Home Blog Page 467

คิดซักนิดก่อนถอยมือถือรุ่นใหม่

0

#เกรียนพารวย

#มือถือออกรุ่นใหม่ต้องตามเปลี่ยนมั้ย

 

เชื่อว่า หลายคน คงอยากได้ อยากครอบครอง มือถือรุ่นใหม่ ที่ขยันออกมายั่วยวนใจเราถี่ขึ้น

ทั้งฝั่งแอปเปิ้ล หรือฟากแอนดรอยด์ เค้าพัฒนารุ่นใหม่โฉมใหม่  ส่วนยูสเซอร์อย่างเรา ก็อยากจะตามทันเทคโนโลยี จนบางทีก็ติดกับดักคำว่า ของมันต้องมี

เปลี่ยนมือถือใหม่นี่ มันง่ายกว่า เปลี่ยนรถ เปลี่ยนคู่ครอง เผลอๆ ช่วยเชิดหน้าชูตาคนถือ บางทีมโนไปถึงชื่อเสียงเกียรติยศวงศ์ตระกูลไปนั่นเลยก็มี

คนอยากได้ อยากมี มักมีข้ออ้างสารพัดสารพัน

 

แต่เดี๋ยวก่อน

ยับยั้งชั่งใจ คิดดีๆ คิดนานๆ มือถือในมือ มันพัง มันรวน ใช้โทรออก รับสายไม่ได้  ทัชสกรีนไม่ลื่นปรี๊ดปร๊าด หรือเปล่า

บางทีแค่เปลี่ยนแบตใหม่ ลบเมมโมรี่ หรือเปลี่ยนการ์ดที่เมมสูงขึ้น ก็ใช้ได้สบายใจเฉิบ

มีข้อคิดเตะตัดขาความอยากไว้ว่า สเปคใหม่ๆที่เค้าให้มาเนี่ย  มันจำเป็นกับเรามั้ยที่จะยอมควักเงินจ่าย

บางทีเงินในมือเรา สามารถไปซื้อเครื่องที่เพิ่งตกคานตกรุ่นได้ด้วยราคาที่ประหยัดลงไปเป็นหมื่นเลยก็ได้

แถมเอาเงินที่ประหยัดได้ไปต่อยอด จะลงทุน เงินต่อเงิน หรือเงินต่อชีวิต  ก็ว่ากันไป

หวังว่า เราจะพึงฉุกคิดได้ว่า มีทางเลือกอื่น ที่ไม่ใช่ การไล่ตามควักเงินจ่าย ซื้อมือถือรุ่นใหม่ ไปเรื่อยๆ  อย่างเช่นที่หลายคนเป็นอยู่

 

ท้ายนี้ บิ๊กเกรียน ขอขอบคุณความปรารถนาดี กับภาพประกอบของศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน แบงค์ชาติ ด้วยค่ะ

อดีตเทพีสงกรานต์​ ขายกล้วยปิ้งในตลาด100​ ปี​

0

เปิดบ้านคุณยายอดีตเทพีสงกรานต์​ ขายกล้วยปิ้งในตลาด100​ ปี​เมืองปากน้ำโพมีความสุขช่วงบั้นนปลายชีวิตมีความสุข

ที่ชุมชนหัวเด่น​ ต.พยุหะคีรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ชาวบ้านเล่ากันปากต่อปากมาว่า ที่ตลาดริมน้ำเก่าชุมชนหัวแดน ตลาด 100​ ปี มีคุณยายอดีตเทพีสงกรานต์ นั่งขายกล้วยปิ้ง บริเวณบ้านห้องแถวไม้เก่า ชอบแต่งตัว แบบไทยๆ​ ทาปากแดง

 

เพจบิ๊กเกรียนส่งผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบคุณยาย​ทราบชื่อว่า​นางวิรัตน์ กลิ่นเจริญ วัย​ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่​ 359 ม.4​ เทศบาลพยุหะคีรี เล่าว่ามีอาชีพค้าขาย เมึ่ยงคำ ที่ตลาด 100 ปี มานาน สมัยตอนเป็นเด็กๆ ประกวดเทพีสงกรานต์ ชนะบ้างแพ้บ้าง

 

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 เมษายน ปี พ.ศ.2513 ที่ชุมชนตลาดหัวแดน มีการจัดงานประเพณี สืบสานวัฒนธรรม วันปีใหม่ไทย หรือวันสงกรานต์ ในงาน คณะกรรมการ จัดเวทีประกวดนางสงกรานต์ ตอนนั้นอายุ 19 ปี ขึ้นเวทีประกวด ชนะใจคณะกรรมการ ได้รองอันดับ 1 มีเงินรางวัล 500 บาท พร้อมถ้วยทองเหลือง ดีใจมาก ถ้วยรางวัลทองเหลืองเคยมีคนมาขอซื้อ ให้ราคาสูงด้วยแต่ไม่ขาย เพราะว่าเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ จะเก็บไว้จนวันตาย

ปัจจุบันอายุมากขึ้น​เลยคิดขายกล้วยปิ้ง​ แต่งตัวสวยๆ ขายของมีความสุข​ และให้มีอะไรทำ​ ส่วนขายได้ไม่ได้​ ไม่ยึดติด ลูกค้าบางคนมาซื้อแถมให้บ้างหรือแจกทานฟรีบ้าง ได้รับคำอวยพร คำชมจากลูกค้า ใช้ชีวิตแบบนี้มานาน ลูกไม่มี สามีเสียชีวิตนานแล้ว และจะขายกล้วยปิ้งไปจนร่างกายไม่ไหว

#บิ๊กเกรียน
อย่าลืม!! กดติดดาว⭐เพจบิ๊กเกรียนไว้และ www.bigkren.com ด้วยนะ
จะได้ไม่พลาดข่าวสารสำคัญจากบิ๊กเกรียน

​เหนืออ่วมหลายจังหวัด ​ฝนถล่มน้ำป่าทะลัก

0

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา

“พายุ “มังคุด” (MANGKHUT)”

ฉบับที่ 18 ลงวันที่ 18 กันยายน 2561

พายุดีเปรสชัน “มังคุด” (MANGKHUT) ที่ปกคลุมบริเวณมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงแล้วแต่ยังคงทำให้ ในช่วงวันที่ 18-19 กันยายน 2561 ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ประกอบกับในช่วงวันที่ 18-19 กันยายน 2561 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรง ทำให้บริเวณพื้นที่รับลมมรสุมด้านตะวันตกของภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงดินโคลนถล่ม

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนยังคงมีกำลังแรง โดยในช่วงวันที่ 18-19 กันยายน 2561 บริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง และขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งระมัดระวังคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

 

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือ สายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

ประกาศ ณ วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.00 น.

กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับนี้เป็นฉบับสุดท้ายของเหตุการณ์นี้

 

 

(ลงชื่อ) วันชัย ศักดิ์อุดมไชย

(นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย)

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา

 

 

#บิ๊กเกรียน

รวยเร็วกับดอกเบี้ยเงินฝากทบต้น

0

#เกรียนพารวย

เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินคำว่า ดอกเบี้ยทบต้น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นด้านหมดเนื้อหมดตัว ปิดร้านหนีหนี้ เพราะดอกเบี้ยทบต้นทบดอกจากเจ้าหนี้นอกระบบเสียมากกว่า

แต่ในความเป็นจริง โลกมีทั้งด้านมืด และด้านสว่าง เหรียญย่อมมีสองด้าน

วันนี้ #เกรียนพารวย จึงจะมาทำความรู้จักกับอีกด้านของพลังดอกเบี้ยทบต้นของเงินฝาก

ก่อนอื่นมารู้จักกับ ดอกเบี้ยเงินฝาก กันก่อน

ซึ่งมีความหมายว่า  ผลตอบแทนที่ผู้ฝากเงินได้รับจากการนำเงินมาฝากไว้กับสถาบันการเงิน

อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก  มักอยู่ในลักษณะร้อยละต่อปี ที่สถาบันการเงินจ่ายให้กับผู้ฝากเงินเพื่อเป็นผลตอบแทนในการนำเงินมาฝากไว้กับสถาบันการเงิน อัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีหลายประเภท หลายอัตรา โดยทั่วไปขึ้นอยู่กับระยะเวลาการฝากเงินและเงื่อนไขการถอนเงิน เช่น อัตราดอกเบี้ยของบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่สามารถถอนเงินได้ตลอดเวลาจะต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน หรือ 6 เดือน

เราจึงควรคำนึงถึงความจำเป็นในการใช้เงิน และผลตอบแทนที่เราต้องการ ก่อนตัดสินใจเลือกฝากเงิน เพื่อที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการฝากเงินนั้น

แล้วก็มาถึง ห้วข้อสำคัญที่เกรียนพารวย อยากให้ผู้อ่านได้รู้จัก นั่นก็คือ ดอกเบี้ยทบต้น

คำกล่าวที่ว่า “ออมก่อน รวยก่อน” นั้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอานุภาพของดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest Rate) ซึ่งพูดให้เข้าใจง่ายก็คือดอกเบี้ยของดอกเบี้ยนั่นเอง  ตัวอย่างเช่น  ฝากเงินกับธนาคาร 10,000 บาท  ธนาคารให้ดอกเบี้ย  5% ต่อปี  เมื่อครบ 1 ปี เงินของเราจะเพิ่มขึ้นเป็น 10,500 บาท (เงินต้น 10,000 บาท บวกดอกเบี้ย 500 บาท) เงิน 10,500 บาทนี้ จะกลายเป็นเงินต้นของปีที่ 2 และเมื่อครบ 2 ปี เงินของเราจะเพิ่มขึ้นเป็น 11,025 บาท (เงินต้น 10,500 บาท บวกดอกเบี้ย 525 บาท) และในปีถัด ๆ ไปดอกเบี้ยของปีนั้นจะถูกทบเข้ากับเงินต้น และกลายเป็นเงินต้นของปีถัดไป เป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ

จะเห็นได้ว่า ส่วนที่เป็นดอกเบี้ยไม่ได้คงที่ที่ 500 บาท แต่เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งเป็นเพราะเงินต้นของเราก็เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปีเช่นกัน เนื่องจากได้เอาดอกเบี้ยของปีก่อนมารวมเข้าเป็นเงินต้นด้วยแล้ว

หากเราๆท่านๆ รู้จักพลังของดอกเบี้ยทบต้นแล้ว ก็หวังว่า จะเลือกถูกฝั่งถูกฝาว่า จะรวยๆๆ กับดอกเบี้ยเงินฝากทบต้น หรือจมธรณี หนีหนี้ กับพลังทำลายของอีกด้าน

โอกาสหน้า จะพาไปรู้จัก ดอกเบี้ยเงินฝ่ากแต่ละประเภทกันนะค่ะ

ขอบคุณ ข้อมูล ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย

ไข้เลือดออกดุ คร่าชีวิตแล้ว 5 ราย

0
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์โรคไข้เลือดออก กำลังแพร่ระบาดมากในช่วงนี้ เนื่องจากมีฝนตกชุกในพื้นที่กรุงเทพฯ ต่อเนื่อง โดยมีรายงานว่า พบผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกแล้ว 5 คนและหลายเขตในกทม.ได้ประกาศเป็นพื้นที่ระบาดแล้ว ได้แก่ เขตหนองจอก ห้วยขวาง บางกะปิ และคลองสามวา จึงกำชับให้สำนักอนามัยเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงดำเนินมาตรการควบคุมอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการฉีดพ่นยาฆ่ายุงเพื่อทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย
ด้าน นพ.เมธิพจน์ ชาตะเมธีกุล ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคติดต่อสำนักอนามัย กทม. เปิดเผยว่า โรคไข้เลือดออกเกิดจากพาหนะยุงลาย ซึ่งในฤดูฝนจะเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคมากที่สุด เนื่องจากมีฝนตกและน้ำขัง ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
 

โดยสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในพื้นที่กรุงเทพฯ ปี 2561 พบผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสมจำนวน 5,899 คน มีผู้เสียชีวิต 5 คน อยู่ในกลุ่มคนวัยทำงาน ส่วนในปี 2560 มีจำนวนผู้ป่วยตลอดทั้งปีรวม 9,368 คน มีผู้เสียชีวิต 6 คน  แนวโน้มผู้ป่วยในปี 2561 มีการคาดการณ์จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น

 
สำหรับพื้นที่เขตหนองจอก เป็นพื้นที่ในระยะ 1 เดือนที่ผ่านมาที่มีผู้ป่วยมากที่สุด เนื่องจากเป็นพื้นที่กว้างและมีแหล่งพื้นที่ริมทาง จุดน้ำขังหลายแห่ง อีกทั้งในชุมชนบางพื้นที่มีการทิ้งขยะหมักหมมในบริเวณบ้าน เมื่อฝนตกเกิดน้ำท่วมขังจึงเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายจำนวนมาก
 
สำหรับมาตราการป้องกัน กทม.ได้เฝ้าระวังควบคุมโรค โดยใช้ทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็วลงดำเนินการสอบสวนการระบาด ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทั้งในบ้านและบริเวณโดยรอบ พ่นสารเคมีกำจัดยุงตัวเต็มวัยในรัศมี 100 เมตรรอบบ้านผู้ป่วย ภายใน 24 ชั่วโมงและจะลงพื้นที่เฝ้าระวังต่อเนื่องไปอีก 5 ครั้งเพื่อให้การควบคุมโรคเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ท่องขึ้นใจ เซลแค่ไหน ไม่ใช้ ไม่ซื้อ แล้วจะรวย

0

@เกรียนพารวย

 

#ถูกแค่ไหน..ลดเท่าไร??

#ถ้าไม่ใช้..ก็ไม่ซื้อ!!!

#ตั้งสติให้ดี..ท่องไว้

#อย่าให้ป้าย SALEปล้นเงินในกระเป๋าเรา

   เคยมั้ย..??  พอเห็นป้ายเซล50%แล้วเป็นต้องกระโจนเข้าใส่ทุกที คุ้ยๆๆๆซื้อๆๆๆ ถ้าซื้อของที่จำเป็นต้องใช้ ไม่ซื้อไม่ได้!! อันนี้เข้าใจได้ว่าของมันจำเป็นต้องซื้อ

 

แต่เคยมั้ย..??? ที่ซื้อๆๆๆ มากองๆไว้เต็มบ้าน ผ่านไป1-2เดือนแล้วก็ยังไม่ได้เอามาใช้ ผ่านไป1-2ปีแล้วก็ยังกองอยู่อย่างนั้นหรือหยิบๆมาใช้หรือถ้าเป็นเสื้อผ้าก็ใส่แค่1-2ครั้ง แล้วไม่ได้ใส่อีกเลย อันนี้เรียกว่า “ไม่จำเป็นต้องใช้” จึงไม่จำเป็นต้องซื้อ!!

 

ไม่ว่าจะลดจนราคาถูกเท่าไร SALE 50% -70% หรือ90%หากซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ ของสิ่งนั้นก็ยังคงแพงอยู่ดี เพราะใช้ไม่คุ้มค่า!! ดังนั้นเมื่อเห็นป้าย SALE!!  SALE!! SALE!! ขอให้ตั้งสติให้ดี..คิดไว้ว่า “ถูกแค่ไหน ลดเท่าไร ถ้าไม่ได้ใช้ ก็ไม่ต้องซื้อเพราะมันแพง!!!!

อย่าให้ป้าย SALE มาขโมยเงินออกจากกระเป๋าเรา…ตามนั้น!!

 

ขอบคุณภาพกราฟฟิกสวยๆจากศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน(ศคง.)แบงก์ชาติและข้อมูลดีๆจากเอกสารประกอบการบรรยายของ อ.อัจฉรา โยมสินธ์

 

อ่านบทความดีอื่นๆ #เกรียนพารวย

ออมก่อนใช้ ลงมือทำได้เลย

เตือนภัยคนเกษียณ โดนหลอก หมดตัวตอนแก่

 

เตือนภัยคนเกษียณ โดนหลอก หมดตัวตอนแก่

0

#เตือนภัยชาวเกษียณ

#มิจฉาชีพหลอก..ชวนเอาเงินมาลงทุน

#ล่อให้ผลตอบแทนสูง..สุดท้ายสูญเงินหมดตัว

 

 สิ้นเดือนกันยายนนี้ คุณพ่อคุณแม่ผู้ใหญ่ในบ้านที่ก้าวสู่วัยเกษียณอาจตกเป็นเป้าหมายของพวกมิจฉาชีพที่จะเข้ามาชักชวนหลอกลวงให้นำเงินเกษียณก้อนสุดท้าย ที่ได้มาไปลงทุนโน่นนี่นั่น

            โดยเอากำไร-ผลตอบแทนสูงๆเข้ามาล่อใจ!! สุดท้ายก็จบลงที่เป็น18มงกุฎหลอกลวง!!

 

            ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน(ศคง.)แบงก์ชาติเตือนภัยชาวเกษียณ ว่าเดี๋ยวนี้มิจฉาชีพมีมุขในการหลอกลวงชักชวนให้ไปเข้าสัมมนาลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ที่การันตีไม่มีเสี่ยงแถมให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งความจริงไม่มีในโลก เพราะยิ่งผลตอบแทนสูงความเสี่ยงก็ยิ่งสูง

            คนวัยเกษียณไม่มีเหตุผลด้วยประการทั้งปวงที่จะนำเงินก้อนสุดท้าย ที่สะสมมาทั้งชีวิตไปลงทุนอะไรที่มีความเสี่ยงสูง เพราะโอกาสที่จะกลับมาหารายได้ให้ได้เหมือนเดิม มีน้อยมาก!!

ใครมาชวนลงทุนอะไรขอให้คิดให้ดี ปรึกษาลูกหลานหรือผู้รู้และนักวางแผนการเงิน หากไม่มั่นใจ ต้องเช็กให้ดีก่อน จะได้ไม่สูญเงินที่เก็บมาทั้งชีวิต

 

            มีข้อสงสัยเรื่องการลงทุน สอบถามที่ ก.ล.ต.โทร 1207หรือศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน(ศคง.) โทร 1213

ออมก่อนใช้ ลงมือทำเลย

0

ก่อนจะผ่านเดือนกันยายน(ก.ย.)ไปสู่เดือน ตุลาคมอย่างเหงาๆ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน(ศคง.)แบงก์ชาติ ชวนพวกเรา “ชาวเกรียน”มาเริ่มต้นลงมือ “ออมเงินให้รวย” ด้วยแนวคิดง่ายๆ ว่าด้วยเรื่องของ ก-ย ไม่ใช่แค่กันยายน มาลงมือทำกันเลย!!

เริ่มด้วยวินัยการในออมเงิน ที่นอกจากต้องยึดหลักสำคัญคือ “ออมก่อนใช้”แล้วต้องยึดหลัก “ก-ย” กันเลย

@เก็บ-แยกบัญชีเงินออมและเงินลงทุน ควรแยกออกจากบัญชีเงินเดือน

@เก็บ-ยาว อดทนต่อสิ่งเย้ายวนใจเพื่อเป้าหมายสำคัญในการออมเงิน

@เก็บ-เยอะ จำนวนเงินต้นที่เริ่มออมจำนวนน้อยไม่ใช่เรื่องแย่ แต่ขอเพียงให้เริ่ม ออมและลงทุนรวมกันอย่างน้อยให้ได้ 10-25%ของรายได้ในแต่ละเดือน

หากเริ่มต้นลงมือทำและปฎิบัติอย่างมีวินัยแล้ว มั่นใจว่า “ชาวเกรียน” อย่างพวกเราจะมีความมั่งคั่งร่ำรวย มีเงินไม่ขาดกระเป๋าแน่นวลลลลล!!

แจ้งข้อหาตำรวจ-ขาใหญ่ ข้อหาพยายามฆ่าทั้ง 2 ฝ่าย

0

รองผู้การชลบุรี​ ตรวจสำนวนกำชับให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย​

จากกรณีเกิดเหตุตำรวจดวลปืนกับขาใหญ่พัทยา​ ไช้ วัดโพธิ์​ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 ราย กลางสถานบันเทิง ออนิว เม้าท์บุรี สายสามพัทยาใต้ ต่อหน้าต่อตานักเที่ยวกว่า 200 คน​

 

โดย ส.ต.ต.นเรศรักษ์ เครือวาระ อายุ 30 ปี สังกัด สภ.วังขอนแดง จ.ปราจีนบุรี เข้ามอบตัวพร้อมอาวุธปืนที่ใช่ก่อเหตุ เป็นปืนของ จ.ส.ต.ปวเรศ บรรจง ผบ.หมู่งาน ป. สภ.เมืองพัทยาที่โดนยิงเจ็บ หลังก่อเหตุทันที  ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้( 16ก.ย.)พ.ต.อ.ศักดิ์รพี เพียวพนิช รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี เดินทางมายัง สภ.เมืองพัทยาเพื่อดูสำนวนการสอบสวนเกี่ยวกับคดี

 

 

นอกจากนั้นยังให้พนักงานสอบสวนเรียกการ์ด พนักงานที่ร้านมาให้ปากคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ ร่วมทั้งพยานแวดล่อมต่างๆในที่เกิดเหตุ รวมทั้งสอบปากคำเกี่ยวกับพฤติกรรมของทั้ง2ฝ่ายมีการยั้วยุกันหรือไม่  ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าหลักฐานที่ภาพวงจรปิดภายในร้านสามารถบอกถึงพฤติกรรมและเหตุการณ์​

 

พนักงานสอบสวนเก็บไว้เป็นหลักฐาน ไม่สามารถเปิดเผยได้  อาการของคนเจ็บนั้นได้ออกจากห้องผ่าตัด รพ.กรุงเทพพัทยา อาการปลอดภัยแต่ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด  เบื้องต้นนายสมชาย หรือไช้ วัดโพธิ์ ถูกต้องข้อกล่าวหา พยายามฆ่าผู้อื่น พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ ส่วนอาวุธปืนมีทะเบียนถูกต้อง  ส่วน ส.ต.ต.นเรศรักษ์ เครือวาระ ถูกแจ้งข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่นเช่นกัน ที่จะอ้างว่าทำไปเพื่อป้องกันตัว​ ต้องสอบพยานล้อมต่างๆซึ่งอยู่ในระหว่างขั้นตอนของการสอบสวน

 

 

ส่วนทางร้านนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำหนังสือสั่งปิดร้านดังกล่าวไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะปล่อยปละละเลยให้พกพาอาวุธปืนเข้าไปในร้าน

กรมสุขภาพจิตเตือนภัย เสพติดแอปเซลฟี่ เรียกยอดไลค์ ทำลายความมั่นใจตัวเอง หนักถึงขั้นโรคซึมเศร้า

0

กรมสุขภาพจิตเตือนภัยนักเซลฟี่ ใช้แอพเพิ่มสวย ใส ก่อนโพสต์ เรียกยอดไลค์ เสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า เครียด หวาดระแวง ชี้น่าห่วง โดยเฉพาะวัยรุ่น ทำให้การพัฒนาตัวเองยาก ขาดภาวะการเป็นผู้นำ ไร้ความคิดสร้างสรรค์ กระทบอนาคตประเทศชาติ

นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า เป็นห่วงพฤติกรรมการเซลฟี่ของผู้คนในสังคมออนไลน์ ที่กำลังกลายเป็นพฤติกรรมเคยชิน ซึ่งเป็นการสื่อสารแสดงออกถึงตัวตนบุคคลโดยถ่ายรูปตนเองทางทางต่างๆแล้วแชร์ภาพ เผยแพร่ในโซเชี่ยล  การเซลฟี่นั้นมีความสำคัญกับความคิดในเรื่องของตัวตนอย่างมาก มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

หากเซลฟี่โดยไม่ได้หวังผลอะไร ย่อมไม่มีผลเสีย เก็บไว้เป็นความประทับใจ แต่หากเซลฟี่มีความถี่มาก เพื่อเรียกยอดไลค์หรือเขียนข้อความแสดงความเห็นต่างๆ จนเกิดการหมกมุ่น อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในตัวเอง หากโพสต์รูปตัวเองแล้ว คนกดไลค์น้อย ไม่เป็นไปตามคาดหวัง และโพลต์ใหม่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับ จะทำให้บุคคลนั้นขาดความมั่นใจ ไม่ชอบ ไม่พอใจรูปลักษณ์ตัวเอง เกิดความกังวล ชีวิตไม่มีความสุข เมื่อสะสมไปเรื่อยๆก็อาจทำให้เกิดความผิดปกติทางจิตใจและอารมณ์ได้ง่าย เช่นหวาดระแวง เครียด ซึมเศร้า เป็นภัยเงียบที่น่าเป็นห่วง

กรณีเป็นเยาวชน วัยรุ่น จะมีผลกระทบต่ออนาคตได้ เด็กที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง จะมีผลให้พัฒนาตัวเองยาก ขาดภาวะการเป็นผู้นำ ซึ่งมีความสำคัญมากในการใช้ชีวิตทั้งการทำงาน ครอบครัว โอกาสที่จะคิดพัฒนานวตกรรมสร้างสรรค์ ต่างๆ จึงเป็นไปได้ยากขึ้น มีผลต่อการพัฒนาประเทศในอนาคตอย่างคาดไม่ถึง

แพทย์หญิงกุสุมาวดี คำเกลี้ยง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า การถ่ายภาพเซลฟี่ เหมือนการส่องกระจก พฤติกรรมที่น่าเป็นห่วงมี 2 เรื่อง คือ1. ถ่ายเซลฟี่ร่วมกับการใช้แอปแต่งเติมหน้าตัวเองให้ดูดี มีสีสันสดใสขึ้นตามความต้องการ เช่นตาดำโต หน้าเรียว แก้มชมพู ปากแดง ถือว่าเป็นภาพตัวตนในอุดมคติ ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง เป็นการหลอกทั้งตัวเองและหลอกคนอื่น หากใช้บ่อย จะมีผลทำให้ขาดความมั่นใจในการเผชิญหน้าจริงกับผู้คนทั้งในโลกโซเชี่ยล และโลกความเป็นจริง

และ 2. การใช้แอพถ่ายเซลฟี่บ่อยถี่จนเกินไป เป็นสัญญานของคนที่หมกมุ่น ไม่พอใจในรูปร่างหน้าตัวอย่างอย่างผิดปกติ เรียกว่ากลุ่มอาการบีดีดี (Body Dysmorphic Disorder :BDD) คนกลุ่มนี้จะนิยมการใช้แอปถ่ายเซลฟี่ เพราะรูปที่ได้จะตอบโจทย์ ใช้ตรวจสอบรูปร่างหน้าตาของตัวเองได้บ่อยตามต้องการ จะมีพฤติกรรมหมกมุ่น ไม่พอใจในรูปร่างหน้าตาตัวเองและใช้แอปเซลฟี่ตลอดเวลา จนเสียการเสียงาน บางรายถึงขั้นหลุดจากโลกความเป็นจริง
จนไม่สามารถใช้ชีวิตแบบคนปกติ

สังคมออนไลน์มีส่วนทำให้คนมีโอกาสได้เห็นหน้าตาตัวเองบ่อยขึ้นกว่าแต่ก่อน จนระแวงในหน้าตาของตัวเองว่าจะสวยหรือหล่อมั้ย

การเซลฟี่ที่ถี่มากเกินไป อาจสะท้อนถึงความกังวลและความไม่มั่นใจในตัวเอง กระตุ้นให้เรารู้สึกว่าต้องทำให้ตัวเองสวยสร้างความมั่นใจตัวเอง หลายคนตัดสินใจทำศัลยกรรมใบหน้า ให้หน้าตาสวยเข้ารูป หรือทำให้สวยเหมือนในรูปที่ตัวเองเซลฟี่

ผู่้ปกครองควรสอนลูกหลานให้อย่าติดเซลฟี่ โดย 1. สอนเด็กให้มองและยอมรับในความแตกต่างของคนที่ไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน ไม่นำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น 2. ควรเลี้ยงดูบุตรหลาน โดยให้ความรัก ความอบอุ่น เด็กจะให้ความสำคัญ กับคนรอบข้างที่เป็นสิ่งแวดล้อมจริงในชีวิตประจำวัน 3. ฝึกเด็กให้รู้จักระเบียบวินัย รู้จักควบคุมตัวเองในการใช้เวลาในโลกออนไลน์ ประการสำคัญผู้ปกครองต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการควบคุมพฤติกรรมการถ่ายเซลฟี่ของตนเอง 4.สอนให้เด็ก
รู้จักคบเพื่อนในโลกแห่งความเป็นจริง ฝึกทักษะทางสังคมเช่นการยิ้ม การชื่นชมคนอื่น สอนการแบ่งปัน และ 5.ฝึกให้เด็กมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองในโลกแห่งความเป็นจริง โดยชวนทำกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัว เช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง ทำงานศิลปะ ทำอาหาร ทำงานบ้าน หรือจิตอาสาอื่นๆ เพื่อให้เด็กมองเห็นคุณค่าและเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง