

อันดับ 2  –   โรงพยาบาล เชียงใหม่ ราม

อันดับ 3  –   โรงพยาบาล พญาไท 3

โรงพยาบาลขนาดกลาง

อันดับ 1  –   โรงพยาบาล กรุงเทพราชสีมา

อันดับ 2  –    โรงพยาบาล ศรีสวรรค์

อันดับ 3  –    โรงพยาบาล บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์

รางวัลด้านบริหารจัดการทางการแพทย์ “Commitment to Success Award””

โรงพยาบาลขนาดใหญ่

 อันดับ 1  –  โรงพยาบาล  กรุงเทพ

 อันดับ 2  –  โรงพยาบาล พญาไท 1

อันดับ 3  –   โรงพยาบาล ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์

โรงพยาบาลขนาดกลาง

 อันดับ 1  –  โรงพยาบาล เจ้าพระยา

 อันดับ 2  –  โรงพยาบาล ลาดพร้าว

 อันดับ 3  –  โรงพยาบาล แพทย์รังสิต

รางวัลด้านริเริ่ม เปิดรับ ตอบรับนวัตกรรมใหม่ “Creativity and Innovation Award”

โรงพยาบาลขนาดใหญ่

 อันดับ 1  –  โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

 อันดับ 2  –  โรงพยาบาล รามคำแหง

 อันดับ 3  –  โรงพยาบาล กรุงเทพพัทยา

โรงพยาบาลขนาดกลาง

 อันดับ 1  –  ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 อันดับ 2  –  โรงพยาบาล บางปะกอก 1

 อันดับ 3  –  โรงพยาบาล พระรามเก้า

รางวัลด้านความร่วมมือระหว่างองค์กร “Collaboration Award”

โรงพยาบาลขนาดใหญ่

 อันดับ 1  –  โรงพยาบาล กรุงเทพ

 อันดับ 2  –  โรงพยาบาล พญาไท 2

                         อันดับ 3  –  โรงพยาบาล เมดพาร์ค

โรงพยาบาลขนาดกลาง

 อันดับ 1  –  โรงพยาบาล บางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล

 อันดับ 2  –  โรงพยาบาล บางปะกอก สมุทรปราการ

 อันดับ 3  –  โรงพยาบาล สมิติเวช ศรีนครินทร์

รางวัลด้านการดูแลใส่ใจที่เป็นเลิศ “Caring Award”

โรงพยาบาลขนาดใหญ่

 อันดับ 1  –  โรงพยาบาล เวชธานี

 อันดับ 2  –  โรงพยาบาล วิภาวดี

                         อันดับ 3  –  โรงพยาบาล นนทเวช

โรงพยาบาลขนาดกลาง

อันดับ 1  –  โรงพยาบาล กรุงเทพหาดใหญ่

อันดับ 2  –  โรงพยาบาล สมิติเวช ศรีราชา

อันดับ 3  –  โรงพยาบาล มหาชัย 2