Home Blog Page 25

รู้เก็บรู้ออม : เตือนภัยหลอกลงทุน

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

“คุณนายพารวย” ขอใช้พื้นที่คอลัมน์ “รู้เก็บรู้ออมฯ” เตือนภัยกลโกงออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเตือนแล้วเตือนอีก นอกจากเตือนตัวเองเพื่อให้รู้ทันแล้ว ต้องเตือนคนรอบตัวและคนอื่นๆในสังคมเพื่อให้ระวังสารพัดภัยมิจฉาชีพ เพราะการที่มีคนไม่หวังดี มุ่งจะหลอกเอาทรัพย์สินเงินทองของคนอื่นนั้น เป็นเรื่องที่สุจริตชนคนธรรมดาต้องระแวดระวังกันเอง เพื่อป้องกันตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัย

ยิ่งปัจจุบัน เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ถูกพวกมิจฉาชีพนำไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด สร้างตัวตนปลอม รูปปลอม เสียงปลอม บัญชีปลอม และช่องทางติดต่อปลอม จนทำให้คนหลงเชื่อ เช่น การปลอมเสียงโทรศัพท์หาเหยื่อให้เหมือนเป็นคนใกล้ตัว คนรู้จักโทร.มาอ้างเดือดร้อน ขอความช่วยเหลือยืมเงินหรือขอให้โอนเงิน โดยอ้างธุระกะทันหัน หรือเหตุฉุกเฉิน จนเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินไป พอไม่ได้คืน ก็พาลโกรธโมโหคนที่ยืมเงินเพราะเข้าใจว่าเป็นคนรู้จักจริงๆ ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยเลย

เช่นเดียวกับกลโกงหลอกลงทุน ที่อาศัยความน่าเชื่อถือแล้วแอบอ้างชื่อองค์กร, บุคลากรที่มีตำแหน่งหรือทำงานในองค์กร ตลอดจนคนที่มีชื่อเสียงในแวดวงลงทุน มาทำทีชักชวนให้คนโอนเงินเพื่อลงทุนผ่านสื่อออนไลน์ โดยเสนอให้ผลตอบแทนที่สูงในระยะเวลาสั้น และเร่งรัดให้เหยื่อลงทุนผ่านแอป เว็บไซต์ บัญชี และช่องทางติดต่อต่างๆ

เห็นได้ว่า ผู้เสียหายจากกรณีแบบนี้ ไม่ได้มีแค่เหยื่อที่โดนหลอกให้เสียทรัพย์ แต่รวมไปถึงหน่วยงาน และคนที่โดนแอบอ้างด้วย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงานด้านลงทุนที่มักโดนแอบอ้างทั้งชื่อ โลโก้ ภาพของผู้บริหาร เอาไปหลอกคนอื่นให้หลงเชื่อ แม้ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯได้ออกมาเตือนภัยเรื่องนี้มาโดยตลอด ซึ่งสร้างความรับรู้และความตื่นตัวแก่ผู้ลงทุนและประชาชนได้ระดับหนึ่ง แม้ปัจจุบันจำนวนคนที่ตกเป็นเหยื่อกลโกงออนไลน์อาจลดลง แต่มูลค่าความเสียหายของเหยื่อต่อรายกลับสูงขึ้น

และขณะเดียวกัน พวกมิจฉาชีพก็ยังไม่เลิกความพยายามที่จะแอบอ้างชื่อ โลโก้ รูปผู้บริหารขององค์กรเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ นำมาหลอกคนอื่นต่อไป

ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงต้องออกมาย้ำเตือนผู้ลงทุนและประชาชน ขอให้อย่าหลงเชื่อเพจปลอมหลอกลวงให้ลงทุน หรือรับข้อมูลลงทุน และหากมีการแอบอ้างตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือผู้บริหาร ตลาดหลักทรัพย์ฯชักชวนให้ลงทุน หรือรับข้อมูลลงทุน ขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เป็นการหลอกลวงโดยมิจฉาชีพทั้งสิ้น

ตลาดหลักทรัพย์ฯยังได้ทำหน้าที่สร้างเสริมและกระตุ้นภูมิคุ้มกันภัยการเงินออนไลน์ให้กับผู้ลงทุนเพื่อให้ระมัดระวัง หากพบเจอพฤติกรรม หรือรูปแบบที่เข้าข่ายว่าจะเป็นมิจฉาชีพชักชวนให้ลงทุน ต้องไม่ลงทุนตามการชักชวน โดยไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน, ไม่หลงเชื่อว่าจะได้ผลตอบแทนที่สูงเกินจริง

ผู้ลงทุนและประชาชนสามารถติดตามข้อมูลการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือโซเชียลมีเดียทางการของตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือสอบถาม SET Contact Center 0-2009-9999 หากเจอเพจปลอมที่แอบอ้างตลาดหลักทรัพย์ฯ รีบแจ้งได้ที่ www.set.or.th เมนู “จับปลอมหลอกลงทุน” ได้ทันที.

คุณนายพารวย

AIS จับมือ GULF จัดกิจกรรม “GULF x AIS Playspace Run” ส่งมอบแลนด์มาร์กใหม่สวนเบญจกิติ 

0

บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF นำโดย นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS นำโดย นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS จัดกิจกรรม “GULF x AIS PlaySpace Run” เพื่อส่งมอบพื้นที่พักผ่อนและทำกิจกรรม เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ณ สวนเบญจกิติ กรุงเทพมหานคร โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้กับพนักงานจากทั้ง GULF และ AIS รวมไปถึงลูกค้า พาร์ทเนอร์ และบุคคลที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม ได้มาวิ่งออกกำลังกายร่วมกัน ในระยะทาง 3 กิโลเมตร โดยมีคู่รักนักวิ่งชื่อดัง ภณ-ณวัสน์ และ คุกกี้-ญดา สุวรรณปัฏนะ พร้อมด้วย กาย-รัชชานนท์ และ น้องเอเดน จากครอบครัว Guy Haru Family เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF กล่าวว่า “ทาง GULF หวังว่าการสร้างพื้นที่ GULF Playscape จะช่วยเชิญชวนให้ผู้คนเข้ามาใช้พื้นที่และออกกำลังกายกันมากขึ้นครับ สำหรับกิจกรรม GULF x AIS Playspace Run ที่จัดขึ้นวันนี้ ทาง GULF ได้ชวน AIS เข้ามาร่วมจัดด้วย เพราะเราทั้งสองบริษัทได้มีส่วนร่วมในการออกแบบพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจในสวนเบญจกิติสำหรับทุกคนในเมือง ทางเรายินดีอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาพื้นที่ของกรุงเทพฯ ให้เป็นพื้นที่สาธารณะที่มีคุณภาพ และได้มีส่วนช่วยส่งเสริมสุขภาพของคนในเมืองครับ”

GULF Playscape ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานครอบคลุมทุกวัย โดยให้ความสำคัญกับทั้งความปลอดภัยและความยั่งยืน สนามเด็กเล่นเลือกใช้พื้นยางนิ่มมาตรฐานสากล EPDM ที่มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยซับแรงกระแทกและลดการบาดเจ็บจากการหกล้ม ขณะที่พื้นที่โดยรอบออกแบบในลักษณะ Free Form พร้อมที่นั่งอเนกประสงค์ รองรับกิจกรรมได้หลากหลาย รวมถึงสวนหินเพื่อสุขภาพ ที่ช่วยสร้างประสบการณ์พักผ่อนและออกกำลังกายเบา ๆ สำหรับผู้สูงอายุและคนทุกกลุ่ม นอกจากนี้ยังติดตั้งไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ที่ส่องสว่างอัตโนมัติเมื่อมืด พร้อมจุดชาร์จมือถือแบบไร้สาย (Wireless Charger) รวมถึงชิงช้าโซลาร์ที่สามารถเปิด–ปิดไฟได้ในช่วงกลางคืน เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานตลอดเวลา

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า “นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ AIS ร่วมมือกับ GULF และกรุงเทพมหานคร ในการยกระดับพื้นที่สาธารณะอย่างสร้างสรรค์ เราเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงทั้งพื้นที่สีเขียวและโลกดิจิทัลได้อย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะพักผ่อน ออกกำลังกาย ทำงาน หรือเชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้อย่างไร้ข้อจำกัด โดยสวนเบญจกิติ ไม่เพียงเป็นสวนใจกลางกรุงเทพฯ แต่ยังเป็นหัวใจสีเขียวของเมือง ที่ผู้คนใช้พักผ่อน เติมพลัง และทำกิจกรรมเพื่อสร้างสมดุลชีวิต จนกลายเป็นจุดหมายสำคัญของคนเมืองที่ใส่ใจสุขภาพและมุ่งสู่คุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

“AIS Play Space” จะเป็นแลนด์มาร์กดิจิทัลแห่งใหม่ใจกลางกรุง ด้วยแนวคิด Always Connected ที่เชื่อมต่อโลกดิจิทัลเข้ากับจังหวะชีวิตคนเมือง ผ่านบริการอินเทอร์เน็ต AIS SUPER WiFi ฟรีทุกเครือข่าย บนเทคโนโลยี WiFi 6 ที่ทั้งเร็ว แรง เสถียร และมีประสิทธิภาพเหนือระดับ ตอบโจทย์การทำงาน พักผ่อน และแชร์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างต่อเนื่องไร้สะดุด นอกจากการเชื่อมต่อที่ทรงพลังแล้ว ยังพร้อมขับเคลื่อนด้วยแนวคิด Green Space for Wellbeing ที่หลอมรวม ธรรมชาติ–เทคโนโลยี–ไลฟ์สไตล์ เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน เพื่อสร้างสมดุลทั้งกายและใจ พร้อมผลักดันกรุงเทพฯ ก้าวสู่การเป็น Smart City ที่น่าอยู่ เข้าถึงได้ทุกคน และยั่งยืนในอนาคต”

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “ขอขอบคุณบริษัทเอกชนอย่าง GULF และ AIS ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์พื้นที่ดี ๆ สำหรับคนเมือง ทำให้สวนเบญจกิติสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเป็นพื้นที่ให้คนเมืองได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ซึ่งทั้งสองบริษัทก็ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ถือว่าเป็นพื้นที่ที่ดีมาก มีผู้ปกครองพาเด็ก ๆ มาเล่นกันเยอะทั้งในช่วงเย็นและวันหยุด ซึ่งสวนเบญจกิติเองก็มีประชาชนมาใช้บริการเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ในแต่ละวันมีคนเข้ามาวิ่งออกกำลังกายตลอด ผมหวังว่าจะได้เห็นความร่วมมือดี ๆ แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เพราะสุขภาพที่ดีไม่มีขาย เราทุกคนต้องช่วยกันออกกำลังกายครับ”

ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นการตอกย้ำถึงเจตนารมณ์ของทั้ง GULF และ AIS ในการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม และส่งเสริมการมีพื้นที่สำหรับพักผ่อนที่ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการสวนเบญจกิติ

สำหรับผู้ที่สนใจใช้บริการ GULF Playscape สามารถมาใช้บริการได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 04.30 – 22.00 น. ตามเวลาทำการของสวนเบญจิกิติ

เมืองไทยประกันชีวิต และมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มอบงบสนับสนุนกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ประจำปี 2568

0

เมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม โดยพลตำรวจเอกพรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ประธานมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม และ นายสาระ ล่ำซำ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  ร่วมตอกย้ำความสำคัญของการตอบแทนสังคมและพันธกิจด้าน ESG มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตเยาวชนไทยในพื้นที่ห่างไกล  มอบเงินสนับสนุนกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนอย่างต่อเนื่อง

นายสาระ ล่ำซำ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยถึงการสนับสนุนว่า เมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ยังคงเดินหน้าสานต่อพันธกิจด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ควบคู่ไปกับนโยบายการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) โดยเฉพาะในมิติ Social (S) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเพิ่มโอกาสในสังคม ผ่านการสนับสนุนกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ประจำปี 2568  รวมงบประมาณทั้งสิ้น 1,634,654.33 บาท ประกอบด้วย  2 โครงการหลัก ได้แก่

1.      โครงการสนับสนุนทุนการศึกษา สำหรับนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 20 ทุน ทุนละ 34,200 บาท รวมเป็นเงิน 684,000 บาท เพื่อเปิดโอกาสและการเข้าถึงทางการศึกษาให้กับเยาวชน ตลอดจนเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่

2.      โครงการก่อสร้างอาคารเรียนอนุบาล โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเฮียงไทยธำรงค์ ตำบลแม่สาว อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ รวมเป็นเงิน 950,654.33 บาท เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ปลอดภัย ทันสมัย และเอื้อต่อการพัฒนาทักษะขั้นพื้นฐานของเด็กปฐมวัย อันเป็นรากฐานสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิต

การสนับสนุนในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือเด็กนักเรียน ตชด. ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และพัฒนาสถานศึกษาที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่บริษัทให้ความสำคัญอย่างยิ่ง คือ การตอบแทนสังคมและการสร้างความเท่าเทียม ตามแนวทาง ESG โดยเฉพาะในมิติ S (Social Responsibility) ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกกลุ่ม ผ่านการสร้างโอกาสทางการศึกษาและการพัฒนาสภาพแวดล้อมชุมชนอย่างต่อเนื่อง

ในโอกาสนี้ได้รับเกียรติจาก  พลตำรวจโท นิตินัย หลังยาหน่าย  ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน   พลตำรวจตรี วันชนะ  ธรรมเสมา รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และพลตำรวจตรี     เจนณรงค์  สมเสถียร  ผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ซ้ายสุด) ร่วมในพิธี  จัดขึ้น ณ อาคารจุละพราหมณ์ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน

สำหรับการสนับสนุนที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน เมืองไทยประกันชีวิต และมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ได้สนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักเรียน ตชด. รวมแล้วกว่า 384 ทุน คิดเป็นมูลค่ากว่า 13 ล้านบาท พร้อมทั้งสนับสนุนการก่อสร้างอาคารเรียนและหอพักนักเรียน รวม 7 แห่ง มูลค่ากว่า 6.4 ล้านบาท และโครงการพัฒนาระบบน้ำเพื่อการอุปโภค–บริโภคและเกษตรอาหารกลางวัน มูลค่าเกือบ 5.5 แสนบาท รวมการสนับสนุนทั้งหมดกว่า 20 ล้านบาท

“เมืองไทยประกันชีวิตตระหนักดีว่า “การศึกษา” คือรากฐานที่สำคัญของการพัฒนาสังคม และเป็นกุญแจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว ดังนั้น บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก เยาวชน และชุมชนไทย สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และนโยบาย ESG ของบริษัท เพื่อร่วมสร้างสังคมที่เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป” นายสาระกล่าวสรุป

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับ Nasdaq จัดบรรยายหัวข้อ “The Future of Securities Markets and Trading” เจาะลึกอนาคตตลาดทุนโลก

0

Mr. Phil Mackintosh Chief Economist จาก Nasdaq ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำระดับโลก ให้เกียรติบรรยาย ในหัวข้อ “The Future of Securities Markets and Trading” Evolution, Automation, and Innovations โดยได้ถ่ายทอดประสบการณ์และมุมมองเกี่ยวกับอนาคตของตลาดทุน เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่กำลังพลิกโฉมหน้าตลาดทุนโลก รวมถึงนำเสนอภาพรวมโครงสร้างตลาดและการซื้อขาย พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงความท้าทายปัจจุบันของโครงสร้างตลาด การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมตลาดทุน และการเติบโตของนักลงทุนรายย่อยในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  โดยมี ศรพล ตุลยะเสถียร และรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ พร้อมด้วยผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ เข้าร่วมรับฟังการบรรยาย

กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ผนึก เอไอเอส เปิดตัว “191 ELS” ระบุตำแหน่งผู้แจ้งเหตุฉุกเฉินครั้งแรกในไทย

0

กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับ AIS ประกาศแผนเปิดบริการ 191 Emergency Location Service (191 ELS) ครั้งแรกในประเทศไทย บริการดังกล่าวจะช่วยระบุตำแหน่งผู้แจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านหมายเลข 191 สำหรับผู้ที่ใช้มือถือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์และเครือข่าย AIS โดยไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติม ข้อมูลจะถูกส่งจากเทคโนโลยีระบุตำแหน่งขั้นสูงตามมาตรฐาน AML (Advanced Mobile Location) ส่งพิกัดของผู้โทรไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินโดยอัตโนมัติเมื่อมีการกดหมายเลขฉุกเฉิน 191 ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าถึงเหตุฉุกเฉินได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที สะท้อนศักยภาพอันแข็งแกร่งของโครงข่ายอัจฉริยะ ในการสนับสนุนภารกิจด้านความปลอดภัย พร้อมยกระดับบริการสาธารณะด้วยเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผู้บังคับการกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) (ผบก.สปพ.) กล่าวว่า “หมายเลขฉุกเฉิน 191 เป็นกลไกหลักในการรับแจ้งเหตุและช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์วิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นเหตุอาชญากรรม อุบัติเหตุ หรือภัยพิบัติ โดยมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อส่งกำลังเข้าช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที แต่อุปสรรคสำคัญที่พบมาโดยตลอด คือ ความคลาดเคลื่อนหรือความล่าช้าในการระบุตำแหน่ง ผู้แจ้งเหตุจำนวนมากไม่ทราบที่อยู่ที่แน่ชัด, ไม่สามารถอธิบายสถานที่ได้ถูกต้อง หรือไม่ทราบว่าตนเองอยู่ที่ไหน ส่งผลให้การช่วยเหลืออาจล่าช้าและเพิ่มความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของประชาชน

กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ จึงได้ร่วมกับ AIS และ Google ตั้งเป้าที่จะนำบริการ 191 Emergency Location Service (191 ELS) มาใช้ในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับระบบรับแจ้งเหตุ 191 ให้มีความทันสมัยและได้มาตรฐานสากล ระบบจะสามารถแสดงพิกัดผู้แจ้งเหตุได้อย่างแม่นยำ ลดความคลาดเคลื่อน และย่นระยะเวลาในการค้นหาสถานที่เกิดเหตุ อันจะช่วยให้เจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุและให้ความช่วยเหลือประชาชนได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”

นางสาววันวิสาข์ มิ่งเจริญ หัวหน้าฝ่ายแพลตฟอร์มและอุปกรณ์ ประจำเอเซียแปซิฟิค Google กล่าวถึงศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ว่า “บริการระบุตำแหน่งฉุกเฉินของ Android (Emergency Location Service) ซึ่งทำงานบนพื้นฐานของเทคโนโลยี AML เป็นฟีเจอร์ในอุปกรณ์ Android ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้หน่วยบริการฉุกเฉินสามารถระบุตำแหน่งของผู้ประสบเหตุได้อย่างรวดเร็ว Google พร้อมสนับสนุนกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) และ AIS ซึ่งเราหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกันเพื่อให้บริการ ELS พร้อมใช้งานให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศต่อไป”

นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “เอไอเอส มุ่งมั่นในการพัฒนาเครือข่ายที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความอุ่นใจในทุกการใช้งานให้กับลูกค้าและคนไทย พร้อมเดินหน้าสนับสนุนภารกิจด้านความปลอดภัยของประเทศอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาของการนำเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผ่านบริการ 191 ELS ภายใต้ความร่วมมือกับ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ Google เพื่อเชื่อมโยงการทำงานให้บริการเข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง

สำหรับบริการ 191 ELS จะทำงานตามมาตรฐานของ AML รองรับความสามารถของสมาร์ตโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ใช้เครือข่าย AIS ในการส่งพิกัด (Location) ของผู้แจ้งเหตุผ่านโทรศัพท์มือถือ (Device) ไปยังตำรวจ โดยที่ผู้แจ้งเหตุไม่ต้องเข้าแอปใดๆ ซึ่งจะครอบคลุมถึงลูกค้านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเอไอเอสถือเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายรายแรกในไทยที่เปิดให้บริการในรูปแบบดังกล่าว และยังมีแผนขยายไปยังหน่วยงานอื่นๆ ในอนาคต เพื่อร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืน”

ด้าน นายจาตุรนต์ โชคสวัสดิ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช. กล่าวถึง “สำนักงาน กสทช. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม มีความมุ่งมั่นในการผลักดันการใช้โครงข่ายและเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยเฉพาะการสร้างระบบสื่อสารฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งบริการ 191 ELS ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของประเทศ กสทช. จึงได้สนับสนุนและประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ ผู้ให้บริการเครือข่าย ผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการ และหน่วยงานผู้รับแจ้งเหตุ เพื่อให้บริการนี้สามารถใช้งานได้จริง ครอบคลุม และทั่วถึง พร้อมทั้งเร่งประสานงานเพื่อขยายการรองรับไปยังอุปกรณ์ทุกระบบ เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือที่รวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัยอย่างเท่าเทียม”

ออมสินช่วยคนผ่อนบ้าน โปรรีไฟแนนซ์ดอกดี รับ 0% 3 เดือนแรก

0

ยามที่เศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ ทั้งเจ้าของกิจการ พนักงาน คนหาเช้ากินค่ำ ชาวบ้าน บ่นเป็นเสียงเดียวว่า ค้าขายเงียบมาก สวนทางกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ไม่ได้ลดลง และค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น  โดยเฉพาะคนที่มีภาระหนี้ก้อนใหญ่คือ สินเชื่อบ้าน ถ้าเริ่มรู้สึกว่ายอดผ่อนต่อเดือนสูง จนบางเดือนทำให้เงินสะดุด  การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นคำตอบที่ช่วยลดภาระการผ่อนบ้านต่อเดือนให้เบาลง สามารถมีเงินเหลือเก็บ ขณะเดียวกันก็ยังผ่อนบ้านต่อไปได้ ไม่เสียเครดิต

ปัจจุบัน การรีไฟแนนซ์ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก และเป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับผู้มีภาระผ่อนบ้านอยู่ และตอนนี้ ธนาคารออมสินเองกำลังมีโปรโมชันสำหรับผู้ที่สนใจรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านกับ “สินเชื่อเคหะ Refinance” ของธนาคารออมสิน โดยมีข้อเสนอสุดพิเศษที่จะช่วยภาระค่าใช้จ่ายได้อย่างเห็นผล ได้แก่

  • ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือนแรก สำหรับวงเงินกู้สินเชื่อเคหะตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป
  • ดอกเบี้ยคงที่นาน 3 ปี โดยอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา (EIR) อยู่ระหว่าง 4.525% – 5.147% ต่อปี
  • สนับสนุนค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 5,000 บาท สำหรับลูกค้าที่มีวงเงินกู้สินเชื่อเคหะตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป
  • สนับสนุนค่าจดจำนอง ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับลูกค้าที่เลือกอัตราดอกเบี้ยแบบสนับสนุนค่าจดจำนองและมีวงเงินกู้สินเชื่อเคหะตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป

คนที่กำลังผ่อนบ้านอยู่ และกำลังมองหาทางออกเพื่อผ่อนหนักเป็นเบา  ขอเพียงมีคุณสมบัติตามนี้ คือ เป็นลูกค้าที่มีสัญญากู้เงินเพื่อที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงินอื่น, มีประวัติการชำระหนี้ดี ไม่มีหนี้ค้างชำระ  และมีอาชีพและรายได้แน่นอน เพียงเท่านี้ก็สามารถนำที่ดินและอาคาร หรือห้องชุด มาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อเคหะ Refinance กับธนาคารออมสินได้เลย  

ผู้สนใจสมัครสินเชื่อเคหะ Refinance สามารถคลิกสมัครได้ที่ https://to.gsb.or.th/q6751P6   

แต่ต้องรีบหน่อย เพราะโปรโมชันนี้สำหรับผู้ที่ยื่นกู้ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม – 15 ตุลาคม 2568   และอนุมัติและจัดทำนิติกรรมสัญญา ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 เท่านั้น   

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา หรือ GSB Contact Center 1115 และติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.gsb.or.th และ Facebook: GSB Society 

ย้ายบ้านมาอยู่กับออมสิน รายจ่ายลด ผ่อนบ้านหมดไว และต้องไม่ลืมหลักการของการกู้  คือ รู้ก่อนกู้ กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

*รู้ก่อนกู้…กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดงาน Thailand Focus 2025: Beyond the Challenges ก้าวข้ามความท้าทาย สู่โอกาสการลงทุนใหม่ 27-29 ส.ค. นี้

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงาน Thailand Focus 2025 ซึ่งเป็นงาน flagship ประจำปีที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 19 ภายใต้แนวคิด Beyond the Challenges ชูความโดดเด่นและสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยในการก้าวข้ามความท้าทาย สู่โอกาสการลงทุนใหม่ เพิ่ม Visibility ให้กับบริษัทจดทะเบียนไทยสู่สายตาผู้ลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ โดยได้รับเกียรติจาก ดร. เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ และตลาดทุนร่วมให้ข้อมูลโดยตรงแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นแนวนโยบายภาครัฐเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนและศักยภาพการแข่งขันของไทย การขับเคลื่อนภาคการเงินและตลาดทุนในช่วงจุดเปลี่ยนสำคัญ การพลิกโฉมการท่องเที่ยวประเทศไทยสู่ความยั่งยืน การสร้างมูลค่าธุรกิจเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพและการแพทย์ซึ่งเป็นอุตสาหกรรม S-Curve ใหม่ รวมถึงโอกาสสำหรับภาคธนาคารใน virtual bank

นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทจดทะเบียนทุก ขนาด ครอบคลุมอุตสาหกรรมสำคัญ ร่วมนำเสนอข้อมูลศักยภาพธุรกิจและทิศทางการเติบโตผ่านการประชุมทั้ง Group meetings และ One-on-one

งาน “Thailand Focus 2025: Beyond the Challenges” จัดโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับพันธมิตรหลัก ได้แก่ บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) บล. เกียรตินาคินภัทร ร่วมกับ Bank of America Securities และ บล. ยูบีเอส (ประเทศไทย) ระหว่างวันที่ 27-29 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ผู้ลงทุนและผู้สนใจสามารถรับชมการถ่ายทอดสดงานสัมมนาวันแรก 27 สิงหาคม 2568 เวลา 9.00-16.00 น. ผ่านช่องทางออนไลน์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ SET Website, Facebook & Youtube : SET Thailand ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.set.or.th/thailandfocus

สินเชื่อสวัสดิการฯ โปรดีจากออมสิน วงเงินกู้สูงสุด 100% ของวงเงินบำเหน็จตกทอด สมัครวันนี้ – 30 ก.ย. 68

0

ใช้ชีวิตหลังเกษียณได้สบายใจ หมดกังวลเรื่องเงิน
ด้วยสินเชื่อสวัสดิการสำหรับข้าราชการบำนาญและลูกจ้างประจำโดยใช้บำเหน็จตกทอดเป็นหลักประกัน
รายละเอียดเพิ่มเติม > https://to.gsb.or.th/rdxlDQG

✅️ อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรก 3.50% ต่อปี
✅️ วงเงินกู้สูงสุด 100% ของวงเงินบำเหน็จตกทอด
✅️ ผ่อนนานสูงสุด 40 ปี

หมายเหตุ :

  • ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.295% ต่อปี (ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป) ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
  • โปรโมชันอัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1 คงที่ 3.500% ต่อปี หลังจากนั้น MRR-1.995% ต่อปี เฉพาะลูกค้ารายใหม่เท่านั้น
  • อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา (EIR) เท่ากับ 4.204%ต่อปี คำนวณจากวงเงินกู้ 1.00 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 20 ปี
  • เฉพาะข้าราชการบำนาญ หรือลูกจ้างประจำที่ได้รับหนังสือรับรองสิทธิบำเหน็จตกทอดที่ออกโดยกรมบัญชีกลาง/สำนักงานคลังจังหวัด
  • ระยะเวลาโปรโมชัน สำหรับลูกค้ารายใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 – 30 กันยายน 2568
  • หลักเกณฑ์เงื่อนไขอื่นๆ ให้เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

📍 สนใจติดต่อธนาคารออมสินทุกสาขา
*รู้ก่อนกู้…กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

สภ.เมืองสมุทรสงครามสร้างความมั่นคงทางอาหารให้ครอบครัวตำรวจ จับมือซีพีเอฟ ทำน้ำปลาจาก “ปลาหมอคางดำ”

0

จังหวัดสมุทรสงคราม เมืองเล็กๆ ริมแม่กลองที่ผู้คนรู้จักกันดีในฐานะ “แหล่งน้ำปลาชั้นเลิศ” ของไทย น้ำปลาที่นี่ส่วนใหญ่ใช้ปลากะตักหรือปลาไส้ตันเป็นวัตถุดิบหลัก ด้วยเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญของครัวเรือนไทย แนวคิดใหม่จึงถือกำเนิดขึ้นจากความตั้งใจของตำรวจในพื้นที่ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคม และร่วมดูแลระบบนิเวศ

พันตำรวจเอก สมชาย ขอค้า ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสงคราม มองเห็นการแพร่ระบาดของ “ปลาหมอคางดำ” ไม่ใช่ปัญหา ด้วยปลาชนิดนี้มีประโยชน์ บริโภคได้ จึงพลิกให้เป็น “โอกาส” โดยนำปลาชนิดนี้มาหมักเป็นน้ำปลา เครื่องปรุงรส คู่ครัวไทย ช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหาร ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน

ด้วยความร่วมมือจากประมงจังหวัดสมุทรสงครามและบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ที่มาถ่ายทอดความรู้และทักษะวิธีการหมักน้ำปลาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและแม่บ้านตำรวจ โดยใช้ปลาหมอคางดำเป็นวัตถุดิบ ผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับมาตรฐานการผลิตที่ถูกหลักสุขอนามัย ใช้ปลาหมอคางดำหมักกับเกลือสมุทรคุณภาพในท้องถิ่น ด้วยอัตราส่วน 4 ต่อ 1 บรรจุในโอ่งดินเผา หมักไว้ราว 12 เดือน ก่อนจะได้น้ำปลาสีน้ำตาลใส กลิ่นหอมเฉพาะ และรสชาติกลมกล่อมไม่แพ้น้ำปลาจากปลากะตัก

โครงการน้ำปลาจากปลาหมอคางดำเป็นหนึ่งใน “กิจกรรมเสริมสร้างสุขภาพและคุณภาพชีวิต” ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวของสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสงคราม เพื่อสร้างแหล่งอาหารปลอดภัยในครัวเรือน ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สร้างสุขให้ชุมชน ควบคู่กับการมีส่วนร่วมแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการนำปลาหมอคางดำขึ้นมาใช้ประโยชน์ยิ่งมากเท่าใด ยิ่งช่วยฟื้นสมดุลของระบบนิเวศในพื้นที่ได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการนำปลาหมอคางดำขนาดเล็กมาหมักเป็นน้ำหมักชีวภาพใช้แทนปุ๋ยเคมี ส่งผลให้ผักสวนครัวเจริญงอกงามและให้ผลผลิตที่ดีขึ้น

พันตำรวจเอกสมชายเล่าว่า โครงการแปรรูปน้ำปลาจากปลาหมอคางดำได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์และความรู้จากซีพีเอฟ นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและแม่บ้านตำรวจมีความรู้สามารถผลิตน้ำปลาคุณภาพมาตรฐานได้เองในครัวเรือนแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสมุทรสงครามยังสามารถนำความรู้ไปถ่ายทอดให้กับชุมชนในพื้นที่อื่น ๆ ที่ประสบปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนเป็นหนึ่งในกิจกรรมพัฒนาสังคม “นี่ไม่ใช่เพียงเครื่องปรุงรส หากยังเป็นอีกหนึ่งแนวทางของการสร้างความมั่นคงทางอาหาร”

“พลังความร่วมมือ” ที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงการบูรณาการของหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชนท้องถิ่น ไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม แต่เสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับชุมชน
จากโอ่งหมักน้ำปลาล็อตแรกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา วันนี้ กลายเป็นตัวอย่างของการเปลี่ยนวิกฤตเป็นพลังบวก เพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบ ที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยเชื่อมโยงอาหาร สิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน

AIS ดัน 5G Use Case คว้า 5 รางวัลเวที Transformation World 2025 โดย TM Forum ต่อเนื่องปีที่ 3 ตอกย้ำความแข็งแกร่งศักยภาพโครงข่ายอัจฉริยะ

0

AIS ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีโครงข่ายอัจฉริยะและนวัตกรรมระดับโลก คว้า 5 รางวัลใหญ่ Outstanding Catalyst ในสาขา Application of AI & Automation, Attendees’ Choice Award, Business Impact, Interactive Showcase และ Innovative & Futuristic จากเวที Digital Transformation World (DTW) 2025 จัดโดย TM Forum สมาคมผู้ให้บริการและซัพพลายเออร์ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมระดับโลก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 สะท้อนถึงศักยภาพของ AIS ในฐานะผู้นำด้านการพัฒนา Autonomous Network ที่แข็งแกร่ง พร้อมก้าวสู่การเป็น Cognitive Tech-Co ซึ่งถือเป็นบทพิสูจน์ในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งมอบประสบการณ์การบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

นายกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี AIS กล่าวว่า “AIS มุ่งพัฒนาขีดความสามารถและยกระดับเครือข่ายสู่ Autonomous Network ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้แบบเชิงรุกและเรียลไทม์ รวมถึงสามารถออกแบบประสบการณ์การใช้งานที่เหมาะสมและดีที่สุดให้กับลูกค้าแต่ละบุคคลได้อย่างอัจฉริยะ ความสำเร็จในครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของ AIS ที่ยืนยันถึงความตั้งใจในการผลักดันโครงข่ายอัจฉริยะให้มีความแข็งแกร่งขึ้นจริง นอกจากนี้ ยังเป็นความสำเร็จที่เกิดจากการผสานพลังของทีมวิศวกรและบุคลากร AIS ร่วมกับพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมระดับโลก อาทิ Huawei, Globe Telecom และ Dell Technologies ในการพัฒนาและทดสอบโซลูชันใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับมาตรฐานโครงข่ายดิจิทัลไทยสู่ระดับสากล พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในอนาคตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”

โดยรางวัล Outstanding Catalyst ทั้ง 5 รางวัล จากเวที Digital Transformation World (DTW) 2025 ประกอบด้วย

  • รางวัลด้าน Application of AI & Automation ที่มอบให้กับโครงการ Agent Fabric – Phase II ในการพัฒนาระบบอัจฉริยะหรือประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูงมาประสานการทำงานร่วมกับ Digital Agents เพื่อยกระดับการบริหารจัดการภายในองค์กรให้มีความยืดหยุ่น ลดความซ้ำซ้อน ตอบสนองรวดเร็ว และเพิ่มความแม่นยำในการให้บริการลูกค้า
  • รางวัลด้าน Innovative & Futuristic ในด้านโซลูชันล้ำสมัยที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมในอนาคต ภายใต้โครงการ Agent Fabric – Phase II เช่นเดียวกัน
  • รางวัลด้าน Business Impact ที่มอบให้แก่โครงการ AI-enhanced Digital Twins for Best NPS Network – Phase II ซึ่งเป็น Use Case ที่ AIS ใช้งานและพัฒนาอยู่เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและปรับปรุงประสิทธิภาพเครือข่ายได้อย่างแม่นยำเพื่อส่งมอบประสบการณ์และบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ผ่านการใช้เทคโนโลยี Digital Twin ผสานกับ AI ในการสร้างแบบจำลองเครือข่ายเสมือนจริง โดยได้รับในด้านการสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อธุรกิจได้อย่างชัดเจน และมีศักยภาพในการนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ได้จริง
  • รางวัลด้าน Attendees’ Choice Award ในฐานะโครงการที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจากผู้เข้าร่วมงาน จากโครงการ AI-enhanced Digital Twins for Best NPS Network – Phase II
  • รางวัลด้าน Interactive Showcase จากการนำเสนอโครงการได้อย่างโดดเด่นในด้านการสร้างความมีส่วนร่วม ผ่านโครงการ Predictive Intelligence for Optimized Networks & Enhanced Experience Resilience (PIONEER) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยี AI มาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก คาดการณ์ปัญหาและความเสถียรของเครือข่ายล่วงหน้า พร้อมปรับแต่งบริการเครือข่ายโดยอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และความต่อเนื่องในการใช้งานในทุกสถานการณ์ให้กับลูกค้า