Home Blog Page 354

รู้เก็บรู้ออม : โชคดีปีฉลุย

0

“คุณนายพารวย” ขอสวัสดีปีใหม่ผู้อ่านทุกท่าน ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีของทุกคน ขอให้แคล้วคลาดปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง เฮงเฮง…รวยรวย!!

แม้ปีที่แล้วเราต้องเผชิญกับเศรษฐกิจที่โดนโควิดขวิดกระจุยมาแล้ว!! มาปีนี้ตั้งแต่ต้นปีโควิดกลับมาเยือนเราอีกครั้ง ใจตุ้มๆ ต่อมๆ ลุ้นทุกวันว่า เรา “ติดรึยังน้าาา” เจ็บคอหน่อย มีน้ำมูกนิด ก็หวาดระแวงว่า เราเผลอไปรับเชื้อมารึยัง!!??

ระแวดระวังภัยอย่างงี้ ดีแล้ว เพื่อจะได้ระวังตัว ไม่ประมาท และที่สำคัญหากจำเป็นต้องออกไปที่ชุมชน ก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ให้ดีที่สุด ใส่แมสก์ตลอดเวลา หมั่นล้างมือ และรักษาระยะห่างกับผู้คนไว้

ผลกระทบจากโควิดส่งผลให้หลายธุรกิจย่ำแย่ แต่กลับเป็นโอกาสให้กับอีกหลายธุรกิจโดยเฉพาะการค้าขายออนไลน์ ทั้งสิ่งของเครื่องใช้และอาหาร บอกให้เรารู้ว่าท่ามกลางวิกฤติมักมี “โอกาส” อยู่เสมอ ขออย่าให้ท้อหรือยอมแพ้ หาก “ล้ม” แล้วต้อง “ลุก” ให้ได้ เราขอเอาใจช่วย

การระบาดระลอกใหม่ ที่กลับมาคราวนี้ ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มใช้มาตรการ Work from Home ทำงานจากที่บ้านกันอีกแล้ว…

ขอให้พวกเรา “คิดบวก” คิดเป็นข้อดีว่า ทำให้เราได้ประหยัดเวลาเดินทาง ประหยัดค่าแต่งตัวที่สำคัญคือประหยัดค่าเดินทางไป–กลับ เช่น ปกติต้องจ่ายค่ารถไป–กลับ วันละ 60–100 บาท สัปดาห์ละ 5 วัน ตกวันละ 300–500 เดือนนึงก็ตก 1,200–2,000 บาท!!

ส่วนค่าอาหารที่ปกติต้องซื้อทานนอกบ้าน ทั้งอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น หากทำทานเองที่บ้านและประหยัดกว่า ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี วางแผนการทำอาหารทานเองที่บ้านให้ดีๆ ทำ 1 ครั้ง เผื่อไว้ทาน 1-2 มื้อ หรือไว้ทานได้ทั้งวัน

ก็ลองกันเงินที่คาดว่าจะประหยัดค่าอาหารนี้และค่าเดินทาง “กัน” ออกมา “ตั้งไว้” เพราะสิ้นเดือนอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต

หักค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นแล้วเหลือเท่าไร “กันไว้เป็นเงินออม” ส่วนเพิ่มจากที่ออมปกติ หรือใครยังไม่ได้เริ่มออมก็ “หาทำ-หาออม” กันตั้งแต่เริ่มต้นปีนี้เลย

อยากรู้เคล็ดลับการลงทุน การออมเงิน เก็บออมเงิน เดือนละ 1,000 บาท กี่ปีถึงจะมีเงินล้าน? หรือเคล็ดลับวางแผนการเงินสำหรับมนุษย์เงินเดือน, วางแผนสร้างเงินล้านแรก, วางแผนเกษียณยังไง มีเงินใช้ไปทั้งชาติ หรือเทคนิควางแผนการเงินฉบับมือใหม่ เป็นต้น

เอาเวลาที่ประหยัดจากการเดินทาง ไปหาข้อมูลความรู้เคล็ดลับดีๆ ที่เป็นของขวัญปีใหม่จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงนักลงทุนและประชาชนทั่วไปที่ www.setinvestnow.com แหล่งรวมความรู้การลงทุนสำหรับมือใหม่…ไว้จะมาเล่าฟีเจอร์เด็ดๆของเว็บแบบเจาะลึกให้ฟัง

เริ่ม “หาทำ-หาออม” ตั้งแต่วันนี้ อย่ายอมพ่ายต่อวิกฤติและโควิดใดๆ “คุณนายพารวย” ขอให้ปีนี้เป็น “ปีฉลุย” ของทุกๆท่านเจ้าค่ะ!!


ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง โดยคุณนายพารวย หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โลตัส เปิดตัวโครงการ “ถุงคืนชีพ สร้างอาชีพ” นำรายได้จากการจำหน่ายถุงใช้ซ้ำ ให้เอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบโควิด-19

0

คุณสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท โลตัส  เปิดเผยว่า โลตัสในฐานะธุรกิจค้าปลีกไทยที่รณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกมานานกว่า 10 ปี สานต่อเป้าหมายในการรักษาสิ่งแวดล้อม เปิดตัวโครงการ “ถุงคืนชีพสร้างอาชีพ” นำรายได้จากการจำหน่ายถุงใช้ซ้ำ มอบให้กับผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต โควิด-19 เพื่อเป็นทุนในการประกอบอาชีพ ให้มีรายได้ที่ยังยืน

ในปีที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก SME และเกษตรกร เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี พ.ศ.2564 นี้ โลตัสจึงอยากมอบของขวัญให้กับผู้ประกอบการ SME ด้วยการมอบรายได้ที่ได้รับจากการจำหน่ายถุงคืนชีพ หรือถุงพลาสติกแบบใช้ซ้ำให้กับผู้ประกอบการ SME ทั่วประเทศภายใต้โครงการ “ถุงคืนชีพ สร้างอาชีพ” ซึ่งได้ร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถือเป็นการต่อยอด จากการครบรอบ 1 ปีที่มีการงดแจกถุงพลาสติก โดยได้มีการเพิ่มลวดลายให้กับถุงคืนชีพเป็นลาย “ผ้าไทยประจำ 4 ภาค” จำหน่ายที่โลตัสทุกสาขาทั่วประเทศ ในราคา 3 บาท โดยจะนำรายได้มาจัดหาอุปกรณ์ประกอบอาชีพสำหรับจำหน่ายอาหาร และบัตรเงินสด รวมมูลค่าทุนละ 30,000 บาท เพื่อเป็นเงินทุนในการประกอบอาชีพแก่ SME 77 ราย พร้อมทั้งมีการจัดอบรมในการประกอบอาชีพเบื้องต้น เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME มีรายได้ที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ โลตัสกำหนดเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม คือการสร้างระบบปิดของบรรจุภัณฑ์ (closed-loop packaging system) ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ด้วยการลดการใช้ (Reduce) ใช้ซ้ำ (Reuse) และรีไซเคิล (Recycle) นอกจากการจัดการภายในองค์กรแล้ว โลตัสยังเป็นผู้นำในการรณรงค์ให้ลูกค้าและประชาชนช่วยกันลดการใช้ถุงพลาสติกเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด จึงเป็นที่มาของการพัฒนา “ถุงคืนชีพ” ในปี 2563 ซึ่งเป็นถุงพลาสติกแบบหนาที่ใช้ซ้ำได้หลายครั้ง ผลิตจากส่วนผสมของพลาสติกรีไซเคิล ลูกค้าสามารถนำ “ถุงคืนชีพ” ใบเก่าที่ชำรุดมาแลกเป็นถุงคืนชีพใบใหม่ได้ฟรี ที่โลตัสทุกสาขา โดยโลตัสจะนำกลับเข้าระบบเพื่อนำรีไซเคิลต่อไป ซึ่งรายได้จากการจำหน่ายถุงคืนชีพในปี 2563 โลตัสได้นำไปซื้ออุปกรณ์การแพทย์มอบให้กับโรงพยาบาลมะเร็ง 8 แห่งทั่วประเทศ รวมเป็นจำนวนเงินกว่า 9.2 ล้านบาท

นอกจากนี้ โลตัสยังมีโครงการอื่นๆ เช่น ตู้รับคืนขวดพลาสติก การยกเลิกการใช้หลอดพลาสติก และการยกเลิกการใช้ถาดโฟม ตามเป้าหมายในการสร้างระบบปิดของบรรจุภัณฑ์ (closed-loop packaging system) จนมาถึงโครงการในปีนี้ที่มุ่งมั่นที่สานต่ออย่างเป็นรูปธรรม ทั้งยังได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME และเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศอีกด้วย

เอไอเอส ระดมเสริมเครือข่ายมือถือกับไฟเบอร์ในรพ.สนามธรรมศาสตร์ ติดไวไฟห้องผู้ป่วยทุกห้อง

0

นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้น ฝ่ายวิศวกรรมเอไอเอส เดินหน้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ทั้งในการดูแลเครือข่ายภาพรวม AIS 5G, 4G, AIS Super WIFI และ AIS Fibre ทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้อย่างไม่ติดขัด และเพียงพอต่อความต้องการในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น E-Commerce, Work From, Learn From Home รวมไปถึงการเข้าไปเสริมเครือข่ายในพื้นที่สำคัญอย่างโรงพยาบาลสนาม ซึ่งแต่ละจังหวัดเริ่มเตรียมการอยู่ในขณะนี้

วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ เอไอเอส

ก่อหน้านี้ เอไอเอสได้เสริมเครือข่าย ที่ศูนย์ห่วงใยคนสาคร ในจังหวัดสมุทรสาคร และ ล่าสุด ทีมงานวิศวกรเอไอเอส ได้เดินทางเข้าพื้นที่ โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ หลังจากที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ได้เปิดดำเนินการใหม่อีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือลดภาระการดูแลผู้ป่วย covid-19 ที่เพิ่มจำนวนขึ้นในสถานพยาบาลของรัฐทั้งหลาย ในการรองรับผู้ป่วย covid-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง (Mild case) จากโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อเสริมเครือข่ายจากเดิมที่เคยเตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดครั้งแรกทันที โดยนอกจากจัดเต็มสัญญาณ AIS 5G, 4G แล้ว ยังได้สนับสนุนการติดตั้ง Wifi และ AIS Play Box ในห้องผู้ป่วยทั้ง 308 ห้อง อีกด้วย เพื่อให้การทำงานของทีมแพทย์ในการติดตามอาการของผู้ป่วย โดยไม่ต้องสัมผัสเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งผู้ป่วยเอง ก็สามารถสื่อสารคลายความกังวลได้ด้วยเช่นกัน

เอไอเอส ขอยืนยันว่า บริษัทได้เตรียมความพร้อม 24 ชั่วโมง ในการดูแลเครือข่ายอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถปฏิบัติงานผ่านเครือข่ายของเอไอเอส ในภารกิจต่อสู้สภาวะการระบาดของวิด-19 ระลอกใหม่นี้ให้ผ่านพ้นไปได้อย่างดีที่สุด

ซีพีเอฟ ร่วมเติมประสบการณ์ เยาวชนไทยวิถีใหม่ แหล่งเรียนรู้ ในโครงการ”เลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน”

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)  หรือ ซีพีเอฟ  และมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เดินหน้าส่งเสริมโภชนาการที่ดีสู่เด็กและเยาวชนไทยทั่วประเทศ  เติมประสบการณ์เรียนรู้นอกห้องเรียน ในโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน   ปูพื้นฐานให้เด็กและเยาวชนไทยสามารถนำไปใช้ประกอบอาชีพได้ในอนาคต      

สถานการณ์โควิด 19 รอบใหม่  ส่งผลกระทบต่อรูปแบบการเรียนของนักเรียนในหลายพื้นที่ต้องเรียนผ่านระบบออนไลน์ แต่อีกหลายโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล เด็กๆ ยังเดินทางมาเรียนและทำกิจกรรมต่างๆตามปกติ ซึ่งนอกเหนือจากความรู้ทางวิชาการในห้องเรียนแล้ว การเรียนรู้จากประสบการณ์นอกห้องเรียน เป็นแหล่งเรียนรู้ที่เด็กๆ นำไปใช้เป็นอาชีพได้ในอนาคต เช่น  โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน  ที่สนับสนุนโดยซีพีเอฟและมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ส่งเสริมให้เด็กๆ มีโอกาสเรียนรู้จากประสบการณ์ลงมือปฏิบัติจริง     

ด.ญ.พิยดา เยอะหนื่อ หรือน้องหมีพู อายุ 14 ปี  นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านดู่(สหราษฎร์พัฒนาคาร)  จังหวัดเชียงราย เด็กหญิงชาวอาข่า ที่มีความมุ่งมั่นเรียนให้จบชั้นปริญญา และอยากเห็นเพื่อนๆเด็กบนดอยเหมือนเธอ ได้มีโอกาสเรียนจนจบปริญญา  หมีพูเล่าว่า เธอมีส่วนร่วมในการช่วยดูแลให้อาหารไก่และเก็บผลผลิตไข่ไก่ ในโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน  ทำให้ได้รับความรู้และประสบการณ์ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และอยากนำไปถ่ายทอดให้เด็กๆบนดอย เพื่อที่เด็กๆบนดอยจะได้มีอาชีพติดตัว เพื่อช่วยเหลือครอบครัวตนเองได้            

เช่นเดียวกับ ด.ญ.ยุง จุงสาม  นร.ชั้น ม. 1  โรงเรียนบ้านดู่(สหราษฎร์พัฒนาคาร) ชาวไทใหญ่ ที่บอกว่า เธอมีโอกาสได้เรียนรู้การเลี้ยงไก่ไข่ จากโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน หากเรียนจบระดับมัธยมศึกษาไปแล้ว ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ ก็จะนำความรู้ที่ได้ไปประกอบอาชีพในอนาคต

นายประสงค์ สิทธิวงค์ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านดู่(สหราษฎร์พัฒนาคาร) เล่าว่า ได้เข้ารับการอบรมเลี้ยงไก่ไข่ตั้งแต่ปี 2551 สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปขยายเครือข่ายให้กับชุมชนและโรงเรียนต่างๆ รวมถึงนำความรู้ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในระดับประเทศมาแล้วหลายครั้ง ในส่วนของโรงเรียนเอง มีการจัดฐานการเรียนรู้การเลี้ยงไก่ไข่ให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติ เป็นสถานที่ศึกษาดูงานของโรงเรียนและชุมชน ถือได้ว่าโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน เป็นโครงการที่ดีมาก นอกจากเป็นแหล่งเรียนรู้แล้ว ยังสามารถนำผลผลิตไข่ไก่สนับสนุนโครงการอาหารกลางวันได้อย่างยั่งยืน

นายอุเทน วนาประเสริฐยิ่ง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านแม่ระเมิง  จังหวัดตาก  โรงเรียนอยู่ในถิ่นทุรกันดาร อยู่ห่างจากตัวอำเภอท่าสองยาง70กิโลเมตร   ไม่มีไฟฟ้าใช้ ใช้โซลาร์เซลล์และเครื่องปั่นใจ   ใช้ประปาภูเขา มีจำนวนนักเรียน  957 คน เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่  6

อุเทน สมัครใจช่วยคุณครูอยู่ดูแลไก่ไข่อยู่ที่โรงเรียน ในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด 19 เพราะบ้านอยู่ห่างจากโรงเรียนเกือบ 10 กิโลเมตร  เล่าว่า โรงเรียนเข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ตั้งแต่ปี 2559  ปีนี้โรงเรียนเราเลี้ยงไก่ไข่เป็นรุ่นที่ 4 แล้ว และขยายจำนวนจาก 250 ตัว เป็น 400 ตัว โครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ เป็นแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนของนักเรียน ที่ทำให้ได้เรียนรู้วิธีการเลี้ยงไก่ไข่ การดูแลไก่อย่างถูกวิธี  สามารถนำความรู้จากการเลี้ยงไก่ไปประกอบอาชีพได้  รวมไปถึงการวางแผนบริหารจัดการผลผลิตจากไข่ไก่ เช่น ในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด 19 ผลผลิตไข่ไก่ของโรงเรียนมีผลผลิตเหลือจำนวนมาก จากที่เก็บผลผลิตไข่ไก่ได้วันละ 300 ฟอง  เพราะไม่ต้องส่งเข้าโครงการอาหารกลางวัน คุณครูก็จะแจ้งทางไลน์ให้ผู้ปกครองทราบ หรือแจ้งผ่านทางชุมชน สามารถซื้อไข่ไก่จากทางโรงเรียนได้ในราคาแผง 30 ฟองอยู่ที่ 90 บาท อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์โควิด 19 เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19  ทางผมและเพื่อนๆจะใช้วิธีออกไปส่งไข่ไก่ให้กับผู้ที่ต้องการซื้อถึงที่บ้าน 

ด้านนายสุบรรณ์  แหล่ป้อง รักษาการผอ. รร.บ้านทุ่งมน  อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า รร.รับมอบโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนจากซีพีเอฟ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563  ปัจจุบัน ทางรร.ได้นำเทคโนโลยีมาต่อยอดโครงการนี้ในเรื่องของการบันทึกข้อมูล ทั้งยังใช้เทคโนโลยีเพื่อการรายงานข้อมูลของโรงเรียนผ่านแอปพลิเคชัน Google Form  เช่น จำนวนไก่ อาหารสัตว์ ผลผลิตไข่ไก่ ไก่ปลด รายงานการเลี้ยง และรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตไข่ไก่ เป็นต้น  นอกจากเด็กๆจะมีประสบการณ์การเลี้ยงไก่ไข่แล้ว ยังทำให้ได้เรียนรู้การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้กับการเลี้ยงด้วย  ขณะเดียวกันผลผลิตจากไข่ไก่ที่เหลือจากการส่งเข้าโครงการอาหารกลางวัน  รร.นำไปจำหน่ายให้ผู้ปกครองนักเรียนและชุมชนได้บริโภคไข่ไก่ที่สด สะอาด ในราคาย่อมเยา โดยในช่วงเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่รับมอบโครงการฯ  รร.มีรายได้จากผลผลิตไข่ไก่เกือบ  2 หมื่น ซึ่งจะใช้เป็นทุนในการดำเนินโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน เป็นความร่วมมือของซีพีเอฟ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมกับพันธมิตร อาทิ หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ (เจซีซี) บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 30 ปี เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนทั่วประเทศเข้าถึงการบริโภคไข่ไก่อย่างเพียงพอ เพื่อการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายและสติปัญญาอย่างสมวัย  ขณะเดียวกัน โครงการดังกล่าวยังเป็นแหล่งเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนไทยที่สามารถนำประสบการณ์การเรียนรู้เลี้ยงไก่ไข่ไปประกอบอาชีพได้ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด19 ที่ระบาดในรอบแรก เมื่อช่วงต้นปี 2563  และการระบาดรอบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น ผลผลิตไข่ไก่ของโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน  ยังเป็นแหล่งอาหารที่ปลอดภัยของชุมชนอีกด้วย

เอไอเอส มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้า แจกฟรีประกันโควิด-19

0

รายงานข่าวจาก บริษัท แอนวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า ในสถานการณ์โควิด-19 ระบาดรอบใหม่ เอไอเอสมอบความพิเศษแก่ลูกค้าทั้งที่เปิดเบอร์ใหม่และลูกค้าปัจจุบัน ในแบบเติมเงิน, รายเดือน และลูกค้าเอไอเอส ไฟเบอร์ ทั้งที่สมัครติดตั้งใหม่และสมัครบริการเสริม AIS Fibre MESH WiFi ด้วยประกันภัยคุ้มครองโควิด-19 จากทิพยประกันภัย นาน 45 วัน (รวมระยะเวลารอคอย 14 วัน) คุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท เพื่อให้ลูกค้าใช้ชีวิตออนไลน์รับมือสถานการณ์แพร่ระบาดได้อย่างอุ่นใจ ปลอดภัย และคลายกังวลได้อย่างเต็มที่

โดยลูกค้าสามารถรับสิทธิ์ง่ายๆ คือ

  • ลูกค้าใหม่ระบบเติมเงิน รับฟรี! ประกันภัยคุ้มครองการติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) เพียงลงทะเบียนแสดงตัวตนเปิดใช้บริการ เดอะวันซิม, ซุปเปอร์ โซเซียลซิม, ซี้ดซิม, มิงกาลา เมียนมาซิม, ซัวสะเดยซิม, ซิมไทใหญ่, ซิมมาราธอน, ซิมนำโชค, ซิมเสริมชีวิต ในระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564  โดยกดรับสิทธิ์ผ่าน *777*951# โทรออก จากหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว ภายใน 15 วัน นับจากวันที่เปิดใช้บริการเท่านั้น ซึ่งความคุ้มครองจะเริ่มนับจากวันที่ลูกค้าได้รับข้อความยืนยันการรับสิทธิ์จากบริษัทฯ จนถึงวันสิ้นสุดความคุ้มครอง 45 วัน (รวมระยะเวลารอคอย 14 วัน) ณ. เวลา 24.00 น. (นับตามเวลาประเทศไทย) รายละเอียดเพิ่มเติม www.ais.co.th/one-2-call/special/
  • ลูกค้าปัจจุบัน ที่สมัครแพ็กเสริม เหมา เหมา อินเทอร์เน็ต ราคา 29 บาท ใช้งานเน็ต 1 GB นาน 24 ชั่วโมงระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 2563 – 28 กุมภาพันธ์ 2564 ลูกค้าระบบเติมเงินและระบบรายเดือน รับสิทธิ์ง่ายๆ กด *777*930# โทรออก จากหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว โดยความคุ้มครองจะเริ่มต้นในวันถัดไปจากวันที่ลูกค้าสมัครแพ็จเกจ จนถึงวันที่สิ้นสุดความคุ้มครอง 45 วัน (รวมระยะเวลารอคอย 14 วัน) ณ. เวลา 24.00 น. (นับตามเวลาประเทศไทย) รายละเอียดเพิ่มเติม www.ais.co.th/maomaointernet/covid19/
  • ลูกค้าใหม่เน็ตบ้าน ที่สมัครและติดตั้งบริการ AIS Fibre หรือลูกค้าที่สมัครบริการเสริม AIS Fibre MESH WiFi ระหว่างวันที่ 11-31 มกราคม 2564 จะได้รับความคุ้มครองทันที หลังจากติดตั้งบริการสำเร็จจนถึงวันที่สิ้นสุดความคุ้มครอง 45 วัน (รวมระยะเวลารอคอย 14 วัน) ณ. เวลา 24.00 น. (นับตามเวลาประเทศไทย) รายละเอียดเพิ่มเติม www.ais.co.th/fibre/covid19insurance2021

นอกจากนี้ ลูกค้าเอไอเอส ทั้งระบบรายเดือน เติมเงิน และลูกค้าเอไอเอส ไฟเบอร์ ยังสามารถ ใช้เอไอเอส พอยท์ 10 พอยท์ แลกฟรีประกัน “อุ่นใจพลัส” จากเมืองไทยประกันชีวิต คุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก ระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน นับจากวันเริ่มต้นความคุ้มครอง ด้วยทุนประกันสูงสุด 100,000 บาท ครอบคลุมกรณีเสียชีวิต และทุพพลภาพเนื่องจากอุบัติเหตุ พร้อมทั้งความคุ้มครองการติดเชื้อ COVID-19 วงเงินคุ้มครอง 3,000 บาท โดยสามารถแลกรับสิทธิ์ฟรีได้ง่ายๆ บนแอปพลิเคชัน myAIS ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มกราคม 2564 โดยหลังจากแลกรับสิทธิ์และลงทะเบียนแล้ว กรมธรรม์จะเริ่มต้นคุ้มครองหลังเวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป

FIVE STAR และ STAR Coffee ให้ผู้ประกอบการ คุมเข้มมาตรการสู้โควิด-19

0

นายสุนทร จักษุกรรฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจห้าดาว บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ร้าน FIVE STAR และ STAR Coffee ได้กำหนดมาตรการและการปฏิบัติในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 สำหรับเถ้าแก่ธุรกิจห้าดาว มีรายละเอียดทั้ง 7 มาตรการ ดังนี้

สุนทร จักษุกรรฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจห้าดาว บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)
  1. จัดแถวต่อคิวอาหาร ให้มีระยะห่างมากกว่า 1.5 เมตร
  2. จำกัดจำนวนคนเข้าร้านตามที่นั่งที่กำหนดไว้ (รูปแบบร้าน)
  3. จัดให้มีเจลหรือแอลกอฮอล์บริการ โดยลูกค้าจำเป็นต้องล้างมือและสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง เมื่อเข้ามาใช้บริการ
  4. แนะนำลูกค้าจ่ายเงินผ่านระบบ TrueMoney Wallet, QR Code และ E-Wallet เพื่อลดการสัมผัสเงินสด และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  5. เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดเคาน์เตอร์ต่างๆ ตู้โชว์สินค้าด้านนอก เครื่องคิดเงิน และพื้นที่โดยรอบทุก 1 ชั่วโมง
  6. ผู้ปฏิบัติงานต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และหากพนักงานของท่านมีอาการไข้ ไอเจ็บคอ ขอให้ส่งเข้ารับการตรวจคัดกรองทันที
  7. เปิดให้บริการ ตั้งแต่เวลา 06.00 – 21.00 น. ตามมาตรการของภาครัฐ

มาตรการทั้ง 7 ข้อ เป็นแนวปฏิบัติที่ส่งถึงผู้ประกอบธุรกิจ FIVE STAR และ STAR Coffee เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติอย่างเข้มงวดร่วมกัน แต่ละพื้นที่จะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปสุ่มตรวจสาขาต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาเลือกซื้ออาหารในร้าน

นายสุนทร กล่าวเพิ่มเติมว่า สินค้าที่เป็นวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์อาหารในร้าน FIVE STAR และ STAR Coffee มาจากแหล่งผลิตที่มีการตรวจสอบคุณภาพเข้มงวดและส่งตรงถึงร้านด้วยระบบการจัดการขนส่งที่ทันสมัย ลดการสัมผัสมือให้น้อยที่สุด เพื่อคงสะอาดและปลอดภัยสูงสุดจนถึงมือผู้บริโภค

ทั้งนี้ช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ทาง FIVE STAR และ STAR Coffee มีบริการ Star Delivery โดยทางร้านจะจัดส่งอาหารและเครื่องดื่มภายในรัศมี 3 กิโลเมตร ให้ถึงมือผู้รับภายในเวลาอันรวดเร็ว รวมถึงลูกค้าสามารถชำระผ่านแอปพลิเคชั่นแทนเงินสด ลดการสัมผัส สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นการตอบโจทย์วิถีปกติใหม่ได้อย่างลงตัว

ซีพี เดินหน้าแจกจ่ายหน้ากากอนามัยทะลุ 11 ล้านชิ้น

0

นายภูมิชัย ตรัยดลานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี โซเชียล อิมแพคท์ จำกัด ผู้ผลิตหน้ากากอนามัยซีพี เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เกิดวิกฤตขาดแคลนหน้ากากอนามัยใช้ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซีพี โซเชียล อิมแพคท์ได้เปิดโรงงานผลิตหน้ากากและแจกฟรีหน้ากากอนามัยแก่บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล และประชาชนกลุ่มเปราะบางไปแล้วกว่า 11 ล้านชิ้น จนถึงปัจจุบันได้ผ่านพ้นวิกฤติขาดแคลนหน้ากากอนามัยแล้ว แต่ยังผลิตหน้ากากอนามัยมอบให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยเป็นประจำทุกเดือนๆละกว่า 300,000 ชิ้น

ภูมิชัย ตรัยดลานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี โซเชียล อิมแพคท์

นอกจากนี้เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทในเครือฯ ยังร่วมสนับสนุนการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยซีพีแก่กลุ่มผู้เปราะบางอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ซีพี โซเชียล อิมแพคท์ มีความพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมตามเจตนารมณ์ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ต้องการให้บริษัทนี้ประกอบธุรกิจเพื่อสังคมหลังผ่านวิกฤตขาดแคลนหน้ากากอนามัย เพื่อนำผลกำไรที่เกิดขึ้นมอบให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยตามความตั้งใจ

ทั้งนี้ล่าสุด เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ โดย นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้สั่งการให้นำหน้ากากอนามัยซีพี จำนวนกว่า 70,000 ชิ้นมอบให้แก่กรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปแจกจ่ายประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานต่างด้าว กลุ่มเปราะบางและกลุ่มอาสาสมัครในพื้นที่เสี่ยงสูงในเขตหนองแขม บางบอน บางขุนเทียน เครือข่ายกลุ่มอาสาดุสิต และเครือข่ายคุณถั่วแระ เชิญยิ้ม

ขณะเดียวกันได้มอบผ่าน น.ส.ปิยธิดา นิยม ผู้อำนวยการเขตคลองเตย สำหรับแจกจ่ายให้ชาวชุมชนคลองเตยล็อค 1-2-3 และล็อค 4-5-6 เป็นการแบ่งเบาภาระของภาครัฐในการร่วมป้องกันโรคระบาดโควิด-19 และก่อนหน้านี้ได้มอบหน้ากากอนามัยแก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางในจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดระยอง ผ่านทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.จำนวน 30,000 ชิ้นอีกด้วย

ซีพีเอฟ เดินหน้าสนับสนุนแพทย์ รพ.สต. อสม. และชุมชนรอบฟาร์ม/โรงงาน ทำงานเชิงรุกสกัดโควิด-19

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ส่งความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์    โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)  และชุมชนรอบฟาร์ม-โรงงานของซีพีเอฟทั่วประเทศ  เข้มงวดเฝ้าระวัง ป้องกัน สกัดการแพร่ระบาดของโควิด 19    

จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด  19  รอบใหม่  หน่วยบริการสาธารณสุข ถือเป็นหน่วยบริการหลักในการดำเนินมาตรการควบคุมป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อในระดับชุมชน  ซึ่งฟาร์มและโรงงานของซีพีเอฟทั่วประเทศ ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์  เจ้าหน้าที่รพ.สต. อสม. และชุมชน  รวมไปถึงการทำงานร่วมกับรพ.สต.ในพื้นที่ในการควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด 19             

นายสำเริง นพชำนาญ ผู้อำนวยการรพ.สต.บ้านคอกม้า  อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร กล่าวว่า  รพ.สต.ในพื้นที่ของอำเภอปะทิว  ได้รับการช่วยเหลือจากศูนย์ปรับปรุงพันธุกรรมกุ้งปะทิวของซีพีเอฟมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุด ยังได้สนับสนุนแอลกอฮอล์โดยมอบผ่านสาธารณสุขอำเภอปะทิว เพื่อส่งต่อให้หน่วยบริการสาธารณสุข  สังกัดสาธารณสุขอำเภอปะทิว(รพ.สต.) 12 แห่ง (ครอบคลุมพื้นที่บริการ 7 ตำบลของอำเภอปะทิว)  เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รพ.สต ในการดำเนินกิจกรรมควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด 19                       

นอกจากนี้ ศูนย์ปรับปรุงพันธุกรรมกุ้งปะทิว  ยังดูแลพนักงาน คู่ค้าธุรกิจ ลูกค้า ชุมชน หมู่บ้านใกล้สถานประกอบการ และหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ 17 แห่ง  สนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่รพ.สต. อสม.  อาทิ แอลกอฮอล์ 95 % เครื่องกดเจลชนิดเท้าเหยียบ สเปรย์  แอลกอฮอล์  Face Sheild  หน้ากากผ้า มอบให้โรงพยาบาลปะทิว  สำนักงานสาธารณสุข  อำเภอปะทิว  รพ.สต.ตำบลบ้านคอกม้า  รพ.สต.ตำบลสะพลี รพ.สต.ตำบลชุมโค  รพ.สต.ตำบลทะเลทรัพย์  อำเภอปะทิว  สถานีตำรวจภูธร อ.ปะทิว  เทศบาลตำบลบางสน   เทศบาลตำบลปะทิว ประมงจังหวัด  โรงเรียนบ้านดอนตะเคียน  เป็นต้น  

นางกัลยา  วราสินธุ์ ประธานกลุ่มอสม. ต.ดอนกระเบื้อง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี บอกว่า อสม. ต้องทำงานหนักขึ้น ทั้งการคัดกรองและออกเยี่ยมเยียนคนในชุมชนอย่างต่อเนื่อง   โดยเฉพาะการตรวจคัดกรองคนต่างถิ่นที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ หรือการตรวจประจำวันให้แก่คนที่มาจับจ่ายซื้อของในตลาด  เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่ผ่านมา อสม.ได้รับการสนับสนุนเครื่องวัดอุณหภูมิจากโรงงานผลิตอาหารสัตว์ราชบุรีของซีพีเอฟ ช่วยให้ทำงานได้รวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้น  ยิ่งในการระบาดรอบใหม่นี้ จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ในการตรวจคัดครอง เพื่อให้ทำงานได้ทันต่อสถานการณ์

รายงานข่าว เปิดเผยว่า นอกจากนี้ ยังมีโรงงานต่างๆ ของซีพีเอฟทีให้การสนับสนุนชุมชนในการป้องกันโควิด-19 อาทิ โรงงานผลิตอาหารสัตว์บกบางนา  สนับสนุนการทำงานของ รพ.สต. โดยปรับรูปแบบจากการลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้ผู้สูงวัยเพื่อดูแลผู้ป่วยติดเตียง เป็นการนำสิ่งของมอบผ่านโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศีรษะจรเข้ใหญ่  อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ  เพื่อให้เจ้าหน้าที่รพ.สต.นำไปกระจายมอบให้ผู้สูงวัยในชุมชนที่ป่วยติดเตียง ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด 19  

โรงงานแปรรูปสัตว์น้ำระโนดของซีพีเอฟ  สนับสนุนแอลกอฮอล์ล้างมือผ่านทางผูู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.ท่าบอน อ.ระโนด จ.สงขลา และอสม. เพื่อใช้บริการให้แก่ประชาชนที่มาซื้อของที่ตลาด  โดยสามารถนำมาเติมแอลกอฮอล์ได้ตลอดจนกว่าสถานการณ์โควิด 19 จะคลี่คลาย

โรงงานผลิตอาหารสัตว์ราชบุรีของซีพีเอฟ ต.ดอนกระเบื้อง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี    สนับสนุนอุปกรณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลและหน่วยงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เช่น โรงพยาบาลบ้านโป่ง อสม.  รพ.สต.ดอนกระเบื้อง กาชาดอำเภอบ้านโป่ง กาชาดราชบุรี และกรมการปกครองท้องถิ่น โดยมอบเครื่องวัดอุณหภูมิ เจลแอลกอฮอล์  หน้ากากผ้า มอบให้ อสม. เพื่ออำนวยความสะดวกให้มีเครื่องมือที่ทันสมัยใช้ตรวจคัดกรองคนในชุมชน     

เตือน อย่าซื้อชุดตรวจโควิด-19 มาใช้ เสี่ยงแปลผลผิด แพร่เชื้อไม่รู้ตัว

0

นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัส COVID-19 ที่กำลังขยายวงกว้างในขณะนี้ ได้สร้างความกังวลต่อคนทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น การตรวจค้นหาและคัดกรองผู้ติดเชื้อได้ดำเนินการเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ มีประชาชนบางส่วนเกิดความวิตกกังวลว่าตนเองจะได้รับเชื้อหรือไม่ จึงหันไปสั่งซื้อชุดตรวจไวรัส COVID-19 ที่จำหน่ายในสื่อออนไลน์มาใช้เอง

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอเตือนว่า อย่าหาซื้อชุดตรวจโควิด COVID-19 แบบ Rapid Test ที่ลักลอบขายผ่านออนไลน์มาตรวจเอง เพราะเสี่ยงต่อการแปลผลที่ผิดพลาด เนื่องจากชุดตรวจ COVID-19 แบบ Rapid Test เป็นการตรวจหาภูมิต้านทานไม่ได้เป็นการตรวจหาเชื้อ ดังนั้นจึงต้องได้รับเชื้อในระยะเวลาหนึ่งถึงจะตรวจพบภูมิต้านทาน หากเพิ่งได้รับเชื้อจะตรวจไม่พบในทันทีจึงเป็นข้อจำกัดของชุดตรวจชนิดนี้ ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการตรวจและแปลผลโดยผู้เชี่ยวชาญหรือนักเทคนิคการแพทย์เท่านั้น ไม่แนะนำให้ใช้โดยทั่วไป ซึ่งชุดตรวจ COVID-19 แบบ Rapid Test ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ต้องขายเฉพาะแก่สถานพยาบาล หรือผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขเท่านั้น และจะต้องจัดทำรายงานการขาย ให้ อย.ทราบอีกด้วย

ซีพีเอฟ ส่งอาหารปลอดภัยถึงบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเปราะบาง ฝ่าภัยโควิด-19

0

การระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบใหม่ ใน จ.สมุทรสาคร และจังหวัดอื่นๆ อีกกว่า 50 จังหวัด รวมถึงกรุงเทพฯ สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนอย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่ต้องรัดกุมกับมาตรการต่างๆ ของภาครัฐอีกครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและแรงงานต่างชาติ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เห็นถึงปัญหาด้านอาหารในพื้นที่เสี่ยงสูง จึงเดินหน้าโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่าวมต้านภัยโควิด-19” เพื่อส่องมอบอาหารปลอดภัยให้แก่ แพทย์ พยาบาล ผู้ป่วยโควิด-19 และพี่น้องแรงงานต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง 

เริ่มจาก จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแรงงานต่างชาติจำนวนมากและเป็นพื้นที่แรกที่ถูกควบคุมสูงสุดตามมาตรการป้องกันโควิด-19 รอบใหม่ ซีพีเอฟจึงเข้ามาสนับสนุนอาหารผ่าน โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” มอบผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน 55,000 แพ็ค แก่บุคลากรโรงพยาบาลสมุทรสาครจำนวน 2,500 ราย ผู้ป่วยอีก 100 ราย ต่อมาร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน หรือ LPN สนับสนุนอาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน 30,800 แพ็ค และไข่ไก่สด 10,000 ฟอง เพื่อช่วยแรงงานต่างชาติที่อยู่ในพื้นที่กักกันชุมชนตลาดกลางกุ้งพื้นที่มหาชัยกว่า 1,200 ครัวเรือน หรือ 4,000 ราย 

โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” นอกจากจะช่วยเป็นเสบียงหนุนทัพนักรบเสื้อกาวน์ในการรับมือสถานการณ์โควิด-19 รอบใหม่แล้ว ยังถือเป็นการตอกย้ำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นว่า ผลิตภัณฑ์กุ้งของไทยมีความปลอดภัย ทุกคนสามารถทานได้อย่างมั่นใจ โดยส่งมอบ “กุ้งซีพี แปซิฟิก” ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล แก่แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และทั้งคณะทำงานของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เพื่อเป็นกำลังใจและสนับสนุนการทำงานของแนวหน้า 

พร้อมกันนี้ ยังร่วมมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ ส่งมอบ “หน้ากากอนามัยซีพี” จำนวน 200,000 ชิ้น แก่แรงงานต่างด้าวและกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ที่มีการระบาดของโควิด-19 รุนแรง โดยจำนวน 30,000 ชิ้น ส่งมอบผ่านศบค. สำหรับแจกจ่ายให้แก่แรงงานต่างชาติ และกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และ จ.ระยอง จำนวน 70,000 ชิ้น ผ่านกรุงเทพมหานคร เพื่อแจกจ่ายกลุ่มเปราะบางใน 4 เขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ หนองแขม บางบอน บางขุนเทียน และคลองเตย โดยก่อนหน้านี้ได้มอบหน้ากากอนามัย เพื่อใช้ป้องกันการติดเชื้อจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนที่เหลือจะทยอยส่งมอบไปยังกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดต่อไป 

นับตั้งแต่ มี.ค. 2563 จนถึงปัจจุบัน โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ร่วมส่งมอบอาหารปลอดภัยต่อเนื่อง เพื่อแบ่งเบาภาระของแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลต่างๆ กว่า 200 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ขยายต่อถึงครอบครัวบุคลากรทางการแพทย์ 20,000 ครอบครัว ผู้กักตัวที่เดินทางกลับจากต่างประเทศจำนวน 20,000 คน รวมถึงชุมชนต่างๆ ในกรุงเทพฯ และล่าสุดต่อยอดมาถึงแรงงานข้ามชาติที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยจะเดินหน้าโครงการดังกล่าวต่อไป เพื่อช่วยคนไทยมีอาหารที่ดี ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ในช่วงสถานการณ์เช่นนี้