Home Blog Page 85

“รู้ทันปากท้อง” กับตลาดหลักทรัพย์ : รู้ทันกลโกง หลอกขายของออนไลน์

“อาแปะ” สาธิต บวรสันติสุทธิ์ นักวางแผนการเงิน CFP®
กูรูปลดหนี้ แนะว่า ควรซื้อของจากแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ เพราะเขาจะมีการคุ้มครองผู้บริโภค

ที่สำคัญ อย่าชำระเงินนอกแพลตฟอร์มเด็ดขาดครับ!

“แม็คกรุ๊ป” มอบเกียรติบัตรผู้สำเร็จ โครงการแม็คกรุ๊ปฝึกสอนเย็บผ้าพัฒนาอาชีพ รุ่นที่ 7 สร้างอาชีพให้คนในชุมชน

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรโครงการแม็คกรุ๊ปฝึกสอนเย็บผ้าพัฒนาอาชีพ รุ่นที่ 7 โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ ตันธนพิพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกลยุทธ์และการพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และนายจิรชยุตม์ วิโรจน์ชีวัน ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” และนายสมพงษ์ ธนะสินธุ์ ผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนวัดใต้ (ราษฎรนิรมิต) เข้าร่วมงาน เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 ณ โรงเรียนวัดใต้ (ราษฎรนิรมิต)

สำหรับโครงการแม็คกรุ๊ปฝึกสอนเย็บผ้าอาชีพรุ่นที่ 7 จัดโดย บริษัท แม็ค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ โรงเรียนวัดใต้ (ราษฎรนิรมิต) และสำนักงานเขตสวนหลวง โดยการอบรมแบ่งออกเป็น 2 ภาค ได้แก่ภาคทฤษฎี ซึ่งเป็นการอบรมทฤษฎีเบื้องต้นเกี่ยวกับการเย็บผ้า การดูแลซ่อมแซมจักรเย็บผ้า และภาคปฏิบัติ คือการลงมือตัดเย็บผ้า ทั้งนี้ นอกจากผู้อบรมจะได้รับความรู้และประสบการณ์สามารถนำไปประกอบอาชีพได้แล้ว และยังมีโอกาสได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วมงานเป็นพนักงานในกลุ่ม บมจ.แม็คกรุ๊ป อีกด้วย

รู้เก็บรู้ออม : จับสัญญาณเศรษฐกิจโลก

ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เศรษฐกิจโลกปี 66 ส่งสัญญาณไม่ค่อยสู้ดีนัก ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ออกมาบอกว่าปีนี้มีโอกาสสูงมากที่เศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับภาวะถดถอย

บทความเรื่อง “จับชีพจรเศรษฐกิจโลก ส่องเศรษฐกิจไทย ปี 2566” ในเว็บ SETINVESTNOW กล่าวถึงแนวโน้มนี้ว่า เศรษฐกิจถดถอยไม่ได้แปลว่า จะหดตัวลง แต่เป็นการโตในอัตราที่น้อยและช้าลงจากปีที่แล้ว คาดว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะโต 1.7% โดยประเทศที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่จะโตช้าลง ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา, ยุโรป, ญี่ปุ่น ซึ่งประเทศเหล่านี้เป็นตลาดหลักๆของไทย ทำให้กำลังซื้อน้อยลง การส่งออกของไทยไปตลาดหลักๆเหล่านี้จะไม่ขยายตัวได้มากเท่ากับปีก่อน

เศรษฐกิจโลกปีนี้จะเผชิญกับ 3 ความเสี่ยง คือ 1.ราคาสินค้ายังอยู่ในระดับสูง เพราะถึงแม้เงินเฟ้อจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และเริ่มชะลอลงในปีนี้ แต่สินค้าก็จะยังแพงขึ้น IMF มองว่าปีนี้ราคาสินค้าจะเพิ่มขึ้นไปอีก 6.5% ดังนั้น ราคาพลังงาน ราคาอาหาร จะยังอยู่ในระดับที่สูงและเป็นต้นทุนของสินค้าอื่น ซึ่งบั่นทอนกำลังซื้อของประชาชน

2.อัตราดอกเบี้ยปีนี้ยังเป็นขาขึ้น แม้จะไม่ขึ้นเร็วเหมือนปีก่อนแต่ก็ยังขึ้นต่อไป คาดว่าปีนี้ดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะขึ้นอีกสัก 1% เพื่อสกัดเงินเฟ้อให้อยู่ที่ 2% ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นส่งผลให้หลายประเทศ รวมถึงไทยมีแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ยเช่นเดียวกัน

3.ค่าเงิน โดยการขึ้นดอกเบี้ยช้าลงของสหรัฐฯ ทำให้เงินไหลออกไปลงทุนในภูมิภาคอื่นแทน ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง เงินบาทแข็งค่าขึ้น จึงเป็นความเสี่ยงหนึ่งสำหรับผู้ส่งออกไทย ขณะที่การนำเข้าได้รับอานิสงส์ แม้นักลงทุนจะฝากความหวังไว้ที่จีน แต่ TDRI มองว่าเศรษฐกิจจีนไม่น่าโตได้ถึง 5% ขณะที่ธนาคารโลก คาดว่า จีนน่าจะขยายตัวได้ 4.3% เพราะจีนเพิ่งเริ่มเปิดประเทศ กว่าจะฟื้นตัวได้จริงๆตอนไตรมาสสอง ขณะที่ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน จะกดดันให้เศรษฐกิจฟื้นได้ไม่เต็มที่

สำหรับเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตดีกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย TDRI คาดว่าปีนี้จะขยายตัวได้ 3.5% ปัจจัยหลักมาจากการท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวมากขึ้น รายรับจากนักท่องเที่ยวปีนี้ที่คาดไว้ 25 ล้านคน จะเป็นตัวผลักดันและขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้คนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น การจับจ่ายใช้สอยก็น่าจะยังไปได้ต่อ ทำให้เศรษฐกิจไทยยังโตได้

และการลงทุนจะเป็นอีกปัจจัยช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทั้งการลงทุนจากคนไทยและต่างประเทศ จะมีการย้ายฐานการลงทุนมาไทย เนื่องจากปัญหาจีนกับสหรัฐฯยังจะไม่หยุดลงง่ายๆ แม้ไทยเป็นประเทศอันดับสองของอาเซียนรองจากเวียดนามที่มีบริษัทย้ายมาลงทุน แต่ไทยได้เปรียบเรื่องการมุ่งไปสู่สังคม Low-Carbon และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ดีกว่าเวียดนามมาก ทำให้บริษัทต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด และ Cloud Service

เม็ดเงินที่จะลงมาในประเทศไทย หรือในตลาดหุ้นไทยเป็นไปในทิศทางบวก แต่ต้องมีการกระจายการลงทุนที่แตกต่างจากปีที่แล้ว โดยนักลงทุนควรปรับแนวทางการลงทุนมาเป็นหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้ประโยชน์ คือ การท่องเที่ยว รถยนต์ EV หรือ Low–Carbon แทน

ผู้สนใจอยากฟังเนื้อหาแบบละเอียด สามารถเข้าไปหาชมย้อนหลังได้ใน Maruey Talk หรือต้องการเรียนรู้แนวทางการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “Sector Rotation” ได้ฟรี!!

คุณนายพารวย

ตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่งตั้งจิตติยา ธรรมสรณ์ เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศแต่งตั้งนางสาวจิตติยา ธรรมสรณ์ เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานทรัพยากรบุคคลและพัฒนาองค์กร มีผล 9 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่งตั้ง นางสาวจิตติยา ธรรมสรณ์ เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานทรัพยากรบุคคลและพัฒนาองค์กร มีผลตั้งแต่ 9 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป

นางสาวจิตติยา ธรรมสรณ์ มีประสบการณ์การทำงานที่หลากหลายทางด้านธุรกิจธนาคาร ธุรกิจโทรคมนาคม และบริษัทที่ปรึกษาระหว่างประเทศในองค์กรชั้นนำ มากว่า 32 ปี อาทิ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน)

นางสาวจิตติยา ธรรมสรณ์ จบการศึกษาปริญญาตรี ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ (ผู้บริหาร) จากมหาวิทยาลัยรังสิต

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เชื่อมั่นว่า นางสาวจิตติยา ธรรมสรณ์ จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนธุรกิจของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืน

“สาระ ล่ำซำ” รับรางวัลเกียรติยศ “ผู้เสียสละเพื่อสังคม” จากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) รับรางวัลเกียรติยศ “ผู้เสียสละเพื่อสังคม” องค์กรผู้สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้เปราะบาง เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติแบบอย่างการทำความดี จากนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในพิธีมอบรางวัล “ผู้เสียสละเพื่อสังคม” ด้านผู้สูงอายุ จัดขึ้นโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มอบให้กับบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม มีผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม มีความเสียสละทำความดีเพื่อสังคมโดยไม่หวังผลประโยชน์ สร้างสรรค์สิ่งที่มีประโยชน์ให้กับกลุ่มเปราะบาง โดยมีนายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และผู้บริหารบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมแสดงความยินดี งานจัดขึ้น ณ อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

รมว.การค้าฯ ปาปัวนิวกินี ชม “ไก่ซีพีเอฟ” มาตรฐานระดับโลก


Hon. Richard Maru. BTech, MBA, OBE, MP Minister for International Trade and Investment รัฐมนตรีว่าการค้าระหว่างประเทศและการลงทุน รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี เยี่ยมชม โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ครบวงจรสระบุรี ของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ที่ยกระดับมาตรฐานกระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยใช้เทคโนโลยีทันสมัยและนวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พร้อมระบบอัตโนมัติเชื่อมการทำงานแบบอัจฉริยะ สามารถติดตามผลได้แบบ Real Time ทั้ง Smart Farm – Smart Factory ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) มาตรฐานระดับโลก และตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขั้นตอน นอกจากนี้ ยังใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานชีวมวล พลังงานจากก๊าซชีวภาพ และพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร่วมบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มุ่งสู่ Net-Zero ตามเป้าหมายเครือซีพี โดยมี น.สพ.พยุงศักดิ์ สมยานนทนากุล รองผู้อำนวยการ ด้านมาตรฐานฟาร์มและข้อกำหนดลูกค้า และคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ ร่วมให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการค้าระหว่างประเทศและการลงทุน รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี กล่าวชื่นชมศักยภาพการผลิตไก่ของซีพีเอฟว่ามีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในด้านคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร สมเป็น “ครัวของโลก”

AIS ผนึก depa หนุนกลุ่ม Digital Startup และ Tech SMEs เติบโตไปด้วยกัน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เดินหน้าผลักดันและเชื่อมโยงผู้ประกอบการภายใต้การดูแลของ depa ทั้งกลุ่ม Digital Startup และ Tech SMEs ให้เติบโต ผ่านการใช้ศักยภาพความแข็งแกร่งร่วมกัน ประเดิมด้วยการจัดกิจกรรม OPEN HOUSE “depa x AIS Thailand Digital Business Partnership ธุรกิจก้าวกระโดดด้วยการสร้างพันธมิตร” เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ รวมถึงการนำเครื่องมือด้านเทคโนโลยีโซลูชันของ AIS มาผนวกกับแรงผลักในเชิงนโยบายจากภาครัฐไปต่อยอดในการดำเนินธุรกิจ มากไปกว่านั้นยังเตรียมขยายผลสู่การจัดกิจกรรม Business Matching ที่จะเป็นการสร้างโอกาสการทำธุรกิจร่วมกับ AIS ในอนาคต

ดร.ศรีหทัย พราหมณี ผู้จัดการด้าน AIS The StartUp กล่าวว่า “ขอขอบคุณ depa ที่มองเห็นถึงความตั้งใจของ AIS ที่มีเป้าหมายสำคัญในการนำศักยภาพความแข็งแกร่งด้านดิจิทัลโครงข่ายมาขับเคลื่อนการเติบโตของระบบเศรษฐกิจดิจิทัล โดยมี AIS The StartUp เป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญ ซึ่งเราทำงานร่วมกับผู้ประกอบการกลุ่ม Startup มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ในฐานะเพื่อนคู่คิดที่พร้อมสร้าง Inclusive Growth ให้ธุรกิจเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน โดยการทำงานร่วมกับ depa ในครั้งนี้จะเป็นการตอกย้ำถึงความร่วมมือ เพื่อให้ผู้ประกอบการ Digital Startup และ Tech SMEs ที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของ depa กว่า 400 ธุรกิจเข้าถึงดิจิทัลโซลูชัน องค์ความรู้ และมีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าผ่านพันธมิตรทางธุรกิจของ AIS เราเชื่อว่าการทำงานร่วมกันครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการผลักดันการเติบโตให้กับผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังเป็นการร่วมกันขับเคลื่อนของภาคเอกชน ผู้ประกอบการ และภาครัฐ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้มีความแข็งแกร่งอีกด้วย”

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ depa กล่าวว่า “หนึ่งในภารกิจสำคัญที่ depa ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องคือ การส่งเสริมและสนับสนุน Digital Startup ไทยในทุกระยะการเติบโต ผ่านการสร้างระบบนิเวศส่งเสริมการทำงานของ Digital Startup ในทุกมิติ ผลักดันให้เกิดกระบวนการสร้างศักยภาพการเติบโตเชิงธุรกิจ สนับสนุนให้เกิดการพัฒนา Deep Tech โดย Digital Startup ไทย เพื่อนำไปสู่การประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ ตอบโจทย์เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และส่งเสริมให้เกิดการต่อยอดผลิตภัณฑ์/บริการดิจิทัลสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ ขณะเดียวกัน depa ได้พัฒนากลไกสนับสนุน Digital Startup ในรูปแบบ Super Angel Fund ในชื่อ มาตรการช่วยเหลือหรือการอุดหนุนเพื่อการเริ่มต้นธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล (depa Digital Startup Fund) สำหรับการทำงานร่วมกับ AIS ในครั้งนี้จะเป็นการยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลผ่านการใช้ศักยภาพในด้านต่าง ๆ ของ AIS ทั้งในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล และการนำพาผู้ประกอบการให้มีความพร้อมเข้าสู่การแข่งขันในตลาดที่ใหญ่ขึ้น จึงนับเป็นการเติมเต็มเป้าหมายดังกล่าวให้มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น”

สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของ AIS The StartUp ได้ทางเว็บไซต์ https://www.ais.th/thestartup/ และช่องทาง Facebook https://www.facebook.com/AISTheStartup

OR จับมือ เครือรพ.พญาไท-เปาโล ขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 11 แห่งทั่วประเทศ

นายพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน พร้อมด้วยนายพีรเวท ณ ระนอง ผู้จัดการส่วนกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ EV อีโคซิสเท็ม บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) และนายอิทธิ ทองแตง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท และโรงพยาบาลเปาโล พร้อมด้วย นางศศิธร มูลสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มพรีเมี่ยม เครือ รพ.พญาไท-เปาโล รักษาการผู้อำนวยการสายจัดซื้อและบริหารคลังสินค้าและผู้อำนวยการประจำสำนักประธานคณะผู้บริหารเครือ รพ.พญาไท-เปาโล ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ EV Station PluZ สำหรับพื้นที่โรงพยาบาลพญาไทและเปาโลฯ โดยจะติดตั้งรวม 11 แห่งทั่วประเทศ ถือเป็นการขยายเครือข่ายการให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Station PluZ ในพื้นที่สถานพยาบาล ซึ่งคาดว่าจะสามารถติดตั้งได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นไป

นายพิมาน กล่าวว่า ความร่วมมือกับเครือ รพ.พญาไท-เปาโล ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำธุรกิจโรงพยาบาลในประเทศไทย ติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ ในพื้นที่โรงพยาบาลพญาไท และโรงพยาบาลเปาโลฯ รวม 11 แห่งทั่วประเทศในครั้งนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าผู้ใช้รถไฟฟ้าที่มาใช้บริการในโรงพยาบาลสามารถเข้าถึงสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Statoin PluZ ได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่หันมาใช้รถไฟฟ้าและให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีโมบายแอปพลิเคชัน ‘EV Station PluZ’ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหาสถานีชาร์จ EV Station PluZ จองเข้าใช้บริการ ชำระเงินออนไลน์ และตรวจสอบประวัติการใช้งาน รวมทั้งยังสามารถแจ้งข้อมูลสถานะของสถานีชาร์จแต่ละแห่ง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมเวลาการเข้าชาร์จได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความร่วมมือในครั้งนี้นอกจากจะเป็นไปตามพันธกิจ Seamless Mobility ของ OR ที่มุ่งมั่นผลักดันธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า และออกแบบระบบนิเวศสำหรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (Ecosystem Design) อย่างเหมาะสม เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว ยังสอดคล้องกับแนวทางการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน OR’s SDG หรือ SDG ในแบบของ OR ที่จะตอบโจทย์เป้าหมาย “G” หรือ “GREEN” ที่มุ่งสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) ในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon-neutrality) ภายในปี 2030 อันจะนำไปสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรที่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Carbon Zero) ในปี 2050 ต่อไป

พีทีที สเตชั่น เปิด “ตลาดเติมสุข” หนุนคนพื้นที่สร้างรายได้ ตอกย้ำความเป็นศูนย์กลางชุมชน

พีทีที สเตชั่น จัดกิจกรรม “ตลาดเติมสุข” สร้างประสบการณ์ใหม่ในการใช้จ่ายในชุมชน ผ่านสินค้าหลากหลายประเภท ที่มาจากผู้ผลิต-ผู้ขายตัวจริง พบโซนร้านค้าที่คัดสรรพิเศษจากโออาร์ เที่ยวสนุก ชอปสะใจ 3 วันเต็ม ที่พีทีที สเตชั่น สาขามหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร จ.สกลนคร พร้อมช่วยส่งเสริมรายได้เกษตรกร และผู้ขายจากรายย่อยในพื้นที่

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า จากการดำเนินงานที่ผ่านมาของ พีทีที สเตชั่น ต้องการมุ่งเน้นตอบโจทย์แนวคิด ความเป็นศูนย์กลางชุมชน (Living Community) และเป็นผู้นำสถานีบริการที่มุ่งช่วยเหลือชุมชนอย่างแท้จริง เราจึงเน้นการจัดกิจกรรมต่างๆ หลากหลายกิจกรรมเพื่อที่เข้าถึงชุมชนโดยรอบพื้นที่สถานีบริการ ทั้งนี้แนวคิดความเป็นศูนย์กลางชุมชน (Living Community) ของ พีทีที สเตชั่น ตามที่ตั้งเป้าไว้เกิดขึ้นได้จากหลากหลายกิจกรรมดีๆ ที่จะให้ความสำคัญทั้งประชาชนในพื้นที่โดยรอบรวมไปถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ อีกด้วย โดยดำเนินการมาแล้วตั้งแต่ปี 2564 ผ่านโครงการที่ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน อาทิ “โครงการแยก แลก ยิ้ม” ด้วยการตั้งจุดคัดแยกขยะ ณ พีทีที สเตชั่นโดยแยกตามประเภทของขยะ และคัดเลือกนำขยะที่มีมูลค่าไปขายเพื่อนำเงินมาสะสมแล้วตอบแทนกลับคืนชุมชนผ่านการมอบเป็นอุปกรณ์กีฬา หรืออุปกรณ์การเรียนให้แก่โรงเรียนในชุมชน หรือ “Zero Waste” โครงการนำร่องในการบริหารจัดการขยะที่เกิดขึ้นภายใน พีทีที สเตชั่น ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นต้นเหตุของก๊าซเรือนกระจกจากการขนถ่ายขยะและจัดการขยะได้ตั้งแต่แหล่งกำเนิดอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเป็นโครงการที่ได้ใกล้ชิดชุมชน และยังสร้างความสุขรอยยิ้มร่วมกัน

“ตลาดเติมสุข” เป็นกิจกรรมที่นำรูปแบบตลาดนัดที่ผู้คนชื่นชอบมารวมกับโครงการด้านชุมชน ตามที่ พีทีที สเตชั่น มีจุดยืนการดำเนินธุรกิจ “เติมเต็มทุกความสุข” ซึ่งหมายถึง การสร้างความสุขให้กับผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความสุขให้ผู้คน และสร้างรายได้ให้กับชุมชนที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ รวมทั้งยังเป็นการตอกย้ำความเป็นศูนย์กลางชุมชน (Living Community) และเป็นผู้นำสถานีบริการที่มุ่งช่วยเหลือชุมชนอย่างแท้จริง โดยในปี 2565 ที่ผ่านมาได้นำร่อง จัดกิจกรรม “ตลาดเติมสุข” ที่พีทีที สเตชั่น มาแล้ว จำนวน 4 สถานี ใน 4 จังหวัด ได้แก่ สถานีบริการ บจ.ประเสริฐสินปิโตรเลียม จ. นครราชสีมา สถานีบริการ บจ.เพชรน้ำเอกปิโตรเลียม จ. ขอนแก่น สถานีบริการ บจ.หลักเมืองถาวรพาณิชย์ จ. สุพรรณบุรี และสถานีบริการ สาขาสารภี จ. เชียงใหม่ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี สามารถสร้างการมีส่วนร่วม ความสุข และความสนุกภายในตลาดเติมสุขที่จัดขึ้น

สำหรับ “ตลาดเติมสุข” พีทีที สเตชั่น สาขามหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร จ.สกลนคร จะเติมเต็มความสุขด้วยร้านค้า และกิจกรรม ให้พบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่านสินค้าที่มาจากผู้ผลิต-ผู้ขายตัวจริงทั้งจากในชุมชนและหลากหลายท้องถิ่นทั่วประเทศ ประกอบด้วยโซนแรกคือ โซนไทยเด็ด จำหน่ายสินค้าที่คัดสรรมาแล้วว่าเป็น สินค้าดี สินค้าเด็ด การันตีคุณภาพด้วยโครงการไทยเด็ด อีกหนึ่งโครงการดีๆ จาก พีทีที สเตชั่น ที่สนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชนทั่วไทย โซนถัดมาคือ โซนพื้นที่ปันสุขเพื่อชุมชน ประกอบไปด้วยผลผลิตและสินค้าชุมชน จากเกษตรกรและชุมชนในพื้นที่ ซึ่งนอกจากจะได้เลือกซื้อสินค้าจากธรรมชาติแล้ว ยังได้ช่วยเหลือชุมชนในพื้นที่อีกด้วย ปิดท้ายด้วย โซนร้านดังต้องห้ามพลาด พบกับสินค้าท้องถิ่นและร้านอาหารดังในพื้นที่ที่มารวมกันอยู่ในตลาดแห่งนี้ ให้คุณได้เลือกชิม เลือกชอป สินค้าดังในจังหวัดได้ในที่เดียว พร้อมเพลิดเพลินกับมุมดนตรีสดฟังสบาย สัมผัสกลิ่นไอท้องถิ่น เป็นการเติมเต็มความความสุขให้ผู้คน พร้อมกับนำเสนอเอกลักษณ์ของชุมชนไปในคราวเดียวกัน

สำหรับ “ตลาดเติมสุข” พีทีที สเตชั่น สาขามหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร จ.สกลนคร จะเป็นรูปแบบตลาดที่เน้นถึงความเป็นท้องถิ่นไทย ให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมชาติ วิถีชีวิตชุมชน เกษตรกร ผู้ผลิต และผู้ขายได้มีโอกาสนำสินค้าคุณภาพมาจำหน่ายในงาน ซึ่งสินค้าส่วนมากจะสอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินชีวิตวิถีท้องถิ่นไทยรูปแบบพื้นบ้าน ดึงดูดให้ผู้คนในพื้นที่เข้าไปท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอย โดยงานจะจัดขึ้น ในวันที่ 2-4 มีนาคม 2566 เวลา 14.00 น. – 21.00 น. ณ พีทีที สเตชั่น สาขามหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ถนนนิตโย ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จ.สกลนคร

AIS คว้ารางวัล Winners of the Global MIKE Award 2022 ด้านบริหารจัดการองค์กรระดับโลก 3 ปีซ้อน

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS คว้ารางวัลด้านการบริหารจัดการองค์กรจากเวทีระดับโลก Winners of the Global MIKE Award 2022 ขึ้นแท่นองค์กรไทยในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมหนึ่งเดียวที่ได้รับรางวัลนี้ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้บุคลากร ซึ่งถือเป็นกำลังหลักในการนำนวัตกรรมขับเคลื่อนองค์กรให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล เพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์การเป็นองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ หรือ Cognitive Tech-Co

นางสาวกานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล กลุ่มบริษัท AIS และกลุ่มอินทัช กล่าวว่า “การที่ AIS ได้รับรางวัล Winners of the Global MIKE Award 2022 ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2020-2022 ถือเป็นการการันตีถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของเราในการบริหารจัดการองค์ความรู้ด้านนวัตกรรม ทักษะ และขีดความสามารถใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลกให้แก่บุคลากรทุกระดับผ่านการพัฒนาเครื่องมือการเรียนรู้บนดิจิทัลแพลตฟอร์ม

นอกจากนี้เรายังมีโครงการ Jump Thailand ภายใต้ภารกิจคิดเผื่อ เพื่อคนไทย โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมพัฒนาบุคลากร และยกระดับภาคการศึกษาไทยให้เกิดการนำดิจิทัลเทคโนโลยีเข้าไปขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะและขีดความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมร่วมกับ กลุ่มติวเตอร์ที่นับว่ามีความสำคัญในการส่งต่อองค์ความรู้ให้แก่เยาวชนไทย ผ่านโครงการ THE TUTOR THAILAND หรือแม้แต่โครงการ The Educators ที่เป็นการส่งเสริมให้ครูผู้สอน บุคลากรด้านการศึกษาทุกสังกัด และนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ได้เรียนรู้การพัฒนาสื่อนวัตกรรมทางการศึกษาให้สอดรับกับวิถีการเรียนในโลกยุคใหม่”

สำหรับรางวัล Global MIKE Award 2022 เป็นรางวัลด้านการบริหารจัดการองค์กรระดับโลก ที่จัดโดย The Institute for Knowledge and Innovation Southeast Asia (IKE-SEA) ร่วมกับมหาวิทยาลัยจากประเทศฮ่องกง ในการจัดทำวิจัย ศึกษาและจัดอันดับองค์กรที่มีชื่อเสียงต่าง ซึ่งในปี 2022 มีองค์กรที่เข้าร่วมในการประกวดรางวัลกว่า 1,000 องค์กร จาก 8 ประเทศ โดยพิจารณาจากปัจจัยความยั่งยืน อาทิ การวางกลยุทธ์วิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำ การปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นนวัตกรรม หรือแม้แต่การบริหารจัดการนวัตกรรมและองค์ความรู้ในองค์กรที่ดี นำความรู้ เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดคุณค่าสูงสุด เป็นต้น