Home Blog Page 351

“เฉลิมชัย” ร่วมทดสอบการใช้งานนวัตกรรม รถเกี่ยวข้าวแบบเดินตามขนาดเล็ก

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ม.ค. 64) นาย เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ เดินทางไปเยี่ยมชมการทดสอบการปฏิบัติงานนวัตกรรม รถเกี่ยวข้าวแบบเดินตามขนาดเล็ก โดยมี ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน นายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีกรมชลประทาน ตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับที่แปลงนาสาธิต ของนางอาอีซ๊ะ สลัมสี แขวงคลองสิบสอง เขตหนองจอก กรุงเทพฯ

นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พัฒนานวัตกรรมทางการเกษตร เพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตให้กับชาวนา ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นั้น รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรคิดค้นและพัฒนาโครงการ “นวัตกรรมรถเกี่ยวข้าวแบบเดินตามขนาดเล็ก” ขึ้น โดยใช้ตัวรถของรถไถนาแบบเดินตามทั่วไป ที่หาซื้อได้ตามท้องตลาด นำมาติดตั้งกับเครื่องยนต์ดีเซลและเพิ่มเครื่องตัดและกลไกสำหรับใช้เกี่ยวข้าวในแปลงนา ซึ่งเหมาะสำหรับแปลงนาประเภทที่ราบลุ่ม ข้าวล้มราบเรียบถึงข้าวตั้ง รวมไปถึงพืชการเกษตรอื่นๆ ทั่วประเทศ ช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร

สำหรับจุดเด่นและประโยชน์ของนวัตกรรมดังกล่าว ชาวนาสามารถทำงานได้คนเดียว ข้าวที่ตัดได้ตากเพียงแดดเดียวก็สามารถเข้าไปโรงสีได้ ตอซังข้าวมีขนาดสั้น ชาวนาไม่ต้องเผา ช่วยลดมลภาวะทางอากาศ รถเกี่ยวข้าวมีขนาดเล็ก ประหยัดต้นทุน ประหยัดแรงงาน และสามารถนำไปใช้เอนกประสงค์กับต้นหญ้าหรือตัดหญ้าเลี้ยงสัตว์ หรือเพิ่มชุดโรตารี่สำหรับการเตรียมพื้นที่นาได้อีกด้วย

สำหรับแปลงนาข้าวที่ใช้สาธิตนวัตกรรมรถเกี่ยวข้าวในครั้งนี้ เป็นของนางอาอีซ๊ะ สลัมสี ชาวนาในพื้นที่คลองสิบสอง เขตหนองจอก ที่ทำนาปีล่าช้า เนื่องจากในช่วงต้นฤดูฝนที่ผ่านมา พื้นที่ดังกล่าวมีฝนตกต่ำกว่าค่าปกติ ทำให้ไม่สามารถทำนาปีได้ตามปกติ กรมชลประทาน โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตใต้ ได้เข้าไปช่วยเหลือด้วยการส่งน้ำเข้าคลองชลประทานที่รับน้ำจากคลองระพีพัฒน์ พร้อมติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำบริเวณประตูระบายน้ำ(ปตร.)กลางคลอง 8-9 และปตร.ปากคลอง 13 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลำเลียงน้ำ รวมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณปตร.พระธรรมราชา(ใหม่) สามารถช่วยเหลือพื้นที่ทำนาปีล่าช้าได้ โดยไม่มีผลผลิตเสียหาย  ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว อย่างไรก็ตาม ด้วยปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยาในช่วงฤดูแล้งนี้ อยู่ในเกณฑ์น้อย ต้องสำรองไว้ใช้เฉพาะการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ เป็นหลัก ไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการทำนาปรังได้ จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียงพอใช้ตลอดฤดูแล้งนี้ต่อเนื่องไปจนถึงต้นฤดูฝนหน้า

ซื้อประกันภัยแล้ว ต้องแจ้งให้บริษัทประกันส่งข้อมูลให้กรมสรรพากร เพื่อไม่พลาดใช้สิทธิลดหย่อนภาษี

0

ทำอย่างไร ไม่ให้พลาดใช้สิทธิลดหย่อนภาษี จากเบี้ยประกันภัย ในปีภาษี 2563 สำหรับผู้เอาประกันภัยที่ซื้อประกันสุขภาพ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป และสำหรับผู้เอาประกันภัยที่ซื้อประกันชีวิต ประกันชีวิตแบบบำนาญ และประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรส ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป จะต้องแจ้งความประสงค์ให้กับบริษัทประกันชีวิต เพื่อให้บริษัทฯ นำส่งข้อมูลการชำระเบี้ยประกันภัยรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้กับกรมสรรพากร มิเช่นนั้นแล้วจะไม่สามารถใช้สิทธิฯ ได้เนื่องจากกรมสรรพากรกำหนดให้ผู้มีเงินได้ที่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันภัย ต้องแจ้งความประสงค์ต่อบริษัทฯ เพื่อให้บริษัทฯ นำส่งข้อมูลการชำระเบี้ยประกันภัยรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้กับกรมสรรพากร แจ้งความประสงค์คลิก : webmtl.co/3bwKcBh

ทางบริษัทฯ จึงขอยกเลิกการจัดส่งหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันภัยรูปแบบกระดาษ ตั้งแต่ปีภาษี 2564 เป็นต้นไป และหากผู้เอาประกันภัย เคยแจ้งความประสงค์ต่อบริษัทฯ แล้ว ก็ไม่ต้องแจ้งความประสงค์อีกในปีภาษีปัจจุบัน

สามารถดูช่องทางการขอหนังสือรับรองคลิก : webmtl.co/3siV4IL.

หมายเหตุ:1. การใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร 2. เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต กำหนด

ที่มา เฟสบุ๊ค เมืองไทยประกันชีวิต

CLASS CAFÉ ผนึกกําลัง กลุ่มทรู เปิดตัว ตู้จําหน่ายสินค้าอัจฉริยะ AI CLASS GO ครั้งแรกในไทย

0

นายมารุต ชุ่มขุนทด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท คลาสคอฟฟี่ จํากัด และเจ้าของร้านกาแฟ CLASS CAFÉ เผยว่า คลาสคอฟฟี่ ร่วมกับ ทรู ดิจิทัล และ ทรู 5G เปิดตัวตู้จําหน่ายสินค้าอัจฉริยะ “ตู้ AI CLASS GO” Smart vending Machine ครั้งแรกในไทย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในยุคใหม่ในสังคมไร้เงินสด เพียงลูกค้าหยิบสินค้าออกจากตู้ AI CLASS GO ระบบจะหักเงินค่าสินค้าอัตโนมัติ ผ่านทรูมันนี่วอลเล็ทหรือ แอปพลิเคชัน CLASS CAFÉ ที่รองรับบัตรเครดิต, QR Promptpay ช่วยลดการสัมผัสเงินสด ลดความเสี่ยงติดเชื้อ

คาดว่าจะช่วยดันยอดขายสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มบรรจุขวดให้สูงขึ้น หลังจากประสบความสําเร็จในการพัฒนาและจําหน่ายสินค้าเครื่องดื่มบรรจุขวดในช่วงวิกฤตโควิด-19 ระลอกแรกเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา

แนวคิดที่มาของตู้จําหน่ายสินค้า AI CLASS GO เกิดจากในช่วงเวลาวิกฤตโควิด-19 ในปี 2563 ที่ผ่านมา ทําให้บริษัทเปลี่ยนแนวคิดจากแต่ก่อนคิดว่าจะต้องมีหลายสาขาถึงจะดี แต่พอเจอวิกฤตโควิด ได้เปลี่ยนมุมมองวิธีคิดใหม่ คือมีสาขาไม่ต้องเยอะ แต่เพิ่มช่องทางการจําหน่ายด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลให้เยอะขึ้นแทน การจําหน่ายสินค้าจากตู้ AI CLASS GO เป็นก้าวสําคัญในการนํา นวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในการลดการสัมผัสและลดการถือเงินสดในมือ ซึ่งการออกตู้จําหน่ายสินค้า AI CLASS GO ครั้งนี้ บริษัทได้พันธมิตรที่ดีอย่าง ทรู ดิจิทัล ผู้ให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มและโซลูชันส์ และเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายอัจฉริยะ ทรู 5G

นายเอกราช ปัญจวีณิน กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจดิจิทัลโซลูชัน บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า กลุ่มทรูนำศักยภาพบริการดิจิทัลครบวงจร และความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยเสริมประสิทธิภาพแพลตฟอร์ม CLASS GO โดยนวัตกรรมตู้ AI CLASS GO จากทรู ดิจิทัล จะเสริมศักยภาพธุรกิจค้าปลีก สร้างประสบการณ์ในการซื้อสินค้าแบบ Grab-and-Go ที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องใช้เงินสด นอกจากนี้ ยังมีกล้อง AI ส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอัจฉริยะ ทรู 5G เชื่อมโยงระบบบริหารจัดการสินค้า ช่วยให้สามารถตรวจสอบยอดขายสินค้าในตู้ AI CLASS GO ที่ตั้งอยู่ในหลากหลายสถานที่ได้พร้อมกันแบบเรียลไทม์ผ่านแดชบอร์ด ดูข้อมูลได้ทั้งบนสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ พร้อมมีระบบแจ้งเตือนเมื่อสินค้าในตู้ใกล้หมด ตลอดจนมีการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบรายงาน พร้อมการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ ช่วยให้ CLASS CAFÉ สามารถเรียนรู้ความต้องการและพฤติกรรมลูกค้าผ่าน AI และวางแผนการตลาดแนวใหม่ในรูปแบบ AI Marketing อย่างเข้าใจ รู้ใจ และได้ใจลูกค้ายิ่งขึ้น เช่น การเสนอโปรโมชั่นให้ลูกค้าได้แบบเฉพาะเจาะจงผ่านจอ LED ที่ตู้ได้อย่างแม่นยำ ช่วยเพิ่มโอกาสและยอดขายได้มากขึ้น มั่นใจว่า ตู้ AI CLASS GO จะมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจแก่ลูกค้าของ CLASS CAFÉ

นายพิรุณ ไพรีพ่ายฤทธิ์ หัวหน้าคณะทำงานและกรรมการยุทธศาสตร์ 5G บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กลุ่มทรู มุ่งพัฒนาเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G ให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์อัจฉริยะ พร้อมขยายความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการนำเทคโนโลยี 5G มาสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการที่แตกต่างและใช้งานได้จริง โดย ทรู 5G นำความพร้อมของเครือข่ายที่ครบกว่า แรงกว่า ครอบคลุม 77จังหวัดทั่วไทย เชื่อมต่อใช้งานตู้ AI CLASS GO สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า CLASS CAFÉ ในการซื้อสินค้าแบบวิถีใหม่ผ่านตู้จำหน่ายสินค้าแบบอัตโนมัติ และส่งเสริมสังคมไร้เงินสด พร้อมกันนี้ ยังมีคุณสมบัติที่โดดเด่นของเทคโนโลยี 5G ที่ให้ความเร็วสูง รองรับการเชื่อมต่อกับตู้ AI CLASS GO ได้จำนวนมากในเวลาเดียวกัน เพื่อเชื่อมโยงส่งข้อมูลเข้าสู่แพลตฟอร์ม CLASS GO แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา ลดภาระในการตรวจสอบสินค้าในตู้ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ สะท้อนความเป็นผู้นำของทรู 5G ที่สามารถส่งมอบบริการ 5G ที่สร้างประโยชน์ในหลากหลายมิติ ทั้งในภาคธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล และยกระดับการใช้ชีวิตวิถีใหม่ของคนไทยและสังคมไทยที่กำลังเข้าสู่วิถียุคใหม่ (Next Normal)

ช่วงเริ่มต้น จะติดตั้งตู้ AI CLASS GO ในจุดที่มีสาขาของร้าน CLASS CAFÉ ทั้งหมด เริ่มจาก CLASS CAFÉ Siam Innovation District สยามสแควร์วัน จากนั้นจึงขยายการติดตั้งไปสู่มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล และตัวแทนจําหน่ายสินค้าของ CLASS CAFÉ ตั้งเป้าขยายการติดตั้งตู้ให้ครบ 100 ตู้ภายในปี 2564 โดยในปีที่ผ่านมา มีรายได้จากช่องทางดิจิทัล 50 เปอร์เซ็นต์และหน้าร้าน 50 เปอร์เซ็นต์ บริษัทมั่นใจว่า การขายสินค้าผ่านตู้ AI CLASS GO จะทําให้ปีนี้ยอดขายยังโตได้อีก เพราะตลาดกาแฟและเครื่องดื่มยังใหญ่มาก ประกอบกับความพร้อมในการมองหา Trend Point เพื่อเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างอยู่ตลอดเวลากระบวนการทํางานสําคัญอย่าง CLASS GO PLATFORM ช่วยปรับตัววางแผนธุรกิจได้อย่างตรงใจลูกค้าและ ที่สําคัญ ยังได้รวมพลังความร่วมมือร่วมใจจากพนักงานคนรุ่นใหม่ที่พร้อมใจกันผลักดันองค์กรให้ก้าวผ่านวิกฤตต่างๆไปด้วยกัน

รู้เก็บรู้ออม : อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ…ก็เรียนรู้การลงทุนได้

0

ช่วงนี้รัฐบาลขอความร่วมมือให้อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ และบริษัทให้ Work from Home “คุณนายพารวย” ไม่อยู่นิ่ง เข้าไปท่องโลกออนไลน์ หาความรู้เพิ่มพูนความรวย

เพลิดเพลินไปกับหลักสูตรการเรียนรู้ SET e-Learning จนอดไม่ได้ที่จะต้องมาชวนสมาชิก “พารวย” ของเราให้มาร่วมเปิดโลกสู่ความมั่งคั่งกัน แบบฟรีๆไม่ต้องเสียตังค์!!

โดย SET e-Learning เป็นหลักสูตรออนไลน์ ซึ่งถือเป็นแหล่งความรู้การเงินการลงทุนแบบดิจิทัล ที่ผสมผสานเทคโนโลยีมัลติมีเดีย ที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาการวางแผนการเงินการลงทุน ที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่นิสิต นักศึกษา ประชาชน และนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการพัฒนาตนเองไปสู่นักลงทุนมืออาชีพเพื่อสร้างความมั่งคั่งและอิสรภาพทางการเงินแบบ Step by Step

หลักสูตรหลากหลายที่น่าเรียนรู้และ “คุณนายพารวย” ขอแนะนำ เช่น วางแผนภาษีสไตล์มนุษย์เงินเดือน, วางแผนการเงินหลังเกษียณ สไตล์วัยเก๋า, วางแผนภาษี สไตล์มนุษย์เงินออม

ส่วนด้านการลงทุนนั้น ก็มีตั้งแต่หลักสูตรครบเครื่องเรื่องการลงทุน, ลงทุนหุ้นฉบับมือใหม่, ลงทุนหุ้นมั่นใจ ต้องเข้าใจปัจจัยพื้นฐาน, ลงทุนหุ้นมั่นใจ ต้องเข้าใจงบการเงิน, ครบเครื่องเรื่องบริหารพอร์ตลงทุน, ลงทุนตราสารหนี้ฉบับมือใหม่…

ขณะที่การลงทุนในกองทุนรวม ก็มีหลักสูตรที่น่าสนใจ เช่น ลงทุนกองทุนรวมฉบับมือใหม่, สร้างพอร์ตกองทุนรวมแบบ DIY นอกจากนี้ยังมี หลักสูตรการลงทุนในอนุพันธ์ ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเก็งกำไรและป้องกันความเสี่ยงอีกมากมายหลายหลักสูตร รวมทั้งหลักสูตรการเป็นผู้ประกอบการ แนวคิด ทฤษฎีต่างๆมากมายจากกูรูผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาสอน

จากที่ดู SET e-Learning มีจุดเด่น คือ 1.มีหลักสูตรหลากหลาย ครอบคลุมความรู้ ตั้งแต่ความรู้พื้นฐานไปถึงความรู้ขั้นสูง 2.จัดทำบทเรียนอย่างเป็นระบบ แบ่งหลักสูตรเป็นบทเรียนย่อย ทำให้สะดวกและง่ายต่อการเรียนรู้ 3.มีแบบทดสอบวัดความรู้ก่อนและหลังการเรียนแต่ละหลักสูตร

4.มีระบบติดตามผลการเรียน ติดตามสถานะการเรียนและตรวจสอบผลการทดสอบ 5.เลือกเรียนหลักสูตรต่างๆผ่านหลากหลายอุปกรณ์ทั้ง PC Notebook และ Smartphone

การสมัครเรียนก็แสนง่าย แค่ต้องเป็นสมาชิกของ SET Member (ไม่มีค่าใช้จ่ายในการสมัคร) เพื่อใช้ Username และ Password ในการ Login เข้าสู่ระบบ SET e-Learning

เรียนจบแล้ว มีแบบทดสอบเพื่อวัดผลการเรียนรู้ เมื่อทดสอบผ่านหลักสูตรแล้วก็สามารถพิมพ์วุฒิบัตรได้ด้วยตนเอง

คุณสมบัติผู้เรียน ก็ไม่ต้องอะไรมาก ขอแค่ใฝ่รวย อยากเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน และมีทักษะการใช้คอมพิวเตอร์บ้างเล็กน้อยก็สามารถเรียนได้ ดังนั้นมัวรออะไร…?? สมัครเข้าเรียนได้เลย…ที่ https://elearning.set.or.th/ แล้วเราจะมั่งคั่งไปด้วยกัน!!


ที่มา คอลัมน์ รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน สู่ความมั่งคั่ง โดย คุณนายพารวย หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ซีพีเอฟ สานต่อเครดิตเทอม 30 วัน เพิ่มสภาพคล่องคู่ค้า SME

0

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร  บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)​ หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า   ซีพีเอฟ มีความเป็นห่วงสภาพคล่องของคู่ค้าธุรกิจโดยเฉพาะ ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี)​ หรือที่เป็นรายบุคคลที่กำลังฟื้นตัวและมีความเสี่ยงจะถูกซ้ำเติมจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ บริษัทจึงสานต่อการดำเนินโครงการ “Faster Payment” ต่อเนื่อง โดยให้เครดิตเทอมภายใน 30 วันแก่คู่ค้าเอสเอ็มอีที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท และเป็นรายบุคคลประมาณ 6 พันราย เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องของคู่ค้าเอสเอ็มอีให้สามารถรักษาธุรกิจเดินหน้าต่ออย่างมั่นคง และมีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม  

โครงการ Faster Payment ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 เพื่อช่วยเหลือคู่ค้าเอสเอ็มอีของซีพีเอฟที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มียอดสั่งซื้อสินค้าหรืองานลดลงติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายเดือน ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหลายรายไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้จนต้องปิดกิจการไป และก่อให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจและสังคมเป็นลูกโซ่ 

“การดำเนินโครงการ​ Faster Payment เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ในการส่งเสริมเอสเอ็มอีที่เป็นฟันเฟืองที่สำคัญในห่วงโซ่คุณค่าผลิตอาหารของซีพีเอฟเติบโตไปด้วยกัน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศฝ่าวิกฤตโควิดครั้งนี้ได้” นายประสิทธิ์กล่าว  

ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีคู่ค้าเอสเอ็มอีของซีพีเอฟได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ ช่วยเสริมความคล่องตัวในการบริหารจัดการด้านการเงินของเอสเอ็มอี ช่วยให้คู่ค้าเอสเอ็มอีรักษาคนงาน ไม่ต้องปิดกิจการ ยังช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีเงินลงทุนมาขยายหรือต่อยอดธุรกิจ เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และขีดความสามารถในการแข่งขันได้อีกด้วย 

นายพีรณัฐ หุ่นธานี กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพาที จำกัด กล่าวว่า สยามพาทีเป็นคู่ค้าของซีพีเอฟให้บริการปั๊มและวาล์วอุตสาหกรรม ในจังหวัดนครราชสีมา สถานการณ์โควิด-19 ทำให้ยอดสั่งซื้อน้อยลงมาก การได้รับเครดิตเทอมภายใน 30 วันช่วยให้ผู้ประกอบการมีเงินหมุนเข้ามาในระบบเร็วขึ้น ช่วยเอื้อให้เอสเอ็มอีมีเงินทุนที่จะขยายงานรองรับคำสั่งซื้อใหม่ๆ ได้โดยไม่ต้องกู้เงิน ช่วยลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ และยังนำเงินไปใช้ปรับปรุงสภาพการทำงานที่ดีขึ้นให้กับลูกจ้างอีกด้วย   

นายกฤษฎา สิงหเดชา บริษัท ไวภพ วิศวกรรม จำกัด บริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นคู่ค้าซีพีเอฟ กล่าวว่า โครงการเครดิตเทอม 30 วันของซีพีเอฟ มีประโยชน์มากกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัว หลังปริมาณงานและยอดสั่งซื้อลดลงมาก ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจในสภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง 

นางสาวนฤมล แสงมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอ็มพี ยูนิฟอร์ม จำกัด ผู้ผลิตชุดยูนิฟอร์มให้อุตสาหกรรมอาหารทั่วประเทศ กล่าวว่า การได้รับเครดิตเทอมที่เร็วขึ้นช่วยสร้างโอกาสให้เอสเอ็มอีรายเล็กสามารถขยายการลงทุนเพิ่มเพื่อหาลูกค้าใหม่ๆ ได้โดยไม่ต้องกู้เงินซึ่งเป็นการเพิ่มภาระดอกเบี้ย และเป็นต้นทุนการดำเนินธุรกิจในระยะยาว

กรมชลฯ ส่งมอบสถานีสูบน้ำบ้านม่อนฤาษี แก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า กรมชลประทาน โดยโครงการชลประทานเชียงใหม่ จัดพิธีส่งมอบโครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำบ้านม่อนฤาษี ให้องค์การบริหารส่วนตำบลดอยหล่อ รับไปบำรุงดูแลรักษาและใช้ประโยชน์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่บ้านวังขามป้อม และพื้นที่ใกล้เคียง ในเขตอำเภอดอยหล่อได้กว่า 1,900 ไร่ โดยมีนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานและสักขีพยานในการส่งมอบ

นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำบ้านม่อนฤาษี  เป็นโครงการที่เกษตรกรในเขตตำบลดอยหล่อ ได้ขอให้โครงการชลประทานเชียงใหม่ พิจารณาหาแนวทางการช่วยเหลือจัดหาแหล่งน้ำให้พื้นที่การเกษตรในเขตบ้านวังขามป้อม และหมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง พื้นที่ประมาณ 1,900 ไร่ เนื่องจากพื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่อยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นพื้นที่สูง ประกอบกับบริเวณพื้นที่ดังกล่าวไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำ เกษตรกรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนลำใย และสวนมะม่วง อาศัยน้ำจากแม่น้ำปิง  สระเก็บน้ำในไร่สวน และลำห้วยต่าง ๆ เป็นหลัก ทำให้เกษตรกรประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งเป็นประจำทุกปี  ส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรเป็นอย่างมาก โครงการชลประทานเชียงใหม่ จึงได้ดำเนินการก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำ โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563  แล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2563

ด้านนายจรินทร์ คงศรีเจริญ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า การถ่ายโอนสถานีสูบน้ำฯ ครั้งนี้ เป็นไปตามระเบียบกรมชลประทาน ว่าด้วยการถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2553 จึงได้ดำเนินการส่งมอบโครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำบ้านม่อนฤาษี ให้องค์การบริหารส่วนตำบลดอยหล่อ รับไปบำรุงดูแลรักษาและใช้ประโยชน์ร่วมกับเกษตรกรผู้ใช้น้ำ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกรและราษฎรในพื้นที่ต่อไป

มอบหน้ากากอนามัยซีพี 1 แสนชิ้น ให้สภากาชาด ส่งต่อรพ.ในพื้นที่ควบคุม

0

นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และกรรมการ  บริษัท ซีพี โซเชียลอิมแพคท์ จำกัด เป็นผู้แทนมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ มอบหน้ากากอนามัยให้แก่ สภากาชาดไทย จำนวน 100,000 ชิ้น เพื่อส่งมอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ในโรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูง โดยมี นายกฤษฎา บุญราช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด สภากาชาดไทย เป็นผู้รับมอบ

นายจอมกิตติ เปิดเผยว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความตระหนักและห่วงใยถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ที่มีภารกิจสำคัญในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังมีความรุนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยสนับสนุนหน้ากากอนามัยจำนวน 100,000 ชิ้น เพื่อมอบแก่สภากาชาดไทยที่เป็นสื่อกลางในการนำหน้ากากอนามัยไปแจกจ่ายให้แก่โรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูง เพี่อชะลอการระบาดออกไปในวงกว้างต่อไป ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 ถึงปัจจุบัน เครือซีพีได้ส่งมอบหน้ากากอนามัยให้แก่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ไปแล้วกว่า 11 ล้านชิ้น และมีการแจกจ่ายให้แก่บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลหน่วยแพทย์สาธารณสุขชุมชน องค์กรการกุศลต่าง ๆ รวมกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ

ผอ. สำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด สภากาชาดไทย กล่าวว่า สำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด สภากาชาดไทย เห็นความสำคัญของการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง จึงได้ประสานความร่วมมือหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งภาคเอกชนเพื่อระดมความช่วยเหลือไปยังประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ ต้องขอขอบคุณเครือซีพีที่ให้การสนับสนุนหน้ากากอนามัยเพื่อใช้ในการป้องกัน และควบคุมการติดเชื้อดังกล่าว  โดยทางสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด สภากาชาดไทย จะดำเนินการจัดสรรหน้ากากอนามัยที่ได้รับมอบครั้งนี้ส่งต่อไปยังพื้นที่ที่มีความต้องการเร่งด่วนในกลุ่มแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อใช้ป้องกันโควิด-19 ต่อไป

ซีพีเอฟ เดินหน้าสร้างความมั่นคงทางอาหาร ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ตามแนวเศรษฐกิจหมุนเวียน

0

นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างความมั่นคงทางอาหารให้คนไทยและประชากรโลก โดยนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนมาพัฒนาใช้ตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงตามกระแสโลก ความท้าทายในการดำเนินธุรกิจและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย พร้อมมุ่งมั่นสนับสนุนเป้าหมายของเครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นองค์กรปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net – Zero Carbon) ในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ.2050)

ในปี 2564 บริษัทมีแผนประกาศกลยุทธ์และเป้าหมายด้านความยั่งยืน ภายในปี พ.ศ.2573 (ค.ศ.2030) โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การจัดซื้อวัตถุดิบในห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain) ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ มุ่งเน้นกระบวนการผลิตอาหารยั่งยืน การลดปริมาณอาหารสูญเสียในกระบวนการผลิต และขยะอาหาร และการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในส่วนของนโยบายด้านการใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ยังคงดำเนินการตามนโยบายต่อเนื่องจากปี พ.ศ. 2563 โดยธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) ฟาร์มปศุสัตว์ (Farm) และ ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป (Food) ปัจจุบันสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนคิดเป็น 26 % ของการใช้พลังงานทั้งหมดของซีพีเอฟ ซึ่งมาจากโครงการโซล่าร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop) ติดตั้งบนหลังคาโรงงานและอาคารสำนักงาน 24 แห่ง และ โครงการโซล่าร์ ฟาร์ม (Solar Farm) แบบติดตั้งบนพื้นดินในฟาร์มสุกร 16 แห่ง ซึ่งจะขยายสู่ทุกฟาร์มสุกรของซีพีเอฟทั่วประเทศ

นโยบายลดการใช้พลาสติกยังเป็นเรื่องหลักที่ต้องดำเนินการตามนโยบายและแนวปฏิบัติด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่นำมาใช้สำหรับกิจการในประเทศไทย จะต้องนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reusable) หรือนำมาใช้ใหม่ (Recyclable) หรือนำไปผลิตเป็นสินค้าใหม่ได้ (Upcyclable) หรือย่อยสลายได้ (Compostable) 100 % ภายในปี พ.ศ. 2568 และสำหรับกิจการในต่างประเทศ ภายในปี พ.ศ. 2573 ขณะที่ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์พลาสติกของบริษัทฯสามารถนำมาใช้ซ้ำและนำมาใช้ใหม่ได้ 99.99 %

ด้านกระบวนการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟได้ประกาศนโยบายการจัดการอาหารสูญเสียและขยะอาหาร (Food Loss and Food Waste Policy) ในปีที่ผ่านมาให้ความสำคัญในการลดปริมาณการสูญเสียอาหารในกระบวนการผลิต และของเสียจากการเหลือทิ้ง โดยทำโครงการนำร่องในธุรกิจไก่เนื้อและไก่ไข่ เพื่อเป็นต้นแบบของการดำเนินงานให้กับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ

สำหรับภาพรวมการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ในปี พ.ศ. 2563 ซีพีเอฟได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม 4 ด้านหลัก ได้แก่ ลดปริมาณการใช้พลังงานต่อหน่วยการผลิต 15 % เมื่อเทียบปีฐาน 2558 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยการผลิต 15 % เทียบปีฐาน 2558 ลดปริมาณการดึงน้ำมาใช้ต่อหน่วยการผลิต 25% เทียบปีฐาน 2558 มาจากการลดการนำน้ำมาใช้ของสายธุรกิจสัตว์น้ำ โดยใช้ระบบหมุนเวียนน้ำในฟาร์มกุ้ง และการลดปริมาณของเสียที่กำจัดโดยการฝังกลบต่อหน่วยการผลิต 30 % เทียบปีฐาน 2558

นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการตรวจสอบย้อนกลับตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าวัตถุดิบทางการเกษตร ไม่ได้มาจากแหล่งที่มีการบุกรุกป่า โดย 100 % ของคู่ค้าธุรกิจหลักในกลุ่มวัตถุดิบอาหารสัตว์ เครื่องปรุง และบรรจุภัณฑ์ได้รับการตรวจประเมินด้านความยั่งยืน พร้อมกันนี้ ซีพีเอฟส่งเสริมคู่ค้าธุรกิจปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานตามหลักสากลในด้านสิทธิมนุษยชน ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ช่วยเกษตรกรและผู้ประกอบการรรายย่อย รวมถึงกลุ่มเปราะบางได้รับการส่งเสริมอาชีพและคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า 50,000 ราย เป็นต้น

“ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ซีพีเอฟ ยังคงให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการใช้มาตรการป้องกันความปลอดภัยสูงสุดกับพนักงาน แรงงานทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างชาติ คู่ค้าและในกระบวนการผลิต เพื่อให้การผลิตอาหารดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้กับคนไทยและประชากรโลกได้เข้าถึงอาหารที่มีสุขโภชนาการและสุขภาวะที่ดีอย่างเพียงพอในทุกสถานการณ์ โดยสนับสนุนอาหารให้กับแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลของรัฐที่มีผู้ป่วยโควิด ผู้กักตัว ฯลฯ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการหยุดการแพร่กระจายของโรค” นายวุฒิชัย กล่าว

ซีพีเอฟ กำหนดเป้าหมายดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน 3 เสาหลัก คือ อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดิน น้ำ ป่า คงอยู่ โดยมีการทบทวน ปรับปรุง และพัฒนาการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานต่อสาธารณชน ผ่านการจัดทำรายงานความยั่งยืนประจำปี ซึ่งในปี 2563 จัดทำรายงานเป็นปีที่ 7 และในปีนี้ ซีพีเอฟยังคงเดินหน้าสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ

สิงห์อาสา ส่งกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ สถาบันบำราศนราดูร สู้โควิด-19

0

รายงานข่าว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 64 สิงห์อาสา โดย มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้ลงพื้นที่มอบน้ำดื่มเพื่อส่งกำลังใจให้ทีมบุคลากรทางการแพทย์ ที่สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลหลักที่ทำหน้าที่ในการคัดกรองและดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งนี้ บริษัทบุญรอดฯ ได้มอบเงิน อาหารและน้ำดื่มมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ตั้งแต่การระบาดครั้งแรกในต้นปี 2563

จากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ เมื่อต้นเดือนธ.ค. 63 ที่ผ่านมา สิงห์อาสาได้ลงพื้นที่มอบน้ำดื่มสิงห์และข้าวสารตราพันดีให้กับโรงพยาบาลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลสมุทรสาคร โรงพยาบาลบางบัวทอง เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมบุคลากรทางการแพทย์ ในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยและคัดกรองกลุ่มเสี่ยง อีกทั้งยังมอบน้ำดื่ม ข้าวสาร ให้กับประชาชนและแรงงานข้ามชาติที่จ.สมุทรสาคร นับเป็นการให้กำลังใจให้ทุกฝ่ายผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน และสิงห์อาสาจะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนต่อไป

หากนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 ที่เกิดสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้มีนโยบายช่วยเหลือสังคม สนับสนุนการทำงานของบุคลากรการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลหลัก 26 แห่งทั่วประเทศ ทั้งยังสนับสนุนอาหารน้ำดื่มให้กับบุคคลากรการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่รับมือกับการแพร่ระบาดโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประกาศนโยบายเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบผ่านโครงการสิงห์อาสาทั่วประเทศ ทั้งในรูปแบบของการจ้างงาน สร้างรายได้ เป็นอาสาสมัครดูแลท้องถิ่นตนเอง ได้แก่ โครงการสิงห์อาสาสู้ไฟป่า โครงการสิงห์อาสาสู้ภัยแล้ง และโครงการสิงห์อาสาสู้ภัยน้ำท่วม รวมถึงรูปแบบการสร้างงาน สร้างอาชีพ ได้แก่ กลุ่มทักษะวิชาชีพทางด้านอาหาร ต่อยอดสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก กลุ่มทักษะวิชาชีพทางด้านงานช่าง และเตรียมจัดอบรมกลุ่มทักษะทางด้านการเกษตร รวมเป็นมูลค่าการช่วยเหลือกว่า 200 ล้านบาท

กรมชลฯ ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม อาคารบังคับน้ำในแม่น้ำปิงท้ายเขื่อนภูมิพล

0

นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่ติดตามโครงการศึกษาความเหมาะสมและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม อาคารบังคับน้ำในแม่น้ำปิงท้ายเขื่อนภูมิพล ในพื้นที่จังหวัดตาก จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดกำแพงเพชร โดยได้พาคณะสื่อมวลชนเดินทางไปยังบริเวณพื้นที่ศึกษาโครงการอาคารบังคับน้ำคลองกระถิน อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ และบริเวณพื้นที่ศึกษาโครงการอาคารบังคับน้ำหนองขวัญ อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อเยี่ยมชมบริเวณพื้นที่ศึกษาโครงการฯ พร้อมพบปะพูดคุย รับฟังข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากผู้แทนประชาชนในพื้นที่

หากทั้ง 2 โครงการฯ สามารถดำเนินการได้ จะช่วยยกระดับน้ำและเก็บกักน้ำไว้ตามลำน้ำปิง ช่วยแก้ไขปัญหาการส่งน้ำเข้าท่อระบายน้ำ(ทรบ.)คลองกระถิน จังหวัดนครสวรรค์ และทรบ.หนองขวัญ จังหวัดกำแพงเพชร ทำให้การรับน้ำจากแม่น้ำปิงมาใช้ได้อย่างเต็มศักยภาพ สร้างความมั่นคงด้านน้ำให้แก่พื้นที่ ซึ่งทั้ง 2 โครงการฯ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการศึกษาความเหมาะสมและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม อาคารบังคับน้ำในแม่น้ำปิงท้ายเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก จังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดนครสวรรค์ ตามความต้องการของประชาชนที่ต้องการให้มีการศึกษาและก่อสร้างอาคารบังคับน้ำในลำน้ำปิงเป็นช่วงๆ หากโครงการฯนี้ สามารถเดินหน้าก่อสร้างได้จนแล้วเสร็จ จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตร การอุปโภคบริโภค และควบคุมการส่งน้ำไปยังพื้นที่ชลประทานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันกรมชลประทานอยู่ระหว่างทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการฯ เนื่องมาจากโครงการฯกั้นขวางลำน้ำปิง ซึ่งเป็นลำน้ำสายหลักของประเทศ จึงต้องทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) ตามแนวทางของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชนให้รับทราบถึงที่มาที่ไป ประโยชน์ของโครงการฯที่จะได้รับ โดยเฉพาะมาตรการในการเยียวยาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการฯ เพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างการมีส่วนร่วมให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมมือกัน จะส่งผลให้การดำเนินโครงการฯเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด อันจะนำไปสู่การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน