Home Blog Page 20

CPF จัดเต็มของไหว้ตรุษจีน ‘ปีมะเส็ง เฮง รวย ปัง’ เสิร์ฟผลิตภัณฑ์คุณภาพ เสริมมงคลตามธาตุประจำ 12 นักษัตร

0

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ตอกย้ำเจ้าแห่งเทศกาล ผนึกกำลัง แม็คโคร (Makro) และ โลตัส (Lotus’s) จัดแคมเปญ “ปีมะเส็ง เฮง รวย ปัง” เสิร์ฟชุดไหว้ตรุษจีน ยกขบวนผลิตภัณฑ์คุณภาพดี สด สะอาด ปลอดภัย และสะดวกสบายในการไหว้ ถูกต้องตามหลักความเชื่อ เสริมความมงคล การงาน มั่งคั่ง ความสมบูรณ์ครบทุกด้าน มีให้เลือก 2 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบดั้งเดิมที่เน้นของไหว้เป็นตัว และรูปแบบสมัยใหม่ที่ผสมผสานความเรียบง่ายให้เหมาะสมกับยุคสมัย พร้อมกิจกรรมพิเศษที่มีทั้งดูดวง ลุ้นรับของรางวัลมงคล และส่วนลดมากมาย

สำหรับปีนี้ แบรนด์ CP ยังเสิร์ฟผลิตภัณฑ์เด่นที่เต็มไปด้วยความหมายมงคล เพื่อเสริมดวงให้โชคดีในทุกด้าน เริ่มต้นที่ ซีพี เป็ดพะโล้ ของไหว้ยืน 1 ช่วยเสริมดวงทุกด้าน เปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี ช่วยเสริมความปลอดภัยและความรุ่งเรือง ซีพี ขาหมูพะโล้ สื่อถึงความมั่งคั่ง ร่ำรวย และความอุดมสมบูรณ์ ซีพี ไก่ต้ม เสริมความเจริญก้าวหน้าในการงานและความสำเร็จ และซีพี กุ้งจักรพรรดิ เสริมวาสนาและบารมี ชีวิตรุ่งเรือง ราบรื่น

พิเศษสุด! ชุดเสริมดวงให้เฮงตามธาตุประจำ 12 นักษัตร อาทิ ปีกุน ต้องเสริมธาตุน้ำและธาตุทอง เพื่อเสริมธาตุในร่างกายให้สมดุล ช่วยให้แคล้วคลาดจากอุปสรรค พร้อมเปิดรับโอกาสดีๆ ด้วย ‘ซีพี ไก่ต้ม’ จะช่วยเสริมโชคในด้านการพัฒนาความสามารถใหม่ๆ และสร้างโอกาสในหน้าที่การงาน ปีขาล ต้องเสริมธาตุน้ำ การไหว้ ‘ซีพี กุ้งต้มแปซิฟิก’ จะช่วยเสริมพลังในการรับมือกับอุปสรรค บรรเทาความตึงเครียด และดึงดูดความสำเร็จในชีวิต เป็นต้น สามารถติดตามข้อมูลทั้ง 12 นักษัตร ได้ที่ Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/brandcp/

โปรโมชันพิเศษ… เพียงสั่งจองสินค้าไหว้เจ้าซีพี ส่งตรงให้ถึงหน้าบ้าน รับสิทธิ์ลุ้นรับ สร้อยข้อมือปี่เซียะรับทรัพย์ จาก RAVIPA มูลค่า 1,890 บาท รวม 15 รางวัล โดยเปิดให้จองผ่าน Makro Pro ตั้งแต่วันนี้ ถึง 25 มกราคม 2568 (ลิ้งค์: https://bit.ly/3HFkycd) และห้าง ‘Lotus’s’ เปิดให้จองเฉพาะหน้าร้าน ตั้งแต่วันนี้ ถึง 24 มกราคม 2568 หรือหาซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ เช่น CP Freshmart, Big C, Gourmet Market และ Tops Market เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการและช่องทางออนไลน์อื่นๆ

มงคลต่อเนื่อง.. ที่ห้าง Makro รับฟรี! ถาดไหว้เจ้า ขนาด 35 เซนติเมตร จำนวน 2 ใบ มูลค่า 218 บาท เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ของไหว้ตรุษจีนครบ 1,599 บาท เฉพาะสาขาที่จัดกิจกรรม ส่วนห้าง Lotus’s รับฟรี! ถาดไหว้เจ้า ขนาด 35 เซนติเมตร จำนวน 1 ใบ มูลค่า 109 บาท เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ของไหว้ตรุษจีนครบ 899 บาท เฉพาะสาขาที่จัดกิจกรรม พร้อมพบกับแบรนด์ Uoriki ที่ขนทัพซูชิพรีเมียม สดใหม่ทุกวัน ส่งตรงจากทะเลญี่ปุ่น ร่วมเสริมความมงคลรับปีมะเส็งนี้ ด้วยซูชิชุดแซลมอนเลิฟเวอร์ ซูชิชุดครอบครัว และเมนูอื่นๆ ที่มีให้เลือกลิ้มลอง

พลาดไม่ได้ กับลุ้นดูดวงฟรี! แบบ Exclusive Private Session กับอาจารย์เซิน เพียงช้อปสินค้าของไหว้ซีพี และมียอดซื้อสูงสุด 3 ท่านแรก (เฉพาะท่านที่ซื้อภายในวันและสาขาที่กำหนดเท่านั้น) เริ่มที่ Makro สาขาศรีนครินทร์ ถึงวันที่ 25 มกราคม 2568 ส่วน Lotus’s สาขาบางแค ถึงวันที่ 26 มกราคม 2568

ซีพีเอฟ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านของไหว้ ด้วยการคัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่มาจากกระบวนการผลิต สด สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล โดยมุ่งมั่นผลิตและพัฒนาสินค้าแช่แข็ง ตลอดจนบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิท แช่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม และคงคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่ดีที่สุดในช่วงเทศกาลตรุษจีน .

รู้เก็บรู้ออม : เคล็ดลับกระจายลงทุน

0
ที่มา คอลัมน์ "รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง" หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เริ่มต้นปีใหม่กันแล้ว “คุณนายพารวย” หวังว่าแฟนๆ คอลัมน์ “รู้เก็บรู้ออมฯ” จะไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองว่า เราจะเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการวางแผนการเงินการลงทุนไม่ผัดวันประกันพรุ่งเหมือนปีที่ผ่านมาอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม การลงทุนนั้นย่อมมีความเสี่ยง ซึ่งนักลงทุนเองก็ต้องหาวิธีจัดการกับความเสี่ยงเพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด

เทคนิคหนึ่งที่นักลงทุนใช้ปกป้องพอร์ตลงทุน คือ การแบ่งหรือกระจายการลงทุน ทั้งในประเภทสินทรัพย์ลงทุน เช่น เลือกลงทุนในหุ้น กองทุน พันธบัตร และระดับภายในสินทรัพย์ที่เราลงทุน เช่น เลือกซื้อหุ้นตัวไหน ประเภทกิจการอะไร

ลองนึกภาพว่า ถ้าเรามีเงินทั้งหมดอยู่ในหุ้นตัวเดียว แล้ววันดีคืนดี หุ้นที่ถืออยู่ราคาร่วงเอาๆ ทำให้เราอาจต้องเสียเงินหมดเลยทั้งก้อน การแบ่งหรือกระจายลงทุน จะเป็นวิธีช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการขาดทุนหนักจากการลงทุนในสินทรัพย์ตัวเดียว ขณะเดียวกัน ก็ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจและช่วยลดความผันผวนลงได้ เช่น บางปีตลาดหุ้นอาจไม่ดี ทำให้เราขาดทุน แต่เราได้กำไรจากทองคำมาช่วยชดเชยแทน

ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.setinvestnow.com โดยตลาดหลักทรัพย์และสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนแนะเคล็ดลับการกระจายลงทุนที่ช่วยบริหารพอร์ตลงทุน ประกอบไปด้วย 1.ประเมินความเสี่ยงที่เหมาะและตัวเองยอมรับได้ พิจารณาควบคู่กับเป้าหมาย, ระยะเวลาลงทุน เพื่อจะได้เกลี่ยน้ำหนักลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ

2.เข้าใจลักษณะผลตอบแทน และความเสี่ยงที่แตกต่างกันของแต่ละประเภทสินทรัพย์ลงทุนว่า ผลตอบแทนสูงก็จะมีความเสี่ยงสูงตามด้วย เช่น พันธบัตรรัฐบาล จะเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นและทองคำ โดยหุ้นและทองคำจัดเป็นสินทรัพย์เสี่ยงทั้งคู่ ที่ไม่ควรทุ่มลงทุน
เพียงอย่างเดียว

3.แบ่งลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท พันธบัตร หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ทองคำ และกองทุนทองคำ ควรจะมีเก็บไว้ในพอร์ตลงทุน

4.วางน้ำหนักการลงทุนให้เหมาะกับระดับการยอมรับความเสี่ยงของตัวเอง นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง ก็ลงทุนในตราสารหนี้ 60-80% หุ้น 20-40% ส่วนนักลงทุนที่จิตแข็ง รับความเสี่ยงสูง รักความท้าทาย ก็สามารถเพิ่มการลงทุนในหุ้นเป็น 60-70% และตราสารหนี้ 30-40%

และ 5.ในการลงทุนหุ้น หากเลือกซื้อหุ้นเป็นรายตัวขอแนะนำให้กระจายในหุ้นหลายตัว และหลายอุตสาหกรรม โดยคัดเลือกหุ้นจากบทวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานที่ดี และอุตสาหกรรมที่เติบโต เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน

เพียงเท่านี้ เมล็ดพืชที่เราหว่านก็จะออกพืชผลหลายชนิดให้เราได้เก็บไว้กินไว้ใช้กันยาวๆ.

คุณนายพารวย

คลี่คลาย! ประมงราชบุรีมั่นใจ คุมสถานการณ์ปลาหมอคางดำได้ – เดินหน้าจัดการอย่างเป็นระบบ

0

ประมงจังหวัดราชบุรี เผยสถานการณ์ปลาหมอคางดำในจังหวัดราชบุรีอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ และในลำคลองยังพบปลาพื้นถิ่นอาศัยอยู่หลายชนิด ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อระบบนิเวศ ปีนี้ราชบุรียังคงดำเนินการต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูความสมดุลของระบบนิเวศและดูแลเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างเป็นระบบ

วันที่ 17 มกราคม 2568 นายจิระพงศ์ ศิริวัฒน์ นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนประมงจังหวัดราชบุรี มอบหมายให้นางสาวจินตนา นิธรรม หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง นางสายหยุดฤทธิ์ ช่วยประมง อำเภอโพธาราม พร้อมเจ้าหน้าที่และหน่วยงานพันธมิตร ได้ลงพื้นที่ทำกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” จับปลาหมอคางดำในคลองหนองบางงู ตำบลเจ็ดเสมียน อำเภอโพธาราม ตามแผนปฏิบัติการในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ตั้งเป้าจัดกิจกรรมจับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติให้ครบทั้ง 6 อำเภอ ควบคู่กับการวางแผนการปล่อยปลาผู้ล่าลงในแหล่งน้ำเพื่อช่วยกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำ และในระยะต่อไปมีการวางแผนการปล่อยปลาพื้นถิ่นกลับคืนลงสู่แหล่งน้ำเพื่อทดแทนปลาที่ถูกกำจัดออก และเพิ่มความหลากหลายในระบบนิเวศ

จังหวัดราชบุรี ยังพบปลาหมอคางดำในพื้นที่ 6 อำเภอ แต่มีปริมาณน้อยและไม่รุนแรง อยู่ในระดับสีเขียว หรือพบน้อยกว่า 10 ตัวต่อพื้นที่ 100 ตารางเมตร ที่สำคัญในคลองต่างๆ ยังพบปลาพื้นถิ่นชนิดอื่นๆ เช่น ปลาสร้อย ปลาตะเพียน เป็นต้น และเกษตรกรในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเพาะปลูกพืชในร่องสวน จึงไม่ได้รับผลกระทบจากปลาหมอคางดำ ส่วนในพื้นที่อำเภอบางแพซึ่งมีพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมากของจังหวัด พบจำนวนปลาหมอคางดำน้อยมาก และเกษตรกรยังมีเตรียมความพร้อมจัดการบ่อเลี้ยงป้องกันปลาหมอคางดำรุกล้ำเข้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น

ปีนี้ราชบุรียังคงดำเนินการต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูความสมดุลของระบบนิเวศและดูแลเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างใกล้ชิด จะมีการจัดกิจกรรมลงแขกลงคลองจับปลาออกจากลำคลองในพื้นที่ 6 อำเภอ และดำเนินการปล่อยปลาผู้ล่าเพื่อช่วยตัดวงจรปลาหมอคางดำ และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ขณะเดียวกัน ประมงจังหวัดยังดำเนินการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ทุกช่องทางอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังและแจ้งเจ้าหน้าที่หากพบปลาชนิดนี้ในลำคลอง ตามมาตรการ “เจอ แจ้ง จับ จบ” พร้อมกับสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า ปลาหมอคางดำมีประโยชน์สามารถนำมาบริโภค หรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร ตลอดจนนำมาหมักเป็นน้ำหมักชีวภาพสำหรับเกษตรกรปลูกพืชได้อีกด้วย.

รร.บ้านเหมืองสองท่อ จ.กาญจนบุรี สอนเด็กนักเรียนเลี้ยงไก่ไข่ สร้างแหล่งอาหารในโรงเรียน ส่งต่อความมั่นคงอาหารสู่ชุมชน

0

ด้วยระยะทางที่ห่างไกลถึง 205 กิโลเมตร จากตัวเมืองกาญจนบุรี ถึงต.ซะแล อ.ทองผาภูมิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนบ้านเหมืองสองท่อ โรงเรียนขยายโอกาส อยู่บนภูเขาสูง พื้นที่รอยต่อเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร การเดินทางยากลำบากบนเส้นทางคดเคี้ยว ดังนั้น การสร้างแหล่งอาหารในโรงเรียน จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง และช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่คุณครูและนักเรียนได้เป็นอย่างมาก สามารถช่วยแก้ปัญหาการจัดซื้ออาหารสำหรับเด็กนักเรียน ที่แต่เดิมต้องซื้อมาในคราวเดียวให้เพียงพอในการทำอาหารทั้ง 5 วัน หรือหากมีการขนส่งวัตถุดิบโดยเฉพาะไข่ไก่มักพบปัญหาแตกเสียหายระหว่างทาง

“โรงเรียนของเราตั้งอยู่พื้นที่สูงและห่างไกล การเดินทางต้องใช้เวลาเดินทางนาน หนทางกว่าจะถึงโรงเรียนค่อนข้างลำบาก เราเห็นตัวอย่างความสำเร็จของโรงเรียนพื้นที่สูง ที่มีโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวัน ก็คิดว่าถ้าโรงเรียนมีไข่ไก่ให้นักเรียนได้รับประทานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วันก็คงดี จะช่วยลดภาวะทุพโภชนาการได้บ้าง จากประโยชน์ของไข่ไก่ ช่วยบำรุงสมอง ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต ที่สำคัญนักรียนยังได้ฝึกอาชีพติดตัวด้วย” สนอง ยอดกุล ผู้อำนวยการ รร.บ้านเหมืองสองท่อ เล่าถึงที่มาของการร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ที่ทำให้เด็กๆบ้านเหมืองสองท่อ ได้เข้าถึงไข่ไก่อาหารโปรตีนคุณภาพดี

หลังจากที่ได้ประสานไปกับมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท และมีการเข้ามาสำรวจพื้นที่ จึงเห็นถึงความพร้อมของโรงเรียน ทางมูลนิธิฯ และซีพีเอฟจึงเริ่มต้นสนับสนุนงบประมาณสร้างโรงเรือน ติดตั้งอุปกรณ์การเลี้ยง ทั้งกรง ระบบน้ำ รางอาหาร มอบพันธุ์ไก่และอาหารไก่ตลอดระยะเวลาการเลี้ยง 60 สัปดาห์ พร้อมปัจจัยการผลิต องค์ความรู้ เทคนิคการเลี้ยงจากผู้เชี่ยวชาญของซีพีเอฟ ที่เข้ามาช่วยสอนน้องๆ เพื่อให้การเลี้ยงไก่เป็นเรื่องง่ายและสนุกสำหรับทุกคน

หลังจากเข้าเลี้ยงไก่ไข่ 150 ตัว และแม่ไก่เริ่มให้ไข่ เมื่อปี 2565 ทำให้เด็กนักเรียนทั้ง 240 คน มีไข่ไก่รับประทานอย่างเพียงพอ และด้วยที่นี่เป็นโรงเรียนขยายโอกาส เปิดสอนชั้นอนุบาล 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 3 และมีนักเรียนพักนอนในโรงเรียนเกือบ 80 คน ไข่ไก่ที่ได้จากโครงการฯ จึงเป็นวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารให้กับนักเรียนพักนอนด้วย โครงการฯนี้ เป็นสิ่งใหม่สำหรับน้องๆนักเรียน ทุกคนต่างสนใจเรียนรู้วิธีเลี้ยงไก่ไข่ การจัดการผลผลิต การจำหน่ายเข้าโครงการอาหารกลางวันนักเรียน และไข่ไก่ที่เหลือจะนำไปจำหน่ายให้ผู้ปกครองและชาวชุมชน เกิดเป็นรายได้เข้าโครงการฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความยั่งยืนของโครงการ

“วันนี้ที่โรงเรียนมีโครงการเกษตรทั้งปลูกพืชผักสวนครัว การเลี้ยงไก่ไข่และไก่พื้นเมือง เลี้ยงแพะเนื้อ รวมถึงปลูกกาแฟและต่อยอดทำร้านกาแฟ Bmst Coffee Shop โดยเฉพาะโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ที่กลายเป็นแหล่งเรียนรู้เสริมทักษะเกษตร ตอนนี้เลี้ยงไก่ไข่รุ่นที่ 2 โดยมีเงินกองทุน 3 หมื่นกว่าบาท ซึ่งเป็นรายได้จากการเลี้ยงรุ่นแรกมาเป็นมีทุนดำเนินการต่อในรุ่นนี้ และกำลังบูรณาการในแผนงานวิชาเกษตร” ผอ.สนอง กล่าว

น้องอาวิกา ตัวแทนนักเรียนที่รับผิดชอบดูแลโครงการฯ บอกว่า ในแต่ละวันเธอกับเพื่อนๆจะมาให้อาหารแม่ไก่ไข่ เก็บไข่ไก่ ทำให้ได้ทักษะชีวิตและทักษะอาชีพ หากโตขึ้นแล้วยังไม่ได้ทำงานที่ไหนก็สามารถเลี้ยงไก่ไข่ได้ ทุกวันนี้ที่บ้านก็เลี้ยงไก่ ซึ่งพ่อนำความรู้จากเธอที่ได้เรียนรู้มาไปใช้เลี้ยงไก่ เกิดเป็นอาชีพเป็นรายได้ให้กับครอบครัวด้วย

“วันนี้เราได้ทานไข่ไก่สดๆ ทุกคนได้เรียนรู้การเลี้ยงไก่ไข่เป็นพื้นฐานอาชีพ เรายังต่อยอดทำโครงการโรงตากมูลไก่ ใช้เป็นปุ๋ยในแปลงผักในโรงเรียน จำหน่ายให้ผู้ปกครองและเกษตรกรใกล้เคียง เป็นรายได้เสริมเพื่อดำเนินโครงการฯต่อไป ขอบคุณมูลนิธิฯและซีพีเอฟ ที่ให้โอกาสเราได้สร้างคลังอาหารในโรงเรียนและส่งต่ออาหารให้ชุมชน” น้องเอวิกา กล่าว

ตลอด 36 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ซีพีเอฟ และพันธมิตร ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารแก่โรงเรียนพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดาร ส่งต่อโอกาสเข้าถึงแหล่งโภชนาการอาหารแก่นักเรียนใน 988 โรงเรียนทั่วประเทศ ช่วยให้นักเรียนกว่า 223,000 คน และครู 16,500 คน ได้รับประโยชน์จากโครงการทั้งทางตรงและทางอ้อม จากการเรียนรู้การบริหารจัดการด้านอาชีพ การบริหารการเงิน รู้จักวิธีค้าขาย เกิดเป็นทักษะและสามารถนำองค์ความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันของตนเองและครอบครัว จนกระทั่งสามารถต่อยอดเป็นพื้นฐานอาชีพในอนาคต.

ซีพีเอฟร่วมคืนพื้นที่สีเขียว 14 ม.ค. “วันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ”

0

ป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติที่สร้างสมดุลระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่โลกเผชิญกับวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ไม่เพียงแต่รักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ แต่ยังรวมถึงการมีส่วนร่วมในการปกป้องระบบนิเวศที่ดี และสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งในวันที่ 14 มกราคมนี้ ตรงกับวันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้แห่งชาติ ย้ำเตือนถึงความสำคัญและประโยชน์ของป่าไม้

ผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจรระดับโลกอย่าง “บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ” ที่มีฐานผลิตใน 17 ประเทศทั่วโลก และส่งออกสินค้ามากกว่า 40 ประเทศ นำแนวคิด “Kitchen of the World with Sustainovation” ขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม สังคม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นบริษัทเทคโนโลยีการเกษตร (Agri Tech) ที่มีการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่การผลิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อช่วยดูดซับคาร์บอน สร้างและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ บรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ตลอด 40 ปีของการดำเนินธุรกิจ ซีพีเอฟตระหนักและให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยกิจการของซีพีเอฟทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เดินหน้ามีส่วนร่วมในการคืนพื้นที่สีเขียว รักษาสมดุลธรรมชาติ สร้างความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกด้าน เช่น การทำฟาร์มอย่างยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม การประกาศนโยบายต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่า การจัดหาวัตถุดิบทางการเกษตรที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ เพื่อไม่ให้มาจากแหล่งที่มีการทำลายป่า สนับสนุนการทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ทำงานร่วมกับชุมชนและให้ความรู้ชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า ซึ่งแนวทางเหล่านี้ นอกจากส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาวด้วย

การดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมในไทย มี “โครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง” ที่ต.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี” ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการต้นแบบของการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำที่สำคัญ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างซีพีเอฟ หน่วยงานภาครัฐโดยกรมป่าไม้ และชุมชน อนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำไปแล้ว 7,000 ไร่ หรือคิดเป็นจำนวนต้นไม้ที่ปลูกมากกว่า 1.3 ล้านต้น “โครงการซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน” เป็นการอนุรักษ์และฟื้นฟูผืนป่าชายเลน พื้นที่ 5 จังหวัดยุทธศาสตร์ (สมุทรสาคร ระยอง ชุมพร สงขลา และพังงา) รวม 2,400 ไร่ หรือคิดเป็นจำนวนต้นไม้ที่ปลูกมากกว่า 1.2 ล้านต้น โดยร่วมมือกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และชุมชนในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีโครงการรักษ์นิเวศ ปลูกต้นไม้ในสถานประกอบการของซีพีเอฟทั่วไทย ที่ดำเนินการต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันมีเป้าหมายเปลี่ยนพื้นที่ว่างในฟาร์มเป็นพื้นที่สีเขียว เสมือนป่าเลียนแบบธรรมชาติในฟาร์ม รวมไปถึงความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการอนุรักษ์และปลูกต้นไม้ในพื้นที่ต่างๆ

นอกจากนี้ ด้วยตระหนักว่าพลังของคนรุ่นใหม่ ที่จะสามารถเข้ามาสานต่อการดูแลสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา ซีพีเอฟกิจการในประเทศไทย จึงได้ดำเนินโครงการ “ปันรู้ ปลูกรักษ์” ส่งเสริมให้เยาวชนในสถานศึกษา มีความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่าไม้ อากาศ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ตื่นตัวและมีส่วนร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูธรรมชาติ ให้คงอยู่ ซึ่งจนถึงปัจจุบัน เข้าถึงเยาวชน 13,840 คน ใน 87 โรงเรียน 22 จังหวัด โดยที่ซีพีเอฟพร้อมขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

ด้วยความมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหาร ซีพีเอฟให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ผ่านการเพิ่มพื้นที่สีเขียว คืนสมดุลระบบนิเวศ ฟื้นฟูธรรมชาติ และสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ สนับสนุนความยั่งยืนของโลก เดินหน้าผลิตอาหารที่ดีต่อกาย ดีต่อใจ และใส่ใจต่อโลก .

กรมประมงปราบปลาหมอคางดำ มั่นใจคุมสถานการณ์ได้ พร้อมปรับมาตรการเฉพาะพื้นที่

0

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากการทุ่มเทดำเนินมาตรการควบคุมและจัดการปลาหมอคางดำอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ส่งผลให้สถานการณ์การระบาดในภาพรวมดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยผลการสำรวจล่าสุดในเดือนธันวาคม ปี 2567 ที่ผ่านมา ในกว่า 190 แม่น้ำและลำคลอง พบว่าพื้นที่การระบาดลดลงจาก 19 จังหวัด เหลือ 17 จังหวัด โดยจังหวัดปราจีนบุรีและพัทลุงที่พบปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำในปริมาณที่น้อยมากหรือแทบไม่พบเลย และขณะที่จังหวัดอื่นพบปลาลดลงอย่างต่อเนื่อง

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง

“กรมประมงยังคงเดินหน้าปฏิบัติการควบคุมและจัดการปลาหมอคางดำอย่างเข้มข้นผ่าน 7 มาตรการหลัก พร้อมบูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงานเพื่อให้การจัดการปัญหาครอบคลุมทุกมิติ สนับสนุนให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ทั้งในเชิงเศรษฐกิจของภาคการประมง และความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศแหล่งน้ำธรรมชาติ” อธิบดีกรมประมงกล่าว
สำหรับแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ พ.ศ. 2567 – 2570 ซึ่งกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ มีความคืบหน้าสำคัญในหลายด้าน อาทิ การวิจัยการเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม 4n ในปลาหมอคางดำ การขยายผลโครงการ “สิบหยิบหนึ่ง” ที่ประสบความสำเร็จจากจังหวัดสมุทรสงคราม การผลิตน้ำปลาจากปลาหมอคางดำ และการลงนาม MOU กับหน่วยงานภาครัฐเพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากปลาหมอคางดำในรูปแบบต่างๆ เช่น การผลิตน้ำหมักชีวภาพ และการทำน้ำปลา เป็นต้น

ทั้งนี้ กรมประมงยังเน้นดำเนินการเพื่อควบคุมและลดประชากรปลาหมอคางดำตาม 7 มาตรการหลัก ดังนี้

มาตรการที่ 1 การเร่งกำจัดปลาหมอคางดำจากแหล่งน้ำ โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยมุ่งเน้นการจัดการปลาหมอคางดำในบ่อเกษตรกรและบ่อร้าง พร้อมนำโครงการ “สิบหยิบหนึ่ง” จากจังหวัดสมุทรสงครามเป็นโมเดลขยายผลไปจังหวัดอื่นๆ รวมถึงการต่อยอดกองทุนกากชา เพื่อช่วยลดต้นทุนของเกษตรกรในการลดประชากรปลาในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำของตนเอง เป็นต้น

มาตรการที่ 2 การปล่อยพันธุ์ปลานักล่าอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเพื่อควบคุมและตัดวงจรปลาหมอคางดำ

มาตรการที่ 3 การส่งเสริมการใช้ประโยชน์ โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐเพิ่มเติม ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อขยายการนำปลาหมอคางดำมาใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น เช่น การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น น้ำหมักชีวภาพ น้ำปลา และการหมักจุลินทรีย์สำหรับใช้ในบ่อเลี้ยงกุ้ง

มาตรการที่ 4 การปรับปรุงกฎระเบียบและข้อบังคับให้เข้มงวดโดยมีมาตรการ “เจอ แจ้ง จับ จบ” เมื่อพบปลาหมอคางดำให้แจ้งกรมประมงทันที เพื่อเอื้ออำนวยให้มีการจัดการปัญหาทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ระเบียบการขนย้ายปลาหมอคางดำข้ามพื้นที่ระบาดตามประกาศ

มาตรการที่ 5 การรณรงค์สร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนถึงผลกระทบและการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา ซึ่งทุกประมงจังหวัดทุกพื้นที่ทั้งพื้นที่ที่มีการระบาด และพื้นที่กันชนหรือใกล้เคียงยังมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

มาตรการที่ 6 การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม โดยล่าสุดมีความคืบหน้าในการวิจัยการเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม 4n ทำให้ปลาเป็นหมัน ซึ่งขณะนี้กรมอกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาผลการทดลองเลี้ยงปลา 4n ในพื้นที่จำลองธรรมชาติ

มาตรการที่ 7 การฟื้นฟูระบบนิเวศ เป็นมาตรการที่กรมประมงให้ความสำคัญมาก โดยพื้นที่ใดที่มีประชากรปลาหมอคางดำลดน้อยลงมากจนเป็นพื้นที่สีเขียว กรมประมงจะดำเนินการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับระบบนิเวศโดยอาศัยฐานข้อมูลปลาประจำถิ่นในแต่ละจังหวัดที่กรมมีอยู่แล้ว

“ความทุ่มเทของทุกภาคส่วนในการควบคุมสถานการณ์ปลาหมอคางดำที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของมาตรการที่ดำเนินการ และกรมประมงยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและปรับปรุงแนวทางการจัดการให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาในแต่ละพื้นที่ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนในอนาคต” อธิบดีกรมประมงกล่าว

เปิดตัว บัตรเครดิตแบบใส ไร้เลขและรหัสบนบัตร จบปัญหาโดนขโมยข้อมูล

0

ผู้ให้บริการบัตรเครดิตอย่างเคทีซี เปิดตัว บัตรเครดิต KTC DIGITAL VISA SIGNATURE และ บัตรเครดิต KTC DIGITAL WORLD REWARDS MASTERCARDㅤซึ่งเป็นบัตรเครดิตแบบใส ไม่มีการเลขบัตรและรหัสหลังบัตรอีกต่อไป

โดยมีมาตรการความแบอดภัยแบบ Dynamic CVV รหัสหลังบัตรฯ ที่เปลี่ยนทุกครั้งที่ขอผ่านแอป KTC Mobile และใช้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง และบัตรเครดิตไร้หมายเลข หมดกังวลเรื่องการโดนโจรกรรมข้อมูล

ขณะที่ด้านสิทธิ์ประโยชน์ ผู้ใช้จะได้รับคะแนน KTC FOREVER 2 เท่า เมื่อใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ตามเงื่อนไขที่กำหนด (ยกเว้น 31 ประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรป และสาธารณรัฐประชาชนจีน) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 68 – 31 ธ.ค. 68

และสิทธิ์เข้า MIRACLE LOUNGE 2 ครั้ง/ปี เมื่อแสดงบัตรฯ หรือหน้าจอแสดงข้อมูลบัตรฯ ในแอป KTC Mobile พร้อมบัตรโดยสารระหว่างประเทศของสายการบินไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 68 – 31 ธ.ค. 68

รายละเอียดเพิ่มเติม

  • บัตรเครดิต KTC DIGITAL VISA SIGNATURE : https://ktc.cards/digital-visa-signature-fb
  • บัตรเครดิต KTC DIGITAL WORLD REWARDS MASTERCARD : https://ktc.cards/digital-worldrewards-mastercard-fb

    ✨ รายได้รวม 50,000 บาท/เดือน ก็สมัครได้แล้ว แถมมีโปรด้วยนะ เฉพาะสมัครบัตรหลักใหม่ ผ่านบริการสมัครออนไลน์ด้วยตนเอง และใช้จ่าย 3 รายการขึ้นไป ภายใน 30 วัน นับจากวันที่อนุมัติ

    💳 สมัครบัตรเครดิต KTC DIGITAL VISA SIGNATURE
    🍣 รับ e-Coupon บุฟเฟ่ต์ Kouen สำหรับ 1 ท่าน มูลค่า 705 บาท
    🗓 7 ม.ค. 68 – 31 มี.ค. 68
    รายละเอียดเพิ่มเติม https://ktc.promo/digital-visa-signature-fb

    💳 สมัครบัตรเครดิต KTC DIGITAL WORLD REWARDS MASTERCARD
    📱 รับโค้ดส่วนลด Lazada มูลค่า 500 บาท
    🗓 7 ม.ค. 68 – 31 มี.ค. 68
    รายละเอียดเพิ่มเติม https://ktc.promo/digital-worldrewards-mastercard-fb

    (ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี)

OPPO ประกาศถอดแอปฯสินเชื่อเจ้าปัญหาออก พร้อมให้ลูกค้าถอนแอปฯจากเครื่องได้

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลว่ามีโทรศัพท์ 2 ยี่ห้อดังมีการติดตั้งแอปฯสินเชื่อฝังลงในเครื่อง จนสร้างความไม่สบายใจให้กับผู้ใช้ เพราะไม่สามารถทำการถอนแอปฯออกจากเครื่องได้ ล่าสุด ออปโป้ ประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ มีเนื้อว่า ดังนี้

OPPO ขออภัยเป็นอย่างสูงในเหตุการณ์ล่าสุดที่เป็นประเด็นบนหน้าสื่อฯ ออนไลน์ โดย OPPO ตระหนักและให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับประสบการณ์การใช้งานและความปลอดภัยด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานเสมอมา สำหรับประเด็นเกี่ยวกับซอฟต์แวร์จากบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลการกู้ยืมเงินนั้น เรากำลังทำงานกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดและตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อจัดการกับปัญหานี้อย่างจริงจังและรวดเร็วที่สุด

ล่าสุด แอปฯ Fineasy ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคงไว้เฉพาะฟังก์ชันบริการ เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันเท่านั้น นอกจากนี้ เรากำลังเร่งดำเนินการเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถถอนการ ติดตั้งแอปฯ Fineasy ได้โดยเร็วที่สุด หากผู้ใช้งานต้องการถอนการติดตั้งแอปฯ ในทันที สามารถติดต่อศูนย์บริการลูกค้า OPPO อย่างเป็นทางการได้ทั่วประเทศ

นอกจากนี้ OPPO จะหยุดการติดตั้งแอปพลิเคชันประเภทสินเชื่อทั้งหมดที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า รวมถึงการหยุดแนะนำแอปพลิเคชันประเภทนี้ใน APP Market อีกด้วย

เพจผู้บริโภคเตือนภัย มือถือ 2 ยี่ห้อดัง ติดตั้งฝังแอปฯกู้เงินเถื่อนมากับเครื่อง

0

เพจสภาองค์กรของผู้บริโภค โพสข้อความเตือนภัยมีเนื้อหาว่า หลังมีรายงานจากผู้ใช้หลายรายว่า พบแอปพลิเคชันกู้เงินเถื่อน อาทิ แอปฯ ชื่อ ‘สินเชื่อความสุข’ หรือ ‘Fineasy’ ถูกติดตั้งมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ System App บนสมาร์ทโฟน
.
ที่น่ากังวล คือ แอปดังกล่าวไม่สามารถลบออกจากเครื่องได้!
.
และยังสามารถส่งการแจ้งเตือนเชิญชวนให้กู้เงิน รวมถึงเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ เช่น รายชื่อผู้ติดต่อและเบอร์โทรศัพท์
.
การที่แอปฯ ฝังตัวอยู่ในระบบของสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปไม่สามารถควบคุมหรือป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
นอกจากนี้ การแอบติดตั้งซอฟต์แวร์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้นับเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน และเสี่ยงต่อการนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การล่วงละเมิดทางการเงิน หรือการหลอกลวงโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขอเรียกร้องไปถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย ทั้ง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลบุคคล (สคส.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และ@กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และธนาคารแห่งประเทศไทย – Bank of Thailand เร่งตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคที่อาจนำไปสู่ปัญหาภัยทุจริตทางการเงินออนไลน์

นอกจากนี้ ทางเพจยังได้โพสแนะนำวิธีปิดการใช้งานแอปฯดังกล่าวดังนี้ ‘แอดลองหาข้อมูลมา แอป Fineasy ไม่สามารถถอนการติดตั้งออกจากตัวเครื่องได้ แต่เบื้องต้นปิดการใช้งานแอปก่อนนะคะ (https://droidsans.com/how-to-disable-ads-fineasy-app-on-realme-phone/)

  • 1.กดที่แอป Fineasy จากนั้นเลือกปิด “อนุญาตให้เปิดเมื่อสแกน NFC”
  • 2.เข้าไปที่ “การตั้งค่า”
    • เลือกเมนู “แอป”
      • เลือกเมนู “สิทธิ์เข้าถึงพิเศษของแอพ”
        • เลือกเมนู เรียกใช้งาน NFC

AIS ร่วมมือ ตำรวจไซเบอร์ ลุยกำราบโจรจีนเทา ยึดเครื่องส่ง SMS ปลอมเตือนประชาชนอย่ากดลิงก์เด็ดขาด

0

พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS  โดย นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ แถลงผลการปฏิบัติการของตำรวจไซเบอร์ บช.สอท. ตามนโยบายรัฐบาล ที่จะเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดยครั้งนี้ “มาตรการระเบิดสะพานโจร” คือ การบุกรวบจีนเทาพร้อมเครื่องส่ง SMS ปลอม (False Base Station) ได้คารถ หลังตระเวนขับรถส่ง SMS ที่ปลอม Sender ผู้ส่งเป็นชื่อ AIS โดยเป็นข้อความลวงให้แลกคะแนน AIS Points แนบลิงก์ดูดเงิน ในย่านรามอินทรา สุขุมวิท และฝั่งธนฯ

สืบเนื่องจาก จนท. ตำรวจไซเบอร์ ได้รับการประสานจาก AIS ว่าตรวจพบกลุ่มคนจีนใช้รถยนต์ขับตระเวนบริเวณชุมชน ห้างสรรพสินค้า ที่มีประชาชนหนาแน่น แล้วใช้อุปกรณ์ส่งสัญญาณความถี่ผิดกฎหมาย ส่งสัญญาณเข้าอุปกรณ์มือถือที่อยู่ในรัศมีโดยปลอมเป็นเครือข่าย AIS ทำการส่ง SMS ปลอมจาก Sender ชื่อ AIS ทำให้ประชาชนสับสนและหลงเชื่อ

ตำรวจไซเบอร์จึงร่วมมือกับทีมวิศวกร AIS สืบสวนติดตาม จนพบกลุ่มคนจีนใช้รถยนต์ฮอนด้า CRV สีบรอนด์ ที่ต้องสงสัย จึงได้สะกดรอยตาม พบรถคันดังกล่าวมาจอดที่ลานจอดรถของอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในซอยนวลจันทร์ 60 จากการสังเกตพบคนต่างด้าวลักษณะเหมือนคนจีนลงจากรถ เข้าไปพักในที่พักดังกล่าว จึงเฝ้าจุดดูความเคลื่อนไหว จนกระทั่งเช้าของวันที่ 9 มกราคม 2568 หนึ่งในคนต่างด้าวได้มาที่รถคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ทีมวิศวกร AIS และ เจ้าหน้าที่ กสทช. จึงได้เข้าแสดงตัวตรวจสอบ พบว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้งหลังรถคันดังกล่าวเป็นเครื่อง False Base Station ที่ถูกติดตั้งไว้พร้อมใช้งาน ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวนี้เป็นเครื่องวิทยุโทรคมนาคมแบบพกพาเถื่อน ผิดกฎหมาย โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็มและซิมโทรศัพท์มือถือกว่า 30 รายการ จึงได้ทำการจับกุมตัว MR.LI อายุ 49 ปี และ MR. ZHU อายุ 47 ปี สัญชาติจีน และแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี

การปฏิบัติการจับกุมครั้งนี้ถือเป็นการตัดวงจรสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เถื่อน ปิดโอกาสคนร้ายในการติดต่อประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อ โดยทางกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยังคงร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเข้มข้นต่อไป

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “ในฐานะผู้ให้บริการระบบสื่อสาร เราให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าให้ใช้บริการได้อย่างปลอดภัย จึงเดินหน้าทำงานเชิงรุกอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ โดยการให้ความร่วมมือกับตำรวจ และหน่วยงานภาครัฐ ในการติดตามมิจฉาชีพ ตรวจสอบเส้นทาง ปิดกั้นการใช้เครือข่ายเป็นช่องทางหลอกลวงประชาชน อย่างเรื่องการส่ง SMS ปลอม ผ่านอุปกรณ์เครื่องจำลองสถานี (False Base Station) เสมือนการปลอมเป็นเครือข่ายเอไอเอส ทำการส่ง SMS ปลอมจาก Sender ชื่อ AIS ทำให้ประชาชนสับสนและหลงเชื่อ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าว เป็นเครื่องวิทยุโทรคมนาคมแบบพกพาเถื่อน ผิดกฎหมาย เพราะหลังจากการตรวจสอบแล้ว ไม่พบข้อมูลการได้รับอนุญาตจาก กสทช. แต่อย่างใด

ซึ่งเอไอเอสร่วมมือกับตำรวจตามจับมิจฉาชีพมาหลายเคสแล้ว ครั้งนี้ก็เช่นกัน เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนภารกิจของฝ่ายความมั่นคง จนสามารถคำนวณเส้นทางการเคลื่อนตัวของมิจฉาชีพอย่างละเอียด ทำให้เข้าถึงแหล่งกบดานของกลุ่มนี้ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภารกิจการทลายแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มนี้สำเร็จลงได้

นายวรุณเทพ ย้ำว่า “AIS ขอแจ้งไปยังประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อและให้ข้อมูลส่วนบุคคลผ่านการกดลิงก์ แอดไลน์ หรือตอบกลับ SMS รวมถึงงดให้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เลขบัตรประชาชน เลขบัตรเครดิต วันเดือนปีเกิด รวมทั้งรหัส OTP ในการทำธุรกรรมใดๆ แก่แหล่งที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ หากเป็นลูกค้า AIS เมื่อรับสายที่เข้าข่ายมิจฉาชีพ เมื่อวางสาย สามารถกด *1185# โทรออก ภายใน 5 นาที ระบบจะส่งเบอร์ล่าสุดที่รับสายไปเพื่อตรวจสอบและบล็อกทันที หรือ หากได้รับ SMS ผิดปกติ ก็สามารถโทร.แจ้งผ่านสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center ได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง โดย AIS จะตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป”