Home Blog Page 5

AIS เปิดผลลัพธ์แคมเปญ“สัญญาณยืดเวลาโลก” ช่วยยืดเวลาโลก จัดการขยะE-Waste อย่างถูกวิธีกว่า 1,212,272 ชิ้น

0

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ในฐานะ HUB of E-Waste ผู้นำการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย ตอกย้ำบทบาทองค์กรดิจิทัลเพื่อความยั่งยืน เดินหน้าสร้างพลังความร่วมมือครั้งใหญ่กับพันธมิตร ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ เนื่องในวาระ 14 ตุลาคม ร่วมกันแสดงเจตนารมณ์ International E-Waste Day “วันขยะอิเล็กทรอนิกส์สากล” ในกิจกรรม “วัน อ.ว. อีเวสต์เดย์ ภายใต้แนวคิด Signal of Sustainable Future : สัญญาณยืดเวลาโลก เชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรับฟัง “สัญญาณจากโลก” และร่วมกัน “ยืดเวลาให้โลก” ให้น่าอยู่กับเราได้นานยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมา AIS และพันธมิตรได้ร่วมกันเก็บรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการจัดการอย่างถูกวิธีได้ทั้งหมด 1,212,272 ชิ้น ช่วย “ยืดเวลาโลก” ด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 556,573 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO₂e) หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้จำนวน 46,380 ต้น เป็นหลักฐานตอกย้ำถึงพลังความร่วมมือของประเทศไทยที่นานาชาติสามารถมองเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจสื่อสารองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “AIS มุ่งมั่นขับเคลื่อนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด ‘การสร้างการเติบโตร่วมกันของคนและสิ่งแวดล้อมในโลกดิจิทัล’ เราจึงเดินหน้าเป็นศูนย์กลางการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย หรือ HUB of E-Waste เพื่อทำงานร่วมกับพันธมิตรกว่า 250 องค์กร ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา ขับเคลื่อนภารกิจ ‘คนไทยไร้ E-Waste’ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อโลกกำลังส่งสัญญาณเตือนให้เราตระหนักถึงวิกฤติขยะอิเล็กทรอนิกส์ เราต้องร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทุกการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลที่ถูกวิธี เปลี่ยนเป็นพลังในการยืดเวลาให้โลกอยู่กับเราได้นานที่สุด โดยที่ผ่านมา AIS ได้ร่วมมือกับพันธมิตร และสมาชิกกลุ่ม Singtel จากหลากหลายประเทศ ร่วมกันสานต่อภารกิจแคมเปญระดับภูมิภาค “สัญญาณยืดเวลาโลก – Signals of Sustainable Future” เพื่อส่งเสริมการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างยั่งยืน และสร้างแรงบันดาลใจในการตระหนักรู้ให้กับผู้คนกว่า 1.9 พันล้านคนทั่วโลก

และเพื่อต้อนรับวัน International E-Waste Day วันขยะอิเล็กทรอนิกส์สากล  AIS ขอประกาศว่าเราเก็บรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการจัดการอย่างถูกวิธีได้ทั้งหมด 1,212,272 ชิ้น ช่วย “ยืดเวลาโลก” ด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 556,573 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (COe) นับเป็นที่ประจักษ์ถึงศักยภาพและความร่วมมือกันระหว่างประเทศ นับจากนี้ AIS ก็ยังคงเดินหน้าปฏิบัติภารกิจการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะอย่างต่อเนื่อง”

ภายในงานมีกิจกรรมไฮไลท์ด้วยการเชิญชวนพันธมิตร และลูกค้าชาว AIS SIAM ร่วมกิจกรรม “มาทิ้ง E-Waste” เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี  พร้อมบริการจากไปรษณีย์ไทย ที่มารับขยะ E-Waste ถึงที่ เพื่อส่งต่อให้เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี (Zero E-Waste to Landfill) โดย AIS หวังว่าในอนาคตประเทศไทยจะมีการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในพฤติกรรมของประชาชน และผลักดันสังคมให้เข้าสู่แนวทางการรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ร่วมติดตามภารกิจยืดเวลาโลก และร่วมส่งต่อแรงบันดาลใจในการดูแลโลกของเราไปด้วยกัน ได้ที่ https://www.facebook.com/ais.sustainability/?locale=th_TH

“เชสเตอร์” ส่งโปรเด็ด ลุยตลาดไตรมาส 4 เปิดตัวเมนู “ซอสกุ้งล็อบสเตอร์” และ Party Box ชุดฉลองสุดคุ้ม เติมสีสันตลาดฟาสต์ฟู้ดปลายปี

0

“เชสเตอร์” (Chester’s) แบรนด์ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดสัญชาติไทยในเครือเจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เดินหน้าลุยตลาดไตรมาส 4 อย่างคึกคัก ภายใต้แนวคิด “Good Food Good Mood” พร้อมขนทัพความอร่อยและความสุขต้อนรับเทศกาลปลายปี เปิดตัวเมนูใหม่ “ซอสกุ้งล็อบสเตอร์” คงความอร่อยระดับพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้ ตอบรับเทรนด์ “Affordable Premium” ที่กำลังมาแรงในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ รวมถึงเตรียมส่งของพรีเมียมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และเมนูชุด Party Box สุดคุ้ม เพื่อให้ลูกค้าได้อร่อยและเฉลิมฉลองช่วงสิ้นปีไปกับเชสเตอร์ทั่วประเทศ

ลลนา บุญงามศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชสเตอร์ฟู้ด จำกัด

นางสาวลลนา บุญงามศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชสเตอร์ฟู้ด จำกัด กล่าวว่า “ช่วงไตรมาสที่ 4 เป็นจังหวะสำคัญของตลาดฟาสต์ฟู้ด เพราะผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้จ่ายเพื่อให้รางวัลตัวเอง และร่วมฉลองกับคนรอบข้างมากขึ้น ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่มองหาอาหารที่สามารถ “เฉลิมฉลองร่วมกัน” ขณะเดียวกันก็ยังคำนึงถึงความคุ้มค่าในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เราจึงต้องการมอบเมนูที่ตอบทั้งสองมิติ — ความอร่อยระดับพรีเมียม และราคาที่เข้าถึงได้ ตอบรับเทรนด์ Affordable Premium พร้อมด้วยเมนูชุดที่สามารถแบ่งปันกันได้ในทุกโอกาส ซึ่งทั้งหมดสอดคล้องกับแนวคิดหลักของเชสเตอร์ “Good Food Good Mood” มุ่งสร้างความสุขผ่านอาหารที่อร่อย และประสบการณ์ที่พิเศษในทุกมื้อ”

จากข้อมูลเชิงพฤติกรรมของเชสเตอร์พบว่า ลูกค้ามีแนวโน้มเลือกเมนูที่รับประทานและแชร์ร่วมกันได้มากขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า ความสะดวก และรสชาติที่คุ้นเคยแต่มีความพิเศษเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาล เมนูใหม่และชุด Party Box ของเชสเตอร์จึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ช่วงเวลานี้โดยเฉพาะ

ล่าสุดเชสเตอร์เปิดตัวเมนูใหม่ “ซอสกุ้งล็อบสเตอร์” เพื่อมอบประสบการณ์มื้อพิเศษให้กับลูกค้าทั่วประเทศ ที่เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภค Premium Mass ที่ต้องการความอร่อยแบบพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้ จุดเด่นอยู่ที่ซอสกุ้งล็อบสเตอร์รสชาติเข้มข้น กลมกล่อม และหอมกลิ่นกุ้งล็อบสเตอร์ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ เป็นเมนูที่ผสมผสานระหว่างรสชาติคุ้นเคยและความหรูหราในจานเดียว ในราคาเริ่มต้นเพียง 135 บาท มีให้เลือก 3 เมนู คือ ข้าวไก่เผ็ดซอสกุ้งล็อบสเตอร์ / ข้าวไก่กรอบซอสกุ้งล็อบสเตอร์ (ราคา 135 บาท) และสปาเกตตีซอสกุ้งล็อบสเตอร์ (ราคา 155 บาท)

นอกจากนี้ เชสเตอร์ยังเตรียมส่งความสุขต่อเนื่องด้วยของพรีเมียมสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีจำนวนจำกัด และเมนูชุด Party Box ชุดเมนูสุดคุ้มที่รวมเมนูยอดฮิตและซอส 4 รสชาติไว้ในกล่องเดียว ในราคาเริ่มต้นเพียง 299 บาท เหมาะสำหรับปาร์ตี้เล็ก ๆ กับเพื่อนร่วมงาน หรือมื้อพิเศษกับครอบครัว

เชสเตอร์เชื่อว่าช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองสามารถเริ่มต้นได้จากอาหารอร่อย ๆ ที่แบ่งปันกันได้ จึงมุ่งสร้างสรรค์เมนูคุณภาพ เข้าถึงง่าย และส่งต่อความสุขให้ลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งในร้านและผ่านเดลิเวอรี พร้อมเดินหน้าพัฒนาต่อเนื่อง ด้วยเมนูใหม่ที่ตอบโจทย์เทรนด์ ขยายสาขาทั่วประเทศ และยกระดับประสบการณ์ร้านให้ทันสมัย อบอุ่น พร้อมบริการด้วยใจ เพื่อให้ทุกมื้อของลูกค้า อร่อย อบอุ่น และมีความหมาย ในแบบของแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดสัญชาติไทยที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน

ลูกค้าสามารถติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นได้ที่ Facebook: Chester’s l TikTok : @chestersofficial l Instagram : @chesters_official l X (Twitter) : @chesters_th หรือสั่งความอร่อยได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่าน GrabFood, LINEMAN, ShopeeFood, Robinhood รวมถึงเว็บไซต์ www.chesters.co.th และโทร 1145

กรมประมงเดินหน้าปล่อย “ปลานักล่า” ต่อเนื่อง กทม.บูรณาการทุกภาคส่วนคุมเข้ม “ปลาหมอคางดำ”

0

กรมประมงยังคงเดินหน้ามาตรการควบคุมและจัดการ “ปลาหมอคางดำ” อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความหนาแน่น และควบคุมการแพร่กระจาย โดยใช้แนวทางบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และชุมชนในพื้นที่ เพื่อฟื้นฟูความสมดุลของแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างยั่งยืน

หนึ่งในมาตรการสำคัญของกรมประมง คือ “การปล่อยพันธุ์ปลานักล่า” เช่น ปลาอีกง ปลากะพงขาว ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติในการลดจำนวนปลาหมอคางดำ จะช่วยกำจัดลูกปลาหมอคางดำขนาดเล็ก เป็นการ “ตัดวงจรการแพร่พันธุ์” และลดความหนาแน่นของประชากรของปลาต่างถิ่นในแหล่งน้ำ พร้อมทั้งช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและสร้างสมดุลให้ระบบนิเวศกลับคืน

ล่าสุด กรมประมง โดย ได้ร่วมกับชุมชน และหน่วยงานภาครัฐ และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ (CPF) จัดกิจกรรม ปล่อยพันธุ์ปลากะพงขาว ขนาด 4-5 นิ้ว 10,000 ตัว ลงในแหล่งน้ำธรรมชาติในกรุงเทพมหานคร การปล่อยปลานักล่าจะดำเนินต่อจากกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” ที่มีการจับปลาหมอคางดำขนาดใหญ่ออกจากแหล่งน้ำ

นายยุคล เหมบัณฑิต ประมงพื้นที่กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การปล่อยปลานักล่าเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญของกรมประมงในการควบคุมและลดจำนวนปลาหมอคางดำ โดยเฉพาะ ปลากะพงขาว ซึ่งถือเป็นปลาดั้งเดิมในแหล่งน้ำของชุมชน และสามารถกำจัดลูกปลาหมอคางดำได้เป็นอย่างดี กิจกรรมการปล่อยปลานักล่าครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชนในพื้นที่ โดยลูกพันธุ์ปลากะพงขาวที่ปล่อยในวันนี้ 10,000 ตัวได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟ ขณะที่ชุมชนและพี่น้องเกษตรกรได้ร่วมกันคัดเลือกแหล่งน้ำที่เหมาะสมในการปล่อยปลาสองจุด ได้แก่ บริเวณคลองหน้าวัดลูกวัว และศูนย์เรียนรู้แสมดำ

นายยุคลกล่าวเพิ่มเติมว่า “เกษตรกรในพื้นที่ต้องการปลากะพงขาวเพิ่มเติมเพื่อนำไปใช้ในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งกรุงเทพมหานครมีแผนจัดตั้ง ‘กองทุนปลากะพงขาว’ เพื่อสนับสนุนเกษตรกรในอนาคต ขณะเดียวกัน กรุงเทพมหานครยังให้ความสำคัญกับการบูรณาการทุกภาคส่วนในการช่วยกันกำจัดปลาหมอคางดำ เช่น การรับซื้อปลาหมอคางดำกว่า 500,000 กิโลกรัม เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ”

การปล่อยปลานักล่าเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชนท้องถิ่น ที่ใช้กลไกธรรมชาติในการควบคุมประชากรปลาหมอคางดำ ยังเป็นการเพิ่มชนิดของพันธุ์ปลาในแหล่งน้ำ ช่วยให้ชุมชนได้รับประโยชน์โดยตรงจาก “ปลากะพงขาว” ซึ่งเป็นปลาเศรษฐกิจ สามารถจับขึ้นมาเป็นอาหารของครัวเรือน หรือนำไปจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้เสริมแก่ครัวเรือน

นอกจากนี้ ปลานักล่ายังมีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่เป็น “แนวกันชนธรรมชาติ” จำกัดขอบเขตการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำไม่ให้ขยายไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ โดยเฉพาะในจังหวัดที่ยังไม่พบการระบาด เช่น จังหวัดตราด ซึ่งมีการปล่อยปลากะพงขาวในแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อสร้างแนวป้องกันตามธรรมชาติ ลดความเสี่ยงต่อการรุกรานของปลาหมอคางดำในอนาคต

ทั้งนี้ กรมประมงยังคงติดตามและประเมินผลของมาตรการกำจัดและควบคุมปลาหมอคางดำอย่างต่อเนื่อง ทั้งกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” และการปล่อยปลานักล่าในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเน้นส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ปลาหมอคางดำและสร้างมูลค่าเพิ่ม ทั้งการแปรรูปเป็นอาหารเพื่อบริโภคและจำหน่าย ใช้เป็นอาหารของปลากะพงและปู รวมถึงทำเป็นน้ำหมักชีวภาพ เพื่อให้การจัดการปลาหมอคางดำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บนพื้นฐานของความร่วมมือและการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล

“ไข่จากมือเด็ก พลังใหม่สู่ชุมชน” ซีพีเอฟต่อยอดโครงการเลี้ยงไก่ไข่ร่วมสร้างความมั่นคงทางอาหาร

0

วันศุกร์ที่สองของเดือนตุลาคมในทุกๆ ปี ถูกกำหนดให้เป็น “วันไข่โลก” (World Egg Day) เพื่อย้ำถึงความสำคัญของ “ไข่” อาหารโปรตีนคุณภาพสูงที่มีประโยชน์ต่อทุกเพศทุกวัย

ไข่ไก่ สำหรับเด็กๆ ในโรงเรียนต่างจังหวัดทั่วไทยแล้ว ไม่ได้เป็นเพียงแค่เมนูอาหาร แต่ยังเป็น “แหล่งโปรตีนแห่งโอกาส” ที่หล่อเลี้ยงร่างกาย สมอง และยังต่อยอดเป็นบทเรียนชีวิตและอาชีพในอนาคต

โรงเรียนวัดบางปิดล่าง (ราษฎร์สงเคราะห์) ต.บางปิด อ.แหลมงอบ จ.ตราด เข้าร่วม “โครงการซีพีเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” ตั้งแต่ปี 2559 ปัจจุบันเป็นโรงเรียนขยายโอกาส ชั้น ม.1- ม.3 เป็นปีแรก มีนักเรียน 274 คน เลี้ยงไก่ไข่กว่า 150 ตัว เด็กได้ทานเมนูไข่ไก่สัปดาห์ละ 3 วัน ได้ทั้งโปรตีนดีและความรู้จากการเลี้ยงไก่ ผลผลิตดีต่อเนื่องจนสามารถต่อยอดสู่อาชีพในครัวเรือน

เมื่อแม่ไก่ครบอายุเลี้ยง โรงเรียนจะมอบแม่ไก่ปลดระวางที่ยังให้ผลผลิตดี ให้นักเรียนที่เป็นสมาชิกในชุมนุมเกษตร-เลี้ยงไก่ไข่ทั้ง10 คน นำไปเลี้ยงต่อที่บ้าน และมอบให้ผู้ปกครองอีก 20 ครอบครัว ที่ร่วมโครงการ “โคกหนองนา” รวมถึงจำหน่ายให้ชาวชุมชนที่สนใจ เพื่อให้ทุกครัวเรือนมีแหล่งอาหารของตัวเอง

ด.ญ.ชญานนท์ บุญมี – น้องอิง ชั้น ม.1 เล่าว่า “เริ่มเลี้ยงไก่ตั้งแต่ ป.3 ตอนนั้นตื่นเต้นมาก พอได้ไก่ไข่ไปเลี้ยงต่อที่บ้าน ทำให้มีไข่กินทุกวัน ช่วยลดรายจ่ายให้ที่บ้านได้มากๆเลย”

ส่วน ด.ญ.กรวรรณ โพธิวรรณา – น้องพอใจ ชั้น ป.4 เสริมว่า “เราแบ่งเวรดูแลไก่ทุกวัน เช้าให้อาหาร ทำความสะอาด ตอนบ่ายเก็บไข่ แล้วส่งขายผ่านสหกรณ์ โรงเรียนก็นำไปทำอาหารกลางวัน ส่วนที่เหลือขายให้ผู้ปกครอง ขายดีมากค่ะ เพราะเป็นไข่ที่พวกเราเลี้ยงเอง สดและปลอดภัยแน่นอน”

ส่วน โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนค็อกนิสไทยฯ ต.แมดนาท่ม อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ที่ดำเนินโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ต่อเนื่องมากว่า 20 ปี ตั้งแต่ปี 2548 ซีพีเอฟและมูลนิธิฯ มอบแม่ไก่ 200 ตัว เพื่อสนับสนุนอาหารกลางวันเด็กๆ 244 คน การเลี้ยงไก่ไข่ยังสอดคล้องกับ โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่มุ่งให้เด็กมีอาหารครบถ้วน และได้เรียนรู้ทักษะชีวิตควบคู่ไปด้วย

ผลลัพธ์คือ เด็กๆ ไม่เพียงมีสุขภาพดี จากการทานเมนูไข่ไม่น้อยกว่า 3 วันต่อสัปดาห์ แต่ยังได้ฝึกอาชีพ ทั้งการเลี้ยงไก่ การแปรรูปไข่ เป็นวิชาชีพติดตัว และยังรู้จักการทำงานเป็นทีม รวมทั้งเรียนรู้ระบบสหกรณ์จากการจำหน่ายไข่จริงในโรงเรียน และโรงเรียนแห่งนี้ยังได้เป็นต้นแบบศูนย์เรียนรู้ LEARNING CENTER ในพื้นที่อีกด้วย

สำหรับ โรงเรียนบ้านห้วยไม้หก อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ที่อยู่ห่างตัวเมืองเชียงใหม่กว่า 300 กิโลเมตร การเข้าถึงอาหารไม่ง่ายนัก โรงเรียนจึงเข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ตั้งแต่ต้นปี 2568 และมูลนิธิซีพียังช่วยสนับสนุนโครงการเกษตรพอเพียง สร้างโรงเรือนปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ภาคเรียนหน้าโรงเรียนจะเลี้ยงปลา หมู และกบ เสริมอาหารให้เด็กๆ และชุมชนรอบข้าง ผลผลิตไข่ไก่ เป็นทั้งอาหารกลางวันของนักเรียนทั้ง 192 คน และสำหรับนักเรียนพักนอน 93 คน ส่วนที่เหลือจำหน่ายให้ชุมชน และยังมีผู้บริจาคเงินจัดซื้อไข่ไก่ เพื่อให้ทางโรงเรียนมอบแก่กลุ่มเปราะบาง 100 ราย ทั้งผู้สูงวัย ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ใน ต.ม่อนจอง ต.แม่ตื่ “ไข่ไก่” จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งปันอย่างแท้จริง

ด.ญ.วารี ชีวีอิสระ-น้องน้ำ และ ด.ญ.มณฑิตา ไพรบุญพำนัก-น้องสาวิกา ชั้น ม.2 ที่กำลังช่วยดูแลแม่ไก่ไข่ บอกตรงกันว่า “ดีใจที่ได้เรียนรู้การเลี้ยงไก่ ไข่ที่ได้ทั้งกินเอง และแจกให้ชุมชน ทำให้เราอยากสืบต่ออาชีพนี้ในอนาคต”

ส่วน น.ส.นลิน เลาย้าง – น้องหยี ชั้น ม.3 กล่าวขอบคุณโครงการที่มอบโอกาสให้โรงเรียนมีไข่ไก่สดใหม่และมีคุณค่าทางโภชนาการไว้ดูแลเพื่อนๆ ทุกคน

อีกหนึ่งโรงเรียนต้นแบบคือ โรงเรียนบ้านห้วยจรเข้ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่นำองค์ความรู้จากโครงการ CONNEXT ED มาต่อยอดสู่นวัตกรรมเกษตรยุคใหม่ โรงเรียนแห่งนี้เลี้ยงไก่ไข่ 200 ตัว ภายใต้ระบบ IoT ที่ควบคุมพัดลม แสง และอุณหภูมิในโรงเรือนอัตโนมัติ กลายเป็น “ศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยี เกษตร และนวัตกรรม” ที่เด็กๆ ภูมิใจ โดยแบ่งการเรียนรู้เป็น 9 ฐาน เช่น การแปรรูป การตลาด และเบเกอรี่ ปัจจุบันมีผู้เข้ามาฝึกทักษะแล้วกว่า 2,000 คน ทั้งจากโรงเรียนใกล้เคียง ชุมชน และสถาบันอุดมศึกษา

ด.ช.ธันวา เทียนขุนทด – น้องวา ชั้น ม.3 เล่าว่า “ไข่ไก่ของเราขายดีมาก เรามีระบบขายออนไลน์ด้วย พอเห็นไข่ที่ได้ดูแลเองกลายเป็นอาหารให้เพื่อนๆ และครอบครัว รู้สึกดีใจสุดๆ อยากให้โครงการนี้อยู่กับโรงเรียนไปนานๆ”

ด.ญ.ฐิติรัตน์ แสงสง่า – น้องเกรซ ม.2 เล่าด้วยรอยยิ้ม “เรานำไข่ที่ได้มาทำเบเกอรี่ขายคู่กับกาแฟ เป็นฐานหนึ่งในศูนย์เรียนรู้ ภูมิใจมาก ได้เรียน ได้ขาย ได้ใช้จริงๆ”

“ไข่ไก่” จากโครงการซีพีเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ไม่เพียงเป็นเมนูเติมพลังในแต่ละวัน แต่คือจุดเริ่มต้นของการสร้างชีวิตและโอกาสให้เด็กๆ ได้เรียนรู้การพึ่งพาตนเอง มีอาหารที่มั่นคง และต่อยอดสู่ทักษะอาชีพในอนาคต … เมื่อได้เรียนรู้จาก “ไข่” พวกเขาได้รับโปรตีนจากธรรมชาติ และยังได้รับ “พลังในการเติบโต” ที่หล่อหลอมให้เป็นพลังเล็กๆ ของครอบครัว โรงเรียน และชุมชนที่ยั่งยืน

คลิกชมคลิป >> https://youtube.com/shorts/p_NKjyQ1UJk?si=n1WLABhCxmnzaAgu

“ออมสิน” ให้ทุกขั้นของชีวิตได้ไปต่อ เปิดตัวโฆษณาชุดใหม่ถ่ายทอดเรื่องราวการสู้ชีวิตของคนธรรมดาที่ไม่ยอมแพ้

0

“ทุกคนต่างเคย “จม” อยู่กับช่วงเวลาที่ยากลำบาก…บางคนจมอยู่กับหนี้ บางคนเจอกับค่าใช้จ่ายไม่ทันตั้งตัว บางคนก็หมดแรงเพราะขาดเงินทุนทำมาหากิน แต่ทุกครั้งที่เราลุกขึ้นสู้ใหม่ ชีวิตก็จะค่อยๆ พาเราไปต่อได้เสมอ

ภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ของออมสินถ่ายทอดเรื่องราวการสู้ชีวิตของคนธรรมดาที่ไม่ยอมแพ้ พร้อมบทเพลง “You Can Do It” ที่คอยย้ำกับเราว่า..

ไม่ว่าทางข้างหน้าจะยากแค่ไหน คุณก็ทำได้ และเพราะการก้าวต่อในชีวิต บางครั้งก็ต้องมี “แรงเสริม” ออมสินจึงมีสินเชื่อหลายรูปแบบไว้ช่วยดูแล ไม่ว่าจะเพื่อปิดหนี้นอกระบบ เสริมทุนกิจการเล็กๆ หรือเป็นเงินฉุกเฉินในวันที่ไม่คาดคิด…ก็เพื่อให้ทุกขั้นของชีวิตของคุณ ได้มีทางไปต่อ ได้จริงๆ

💕”ชมภาพยนตร์เต็มเรื่องได้ที่ https://to.gsb.or.th/p7sXTqและทุกช่องทางโซเชียลมีเดียของ GSB Society หรือ https://to.gsb.or.th/jmWYh # ## #”

AIS ฉลอง 35 ปี สร้างปรากฏการณ์ว้าวอย่างต่อเนื่องแจกฟรี! คูปองเครื่องดื่ม Café Amazon มูลค่า 50 บาท 100,000 แก้ว เพียงใช้ AIS Points 1 คะแนนในวันที่10.10 นี้เท่านั้น!

0

เอไอเอส ฉลองครบรอบ 35 ปี ขอแทนคำขอบคุณลูกค้ากว่า 51 ล้านรายทั่วประเทศ ที่ไว้วางใจและเติบโตไปพร้อมกัน ด้วยการเติมเต็มทุกโมเมนต์ความสุข ผ่านแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ “AIS 1 POINT 12 WEEKS 12 WOW” ใช้ AIS Points เพียง 1 คะแนน เตรียมแลกรับสิทธิพิเศษสุดว้าวได้ต่อเนื่อง 12 สัปดาห์ ตลอด 3 เดือนเต็ม 

เอไอเอสตั้งใจมอบทุกเซอร์ไพรส์ความ WOW ให้ลูกค้าต่อเนื่องตลอดทั้งแคมเปญ และในวันที่ 10 ตุลาคม 2568 นี้ ขอมอบของขวัญความ WOW ครั้งใหญ่ ให้ลูกค้าใช้ AIS Points 1 คะแนน แลกรับฟรี! คูปองส่วนลดเครื่องดื่ม Café Amazon มูลค่า 50 บาท ได้เลยทันที วันเดียวเท่านั้น! ผ่านแอป myAIS ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 11.00 น. (หรือจนกว่าสิทธิ์จะเต็ม) โดยแจกความสดชื่นแบบจัดหนักถึง 100,000 แก้ว ให้คนไทยได้สดชื่นไปพร้อมกันทั้งประเทศ พร้อมแล้วก็เตรียมแอป myAIS ให้พร้อม และเตรียมเอไอเอส พอยท์ไว้รอได้เลย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://m.ais.co.th/9WHxlJxtG

เรื่อง Money กับคนรุ่นใหม่#3 ตอนที่ 3 – ธุรกิจโตได้ด้วยตลาดทุน

0

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นช่องทางสำคัญหนึ่งที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถระดมเงินทุนระยะยาวไปใช้ในการขยายกิจการได้ โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยหรือชำระคืนเงินต้น นอกจากนี้ การนำธุรกิจเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี สร้างความน่าเชื่อถือ และเพิ่มโอกาสในการร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศในการต่อยอดทางธุรกิจ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล Money กับคนรุ่นใหม่ #3 จะสรุปให้เห็นว่าธุรกิจที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ประโยชน์อะไร

INVESTORY ชวนดูซีรีส์ “เรื่อง Money คนรุ่นใหม่ #3” เรียนรู้ตลาดทุน เข้าใจการลงทุนอย่างยั่งยืน

0

พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน INVESTORY ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชวนผู้สนใจรู้จักบทบาทของตลาดหลักทรัพย์ฯ ผ่านกลไกตลาดทุน จากคลิปซีรีส์ “Money คนรุ่นใหม่ #3” รวม 5 ตอน ที่จะถ่ายทอดเรื่องราวตั้งแต่กลไกของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เชื่อมโยงผู้มีเงินออมกับธุรกิจ ทำให้ธุรกิจเติบโตผ่านตลาดทุน ทำให้การลงทุนเป็นเรื่องใกล้ตัว ผู้มีเงินออมก้าวไปสู่การเป็นผู้ลงทุน และกลายเป็นผู้ลงทุนคุณภาพที่ลงทุนอย่างมีความรู้และรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินอย่างยั่งยืน ติดตามชมซีรีส์ทั้ง 5 ตอนได้ทาง YouTube: SET Thailand หรือ https://www.youtube.com/playlist?list=PLQtlXHTArVHtSx1YJ7_EJp6qdHcN5wtcz

“สาระ ล่ำซำ” คว้า 2 รางวัลเกียรติยศ “สุดยอดผู้นำองค์กร” ประจำปี 2568 จากงานประกาศรางวัล CEO ECONMASS Awards 2025

0

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  เข้ารับ 2 รางวัลเกียรติยศสุดยอดผู้นำองค์กร ประจำปี  2568  ได้แก่ รางวัลสุดยอดซีอีโอรุ่นกลาง”  สาขาธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง และธุรกิจภาคบริการ และรางวัล “เดอะเบสท์ซีอีโอรุ่นกลาง” จากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในงานมอบรางวัลCEO ECONMASS Awards 2025  ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย งานจัดขึ้น ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ

ทั้งนี้รางวัลสุดยอดซีอีโอ จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างต้นแบบผู้นำองค์กรที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างแรงกระตุ้นของสังคม การดำเนินธุรกิจที่ดี และมีความรับผิดชอบต่อสังคมตามแนวทาง ESG ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนผู้นำองค์กรที่เข้มแข็ง อีกทั้งยังเป็นการยกย่องและเชิดชูเกียรติให้กับสุดยอดผู้นำองค์กรที่มีคุณสมบัติครบถ้วนที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาจากคณะกรรมอย่างรอบด้านจนนำมาซึ่งการได้รับรางวัลในครั้งนี้

โดยการได้รับรางวัลในครั้งนี้  “นายสาระ ล่ำซำ” ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งความสามารถในการกำหนดทิศทางธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ความมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และเป็นผู้นำแบบอย่างที่ให้ความสำคัญต่อการสร้างความยั่งยืน ด้วยการเดินหน้าธุรกิจควบคู่ไปกับนโยบายด้าน ESG  สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างผลกระทบเชิงบวกในมิติด้านสิ่งแวดล้อม มิติด้านสังคม  มิติด้านบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ โดยได้บูรณาการแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนผนวกเข้ากับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ทุกหน่วยงานในบริษัทฯ  ได้นำไปเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายมีความสุขอย่างยั่งยืน .

แพทย์ชวนคนไทยกินไข่ไก่ให้ได้อย่างน้อย วันละ 1 ฟอง เนื่องในวันไข่โลก

0

แพทย์ ชี้ ไข่ไก่ เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะสำหรับทุกช่วงวัย โดยเฉพาะวัยเด็กที่อยู่ในช่วงเจริญเติบโต ควรกินไข่ให้ได้วันละ 1 ฟอง หรือมากกว่านั้น ขณะที่ผู้ใหญ่ที่ไม่มีโรคประจำตัว สามารถบริโภคได้อย่างน้อยวันละ 1 ฟอง เช่นกัน

ผศ.พญ.กัลย์สุดา อริยะวัตรกุล กุมารแพทย์ (โรคระบบต่อมไร้ท่อ) ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า “ไข่ไก่” เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี ย่อยง่าย คุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งไขมันดี วิตามิน แร่ธาตุครบถ้วน มีสารอาหารสำคัญบำรุงสมอง ดวงตา และหัวใจ เช่น โคลีนในไข่แดง ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ทั้งยังหาซื้อง่าย ราคาเข้าถึงได้ ประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู

ผศ.พญ.กัลย์สุดา อริยะวัตรกุล

ไข่ไก่ แหล่งอาหารที่ให้โปรตีนเป็นหลัก สามารถบริโภคได้ทุกช่วงวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยเด็กที่อยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต ซึ่งโปรตีนและธาตุเหล็กเป็นสารอาหารที่สำคัญ เด็กจึงควรรับประทานโปรตีนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งวัยเด็กสามารถกินไข่ไก่ได้ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ฟอง หรือมากกว่านั้นได้

สำหรับปริมาณโปรตีนที่แนะนำ ในเด็กที่มีอายุ 2-12 ปี ควรบริโภคไข่ไก่ วันละ 1 ฟอง ร่วมกับ เนื้อสัตว์ประมาณ 6-9 ช้อนโต๊ะต่อวัน เช่น เนื้อไก่ หรือเนื้อหมู เพื่อให้มีโปรตีนที่หลากหลายสลับกันไป รวมถึงนมจืด 2-3 กล่องต่อวัน สำหรับเด็กวัยรุ่น เพิ่มเนื้อให้เป็น 4 ช้อนโต๊ะต่อมื้อ และเพิ่มนมเป็น 3-4 กล่องต่อวัน อาหารในปริมาณนี้เด็ก ๆ ก็จะได้รับโปรตีนได้อย่างครบถ้วน

วัยผู้ใหญ่ที่ไม่มีโรคประจำตัว สามารถกินไข่ได้วันละ 1 ฟอง แม้ว่าคอเลสเตอรอลในไข่แดงจะมีปริมาณ 200 มิลลิกรัม แต่คอเลสเตอรอลในอาหารไม่ได้ทำให้ไขมันในเลือดสูง โดยมีงานวิจัยยืนยันว่าคอเลสเตอรอลในเลือดที่สูงไม่ได้เกิดจากอาหารที่รับประทานเข้าไป เพราะคอเลสเตอรอลในเลือดส่วนใหญ่มาจากการที่ร่างกายผลิตขึ้นมาเอง แต่สิ่งที่ควรระวังคือ การกินไปพร้อมกับอาหารอื่น ๆ ที่มีไขมันสูงร่วมด้วย ซึ่งจะทำให้ได้รับปริมาณไขมันที่มากเกินไป

ไข่ไก่ แม้เป็นโปรตีนคุณภาพดี หาซื้อง่าย ราคาเข้าถึงได้ แต่อย่างไรก็ตาม อัตราการบริโภคไข่ไก่ ของประเทศไทย ปี 2568 (ม.ค.-มิ.ย.) ข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ คนไทยบริโภค ไข่ไก่ เฉลี่ยอยู่ที่ 236.63 ฟองต่อคนต่อปี ซึ่งยังต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ และเนื่องในวันไข่โลก (World Egg Day) โดยกำหนดให้เป็นวันศุกร์ที่ 2 ของเดือนตุลาคมของทุกปี จึงอยากให้คนไทยหันมาบริโภคไข่ไก่ให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 ฟอง เพื่อให้ได้รับโปรตีนที่เพียงพอต่อร่างกาย