Home Blog Page 25

ศูนย์สอบ CISA ภูมิภาค!!

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง"  หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

บทบาทสำคัญหนึ่งของ “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” คือการส่งเสริมและสนับสนุนในการผลิตและยกระดับศักยภาพบุคลากรของตลาดทุนไทย โดยจัดทำหลักสูตร Certified Investment and Securities Analyst หรือ CISA ที่พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือกับสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548

CISA เป็นหลักสูตรด้านการวิเคราะห์ทางการเงินและการจัดการลงทุนที่ได้รับการรับรองจากสำนักงาน ก.ล.ต. ในการใช้ขึ้นทะเบียนเป็นนักวิเคราะห์การลงทุน และผู้จัดการกองทุน หลักสูตรนี้แบ่งองค์ความรู้เป็น 2 ระดับ คือ ระดับ Foundation Knowledge (คุณวุฒิ AISA) และระดับ Advanced Knowledge (คุณวุฒิ CISA)

คนที่เรียนจบหลักสูตรนี้ จะได้ใบเบิกทางสู่อาชีพด้านการเงินการลงทุน ตำแหน่งงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนักวิเคราะห์การลงทุน ผู้จัดการกองทุน วาณิชธนากร นักลงทุนสัมพันธ์ นักวิเคราะห์การเงิน ผู้จัดการด้านการลงทุน ขณะที่สายงานอื่นๆก็ยังใช้คุณวุฒิ CISA ยกระดับการทำงาน เช่น ผู้แนะนำการลงทุน ผู้วางแผนการลงทุน

จุดเด่นของ CISA คือเป็นหลักสูตรที่รวบรวมความรู้ด้านการวิเคราะห์การลงทุน ทั้งหลักเกณฑ์ กฎระเบียบการซื้อขายหลักทรัพย์ จรรยาบรรณ มาตรฐานบัญชีที่เกี่ยวข้อง หลักทรัพย์ทุกประเภทที่ซื้อขาย และวิเคราะห์หลักทรัพย์ โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับพัฒนาการของตลาดทุนไทย

การเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจในภูมิภาค และการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนนักลงทุนในต่างจังหวัด ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงให้ความสำคัญในการสร้างบุคลากรด้านการวิเคราะห์การเงินและการลงทุน เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนในภูมิภาค ที่ผ่านมา หลักสูตร CISA ได้ผลิตบุคลากรมืออาชีพป้อนสู่ตลาดทุนไทยแล้วกว่า 2,600 คน

ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ฯจับมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ ซึ่งเป็นพันธมิตรและเป็นศูนย์กลางของภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดตั้งศูนย์ทดสอบหลักสูตร CISA ภูมิภาค โดยศูนย์สอบทุกแห่งอยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกันตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯกำหนด

ศูนย์สอบ CISA ภาคเหนือ อีสาน และใต้ จะเป็นการขยายโอกาสให้นักศึกษาและบุคคลทั่วไปเข้าสู่วิชาชีพด้านวิเคราะห์การลงทุน อำนวยความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทาง และรองรับฐานผู้ลงทุนในภูมิภาคที่ขยายตัวต่อเนื่อง

ผู้ที่สนใจวิชาชีพด้านการเงินและการลงทุน ทั้งในสถาบันการเงินและบริษัทจดทะเบียน สามารถดูรายละเอียดหลักสูตร CISA เพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th/cisa

คุณนายพารวย

เอไอเอสจัดงานใหญ่ส่งท้ายปี AIS FANTIVAL 2024 โชว์สุดพิเศษนำโดย ต่อ ธนภพ, พีพี-กฤษฏ์, จอง-คัลแลน และ BUS

0

AIS จัดงานพิเศษครั้งยิ่งใหญ่ส่งท้ายปลายปี มอบประสบการณ์เซอร์ไพรส์ไม่มีสิ้นสุด Never-Ending Surprises, Never-Ending Happiness แทนคำขอบคุณและความไว้วางใจให้กับลูกค้าทั้งมือถือและเน็ตบ้าน ในงาน AIS FANTIVAL 2024 งานที่รวมเอากิจกรรม ความตื่นเต้น ยิ่งใหญ่ พร้อมจัดหนัก จัดเต็มกับการเดิน Green Carpet หรือ พรมเขียวสุดอลังการ

พร้อมโชว์สุดพิเศษจากพรีเซ็นเตอร์ AIS Family ทั้ง ต่อ- ธนภพ, พี่จอง-คัลแลน, น้องๆ วง BUS, พีพี-กฤษฏ์ และบิวกิ้นที่มาร่วมเซอร์ไพรส์ฝากความคิดถึงส่งตรงมาจากอังกฤษ ซึ่งทั้งหมดเป็นการมัดรวมความพิเศษมาให้ลูกค้าได้สัมผัสและร่วมรับชมกันแบบใกล้ชิดที่ One Bangkok Park และรับชมฟรีผ่าน AIS PLAY เพื่อมอบเป็นของขวัญสุดพิเศษให้กับลูกค้าในช่วงเวลาแห่งความสุขแบบไม่มีสิ้นสุดในเดือนธันวาคมที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีใหม่ให้มีแต่ Never-Ending Surprises และ Never-Ending Happiness

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า “วันนี้ AIS ได้ยกระดับการทำงานสู่การเป็นผู้ให้บริการที่สามารถส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ตอบโจทย์ทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของลูกค้าและคนไทยได้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่บริการโครงข่ายมือถือที่วันนี้มีความแข็งแกร่งมากสุดในอุตสาหกรรม ด้วย AIS 5G ที่มีความครอบคลุมแล้วกว่า 95% ของพื้นที่ประชากร พร้อมได้รับการยืนยันจาก Ookla® ในปี 2024 และ Open Signal ในปี 2024 การันตีให้ AIS 5G เป็นเครือข่าย 5G ที่ดีที่สุดของไทยในทุกมิติ รวมถึงโครงข่ายเน็ตบ้านที่มีความพร้อมและใหญ่ที่สุดครอบคลุมการให้บริการแล้วกว่า 13 ล้านครัวเรือน

ทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 51 ล้านราย ให้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ผมจึงขอใช้วาระนี้เป็นตัวแทนชาว AIS กว่า 20,000 คน ขอบคุณและยืนยันการทำหน้าที่ผู้ให้บริการดิจิทัลอย่างดีที่สุด ด้วยการส่งมอบความพิเศษที่พวกเราตั้งใจจัดเต็มมาให้อย่างเต็มที่ในงาน AIS FANTIVAL 2024 ที่ One Bangkok Park หรือรับชมฟรีผ่าน AIS PLAY ด้วยเซอร์ไพรส์ NEVER-ENDING SURPRISES ที่รวมความพิเศษ สนุก ตื่นเต้นและยิ่งใหญ่ตลอดทั้งวัน”

  • บูธกิจกรรมที่นำความพิเศษมาให้ลูกค้าได้ลุ้นรับของรางวัลตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ AIS 5G AGENT CENTRE ร่วมสนุกกับ Interactive Game เปิดประสบการณ์เล่นเกมผ่านแว่นตาอัจฉริยะ AR จาก XREAL เพื่อตามล่าหาผู้ชนะที่ทำคะแนนได้สูงที่สุด ลุ้นรับของรางวัลมากมาย, AIS E-WASTE SQAURE ชวนมาทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์แลกเอไอเอสพอยท์, AIS HOUSE OF FIBRE สัมผัสประสบการณ์ที่ 1 ตัวจริงอินเทอร์เน็ตบ้าน, AIS FASTLYMPIC จำลองสนามแบดมินตันประชันความเร็ว กับ วิว-กุลวุฒิ, AIS ZEEDZINEMA กิจกรรม Interactive จากแคมเปญ AIS Zeed Movie Lover X BUS พร้อมพบ Exhibition ที่ยกคอสตูมจัดเต็มของวง BUS ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น มาโชว์ให้แฟนคลับได้ร่วมเก็บภาพสุดประทับใจ
  • เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์จาก AIS POINTS PLAZA เพียงใช้ 8 คะแนนแลกรับเครื่องดื่มและขนมฟรี จาก โคอิเตะ (KOI The), กาก้า (GAGA), การัน (Karun), หาบ (HAAB), เจลาโตนี (Gelatoni) ทั้งยังร่วมสนุก เล่นเกม “สุ่มเซอร์ไพรส์ ให้ใจฟู” เพียงใช้ 8 คะแนน รับสิทธิ์หมุนวงล้อ ลุ้นรางวัลมากมาย อาทิ ของพรีเมียมอุ่นใจxแบดเหมียว, สติกเกอร์ไลน์ อุ่นใจxหมูเด้ง, วอลล์เปเปอร์เสริมมงคลพระแม่ลักษมี และเสื้อยืด Go Go คอลเลคชั่นสุดพิเศษ พร้อมร่วมลุ้นโชครางวัลใหญ่ รถไฟฟ้า The New Electric Mini Cooper SE มูลค่า1.72 ล้านบาท ด้วยการใช้ AIS Points 5 คะแนน
  • Golden Hour ชั่วโมงแห่งความสุข ที่จะมีการจับแจกรางวัลพิเศษทุกชั่วโมง ตั้งแต่ 11.00 – 15.00 น. ให้ลูกค้าที่เข้าร่วมงานได้ลุ้นรับโปสเตอร์พร้อมลายเซ็นจากศิลปินครอบครัว AIS รวมถึงลุ้นรับสิทธิ์เข้า FAN-ZONE และสิทธิ์เข้าชมพรีเซนเตอร์เดินพรมเขียวจำนวนจำกัด
  • พรมเขียวสุดอลังการ Green Carpet ที่ได้ขนทัพพรีเซ็นเตอร์ AIS Family มาร่วมเดินพรมเขียวให้ลูกค้าได้ใกล้ชิดติดขอบแบบเอ็กซ์คลูซีฟ
  • โชว์สุดพิเศษใน FAN-ZONE จากพรีเซนเตอร์ครอบครัวเอไอเอส นำโดย ต่อ ธนภพ, พีพี-กฤษฏ์, จอง-คัลแลน และ BUS (Because of you i Shine) ที่ได้เตรียมความสนุกมามอบให้กับลูกค้าทุกคนแบบจัดเต็ม

“AIS FANTIVAL 2024 เป็นงานที่พวกเราตั้งใจจัดขึ้นเพื่อมอบเป็นของขวัญสุดพิเศษให้กับลูกค้าในช่วงเวลาแห่งความสุขเดือนธันวาคมที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีใหม่ ผมหวังว่างานครั้งนี้จะเป็นทั้งการขอบคุณทุกความไว้วางใจ และจะเป็นการส่งต่อพลังต้อนรับปีใหม่ 2568 พร้อมคำมั่นสัญญาว่า เราจะส่งมอบบริการที่ดีที่สุดในทุกด้าน เพื่อความสุข แบบ Never-Ending Surprises, Never-Ending Happiness ให้แก่ลูกค้าทุกท่านตลอดไป” นายสมชัย กล่าวทิ้งท้าย

ตามรอยเซียน โดย เจี๊ยบ บางกรวย “หลวงปู่ทวดพิมพ์พระรอด2497”

0

วันที่5 ธันวาคม “วันพ่อแห่งชาติของคนไทยทุกคน” บังเอิญพระอาจารย์ก็เกิดวันที่5 เหมือนกัน ปีนี้นับได้ 80ปี จัดกาแฟ พร้อมเค๊ก ไปฉลองวันเกิด ที่สำคัญจัดพระสมเด็จไป3กล่อง18องค์ ของชอบพระอาจารย์ขาดได้งัย เราก็ศิษย์เอกซะด้วย จัดให้เต็มคาราเบล่ วันเกิดดีใจเหมาหมด เราก็ดีใจเลือกพระเข้าตาพระอาจารย์ทุกองค์ รุ่งขึ้นนัดไปท่าพระจันทร์เอาตลับพระที่สั่งไว้ เสร็จกินราดหน้าคนละจาน สั่งกลับบ้านฝากศรีภรรยาพระอาจารย์อีก2 ห่อ ผัดซีอิ้วเส้นใหญ่ จ่ายตังค์ เดินทางกลับต่อร้านกาแฟคนล่ะแก้ว พระอาจารย์หยิบพระคืน11องค์ เลือกได้7องค์ แขวนคอได้1องค์ สบายใจวันเกิดพระอาจารย์

วันนี้ดูหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน 2497พิมพ์พระรอด แจ่มแจ่ม พระอาจารย์บอกปี2518 สมัยหนุ่มน้อยทำข่าวอยู่ยะลา หลวงปู่ทวดเนื้อว่าน ซื้อขายที่5-6ร้อยบาท แถมหลวงปู่ทวดเนื้อเหล็กให้1องค์ พระอาจารย์ซื้อจากเซียนใหญ่หลวงปู่ทวด ที่หาดใหญ่

เซียนเจี๊ยบไปทำข่าว สมัยนายกทักษิณ ไปวัดช้างให้ ชอบหลวงปู่ทวดก่อนพระสมเด็จ ไปเช่าที่วัด เจ้าหน้าที่วัดเปิดลิ้นชักพระให้เลือก หลวงปู่ทวดพิมพ์ใหญ่ 5ร้อยบาท พิมพ์เล็กพระรอด 3ร้อย เช่าเหรียญเม็ดแตงฝากเพื่อนๆ 20เหรียญ เหรียญล่ะ20บาท

สิ่งที่แปลกใจตอนเลือกหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน บางองค์ไม่เห็นหน้าตาเลย มีใยขาวๆ น้ำว่านคลุมหมดทั้งองค์ ทั้งหน้าหลัง มีพระเป็นร้อยๆ องค์ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน เพียงแต่ไขขาวมากน้อยต่างกัน เท่านั้นเอง เซียนเจี๊ยบจับจุดการดูหลวงปู่ทวดนับ1ได้จากวันนั้น

หลวงปู่ทวดเนื้อว่านมีหลายบล็อก หลายพิมพ์ มีถึง8หมื่น4พันองค์ จำเนื้อให้แม่น เนื้อหลักจากว่านสด108 ดินกากยายักษ์ ก้อนขาวของพระสมเด็จบางขุนพรหม ดอกไม้แห้ง มีดีกว่าไม่มี ด้านหลังมีแร่ออกดำ ออกเหลือง รูเสียบดึงพระออกแบน สำคัญสุดที่รูเสียบถ้ามีไขขาว ออกเหลืองอยู่ในรู แท้เลย สไตส์เซียนเจี๊ยบบางกรวย เดินเจออย่าปล่อยให้หลุดมือนะ เดี๋ยวจะว่ารู้แล้วไม่บอกกัน

“หลวงปู่ทวดเนื้อว่านทุกองค์ มีไขขาวในรูเสียบพระออก เพราะทำจากว่านสดนะจ๊ะเชื่อเซียนเจี๊ยบบางกรวยนะ

ตามรอยเซียน โดย เจี๊ยบ บางกรวย “พระรอดพิมพ์ใหญ่”

0

วันก่อนพระอาจารย์นัดมาดูการทำสงครามแลกพระ ระหว่างพระอาจารย์กับเซียนพระรุ่นใหม่ โดยมีพระสมเด็จมีหน้าตา แลกกับพระขุนแผนบ้านกร่าง พระอาจารย์มีบ้านกร่างนับร้อยองค์ สะสมตั้งแต่เป็นเณรน้อย แต่เป็นเซียนใหญ่กรุพระบ้านกร่างมีทุกพิมพ์ แลกกับประชาชนคนธรรมดา พระพี่เลี้ยงไปจนถึงเจ้าอาวาส ล้วนแลกพระกันมาทั้งนั้น “ฉายาเณรเปี๊ยกผู้เชี่ยวชาญพระขุนแผนบ้านกร่าง” พบเซียนพระรุ่นน้องที่เก็บพระสมเด็จสวยๆแบบมีหน้าตาไว้เยอะ ตรงใจพระอาจารย์ที่ชอบพระสมเด็จ แลกกันด้วยความพอใจอีกคนเบื่อพระสมเด็จอีกคนชอบพระสมเด็จแลกเปลี่ยนหมุนเวียน ไม่มีเงินแถม จบเกมส์ชอบใจกันทั้งคู่สบายใจไทยแลนด์ นักเลงพระก็เท่านี้ 

วันนี้มาดูพระรอดมหาวันพิมพ์ใหญ่ สวยคมหูตากระพริบได้เก่าธรรมชาติ ที่สำคัญดินขี้กรุเก่ายังมีให้เห็น น้อยองค์ที่จะเห็นสภาพนี้ ส่วนใหญ่จะล้างออกหมด เพื่อเพิ่มความสวยงามให้องค์พระ แต่พระรอดองค์นี้เจ้าของเป็นนักอนุลักษ์เก็บสภาพเดิมเดิมไว้ให้ดู แบบนี้เซียนชอบ ขายง่ายกว่าล้างมา ดูด้านหลังมีลายนิ้วมือกดพระอาจารย์สอนไว้ “มีลายนิ้วมือดีกว่าไม่มี”องค์นี้สวยมากไม่พูดเยอะ ขอบคุณเจ้าของพระที่เก็บพระสภาพเดิมๆไว้ให้ชม

“เจอพระรอดสภาพแบบนี้อย่าล้างนะ “แท้ดูง่ายสบายใจ สไตล์เซียนเจี๊ยบบางกรวย

เจี๊ยบบางกรวย เดินตามรอยพระอาจารย์ 087 0030897

30 โรงงานของ CPF รับรางวัล CSR-DIW Continuous Award จากกรอ. เดินหน้าร่วมรับผิดชอบสังคมและชุมชน

0

จากความมุ่งมั่นในการสร้างความสมดุลทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนและสังคมได้อย่างยั่งยืน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ จึงส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรในทุกระดับของทุกกลุ่มธุรกิจ มีส่วนร่วมสร้างประโยชน์ในทุกมิติแก่สังคมและชุมชนที่สถานประกอบการของบริษัทฯตั้งอยู่ เพราะถือว่าซีพีเอฟคือหนึ่งในสมาชิกของชุมชน

ซีพีเอฟ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยนำหลักปรัชญา 3 ประโยชน์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ คือ ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และบริษัท เป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินงาน ควบคู่ไปกับตระหนักถึงการอยู่ร่วมกับชุมชนและมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการพัฒนาในพื้นที่อย่างยั่งยืน ด้วยการนำหลักการสำคัญภายใต้มาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการ (CSR-DIW) มาประยุกต์ใช้ ประกอบด้วย ความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ ความโปร่งใส ปฏิบัติอย่างมีจริยธรรม คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสีย เคารพต่อหลักนิติธรรม เคารพต่อสิทธิมนุษชน ตลอดจนการเคารพต่อแนวปฏิบัติสากล

การดำเนินโครงการเพื่อชุมชน และด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ที่มีการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สถานประกอบการและโรงงานของบริษัท รวม 30 แห่ง ได้รับรางวัล CSR-DIW Continuous Award 2024 จากการนำหลักปฏิบัติของมาตรฐาน CSR-DIW ไปประยุกต์ใช้อย่างต่อเนื่อง โดยรับรางวัล CSR-DIW Continuous Award ต่อเนื่อง 10 ปี จำนวน 18 โรงงาน และ CSR-DIW Continuous Award จำนวน 12 โรงงาน โดยมี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัลและเกียรติบัตร CSR-DIW และ CSR-DIW Continuous ประจำปี 2567 จัดโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการยกย่องและเป็นกำลังใจแก่สถานประกอบการ ที่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการปฎิบัติงานตามมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่มีต่อสังคมได้อย่างครบถ้วนและต่อเนื่อง

สำหรับสถานประกอบการของซีพีเอฟ 18 โรงงาน ที่ได้รับรางวัล CSR-DIW Continuous Award ต่อเนื่อง 10 ปี ได้แก่ โรงงานผลิตอาหารสัตว์โคกกรวด, โรงงานผลิตอาหารสัตว์ท่าเรือ, โรงงานผลิตอาหารสัตว์บกพิษณุโลก, โรงงานผลิตอาหารสัตว์บกหาดใหญ่, โรงงานผลิตอาหารสัตว์ราชบุรี, โรงงานอาหารสำเร็จรูปมหาชัย, โรงงานผลิตอาหารสัตว์ธารเกษม, โรงงานผลิตอาหารสัตว์บกหนองแค (BPF), โรงงานอาหารแปรรูปสัตว์น้ำแกลง, โรงานแปรรูปเนื้อไก่ มีนบุรี, โรงงานอาหารแปรรูป มีนบุรี 1, โรงงานอาหารแปรรูป มีนบุรี 2, โรงงานอาหารสำเร็จรูป หนองจอก, โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ สระบุรี, ธุรกิจผลิตอาหารสำเร็จรูป สระบุรี, ซีพีเอฟ นครราชสีมา, ซีพีเอฟ สงขลา และอินเตอร์เนชั่นแนลเพ็ทฟู้ด

ส่วนสถานประกอบการ 12 โรงงาน ที่ได้รับรางวัล CSR-DIW Continuous Award ได้แก่ โรงงานผลิตอาหารสัตว์บกขอนแก่น, โรงงานผลิตอาหารสัตว์ปักธงชัย, โรงงานผลิตอาหารสัตว์กบินทร์บุรี, โรงงานผลิตอาหารสัตว์ลำพูน, โรงงานแปรรูปเนื้อเป็ด บางนา, โรงงานอาหารสำเร็จรูป หนองจอก, อสร.แปดริ้ว, โรงงานแปรรูปสุกรแปดริ้ว, ซีพีเอฟ ชลบุรี, โรงงานคัดไข่และแปรรูปไข่บ้านนา, ธุรกิจซอส พรีมิกซ์ เครื่องปรุง และ ธุรกิจผลิตอาหารสำเร็จรูป สระบุรี .

เมืองไทยประกันชีวิต คัดผลิตภัณฑ์ บริการ และโปรฯ เด่น ร่วมงาน “Thailand Smart Money Bangkok 2024” ครั้งที่ 15 

0

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) คัดสรรผลิตภัณฑ์ บริการ และโปรโมชันเด่น เข้าร่วมเทศกาลการเงิน-การลงทุน “Thailand Smart Money Bangkok 2024” ครั้งที่ 15  โดยในพิธีเปิดได้รับเกียรติจากนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานในพิธี พร้อมด้วยนายรัฐกร อัสดรธีรยุทธ์ ประธานเครือหนังสือพิมพ์ดอกเบี้ย ประธานจัดงาน Thailand Smart Money  ร่วมเปิดบูธเมืองไทยประกันชีวิต โดยมี นายศรายุธ ทินกร ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส พร้อมด้วยผู้บริหาร ตัวแทนนักวางแผนประกันชีวิต และที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมในพิธีด้วย โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 15 ธันวาคม 2567  ณ BCC Hall ชั้น 5 เซ็นทรัลลาดพร้าว

AIS FANTIVAL 2024 ปรากฏการณ์ Never-Ending Surprises, Never-Ending Happiness ครั้งยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี พบกัน 14 ธ.ค.นี้ ที่ One Bangkok Park และชมสดผ่าน AIS PLAY

0

AIS เตรียมจัดงาน AIS FANTIVAL 2024 : Never-Ending Surprises, Never-Ending Happiness มอบประสบการณ์เซอร์ไพรส์ไม่มีสิ้นสุด พบกับไฮไลท์กิจกรรมให้ลูกค้าได้ร่วมสนุกและลุ้นรับของรางวัลตลอดทั้งวัน อาทิ Interactive Games, บูธถ่ายรูปกับพรีเซ็นเตอร์, ทิ้ง E-Waste รับ AIS Points, ใช้ AIS Points แลกรับขนมและเครื่องดื่มภายในงาน และอีกมากมาย พร้อมยกทัพพรีเซ็นเตอร์ AIS Family มารวมตัวกันสร้างสีสันด้วยโชว์สุดพิเศษอย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก นำโดย ต่อ-ธนภพ, พีพี-กฤษฏ์, จอง-คัลแลน และ BUS (Because of you I Shine) ที่จะมาส่งต่อคำขอบคุณและคำมั่นสัญญาในการทำงานเพื่อลูกค้าและคนไทยด้วยความมุ่งมั่นต่อไป ชวนลูกค้า AIS พบกันในวันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ที่ Amphitheatre, One Bangkok Park หรือรับชมฟรี ผ่าน AIS PLAY

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ AIS ให้อยู่เคียงข้างทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ เราได้เตรียมของขวัญชิ้นพิเศษด้วยการจัดงาน AIS FANTIVAL 2024 เพื่อส่งมอบความสุขสุดพิเศษและ Never-Ending Surprises, Never-Ending Happiness จัดเต็มตลอดทั้งวัน อัดแน่นด้วยกิจกรรมสุดเซอร์ไพรส์และสัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงสุดพิเศษ จาก 7 NEVER-ENDING SURPRISES การันตีความตื่นเต้นและยิ่งใหญ่ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ 10.00 – 20.00 น. ประกอบด้วย

  • ร่วมสนุกกับบูธกิจกรรมพร้อมลุ้นรับของรางวัลตลอดทั้งวัน ในบริเวณ FEST-ZONE อาทิ Interactive Games, บูธถ่ายรูปพรีเซ็นเตอร์ ,เกมทุบแลกพอยท์วัดพลังรักษ์โลก พร้อมกิจกรรมทิ้ง E-Waste รับ AIS Points ชวนลูกค้านำขยะอิเล็กทรอนิกส์ มาเปลี่ยนเป็น AIS Points เพื่อนำไปแลกรับความพิเศษ ทั้งขนม เครื่องดื่ม และของ
  • พรีเมียมตลอดงาน
  • Golden Hour แจกรางวัลพิเศษ On-top ทุกชั่วโมง! ลุ้นรับโปสเตอร์พร้อมลายเซ็นจากศิลปินคนโปรด และของรางวัลอื่นๆ เพียงร่วมกิจกรรมภายใน FEST-ZONE ตามช่วงเวลาที่กำหนด
  • เซอร์ไพรส์ได้ใกล้ชิดกับ AIS Family พรีเซ็นเตอร์คนพิเศษที่จะมาปรากฏตัวและร่วมกิจกรรมใน FEST-ZONE แบบไม่ทันตั้งตัว
  • Green Carpet สุดอลังจาก AIS Family ครั้งแรกของการร่วมเดินพรมเขียวสุดยิ่งใหญ่แบบใกล้ชิด ที่พรีเซ็นเตอร์ครอบครัวเอไอเอสมาเดินบน Green Carpet ร่วมกัน
  • Special Chance มอบสิทธิ์เข้าโซนพิเศษ สัมผัส Green Carpet ใกล้ชิดติดขอบแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ให้ได้ตื่นตา
  • ตื่นใจกับการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ครอบครัวเอไอเอส
  • โชว์สุดพิเศษใน FAN-ZONE จากพรีเซ็นเตอร์ครอบครัวเอไอเอส นำโดย ต่อ-ธนภพ, พีพี-กฤษฏ์, จอง-คัลแลน และ BUS (Because of you I Shine) ที่ได้เตรียมความสนุกมามอบให้กับลูกค้าทุกคนแบบจัดเต็ม ตั้งแต่ 18.00 – 20.00 น.
  • ร่วมลุ้นรับบัตร FAN-ZONE เข้าชมคอนเสิร์ตจากพรีเซ็นเตอร์ครอบครัวเอไอเอส (พิเศษจำนวนจำกัด)

ร่วมสัมผัสประสบการณ์ความสุขครั้งใหญ่ส่งท้ายปี ในวันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ที่ Amphitheatre, One Bangkok Park โดยลูกค้าสามารถสแกน QR Code ที่จุดลงทะเบียนหน้างาน ใช้เอไอเอส พอยท์ 1 คะแนน แลกรับสิทธิ์เข้า FEST-ZONE สำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิ์ FAN-ZONE สามารถกดใช้คูปองที่จุดลงทะเบียนหน้างาน เพื่อแลกรับริสท์แบนด์ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 14.00 น. หรือรับชมการถ่ายทอดสดผ่าน AIS PLAY ได้ฟรี เวลา 17.00 – 20.00 น. ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ais.th/fantival2024/

ประมงจ.ตราดชวนเยาวชนร่วมกิจกรรมสร้างปราการป้องกันปลาหมอคางดำ และปลูกจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม 

0

อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด และ สำนักงานประมงจังหวัดตราด โดยมี นายพงษ์พัฑฒ์ สินราย นายอำเภอเขาสมิง นายชัชวาลย์ วุฒิเมธี หัวหน้ากลุ่มพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการประมงจังหวัดตราด นำคณะผู้นำชุมชน ครูและนักเรียนจากโรงเรียนวัดสลัก พร้อมกับผู้แทนจากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)​ หรือ ซีพีเอฟ ปล่อยลูกพันธุ์ปลากะพงขาวจำนวน 5,000 ตัวลงสู่แหล่งน้ำในชุมชนบ้านสลัก ตำบลท่าโสม กิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อเสริมแนวกันชนด้วยปลานักล่า ปกป้องระบบนิเวศจังหวัดตราดปลอดจากปลาหมอคางดำ ตลอดจนเพื่อปลูกจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่เยาวชนคนรุ่นใหม่

จังหวัดตราดได้ดำเนินการสำรวจแหล่งน้ำในพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอเขาสมิง อำเภอแหลมงอบ และอำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน “ยังไม่พบการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำ”​ ในจังหวัดตราด  อย่างไรก็ตาม ประมงจังหวัดตราดดำเนินการมาตรการเพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันปลาหมอคางดำรุกล้ำเข้ามาในแหล่งน้ำของจังหวัดอย่างเข้มแข็ง

การปล่อยลูกพันธุ์ปลานักล่าในแหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นหนึ่งในมาตรการของกรมประมงเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัตราดกับจังหวัดอื่นที่พบปลาหมอคางดำ โดยการเพิ่มจำนวนปลานักล่าที่เป็นปลาพื้นถิ่นลงในแหล่งน้ำธรรมชาติในจำนวนที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม เพื่อสร้างปราการปกป้องระบบนิเวศและสัตว์น้ำพื้นถิ่น รักษาความหลากหลายทางชีวภาพในแหล่งน้ำธรรมชาติ นอกจากนี้ ปลากะพงขาวยังเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่ชาวประมงพื้นบ้านสามารถจับมาจำหน่ายได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ประมงจังหวัดตราดและคณะทำงานฯ ยังไม่นิ่งนอนใจ โดยจัดให้มีการสำรวจและเฝ้าระวังปลาหมอคางดำอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้เรื่องปลาหมอคางดำ สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนช่วยกันเป็นเครือข่ายสอดส่องหากพบปลาหมอคางดำเร็ว จะสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว นอกจากนี้ การชักชวนให้น้องๆ นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมปล่อยปลานักล่า ยังช่วยปลูกจิตสำนึกให้เด็กและเยาวชนเห็นความสำคัญของความหลากหลายของระบบนิเวศ และร่วมเป็นพลังช่วยรักษาความสมดุลในระบบนิเวศ.

บริหารเงินวัยทำงาน!!

0
บทความ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน..สู่ความมั่งคั่ง"   หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

สำหรับคนวัยทำงานแล้ว ชีวิตช่วงนี้จะเป็นช่วงการสร้างเนื้อสร้างตัว เมื่อเริ่มมั่นคงชีวิตเข้าที่เข้าทาง ก็จะขยับไปสู่การเริ่มต้นชีวิตคู่ สร้างครอบครัว ซึ่งแปลว่าเราต้องแบกภาระความรับผิดชอบที่หนักขึ้นตามจำนวนสมาชิกที่ต้องดูแล เรียกว่าทำงานหาเงินจนเกษียณกันเลยทีเดียว

สิ่งที่ต้องเริ่มลงมือตอนนี้คือ การบริหารเงิน ยิ่งมีภาระเยอะ ก็จำเป็นต้องบริหารเงินให้เป็น!!

“คุณนายพารวย” ขอนำวิธีบริหารจัดการเงินของตัวเองแบบง่ายๆ มาเล่าสู่กันฟังเริ่มด้วย 1.การจดบันทึกรายรับรายจ่าย ช่วยทำให้เรารู้จักตัวเอง เห็นพฤติกรรมการใช้จ่ายว่า แต่ละเดือนเราต้องเสียเงินไปกับค่าอะไรบ้างที่จำเป็น และไม่จำเป็น เพื่อที่เราจะได้ลดรายจ่ายที่ฟุ่มเฟือยลง

2.บริหารความเสี่ยง เพราะชีวิตไม่มีความแน่นอน เราควรมีเงินสำรองฉุกเฉินไว้อย่างน้อย 3-6 เดือน และพิจารณาเรื่องทำประกันคุ้มครองความเสี่ยงด้วย เช่น ประกันสุขภาพ, ประกันอุบัติเหตุ 3.บริหารภาษี คนในวัยทำงานมีหน้าที่ต้องเสียภาษี จึงต้องมีการวางแผนภาษีให้ดี รู้จักค่าใช้จ่ายที่สามารถนำมาหัก และลดหย่อนภาษีได้ เพื่อช่วยประหยัดภาษี ทำให้มีเงินออมเหลือเก็บเพิ่มขึ้น

4.บริหารเงินลงทุน ศึกษาข้อมูล และกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสร้างเงินออมให้เติบโต เป็นตัวช่วยเพิ่มพลังเงินออมให้กับวัยทำงาน 5.บริหารเงินเพื่อเกษียณ หลายคนอาจมองว่าไม่ต้องรีบ ยังมีเวลาเหลือเฟือ แต่ขอเตือนว่าข้อนี้แหละสำคัญที่สุด คนหนุ่มสาวมีข้อได้เปรียบเรื่องเวลา จึงควรต้องตั้งเป้าหมายหลังเกษียณว่าต้องการใช้เงินเท่าไหร่ แหล่งรายได้มาจากไหน แล้วเริ่มต้นออมให้ไวในตอนที่ยังมีเรี่ยวแรงทำงานหาเงินอยู่ ยิ่งลงมือทำเร็วเท่าไรยิ่งดีกับตัวเอง

เห็นได้ว่าการวางแผนการเงินที่ดี ไม่ได้มีแค่การออมเงินอย่างเดียว แต่รวมถึงการลงทุน เพื่อให้เงินทำงานให้เราด้วย เคล็ด (ไม่) ลับที่ช่วยตอบโจทย์ทั้งเรื่องการลงทุน และประหยัดภาษีสำหรับคนวัยทำงาน นั่นคือกองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการเงิน ได้ลงทุน และลดหย่อนภาษีในเวลาเดียวกัน อย่างกองทุน RMF หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เหมาะกับผู้ที่อยากมีเงินก้อนใหญ่ไว้ใช้หลังเกษียณ

และกองทุนน้องใหม่อย่าง กองทุน ThaiESG หรือกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวในธุรกิจไทยที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาล โดยเพิ่งมีการปรับเกณฑ์ใหม่ เพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีเป็น 300,000 บาท และลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดการออมในระยะยาว

ผู้สนใจอยากลงทุนอย่างยั่งยืน พร้อมได้คืนภาษี สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ThailandESG.com

คุณนายพารวย

โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. 2567 ถึง 28 ก.พ. 2568

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิชัย ชุนหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานงานเปิดตัวโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SMEs โดยมีนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือและหนังสือแสดงเจตนารมณ์ระหว่างกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย (TBA) และสมาคมธนาคารนานาชาติ (AIB) เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567

โครงการดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Banks) เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SMEs ที่ประสบปัญหาในการชำระหนี้ได้รับความช่วยเหลืออย่างตรงจุด สามารถฟื้นตัวและกลับมาชำระหนี้ได้หลังสิ้นสุดโครงการ นอกจากนี้ ทุกหน่วยงานพร้อมที่จะร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างบูรณาการต่อไป โดยลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมมาตรการสามารถศึกษารายละเอียดของมาตรการและสมัครเข้าร่วมมาตรการได้ที่ https://www.bot.or.th/khunsoo ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ทั้งนี้ ลูกหนี้จะต้องลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมโครงการและชำระหนี้ตามเงื่อนไข ขณะที่ภาครัฐและสถาบันการเงินจะร่วมสนับสนุนเม็ดเงินในการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมฝ่ายละครึ่งหนึ่ง (50%) เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ร่วมโครงการ

โครงการประกอบด้วย 2 มาตรการ ได้แก่

มาตรการที่ 1 “จ่ายตรง คงทรัพย์” เป็นการช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อบ้าน รถ และ SMEs ขนาดเล็กที่มีวงเงินไม่สูงมาก ให้เข้ามาปรับโครงสร้างหนี้แบบลดค่างวดและพักภาระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยค่างวดที่จ่ายจะนำไปตัดชำระเงินต้นทั้งหมด ขณะที่ดอกเบี้ยที่พักไว้ตลอดระยะเวลา 3 ปี จะได้รับการยกเว้น หากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ตลอดระยะเวลาของมาตรการ (ชำระเงินตรงเวลาและไม่ทำสัญญาสินเชื่อเพิ่มเติมในช่วง 12 เดือนแรกของการเข้าโครงการฯ) มาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” มีวัตถุประสงค์หลักในการช่วยเหลือลูกหนี้ที่วงเงินไม่สูงมาก ให้สามารถรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทั้งบ้าน รถ และสถานประกอบการไว้ได้ โดยจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตให้กับลูกหนี้ โดยค่างวดที่ลดลงจะทำให้ลูกหนี้มีสภาพคล่องเหลือสำหรับดำรงชีพเพิ่มเติมระหว่างอยู่ในมาตรการ ขณะที่ดอกเบี้ยที่ได้รับยกเว้นจะช่วยให้ภาระหนี้โดยรวมของลูกหนี้ลดลง

มาตรการที่ 2 “จ่าย ปิด จบ” เป็นการช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่เป็นหนี้เสีย (สถานะ NPL) แต่มียอดคงค้างหนี้ไม่สูง (ไม่เกิน 5,000 บาท) โดยลูกหนี้จะต้องเข้ามาเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ เพื่อชำระหนี้บางส่วนซึ่งมาตรการ “จ่าย ปิด จบ” นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียและยอดหนี้ไม่สูง สามารถเปลี่ยนสถานะการเป็นหนี้ จาก “หนี้เสีย” เป็น “ปิดจบหนี้” และเริ่มต้นใหม่ได้เร็วขึ้น

รมว.กระทรวงการคลัง กล่าวว่า “รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน โดยเชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดียิ่งขึ้นภาครัฐและเอกชนจึงร่วมกันออกโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SMEs ขนาดเล็ก ครอบคลุมลูกหนี้รวมจำนวน 2.1 ล้านบัญชี เป็นลูกหนี้ 1.9 ล้านราย และมียอดหนี้รวมประมาณ 8.9 แสนล้านบาท ทั้งนี้ การแก้หนี้ที่ยั่งยืนต้องควบคู่ไปกับการเพิ่มทักษะ (upskill/reskill) และเสริมสร้างรายได้ให้กับลูกหนี้ ซึ่งเป็นอีกด้านที่รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาและยกระดับรายได้ของครัวเรือนให้ดียิ่งขึ้น”

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นงานที่ ธปท. ให้ความสำคัญและผลักดันมาต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและเศรษฐกิจเติบได้อย่างยั่งยืน โดยโครงการนี้มี 2 จุดสำคัญที่ต่างจากที่ผ่านมา คือ (1) การปรับโครงสร้างหนี้ที่เน้นตัดเงินต้น และลดภาระผ่อนในช่วง 3 ปี เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกหนี้ (2) การร่วมสมทบเงิน (Co-payment) จากภาครัฐและสถาบันการเงินเพื่อช่วยลดภาระจ่ายของลูกหนี้

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า คาดว่าโครงการนี้จะสามารถให้การช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงบริษัทลูกในกลุ่มได้ราว 1.5 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้กว่า 4 แสนล้านบาท 

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ เปิดเผยว่า โครงการนี้จะช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีโอกาสรอดให้สามารถฟื้นตัวกลับมาชำระหนี้ได้ และยังมีการออกแบบกลไกการส่งเสริมวินัยทางการเงินควบคู่กับการป้องกันไม่ให้ลูกหนี้เสียวินัยในการชำระหนี้ด้วย ทั้งนี้ สถาบันการเงินของรัฐอยู่ระหว่างการหารือกับ ธปท. และกระทรวงการคลัง ในการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ลูกหนี้ของกลุ่ม Non-bank รวมถึงการพิจารณามาตรการเพิ่มเติม เพื่อส่งผ่านความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้กลุ่มเปราะบางในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งจะไม่ทับซ้อนกับกลุ่มลูกหนี้ของโครงการนี้ ทั้งนี้ คาดว่ามีลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติที่ได้รับความช่วยเหลือผ่านมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการ SMEs ทั้ง 2 มาตรการของสถาบันการเงินของรัฐ จำนวนประมาณ 6 แสนบัญชี คิดเป็นยอดหนี้กว่า 4.5 แสนล้านบาท